อ่านละคร นักสู้มหากาฬ ตอนที่ 6 วันที่ 27 มิ.ย. 56

อ่านละคร นักสู้มหากาฬ ตอนที่ 6 วันที่ 27 มิ.ย. 56

วันรุ่งขึ้น หมวดณัฐชามอบหมายให้จ่าไมตรีกับหมู่ปรีดาคอยตามสืบพฤติกรรมของโทมัส แต่ทั้งคู่ก็ถูกชาญคนขับรถของโทมัสหลอกล่อจนไม่สามารถติดตามได้

โทมัสหรือฤทธิ์มีภารกิจที่เพิ่งรับคำสั่งจากมาดามหลิวให้ไปสืบความเคลื่อนไหวของนำชัย เมื่อชาญช่วยสลัดจ่ากับหมู่พ้นทางให้แล้วเขาจึงเดินหน้าไปยังบ้านหลังใหญ่ของนำชัยเพียงคนเดียว

ขณะเดียวกัน หมวดณัฐชาก็ขับรถมาส่งราเมศที่หน้าบ้านนำชัยพร้อมกับเจ้ากี้เจ้าการยัดเยียดช่อดอกไม้ใส่มือเขา


“มันจะดีเหรอหมวด เวลาแบบนี้คุณจะให้ผมจีบคุณไอริณเนี่ยนะ”

“เขาเรียกว่าพบรักกันในยามยากไงคะผู้กอง ใช้โอกาสที่ทำคดีนี่แหละเผด็จศึกหัวใจซะเลย”

“ถามจริงๆเหอะ ทำไมคุณถึงรีบร้อนจะให้ผมจีบไอริณขึ้นมา”

“แหม...ก็ผู้กองกับไอริณเหมาะสมกันดีนี่คะ ให้ ไอริณเป็นแฟนกับผู้กองยังดีกว่าไปยุ่งกับคนไม่ดีอย่างเช่น...” ณัฐชาชะงักเมื่อเหลือบไปเห็นรถของโทมัสแล่นเข้ามา

ชายหนุ่มมาพร้อมช่อดอกไม้ที่เหมือนกันเป๊ะกับในมือผู้กองราเมศ ทำเอาต่างฝ่ายต่างอึ้งไปชั่วขณะ...แล้ว โทมัสก็เป็นฝ่ายทักทายทั้งคู่ก่อน

สวัสดีครับผู้กองราเมศ ผู้หมวดณัฐชา มาเยี่ยมคุณไอริณเหมือนกันเหรอครับ”

“ใช่ครับ บังเอิญจริงๆ”

“ค่ะ คนโบราณเขาถึงว่าไงคะผู้กอง เกลียดอะไรก็เจอแบบนั้น”

“ณัฐชา...” ราเมศปรามลูกน้อง แต่เธอหาได้สงบเสงี่ยม กลับลอยหน้าท้าทายฤทธิ์อีกว่าคนอย่างเธอตีสองหน้าไม่เป็น

ฤทธิ์สะกดใจไม่ต่อล้อต่อเถียง เดินนำเข้าไปในบ้านหลังใหญ่ของท่านนำชัย โดยไม่รู้ว่าไอริณยืนมองจากชั้นบนด้วยสีหน้าเคร่งเครียด ว้าวุ่นใจกับความลับของพ่อบุญธรรมที่เขาเพิ่งสารภาพกับเธอและขอร้องไม่ให้แพร่งพรายกับใคร

นำชัยต้อนรับผู้มาเยือนทั้งสามด้วยดี แต่ไม่ยอมให้พวกเขาพบไอริณ อ้างว่าเธอต้องการพักผ่อน ยังไม่พร้อมเจอใครในตอนนี้

“แต่เรามีคดีสำคัญที่ต้องการข้อมูลด่วนจากคุณไอริณ ถ้าท่านไม่ขัดข้อง”

นำชัยมองราเมศอย่างอึดอัดใจแต่ก็ปฏิเสธไม่ได้ จำต้องพาณัฐชาเป็นตัวแทนขึ้นไปหาไอริณ โดยแอบส่งสัญญาณกำชับลูกสาวเรื่องที่ขอไว้ก่อนกลับออกมายืนแอบฟังการสนทนาของทั้งคู่อยู่หน้าห้อง

ไอริณทำไขสือเมื่อณัฐชาซักถามเรื่องที่เธออยากพบจิตแพทย์ของแม่และในวันเดียวกันเขาก็ถูกฆ่า ซึ่งณัฐชาเชื่อว่าไม่ใช่เรื่องบังเอิญ

“แต่ไม่ฉันไม่รู้จริงๆนะ ฉันไม่รู้ว่าพรายพิฆาตมันโผล่มาตอนนั้นทำไม ที่ฉันไปหาจิตแพทย์คนนั้นก็เพราะฉันคิดถึงแม่ มันก็แค่นั้นเอง”

“เราเป็นเพื่อนกันนะไอริณ เธอแน่ใจนะว่าไม่ได้ปิดบังอะไรฉัน”

ไอริณอึ้งไปด้วยความลังเล ณัฐชายิ่งรู้สึกผิดสังเกต ส่วนนำชัยที่หน้าห้องเริ่มร้อนๆหนาวๆ หวาดวิตกว่าลูกสาวจะแพร่งพรายความลับ...

ด้านจ่าไมตรีกับหมู่ปรีดาที่ถูกชาญขัดขวางการติดตามโทมัสจนรถเกิดอุบัติเหตุและกำลังจะเอากลับ

ไปยังกองปราบ แต่ทันใดทั้งคู่ก็เห็นชาญเดินเตร่อยู่ฝั่งตรงข้าม จำได้ว่าเป็นคนขับรถของมาดามหลิวที่ซิ่งหนี

พวกตนจนเกิดเรื่อง เลยตั้งใจจะไปคิดบัญชีแต่กลายเป็นว่าโดนชาญยอกย้อนอย่างหัวหมอแถมยังแสดงความเก๋าตะปบปืนจากจ่ามาถอดเป็นชิ้นส่วนอย่างรวดเร็ว

“ขอโทษนะคุณตำรวจ ถ้าคุณจะเชิญตัวผมไปสอบปากคำก็ควรพูดจาให้นุ่มนวลกว่านี้ แต่ถ้าจะใช้กำลัง แค่นี้คุณเอาผมไม่อยู่หรอก”

ทั้งจ่าและหมู่ถึงกับอึ้งกิมกี่เมื่อประจักษ์แก่สายตาว่าหมอนี่ไม่ใช่แค่คนขับรถธรรมดา!

ส่วนที่ห้องรับแขกบ้านท่านนำชัย...ฤทธิ์กับราเมศนั่งมองกันไปมาอยู่พักใหญ่ ก่อนที่ฤทธิ์จะตัดสินใจถามราเมศว่าสงสัยอะไรตนอยู่หรือเปล่า

“ก็ไม่เชิง ผมแค่กำลังนึกว่าทำไมณัฐชาถึงชอบมองคุณว่าเป็นคนร้าย”

“แล้วผมเหมือนคนร้ายรึเปล่า”

“ไม่เหมือน แต่ก็แปลกนะ พอคุณโผล่ไปที่ไหนเมื่อไหร่เรื่องร้ายๆต้องเกิดขึ้นทุกที นี่ถ้าผมหัวโบราณกว่านี้ซะหน่อยคงคิดว่าคุณเป็นตัวนำโชค”

ฤทธิ์กลัวเข้าเนื้อ หาทางเลี่ยงด้วยการขอตัวไป ห้องน้ำ สุชาติลูกน้องคนสนิทของนำชัยจึงนำทางให้ก่อนจะปลีกตัวไปอย่างไม่เอะใจใดๆเลย ฤทธิ์รีรอจนสุชาติลับกายแล้วไล่เปิดประตูห้องต่างๆเพื่อหาห้องทำงานของนำชัย พอเจอก็ผลุบเข้าไปแอบติดตั้งกล้องสอดแนมไว้ที่เฟอร์นิเจอร์และเริ่มค้นหาสิ่งผิดสังเกต จนกระทั่งเจอสมุดเล่มหนึ่งที่มีนามบัตรของ the devil เมมเบอร์คลับ จึงใช้มือถือถ่ายรูปเก็บไว้ แต่พลันต้องรีบซ่อนมือถือแทบไม่ทันเมื่อได้ยินราเมศส่งเสียงถามว่าหาอะไรอยู่เหรอ

“อ้าวผู้กอง ผมเดินหลงทางว่าจะกลับออกไปอยู่พอดี”

พูดจบฤทธิ์จะเดินหนีไปดื้อๆ ราเมศรีบดักหน้า ถามเขาว่าถ่ายรูปอะไรไว้ ขอตนดูหน่อยได้ไหม

“อย่าระแวงสิครับผู้กอง ผมเป็นพลเมืองดีนะครับ” ว่าแล้วเขาจะเดินหนีออกข้างนอก แต่ผู้กองไม่ปล่อยไปง่ายๆ กระชากตัวเขาไว้เพื่อแย่งมือถือ ฤทธิ์ปัดป้องแล้วล็อกตัวผู้กองด้วยวงแขนที่แข็งแรง

“คุณไม่มีสิทธิ์มาค้นตัวผม”

“ผมเป็นตำรวจ แล้วคุณไอริณก็เป็นเพื่อนของผม”

“แสดงว่าคุณหึงไอริณ ก็เลยใช้หน้าที่บังหน้า”

ราเมศบันดาลโทสะพยายามจะเล่นงานฤทธิ์แต่ไม่สำเร็จ จังหวะนี้เองณัฐชากลับลงมาพอดี ถามผู้กองว่ามีเรื่องอะไรกันหรือเปล่า ฤทธิ์สบตาราเมศพร้อมกับเลิกคิ้วให้อย่างกวนๆ ทำนองว่าจะลุยต่อหรือจะหยุดแค่นี้ ราเมศข่มความไม่พอใจสะบัดตัวหนี ฤทธิ์ได้ทีรีบตอบณัฐชาว่า

“ไม่มีอะไรครับหมวด พอดีผู้กองเกิดซุ่มซ่ามหกล้ม ผมก็เลยช่วยประคอง”

ณัฐชาท่าทีไม่ค่อยเชื่อเท่าไหร่นัก แต่ก็เดินตามราเมศออกไปที่รถ ได้ยินเขาบ่นว่านายโทมัสคนนี้ไม่ธรรมดาแน่ เธอเลยถามว่าจะทำยังไงดี ราเมศไม่ทันตอบเพราะเสียงมือถือดังขัดจังหวะ เขากดรับแล้วรีบร้อนไปที่กองปราบพร้อมกับลูกน้องสาว โดยมีฤทธิ์ขับตามหลังมาห่างๆ

ราเมศตำหนิณัฐชาที่ส่งจ่าไมตรีกับหมู่ปรีดาสะกดรอยตามโทมัสแถมทั้งคู่ยังจับคนขับรถชื่อชาญมาที่กองปราบ ด้วย มาดามหลิวเลยมาเอาเรื่องเขาในฐานะผู้บังคับบัญชา โดยให้โซเฟียนำหลักฐานที่ได้จากกล้องวงจรปิดขณะจ่ากับหมู่ดักซุ่มอยู่หน้าบริษัทมายืนยัน

“คนของคุณมาดักเฝ้าคุณโทมัสโดยไม่มีสาเหตุ แบบนี้ถือเป็นการคุกคามนะคะผู้กอง”

“ผมเสียใจด้วยครับ”

“เป็นความผิดของฉันเองค่ะมาดามหลิว ฉันเป็นคนสั่งให้จ่าไมตรีกับหมู่ปรีดาสะกดรอยตามคุณโทมัส”

“ด้วยเหตุผลอะไรไม่ทราบคะหมวด”

“คือว่า...หมู่นี้เกิดเรื่องกับคุณโทมัสบ่อยครั้ง ฉันเกรงว่าเขาจะถูกปองร้ายค่ะ”

“ไม่ต้องห่วงครับมาดาม ในเมื่อลูกน้องของผมเป็นฝ่ายผิด พวกเขาก็สมควรถูกลงโทษ”

“แต่ผมว่าอย่าให้ถึงขนาดนั้นเลยครับผู้กอง ในเมื่อหมวดณัฐชาทำไปเพราะเป็นห่วงผม ผมว่าเรามาตกลงกันดีกว่า” ฤทธิ์พูดอย่างใจเย็น พอราเมศถามว่าตกลงยังไง เขาก็แจ้งเงื่อนไขที่ทำให้หมวดสาวไม่พอใจอย่างมาก “ก็ในเมื่อหมวดณัฐชาต้องการดูแลผม ผมก็จะเปิดโอกาสให้เขาทำงานอย่างเต็มที่ด้วยการมาเป็นบอดี้การ์ดให้ผมสักหนึ่งสัปดาห์”

“ให้ฉันไปอยู่กับนายเหรอ ฝันไปเถอะ”

“ณัฐชา” ผู้กองราเมศปรามลูกน้องแล้วตอบตกลง ถ้าข้อเรียกร้องของโทมัสจะทำให้ปัญหานี้ยุติ...

หลังจากมาดามหลิวกลับไปพร้อมคนของตนทั้งหมดรวมทั้งชาญด้วย ณัฐชาก็ตามเซ้าซี้ราเมศเพราะไม่อยากไปเป็นขี้ข้าให้โทมัส

“ขี้ข้าที่ไหนกันล่ะหมวด บอดี้การ์ดต่างหาก”

“จะอะไรก็ช่างเถอะค่ะ แต่ฉันไม่ยอมอยู่ใกล้นายโทมัสเด็ดขาด คิดดูสิคะ เจอกันทีไรต้องมีเรื่องทุกที ถ้าให้อยู่ด้วยกันมีหวังต้องฆ่ากันตายแน่”

“ณัฐชา...เกมนี้คุณต้องเล่นตามน้ำ ไม่งั้นถ้าเขาเกิดเอาเรื่องขึ้นมา คุณอาจถูกพักงานก็ได้...พลิกวิกฤติให้เป็นโอกาสหน่อยสิ ไหนๆคุณก็อยากสืบเบื้องหลังของนายโทมัสอยู่แล้วนี่”

ณัฐชาชะงักอย่างนึกได้ อารมณ์ขุ่นมัวคลายลงอย่างฉับพลัน...ฝ่ายมาดามหลิวที่ไม่เข้าใจการกระทำของฤทธิ์ก็ต่อว่าเขาด้วยความไม่พอใจเมื่อกลับมาถึงบริษัท

“ฉันไม่เข้าใจเลยโทมัส รู้ทั้งรู้ว่าตำรวจหญิงคนนั้นกำลังจับผิดเธอ แล้วทำไมเธอถึงยอมให้เขามาอยู่ใกล้ๆ”

“เธอสงสัยเรื่องอดีตของผม แถมยังสงสัยว่าผมเป็นมือสังหาร ผมต้องหาทางเคลียร์เรื่องนี้”

“แน่ใจนะว่าไม่ใช่เพราะเหตุผลอื่น...ระวังนะโทมัส ฉันรู้ว่าเธอผูกพันกับณัฐชาเพราะเขาเป็นเพื่อนของใจทิพย์ แต่เขาไม่ใช่ใจทิพย์ และเธอก็มีชีวิตอยู่เพื่อล้างแค้น ไม่ใช่ผูกพันกับใครอีก”

มาดามหลิวดักคอฤทธิ์หรือโทมัสด้วยท่าทีไม่พอใจ แต่แล้วต้องยุติไปเมื่อชาญกับโซเฟียก้าวเข้ามา...ทางด้านไอริณที่จำใจทำตามคำขอร้องของพ่อ หลังจากณัฐชากลับไปเธอก็เอาแต่เหม่อลอย พอนำชัยซึ่งไม่ค่อยวางใจมาเอ่ยปากซักไซ้ เธอเลยย้อนถามอย่างอัดอั้นและเก็บกด

“เราต้องปิดบังไปถึงเมื่อไหร่ หรือว่าพ่อต้องหลบๆ ซ่อนๆเพื่อคอยรับใช้พวกคนร้ายไปตลอดชีวิต”

“ไอริณ ลูกฟังพ่ออธิบายก่อน...ความจริงพ่อคิดไม่ถึงเลยว่าเรื่องราวมันจะบานปลายขนาดนี้ สมัยนั้นพ่อยังเป็นแค่นักการเมืองหน้าใหม่ที่ถูกคู่แข่งเล่นงานจนหมดอำนาจ พ่อได้รับคำเชิญจากพรายพิฆาตที่สัญญาว่าจะสร้างความสำเร็จให้กับพ่อภายในไม่กี่สัปดาห์ และด้วยความคับแค้นใจ พ่อถึงได้รับปากที่จะเจอกับหัวหน้าสาขาของพวกมัน แล้วมันก็ให้พ่อสาบานว่าจะภักดีต่อพรายพิฆาตไปชั่วชีวิต...นับจากนั้นเป็นต้นมาคู่แข่งทางการเมืองของพ่อก็ถูกกำจัดไปทีละคน ในขณะที่พ่อก็ถูกผลักดันให้ขึ้นมามีอำนาจ พ่อรู้ว่าพ่อเลือกทางผิด สักวันหนึ่งพ่อจะถอนตัวจากพวกมัน”

“พ่อแน่ใจเหรอคะ ว่าพ่อจะทำได้”

“พ่อมีแผนอยู่แล้ว พ่อคิดว่า...”

นำชัยชะงักเงียบไปเมื่อเหลือบเห็นกรณ์ยืนจับจ้องมาจากมุมหนึ่ง ท่าทางกระด้างกระเดื่องของกรณ์ที่มีต่อนำชัยทำให้ไอริณเดาออกว่ากรณ์ก็เป็นหนึ่งในสมาชิกพรายพิฆาต!

ooooooo

ฤทธิ์ไม่พอใจกับข้อห้ามของมาดามหลิวที่ไม่ต้องการให้ยุ่งเกี่ยวหรือผูกพันกับณัฐชา เพราะเขาคิดว่าเป็นเรื่องส่วนตัว แต่โซเฟียกลับเห็นด้วยกับมาดามหลิวแถมยังย้ำเตือนเขาด้วยว่า มาดามเป็นเจ้าชีวิตของทุกคนที่นี่ เขาไม่มีสิทธิ์โต้เถียงกับเธอ ที่สำคัญถ้าเธอไม่ช่วยเขาเอาไว้ นึกเหรอว่าเขาจะมีวันนี้

“แต่ความอดทนของผมมีจำกัด”

“ถ้าไม่มีน้ำตามัจจุราช ป่านนี้คุณตายไปแล้ว ตายเหมือนกับใจทิพย์คนรักของคุณ”

“มาดามหลิวกับผมมีเป้าหมายเดียวกันคือล้างแค้น แต่เธอไม่ใช่เจ้านายของผม เพราะฉะนั้นเลิกวุ่นวายกับผมซะที” ฤทธิ์เดินหนี โซเฟียทำท่าจะไม่ยอมเลิกแต่ชาญปรี่เข้ามาห้าม

“พอได้แล้วโซเฟีย คุณโทมัสพูดถูกแล้ว เขามีสิทธิ์ที่จะทำแบบนั้น”

“ฉันไม่ยอม”

“ถ้างั้นเธอก็ต้องสู้กับฉัน เพราะฉันก็ไม่ยอมเหมือนกัน”

โซเฟียชะงัก มองชาญและฤทธิ์ด้วยความโกรธก่อนจะเดินหนีไป ชาญตามมาคว้าตัวเธอไว้ แต่เธอยังฉุนเฉียวใส่อีก หาว่าเขาปกป้องฤทธิ์

“ฉันปกป้องเธอต่างหาก...ไม่เอาน่าโซเฟีย มาดามหลิวต้องโกรธแน่ถ้าเธอมีเรื่องกับคุณโทมัส อย่าทำเรื่องเล็กให้เป็นเรื่องใหญ่เลยนะ” ชาญบีบไหล่เธอเบาๆ สัมผัสนั้นทำให้เธอรู้สึกคลายความโกรธลงอย่างรวดเร็ว พยักหน้ารับอย่างเชื่อฟัง

คืนเดียวกันที่รังของมาวิน...แหลมเอาสมุนคนหนึ่งซึ่งเสพยาตัวใหม่จนเกินขนาดมาไว้ในห้องเก็บของก่อนจะไปตามมาวินมาดู เพราะท่าทางมันคงไม่รอด ปรากฏว่าพอมาถึง หมอนั่นกลายพันธุ์เป็นผีดิบจะกินมนุษย์เสียให้ได้ มาวินต้องใช้ปืนยิงมันอยู่หลายนัดกว่าจะล้มจมกองเลือด แต่ไม่กี่อึดใจบาดแผลของมันบางส่วนเริ่มสมาน
ตัวอย่างช้าๆ ขณะที่เจ้าของร่างยังอ้าปากค้างหันไปหันมาเหมือนจ้องหาอะไรกินไม่สิ้นสุด

“เนี่ยเหรอวะน้ำตาสวรรค์ ยานรกชัดๆ” มาวินแผดเสียงแล้วตัดสินใจยิงมันทิ้งเพื่อหยุดความทรมาน...

หลังจากนั้นไม่นาน กรณ์ซึ่งทราบเรื่องนี้ก็ออกไปพบบอส และเมื่อบอสบอกให้รู้ว่าน้ำตามัจจุราชสูตรใหม่ให้ผลลัพธ์ที่เชื่อถือได้ คนที่เสพยาของเราเข้าไปจะมีสภาพเป็นมนุษย์กลายพันธุ์ สามารถทนทานต่ออาการบาดเจ็บได้เหนือกว่าคนปกติ กรณ์จึงทักท้วงขึ้นว่า

“แต่มันยังมีปัญหาอยู่นะบอส เพราะคนที่เสพยาจนเกินขนาดจะกลายสภาพเป็นผีดิบ”

“เรื่องนั้นเรามีทางแก้ ตอนนี้ถึงเวลาแล้วที่เราจะประกาศแสนยานุภาพตามแผนที่วางไว้”

“เร็วๆนี้ท่านนำชัยจะจัดงานแถลงข่าวเรื่องยาเสพติดของเรา ผมคิดว่าโอกาสนั้นเหมาะที่จะลงมือมากที่สุด”

ฟังกรณ์แล้วบอสยิ้มกระหยิ่มอยู่ภายใต้ฮู้ดสีดำคลุมศีรษะปรกมาถึงใบหน้าที่ใครๆไม่เคยเห็นโฉมหน้าชัดเจนแม้แต่ครั้งเดียว

ooooooo

วันรุ่งขึ้น สุชาติมาพบท่านนำชัยแต่เช้าเพื่อเตือนคิวงานให้ท่านรับทราบว่าวันนี้มีประชุมแกนนำพรรคตอนสิบโมงเช้า แล้วช่วงบ่ายมีนัดแถลงข่าวกับสื่อมวลชนบริเวณหน้าที่ทำการพรรค

นำชัยรับทราบพร้อมกับรับเอกสารจากสุชาติมาพลิกดูข้อมูลคร่าวๆ ก่อนจะสะดุดตากับยาเสพติดตัวใหม่

“น้ำตาสวรรค์ครับท่าน ตอนนี้กำลังฮือฮามากเลยครับ ว่าคนที่เสพเข้าไปแล้วจะกลายเป็นผีดิบ แล้วที่สำคัญวันนี้มีแขกพิเศษจะมาร่วมรับฟังด้วยนะครับ”

“แขกพิเศษ ทำไมผมไม่ทราบมาก่อน”

“รายละเอียดอยู่ในเอกสารครับท่าน”

นำชัยพลิกดูเอกสารหน้าต่อไปและเห็นรูปชายชาวญี่ปุ่นท่าทางภูมิฐานคนหนึ่ง...ขณะเดียวกันนั้น ฤทธิ์ ชาญ และโซเฟียก็กำลังดูผลการทำงานของกล้องสอดแนมผ่านทางคอมพิวเตอร์ซึ่งฤทธิ์แอบเอาเข้าไปติดไว้ในห้องทำงานนำชัยเมื่อวันก่อน

“สัญญาณภาพชัดเจนมาก ไม่มีคลื่นรบกวน อีกไม่นานเราคงได้รู้ไต๋ของพวกมัน” โซเฟียเอ่ยอย่างมาดหมาย ขณะที่ฤทธิ์หันไปขอความเห็นจากชาญว่า

“งานแถลงข่าวของท่านนำชัย นายคิดว่าจะมีปัญหาอะไรรึเปล่า”

“ในเมื่อท่านนำชัยเป็นพวกเดียวกับพรายพิฆาต ผมว่าคงไม่”

ฟังคำตอบของชาญแล้วฤทธิ์ไม่พูดอะไร นอกจากบอกเขาว่าวันนี้ตนจะออกไปข้างนอก ทางนี้ฝากเขากับโซเฟียดูแลด้วย ชาญท่าทีลังเลเล็กน้อยก่อนจะเดินตามฤทธิ์ออกมายืนคุยกันตรงหน้าลิฟต์

“ผมมีเรื่องสำคัญต้องพูดกับคุณ”

“ว่ามาสิ”

“ที่มาดามหลิวไม่สบายใจเรื่องคุณกับผู้หมวดณัฐชา เพราะเธอเกรงว่าคุณจะสนใจเรื่องส่วนตัวมากกว่าเรื่องงาน คุณก็รู้ว่าชีวิตของมาดามไม่เหลืออะไรอีกแล้ว นอกจากการแก้แค้น”

“ผมก็เหมือนกัน คุณวางใจเถอะชาญ ผมจะไม่ทำให้มาดามผิดหวัง...ว่าแต่ท่าทางคุณเป็นห่วงมาดามมากเลยนะ”

“ผมติดตามรับใช้ครอบครัวของมาดามหลิวมานาน จะว่าไปแล้วนอกจากผม เธอก็ไม่เหลือใครอีก”

“เอาล่ะ ถ้างั้นผมจะรีบจัดการตามแผน แต่ว่ามีเรื่องนึงที่คุณต้องช่วยผม”

ชาญสงสัยว่าฤทธิ์จะให้ตนทำอะไร...หลังจากคุยกันเรียบร้อยแล้วฤทธิ์ลงมาขึ้นรถ เป็นเวลาเดียวกันที่ณัฐชามาติดต่อยามว่าเธอนัดโทมัสไว้...พูดไม่ทันขาดคำ ฤทธิ์หรือโทมัสก็ขับรถพุ่งมาจอดเทียบและบอกให้เธอขึ้นรถโดยไม่ยอมตอบว่าจะไปไหน แต่ถึงกระนั้นณัฐชาก็เลี่ยงไม่ได้ เธอต้องไปกับเขาตามข้อตกลงที่ผู้กองราเมศรับปากให้เธอเป็นบอดี้การ์ดโทมัสหนึ่งสัปดาห์

ในวันเดียวกัน กรณ์ไปหาแนวร่วมเพิ่มเติมเพื่อทำงานสำคัญ หลังจากเขาดึงเอมี่กับยักษ์มาก่อนหน้านี้แล้วสองคน ซึ่งคนต่อไปก็คือลุงโจหนึ่งในสมาชิกที่เคยร่วมเป็นร่วมตายจัดการกับฤทธิ์ ราวี มาแล้ว

ลุงโจอาศัยอยู่ในแฟลตซอมซ่อและยังคงชอบดื่มเหล้าเหมือนเดิม ตอนกรณ์ไปถึงแกกำลังกรึ่มได้ที่โดยมีสาวๆคลอเคลียข้างกาย แต่พอเห็นหัวหน้ามาแกก็ไล่สาวออกจากห้องอย่างรวดเร็ว

กรณ์นำนิตยสารเล่มหนึ่งที่มีภาพข่าวของโทมัสส่งให้ลุงโจดู ซึ่งแกเพ่งพิศครู่หนึ่งก่อนบอกว่าเหมือนมากแต่ไม่น่าจะใช่ ท่าทางมันผิดกัน คนที่แฟนเพิ่งถูกฆ่าตายอย่างหมวดฤทธิ์ ราวี มีหรือจะมายืนยิ้มแฉ่งแบบนี้

“มันอาจเล่นละครตบตาเราอยู่ก็ได้”

“เคยตรวจสอบมันรึยัง”

“เอมี่กับไอ้ยักษ์ลองเช็กดูแล้ว แต่ยังไม่แน่ใจ บอสก็เลยสั่งให้ตัดบทเก็บมันซะเลย”

“นั่นงานของผมสิท่า”

“ใช่ แต่มีอีกงานนึงที่ต้องมาก่อน”

ลุงโจเหลียวมองหน้ากรณ์อย่างแปลกใจ...แต่ในเวลานั้นเอง ฤทธิ์ขับรถอย่างอารมณ์ดีพาณัฐชาออกนอกเมืองมุ่งหน้าไปชลบุรี

“นี่คุณจะไปชลบุรีทำไม อย่าบอกนะว่าจะค้างคืน ฉันไม่เอาด้วยนะ”

“ใจเย็นๆก็ได้คุณตำรวจ ผมไม่ได้วางแผนจะปล้ำคุณซะหน่อย แค่อยากจะให้พบกับใครคนหนึ่ง”

ฤทธิ์พาเธอไปที่ร้านอาหารแห่งหนึ่งเพื่อพบเพื่อนร่วมงานของใจทิพย์ ซึ่งณัฐชาจำได้แม่นแต่แปลกใจว่าเธอรู้จักโทมัสได้ยังไง

“แหม...ก็ต้องรู้จักสิคะ ในเมื่อคุณโทมัสเป็นผู้บริจาครายใหญ่ที่สุดของมูลนิธิแสงอรุณ”

“ผู้บริจาค อย่างคุณเนี่ยนะทำบุญ” ณัฐชาเบ้หน้าไม่อยากเชื่อ

“พอดีเลยค่ะคุณโทมัส คุณมาก็ดีแล้ว ฉันว่าจะส่งใบประกาศเกียรติคุณไปให้ที่กรุงเทพฯอยู่เชียว ถ้าไงถือโอกาสนี้ส่งให้ถึงมือเลยนะคะ”

“ขอบคุณครับ แต่อันที่จริงไม่ต้องลำบากก็ได้เพราะที่ผมช่วยเหลือพวกเด็กๆผมทำโดยไม่หวังผลตอบแทน”

“สร้างภาพสุดๆ” ณัฐชาบ่นเบาๆ แต่ฤทธิ์ชำเลืองมองเหมือนจะบอกว่าตนได้ยิน

แล้วเพื่อนรุ่นพี่ของใจทิพย์ก็ส่งซองเอกสารให้ฤทธิ์อย่างประจบประแจง ณัฐชาเฝ้ามองอย่างค้างคาใจ และในที่สุดก็ตัดสินใจเดินตามเธอไปถึงหน้าร้าน ถามว่าไม่รู้สึกคุ้นหน้าหมอนั่นบ้างเลยเหรอ

“หมอนั่น? คุณโทมัสน่ะเหรอคะ”

“ค่ะ หน้าเขาเหมือนกับแฟนของใจทิพย์”

“เป็นไปไม่ได้หรอกค่ะคุณตำรวจ แฟนของน้องใจทิพย์น่ะหน้าดำคร่ำเคร่ง ไม่มีสง่าราศีเลยสักนิด แต่คุณโทมัสน่ะอารมณ์ดีแถมเป็นสุภาพบุรุษอีกต่างหาก ไม่ใช่คนเดียวกันหรอกค่ะ”

“แต่คล้ายกันมากนะคะ”

“ก็ไม่เห็นแปลกนี่คะ คนหน้าเหมือนดารายังออกทีวีกันโครมๆ ไม่ได้แปลว่าต้องเป็นคนเดียวกันซะหน่อย...ฉันขอตัวก่อนนะคะ จะรีบเอาเช็กไปเข้าแบงก์”

พูดจบเธอผละไปทันที ทิ้งให้ณัฐชายืนอึ้งก่อนที่ฤทธิ์จะเดินตามออกมาทักด้วยน้ำเสียงกวนๆ

“ขอโทษด้วยนะที่ทำให้คุณต้องผิดหวัง ดูเหมือนตอนนี้เหลือคุณแค่คนเดียวที่คิดว่าผมคือนายฤทธิ์ ราวี”

“นายจงใจสร้างสถานการณ์ คิดเหรอว่าฉันจะเชื่อ”

“ไม่เอาน่าคุณตำรวจ หัดยอมรับความจริงซะบ้างสิ ขี้แพ้ชวนตี ทำเป็นเด็กๆไปได้” ฤทธิ์ตบบ่าเธอเชิงปลอบใจก่อนเดินลิ่วไป ณัฐชาหน้าบึ้งไม่สบอารมณ์ พอเห็นเขาเดินไม่เหลียวหลัง ไม่ฟังเสียงเรียกของเธอก็ยิ่งหงุดหงิด

“นั่นนายจะเดินไปไหน รถจอดอยู่ทางโน้น ฮึ่ย! อะไรของเขาอีกวะ”

ณัฐชายังตามจับผิดโทมัสไม่เลิกเพราะเธอค่อนข้างมั่นใจว่าเขาคือฤทธิ์ ราวี แต่ในเมื่อเขาไม่ยอมรับก็เลยต่อ ปากต่อคำกันไปมาจนเขาต้องใช้แผนสองให้ชาญโทร.เข้ามือถือเธอในนามของนักสู้มหากาฬหรือมือสังหารชุดดำที่เคยช่วยชีวิตเธอไว้หลายครั้ง

ชาญโทร.มาโดยใช้อุปกรณ์ปลอมแปลงเสียงให้เหมือนมือสังหารชุดดำบอกว่ามีธุระสำคัญต้องการพบเธอ ณัฐชาเหลือบมองฤทธิ์นิดหนึ่งก่อนจะปลีกตัวออกห่าง ฤทธิ์มองตามอยากรู้เหลือเกินว่าเธอจะหลงกลหรือไม่

ณัฐชาปฏิเสธมือสังหารชุดดำว่าตนไปพบไม่ได้เพราะอยู่ต่างจังหวัด ตอบเสร็จก็หันหน้าหันหลังเพราะได้ยินเขาบอกมาว่า “ผมรู้ แต่ผมอยู่ใกล้ๆคุณ” เธอมองไปที่ฤทธิ์อย่างงุนงงเพราะเคยสงสัยว่าเขาคือมือสังหารชุดดำ แล้วเธอก็เดินกลับมาหาเขา บอกให้รออยู่แถวนี้ก่อน เธอจะไปหาเพื่อน

“เพื่อนที่ไหนเหรอคุณ คุณนัดเขาไว้ตั้งแต่เมื่อไหร่”

“เอาเหอะน่า อย่าถามซอกถามแซกนักเลย เดี๋ยวฉันมา”

ฤทธิ์ทำเป็นแปลกใจ แต่พอเห็นณัฐชาเดินไปแล้วจึงแค่นยิ้มออกมา...ณัฐชาเดินเข้ามายังจุดนัดซึ่งค่อนข้างอับทึบและขาดแสงสว่าง เห็นมือสังหารชุดดำยืนอยู่มุมหนึ่ง

“คุณเรียกฉันออกมาทำไม”

“ผมมีข่าวจะบอกคุณเรื่องยาของพรายพิฆาต ตอนนี้ผมกำลังสืบหาแหล่งผลิตของมันอยู่”

“คุณแน่ใจเหรอว่าทำได้”

“เรื่องนั้นไม่มีปัญหา แต่ผมอยากขอความร่วมมือจากตำรวจในการบุกถล่มรังพวกมัน”

“ฉันตัดสินใจเองไม่ได้ เรื่องนี้ฉันต้องขออนุญาตจากผู้กองราเมศ”

“ก็ได้ ถ้างั้นคุณบอกเขา แต่ห้ามบอกคนอื่นอีกเด็ดขาด”

ขณะที่ณัฐชาสนทนากับชาญซึ่งคิดว่าเป็นมือสังหารชุดดำตัวจริง...ฤทธิ์เดินกลับไปรอเธอที่รถและเกือบโดนลุงโจลูกน้องของกรณ์ที่ซุ่มรออยู่พักหนึ่งแล้วทำร้ายพร้อมกับคาดคั้นว่าเขาคือฤทธิ์ ราวี...ฤทธิ์เกือบพลาดท่าเสียทีถ้าไม่ได้ชาญมาช่วยไว้ ฝ่ายณัฐชาก็วิ่งวุ่นตามหาโทมัสแต่ไม่เจอ

ลุงโจเป็นรองและตั้งใจพูดเรื่องแผนของพราย–พิฆาตที่ต้องการประกาศสถานะให้คนทั้งประเทศรับรู้ในวันนี้

“วันนี้ฤกษ์ดี พรายพิฆาตจะใช้เป็นวันดีเดย์ มันเตรียมแผนเอาไว้สองแผนด้วยกัน แผนแรกคือฆ่าแก ส่วนแผนสอง...ฉันไม่บอกจนกว่าแกจะยอมปล่อยฉัน”

ฤทธิ์กับชาญมองหน้ากัน ก่อนชาญจะตัดสินใจซัดลุงโจด้วยด้ามปืนจนสลบเหมือด ด้านณัฐชายังสาละวนตามหาโทมัส จู่ๆมือสังหารชุดดำก็โทร.เข้ามือถือเธอบอกให้รีบไปที่พรรคเทิดธรรมของท่านนำชัยเดี๋ยวนี้

“เกิดเรื่องอะไรขึ้น”

“พรายพิฆาตมีแผนร้าย ไปถึงก็รู้เอง”

ณัฐชาวางสายแล้วมุ่งหน้าไปที่รถ ชาญยังอยู่กับฤทธิ์ที่เพิ่งวางสายจากหญิงสาว เขาถามด้วยความสงสัยว่าทำไมถึงให้หมวดณัฐชาไปที่พรรคเทิดธรรม

“ที่ลุงโจพูดว่าวันนี้เป็นวันประกาศสถานะของพรายพิฆาต แต่ดันบังเอิญตรงกับวันที่ท่านนำชัยแถลงข่าว ผมว่ามันต้องมีอะไรเกี่ยวข้องกันแน่”

“แต่เราไม่รู้ด้วยซ้ำว่ามันมีแผนอะไร”

“เดี๋ยวก็รู้” ฤทธิ์พูดจบก็กดโทรศัพท์มือถืออีกครั้ง ส่งข้อความเข้ามือถือณัฐชาในนามของโทมัส ให้เธอกลับไปก่อนตนมีเรื่องต้องเคลียร์

“แล้วจะกลับยังไง กุญแจรถไม่ได้อยู่ที่ฉันซะหน่อย” หมวดสาวบ่นอุบหลังอ่านข้อความนั้น แต่ทันใดระบบกลไลของรถเริ่มสตาร์ตโดยโทรศัพท์มือถือของฤทธิ์ ประตูปลดล็อกอัตโนมัติ ณัฐชาถึงกับร้องเฮ้ย พอเปิดประตูก็พบว่าที่แผงควบคุมมีข้อความว่าระบบออนไลน์ทำงาน “ว้าว เจ๋งเป้ง!” หมวดสาวอุทานอย่างสุดทึ่ง

ooooooo

ผู้กองราเมศกับจ่าไมตรีและหมวดปรีดาอยู่ในงานแถลงข่าวของท่านนำชัยซึ่งงานจะเริ่มขึ้นในอีกครึ่งชั่วโมง แต่กรณ์เพิ่งเข้ามา นำชัยดูร้อนรนลากกรณ์หลบ มุมมาสอบถามอย่างไม่พอใจ

“คุณหายไปไหนมา รู้ไหมว่าอีกเดี๋ยวผมต้องแถลงข่าวเรื่องยาเสพติดบ้าๆของเจ้านายคุณ”

“อย่าลนลานสิครับท่าน วางตัวให้สมกับเป็นผู้นำซะหน่อย เดี๋ยวชาวบ้านเขาจะหมดศรัทธาเอาได้”

“ตอนนี้ก็ใกล้หมดเต็มทีแล้ว มีอย่างที่ไหน ยาเสพติดแพร่ระบาดไปทั่ว แต่หน่วยงานของผมกลับ ไม่มีผลงานอะไรสักอย่าง แบบนี้ผมมีหวังโดนนักข่าวจวกเละแน่”

“เรื่องนั้นเราจะจัดการให้ แต่ตอนนี้เชิญออกไปเล่นละครได้แล้ว” กรณ์พูดอย่างไม่ยี่หระ นำชัยถอนใจเฮือกใหญ่หนักใจกับสภาพเหยียบเรือสองแคมของตนเอง

ทางด้านณัฐชา ระหว่างเดินทางเข้ากรุงเทพฯเธอได้โทร.แจ้งผู้กองราเมศว่าพวกพรายพิฆาตจะส่งคนไปก่อกวนที่พรรคเทิดธรรม แต่พอถูกเขาซักถามถึงแหล่งข่าวเธอก็อึกอักไม่กล้าตอบทำให้เขาไม่เชื่อและไม่มีเวลาสนใจกับข่าวโคมลอยของเธอ

ส่วนฤทธิ์กับชาญที่พาตัวลุงโจสมาชิกของพราย–พิฆาตกลับมาที่บริษัทมาดาหลิว...เมื่อลุงโจไม่ยอมปริปากแผนการของพรายพิฆาต โซเฟียจึงบังคับด้วยการปักเข็มฉีดยาลงที่ต้นคอของเขา

“นี่เธอ...เธอฉีดอะไรให้ฉัน”

“อีกไม่เกินห้านาทีแกจะบอกทุกอย่างที่แกรู้จนหมด”

ลุงโจหน้าเสีย ขณะที่ฤทธิ์รออยู่อย่างอดทน เขา เหลือบดูนาฬิกาข้อมือแล้วผลุนผลันไปขึ้นรถ ออกตัวไปอย่างรวดเร็ว เป็นเวลาที่ณัฐชายังอยู่ระหว่างการเดินทางเช่นกัน เธอครุ่นคิดอย่างสับสนกับข้อมูลที่ได้จากมือสังหารชุดดำ

“มันจะเป็นไปได้ยังไง ถ้าท่านนำชัยเป็นพวกเดียวกับพรายพิฆาตแล้วมันจะส่งคนไปป่วนที่งานแถลงข่าวเพื่ออะไร หรือว่าเป้าหมายของมันเป็นคนอื่น”

เวลานั้นบริเวณหน้าที่ทำการพรรคเทิดธรรม การแถลงข่าวของท่านนำชัยเริ่มต้นขึ้นแล้ว

“ผมขอยืนยันว่าพรรคเทิดธรรมและตัวผมมีเจตนาอันมุ่งมั่นที่จะต่อต้านอาชญากรรมในทุกรูปแบบ ซึ่งพี่น้องประชาชนจะเห็นได้จากการปราบปรามแก๊งค้ายาเสพติดต่างๆในช่วงที่ผ่านมา...”

จังหวะที่ท่านนำชัยยังคงร่ายยาว ผู้กองราเมศก็เชื้อเชิญมิสเตอร์โทคุดะเข้ามาในงานโดยมีบอดี้การ์ดติดตามมาแค่สองคน ราเมศทักทายเขาด้วยภาษาอังกฤษเพราะคิดว่าพูดไทยไม่ได้ ปรากฏว่าเขาตอบกลับมาทำเอาผู้กองอึ้ง

“ไม่ต้องมากพิธีนักหรอกผู้กอง ผมแค่มาสังเกต– การณ์เงียบๆ”

“เอ๊ะ นี่คุณ...”

“ผมเคยทำงานให้กับสถานทูตมาก่อน พอจะรู้อะไรๆอยู่บ้างคุณไม่ต้องเป็นห่วง”

“แต่นักข่าวอาจจะจำท่านได้นะครับ”

“ผู้ติดตามผมมีแค่นี้ อย่าว่าแต่นักข่าวเลย ต่อให้พรายพิฆาตก็คงคิดไม่ถึงว่าผมเป็นใคร”

ผู้กองราเมศมองมิสเตอร์โทคุดะและมองไปรอบๆอย่างนึกสังหรณ์ใจ

ooooooo

อ่านละคร นักสู้มหากาฬ ตอนที่ 6 วันที่ 27 มิ.ย. 56

บทประพันธ์โดย : ณพุทธ สุศรีฯ
บทโทรทัศน์โดย : ณพุทธ สุศรีฯ
กำกับการแสดงโดย : ธีระศักดิ์ พรหมเงิน
ผลิตโดย : บริษัท มุมใหม่ จำกัด
วันเวลาออกอากาศ : ทุกวันศุกร์ - อาทิตย์ เวลา 20.25 น. ทางช่อง 7 สี
ที่มา ไทยรัฐ