อ่านละคร โดมทอง ตอนที่ 2-3 วันที่ 7 มิ.ย. 56


อ่านละคร โดมทอง ตอนที่ 2

วิรงรองพยายามกลั้นน้ำตาขณะวิ่งกลับมาที่ ห้องพักของตัวเอง แสงแขกับโอบไม่วายตามมาหาเรื่องแดกดันประชดประชันว่าเธอทำลายสถิติของคนดูแลท่านผู้หญิงสรรักษ์ที่มาถึงปุ๊บก็ไปปั๊บ โอบอาสาจะเข้าไปช่วยเก็บของให้ วิรงรองตอกกลับว่าไม่ต้องช่วยเพราะเธอจะไม่ไปไหนทั้งนั้น

“แต่คุณย่าไล่แก”

“แต่คุณอดิศวร์ขอให้ฉันอยู่ต่อ ไม่เข้าใจเหมือนกัน ไม่แน่ลองเจ้าของบ้านขอเองแบบนี้ ฉันอาจจะทำสถิติอยู่นานที่สุดก็ได้ คุณแสงแขว่าอย่างนั้นไหมคะ” วิรงรองยิ้มยั่ว


แสงแขไม่เชื่อ จะไปถามอดิศวร์ว่าจริงหรือเปล่า แล้วแกล้งขู่วิรงรองว่าที่นี่ผีดุ ถ้ายังอยากอยู่ต่อไปต้องระวังตัวให้มากๆ แล้วเดินหัวเราะร่วนออกไปกับโอบ วิรงรองส่ายหน้าอย่างระอาเดินเข้าห้องมาทรุดตัวลงนั่งเก้าอี้ใกล้หน้าต่าง แต่ต้องชะงักเมื่อมองออกไปเห็นทุ่งพลับพลึงกำลังออกดอกสะพรั่ง เหมือนในความฝันเมื่อคืนอีกแล้ว ยิ่งได้มาเห็นทุ่งดอกพลับพลึงชูช่อขาวเต็มทุ่งกว้างใกล้ๆ วิรงรองรับรู้ได้ถึงความตั้งใจของคนปลูก

พลันภาพท่านผู้หญิงสรรักษ์โวยวายอาละวาดไล่คนที่ชื่อพลับพลึงผุดเข้ามาในความคิดคำนึงของเธอ

“จะเกี่ยวกับคนที่ชื่อพลับพลึงหรือเปล่านะ” วิรงรองมองทุ่งพลับพลึงด้วยสีหน้าใคร่ครวญครุ่นคิด....

ทางฝ่ายอดิศวร์ไม่พอใจมากที่เห็นวิรงรองเก็บดอกพลับพลึงกลับมาเต็มอ้อมแขนโดยพลการ ตำหนิว่าทีหน้าทีหลังจะทำอะไรต้องขออนุญาตเขาก่อน เรื่องเดินเพ่นพ่านไปโน่นมานี่ก็เช่นกัน วิรงรองเคืองที่โดนต่อว่าเรื่องไม่เป็นเรื่อง ถ้าเขาไม่พอใจจะส่งเธอกลับบ้านก็ได้

“นึกแล้วว่าต้องพูดอย่างนี้ ใกล้จะถึงวันแต่งงานของนายพิชญ์แล้วนี่”

วิรงรองตาวาวด้วยความโกรธ พูดแบบนี้เท่ากับดูถูกกันชัดๆ คนอย่างเธอพูดคำไหนคำนั้น และที่สำคัญผู้ชายไม่ได้มีแค่พิชญ์คนเดียว ส่วนเรื่องดอกไม้พวกนี้ ถ้าเขาจะคิดเงิน เชิญหักจากเงินเดือนของเธอได้ตามสบายแล้วขยับจะเข้าบ้าน อดิศวร์เรียกไว้

“เดี๋ยวก่อน อย่าสอดรู้สอดเห็นให้มากนัก จะไปไหนมาไหนก็ชวนอุษาหรือแสงแขไปด้วย อาณาเขตของโดมทองกว้างมาก เธออาจจะหลงทางได้ง่ายๆ”
วิรงรองขอบคุณที่กรุณาเตือน แล้วก้าวฉับๆเข้าบ้าน อดิศวร์มองตามหงุดหงิดในความอวดดีของเธอ....

ยิ่งห้ามก็เหมือนยิ่งยุ ทันทีที่วิรงรองกลับถึงห้องพัก คว้ามือถือขึ้นมาโทร.ขอความช่วยเหลือจากอนิรุทธิ์ให้ช่วยหาข้อมูลประวัติคฤหาสน์โดมทองให้ เขาอดสงสัยไม่ได้ว่ามีเรื่องอะไรหรือเปล่า วิรงรองยังไม่ทันจะว่าอะไร อุษามาเคาะประตูเรียกเสียก่อน

“มีคนมา...แค่นี้ก่อนนะแล้วจะเล่าให้ฟังทีหลัง” วิรงรองวางสายแล้วเดินไปเปิดประตู อุษามาชวนเธอออกไปขี่จักรยานชมวิวด้วยกัน ครู่ต่อมา สองสาวปั่นจักรยานชมวิวสวยสองข้างทางจนมาถึงชายหาดแม่น้ำซึ่งอยู่ในอาณาจักรโดมทองอันกว้างใหญ่ไพศาล วิรงรองมองผืนน้ำเบื้องหน้าก่อนจะหันมาถามอุษาว่าน้ำลึกไหม

“น้ำลึกมาก ยิ่งฤดูน้ำหลากยิ่งน่ากลัว....มักจะมีคนหายไปช่วงนั้นของทุกปี เหมือนกับมีคำสาป”

วิรงรองมองท้องน้ำเวิ้งว้างตรงหน้าด้วยสีหน้าหวาดหวั่น

ooooooo

ตั้งแต่วิรงรองหลบลี้หนีหน้า พิชญ์เอาแต่เหม่อใจลอยจนพิณทองจับสังเกตได้ ยิ่งเวลาพูดคุยกันถึงเรื่องงานแต่งงาน เธอยิ่งเข้าใจแจ่มแจ้งว่าเขาไม่ได้อยากแต่งงานด้วย แค่ทำตามความต้องการของผู้ใหญ่

“การ์ดยังไม่ได้พิมพ์ ชุดก็แค่เพิ่งเลือกผ้าได้ ยกเลิกตอนนี้ยังทัน พิณจะอธิบายให้คุณพ่อคุณแม่ฟังเอง” แม้การตัดสินใจครั้งนี้จะเจ็บปวด แต่พิณทองไม่อยากบังคับจิตใจใคร....

คุณหญิงวัชรีโกรธมากเมื่อรู้ว่าจะไม่มีงานแต่งงานระหว่างพิชญ์กับพิณทอง เล่นงานลูกชายชุดใหญ่ที่อุตส่าห์หาผู้หญิงที่เพียบพร้อมทุกอย่างให้กลับไปติดใจแม่ดอกพลับพลึงไร้ค่าคนนั้น

“ผมรักพลับพลึง ผมจะพยายามจะลืมเธอแต่ลืมไม่ได้”

“งั้นเลือกเอา ระหว่างแม่กับนังคนนั้น” โดนไม้ตายของแม่เข้าไป ทำเอาพิชญ์ถึงกับใบ้รับประทาน.....

ทันทีที่พิณทองโทร.มาแจ้งว่าจะยกเลิกงานแต่งงานเนื่องจากว่าที่เจ้าบ่าวไม่ได้รักและที่สำคัญเธอได้ยินมาว่าเขามีแฟนอยู่แล้ว อดิศวร์คิดหาทางช่วยหลานรัก พยายามโทรศัพท์หาวิรงรองจะเรียกมาคุยเรื่องนี้แต่สายไม่ว่างเนื่องจากเธอกำลังโทร.เช็กประวัติที่มาที่ไปของคฤหาสน์โดมทองอยู่กับอนิรุทธิ์
หลังจากวิรงรองวางสายไม่กี่อึดใจมีสายเรียกเข้ามือถือดังขึ้นอีก หญิงสาวรับสายไม่ทันดูว่าใครโทร.มา

“เจออะไรอีกหรือ....รุทธิ์”

“ลงมาพบฉันที่ห้องทำงานหน่อย” อดิศวร์พูดจบวางสายทันที

“ท่านเคาน์แดร็กคูล่ามีธุระอะไร” วิรงรองแดกดันจบออกจากห้อง สักพักเธอมายืนตรงหน้าอดิศวร์ซึ่ง

ไม่พูดพล่ามทำเพลงต่อว่าวิรงรองว่าทำไมต้องโกหกทั้งๆที่ยังติดต่อกับพิชญ์อยู่ตลอดเวลา เธอยืนกรานว่าไม่ได้คุยกันหลายวันแล้ว อดิศวร์ไม่เชื่อ ถ้าไม่ได้ติดต่อกัน ทำไมอยู่ดีๆพิชญ์ถึงไม่ยอมแต่งงานกับพิณทอง

“จะไปทราบได้อย่างไรคะ ทำไมไม่ไปถามหลานคุณเองล่ะ” วิรงรองยียวน อดิศวร์ไม่พอใจ สาวเท้าเข้าหา

“เมื่อครู่นี้เธอโทรศัพท์คุยกับใคร...หรือจะโกหกอีกว่าไม่ใช่พิชญ์”

วิรงรองขอไม่ตอบคำถามนี้เพราะตอบไปอดิศวร์ก็ไม่เชื่ออยู่ดี แล้วขอตัวกลับห้อง ก้าวฉับๆเปิดประตูห้องทำงานออกไปโดยไม่สนใจว่าเขาจะอนุญาตให้ไปหรือไม่ ขณะหันไปปิดประตูมีเสียงถอนหายใจดังมาจากด้านหลัง วิรงรองหันขวับไปมอง ถึงกับกรีดร้องลั่นเมื่อเห็นร่างร่างหนึ่งในชุดแต่งกายโบราณหน้าตาน่ากลัวยืนจ้องอยู่

อดิศวร์ได้ยินเสียงร้องเปิดประตูออกมาดู อารามกลัวจัดวิรงรองหลับหูหลับตาผวาเข้าสู่อ้อมอกร้องลั่นว่ามีผียืนอยู่ตรงนั้น แล้วชี้ไปที่มุมมืด อดิศวร์มองข้ามไหล่เธอไปก่อนจะบอกว่าไม่เห็นมีอะไร วิรงรองค่อยๆลืมตาดูพบแต่ความว่างเปล่า ละล่ำละลักว่าเมื่อครู่นี้ยังเห็น แล้วนึกขึ้นได้ว่าตัวเองอยู่ในอ้อมแขนอดิศวร์ รีบดันตัวออกห่าง เขาหาว่าเป็นมารยาของเธอที่อยากจะใกล้ชิดเขาจึงยกเรื่องผีมาอ้าง เขาอยู่ที่นี่มาตั้งนานไม่เคยเห็นสักครั้ง

“ไม่ว่าคุณจะเข้าใจอย่างไร ดิฉันขอยืนยันว่าดิฉันเห็นจริงๆ” วิรงรองว่าแล้วผละจากไปอย่างรวดเร็ว...

ในเวลาไล่เลี่ยกัน คุณหญิงแก้วพยายามปลอบพิณทองลูกสาวให้ใจเย็นๆก่อน อย่าเพิ่งวู่วามยกเลิกงานแต่ง ถ้าพิชญ์ไม่รักเธอจะยอมหมั้นหมายด้วยหรือ พิณทองรู้แก่ใจดีว่าเขาทำอย่างนั้นเพราะเกรงใจแม่ตัวเอง

“พิณรักเขาใช่ไหมลูกถ้าอย่างนั้นต้องใจเย็นๆทำเหมือนไม่มีอะไรเกิดขึ้นแล้วแม่จะพูดกับคุณป้าวัชรีเอง”...

ฝ่ายพิชญ์ใจแข็งได้ไม่นาน พอเจอแม่บีบน้ำตาแกล้งเป็นลมเป็นแล้งก็ใจอ่อน ยอมถอยหนึ่งก้าว ถ้าวันพรุ่งนี้เขารู้แน่นอนว่าพลับพลึงหรือวิรงรองตัดขาดจากเขาจริงๆ เขาจะแต่งงานกับพิณทองตามกำหนดเดิม คุณหญิงวัชรีแทบจะโดดตัวลอยด้วยความดีใจ แต่นึกขึ้นได้ว่าเพิ่งแกล้งเป็นลมเมื่อครู่ ทำเหมือนไม่มีเรี่ยวแรงจะพูด

“ก็ดีเหมือนกัน ยุติธรรมดีกับทุกฝ่าย”

ooooooo

หลังพิชญ์รู้จากปรางแน่ชัดแล้วว่าพลับพลึงตั้งใจจะหลบหน้าเขาและเปลี่ยนเบอร์มือถือเพื่อที่เขาจะตามตัวไม่ได้ พิชญ์ตัดสินใจแต่งงานกับพิณ-ทองตามที่รับปากแม่ตัวเองเอาไว้ คุณหญิงวัชรีดีใจจนเนื้อเต้น แต่จำต้องเก็บอาการ ทันทีที่ลูกชายลับสายตา เธอรีบคว้ามือถือโทร.หาคุณหญิงแก้ว

“ฮัลโหล คุณแก้ว...ทุกอย่างเรียบร้อยโรงเรียนเราสองคนแล้วค่ะ”

“จริงหรือคะ แหมดีใจจริงๆ เดี๋ยวน้องจะไปบอกลูกพิณทองก่อนนะคะ ขอบคุณมากค่ะ คุณพี่” คุณหญิงแก้ววางสายด้วยสีหน้ายิ้มแย้ม รีบไปบอกข่าวดีนี้กับลูกสาว ทีแรกพิณทองไม่ยอมแต่งงานด้วย เพราะคิดว่าพิชญ์ถูกแม่ของเขาบังคับ คุณหญิงแก้วยืนยันไม่มีการบังคับใดๆทั้งสิ้น พิชญ์เป็นคนบอกเองว่าอยากแต่งงาน ถ้าลูกไม่เชื่อ ให้รอถามเจ้าตัวเอาเอง เพราะเขาจะกินมื้อค่ำที่บ้านของเรา...

พิณทองทนเก็บเรื่องน่ายินดีนี้ไว้ไม่ไหว รีบโทร.แจ้งน้าลบว่างานแต่งงานจะมีขึ้นตามกำหนดเดิม อดิศวร์ดีใจไปกับเธอด้วย และไม่ลืมที่จะชวนเธอกับพิชญ์มาฮันนีมูนที่คฤหาสน์โดมทอง...

เช้านี้วิรงรองมีโอกาสได้พบอุไรที่ห้องโถงใหญ่ของคฤหาสน์ตามลำพัง จึงสอบถามถึงเหตุการณ์แปลกประหลาดที่เธอเจอหน้าห้องทำงานอดิศวร์เมื่อคืน อุไรทำหน้าเหมือนจะร้องไห้มั่นใจว่าสิ่งที่วิรงรองเจอคือผี แต่ยังไม่ทันจะพูดอะไร อดิศวร์เข้ามาต่อว่าเธอเสียก่อนว่าทำไมถึงทิ้งคุณย่าไว้เพียงลำพัง สั่งให้รีบกลับไปเฝ้า พออุไรคล้อยหลัง อดิศวร์แจ้งข่าวดีของพิณทองให้วิรงรองฟังว่า พิชญ์กับพิณทองกำหนดวันแต่งงานเรียบร้อยแล้ว

วิรงรองใจหาย พยายามซ่อนความรู้สึกไว้ อดิศวร์ไม่วายตอกย้ำว่าอย่าลืมสัญญาที่ให้ไว้ว่าจะอยู่ที่นี่ จนกว่าสองคนนั่นจะแต่งงานกัน เธอยืนยันว่าเป็นคนรักษาสัญญาเสมอไม่เคยคืนคำ แล้วขอตัวออกไป...

ในเวลาต่อมา ขณะวิรงรองเดินทอดอารมณ์อยู่ในสวนดอกไม้เจออุษากำลังซุบซิบอยู่กับแม่ครัว เธอย่องเข้าไปแอบฟังใกล้ๆ ได้ยินแม่ครัวซึ่งเพิ่งกลับจากซื้อกับข้าวสดบอกอุษาว่าเจอพันธ์สูรย์ที่ตลาด ฝากจดหมายมาให้เธอด้วย วิรงรองไม่เห็นมีอะไรน่าสนใจจึงค่อยๆหลบออกมา...

แสงแขนึกถึงคำแนะนำของอุษาที่ว่าถ้าอยากให้อดิศวร์รักและสนใจก็ต้องหมั่นคอยดูแลเอาใจใส่คุณย่าให้ดี จึงพยายามเข้าไปประจบประแจง แต่ท่านกลับไม่ต้องการให้เธอมาอยู่ใกล้ชิดเพราะชังน้ำหน้า สั่งให้อุไรไปตามอุษามาหา แล้วหันไปเล่นงานแสงแข

“จะมาสอพลอฉันเรอะ ฉันรู้ทันแกหรอก จะบอกอะไรให้ถึงฉันไม่ขัดขวาง ตาลบเขาก็ไม่เอาแก เฮอะพยายามมาตั้งกี่ปีแล้วล่ะ แกน่ะไม่อยู่ในสายตาหลานฉันหรอก เจียมกะลาหัวเสียบ้าง หน้าอย่างแกอย่าเผยอมาตีเสมอหลานฉัน...ออกไป” ท่านผู้หญิงสรรักษ์ตะเพิดไม่ไว้ หน้า แสงแขกล้ำกลืนความแค้นก่อนจะคลานถอยหลังออกไป ท่านผู้หญิงมองตามด้วยสายตาเกลียดชังไม่แพ้กัน...

แสงแขอารมณ์ค้างจากถูกคุณย่าเล่นงาน พอเห็นวิรงรองหอบดอกกุหลาบช่อใหญ่กลับมา ปราดเข้าไป หาเรื่อง สองสาวมีปากเสียงกันพอหอมปากหอมคอก่อนจะแยกย้ายกันไป

ooooooo

พอท่านผู้หญิงสรรักษ์รู้ว่าคืนนี้เป็นคืนวันเพ็ญขึ้น 15 ค่ำ พึมพำเสียงดังว่า ถึงเวลาที่ผีพลับพลึงจะมาหาตนอีกแล้ว อุไรกลัวมาก จัดแจงชวนอุษามานอนค้างด้วยกัน แต่อ้างว่าอยู่ด้วยกันหลายคน คุณท่านจะได้อุ่นใจ

“คุณย่าจะให้อุษามานอนด้วยไหมคะ”

“ดี...พวกแกจะได้คอยช่วยกันไล่นังพลับพลึงให้ฉัน เอาพระมาด้วยเยอะๆนะ นังพลับพลึงมันเป็นผี...ผีกลัว พระ” ท่านผู้หญิงพูดจบหัวเราะลั่น อุษากับอุไรมองสบตากันสีหน้าหวาดหวั่นที่ท่านคุ้มดีคุ้มร้าย...

เสร็จจากดูแลคุณย่า อุษาหลบเข้าห้องตัวเอง หยิบจดหมายที่พันธ์สูรย์ฝากแม่ครัวมาให้ขึ้นมาเปิดอ่านเป็นจดหมายนัดแนะให้ไปเจอกันที่เดิม พรุ่งนี้บ่ายสองโมง อุษาทั้งดีใจและกังวลใจปนกัน...

ดึกสงัดคืนนั้น เหตุการณ์ที่เคยเกิดขึ้นทุกคืนวันเพ็ญขึ้น 15 ค่ำ ปรากฏขึ้นเหมือนเดิมอีกครั้งหนึ่ง ทั้งแสงจากเทียนไขที่ถูกจุดขึ้นภายในห้องใต้โดม รวมทั้งชายในชุดเสื้อคลุมสีดำสวมหมวกหลุบต่ำบนรถม้าที่ควบมายังคฤหาสน์ เสียงเพลงชวนขนหัวลุกเพลงนั้นปลุกวิรงรองให้ตื่นจากหลับใหล ลุกขึ้นไปยืนมองที่หน้าต่าง เห็นชายในชุดเสื้อคลุมสีดำสวมหมวกขับรถม้ามาหยุดบริเวณใต้หน้าต่างห้อง

ชายคนนั้นเงยหน้าขึ้นมองช้าๆวิรงรองกลัวเขาจะเห็นรีบหลบเข้าเงามืด ก่อนจะค่อยๆโผล่หน้าออกไปดู เขายังคงเงยหน้าขึ้นมามองราวกับรอใครบางคนลงไปหา หมวกที่หลุบต่ำทำให้เห็นใบหน้าไม่ชัดเจน เพียงแค่นั้นก็สร้างความตื่นตระหนกให้วิรงรองไม่น้อย...

เสียงคนเดินลากโซ่ตรวนดังใกล้ห้องท่านผู้หญิงสรรักษ์เข้ามาทุกขณะ เจ้าของห้องรู้สึกตัวตื่นเรียกหาอุษาและอุไรแต่ไม่มีใครได้ยิน เสียงเดินลากโซ่ตรวนมาหยุดที่หน้าประตูห้อง พลันประตูเปิดผลัวะ เผยให้เห็นใบหน้าสวยของพลับพลึงที่ค่อยๆเละจนกระทั่งเหลือเพียงโครงกระดูก ท่านผู้หญิงสรรักษ์กรีดร้องด้วยความหวาดกลัวก่อนจะตกใจตื่นจากความฝัน อุษาและอุไรพลอยตื่นไปด้วย ปราดเข้าไปถามว่าเกิดอะไรขึ้น

“นังพลับพลึงมันมาอีกแล้ว มันมาอีกแล้ว...” ท่านผู้หญิงสรรักษ์ร้องไห้โฮด้วยความหวาดกลัว...

เสียงกรีดร้องของท่านผู้หญิงสรรักษ์จางหายไป เช่นเดียวกับชายในชุดดำกับรถม้าคันนั้น

ooooooo

วิรงรองอยากรู้เรื่องชายในชุดดำกับรถม้า จึงไปสอบถามนายสมและขอให้ช่วยพาไปโรงเก็บรถม้า เขากลับพาไปยังโรงไม้ซึ่งภายในมีรถม้าสภาพเก่าผุพังจอดอยู่ ดูแล้วไม่น่าจะใช้งานได้

“มีคันเดียวนี่หรือคะ”

นายสมยืนยันว่ามีคันเดียว วิรงรองเดินเข้าไปสำรวจใกล้ๆ พบเศษดินใหม่ๆติดอยู่ที่ล้อเหมือนเพิ่งกลับเข้ามา เธอชี้ให้นายสมดู เขาถึงกับชะงักแต่กลับบอกว่าไม่มีอะไร วิรงรองบรรยายลักษณะของชายที่เธอเห็นเมื่อคืนให้เขาฟังเผื่อจะจำได้ว่าเป็นใคร นายสมรีบตัดบทบอกให้วิรงรองกลับไปได้แล้ว...

หญิงสาวผู้มาใหม่ไม่ละความพยายาม เรียกอุไรมาสอบถามเรื่องราวต่างๆภายในคฤหาสน์ อุไรรีบออกตัวว่าเธอไม่ใช่พวกปากโป้ง ไม่มีอะไรจะบอกทั้งสิ้น แต่เรื่องราวต่างๆกลับพรั่งพรูจากปากเธอราวกับทำนบแตกทั้งเรื่องที่พลับพลึงเป็นน้องสาวของท่านผู้หญิงสรรักษ์ รวมถึงเรื่องที่ท่านเจ้าพระยาเกิดถูกตาต้องใจน้องเมียจนเกิดเรื่องราวใหญ่โต สองพี่น้องมองหน้ากันไม่ติด

“ตอนหลังดูเหมือนคุณพลับพลึงจะตัดสินใจหนีออกจากโดมทองเพื่อตัดปัญหา ส่วนเจ้าคุณก็ตรอมใจตาย”

เล่าเสร็จสรรพ อุไรขอตัวกลับไปทำงานต่อ วิรงรองอดแปลกใจไม่ได้ทำไมชื่อของผู้หญิงคนนั้นถึงมาคล้ายกันกับของตนที่พิชญ์เรียกขาน และยังมีเรื่องแปลกๆของรถม้าคันนั้นอีก

ooooooo

อ่านละคร โดมทอง ตอนที่ 3


อดิศวร์ไม่พอใจมากที่วิรงรองจุ้นจ้าน เที่ยวถามโน่นถามนี่จากคนของเขาถึงเรื่องราวภายในบ้าน ตำหนิอย่างแรงที่เธอชอบสร้างความวุ่นวายไม่ได้หยุดหย่อน วิรงรองท้าทายถ้าเห็นว่าเธอสร้างปัญหาให้นักจะส่งกลับบ้านก็ได้ อดิศวร์ยืนกรานจะไม่ยอมปล่อยเธอกลับไปแย่งคู่หมั้นหลานของเขา

“ถ้าลองคิด ทบทวนดูให้ดีๆ หลานสาวคุณต่างหากที่แย่งพิชญ์ไปจากฉัน...ฉันกับพิชญ์รักกันมาสองปี เราสัญญาว่าจะแต่งงานกันเมื่อเรียนจบกลับมา แต่แล้วหลานคุณก็เข้ามาแทรก”

“พิณทองไม่ใช่คนอย่างนั้น”

“แล้วเป็นอย่างไหนล่ะ คุณลองถามคนทั้งโลกดูก็ได้ว่ากรณีแบบนี้ใครกันแน่เป็นคนถูกแย่งแฟน”

ชาย หนุ่มถึงกับอึ้งที่ถูกยอกย้อน วิรงรองยังกล่าวหาว่าเขาเป็นจอมเจ้ากี้เจ้าการ วางแผนแยกเธอออกมาเพื่อให้พิณทองเข้าไปแทนที่ แล้วยังหน่วงเหนี่ยวกักขังเธอไว้โดยอ้างโน่นอ้างนี่ไปเรื่อย ความจริงถ้าเธอจะไปก็ไปได้ แต่เพื่อแสดงความบริสุทธิ์ใจ และเพื่อศักดิ์ศรีของตัวเอง เธอจะอยู่ที่นี่ให้ครบตามสัญญา...

ฝ่ายอุษา คิดทบทวนอยู่หลายตลบ จะไปหาพันธ์สูรย์ตามนัดดีหรือไม่ สุดท้ายเธอตัดสินใจแต่งตัวด้วยชุด ขี่ม้า แสร้งไปขี่ม้าเล่นแล้วจะได้เลยไปยังจุดนัดหมาย แต่ดูเหมือนแสงแขจะรู้เท่าทันความคิดของพี่สาวตัวเอง ขู่ถ้ายังดื้อดึงไปพบพันธ์สูรย์จะไปฟ้องคุณลบให้มาจัดการ อุษาไม่สนใจเชิญเธอขี่ม้าสามศอกไปฟ้องได้เลย...

แสงแขนำเรื่องนี้ไปฟ้อง อดิศวร์ตามที่ขู่ เขาไม่เชื่อว่าอุษาจะกล้าขัดคำสั่ง และอีกอย่างหนึ่ง เท่าที่เขารู้ตอนนี้พันธ์สูรย์อยู่กรุงเทพฯ แต่ก็ขอบใจเธอมากที่คอยเป็นหูเป็นตาให้ แสงแขยิ้มเป็นปลื้มแก้มแทบปริ...

ที่ ป่าละเมาะห่างจากทุ่งพลับพลึงไม่มากนัก พันธ์สูรย์มาพบอุษาตามนัด พอเห็นหน้ากันเท่านั้น อุษาโผสู่อ้อมแขนของเขาด้วยความรักและคิดถึง พันธ์สูรย์ตั้งใจจะตัดขาดจากเธอแต่ทำไม่ได้ คิดจะไปพูดคุยกับอดิศวร์ให้รู้ดำรู้แดงไปเลย อุษาขอร้องอย่าทำอย่างนั้น เพราะอดิศวร์คงจะไม่ยกโทษให้เธอ ขอเวลาอีกสักระยะจะจัดการเรื่องนี้เอง พันธ์สูรย์ไม่ได้มามือเปล่าซื้อมือถือมาเป็นของกำนัลเธอด้วยเผื่อเราสองคนจะ ได้ติดต่อกันง่ายขึ้น

อุษาไม่อยากมีปัญหา จึงไม่ยอมรับไมตรีนั้น แล้วขอตัวกลับก่อน อ้างว่าต้องไปดูแลคุณย่า...

ในเวลาต่อมา อุษากลับถึงบ้านพัก อดิศวร์เห็นท่าทางมีพิรุธของเธอแล้ว ฉุกคิดถึงคำพูดของแสงแขที่สงสัยว่าเธออาจจะลอบไปพบกับพันธ์สูรย์ จึงคาดคั้นให้พูดความจริงมา อุษายืนยันว่าไม่มีอะไร แล้วขอตัวไปเปลี่ยนเสื้อผ้า จะต้องไปดูแลข้าวปลาอาหารให้คุณย่า อดิศวร์มองตามด้วยสายตาเย็นชาก่อนจะผละไปอีกทางหนึ่ง วิรงรองซึ่งแอบดูอยู่ ย่องตามอุษาไปจนทันกันหน้าห้องพักของฝ่ายหลัง ถามเสียงใสว่า

“ที่นี่มี ม้าด้วยหรือคะ ฉันขี่ม้าเป็น...” วิรงรองพูดยังไม่ทันจบ อุษารู้เท่าทัน ขัดขึ้นเสียก่อนว่าต้องไปขออนุญาตคุณลบเอาเอง วิรงรองถึงกับหน้าจ๋อย อารามอยากขี่ม้ามาก ตัดสินใจจะลองดูสักตั้ง...

กว่าจะได้รับคำยินยอมให้ ขี่ม้าได้ วิรงรองต้องปะทะคารมกับอดิศวร์อยู่พักใหญ่จนเหงือกแทบแห้ง แต่ก็คุ้มค่า ครู่ต่อมา นายสมจัดม้าตัวที่เชื่องที่สุดให้วิรงรองขี่ และเตือนว่าอย่าไปไหนไกลนักเดี๋ยวจะหลงทาง หญิงสาวรับคำ บังคับม้าวิ่งเหยาะออกไป โดยมีนายสมมองตามอย่างโล่งใจที่เห็นท่าทางคล่องแคล่วนั้น

ooooooo

อ่านละคร โดมทอง ตอนที่ 2-3 วันที่ 7 มิ.ย. 56

ละครเรื่อง โดมทอง บทประพันธ์โดย วราภา
ละครเรื่อง โดมทอง บทโทรทัศน์โดย : ภาวิต
ละครเรื่อง โดมทอง กำกับการแสดงโดย : นนทนันท์ ธัญญาสิริทรัพย์
ละครเรื่อง โดมทอง ควบคุมการผลิตโดย : สยม สังวริบุตร
ละครเรื่อง โดมทอง แนวละคร : ชีวิต ลึกลับ ตื่นเต้น
ละครเรื่อง โดมทอง ออกอากาศทุกวันจันทร์ และวันอังคาร เวลา 20.25 น. ทางช่อง 7 สี
ที่มา ไทยรัฐ