อ่านละคร โดมทอง ตอนที่ 5 วันที่ 14 มิ.ย. 56

อ่านละคร โดมทอง ตอนที่ 5 วันที่ 14 มิ.ย. 56

พิชญ์ทั้งทึ่งทั้งตะลึงเมื่อเห็นทุ่งพลับพลึงชูช่อขาวสะพรั่งไกลสุดลูกหูลูกตา พิณทองมองอย่างตื่นตาตื่นใจ เพราะไม่เคยเห็นดอกพลับพลึงมากมายขนาดนี้มาก่อน อดิศวร์กระเซ้าพิชญ์ว่าถึงกับอึ้งเลยหรือ

“พิชญ์เขามีความหลังกับดอกพลับพลึงค่ะ” พิณทองไม่วายเหน็บสามีตัวเอง

“แปลกจัง ทำไมคนชอบมีความหลังกับดอกพลับพลึง” แสงแขพูดเรื่อยเปื่อยไม่ทันคิดอะไร

พิณทองชักจะสนใจขึ้นมา อยากรู้ว่าทำไมแสงแข ถึงพูดแบบนั้น อดิศวร์รีบตัดบทบอกให้สองสามีภรรยาไปถ่ายรูปด้วยกัน พิณทองปฏิเสธทันทีว่าแม้ทุ่งแห่งนี้จะสวยแต่เธอไม่อยากถ่ายภาพเก็บไว้ แสงแขเห็นอาการ แปลกๆของทั้งคู่แล้วชักเอะใจแต่ไม่ได้พูดอะไร อดิศวร์เห็นไม่เข้าทีชวนหลานไปเที่ยวชมที่อื่นกันต่อ พิณทองหมดอารมณ์ขึ้นมาดื้อๆขอกลับที่พัก อ้างว่าแดดเริ่มแรง ทัวร์โดมทองเป็นอันต้องจบลงโดยปริยาย...


อดิศวร์สังเกตเห็นอากัปกิริยาที่เปลี่ยนจากสดใสเป็นหม่นหมองของหลานสาว เมื่อกลับถึงโดมทอง จึงขอคุยกับเธอเป็นการส่วนตัวแล้วเดินนำไปยังห้องทำงานของเขา แกล้งถามว่าเกิดอะไรขึ้นทั้งที่รู้แก่ใจดี พิณทองถูกจี้จุดถึงกับน้ำตาร่วง จากนั้นทุกอย่างก็พรั่งพรูออกจากปากหญิงสาว เริ่มตั้งแต่แอบได้ยินพิชญ์พูดโทรศัพท์กับเพื่อนเพื่อให้ช่วยตามสืบหาแฟนเก่าที่ชื่อพลับพลึงของเขา

“น้าลบไม่เห็นสีหน้าพิชญ์ตอนที่เห็นทุ่งพลับพลึงหรอกหรือคะ”

“แล้วคุณพิณเคยเห็นผู้หญิงคนนั้นหรือเปล่า”

พิณทองส่ายหน้าแทนคำตอบ อดิศวร์ถึงกับถอนใจโล่งอก แล้วปลอบใจว่าผู้หญิงชื่อเชยๆ คนนั้นเป็นอดีตของพิชญ์ไปแล้ว เธอต่างหากคือปัจจุบันและอนาคตของเขา พิณทองกลัวเหลือเกินว่าทั้งคู่จะกลับไปหากันอีกเพราะพิชญ์รักผู้หญิงคนนั้นมาก อดิศวร์รับรองว่าพิชญ์จะไม่มีวันย้อนกลับไปหาผู้หญิงชื่อเชยๆคนนั้นอีกเด็ดขาด ขอให้พิณทองทำใจให้สบายและใช้ชีวิตอย่างมีความสุขที่สุด...

ในเวลาต่อมา วิรงรองหอบกุหลาบช่อใหญ่ลงจากรถภูไทที่มาจอดส่งหน้าประตูรั้ว แล้วมุ่งหน้าไปยังคฤหาสน์โดมทองพลางสูดดอกกลิ่นหอมของกุหลาบในมืออย่างชื่นอกชื่นใจ ทันใดนั้นมีเสียงดังขึ้นจากด้านหลัง

“สดชื่นผิดไปเป็นคนละคนเลยนะ...รู้จักคำที่ว่าไปลามาไหว้ไหม”

วิรงรองหันขวับ เห็นอดิศวร์ยืนมองด้วยสายตาตำหนิ เขายังต่อว่าอีกว่าคนที่มีมารยาท มีการอบรมจะออกไปไหน จะต้องบอกให้ผู้ใหญ่หรือเจ้าของบ้านรับรู้ก่อนทุกครั้งไม่ใช่นึกอยากจะไปก็ไป นึกจะมาก็มา วิรงรองไม่พอใจที่ถูกด่าทางอ้อม ยังไม่ทันจะอ้าปากอธิบาย เขาชิงด่าว่าอีกไม่เปิดโอกาสให้เธอแก้ตัว วิรงรองหมดความอดทนขอลาออก ไม่ขออยู่ที่นี่อีกต่อไป

“เชื่อเถอะว่าเดี๋ยวเธอจะต้องเปลี่ยนคำพูดแถม อาจจะนึกขอบใจฉัน” อดิศวร์ยิ้มยั่ว วิรงรองทั้งโกรธทั้ง เกลียด จ้องหน้าเขาราวกับจะเผาให้มอดไหม้ แล้ววิ่งเข้า ตัวตึกตรงไปหาอุษาที่ห้องพัก แบ่งกุหลาบในมือให้ครึ่งหนึ่งพลางกระซิบว่าพันธ์สูรย์ฝากมาให้

อุษาหน้าเครียดขึ้นมาทันที เดินหนีไปยืนอีกมุมหนึ่งของห้อง ขณะที่วิรงรองเอาช่อกุหลาบไปใส่ไว้ในอ่างล้างมือเปิดน้ำแช่ไว้แล้วบอกอุษาให้รับดอกไม้ช่อนี้ไว้เป็นสื่อแทนความรักจากพันธ์สูรย์ อุษาขอร้องอย่าพูดถึงเรื่องที่เป็นไปไม่ได้

“ทำไมจะเป็นไปไม่ได้คะ คนเรามีอิสระที่จะรักแล้วก็เลือกคนที่ตัวเองรัก” วิรงรองว่าแล้วหยิบมือถือขึ้นมากดหาพันธ์สูรย์โดยไม่สนใจคำทักท้วงของอุษา แล้วคะยั้นคะยอให้เธอคุยกับเขา

ooooooo

หลังจากทำตัวเป็นทูตสันถวไมตรีให้อุษากับพันธ์-สูรย์ วิรงรองโทร.ไปเล่าเรื่องนี้ให้อนิรุทธิ์ฟัง เขาเตือนว่าไม่น่าไปยุ่งเรื่องในครอบครัวของคนอื่น รังแต่จะหาเรื่องใส่ตัวเปล่าๆ วิรงรองเถียงข้างๆ คูๆ ว่าไม่ได้ยุ่ง เพียงแต่ไม่เห็นด้วยที่ใครบางคนเที่ยวไปบังคับไม่ให้คนอื่นรักกัน อนิรุทธิ์ว่าประชดว่าสงสัยวิรงรองจะว่างมากเกินไป

“ใช่ว่างมาก แค่นี้นะ วันนี้ยังไม่ได้โทร.รายงานตัวกับคุณเลย คิดถึงนะจ๊ะ” วิรงรองวางสายจากเพื่อนรักแล้วโทร.หาแม่

ขณะที่วิรงรองกำลังคุยเม้าท์แตกอยู่กับแม่ อดิศวร์พยายามโทร.หาแต่สายไม่ว่าง โทร.อยู่นานสองนานก็ไม่ติด เริ่มหงุดหงิด ตัดสินใจไปพบวิรงรองที่ห้องด้วยตัวเอง...

เสียงเคาะประตูห้องดังขึ้น ทำให้การพูดคุยระหว่างวิรงรองกับแม่ต้องหยุดลง หญิงสาวกดปิดมือถือแล้วเดินไปเปิดประตูรับด้วยสีหน้ายิ้มแย้มเพราะคิดว่าเป็นอุษา แต่แล้วสีหน้านั้นแปรเปลี่ยนเป็นบูดบึ้งทันทีที่เห็นอดิศวร์ยืนอยู่ เขาไม่พูดไม่จาถือวิสาสะเข้ามาในห้องปิดประตูตามหลัง ก่อนจะบอกว่าเขาเปลี่ยนใจแล้ว วิรงรองดีใจคิดว่าอดิศวร์อนุญาตให้กลับบ้านได้ เจ้านายหนุ่มส่ายหน้า

“เปล่าเธอต้องเก็บเนื้อเก็บตัวอยู่ในห้องนี้สักพักหนึ่ง ข้าวปลาอาหารฉันจะให้อุไรเอาเข้ามาให้ แล้วถ้าเธอต้องการอะไรก็บอกอุไร คิดว่าฉันขอร้องก็แล้วกัน”

“ทำไม”

“ไม่ต้องถาม ถ้าเธอไม่ยอมฉันก็ต้องจำใจขัง” อดิศวร์สั่งเสร็จก็ออกไป วิรงรองตามมาโวยวายลั่น

“คิดหรือว่าฉันจะยอมให้คุณขัง”

เสียงเอะอะทำให้ทั้งพิชญ์ พิณทองและอุษาต่างออกจากห้องมาดู พิชญ์ถึงกับตะลึงด้วยความดีใจ เพ้อเรียกชื่อ “พลับพลึง” ก่อนจะก้าวเข้าไปหาอย่างลืมตัว พิณทองเห็นอาการของสามีแล้วเดาได้ไม่ยากกว่าเกิดอะไรขึ้น อดิศวร์รีบแก้ไขสถานการณ์เฉพาะหน้า โอบไหล่วิรงรองไว้

“คุณพิชญ์คงจำคนผิด นี่คุณวิรงรอง เธอกับผมกำลังศึกษากันอยู่”

“จริงหรือพลับพลึง” พิชญ์ไม่อยากจะเชื่อหูตัวเอง หญิงสาวไม่ตอบเดินหนีเข้าห้อง ปิดประตูตามหลัง

พิณทองก็กลับเข้าห้องพักตัวเองไปเงียบๆพิชญ์ปราดมาที่หน้าห้องวิรงรองจะเรียกให้ออกมาคุยกันก่อน อดิศวร์ขวางไว้ เตือนสติว่านี่ห้องของตน ส่วนห้องของเขาอยู่ทางโน้น และเขาควรจะรีบกลับไปอธิบายให้ภรรยาของเขาเข้าใจ พิชญ์ไม่ยอมกลับต้องคุยกับพลับพลึงในคราบวิรงรองให้รู้เรื่องก่อน อดิศวร์หน้าเครียดขึ้นมาทันที

“ไม่ได้...คุณไม่ควรทำให้พิณทองเสียใจ อีกอย่างวิรงรองกับผมกำลังดูใจกันอยู่”

พิชญ์ไม่เชื่อว่าจะเป็นไปได้ อดิศวร์ไม่สนว่าเขาจะเชื่อหรือไม่ แต่จะไม่ยอมปล่อยให้เขาทำให้พิณทองเสียใจเด็ดขาด พิชญ์เห็นท่าทางเอาเรื่องของอดิศวร์แล้วจำต้องกลับเข้าห้องพักตัวเอง ประมุขคฤหาสน์โดมทองหันกลับมาเจอสายตาที่เต็มไปด้วยคำถามของอุษา ถึงกับชะงักไปเล็กน้อย

“ถ้ามีใครถามก็ให้ตอบตามนี้”อดิศวร์กำชับเสร็จ ก้าวฉับๆจากไป...

ด้านพิณทองไม่ต้องการฟังคำอธิบายใดๆของสามี แค่เห็นสายตาอาลัยอาวรณ์ที่เขามองผู้หญิงคนนั้นมันแทนได้ทุกคำพูดอยู่แล้ว เธอจัดแจงคว้าหมวกจะออกไปข้างนอก ขอเวลาเธออยู่ลำพังคนเดียวเพื่อจะได้คิดทบทวนเรื่องราวต่างๆสักพัก แล้วเดินจากไปทั้งน้ำตา...

ฝ่ายวิรงรองซบหน้ากับหมอนร้องไห้คับแค้นใจสุดๆมั่นใจว่านี่ต้องเป็นแผนการชั่วร้ายของอดิศวร์

ooooooo

หลังจากปล่อยให้หลานสาวอยู่ลำพังกับตัวเองพักใหญ่ก็ยังไม่มีทีท่าจะหยุดร้องไห้ อดิศวร์ตัดสินใจเข้าไปปลอบ พิณทองเอาแต่ร้องห่มร้องไห้คร่ำครวญว่าไม่ควรเชื่อแม่ตัวเองยอมแต่งงานกับพิชญ์ทั้งๆที่ควรจะดูใจกันให้นานกว่านี้ ถ้าย้อนเวลากลับไปได้เธอจะไม่ยอมแต่งงานกับเขา

“ในเมื่อเราย้อนเวลากลับไปไม่ได้ เราก็ต้องหันกลับมามองปัจจุบันแล้วทำทุกอย่างให้ดีที่สุด”

พิณทองพอจะมองออกว่าน้าชายคงรู้เรื่องนี้มาก่อนแล้ว ถึงตัดสินใจช่วยเธอโดยพาหญิงคนนั้นมาที่นี่ และยังคิดคบหากับหล่อนเพื่อเธอ อดิศวร์ไม่กล้าสบตาหลานสาว อ้อมๆ แอ้มๆว่าไม่เชิงเป็นอย่างนั้น

“ที่พิณถามนี่ก็เพราะคิดว่ามันไมยุติธรรมสำหรับเธอ”

“จนอย่างนี้แล้วยังจะเป็นห่วงความรู้สึกคนอื่นอีก” อดิศวร์มองหลานสาวด้วยความชื่นชม

พิณทองไม่ได้เป็นห่วงความรู้สึกผู้หญิงคนนั้น แต่รู้ว่าการที่อยู่กับคนที่ไม่รักเรามันทรมานแค่ไหน อดิศวร์ขอโทษที่ทำให้หลานสาวต้องทุกข์ใจ ถ้าคิดจะกลับกรุงเทพฯเมื่อไหร่เขาจะจัดการให้ เธอยังกลับตอนนี้ไม่ได้ ต้องเคลียร์เรื่องนี้ให้เสร็จสิ้นด้วยตัวเองก่อน อดิศวร์ตามใจ หลานว่าอย่างไรว่าตามกัน

“น้าลบจะให้เธอย้ายมาอยู่ปีกเดียวกับน้าลบ อย่างน้อยคุณพิณอาจรู้สึกดีขึ้น”...

ฝ่ายวิรงรองไม่ล่วงรู้เลยว่าห้องที่อดิศวร์ให้ย้ายมาพักเป็นห้องนอนเก่าของพลับพลึง คุณย่าน้อยของที่นี่...

ทันทีที่รู้จากแสงแขว่าอดิศวร์ย้ายวิรงรองไปพักอยู่ห้องติดกับห้องของเขา ท่านผู้หญิงสรรักษ์ไม่พอใจมาก สั่งให้แสงแขไปตามตัวหลานชายมาพบ เธอขอร้องท่านว่าอย่าให้อดิศวร์รู้ว่าเธอเป็นคนมารายงานเรื่องนี้

“เอ๊ะ นังคนนี้ แกคิดว่าฉันโง่นักหรือ...เฮอะ ถ้าฉันโง่ล่ะก็นังนั่นไม่ได้ระเห็จขึ้นไปตายอยู่บนนั้นหรอก” ท่านผู้หญิงสรรักษ์รู้สึกตัวว่าเผลอพูดอะไรที่ไม่ควรพูด รีบไล่แสงแขไปตามอดิศวร์เพื่อกลบเกลื่อน...

ไม่นานนัก อดิศวร์มาพบท่านผู้หญิงสรรักษ์ตามคำสั่ง แสงแขค่อยๆหลบออกจากห้องอย่างสงบเสงี่ยมเจียมตัว ท่านผู้หญิงสรรักษ์ตัดพ้อหลานชายว่าไม่รักย่าคนนี้แล้วใช่ไหมถึงได้ไม่เชื่อฟัง แถมยังให้นังนั่นย้ายไปอยู่ห้องติดกับเขาอีกต่างหาก อดิศวร์อยากรู้ว่าใครกันที่เอาเรื่องร้อนใจมาบอกคุณย่า เห็นทีจะให้อยู่ที่นี่ต่อไปไม่ได้

ท่านผู้หญิงสรรักษ์กลับเห็นตรงกันข้าม คนที่รายงานเรื่องนี้ควรจะได้รับการตบรางวัลเพราะเป็นคนจงรักภักดีต่อท่าน ถ้าอดิศวร์ไล่เธอไป เราสองคนย่าหลานต้องขัดใจกัน แล้วไล่เขาออกจากห้อง

“คุณย่าครับ ผมมีเหตุผลที่ต้องทำอย่างนั้น”

“เหตุผลที่อยากจะได้มันใช่ไหม ลบนะลบ ย่าขอแค่นี้ทำไมให้ย่าไม่ได้ ผู้หญิงมากมายก่ายกอง ลบจะแต่งกับใครย่าไม่ว่าจะเป็นยาจกเข็ญใจย่าก็ทำใจยอมรับได้ ยกเว้นนังพลับพลึงคนนั้นคนเดียว”

“เธอชื่อวิรงรองครับไม่ใช่พลับพลึง”

ท่านไม่สนว่าจะเรียงเสียงใด แต่มันคือคนคนเดียวกัน อดิศวร์ทักท้วงจะเป็นไปได้อย่างไรที่คนสองคนจะเหมือนกันราวกับแกะโดยที่ไม่ได้เกี่ยงดองกันเลย ท่านผู้หญิงสรรักษ์ขอร้องว่าอย่าเถียง หน้าตาแบบนี้รับรองไม่มีวันลบเลือนจากใจท่านไปได้...

ครู่ต่อมา อดิศวร์ออกจากห้องคุณย่า แสงแขซึ่งรออยู่หน้าห้องร้อนตัวกลัวความผิด ปราดเข้ามาปฏิเสธ เป็นพัลวันว่าไม่รู้ไม่เห็นอะไรด้วย ถามว่าไม่รู้ไม่เห็นเรื่องอะไร เธอรู้ตัวทันทีว่าพลาดไปถนัดใจพยายาม แก้ตัวอย่างไรก็ฟังไม่ขึ้น

“พี่รักและเคารพคุณย่าก็จริงแต่ไม่ได้หมายความ ว่าจะต้องหลับหูหลับตาทำตามที่ท่านต้องการทุกอย่าง และคุณย่าก็รู้จักพี่ดีจนไม่คิดจะบังคับพี่” อดิศวร์ว่าแล้ว ผละจากไป แสงแขมองตามน้ำตาคลอ

ooooooo

แสงแขรอให้ท่านผู้หญิงสรรักษ์จัดการวิรงรองเพียงฝ่ายเดียวไม่ไหว คิดหาตัวช่วย ลากโอบไปที่ลับตาคนสั่งให้หาใครที่พอไว้ใจได้มาให้ เธอมีงานสำคัญจะให้ทำ แต่ต้องเก็บเป็นความลับ

“พี่ชายโอบค่ะ ชอบ โทร.มา...” โอบนึกขึ้นได้ว่า เผลอพูดเรื่องมือถือรีบเก็บปากเก็บคำ

“แกมีโทรศัพท์มือถือ...รู้ใช่ไหมว่าคุณย่ากับคุณลบห้ามทุกคนมีมือถือ”

โอบอ้างมีไว้สำหรับไถ่ถามสารทุกข์สุกดิบกันเท่านั้น แล้วถามแสงแขว่าจะให้อ๊อดพี่ชายของตนมาพบเมื่อไหร่ เจ้านายสาวห้ามมาที่นี่เด็ดขาด เธอจะไปพบเขาเองพรุ่งนี้เช้า...

ถึงเวลาอาหารค่ำ ทุกคนนั่งประจำที่ของตัว ยกเว้นวิรงรองเท่านั้นที่ไม่ได้มาร่วมโต๊ะด้วย พิณทองอยากให้ทุกอย่างเหมือนเดิมอย่างที่เคยเป็นมา ไม่อยากให้ตัวเองมาเปลี่ยนแปลงอะไรที่นี่ ถ้าให้เธอเดา ก่อนเธอจะมาที่นี่ วิรงรองจะต้องลงมาร่วมโต๊ะพร้อมหน้าพร้อมตากันแน่นอน

“กินข้าวเถอะคุณพิณ ทุกคนเขาหิวกันแล้วรวมทั้งน้าลบด้วย” อดิศวร์ตัดบท แล้วลงมือกินอาหาร พิณทองยังคาใจเรื่องวิรงรองไม่หาย...

อดิศวร์อยากให้เรื่องค้างคาใจยุติ จึงชวนพิณทอง กับพิชญ์มาคุยกันที่ห้องนั่งเล่น ยืนยันว่าเขากับวิรงรองหรือพลับพลึงกำลังคบหาดูใจกัน และอยากจะเริ่มต้นชีวิตใหม่ด้วยกัน พิชญ์เอาแต่นั่งก้มหน้าขบกรามแน่น

“วิรงรองเองก็อยากจะลืมเรื่องที่ผ่านมา เพราะฉะนั้นน้าลบไม่อยากให้คุณพิณรื้อฟื้นขึ้นมาอีก คุณด้วยคุณพิชญ์ อะไรที่ผ่านมาแล้วก็ขอให้ผ่านเลยอย่าจมอยู่กับอดีต ชีวิตเราทุกคนต้องดำเนินต่อไป”

“ผมยังข้องใจอยู่อย่างหนึ่ง แล้วก็คิดว่าพิณเองก็เหมือนกัน ทำไมเราสองคนถึงต้องมาเจอกับพลับ...เอ่อ วิรงรองที่นี่ มันเป็นความตั้งใจของน้าลบหรือเปล่า”

อดิศวร์อ้างว่าครอบครัวของตนกับครอบครัวของอาสุรภีซึ่งเป็นแม่บุญธรรมของวิรงรองสนิทกันเหมือนญาติ ท่านคอยส่งพยาบาลมาดูแลคุณย่าจนกระทั่งวิรงรองมีเรื่องไม่สบายใจมาก คุณแม่ของเธอปรึกษากับอาสุรภีแล้วตกลงใจให้มาอยู่ที่นี่เพื่อเธอจะได้ลืมเรื่องที่กรุงเทพฯ แล้วก็ช่วยดูแลคุณย่าไปในตัวด้วย วิรงรองตัดสินใจหนีมาที่นี่ โดยไม่คิดจะต่อสู้แย่งชิงพิชญ์ด้วยซ้ำ พิชญ์รู้สึกเจ็บแปลบใจทนฟังต่อไม่ไหวขอตัวลุกออกไป

“พูดแล้ว พิณดูเหมือนนางมารร้ายขณะที่วิรงรองเหมือนนางฟ้าเลยนะคะ”

อดิศวร์ไม่ได้หมายความอย่างนั้น ที่พูดมาทั้งหมดก็เพื่อให้พิณทองสบายใจขึ้น แต่ถ้ายังไม่ดีขึ้นจะกลับกรุงเทพฯ เลยก็ได้ พิณทองไม่ยอมกลับ แม้จะเจ็บที่เห็นสามีตัวเองยังอาลัยอาวรณ์คนรักเก่าอยู่ แต่เธอต้องการให้เราสองคนเผชิญหน้ากับความรู้สึกเหล่านั้นซึ่งอาจเป็นวิธีเดียวที่จะรักษาให้หายได้ หรือไม่ก็อาจตายไปเลยแต่ยังดีกว่าทรมานอยู่กับความหวาดระแวงและความไม่แน่ใจ อดิศวร์เห็นด้วยกับความคิดนี้...

หลังได้ฟังความจริงจากอดิศวร์ พิณทองตัดสินใจแวะไปหาวิรงรองที่ห้องพักเพื่อขอโทษเธอด้วยตัวเองที่เข้าใจผิดคิดว่าเธอยังไม่เลิกติดต่อกับพิชญ์ เสร็จธุระก็ขอตัวกลับไปพักผ่อน ขณะกำลังจะเปิดประตูห้องออกไป พิณทองนึกอะไรขึ้นมาได้ หันกลับมาบอกวิรงรองว่าน้าชายของตนเป็นคนดีเป็นปริ้นซ์ชาร์มมิ่ง และยินดีกับเธอด้วยที่ได้ผู้ชายดีๆ เช่นเขา แล้วกลับออกไป วิรงรองยืนอึ้งอยู่ครู่หนึ่ง

“จะบ้าหรือปริ้นซ์ชาร์มมิ่งที่ไหน ท่านเคาน์แดร็กคิวล่าน่ะสิไม่ว่า”

ooooooo

พิณทองคิดว่าตัวเองทำใจกับเรื่องที่เกิดขึ้นได้แล้ว แต่พอรัฐมนตรีพจน์พ่อของเธอโทร.มาถามข่าวคราว เธอถึงกับปล่อยโฮ เล่าเรื่องที่เจอวิรงรองแฟนเก่าของพิชญ์ที่โดมทองให้ฟัง หลังวางสายจากลูก รัฐมนตรีพจน์ถ่ายทอดเรื่องนี้ให้คุณหญิงแก้วฟังและต่อว่า ว่าเคยเตือนแล้วอย่าบังคับลูกเพราะพิชญ์ยังลืมแฟนเก่าไม่ได้

“คนที่ต้องเสียใจช้ำใจก็คือลูกของเราเอง”

“แล้วแม่นั่นไปเสนอหน้าอยู่ที่โดมทองได้อย่างไร” คุณหญิงแก้วเสียงเขียว

“เธอไปช่วยดูแลท่านผู้หญิง”

คุณหญิงแก้วไม่เชื่อว่ามีเหตุผลแค่นั้น แม่นั่นไปโดมทองเพื่อจะไปจับอดิศวร์มากกว่า พอพิชญ์หลุดมือก็ต้องรีบหาผู้ชายคนใหม่แทนที่ เธอต้องโทร.ไปเตือนญาติผู้น้องให้รู้ตัวไว้ แล้วคว้ามือถือจะโทร.หา รัฐมนตรีพจน์รั้งไว้ขอร้องอย่าไปยุ่งกับอดิศวร์ซึ่งเป็นผู้ใหญ่แล้ว คงไม่ถูกผู้หญิงหลอกได้ง่ายๆ พิณทองน่าสงสารกว่ามากมายนัก เล่าไปร้องไห้ไป ตนเรียกให้กลับกรุงเทพฯก็ไม่ยอม คุณหญิงแก้วชวนรัฐมนตรีพจน์ไปรับลูกด้วยกัน

“ไม่มีประโยชน์ แกบอกว่าจะจัดการเองด้วยวิธีของแก ผมบอกแล้ว...ให้พวกเขาลองศึกษากันก่อน”

“มัวแต่ศึกษาแม่นั่นจะได้คว้าตาพิชญ์ไปน่ะสิคุณ ฉันจะลองปรึกษาคุณพี่วัชรีดู”...

ทางฝ่ายพิชญ์เองไม่อยากมีปัญหาจึงชวนพิณทองกลับกรุงเทพฯ เธอยืนยันคำเดิมจะอยู่ที่นี่ต่อไปตามที่ตั้งใจไว้แต่ต้น

“แล้วคุณก็ต้องมานั่งร้องไห้ฟ้องคุณพ่อคุณแม่เป็นเด็กๆ”

สองสามีภรรยาหมาดๆมีปากเสียงกัน พิณทองไม่พอใจจัดแจงจะหนีออกจากห้อง พิชญ์จับแขนเธอไว้แล้วดึงให้ลงนั่งที่เตียง ขืนออกไปแบบนี้คนอื่นจะคิดอย่างไร ถ้าเธอควบคุมอารมณ์ตัวเองไม่ได้สู้กลับกรุงเทพฯไม่ดีกว่าหรือ ไม่เช่นนั้นเราสองคนก็ต้องมานั่งเถียงกันอยู่แบบนี้ พิณทองล้มเลิกความตั้งใจจะออกไปข้างนอกคว้าชุดนอนแล้วเดินเข้าห้องน้ำ

ooooooo

เมื่อได้ทราบเรื่องราวที่เกิดขึ้นจากคุณหญิงแก้ว คุณหญิงวัชรีทนอยู่เฉยต่อไปไม่ได้ บุกไปเอาเรื่องปรางถึงบ้านแต่เช้า บอกให้เธอเอาลูกสาวออกมาจากโดมทอง ปรางไม่ยอมทำตาม ลูกสาวของเธออุตส่าห์หนีไปไกลถึงโน่น ลูกสะใภ้ของคุณหญิงวัชรียังไปเกี่ยวดองกับเจ้าของบ้านอีก และที่สำคัญลูกสาวของเธอไม่รับ คำสั่งใคร

“ถ้าฉันจะเซ็นเช็คให้ล่ะ” คุณหญิงวัชรีคิดจะเอาเงินฟาดหัว

ปรางเมินไม่รับ ถึงพวกตนจะไม่ได้ร่ำรวยเท่าคุณหญิงวัชรีกับพวก แต่ก็ไม่ได้ยากจนเข็ญใจ คุณหญิงวัชรีอยากรู้ว่าสองแม่ลูกต้องการอะไรกันแน่

“ต้องการให้คุณออกไปจากบ้านดิฉันค่ะ” ปรางออกปากไล่คุณหญิงวัชรีอย่างไม่ไว้หน้า...

ปรางรอจนยัยคุณหญิงเจ้ายศเจ้าอย่างไปพ้นสายตา คว้ามือถือจะโทร.หาลูก แต่แล้วเปลี่ยนใจ ไม่เล่าเรื่องนี้ให้ลูกฟังน่าจะเป็นการดีกว่า...

ขณะที่คุณหญิงวัชรีกับคุณหญิงแก้วรวมหัวกันหาทางจัดการวิรงรองพ้นเส้นทางรักของพิณทอง โอบพาแสงแขมาพบพี่ชายของเธอที่บ้านไม้เก่าทรุดโทรมหลังหนึ่ง เพื่อฟังแผนชั่วที่เธอเตรียมไว้สำหรับวิรงรอง...

ในระหว่างที่วิรงรองเดินทอดอารมณ์อยู่ที่สวนข้างคฤหาสน์ พิชญ์เข้ามาหา เธอไม่อยากมีปัญหาเดินเลี่ยงจะกลับเข้าตัวตึก เขาขวางทางไว้ขอร้องอย่าเพิ่งไปได้โปรดฟังเขาก่อน แล้วขยับเข้าใกล้ วิรงรองถอยกรูด

“ยืนอยู่ตรงนั้นนั่นแหละค่ะ ไม่อย่างนั้นฉันจะไม่ฟังต่อ”

พิชญ์ต่อว่าต่อขานทำไมต้องคอยหลบหน้ากันด้วย รู้ไหมว่าตลอดเวลาที่ผ่านมา เขาพยายามตามหาเธอไม่เคยว่างเว้น วิรงรองขอร้องถ้าจะมาพูดเรื่องนี้ เธอคงไม่มีอะไรจะพูดด้วย

“จนถึงขนาดนี้ คุณก็ยังใจร้าย...”

“ขอตัวนะคะ” วิรงรองรีบตัดบทแล้วเดินหนี ด้วยไม่ต้องการให้เขาเห็นน้ำตาที่เริ่มคลอเบ้า พิชญ์ไม่ละความพยายามรีบเดินตาม พลางร้องเรียกพลับพลึงให้หยุดคุยกันก่อน เธอหันขวับ

“ฉันชื่อวิรงรองไม่ใช่พลับพลึง กรุณาเรียกให้ถูกต้องด้วยค่ะ”

“แต่คุณคือพลับพลึงของผม”

วิรงรองหันหลังกลับวิ่งตรงไปยังคฤหาสน์พลางตะโกนลั่นว่าตนชื่อวิรงรองไม่ใช่พลับพลึง พิชญ์รีบวิ่งตามโดยไม่รู้ว่าอดิศวร์จับจ้องมองดูอยู่โดยตลอด เมื่ออดีตคู่รักทั้งสองคนวิ่งมาถึงหน้าคฤหาสน์ อดิศวร์ก้าวออกมาขวางไว้ วิรงรองชะงักเล็กน้อยก่อนวิ่งเข้าตัวตึก พิชญ์ขยับจะตาม อดิศวร์คว้าไหล่ไว้

“เรื่องของคุณกับวิรงรองจบไปแล้ว”

“จบแบบยังไม่เคลียร์ ผมมั่นใจว่าพลับพลึงยังรักผมอยู่”

อดิศวร์เตือนว่าอย่าได้พูดแบบนี้ให้หลานของเขาได้ยินเด็ดขาด พิชญ์รู้ดีว่าอะไรควรพูดไม่ควรพูด ตนไม่ได้ปัญญาอ่อนขนาดนั้น แล้วปัดมือเขาออก จ้ำพรวดๆ เข้าข้างใน อดิศวร์ได้แต่มองตามหงุดหงิด...

ครู่ต่อมาพิชญ์กลับมาที่ห้องพัก เห็นพิณทองยืนเหม่ออยู่ที่ระเบียงรีบเดินไปหา เธอใจลอยจนไม่ได้ยินเสียงเขามาด้วยซ้ำ จังหวะที่หันจะกลับเข้าห้อง ต้องชะงักเมื่อเห็นพิชญ์ยืนขวางทางอยู่ เขาเห็นท่าทีหมางเมินของเธอรีบเข้าไปรวบมือไว้ พร้อมกับขอร้องให้ช่วยเขาให้ลืมพลับพลึงด้วย พิณทองดึงมือออก

“ไม่มีใครช่วยได้หรอกค่ะ นอกจากตัวคุณเอง พิณจะพยายามอดทนรอให้ถึงวันนั้น ซึ่งถ้าคุณทำไม่ได้ เราก็คงต้องแยกกัน” พิณทองพูดจบ เดินเข้าข้างใน หยิบหมวกจะออกจากห้อง

พิชญ์ตามมาง้อ ชวนเธอไปเยี่ยมคุณทวด แล้วค่อยไปเที่ยวในเมืองด้วยกัน เราสองคนมาตั้งหลายวันแล้วยังไม่ได้ไปกราบท่านเลย แค่นี้พิณทองก็ใจอ่อน ยอมให้สามีโอบไหล่พาออกจากห้อง

ooooooo

อดิศวร์อึกอักเล็กน้อยเมื่อพิณทองกับพิชญ์มาขอให้พาไปกราบคุณทวด หญิงสาวรู้ว่าท่านไม่ค่อยสบาย แค่จะขอเข้าไปให้ท่านเห็นหน้าก็ยังดี เขาคิดอยู่อึดใจก่อนจะตอบตกลง แล้วพาทั้งคู่ไปที่ห้องคุณย่าซึ่งเพิ่งรู้สึกตัวตื่นตอนที่ทั้งสามคนเข้ามา อดิศวร์พยุงท่านให้ลุกขึ้นนั่ง ท่านผู้หญิงสรรักษ์ถามหลานรักว่าพาใครมา

“พิณทองลูกสาวพี่แก้วครับ แล้วนั่นคุณพิชญ์สามีพิณทอง”

พิชญ์กับพิณทองกราบคุณทวดซึ่งจ้องพิณทองไม่วางตาก่อนจะกวักมือเรียกให้เข้ามาใกล้ๆ แล้วเตือนให้ระวังสามีตัวเองไว้ให้ดี อย่าให้นังพลับพลึงมาแย่งไปได้ พิณทองถึงกับสะดุ้งโหยง

“เคยเห็นมันหรือยัง นังพลับพลึงน่ะ มันจะมาตอนวันพระจันทร์เต็มดวง มันแย่งท่านเจ้าคุณของฉันไป” ท่านผู้หญิงสรรักษ์พร่ำเพ้อทั้งน้ำตา อดิศวร์บีบมือท่านเบาๆเพื่อเรียกสติให้กลับคืนมา แต่ท่านยังเพ้อเจ้อไม่หยุด เตือนพิณทองให้ระวังนังพลับพลึงซ้ำๆ อยู่อย่างนั้น อดิศวร์เห็นท่าไม่ดีสั่งให้แสงแขพาพิณทองกับพิชญ์ออกไปก่อน แล้วพยุงคุณย่าให้ลงนอน อาสาจะอยู่เป็นเพื่อนจนกว่าท่านจะหลับ...

ทันทีที่ประตูห้องท่านผู้หญิงสรรักษ์ปิด พิณทองซักแสงแขเป็นการใหญ่ทำไมคุณทวดถึงพูดแบบนั้น พิชญ์ปรามพิณทองไม่ให้ซักไซ้อะไรอีก แต่เธอกลับทำหูทวนลมถามแสงแขอีกว่าผู้หญิงที่ชื่อพลับพลึงเป็นใคร

“เป็นน้องสาวแท้ๆของคุณย่าค่ะ พวกเราเรียก ท่านว่าคุณย่าน้อย เท่าที่ทราบท่านเป็นภรรยาน้อยของคุณปู่ คุณย่าเจ็บช้ำน้ำใจมาก...” แสงแขยังเล่าไม่ทันจบ พิณทองแทรกขึ้นเสียก่อนว่าตอนนี้คุณทวดน้อยไปอยู่ที่ไหน เท่าที่แสงแขรู้มาไม่มีใครทราบแน่ชัด บางคนก็ว่าท่านเสียไปแล้ว บ้างก็ว่าท่านหนีออกจากบ้านไป แต่ไม่เคยมีใครได้ข่าวคราวจากท่านเลย พิณทองอยากรู้ว่าท่านเจ้าคุณทวดเป็นอย่างไรหลังจากนั้น

“ท่านตรอมใจตายตั้งแต่คุณย่าน้อยหายไปค่ะ คุณย่าเองก็เจ็บปวดมาก สังเกตในห้องโถงใหญ่สิคะ มีรูปบรรพบุรุษทุกท่านยกเว้นคุณปู่กับคุณย่าน้อย” แสงแขเล่าเป็นฉากๆ...

ในเวลาต่อมา ระหว่างที่พิชญ์ขับรถพาพิณทองไปเที่ยวในเมือง อดตำหนิเธอไม่ได้ว่าไม่น่าซักถามแสงแข เอาเป็นเอาตายขนาดนั้น พิณทองแค่อยากรู้ความเป็นมาเป็นไปของผู้คนในโดมทองและที่แปลกมากก็คือชื่อของคุณทวดน้อยเหมือนชื่อแฟนเก่าของพิชญ์ไม่มีผิดเพี้ยน แถมยังเป็นรักสามเส้าคล้ายๆ กันอีก

“แต่พลับพลึงไม่ได้แย่ง...”

พิณทองหน้าตึงทันที “อ๋อ รู้แล้วค่ะว่าพลับพลึงของคุณเป็นคนดี เสียสละ พิณต่างหากที่ได้ชื่อว่าแย่ง...”

“ไม่เอาน่า...เราสัญญากันแล้วไงว่าวันนี้เราจะไม่ทะเลาะกัน เดี๋ยวเที่ยวไม่สนุก” พิชญ์เอื้อมมือไปจับมือ พิณทองไว้ แต่เธอชักมือกลับ สายตาจับจ้องไปเบื้องหน้าอย่างเคร่งขรึม ขณะที่ชายหนุ่มแอบถอนใจ เหนื่อยใจ

ooooooo

วิรงรองพยายามอย่างยิ่งที่จะช่วยให้ความรักระหว่างอุษากับพันธ์สูรย์สมหวัง กึ่งลากกึ่งจูงมืออุษามามุมลับตาคนแล้วคว้ามือถือขึ้นมากดหาพันธ์สูรย์ พอโทร.ติดก็ส่งให้อุษาแล้วชิ่งไปคอยอยู่ห่างๆ ปล่อยให้ทั้งคู่ได้คุยกัน พันธ์สูรย์ออดอ้อนเมื่อไหร่จะได้พบอุษาอีก เห็นวิรงรองบอกเขาว่าพรุ่งนี้จะให้เธอพาไปเที่ยวตลาด

“ฉันคงไม่ว่างค่ะ...แค่นี้นะคะ” อุษารีบตัดสาย วิรงรองซึ่งยืนดูต้นทางอยู่ให้รีบกลับมาถามว่าเป็นอย่างไรบ้าง อุษาตัดสินใจจะไม่ไปเที่ยวตลาดวันพรุ่งนี้ ขอร้องวิรงรองอย่ายุ่งเรื่องนี้อีก แล้วเดินจากไปอย่างรวดเร็ว วิรงรองไม่ยอมแพ้ รีบเดินตามจนทัน แต่อยู่ๆอดิศวร์โผล่พรวดเข้ามา วิรงรองสบช่องทันที

“คุณอดิศวร์ค่ะ พรุ่งนี้พี่อุษากับดิฉันขออนุญาตเข้าเมือง คือพี่อุษาอยากจะออกไปเปิดหูเปิดตาน่ะค่ะ”

อดิศวร์มองอุษาที่เอาแต่ก้มหน้าก้มตา “ฉันดูท่าทางเธออยากจะไปมากกว่าอุษาอีกนะ ว่าไงอุษา”

วิรงรองแอบสะกิดอุษาให้รับคำ อดิศวร์มีเรื่องของพิณทองให้ต้องคิดจึงไม่ซักถามอะไรอีก...

ดึกสงัดคืนนั้น ขณะวิรงรองกำลังหลับสนิท พลันมีลมพัดวูบเข้ามา หน้าต่างห้องพักเปิดออกราวกับถูกกระชากอย่างแรง อากาศแสนสบายกลับกลายเป็นหนาวยะเยือก มีเสียงผู้หญิงพึมพำขึ้นเบาๆ

“วิรงรอง...วิรงรอง”

อ่านละคร โดมทอง ตอนที่ 5 วันที่ 14 มิ.ย. 56

ละครเรื่อง โดมทอง บทประพันธ์โดย วราภา
ละครเรื่อง โดมทอง บทโทรทัศน์โดย : ภาวิต
ละครเรื่อง โดมทอง กำกับการแสดงโดย : นนทนันท์ ธัญญาสิริทรัพย์
ละครเรื่อง โดมทอง ควบคุมการผลิตโดย : สยม สังวริบุตร
ละครเรื่อง โดมทอง แนวละคร : ชีวิต ลึกลับ ตื่นเต้น
ละครเรื่อง โดมทอง ออกอากาศทุกวันจันทร์ และวันอังคาร เวลา 20.25 น. ทางช่อง 7 สี
ที่มา ไทยรัฐ