อ่านละคร โดมทอง ตอนที่ 7 วันที่ 21 มิ.ย. 56
“พี่แก้วหมายถึงอะไรล่ะครับ” อดิศวร์มองด้วยสายตาเย็นชาจนคนถูกมองถึงกับหน้าเจื่อน...
ฝ่ายวิรงรองยังไม่พ้นวิบากกรรมเจอกิริยาหยามเหยียดจากคุณหญิงแก้วไม่พอ ยังถูกคุณหญิงวัชรีเล่นงานอีก และแนะให้เธอหมั่นท่องศีลข้อสามไว้ให้ขึ้นใจเพราะพิชญ์แต่งงานกับผู้หญิงที่เพียบพร้อมทุกอย่างแล้ว
“เข้าใจค่ะ แต่คงจะมีการเข้าใจอะไรผิดสักอย่างเพราะคนที่ต้องรับฟังคำแนะนำคือลูกชายของท่านไม่ใช่ดิฉัน ไม่มีอะไรแล้วใช่ไหมคะ ดิฉันจะได้ขอตัว” วิรงรองยอกย้อนอย่างเจ็บแสบแล้วเดินจากไป รัฐมนตรีพจน์ที่นั่งฟังอยู่ด้วยอดขำไม่ได้ คุณหญิงวัชรีไม่พอใจถามเสียงเขียวว่ามีอะไรตลกนักหรือ
อดิศวร์ด้วยสีหน้าไม่ต่างจากเพื่อนรัก ร้อนใจกับสิ่งที่ได้พบได้เห็น สองคุณหญิงต่างแลกเปลี่ยนเรื่องราวที่ได้เจอะเจอเมื่อครู่ ขณะที่รัฐมนตรีพจน์ขอตัวไปชมวิวทิวทัศน์ข้างนอกต่อไป เพราะเมื่อครู่ยังดูไม่ทั่ว ก็ถูกคุณศรีภรรยาลากตัวเข้ามาเสียก่อน...
รัฐมนตรีพจน์เดินชมโน่นดูนี่รอบๆ คฤหาสน์โดมทองไปเรื่อยเปื่อย บางจังหวะก็หยิบกล้องขึ้นมาเก็บรูปไว้ เขาเงยหน้าขึ้นมองไปที่ยอดโดมชอบการออกแบบของตัวตึก จึงยกกล้องขึ้นถ่ายภาพเอาไว้
ooooooo
ได้เวลาอาหารค่ำ วิรงรองกลับหมกตัวอยู่แต่ในห้อง อดิศวร์มาเคาะประตูเรียกให้ลงไปกินข้าวด้วยกันเธออ้างว่าไม่หิว ง่วงมากกำลังจะเข้านอน เขาให้เวลาเธอ 3 นาที ถ้ายังแต่งตัวไม่เสร็จจะไปเอากุญแจสำรองมาไขเข้าห้อง วิรงรองซึ่งอยู่ในชุดนอนถึงกับหน้าตื่นรีบเปลี่ยนเสื้อผ้าอย่างรวดเร็วแล้วเดินหน้าหงิกออกมา
“เร็วนี่ เหลืออีกตั้ง 10 วินาที” อดิศวร์ยิ้มยั่ว
“ฉันเกลียดคุณ” วิรงรองถลึงตาใส่ แล้วเดินสะบัดออกไปอย่างอารมณ์เสีย...
ที่ห้องกินข้าว ขณะแสงแขกำลังคุยอวดเรื่องหาดสวยทะเลใสของที่นี่ให้แขกผู้มามีเยือนฟังและเชิญชวนไปปิ้งบาร์บีคิวกินกันริมหาดคืนพรุ่งนี้ อดิศวร์เดินเข้ามากับวิรงรองแสร้งทำท่าทางสนิทสนมตบตาทุกคน
“ต้องขอโทษด้วยครับที่มาช้าหน่อย เพราะต้องรอวิเขา...” อดิศวร์พูดจบขยับเก้าอี้ให้วิรงรองนั่ง แล้วจึงมานั่งประจำที่ตัวเองที่หัวโต๊ะ แสงแขซึ่งนั่งตรงข้ามกับวิรงรองจ้องหน้าราวกับจะกินเลือดกินเนื้อ แต่คนถูกจ้องกลับทำไม่รู้ไม่ชี้ ยิ่งทำให้เธอเคียดแค้น...
คุณหญิงแก้วหงุดหงิดมากกับท่าทีสนิทสนมที่อดิศวร์มีต่อวิรงรอง บ่นกับสามีที่กำลังไล่ดูรูปวิวทิวทัศน์ที่ตัวเองถ่ายไว้ว่า นังนั่นมีดีอะไรหนักหนา ทั้งอดิศวร์ทั้งพิชญ์ถึงได้ติดอกติดใจกันนัก โดยเฉพาะน้องชายของเธอ รู้ทั้งรู้ว่านังนั่นเป็นแฟนเก่าของพิชญ์ก็ยังจะไปยุ่งด้วย เขาน่าจะได้ผู้หญิงที่ดีกว่านี้ รัฐมนตรีพจน์ติงคุณหญิงแก้ว รู้ได้อย่างไรว่าวิรงรองเป็นคนไม่ดี เธอชักอารมณ์ขึ้นที่สามีไม่เข้าข้าง แถมเถียงแทนวิรงรอง ก่อนที่จะโดนศรีภรรยาวีนใส่ รัฐมนตรีพจน์เรียกเธอด้วยน้ำเสียงตื่นเต้นให้มาดูรูปยอดโดมที่เขาถ่ายไว้ตอนบ่าย
“เงาอะไรน่ะคะ เหมือนเงาคน”
ooooooo
รัฐมนตรีพจน์ยังคาใจกับรูปถ่ายยอดโดมไม่หาย ตื่นแต่เช้าลงมาเปรียบเทียบภาพจริงกับภาพที่อยู่ในกล้อง และสำรวจรอบๆว่ามีอะไรที่จะทำให้เกิดเงาดังที่ปรากฏในภาพถ่ายหรือเปล่า แต่ก็ไม่พบอะไร
วิรงรองมาวิ่งออกกำลัง ผ่านทางนั้นพอดี เห็นรัฐมนตรีพจน์ยืนจดๆจ้องๆไปยังยอดโดม นึกสงสัยเข้ามาถามว่ากำลังดูอะไรอยู่ เขายื่นกล้องให้ดูภาพถ่ายยอดโดม เธอเห็นเหมือนมีเงาคนซ้อนอยู่ที่หน้าต่าง เหลียวมองรอบๆก็ไม่เห็นต้นไม้หรือสิ่งที่จะทำให้เกิดเงาลักษณะนั้น
“ลุงถึงได้ออกมาดูอีกครั้งให้แน่ใจ จะว่ามีคนขึ้นไปทำความสะอาดก็ไม่ใช่”
“ขึ้นไปไม่ได้หรอกค่ะเพราะทางขึ้นปิดประตูเหล็กใส่กลอน...คุณลุงเชื่อเรื่องลึกลับเหนือธรรมชาติไหมคะ”
ทั้งสองคนคุยกันถูกคอ จนวิรงรองไว้ใจยอมเล่าเหตุการณ์ประหลาดๆที่เกิดขึ้นหลายครั้งหลายหนให้ฟัง เธอเองก็ยังสรุปไม่ได้ว่าจริงๆแล้วเป็นผีหรือว่าเกิดจากคนโรคจิตที่อยู่ที่นี่ทำขึ้น
ระหว่างที่รัฐมนตรีพจน์กับวิรงรองกำลังคุยกันอย่างออกรส คุณหญิงวัชรีมองลงมาจากคฤหาสน์เห็นท่าทางสนอกสนใจของสามีเพื่อนรัก พาลคิดว่าวิรงรองจะอ่อยเหยื่อเขา ยุให้เธอตามไปเอาเรื่อง อย่าให้นังนั่นมาเกาะแกะสามีของเธอเป็นอันขาด คุณหญิงแก้ว
หูเบาเชื่อคำยุยงตามไปจะเอาเรื่อง วิรงรองเห็นท่าไม่ดีขอตัวก่อนแล้วลุกหนีไปทันที ทิ้งให้รัฐมนตรีพจน์ผจญกรรมอยู่คนเดียว...
ด้านวิรงรองหนีเสือปะจระเข้ อุตส่าห์หลบคุณหญิงแก้วพ้น แต่กลับเจอคุณหญิงวัชรีคู่ซี้ดักรออยู่ อุตส่าห์เดินเลี่ยงไปทางอื่น เธอยังตะโกนไล่หลังว่า อย่ามายุ่งกับลูกชายของเธอ วิรงรองชะงัก ก่อนจะเดินต่อไป คุณหญิงวัชรีตะโกนเสียงดังยิ่งขึ้นว่า ได้ยินที่ตนพูดหรือเปล่า วิรงรองเหลืออดหันขวับ
“ได้ยินค่ะ แต่คุณควรจะพูดกับลูกชายของคุณไม่ใช่ดิฉัน...ขอโทษนะคะ” วิรงรองหันหลังกลับ เดินคอตั้งหน้าเชิดออกไป คุณหญิงวัชรีเจ็บใจมาก อยากจะร้องกรี๊ดๆให้รู้แล้วรู้รอด...
ขณะที่วิรงรองคิดถึงภาพถ่ายยอดโดมที่รัฐมนตรีพจน์เอาให้ดูเมื่อสักครู่ กลับต้องตื่นจากภวังค์เมื่ออดิศวร์สั่งให้อุไรมาตามตัวเธอลงไปกินอาหารเช้า วิรงรองรู้ดีว่าขืนลงไปร่วมโต๊ะอาหารกับแขกของเขา คงไม่วายถูก
จิกกัดกระแนะกระแหนต่างๆนานา จึงไม่ยอมลงไปอ้างว่าไม่หิว
อุไรต้องอ้อนวอนขอร้องให้หิว เพราะถ้าวิรงรองไม่หิวเธอคงไม่รอดแน่ เพื่อเห็นแก่อุไร หญิงสาวจำใจลงไปร่วมกินมื้อเช้าตามคำสั่งของอดิศวร์ และเป็นอย่างที่เธอคาดไว้ คุณหญิงทั้งสองรวมหัวกันจิกกัดเธอเช่นเคย...
เสร็จจากมื้อเช้า รัฐมนตรีพจน์นำรูปถ่ายยอดโดมมาให้อดิศวร์ดู ซึ่งเขาก็มีความเห็นเหมือนคนอื่นว่าคล้ายมีเงาคนทาบอยู่ แต่อาจเป็นเงาไม้ก็ได้
“หนูวิแกบอกว่าอาจจะเป็นพวกโรคจิต” รัฐมนตรีพจน์พูดไปหัวเราะไปไม่ได้คิดอะไร อดิศวร์หน้าตึงขึ้นมาทันที โต้ว่าคนโรคจิตที่ไหนจะขึ้นไปอยู่บนนั้น รัฐมนตรีพจน์อดแปลกใจไม่ได้ทำไมเขาต้องหงุดหงิดขนาดนั้น
ooooooo
หลังจากทุกคนต่างแยกย้ายกันไปพักผ่อน อดิศวร์ตามไปต่อว่าวิรงรองถึงห้องพักที่เธอตั้งใจบอกรัฐมนตรีพจน์ว่าเขาเป็นโรคจิต วิรงรองท้าพิสูจน์ถ้าเขาไม่ได้เป็นอย่างที่ถูกกล่าวหาควรอนุญาตให้เธอขึ้นไปดูบนห้องใต้โดม อดิศวร์ไม่มีอะไรจะต้องพิสูจน์เพราะเขาไม่ใช่คนที่แต่งตัวโบราณขับรถม้ามาหยุดใต้หน้าต่างห้องเธอ
“แต่ดิฉันเห็นกับตา” วิรงรองเถียงคอเป็นเอ็น
“เธอจะแน่ใจได้ยังไงว่าไม่ได้ตาฝาดไปเอง ในเมื่อมันเป็นตอนกลางคืน”
“ใช่ค่ะ แต่เป็นวันขึ้น 15 ค่ำค่ะ แสงจันทร์สว่างมาก”
“รู้ไหม ฉันว่าเธอนั่นแหละที่เป็นโรคจิตเสียเอง ลองทบทวนดีๆ ถ้าเพิ่งเริ่มเป็นจะได้รีบรักษา” อดิศวร์ว่าแล้วกลับห้องตัวเอง วิรงรองปิดประตูไล่หลังดังปัง แล้วเดินมาทรุดตัวลงนั่งหน้าโต๊ะเครื่องแป้งด้วยความหงุดหงิดถ้าผู้ชายแต่งตัวโบราณคนนั้นไม่ใช่อดิศวร์แล้วจะเป็นใคร ยิ่งคิดก็ยิ่งปวดหัว
ทันใดนั้น มีลมพัดวูบเข้ามา วิรงรองสั่นสะท้านเพราะความหนาวเหน็บ ขยับจะไปปิดหน้าต่างแต่ต้องชะงักเมื่อได้ยินเสียงเพลงนางครวญดังขึ้น เธอเริ่มใจคอไม่ดี กวาดตามองไปรอบๆอย่างหวาดๆ แล้วเบือนหน้ากลับมาที่เดิม วิรงรองตกใจแทบสิ้นสติเห็นผีหน้าตาน่ากลัวทัดดอกพลับพลึงที่หูสะท้อนอยู่ในกระจกเงาบนโต๊ะเครื่องแป้ง เพื่อพิสูจน์ความจริง เธอหยิบแปรงขึ้นมาแปรงผม ผีตนนั้นยังคงนั่งนิ่งมองมาด้วยแววตาเศร้าสร้อย
หญิงสาวไม่อยากจะเชื่อสายตาตัวเอง ค่อยๆถอยหลังออกมาโดยผีที่ทัดดอกพลับพลึงยังคงมองตามจนกระทั่งพ้นรัศมีของกระจกเงา เธอรีบเดินแกมวิ่งออก
จากห้อง ปิดประตูตามหลังราวกับจะขังผีไว้ในนั้น แล้วทิ้งตัวนั่งพิงประตู พยายามรวบรวมสติ แต่ความกลัวแล่นขึ้นมาจับหัวใจ เธอเผ่นแนบไปจากตรงนั้นอย่างรวดเร็วอดิศวร์ออกจากห้องตัวเองเห็นหลังวิรงรองไวๆรีบตามไปทันที...
วิรงรองวิ่งเตลิดมายังอีกปีกหนึ่งของคฤหาสน์ มีใครบางคนมาคว้าแขนไว้ เธอทำท่าจะร้อง แต่พอเห็น หน้าพิชญ์ ถึงกับโล่งใจโผกอดเขาไว้แน่นด้วยความลืมตัว เขาเองกอดตอบเช่นกัน
“พิชญ์...ผีค่ะ ฉันกลัว”
“ผมอยู่นี่แล้ว ไม่ต้องกลัว” พิชญ์ลูบหลังเธออย่างอ่อนโยน ทันใดนั้นมีเสียงอดิศวร์ดังขึ้นจากด้านหลัง
“กาเมสุมิจฉาจารา...ภรรยาคุณคงไม่ชอบใจแน่ ถ้าได้เห็นภาพประทับใจเมื่อสักครู่”
ทั้งสองคนรีบผละจากกัน วิรงรองพยายามอธิบายว่าไม่ใช่อย่างที่อดิศวร์คิด พิชญ์ช่วยอธิบายอีกแรง แต่ดูเหมือนจะไร้ประโยชน์ เธอขอร้องให้พิชญ์กลับห้องไปก่อน นี่เป็นเรื่องระหว่างเธอกับอดิศวร์ ทีแรกพิชญ์ทำท่าจะไม่ยอมทิ้งเธอไปไหน วิรงรองต้องอ้อนวอน เขาถึงยอมกลับห้องตัวเอง...
สักพัก พิชญ์ค่อยๆย่องเข้าห้อง ล้มตัวลงนอนอย่างแผ่วเบา ด้วยเกรงพิณทองที่นอนหันหลังให้จะรู้สึกตัวตื่น แต่เขาหารู้ไม่ว่าเธอยังไม่หลับนอนน้ำตาคลอ เมื่อรู้ว่าสามีแอบย่องออกไปข้างนอก แม้จะนอนใกล้กันแค่มือเอื้อมถึง แต่กลับดูเหมือนห่างไกลกันเหลือเกิน...
ด้านวิรงรองจ้ำพรวดๆจะกลับห้องพักตัวเองที่อยู่อีกปีกหนึ่งของคฤหาสน์ อดิศวร์ตามไปกระชากแขนไว้สั่งให้อธิบายเรื่องที่เกิดขึ้นมาให้หมด อยากรู้ว่ากอดกันกลมขนาดนั้นจะแก้ตัวอย่างไร วิรงรองขอร้องว่า อย่าคิดอะไรอกุศลได้ไหม เธอเห็นผีทัดดอกพลับพลึงในกระจกเงาที่ห้อง ตกใจก็เลยวิ่งออกมา
“แล้วทำไมไม่เรียกฉัน ห้องเราอยู่ติดกันแค่นี้ ไม่เห็นจำเป็นจะต้องวิ่งมาจนถึงนี่...แต่ก็แปลกนายพิชญ์เองก็ช่างจำเพาะเจาะจงมานอนไม่หลับออกมาเจอกันพอดี แล้วคราวนี้เธอจะเรียกว่าโรคจิตหรือว่าผีล่ะ”
วิรงรองไม่ตอบ เร่งฝีเท้ากลับห้องพัก โดยมีอดิศวร์เดินตามมาอย่างใจเย็น
ooooooo
พิณทองนอนไม่หลับตั้งแต่พิชญ์กลับเข้าห้องเมื่อตอนกลางดึก จึงลุกขึ้นแต่งตัวแล้วลงไปพบอดิศวร์แต่เช้าตรู่ แจ้งว่าพรุ่งนี้เธอจะกลับกรุงเทพฯพร้อมพ่อกับแม่ ส่วนพิชญ์จะกลับหรือไม่ก็ตามแต่ใจเขา อดิศวร์ปลอบว่า ในเมื่อภรรยากลับ สามีก็ต้องกลับด้วยอยู่แล้ว
“ไม่แน่หรอกค่ะ พิณรู้ว่าเขายังรักคุณวิรงรองอยู่ มันเป็นความผิดของพิณเองที่ไม่รู้จักคิดให้รอบคอบ”
อดิศวร์พยายามปลอบให้เธอใจเย็นๆ อย่าเพิ่งวู่วาม พิชญ์เองก็ไม่ได้ปฏิเสธที่จะไม่แต่งงานกับเธอสักหน่อย พิณทองไม่อยากพูดถึงเรื่องนี้อีก ถามอดิศวร์ว่าเมื่อไหร่เขากับแสงแขจะแต่งงานกัน เขายืนยันหนักแน่น ไม่มีวันแต่งงานกับญาติตัวเองแน่นอน พิณทองหันมองน้าชายราวกับจะค้นหาความจริง
“งั้นน้าลบจะแต่งกับคุณวิรงรองหรือคะ ถ้าน้าลบจะทำเพื่อพิณล่ะก็ อย่าเลยค่ะ”
“น้าอาจจะทำเพื่อตัวเองก็ได้” อดิศวร์ตาวาวเป็นประกาย เมื่อนึกถึงวิรงรองขึ้นมา...
ท่านผู้หญิงสรรักษ์ไม่พอใจเมื่อรู้ว่าคืนนี้จะมีงานเลี้ยงส่งคุณหญิงแก้วกับพวกที่ชายหาด แสงแขขออนุญาตไปร่วมงานด้วย ท่านไล่ตะเพิดเสียงลั่น ใครอยากไปก็เชิญตามสบาย แล้วสั่งให้อุษาเอาอุไรกับโอบไปด้วยกันให้หมด อุษาเป็นห่วงถ้าไปกันหมดแล้วใครจะอยู่กับคุณย่า
“นังพิศ...นังพิศมันเป็นบ่าวที่จงรักภักดี มันไม่เคยไปไหนนอกจากวนเวียนอยู่กับฉัน” สีหน้าแววตาของท่านผู้หญิงสรรักษ์เวลาที่พูดถึงพิศดูลึกลับน่ากลัวอย่างบอกไม่ถูก...
เมื่อได้อยู่ตามลำพังพี่น้อง แสงแขอดถามไม่ได้ว่านังพิศเป็นใคร อุษาเองก็ไม่รู้เหมือนกัน บางทีคุณย่าอาจจะเพ้อไปเอง แสงแขแกล้งแหย่พี่สาว หรือว่านังพิศของคุณย่าเป็นผี อุษาเอ็ดลั่นให้เธอเลิกคิดอะไรบ้าบอ แล้วไปช่วยกันเตรียมข้าวของสำหรับงานเลี้ยงคืนนี้...
ในเวลาไล่เลี่ยกัน ขณะลานนากำลังเชียร์ภูไทให้เดินหน้าจีบเพื่อนรักของตนจะได้รู้กันไปเลยว่าเธอมีใจให้เขาหรือเปล่า จังหวะนั้น วิรงรองโทรศัพท์มาหาลานนา ขอร้องให้ช่วยดูแลเพื่อนของเธอที่ตั้งใจจะมาฉลองวันเกิดร่วมกับเธอที่นี่ แต่บังเอิญเธอไม่ว่างต้องอยู่ช่วยท่านเคานต์เลี้ยงส่งบรรดาญาติๆ กลับกรุงเทพฯ ลานนาสงสัยวิรงรองไปเกี่ยวอะไรด้วย ทำไมเขาถึงไม่ให้พวกสมุนแวมไพร์ของเขาจัดการ
“เฮ้อ...ไอ้เรามันลูกจ้างเขานี่...แค่นี้ก่อนนะจ๊ะ ท่านเคานต์สั่งให้วิไปซื้อของ” วิรงรองรู้สึกเหมือนมีใครมายืนอยู่ด้านหลัง หันขวับไปมอง ถึงกับสะดุ้งที่เห็นอดิศวร์ยืนหน้าขรึมอยู่ เธอรีบปิดมือถือ ขยับจะเลี่ยงออกไป แต่เขาคว้าแขนไว้ถามว่าท่านเคานต์ไหน วิรงรองไม่ตอบ ได้แต่บอกว่าจะรีบไปซื้อของตามที่เขาสั่ง
“ฉันให้อุษาโทร.ให้เขาเอามาส่งแล้ว ฉันอยากรู้ว่าท่านเคานต์ไหน”
“ท่านเคานต์แดร็กคิวล่าค่ะ และคงไม่ต้องบอกกระมังคะว่าดิฉันหมายถึงใคร” หญิงสาวดึงมืออดิศวร์ออกแล้วจ้ำพรวดๆ ตรงไปที่ครัวอาสาเป็นลูกมือช่วยอุษาเตรียมอาหารสำหรับงานเลี้ยง พลางคุยให้ฟังว่าตอนนี้เธอกำลังจับคู่ให้ลานนากับอนิรุทธิ์แล้วยกมือท่วมหัวภาวนาขอให้สำเร็จ
“ทำไมไม่จับคู่ให้เจ้าลานนากับ...เอ่อ...พันธ์สูรย์ล่ะคะ เขาน่าจะสนิทกันอยู่แล้ว”
“เพราะคุณพันธ์สูรย์รักพี่อุษาน่ะสิคะ ดูท่าจะไม่ยอมเปลี่ยนใจเสียด้วย”
อุษายังยืนยันคำเดิม ระหว่างเธอกับพันธ์สูรย์ไม่มีทางเป็นไปได้ เธอจะเนรคุณคุณย่ากับคุณลบไม่ได้ และขอร้องวิรงรองอย่าพูดถึงเรื่องนี้อีก โอบแอบฟังอยู่โดยตลอดรีบนำเรื่องนี้ไปรายงานแสงแข ไม่กี่อึดใจถัดมา เรื่องที่วิรงรองคุยกับอุษาก็รู้ถึงหูท่านผู้หญิงสรรักษ์ซึ่งโกรธมาก สั่งให้แสงแขไปตามตัวอุษามาพบ...
ท่านผู้หญิงสรรักษ์ไม่ฟังคำแก้ตัวใดๆ ตบอุษาหน้าหันแก้มแดงเถือกเป็นรอยมือ แล้วเอานิ้วจิ้มหน้าผากจนหน้าหงายด่าลั่นว่านังคนเนรคุณ ตั้งแต่อดิศวร์พานังพลับพลึงมาอยู่ที่นี่ เธอสมคบกับนังนั่นคอยลอบกัดตนตลอด อุษายืนยันทั้งน้ำตาว่าไม่เคยคิดร้ายต่อคุณย่าแม้แต่ครั้งเดียว วิรงรองก็เช่นกัน
“อย่าเอ่ยชื่อนังคนนั้น...ต่อไปนี้ฉันขอสั่งไม่ให้แกพูดกับมัน บอกนังอุไรด้วย ห้ามไปสุงสิงยุ่งเกี่ยวกับมันเด็ดขาด ฉันจะดูสิว่ามันจะยังหน้าด้านอยู่ในโดมทองได้อีกหรือเปล่า...ไสหัวไปได้แล้ว” ท่านผู้หญิงสรรักษ์มองตามอุษาที่ออกจากห้องไปทั้งน้ำตาด้วยแววตาเป็นประกายน่ากลัว...
ทางฝ่ายวิรงรองถึงกับหน้าเครียดเมื่อรู้เรื่องที่ท่านผู้หญิงสรรักษ์สั่งห้ามอุษาและอุไรมาข้องแวะกับเธอ เนื่องจากไม่อยากให้ใครต่อใครต้องมาเดือดร้อน เธอรับปากจะพยายามอยู่ให้ห่างทุกคนเข้าไว้
ooooooo
ตั้งแต่ลงจากเครื่องบิน อนิรุทธิ์พยายามโทร.หาวิรงรองนับครั้งไม่ถ้วนแต่ไม่มีใครรับสาย ลานนาพยายามหยอกล้อเพื่อให้คลายความกังวล เขากลับยิ่งหงุดหงิด จนกระทั่งมื้อเที่ยงแสนอร่อยที่คุ้มภูไทผ่านไป วิรงรองถึงได้โทร.กลับมาหา อนิรุทธิ์สีหน้าสดใสขึ้นมาทันที ขอตัวไปคุยข้างนอก ลานนาหันมากระเซ้าภูไท
“ท่าทางพี่ชายจะมีคู่แข่งเสียแล้ว”
ภูไททำหน้าดุใส่น้องสาวเป็นทำนองไม่ให้พูดอะไรอีก...
ด้านวิรงรองขอโทษขอโพยอนิรุทธิ์เป็นการใหญ่ที่ไม่ได้รับสาย แล้วถามด้วยน้ำเสียงจริงจังว่าลานนาเป็นอย่างไรบ้าง จากนั้นก็อวดสรรพคุณเพื่อนรักให้ฟังว่าทั้งน่ารักนิสัยดีแถมสวยอีกต่างหาก อนิรุทธ์รู้ทันว่าเธอคิดจะจับคู่ให้ ขอร้องอย่าทำแบบนี้อีก ใจคนเราไม่ได้เปลี่ยนกันง่ายเหมือนเปลี่ยนเสื้อผ้า วิรงรองร้องเอะอะ
“ตายแล้ว นี่หมายความว่ารุทธิ์มีแฟนแล้วล่ะสิ งั้นก็ต้องขอโทษด้วยนะจ๊ะ ที่วิละลาบละล้วงจะหาแฟนให้ ว่าแต่ใครคือผู้โชคดีคนนั้น เอ๊ะ หรือว่าหนุ่ม...” วิรงรองกระเซ้า
“แค่นี้ละนะ ขี้เกียจคุยด้วยแล้ว” อนิรุทธิ์วางสายน้อยใจที่วิรงรองทำเหมือนไม่รู้ว่าเขาคิดอย่างไรกับเธอ...
อีกมุมหนึ่งของคุ้มภูไท ลานนาพยายามพูดให้กำลังใจพี่ชายตัวเองว่าอย่าเพิ่งท้อ เธอมั่นใจว่าเขามีภาษีดีกว่าอนิรุทธิ์เป็นไหนๆ ทั้งหล่อทั้งรวยมีชาติตระกูล นินทาเพลินไม่ทันเห็นอนิรุทธิ์เข้ามา เจ้าตัวต้องกระแอมเสียงดังเพื่อให้ลานนารู้สึกตัว สองพี่น้องถึงกับสะดุ้งโหยง ทำหน้าไม่ถูก
“ผมมาลาครับ ขอบคุณสำหรับอาหารที่อร่อยดีมีชาติตระกูล” อนิรุทธิ์แดกดัน
ภูไทตั้งสติได้รีบขอโทษเขาแทนน้องสาวของตนด้วยที่พูดจาไม่ค่อยคิด แล้วอาสาจะพาอนิรุทธิ์ไปส่งโรงแรมที่พัก ลานนาถึงกับอ้าปากค้างที่ภูไทเอาตัวรอดคนเดียวหน้าตาเฉย...
ตกค่ำ ขณะที่คนอื่นๆไปรวมตัวกันที่ชายหาดเตรียมร่วมงานเลี้ยง อดิศวร์แวะมาดูคุณย่าว่าเป็นอย่างไรบ้าง ท่านอดทักไม่ได้ว่าทำไมยังไม่ไปปาร์ตี้ริมหาดอีก เขาติดงานอีกนิดหน่อย สักครู่ถึงจะตามไป แล้วชวนท่านไปร่วมงานด้วยเผื่อจะได้เปลี่ยนบรรยากาศบ้าง
“ไม่...ย่าเกลียดงานเลี้ยง” ท่านผู้หญิงสรรักษ์เสียงเขียวขึ้นมาทันที
อดิศวร์แปลกใจ อ้าปากจะถาม แต่แล้วเปลี่ยนใจไม่พูดน่าจะเป็นการดีกว่า แล้วขอตัวไปทำงานต่อ
เปิดประตูห้องออกมาเจอโอบแต่งตัวสวยเหมือนจะออกไปข้างนอก อดิศวร์ร้องทักว่าจะไปไหน พอรู้ว่าเธอจะไปร่วมงานที่ชายหาด สั่งห้ามไปไหนทั้งสิ้น โอบอ้างว่าท่านผู้หญิงสรรักษ์อนุญาตให้ไปได้ เขาไม่ยอมให้ไป ถึงอย่างไรก็ต้องมีคนอยู่กับคุณย่า เพราะอุไรต้องไปช่วยงานอุษากับแสงแขดูแลแขก โอบถึงกับเซ็ง...
ฝ่ายท่านผู้หญิงสรรักษ์ฉุกคิดถึงงานเลี้ยงหรูหราเมื่อคราวที่ตนเองจัดขึ้นภายในคฤหาสน์โดมทองเมื่อหลายสิบปีก่อนแล้ว ถึงกับบ่นพึมพำด้วยความแค้น
“งานเลี้ยงเรอะ...งานเลี้ยงพรากความสุขจากฉันไปจนชั่วชีวิต...ฉันเกลียดมัน”
ooooooo
ในเวลาเดียวกันที่ริมชายหาด ไฟกองใหญ่ถูกจุดสว่างไสว ทั้งอุษา วิรงรองและอุไรกำลังช่วยกันปิ้ง บาร์บีคิวอาหารทะเลอยู่อีกมุมหนึ่ง ส่วนรัฐมนตรีพจน์ คุณหญิงแก้ว คุณหญิงวัชรี รวมทั้งพิชญ์และพิณทองกำลังนั่งล้อมวงคุยกัน โดยมีแสงแขคอยดูแลไม่ห่าง
พิชญ์ลอบมองไปที่วิรงรองบ่อยครั้ง จนพิณทองจับพิรุธได้แต่ไม่พูดอะไร รัฐมนตรีพจน์ไม่เห็นเจ้าบ้านมางานสักที ส่งมือถือให้พิณทองโทร.ไปตาม แต่กลับไม่มีใครรับสายเพราะอดิศวร์วางมือถือไว้ในห้องทำงานไม่ได้เอาติดตัวไปด้วย พิณทองคิดว่าเขากำลังมาที่นี่จึงไม่ได้สนใจอะไรอีก...
หลังจากช่วยอุษาปิ้งบาร์บีคิวสักพัก กลิ่นควันไฟทำให้วิรงรองต้องขอตัวไปสูดอากาศบริสุทธิ์สักครู่ อุษาพยักหน้ารับรู้ และเตือนว่าอย่าไปไหนไกลนัก วิรงรองยิ้มรับแล้วเดินเลี่ยงออกไป พิชญ์ซึ่งคอยจ้องมองเธออยู่ตลอด ลอบตามออกไปเงียบๆโดยที่ไม่มีใครทันสังเกต...
ขณะที่งานปาร์ตี้ดำเนินไปอย่างสนุกสนาน ที่ห้องของท่านผู้หญิงสรรักษ์อยู่ๆก็มีลมพัดวูบเข้ามา ทั้งห้องหนาวยะเยือก โอบต้องกอดอกตัวเองไว้ ท่านผู้หญิงซึ่งนอนอยู่บนเตียงผงกหัวขึ้น มองเขม็งไปยังประตูห้อง ร้องทักว่ามาแล้วหรือ โอบมองตามสายตาท่านกลับพบแต่ความว่างเปล่า ละล่ำละลักถามว่าใครมาหรือ
“นังพิศน่ะสิ...แกออกไปได้ นังพิศมันจะได้เข้ามา”
โอบตาลีตาเหลือกพุ่งไปเปิดประตู รู้สึกเหมือนมีใครบางคนเดินสวนเข้ามา เธอรีบออกจากห้องแล้วหันกลับไปมอง เห็นท่านผู้หญิงสรรักษ์กำลังพูดอะไรบางอย่างราวกับมีใครนั่งอยู่ตรงนั้น โอบรีบปิดประตูห้องด้วยสีหน้าหวาดกลัวสุดๆ ถ้าท่านผู้หญิงไม่เลี้ยงผีก็ต้องเพี้ยนไปแล้วแน่ๆ รีบเผ่นแนบไม่เหลียวหลัง...
ทางฝ่ายพิชญ์ตามวิรงรองจนทันแถวซากเรือที่เกยตื้นอยู่บนชายหาด เหตุการณ์เมื่อคืนที่วิรงรองโผสู่ หาอ้อมกอดทำให้พิชญ์คิดว่าเธออยากจะกลับมาสานสัมพันธ์กับเขาอีกครั้ง เธออ้างว่าเรื่องเมื่อคืนเป็นเหตุสุดวิสัยแล้วขยับจะเดินหนี เขาคว้าแขนไว้ มุ่งมั่นจะให้เธอกลับมาเป็นพลับพลึงของเขาอีกครั้ง แต่เธอไม่เล่นด้วย
“คุณแต่งงานแล้ว เรื่องของเรามันจบไปตั้งแต่ตอนนั้น ทุกอย่างมันสายไปแล้ว”
“ยังไม่สาย ถ้าหากคุณบอกมาคำเดียวว่ายังรักผมอยู่ ผมจะสารภาพกับพิณทองตามตรงว่าผมไม่เคยรักเธอ คุณต่างหากคือคนที่ผมรัก อย่าทรมานตัวเองอีกต่อไปเลยนะ พลับพลึง” พิชญ์รวบตัวเธอมากอด หญิงสาวดิ้นรนสุดฤทธิ์ สั่งให้เขาหยุดทำบ้าๆเดี๋ยวนี้ เขากลับก้มหน้าลงมาจะจูบ เธอกระทืบเท้าเขาเต็มแรงแล้วตบหน้าซ้ำ
“กลับไปเถอะค่ะพิชญ์ สำหรับเราถือว่าทุกอย่างจบแล้ว คุณมีหน้าที่กับคุณพิณทอง สำหรับฉันก็จะทำหน้าที่ที่มีกับคุณอดิศวร์ให้ลุล่วงไปด้วยดี”
พิชญ์ทำท่าจะไม่ยอมไป จังหวะนั้นมีแสงจากไฟฉายส่องมาไกลๆพร้อมกับเสียงร้องเรียกเขาดังขึ้นวิรงรองขอร้องให้เขากลับไป มีคนมาตามแล้ว
พิชญ์จำต้องผละจากไป ทันทีที่เขาลับสายตา วิรงรองทรุดฮวบลงกับพื้นร้องไห้อย่างเจ็บปวด มีเสียงดังขึ้นจากซากเรือใกล้ๆ
“แก้มนายพิชญ์คงจะระบมไปอีกหลายวันทีเดียว อยากรู้ว่าเขาจะแก้ตัวกับพิณทองว่าอย่างไร”
วิรงรองหันขวับไปมอง ถึงกับตะลึงพูดอะไรไม่ออกที่เห็นอดิศวร์ยืนอยู่...
ฝ่ายพิชญ์เดินมาเจอคุณหญิงวัชรีกับพิณทองส่องไฟฉายมาตามทาง คุณหญิงวัชรีถามลูกชายอย่างจับผิดว่าไปไหนมา แม่ดอกไม้นั่นก็หายไปด้วย พิชญ์โกหกว่าเหม็นควันไฟก็เลยเดินเล่นไปเรื่อยๆไม่เห็นเจอใคร
ooooooo
วิรงรองต่อว่าอดิศวร์ทั้งน้ำตาว่าไม่มีมารยาทอยู่ตรงนั้นตั้งนานแล้วทำไมไม่รู้จักบอกกล่าว มานั่งฟังเธอกับพิชญ์คุยกันอยู่ได้ตั้งนานสองนาน เขาอ้างว่าขืนทะลุกลางปล้องขึ้นมาเธอก็จะหาว่าไม่มีมารยาทอีก ผิดทั้งขึ้นทั้งล่องทั้งๆที่ไม่ได้อยากฟังสักนิด วิรงรองน้ำตาไหลพรากด้วยความอับอายและเจ็บใจปนกัน
“จะมัวมาร้องไห้เสียใจอยู่ทำไม เขาแต่งงานได้เราก็แต่งได้เหมือนกัน แต่งงานกับฉันไหมล่ะวิรงรอง แล้วก็อยู่ด้วยกันที่โดมทองนี่ตลอดไป”
“นี่เป็นแผนการขั้นสุดท้ายที่จะมัดดิฉันเอาไว้โดยไม่ให้เข้าไปยุ่งเกี่ยวกับพิชญ์อีกเลยใช่ไหมคะ”
อดิศวร์โกรธที่วิรงรองมองเขาในแง่ลบตลอดเวลา รวบตัวมากอดแล้วระดมจูบไม่ยั้ง เธอพยายามผลักเขาออกแต่สู้แรงไม่ได้ จึงหยุดดิ้นปล่อยให้เขาทำตามใจ อดิศวร์กลับเป็นฝ่ายชะงัก ถามว่าเป็นอะไรไป โกรธเขาหรือยังอาลัยอาวรณ์พิชญ์ วิรงรองไม่ตอบยกแขนขึ้นเช็ดปากและแก้มตัวเองอย่างแรง อดิศวร์คลายวงแขนออก
“ใจคอจะลบให้หมดกลิ่นสาบเชียวหรือ ที่จริงถึงอย่างไรไอ้อมนุษย์อย่างฉัน มันน่าจะดีกว่านายพิชญ์ตรงที่ไม่ใช่คนโลเล พอทางนี้ไม่ได้ก็หันไปคว้าทางโน้น”
วิรงรองผลักอดิศวร์ออกแล้ววิ่งหนี เขารีบตามไปเตือนให้เธอทำตัวปกติ คนอื่นจะได้ไม่สงสัย...
เสียงฟ้าครืนๆ ตามมาด้วยฟ้าแลบ ทำให้ปาร์ตี้วงแตก อุษาเริ่มเป็นห่วงวิรงรองไม่รู้หายไปไหน เพราะถึงเวลาต้อง กลับกันแล้ว...
ระหว่างที่ทุกคนช่วยกันเก็บข้าวของขึ้นรถที่นายสมมารอรับ ต่างแปลกใจที่เห็นวิรงรองกลับมาพร้อมกับอดิศวร์ พิณทองทักว่าไปเจอกันได้อย่างไร อดิศวร์ไม่ยอม ตอบคำถามใดๆ ชวนทุกคนกลับ แล้วแตะข้อศอกวิรงรอง ให้เดินไปขึ้นรถอย่างอ่อนโยนราวกับรักมากมาย พิชญ์มองตามด้วยความหึงหวง...
ไม่ได้มีพิชญ์เท่านั้นที่ปวดใจกับความเอื้ออาทรที่อดิศวร์มีต่อวิรงรอง แสงแขก็ทนไม่ไหวเช่นกัน สั่งโอบที่กำลังเล่าเรื่องท่านผู้หญิงสรรักษ์เลี้ยงผีไว้ในห้องนอนให้ไปตามอ๊อดมาพบเธอพรุ่งนี้แต่เช้าที่น้ำตก โอบถามว่าเรื่องที่คุณท่านเลี้ยงผีจะให้ทำอย่างไร แสงแขไม่สนใจคิดว่าท่านเพ้อเจ้อไปเองตามประสาคนแก่เพี้ยนๆ...
ทางด้านวิรงรองเห็นรัฐมนตรีพจน์จะกลับกรุงเทพฯ พรุ่งนี้แล้ว จึงขอแลกเบอร์มือถือเผื่อมีเรื่องประหลาดเกิดขึ้นที่นี่อีกจะได้โทร.ไปปรึกษา คุณหญิงแก้วเดินนำพิณทองเข้ามาเห็นพอดี โวยวายลั่นว่าทำอะไรกัน รัฐมนตรีพจน์ไม่อยากเถียงด้วยเดินหนีขึ้นห้อง วิรงรองเห็นท่าไม่ดีชิ่งหนีไปเช่นกัน คุณหญิงแก้วไม่ยอมรามือตามไปเอาเรื่องสามีที่คิดจะเป็นกิ๊กกับนังดอกไม้ไร้ค่าคนนั้น เขาพยายามอธิบายว่าไม่มีอะไร เธอก็ยังต่อว่าไม่หยุด
“ถ้าขืนพูดอีก ผมจะไปพักโรงแรมในเมืองเดี๋ยวนี้เลย” คำขู่ของรัฐมนตรีพจน์ทำให้คุณหญิงแก้วเงียบได้
ooooooo
ด้วยความสนับสนุนจากท่านผู้หญิงสรรักษ์ทำให้แสงแขมีเงินไปจ้างวานอ๊อดให้หาทางกำจัดวิรงรองท่าน ผู้หญิงเตือนแสงแขว่าอย่าทิ้งร่องรอยไว้แม้แต่นิดเดียว
“ทำให้สำเร็จ แล้วตาลบจะเป็นของแก” ท่านผู้หญิงมองตามแสงแขที่ไปหยิบเงินจากตู้เซฟของตนด้วยสายตาเย้ยหยัน พลางพึมพำด่าเธอว่านังหน้าโง่ ที่ไม่รู้เท่าทันว่ากำลังถูกหลอกใช้...
แสงแขเดินตามแผนการกำจัดวิรงรองทันที แสร้ง ทำทีมาขอปรับความเข้าใจด้วย อ้างว่าที่ต้องตั้งตัวเป็นศัตรู กับเธอเพราะรักและหวงอดิศวร์มาก ตอนนี้ตนรู้แล้วว่า เขาไม่ได้มีใจให้ วิรงรองต่างหากที่เขารัก
“มันน่าอายจริงๆ...ฉันอยากจะขอโทษเธอ” แสงแขตีหน้าสำนึกผิด ขณะที่วิรงรองมองอย่างแคลงใจ
ครู่ต่อมา วิรงรองโทร.เล่าเรื่องนี้ให้ลานนาฟังเธอเตือนว่าอย่าไว้ใจแม่นั่นเด็ดขาด ต้องมีแผนร้ายอะไรแน่ๆ วิรงรองอดแปลกใจไม่ได้ แสงแขต้องการให้เธอหลีกทางให้ทำไม ในเมื่อเธอไม่ได้มีอะไรกับอดิวร์สักหน่อย
“ไม่มีน่ะดีแล้ว ฉันไม่อยากให้พี่ชายอกหัก” ลานนาพูดทีเล่นทีจริง
ooooooo
อ่านละคร โดมทอง ตอนที่ 7 วันที่ 21 มิ.ย. 56
ละครเรื่อง โดมทอง บทประพันธ์โดย วราภาละครเรื่อง โดมทอง บทโทรทัศน์โดย : ภาวิต
ละครเรื่อง โดมทอง กำกับการแสดงโดย : นนทนันท์ ธัญญาสิริทรัพย์
ละครเรื่อง โดมทอง ควบคุมการผลิตโดย : สยม สังวริบุตร
ละครเรื่อง โดมทอง แนวละคร : ชีวิต ลึกลับ ตื่นเต้น
ละครเรื่อง โดมทอง ออกอากาศทุกวันจันทร์ และวันอังคาร เวลา 20.25 น. ทางช่อง 7 สี
ที่มา ไทยรัฐ