อ่านละคร วันนี้ที่รอคอย ตอนที่ 7 วันที่ 27 มิ.ย. 56

อ่านละคร วันนี้ที่รอคอย ตอนที่ 7 วันที่ 27 มิ.ย. 56

“เห็นไหม ว่าเราต้องรับศึกหลายทางเหลือเกิน” จ้าวซันหัวเราะสมเพชตัวเอง ภูสินทรกับเต๋อเป่า มองหน้ากันอย่างเป็นห่วงเจ้านาย แต่หลินจื้อเหม่ยกับบราลี ที่แอบดูจากในครัวเห็นจ้าวซันหัวเราะก็ส่ายหน้ากันแบบ ไม่รู้เขาขำอะไร

ฟังจ้าวไทไทวันนั้นแล้ว ผิงอันหวาดหวั่นมาก คืนนี้ก็คอยเหม่ยอิงจนดึก พอเหม่ยอิงกลับมาถามว่าทำไมยังไม่นอน ผิงอันบอกว่าเป็นห่วง ขอร้องพี่สาวอย่าไปไหนคนเดียวและกลับดึกอย่างนี้เพราะตระกูลเรากำลังมีเคราะห์


เหม่ยอิงถามว่าไปฟังใครมา ผิงอันไม่กล้าบอก เหม่ยอิงทำเป็นลูบหัวน้องอย่างเอ็นดู บอกว่าน้องไม่รู้หรอกว่าตนรักแค่ไหน ทุกวันนี้ตนทำเพื่อแม่และน้องให้ได้ลิ้มรสของอำนาจ ไม่ต้องตกเป็นขี้ข้าใครให้เขาจิกหัวใช้อีก ไม่เพียงเท่านั้น เหม่ยอิงยังพูดอย่างอาฆาตว่า

“อีนังแม่ใหญ่น่ะตัวดีเลย มันนั่นแหละต้องโดนดีเป็นคนแรก ถ้าพี่ทำสำเร็จ แม่สี่ของเราจะยิ่งใหญ่ที่สุดในบ้านสี่ฤดู แล้วผิงอันอยากจะได้ไปเรียนประเทศไหนอยากกลับมาแล้วทำอะไรหรือแม้แต่เธอไม่อยากกลับฮ่องกง ไม่อยากทำงานทำการแต่อยากเที่ยวสนุกไปเรื่อยๆรอบโลก เธอก็จะได้ตามต้องการนะน้องนะ” เหม่ยอิงลูบหัวน้อง อย่างเอ็นดู

แต่ผิงอันฟังแล้วถึงกับซีด ยิ่งสังหรณ์ใจกับสิ่งที่จ้าวไทไทพูด

ooooooo

มิถิลาตายใจนึกว่าศิขรนโรดมไม่รู้ว่าตนเป็นใคร แต่หารู้ไม่ว่า ศิขรนโรดมรู้ตั้งแต่วันแรกที่เธอมา ตามเสด็จแล้ว แต่ทำเฉยไว้

เพราะว่าคืนนี้ต้องไปออกงานพบชาวต่างชาติ ศิขรนโรดมจึงไปตัดผม เสร็จแล้ว เดินผ่านหุ่นที่โชว์ชุด ราตรีอยู่ ถามมิถิลาแซวๆว่าเอาชุดนี้ไหมจะซื้อให้

“ฝ่าบาท...กระหม่อมไม่ขำเลยนะ” มิถิลาทั้งโกรธทั้งตกใจ ศิขรนโรดมหัวเราะขำๆถามว่า

“แล้วถ้าเราได้กลับถึงคีรีรัฐอย่างปลอดภัย เจ้าจะทำยังไงมิน องครักษ์มินจะหายตัวไปจากข้า ตราบนิจนิรันดร์หรือ”

จนเมื่อกลับถึงห้องพัก มิถิลาถามอย่างเอาเรื่องว่า ที่รับสั่งเมื่อครู่หมายความว่าอะไร ศิขรนโรดมเดินไปนั่งที่เตียงกอดอกมองมิถิลานิ่ง เอ่ยเรียบๆ แต่ทำเอามิถิลาแทบลมจับว่า

“มิน..องครักษ์มิน คืนสุดท้ายแล้ว เราอย่าเสแสร้ง ต่อกันอีกเลยแม่คุณ... ใครส่งเจ้ามาล่ะมิถิลา จะว่าเป็นบิดา เจ้าก็ไม่น่าจะใช่ แล้วที่เจ้าแสดงออกต่อข้า มันคือความจริงใจ หรือจะหลอกให้ข้าตายใจ เพื่อจะได้ตายสนิท...ในที่สุด”

มิถิลาเข่าอ่อนทรุดลงกับพื้นด้วยความหวั่นใจ จนในที่สุดสารภาพว่า พระมารดาของศิขรนโรดมทรงส่งตนมาเอง

“เป็นเจ้าแม่...ที่ส่งเจ้ามา...มิน่าเล่า...” ศิขรนโรดมพึมพำอึ้ง

“ควรมิควรแล้วแต่จะโปรด หม่อมฉันขอพระราชทาน อภัยโทษที่ล่วงเกินฝ่าบาท ที่หม่อมฉันต้องทำทั้งหมดนี้เพราะพระเทวีไม่สบายพระทัย ฝ่าบาทต้องเสด็จตามลำพังโดยไม่มีพี่อสุนี ทรงฝากให้หม่อมฉันทำหน้าที่แทน”

“เจ้าแม่ทรงคาดการณ์ล่วงหน้าได้แม่นยำอย่างน่าอัศจรรย์”

“ทำให้หม่อมฉันต้องพยายามทำให้ดีที่สุด สมกับที่ได้รับความไว้วางพระราชหฤทัย...” มิถิลาจับมือศิขรนโรดมเอ่ยสัญญา “หม่อมฉันจะถวายอารักขาแด่พระองค์ จนถึงวันที่พระบาททรงก้าวลงบนแผ่นดินคีรีรัฐอีกครั้งอย่างปลอดภัย หากต้องทรงตกอยู่ในอันตราย หม่อมฉันจะอยู่ด้วย หากมีผู้ใดทำร้ายฝ่าบาทได้ ก็แปลว่าหม่อมฉันได้ตายไปแล้ว”

ศิขรนโรดมถามว่าถ้าคนนั้นคือราชิด? มิถิลาตอบอย่างห้าวหาญว่า

“ก็ให้พ่อมาฆ่าลูกเลย พี่อสุนีก็เช่นกัน เขาก็จะยอม ให้ท่านพ่อฆ่าตายเสียดีกว่าจะให้ฝ่าบาทเป็นอะไร”

“ท่านราชิดมีแผนอะไรอีกก็ไม่รู้ เขาอาจจะหาทางลงมือคืนนี้ก็ได้”

“หม่อมฉันจะไม่ยอม” มิถิลาเดินไปที่ประตู

ศิขรนโรดมถามว่าจะไปไหน “หม่อมฉันจะไปเจรจากับท่านพ่อ จะไปเปิดเผยว่าหม่อมฉันคือใคร”

“อย่า...” ศิขรนโรดมห้าม แต่มิถิลาออกไปแล้ว

ooooooo

วันนี้บราลีออกไปซื้อน้ำเต้าหู้แต่เช้าเพื่อเป็นอาหารเช้าให้จ้าวซัน กลับมาเขาหายไปจากโซฟาที่นอนแล้ว บราลีเดินหาเจอเขายืนโกนหนวดอยู่หน้าห้องน้ำ

บราลีถามอย่างเป็นห่วงว่ารีบตื่นทำไมมีงานที่ต้องทำอีกหรือ พลางยื่นถุงน้ำเต้าหู้ให้ดูบอกว่าอาหารเช้าของเขา

บราลีจัดอาหารเช้าให้จ้าวซัน เขามองเธอเศร้าๆ อย่างซาบซึ้งน้ำใจ

สายๆอาหลี่มาหาพร้อมชุดที่แขวนในถุงพลาสติกมิดชิด และกล่องเครื่องประดับใบใหญ่ บอกว่าคุณเมือง–เทพฝากมาให้มิสภีมะมนตรีสำหรับใช้แต่งไปงานเลี้ยงต้อนรับเจ้าชายจากคีรีรัฐ

จ้าวซันเห็นบราลีงงๆ จึงชี้แจงว่าเมืองเทพเป็น

สตาฟของตนที่มาจากเมืองไทย ของพวกนี้เป็นของที่มีคนเตรียมให้เธอ พอบราลีเอาออกมาดูเห็นเป็นชุดไทยผ้าไหมจากร้านพ่อ เธอตื่นเต้นดีใจมาก จ้าวซันเห็นเธออารมณ์ดีได้จังหวะจึงเสนอว่า เรื่องขโมยขึ้นบ้านเมื่อคืน อยากให้เธอไปอยู่ที่บ้านสี่ฤดูชั่วคราว รวบรัดว่าเก็บของเลยดีไหม

บราลีลังเลเกรงเหม่ยอิงจะมีปัญหา

“ไม่ต้องสนใจเหม่ยอิง คุณไปอยู่ที่ตึกผม แค่ชั่วคราวเท่านั้น แล้วพอทุกอย่างเรียบร้อย ผมจะจัดที่ อยู่ที่เหมาะสมให้คุณ”บราลีถามว่าทุกอย่างเรียบร้อยหมายความว่าอะไร“คือ..ผมกำลังจะต้องทำบางอย่าง ที่มัน...ออกจะวุ่นวายซับซ้อนสักหน่อย แล้วก็...ยังไม่รู้ว่าจะสำเร็จแค่ไหน ถ้าทุกอย่างลงเอยด้วยดี คุณจะรู้เอง”

บราลียังจะซักถามอีก จ้าวซันขอร้องอย่าเพิ่งถามอะไรตอนนี้เลย ขอให้พ้นคืนนี้ไปก่อนแล้วเราค่อยคุยกัน บราลีสงสัยอีกว่า “ทำไมถึงต้องพ้นคืนนี้ไปก่อน ทำไมถึงบอกเดี๋ยวนี้ไม่ได้?”

จ้าวซันถอนใจที่ถูกบราลีรุกหนัก แต่เขาก็ไม่อาจบอกอะไรได้ ตัดบทว่าเธอจะไม่ถามอะไรสักครั้งไม่ได้หรือ ส่วนที่เธอถามว่าติดต่อพ่อได้ไหม จ้าวซันบอกว่าคืนนี้ไปงานก็จะได้เจอกัน ให้เธอเก็บข้าวของเสีย บราลีเกี่ยงว่ารอพบพ่อคืนนี้ก่อนค่อยว่ากันไม่ดีหรือ

พอดีมีโทรศัพท์เข้ามือถือ จ้าวซันบอกว่าตนต้อง ออกไปธุระแล้ว เดี๋ยวจะกลับมารับ หวังว่าเธอคงพร้อม

ooooooo

มิถิลาไปที่ห้องชุดของราชิด มาถึงหน้าห้อง ที่ประตูแง้มๆอยู่ เธอได้ยินเสียงข้างในคุยกันจึงหยุดฟัง

เป็นเสียงโกศินคุยกับราชิด ราชิดกำลังตำหนิอย่างหงุดหงิดว่า บอกแล้วว่าอย่าให้มีปัญหา เสียงโกศินชี้แจงว่า เราโอนเงินเข้าไปให้ฉินเจียง ถูกตำรวจฮ่องกงตามรอยอยู่ แล้วตัดบทว่า

“ช่างเถอะ ท่านราชิด ยังไงเดี๋ยวพรุ่งนี้เราก็จะบินกันแต่เช้า ถ้าตำรวจฮ่องกงมันเก่งจริง อย่างมาก ไอ้พวกขายอาวุธมันก็โดนจับ แต่มันสาวไม่ถึงเราหรอก ถึงตอนนั้น การยึดอำนาจของเราที่คีรีรัฐก็สำเร็จเรียบร้อยไปแล้ว”

“ยังไงก็ขอให้เครื่องบินพระที่นั่งขนอาวุธไปถึงคีรีรัฐตามเวลานัดไว้กับท่านจัตุรัสก่อนก็แล้วกัน”ราชิดตัดบท

“แล้วคืนนี้...ตกลงท่านจะทำยังไงกับ...องค์ชาย” โกศินถามมิถิลาช็อก ถอยกลับไปอย่างร้อนรน

ooooooo

จ้าวซันไปพบผู้กองเหลียงและอเล็กซ์ที่ห้อง ประชุม สถานีตำรวจ เพราะตำรวจจับตัวคนฆ่าเจิ้นจงได้แล้ว แต่ผู้กองกับอเล็กซ์ต่างพยายามหาเหตุผลว่าจ้าวซันปล้นคอนเทนเนอร์ของตัวเองเพื่อเอาเงินประกัน

จ้าวซันเห็นว่าเป็นเรื่องน่าขำ ถามว่าเงินที่ปล้นของไปจะสักกี่ดอลลาร์ ตนไม่ได้เสียสติถึงกับทำแบบนั้น ทั้งสองยังพยายามโยงใยไปถึงเรื่องอุบัติเหตุที่เกิดกับเขา ถามว่า เขามีปัญหากับฉินเจียงน้องบุญธรรมตัวเองหรือเปล่า

“เปล่า...นี่...คุณเรียกผมมาเพราะเรื่องแค่นี้เองเหรอ ผมไม่ได้ว่างๆนะ ทีหลังติดต่อทนายผมก็แล้วกัน” จ้าวซันหยิบนามบัตรส่งให้แล้วลุกออกไปเลย

อเล็กซ์บอกว่าจ้าวซันปกป้องฉินเจียง แล้วไหนผู้กองว่าเขากำลังใส่ร้ายฉินเจียงเรื่องลักลอบค้าอาวุธกับคีรีรัฐไง? ผู้กองบ่นตัวเองว่าทำไมสิ่งที่ตนคิดเกี่ยวกับจ้าวซันถึงได้ผิดไปหมด อเล็กซ์ถามว่าเขาได้ข้อมูลจากไหน ผู้กองบอกว่าจากน้องสาวของจ้าวซันเอง

ขณะนั้นเอง มีโทรศัพท์เข้าแต่ไม่มีใครไปรับสาย ผู้กองเหลียงผลักให้หมวดจางไปรับ พอฟังปลายสาย หมวดจางยกมือให้ทุกคนเงียบแล้วเปิดสปีกเกอร์โฟนให้ทุกคนได้ฟัง

“คุณควรรีบตรวจสอบที่มาที่ไปของเงินในบัญชีนั่นซะ ด้วยความหวังดี”

พอหมวดจางจะถาม ปลายสายก็วางไปแล้ว อเล็กซ์ ถามว่าใครโทร.มา? มันว่ายังไง?

“มีเงินจำนวนมากโอนเข้าบัญชีของจ้าวฉินเจียง โดยไม่มีใบนำฝาก” หมวดจางเล่า อเล็กซ์สั่งผู้กองเหลียงว่า

“กองปราบ เป็นหน้าที่ของพวกคุณที่ต้อง...จัดการ!!”

ooooooo

ซูหลิงรับไม่ได้ที่ฉินเจียงค้าอาวุธข้ามชาติไปฆ่าคน เมื่อขอให้เลิกไม่ได้เธอจึงเก็บเสื้อผ้าแยกทางกันเดิน กอปรกับเกาเฟยโทร.มาบอกว่าเงินที่ทางคีรีรัฐโอนมาให้เขากำลังถูกตรวจสอบ ทำให้ฉินเจียงยิ่งสติแตก

จ้าวซันกำลังกลับไปที่บ้านหลินจื้อเหม่ยเพื่อรับบราลีไปอยู่บ้านสี่ฤดู ไม่ทันถึงก็ได้รับโทรศัพท์จากอากง

บอกว่าฉินเจียงเป็นบ้าไปแล้ว จ้าวซันจึงรีบกลับไปที่บ้านสี่ฤดู เจอฉินเจียงกำลังอาละวาดขว้างปาข้าวของอย่างบ้าคลั่ง

“แกทำอะไร ปล้นสื้อฉวนแล้วยังไม่พอใจอีกเหรอ” จ้าวซันตวาดถาม ฉินเจียงปฏิเสธว่าตนไม่ได้ทำ โต้เถียงกันจนต่างมีอารมณ์ ฉินเจียงโดดชกจ้าวซัน เลยแลกหมัดกัน จนอากงทนไม่ได้เข้าช่วยหยุดฉินเจียง บอกให้เขากลับไปก่อนดีกว่าเพราะจ้าวซันไม่ค่อยสบายและมีธุระต้องไปทำ

ฉินเจียงกลับไปที่บ่อนกาสิโนเพื่อพบสุริยะที่นัดจะเอาเงินมาใช้หนี้พนัน 7 ล้านเหรียญที่สุริยะบอกว่าจะให้จ้าวซันช่วยจ่ายให้แต่วันนี้กลับมามือเปล่า ฉินเจียงข่มขู่คาดคั้นให้บอกมาว่ารู้จักและสนิทกับจ้าวซันได้อย่างไร คิดจะขายลูกสาวให้จ้าวซันหรืออย่างไร ทำไมจ้าวซันถึงได้รักใคร่เทิดทูนบราลีถึงขนาดนั้น มีอะไรอยู่เบื้องหลังกันหรือเปล่า เสนอว่า

“ถ้าคุณยอมบอกความจริงทั้งหมดให้เรารู้ ผมสัญญาว่าจะยกหนี้ทั้งหมดให้คุณเป็นการตอบแทน”

แต่ไม่ว่าจะถูกข่มขู่และมีข้อแลกเปลี่ยนอย่างไร ฉินเจียงก็ไม่ได้อะไรจากสุริยะ ทำให้ยิ่งแค้น

ooooooo

หลินจื้อเหม่ยกระวีกระวาดช่วยบราลีเก็บข้าวของ เห็นชุดที่ภูสินทรเอามาให้ บราลีถึงกับตะลึงอุทานว่า

สวยมาก...ยิ่งเมื่อเห็นเครื่องประดับทั้งปิ่นทองดอกไม้ไหว มีเพชรซีกประดับเป็นเกสรมีสายเพชรห้อยเป็นสายที่ปลายปิ่นก็ยิ่งตื่นเต้น

หลินจื้อเหม่ยถามว่านี่ของจริงหรือ บราลีบอกว่าของจริงทั้งหมด แต่บอกเพื่อนรักว่า

“ฉันใส่ไม่ได้หรอก ทั้งเสื้อผ้าและเครื่องประดับพวกนี้ นี่มันของระดับเจ้านายชั้นสูงทำไมคุณชายจ้าวซันถึงจะเอามาให้ฉันใส่”

เห็นของพวกนี้แล้ว บราลีคลับคล้ายคลับคลาว่าเคยเห็นที่ไหนมาก่อน เธอเอาไปถามหลวงพ่อที่โบสถ์ บอกหลวงพ่อว่าปิ่นนี้ตนเคยเห็นแต่นึกไม่ออก หลวงพ่อไม่ตอบแต่บอกว่า

“ลูกได้ของพวกนี้มาได้ยังไง ก็ลองไปถามคนที่เขาเอาให้ดูสิ”

“หนูถามเขาหลายรอบแล้วค่ะ แต่เขาบอกว่าให้พ้นงานคืนนี้ไปก่อน งานเลี้ยงรับเสด็จเจ้าชายแห่งคีรีรัฐ”

“อืมม...ไหนๆลูกรอมาได้ตั้งนานแล้ว รออีกสักหน่อยจะเป็นไร” หลวงพ่อถอนใจอย่างเวทนา

ส่วนที่บ้านหลินจื้อเหม่ย เต๋อเป่ากับอาหลี่มารอรับบราลีที่หน้าบ้าน แต่บ้านปิดเงียบ อาหลี่จึงโทร.รายงานจ้าวซัน เขาถามอย่างอ่อนใจว่า “อีกแล้วเหรอ...” เต๋อเป่าจึงให้อาหลี่กลับไปหาจ้าวซันก่อน ทางนี้ตนจัดการเองเพราะไม่รู้ว่าในบ้านหลับกันหรือไม่มีใครอยู่ แต่ที่แท้หลินจื้อเหม่ยแอบดูอยู่ไม่กล้าออกไปรับหน้า เพราะบราลีหายไปยังไม่กลับมาเลย

พออาหลี่ออกไป ไอ้สือที่ใส่แว่นดำใส่หมวกแก๊ปก็เดินเข้ามา เต๋อเป่าพยายามหลบเห็นถังขยะเลยไปค้นเจอร่มเก่าคันหนึ่งหยิบออกมา พอดีไอ้สือเห็นเหรียญตกอยู่ก้มลงเก็บ เต๋อเป่าเลยกางร่มบังหน้าตัวเองได้ทัน

ครู่หนึ่งโทรศัพท์ไอ้สือดังขึ้น พอรับสายแล้วสีหน้าไม่ดีตอบ “ครับๆๆโอเคๆ” แล้วเดินออกไปอย่างเร็ว

หลินจื้อเหม่ยแอบดูอยู่ข้างบน เห็นเหตุการณ์ทั้งหมด บ่นกับตัวเองว่าสงสัยต้องย้ายบ้านเสียแล้วเรา...

ooooooo

จ้าวซันรออาหลี่อยู่ โทรศัพท์บอกว่าให้เวลาอีกห้านาทีเท่านั้น พอดีเหม่ยอิงมาได้ยินถามว่าจะไปไหนอีกหรือ อวดพี่ชายว่าเสื้อผ้าที่จะส่งลูกค้าเสร็จเรียบร้อยแล้ว ส่วนเรื่องงานเลี้ยงก็ให้เทเรซ่าเป็นคนประสานงานแทนแล้ว

“แต่พวกที่มาจากคีรีรัฐเขาขอจัดการทุกอย่างเอง เราแทบเข้าไปยุ่งไม่ได้เลย แต่ก็ดีจะได้ไม่ต้องเป็นห่วง”

“นั่นแหละที่น่าเป็นห่วง” จ้าวซันหน้าขรึมลง

เหม่ยอิงแบมือทำหน้าอ้อนขอรางวัลที่จัดงานได้เรียบร้อยรวดเร็ว จ้าวซันบอกว่าน้องอยากได้อะไรตนให้ได้หมด เหม่ยอิงจึงขอยืมเครื่องเพชรที่จะใส่ไปงานคืนนี้ จ้าวซันให้ไปเอารหัสเซฟที่อากง แต่ห้ามแตะต้องเครื่องเพชรชุดใหญ่ของจ้าวไทไทเด็ดขาด

“อากง...อากง...ขอรหัสปัจจุบันตู้เซฟใหญ่เดี๋ยวนี้ เร็วๆหน่อย” เหม่ยอิงดีใจมากรีบขึ้นชั้นบนพลางร้องขอรหัสเซฟจากอากง

แต่พอเข้าไปในห้องประจำตระกูล เหม่ยอิงบ่นอย่างชิงชังว่า

“เกลียดห้องนี้จริงๆเลย ทำไมถึงต้องเอาตู้เซฟมาอยู่ในนี้ก็ไม่รู้” แล้วเดินไปเลื่อนรูปเต้ออกเผยให้เห็นตู้เซฟอยู่หลังรูป เธอรีบกดรหัสเปิดตู้เซฟดึงถาดใส่เครื่องประดับทั้งหมดออกมา หยิบออกมาทาบกับตัวทีละชุด...ทีละชุด ก็ไม่ถูกใจสักชุด สุดท้ายดึงกล่องใหญ่ออกมาเป็นเครื่องเพชรชุดใหญ่น้ำงาม เอาทาบกับตัว ถูกใจมาก พลันก็สะดุ้งเหมือนมีใครมายืนอยู่ข้างหลัง แต่พอหันไปก็ไม่เห็นใคร

ooooooo

เหม่ยอิงใส่เครื่องเพชรชุดใหญ่ของจ้าวไทไท เดินมาชนผิงอันที่กำลังถือถ้วยน้ำโสมร้อนๆ จนน้ำโสมกระฉอกลวกมือ แต่กลับเอ็ดน้องว่าเดินไม่ระวัง พอผิงอันโต้ว่าพี่เหม่ยอิงต่างหากที่เดินไม่ระวัง ก็ถูกเหม่ยอิงตวาดว่า เดี๋ยวนี้กล้าเถียงตนแล้วหรือ

แม่สี่เดินมาถามว่าทะเลาะอะไรกัน ถามเหม่ยอิงว่ากินอะไรมาหรือยัง พลันก็ตะลึงพรึงเพริดเมื่อเห็นเหม่ยอิงใส่เครื่องเพชรชุดใหญ่ของจ้าวไทไท บอกว่าทำแบบนี้ไม่ได้ วางของในมือ บอกให้รีบถอดออกมาเลย เหม่ยอิงเอี้ยวตัวหลบไม่ให้แม่มายุ่ง แต่พออาม่ามาเห็นก็ตกใจแทบช็อก บอกเหม่ยอิงว่านี่เป็นเครื่องเพชรของจ้าวไทไท

“รู้แล้ววว...ว่าเป็นของจ้าวไทไท อาม่าจะต้องมาย้ำทำไม แต่อีกไม่นานของแม่ใหญ่ ก็ต้องตกมาเป็นของหนูอยู่ดี หรือว่าไม่จริง” เหม่ยอิงเถียงฉอดๆแม่สี่พูดหน้าเสียว่า

“ไม่ใช่อย่างนั้นนะเหม่ยอิง สร้อยเพชรเส้นนี้เขาว่ากันว่าถ้าคนใส่มีบารมีไม่ถึงจะต้องมีอันเป็นไป”

“แม่สี่ไม่ต้องมาหลอกหนู เขาว่ากันว่า เขาว่าอะไร คะ แล้วจะหาใครในบ้านนี้มีบารมีมากกว่าหนู นังผิงอันหรือฮ่าๆๆ” เหม่ยอิงหัวเราะร่าอย่างลำพองใจ

ooooooo

อ่านละคร วันนี้ที่รอคอย ตอนที่ 7 วันที่ 27 มิ.ย. 56

โดย บทประพันธ์โดย วราภา จากบทละครโทรทัศน์ทางช่อง 7 โดย ปราณศักดิ์สวัสดิ์
กำกับการแสดงโดย : สยาม น่วมเศรษฐี
ควบคุมการผลิตโดย : บริษัท พอดีคำ จำกัด
โดยผู้จัด : ธงชัย ประสงค์สันติ/มณีรัตน์ ประสงค์สันติ
ออกอากาศเริ่มตอนแรก วันพฤหัสบดีที่ 13 มิ.ย. 2556
ที่มา ไทยรัฐ