อ่านละคร วันนี้ที่รอคอย ตอนที่ 1 วันที่ 6 มิ.ย. 56


อ่านละคร วันนี้ที่รอคอย ตอนที่ 1 วันที่ 6 มิ.ย. 56

ขบวนม้าของราชิดห้อตะบึงตามแสงไฟไป อินปงกับจันทร์แรมเห็นแสงไต้ตามขึ้นมาเป็นสายจึงยิ่งล่อเป้าพากันวิ่งสูงขึ้นไปอีก

น่านปิงนั่งอยู่ที่ประทุนเรือ มองภาพเหตุการณ์จากแสงไฟสองฝ่ายที่เข้าต่อสู้กัน จันทร์แรมถูกธนูล้มลง อินปงสู้ยิบตา ไม่นานแสงตะเกียงก็ดับวูบลง...
น่านปิงนํ้าตาไหลพรู คุกเข่าที่ประทุนเรือ วางมือสองข้างลงบนตักกำแน่นบีบมืออย่างแค้นใจ!

ที่นิ้วชี้น่านปิงมีแหวนทองหัวพลอยสีนํ้าเงินเข้มเม็ดใหญ่รูปไข่ มีวาวแสงเปล่งวาบในความมืด


นั่นคือน่านปิงวัย 8 ขวบ ในคืนที่พลัดพรากจากไปอย่างสูญเสียใหญ่หลวงในชีวิต...

ooooooo

วันนี้...จ้าวซัน หนุ่มวัยฉกรรจ์กำพวงมาลัยเรือเร็วขับไปอย่างเร็ว ที่นิ้วนางขวาของจ้าวซันสวมแหวนเรือนทองขาว หัวแหวนเป็นพลอยสีนํ้าเงินเข้มเม็ดโตรูปไข่ เปล่งประกายวาบๆในแดดกล้า

เขาคือน่านปิงนั่นเอง!

จ้าวซันได้มาอยู่กับเต้ นักธุรกิจใหญ่ในฮ่องกง วันนี้เขาขับเรือเร็วไล่ล่าเพื่อขัดขวางมิให้ฉินเจียงลูกชายของเต้ในวัยอ่อนกว่าเขาค้ายาเสพติดทำผิดกฎหมาย จ้าวซันขับเรือเร็วไล่ไปจนทัน ทำให้พวกนักค้ายาที่นัดพบกันกลางทะเลพากันขับเรือหนี ส่วนฉินเจียงรีบเอายาเสพติดหย่อนลงทะเลทำลายหลักฐาน ซํ้าเรือของฉินเจียงยังน็อก สำลักแล้วดับไป...

จ้าวซันขับเรือวนดูรอบๆ เรือของฉินเจียง ฉินเจียงได้แต่มองพี่ชายบุญธรรมอย่างแค้นจัด!

เมื่อพากันกลับมาถึงท่าเรือใหญ่ ฉินเจียงอ้างว่าตนพาแฟนไปนั่งเรือเล่นเท่านั้น จ้าวซันดักคออย่างรู้ทันว่าถ้าคิดจะโกหกก็หัดสร้างเรื่องให้ฉลาดกว่านี้หน่อย เตือนสติว่า

“ฉินเจียง...ถ้าเต้ยังมีชีวิตอยู่...”

“เต้ตายไปนานแล้ว!” ฉินเจียงสวนขวับ “แล้ว หลังจากที่เต้ตาย คนที่เต้เก็บมาจากถังขยะหน้าโบสถ์ก็ทำทุกอย่างเพื่อทำลายลูกชายคนเดียว ลูกชายที่แท้จริงของเต้!”

“จ้าวฉินเจียง” จ้าวซันเรียกเต็มยศ ถอดแว่นดำออก “ไม่มีใครทำลายแก มีแต่ตัวแกที่จะทำลายตัวเอง แกคบคนชั่ว ที่ชักพาแกไปในทางหายนะ”

จ้าวซันเตือนฉินเจียงว่า “ให้เข้าประชุมที่ฉินเยว่กรุ๊ปบ้าง ฉันมีเรื่องสำคัญจะปรึกษา แกควรจะสนใจธุรกิจของครอบครัวมากกว่าธุรกิจต้องห้ามพวกนี้”

“อะไรคือธุรกิจต้องห้าม!” ฉินเจียงถามอย่างท้าทาย

“ค้ายา ค้าคน ค้าอาวุธ 3 ธุรกิจต้องห้ามที่เต้สั่งไว้เด็ดขาดว่า ไม่ให้คนตระกูลจ้าวไปข้องเกี่ยว แกจำไม่ได้หรือ”

ฉินเจียงถามจ้าวซันว่าเป็นใครถึงมาตามจิกตนนัก นึกว่าตัวเองเป็นตำรวจรึไง จ้าวซันเตือนสติว่าถ้าเมื่อกี้ตนมาช้ากว่านี้...ดีแค่ไหนที่ตนมาเจอก่อน แทนที่จะเป็นตำรวจ ฉินเจียงถามว่าแล้วใครเป็นคนไปบอกตำรวจ?

จ้าวซันบอกไม่รู้ อาจจะเป็นคนเดียวกับที่ส่งข่าวให้ตนก็ได้ ขณะนั้นเอง เต๋อเป่ามือขวาของจ้าวซันเข้ามาบอกว่า อาฉีขอเวลาซ่อมเรือ 2 วัน แล้วหันบอกจ้าวซัน “คุณชายใหญ่ครับ ใกล้ถึงเวลานัดแล้วนะครับ”

“ยังทัน” จ้าวซันบอกหลังจากดูนาฬิกา แล้วหันไปทางฉินเจียงพูดสำทับ “หวังว่าประชุมบริษัทฉินเยว่ กรุ๊ปคราวหน้า ไท้เผ่งคงเข้ามาเป็นประธานในที่ประชุมนะครับ เทเรซ่าบอกว่า แจ้งไปแล้ว คอนเฟิร์มแล้วด้วย อย่าอ้างว่า ไม่มีใครเชิญ” พูดแล้วจ้าวซันเดินออกไปเท่ๆ เต๋อเป่ากวาดตามองรอบๆ อีกทีก่อนเดินตามจ้าวซันไป

ฉินเจียงมองตามไปทั้งแค้นทั้งเสียหน้า

ระหว่างนั่งรถกลับโดยมีเต๋อเป่าเป็นคนขับ จ้าวซันโทรศัพท์คุยกับอาหลี่คนขับรถประจำตัว ถามเรื่องเครื่องบินลงตามกำหนดหรือเปล่า สั่งอาหลี่ให้จัดการดูแลให้เรียบร้อยตามที่สั่งด้วย อย่าให้ผิดพลาดเด็ดขาด

พอวางสายจากอาหลี่ เต๋อเป่าถามว่า “ที่จริง...คุณชาย ตั้งใจจะไปรับเองนี่ครับ”

“ใช่...แต่บังเอิญ...มันมีอะไรเข้ามาแทรกหลายอย่าง ไม่งั้นฉันควรจะได้ดูแลเขาด้วยตัวเอง” จ้าวซันนิ่งไป แววตาอ่อนโยน...

ooooooo

10 กว่าปีก่อน...เวลานั้น น่านปิงอายุ 12 ปี และม่านฟ้าหรือเมย อายุ 6 ขวบ ทั้งสองเข้าเรียนในโรงเรียนอนุบาลสำหรับเด็กเล็กพื้นเมืองในโบสถ์คริสต์ทางเหนือ

ด้วยความเป็นห่วงเมย เจ้าแม่ปรารถกับหลวงพ่อว่า เลี้ยงดูเมยมาแต่แบเบาะ รักเหมือนลูกในไส้ แต่ไม่รู้อนาคตจะเป็นอย่างไร ตนไม่ต้องการให้ม่านฟ้าหมกตัวอยู่ในป่าดอย น่านปิงเดินอยู่ด้วยเอ่ยขึ้นว่า ตนดูแลเมยได้ และที่นี่ก็สงบสุขดี

“สงบสุขก็จริง แต่วันหนึ่ง น่านปิงก็ต้องไปเรียนต่อ แม่ต้องการให้ลูกมีความรู้ ความสามารถ แล้ววันนึง... หากแม่เป็นอะไรไป ตอนที่น่านปิงก็ไม่อยู่แล้ว จะให้เมยเป็นเด็กผู้หญิงโง่เง่าเยี่ยงข้าทาสที่คอยเจ้านายอยู่กับบ้านอย่างนั้นหรือ ให้เขาไปเสียตอนนี้ก่อนจะจดจำอะไรต่อมิอะไรได้มากกว่านี้”

“ทำไมครับ ทำไมเจ้าแม่ไม่อยากให้เมยจดจำอะไรๆ”

“ชีวิตของเมย ควรจะมีความสุขมากกว่าชีวิตของลูกไงล่ะน่านปิง แม่เพิ่งไปอธิษฐานกับพระเจ้า บอกกล่าวให้อินปงกับจันทร์แรม พ่อแม่ของเมยให้รับรู้ว่า เราจะทำให้เมยได้มีชีวิตที่มีความสุขสมบูรณ์แบบที่สุดและมั่นคงยั่งยืน ไม่โลดโผนหรือต้องเสี่ยงอะไรอีก”

“ไม่ต้องห่วง คนที่จะเลี้ยงดูเมยเป็นคนมียศถาบรรดาศักดิ์ ไว้ใจได้ สามีเป็นนายทหารชั้นผู้ใหญ่ ภรรยาเป็นอาจารย์มหาวิทยาลัยในกรุงเทพฯ และเป็นทายาทตระกูลเจ้าทางเหนือของไทย ที่เป็นเจ้าของกิจการโรงงานอุตสา– หกรรมทอผ้าไหมที่ลำพูนด้วย” หลวงพ่อให้ความมั่นใจ

“แล้วลูกจะได้เจอกับเมยอีกไหม” น่านปิงถามสีหน้าเศร้า

ooooooo

แล้ววันรุ่งขึ้น เมยแต่งตัวสวยจะไปเที่ยวตามที่เจ้าแม่บอก น่านปิงรู้ว่าน้องจะจากไปแล้ว มองน้องลงเรือนไปอย่างใจหาย จนเจ้าแม่ต้องจับมือไว้เตือนสติว่า

“เราพูดกันแล้วนะลูก เพื่ออนาคตของน้อง เราต้องให้เขาไป อีกอย่าง ลูกก็รู้ว่าไม่ใช่เรื่องอนาคตอย่างเดียว แต่เป็นเรื่องความปลอดภัย แม่ยอมรับ ว่าแม่มีความ สามารถพอที่จะปกป้องเมยได้ ถ้าหากว่าพวกมัน...สำหรับลูก แม่ไม่ห่วง แต่ชีวิตม่านฟ้า...แม่ต้องตอบแทนความดีของพ่อแม่เขาด้วยการทำให้ชีวิตม่านฟ้ามีแต่ความสุข...”

แม้ว่าน่านปิงจะเข้าใจ แต่ก็อดไม่ได้ที่จะวิ่งลงบันไดเรือนตามไปดูที่ท่าน้ำริมแม่น้ำ เห็นเมยที่เริงร่าให้หลวงพ่อจูงเรือไปคิดว่าจะได้ไปเที่ยว น่านปิงมองตามน้องไปอย่างอดใจหายไม่ได้

ขณะน่านปิงยืนน้ำตาคลออยู่นั้น คำฝายมาคุกเข่าจับมือน่านปิงไปกุม เงยหน้าพยายามพูดประสาคนใบ้ น่านปิงอ่านปากและท่าทางแล้ว พูดให้คำฝายฟังอีกทีว่า ตนแปลถูกหรือไม่

“ถ้าเจ้ากับเมยมีวาสนาต่อกัน จะต้องได้พบกันอีก”

“จะไม่มีสิ่งใดในโลก ที่จะมาขวางกั้นเราได้” และ...“เราจะต้องรอ รอจนกว่าจะถึงวันนั้น”

คำฝายพยักหน้าดีใจที่น่านปิงเข้าใจภาษาใบ้ของตน

ooooooo

จ้าวซันยังนั่งอยู่ในรถ...เขาดูนาฬิกาแล้ว ตื่นเต้นเมื่อนึกถึงว่าเครื่องบินกำลังแลนดิ้งแล้ว

ที่สนามบินฮ่องกง เครื่องบินแลนดิ้งพอดี...

บราลี...สาวสวย เอวบางร่างน้อยสูงเพรียว นุ่งกางเกงขาสั้นเสื้อเชิ้ตเข้ารูปกับแจ็กเกตหนังชนิดบางเข้ารูปเอวสั้นผมหยักศกถูกรวบไว้หลวมๆ ลากกระเป๋าใบขนาดกลางพลางพูดโทรศัพท์ด้วยน้ำเสียงมั่นใจ แต่นุ่มนวล

เธอกำลังต่อว่าหลินจื้อเหม่ยที่นัดกันไว้ แต่ว้อทแอพมาบอกตอนตนอยู่บนเครื่อง มาเปิดเจอตอนตนอยู่ฮ่องกงแล้วว่า มารับไม่ได้ เพราะต้องไปเยี่ยมคุณย่าที่ป่วยหนักอยู่ที่เฉิงตู ให้เธอเที่ยวรอสัก 2-3 วันค่อยเจอกัน บราลีบ่นเพื่อนอย่างหงุดหงิดว่า

“ยัยบ๊องเอ๊ย...เออๆๆ โอเคๆๆแค่นี้นะ” พอกดวางก็ปลอบใจตัวเองให้ฮึดสู้ แต่ก็โทร.อีกเบอร์ที่เมมไว้

เป็นเบอร์ของสุริยะ ทันทีที่มีเสียงโทร.เข้า สุริยะรับสายทักทันทีเหมือนรออยู่ว่า

“บรีหรือลูก...พ่อรู้เรื่องหมดแล้วนะ...ก็เรื่องหลิน–

จื้อเหม่ยไปรับลูกที่แอร์พอร์ตไม่ได้น่ะสิ”

บราลีถามว่าหลินจื้อเหม่ยโทร.มาบอกหรือ สุริยะบอกว่าตนโทร.ไปหาก่อนหน้านี้สัก 2 ชั่วโมง เล่าว่า

“พ่อโทร.ถามเขาเรื่องลูกว่า จะอยู่เที่ยวกี่วัน จะไปไหนอะไรยังไงบ้าง...ก็พ่อห่วงลูกนี่นา หลินจื้อเหม่ย ก็เลยบอกพ่อแล้วทั้งหมด”

บราลีพูดงอนๆว่า แบบนี้ตนกลับไปหาพ่อที่กรุงเทพฯดีกว่า สุริยะบอกให้ใจเย็นๆ พ่อจัดการแก้ปัญหาให้แล้ว บอกรายละเอียดว่า “ลูกออกมาข้างหน้าสนามบินเลยนะ จะมีรถมารอรับลูกอยู่แล้ว”

บราลีถามงงๆว่า รถใคร รับไปไหน สุริยะบอกว่าเพื่อนพ่อเอง เขาอาสาจะดูแลลูกอย่างดีตลอดเวลาที่ลูกรอหลินจื้อเหม่ยบอกให้สบายใจว่า

“ทั้งที่พัก แล้วก็ทุกอย่าง เขาจะเป็นคนพาลูกไปเที่ยวที่ที่สนุก พาไปกินอะไรอร่อยๆ ลูกไม่ต้องเกรงใจเลย เพื่อนพ่อคนนี้เขาเป็นคนดีมาก” สุริยะพูดเสียงแจ่มใสเหมือนอำๆ อะไรอยู่

อ่านละคร วันนี้ที่รอคอย ตอนที่ 1 วันที่ 6 มิ.ย. 56

โดย บทประพันธ์โดย วราภา จากบทละครโทรทัศน์ทางช่อง 7 โดย ปราณศักดิ์สวัสดิ์
กำกับการแสดงโดย : สยาม น่วมเศรษฐี
ควบคุมการผลิตโดย : บริษัท พอดีคำ จำกัด
โดยผู้จัด : ธงชัย ประสงค์สันติ/มณีรัตน์ ประสงค์สันติ
ออกอากาศเริ่มตอนแรก วันพฤหัสบดีที่ 13 มิ.ย. 2556
ที่มา ไทยรัฐ