อ่านละคร นักสู้มหากาฬ ตอนที่ 5 วันที่ 25 มิ.ย. 56
ภายในห้องรับแขกบ้านท่านนำชัย ไอริณนอนหมดสติอยู่ที่โซฟา นำชัยเห็นสภาพลูกสาวแล้วหันไปต่อว่ากรณ์ที่ยืนจิบเครื่องดื่มอยู่อย่างใจเย็น“นายมีสิทธิ์อะไรถึงมาทำกับลูกสาวฉันแบบนี้ ตกลงนายจะเป็นเจ้านายหรือเป็นลูกน้องฉันกันแน่”
“อย่าเพิ่งโมโหสิครับ ที่ผมต้องทำแบบนี้ก็เพื่อความปลอดภัยของคุณไอริณ”
“มิสเตอร์โทมัส หลิว ผมสงสัยว่าเขาจะเป็นศัตรูของพรายพิฆาตและที่มาตีสนิทกับคุณไอริณก็เพื่อล้วงความลับจากท่าน”
“ไม่จริง นายอย่าลืมสิว่าหมอนั่นช่วยไอริณเอาไว้”
“แค่ นั้นยังไม่พอหรอกครับสำหรับความไว้ใจ ก็ขนาดภรรยาของท่านยังเคยหักหลังท่านมาแล้ว จนท่านต้อง...” กรณ์แสร้งชะงักเมื่อเห็นนำชัยถลึงตามองด้วยความโกรธ “ลืมไป...เรื่องนี้ต้องปิดเป็นความลับ”
ไอริณรู้สึกตัวนานแล้ว และได้ยินการสนทนาเกือบทั้งหมด เธอเริ่มสงสัยจุดเชื่อมโยงระหว่างพ่อของเธอ กรณ์ พรายพิฆาต และการตายของแม่...
หลังผ่านเหตุการณ์เฉียดตายมาด้วยกัน ณัฐชาขับรถไปส่งฤทธิ์ที่บริษัทมาดามหลิว เธอขอบใจที่เขาช่วยชีวิตแต่ไม่ยอมเลิกราที่จะขัดขวางเขาผูกสัมพันธ์กับไอริณ
แล้วณัฐชาก็เร่งรีบไปหาไอริณที่บ้านเพราะเธอติดต่อมาขอความช่วยเหลือ ส่วนฤทธิ์กลับเข้าบริษัทอย่างเซ็งๆ เจอมาดามหลิว ชาญ และโซเฟียอยู่กันครบ จึงเล่าเรื่องที่ปะทะกับอริเก่าและแอบติด GPS ไว้ที่ตัวของพวกมัน นี่เองทำให้รู้ความเคลื่อนไหวจนฤทธิ์สามารถติดตามไปเจอมันกำลังคุยกับบอสที่ตึกร้างด้วยเรื่องขนส่งยาเสพติด ซึ่งก่อนหน้านี้บอสไปเจอมาวินแล้วบอกให้รู้ว่าท่านนำชัยเป็นพวกเดียวกับเรา
การมาของฤทธิ์ในคราบมือสังหารชุดดำทำให้พวกกรณ์ตั้งรับแทบไม่ทัน ดังนั้นบอสจึงต้องลงมือเอง การต่อสู้ของฤทธิ์กับบอสเป็นไปอย่างดุเดือด ผลัดกันรุกรับจนต่างฝ่ายต่างบาดเจ็บ แต่แผลของทั้งคู่ก็สมานตัวหายอย่างรวดเร็วด้วยอานุภาพของน้ำตามัจจุราช
ฤทธิ์ใช้ดาบเป็นอาวุธแต่ท้ายที่สุดก็พลาดท่าเกือบโดนสังหารถ้าไม่ได้โซเฟียห้อมอเตอร์โซค์เข้ามาพาหนีไป ทิ้งความเจ็บใจไว้ให้บอสและพวกกรณ์ ยิ่งเมื่อบอสรู้ว่ามี GPS อยู่ที่ตัวไอ้ยักษ์ก็โมโหฉุนเฉียว ด่ามันว่าไอ้โง่ และคาดโทษด้วยว่าถ้าคราวหน้าทำพลาดแบบนี้อีกเขาฆ่ามันแน่...
เพราะบาดเจ็บมาไม่น้อยทำให้ฤทธิ์ต้องรักษาตัวในห้องทดลอง โดยมีมาดามหลิวเฝ้าดูอาการ และมีเจ้าหน้าที่เทคนิคสองคนคอยดูแลอุปกรณ์อยู่ห่างๆ
“โซเฟียบอกฉันว่าเธอเกือบตาย”
“ผมเจอกับมัน หัวหน้าสาขาของพรายพิฆาต”
“บอสน่ะเหรอ ฉันเคยเจอกับมันมาแล้วครั้งนึง ก่อนที่ครอบครัวของฉันจะถูกสังหารหมู่”
“คุณทายถูกเรื่องยาเสพติดกับเรื่องท่านนำชัย เขาป็นสมาชิกของพรายพิฆาต”
มาดามหลิวพยักหน้า ท่าทีไม่ได้แปลกใจเท่าไหร่นัก เหมือนระแคะระคายเรื่องนี้มาก่อนแล้ว
ooooooo
ผู้กองราเมศนำกำลังตำรวจไปตรวจสอบสถานที่เกิดเหตุและเห็นสัญลักษณ์ของพรายพิฆาตบนกำแพง พร้อมหลักฐานเศษหัวกระสุนถูกตัดด้วยคมดาบ ผู้กองจึงมั่นใจว่าพรายพิฆาตปะทะกับมือสังหารชุดดำ
“ดูเหมือนว่าเขาจะสืบเจอพรายพิฆาตเร็วกว่าเราซะอีก”
ไม่ทันจะวิเคราะห์อะไรกันอีก หมู่ปรีดาเข้ามาเชิญทุกคนไปอีกทางซึ่งจ่าไมตรีรออยู่ พวกเขาเจอคราบของเหลวบางอย่างซึ่งเป็นสีฟ้า ตอนแรกเข้าใจว่าเป็นสารเคมีแต่ทำไมถึงมีกลิ่วคาวเลือด
“พูดเป็นเล่น เลือดที่ไหนจะสีแบบนี้” ณัฐชาไม่เชื่อและทำท่าจะพิสูจน์ แต่ราเมศชิงตัดหน้าเธอเสียก่อน
เขาใช้นิ้วมือแตะคราบสีฟ้านั้นมาขยี้ก่อนดมแล้วบอกว่ามันคือเลือดคน ณัฐชานิ่งอึ้งนึกถึงเหตุการณ์ก่อนหน้านี้ที่เธอเห็นเลือดโทมัสเป็นสีฟ้า!
เธอไม่รอช้า มุ่งหน้าไปหาโทมัสที่บริษัทมาดาม หลิวแต่เวลานั้นฤทธิ์หรือโทมัสกำลังรักษาตัวอยู่ มาดามหลิวจึงออกไปรับหน้าเธอก่อน ส่วนฤทธิ์ขอเวลาสักครู่แล้วจะตามไป เพราะถ้าตำรวจหญิงจอมมุทะลุคนนี้ไม่ได้พบเขา เธอต้องบุกขึ้นมาแน่
ภายในห้องสมุดโอ่โถง ณัฐชากวาดตามองทุกซอกมุมอย่างพิจารณาก่อนเริ่มบทสนทนากับมาดามหลิว
“บลูฟินิกซ์ฟาร์ม่า บริษัทของมาดามชื่อเพราะดีนะคะ ไม่ทราบว่ามีความหมายอะไรเป็นพิเศษรึเปล่า”
“สีน้ำเงินเป็นสีโปรดของสามีฉันเองค่ะ ส่วนนกฟินิกซ์ใครๆก็รู้ว่ามันคือสัญลักษณ์ของการเป็นอมตะ”
“นกฟินิกซ์คืนชีพจากความตาย...ให้ความรู้สึกดีเหมือนกันนะคะ สำหรับบริษัทยา”
มาดามหลิวยิ้มรับน้อยๆ พอดีโซเฟียพาโทมัสเข้ามา เธอจึงเปิดโอกาสให้ผู้หมวดกับโทมัสคุยกันตามลำพัง
“เรื่องคนร้ายเมื่อวาน ผมว่าเป้าหมายของมันคือคุณมากกว่านะ ไม่น่ามาสอบถามอะไรผมเลย” ฤทธิ์เปิด ฉากก่อนอย่างมีชั้นเชิง
“ตกลงเมื่อวานคุณบาดเจ็บรึเปล่า”
“ผมบอกคุณแล้วไง มันก็แค่กระสุนเพนต์บอล”
“ฉันขอดูแผลคุณหน่อยได้มั้ย”
“ผมไม่มีแผล กระสุนเพนต์บอลทำได้อย่างมากก็แค่รอยช้ำ”
“แต่ฉันสงสัยว่าคุณอาจจะบาดเจ็บมากกว่านั้น จากเหตุการณ์อื่น”
บรรยากาศเริ่มตึงเครียด ฤทธิ์หรือโทมัสพยายามเลี่ยงการตรวจสอบ
“ตามกฎหมาย คุณไม่มีสิทธิ์บังคับผม”
“ฉันรู้ แต่เพื่อแสดงความบริสุทธิ์ใจ คุณก็น่าจะพิสูจน์ตัวเองบ้าง”
ฤทธิ์ลุกยืน เชิญเธอพิสูจน์แต่มีข้อแม้เธอต้องเข้ามาถอดเสื้อเขาเอง แต่ถ้าไม่กล้า ธุระของเราก็จบแค่นี้... ณัฐชาลังเลครู่หนึ่งก่อนเข้ามาปลดกระดุมเสื้อเขาด้วยท่าทีเขินๆ ฤทธิ์รำคาญเลยถอดให้เสียเอง
“เอ้าดูซะ ว่าผมบาดเจ็บรึเปล่า”
หญิงสาวกวาดสายตาทั่วร่างเขา แถมเดินอ้อมดูด้านหลังก็ไม่เจอแผล มีแต่รอยช้ำจางๆหลายแห่ง ซึ่งเขาบอกว่าเกิดจากการเล่นกีฬา
“กีฬาในร่มผ้าน่ะสิ ใส่เสื้อได้แล้ว อุจาด”
“เดี๋ยวสิหมวด ถอดแล้วกรุณาใส่คืนให้ด้วย”
“เฮ้ย มันจะมากไปแล้วนะ เห็นฉันเป็นเมียคุณหรือไง เดี๋ยวให้ถอดเดี๋ยวให้ใส่”
“คุณเป็นคนขอร้องผมเองนะ อย่าลืมสิ”
“ไม่รู้ ไม่สน ฉันจะไปแล้ว ใส่เองก็แล้วกัน”
ณัฐชาเตรียมเผ่น พอเห็นฤทธิ์ขยับจะขวางอีก เธอก็ชักปืนออกจากซองทันที แต่เขารีบกดมันกลับเข้าที่เดิมก่อนจะล็อกตัวเธอเอาไว้ในอ้อมกอด
“อย่าทำอะไรบ้าๆนะคุณโทมัส ฉันเอาเรื่องคุณจริงๆด้วย”
“บอกผมมาก่อนผู้หมวด ว่าคุณตามหาอะไรอยู่กันแน่”
“มันเรื่องของฉัน งานของฉัน คุณไม่ต้องมายุ่ง”
“หรือว่า...ความจริงคุณชอบผม ก็เลยใช้ไอริณกับเรื่องงานมาบังหน้า”
“พูดดีๆนะคุณโทมัส กล่าวหากันแบบนี้ฉันถือว่าดูหมิ่นเจ้าพนักงานนะจะบอกให้”
“ก็ทีคุณยังดูหมิ่นผมได้เลยนี่ กล่าวหาผมสารพัด แถมยังบังคับให้ผมถอดเสื้อผ้าอีก แบบนี้คุณว่านักข่าวจะสงสัยใครมากกว่ากัน ระหว่างตำรวจหญิงใจร้ายกับเศรษฐีหนุ่มรูปงาม”
“แหวะ หลงตัวเอง”
ฤทธิ์ยิ้มขำ ณัฐชาฉวยโอกาสนั้นกระทืบเท้าเขาเต็มแรง
“โอ๊ย...เอาจริงเหรอคุณตำรวจ แบบนี้มันทำร้ายประชาชนนะคุณ”
“ฝากไว้ก่อนเถอะนายโทมัส งานนี้ฉันต้องเอาคืนแน่” ว่าแล้วเธอหมุนตัวออกไปอย่างหงุดหงิด เดินบ่นเรื่อยมาจนถึงจ่าไมตรีกับหมู่ปรีดาที่รออยู่หน้าบริษัท
“เป็นไปได้ยังไง ปกติเซ้นส์เราทำงานไม่เคยพลาดนี่หว่า”
จ่ากับหมู่นิ่วหน้างงๆ ก่อนซักถามหมวดสาวว่าได้เรื่องหรือเปล่า ตกลงหมวดสงสัยว่านายโทมัสเป็นนักฆ่าชุดดำเหรอ
“ตอนนี้ยังไม่มีหลักฐาน แต่อีกหน่อยต้องมีแน่”
“ยังไงเหรอครับ”
“สองวันนี้ จ่ากับหมู่คอยจับตาดูหมอนี่เอาไว้ ถ้ามีความเคลื่อนไหวอะไรให้รายงานฉัน”
สั่งเสร็จ หมวดสาวก็เดินลิ่วไปอย่างหัวเสีย โดยไม่รู้ว่าฤทธิ์แอบจับตามองเธอจากบนตึก ส่วนโซเฟียเพิ่งพามาดามหลิวเข้ามาสมทบ
“ตำรวจหญิงคนนี้ สงสัยคงกัดเธอไม่ปล่อยแน่โทมัส” มาดามหลิวเอ่ยอย่างมั่นใจ ขณะที่โซเฟียเลือดร้อนอีกตามเคย เสนอให้จัดการกับหมวดสาวรายนี้เสียก่อนที่จะเกิดเรื่อง
“แต่ผมมีวิธีอื่น ผมจะทำให้ณัฐชากลายเป็นพวกเดียวกับเรา”
มาดามหลิวกับโซเฟียชะงักในคำพูดของฤทธิ์... สงสัยว่าเขาจะทำเช่นนั้นได้อย่างไร
ooooooo
ไอริณค้างคาใจเรื่องการตายของแม่จึงขอความช่วยเหลือจากณัฐชาจนได้ที่อยู่จิตแพทย์ที่รักษาอาการป่วยของแม่...วันนี้เธอมุ่งหน้าไปยังคลินิกแห่งนั้นพร้อมกับผู้กองราเมศซึ่งณัฐชาส่งมาประกบแทนกรณ์บอดี้การ์ดคนใหม่ที่ไม่น่าไว้วางใจ
เมื่อไปถึงคลินิกแห่งนั้นซึ่งปัจจุบันกลายเป็นห้องร้างไปแล้ว แต่ภายในยังคงมีหมอหนึ่งคน ไอริณเข้าไปคุยกับเขาข้างในโดยให้ราเมศรออยู่ในรถ เธอแนะนำตัวกับหมอประชาว่าตัวเองเป็นลูกสาวบุญธรรมของสุดา มีเรื่องสงสัยบางอย่างอยากจะให้หมอช่วย
หมอประชายอมรับว่าสุดาเป็นคนไข้ของตน แต่เธอไม่ได้มีอาการจิตหลอน เธอมาที่นี่เพราะเครียดจนนอนไม่หลับ แต่ท่านนำชัยขอร้องให้ตนบอกตำรวจไปว่าภรรยาของท่านมีอาการทางประสาท...พูดแค่นั้นหมอก็นิ่งไปเหมือนลังเล ก่อนจะสรุปเพื่อตัดบทว่าเรื่องนี้มันค่อนข้างอันตราย แต่ไอริณไม่ปล่อยผ่าน เธอเซ้าซี้อยากรู้ว่าเกิดอะไรขึ้นกับแม่และสัญญาจะปิดเป็นความลับ
“ผมมีบันทึกประวัติของเธอกับเทปตอนที่เธอให้ข้อมูล บางทีคุณน่าจะฟังด้วยตัวเอง ว่าแต่คุณรู้จักพ่อคุณดีแค่ไหน แล้วรู้อะไรบ้างเกี่ยวกับพรายพิฆาต”
ไอริณตอบไม่ถูก หมอประชาเดาได้ด้วยตัวเองว่าเธอไม่รู้ “ถ้างั้นก็เตรียมช็อกได้เลย ช็อกเหมือนกับที่ผมเคยเจอมาก่อนหน้านี้”
หมอประชาหายเข้าไปในห้องทำงานซึ่งอยู่ด้านหลังคลินิก...นึกไม่ถึงว่าเขาจะเอาชีวิตไปทิ้งด้วยน้ำมือของบอสที่ดอดเข้ามาตั้งแต่เมื่อไหร่ไม่รู้ ไอริณเข้ามาเห็นถึงผงะแล้ววิ่งหนีสุดชีวิตแต่ก็ถูกเขาตะครุบตัวพร้อมกับชูดาบขู่
“นี่เป็นคำเตือนสุดท้าย เลิกยุ่งกับเรื่องนี้ ไม่อย่างนั้นฉันจะไม่ปรานีเธอเด็ดขาด”
ไอริณกลัวตัวเนื้อสั่น แล้วร้องไห้โฮเมื่อราเมศพรวด พราดเข้ามาหลังจากวายร้ายจากไปเพียงครู่เดียว อาการหวาดผวาและน้ำตาของหญิงสาว รวมทั้งศพของหมอและสัญลักษณ์พรายพิฆาตทำให้ผู้กองหนุ่มเริ่มเข้าใจว่าเกิดอะไรขึ้น
หลังจากนั้นไม่นาน นำชัยก็ได้รับการติดต่อจากผู้กองราเมศ...เขายอมรับว่าประชาเป็นหมอประจำตัวของภรรยาและสั่งให้ผู้กองพาไอริณกลับมาโดยเร็ว กรณ์นั่งอยู่ด้วยได้ยินทุกคำ พอนำชัยวางสายก็ถามหยั่งเชิงว่า ถ้าความแตกขึ้นมาจริงๆ ไอริณรู้เรื่องพรายพิฆาต ท่านจะทำยังไง
“ลูกสาวฉัน ฉันจัดการเองได้” นำชัยเสียงแข็งแต่กรณ์ไม่สลด ต่อปากต่อคำอย่างถือดี
“เชิญตามสบายครับท่าน ภาวนาอย่าให้ผมต้องลงมือก็แล้วกัน เพราะถ้าเป็นแบบนั้นคงจบไม่สวยแน่”
ooooooo
ค่ำมืดแล้วแต่ณัฐชายังไม่กลับบ้าน นั่งครุ่นคิดถึงคำพูดของมือสังหารชุดดำที่ปรากฏตัวบริเวณลานจอดรถภายในกองปราบเมื่อตอนบ่าย เขาบอกเธอว่านำชัย เป็นสมาชิกของพรายพิฆาต และอีกไม่นานพรายพิฆาตจะให้มาวินค้ายาเสพติดซึ่งเจือปนสารพิษที่ชื่อน้ำตามัจจุราช โดยมีนำชัยคอยอำนวยความสะดวกอยู่เบื้องหลัง
“อย่ารายงานความเคลื่อนไหวของพวกคุณกับท่านนำชัยเพราะทุกข่าวจะรั่วไหลไปถึงศัตรูในไม่ช้า”
เขาทิ้งประโยคสุดท้ายนั้นไว้ก่อนจากไปอย่างรวดเร็วจนเธอไม่ทันตั้งตัว...คำบอกเล่าของเขาทำให้หมวดณัฐชาอดหนักใจไม่ได้ว่า ถ้านำชัยเป็นสมาชิกพรายพิฆาตจริงแล้วไอริณจะรู้เห็นด้วยหรือเปล่า
ขณะเดียวกันนั้น ไอริณเก็บตัวอยู่ในห้องตั้งแต่ราเมศพาเธอกลับมาส่งที่บ้าน นำชัยขึ้นมาปลอบเพราะทราบดีว่าลูกสาวไปเจออะไรมา แต่เธอกลับคาดคั้นเอาความจริงจากพ่อว่าทำไมต้องทำร้ายแม่ แม่ทำอะไรผิด หมอบอกว่าแม่ไม่ได้ป่วยเป็นโรคประสาทแต่พ่อเป็นคนสั่งให้หมอบอกตำรวจแบบนั้น
“ไอริณ...ลูกยังไม่เข้าใจ ที่พ่อทำลงไปพ่อจำเป็นต้องปกป้องตัวเอง เรื่องที่เกิดขึ้นวันนั้นมันเป็นเพราะแม่กำลังทรยศพ่อ”
นำชัยสีหน้าสำนึกผิด สารภาพความจริงว่าสุดาขัดขวางเรื่องที่ตนมีพรายพิฆาตหนุนหลังเพื่อความอยู่รอดในแวดวงการเมืองที่เต็มไปด้วยเล่ห์เหลี่ยมของเสือสิงห์กระทิงแรด ซึ่งเธอโกรธมากจะเปิดโปงความลับนี้แก่นักข่าว เขาจึงเอาปืนออกมาขู่แล้วเกิดการยื้อแย่งกันจนปืนลั่นใส่เธอ
“พ่อเสียใจที่ทำให้เกิดเรื่องแบบนั้นขึ้น แต่ถ้าพวกมันรู้ว่าเราหักหลังล่ะก็ เราจะต้องตายกันหมด เชื่อพ่อนะไอริณ ปิดทุกอย่างไว้เป็นความลับต่อไป อย่าให้ใครรู้เรื่องนี้”
ไอริณถึงกับพูดไม่ออกบอกไม่ถูก ตกอยู่ในอาการตกตะลึงและสับสน
ooooooo
อ่านละคร นักสู้มหากาฬ ตอนที่ 5 วันที่ 25 มิ.ย. 56
บทประพันธ์โดย : ณพุทธ สุศรีฯบทโทรทัศน์โดย : ณพุทธ สุศรีฯ
กำกับการแสดงโดย : ธีระศักดิ์ พรหมเงิน
ผลิตโดย : บริษัท มุมใหม่ จำกัด
วันเวลาออกอากาศ : ทุกวันศุกร์ - อาทิตย์ เวลา 20.25 น. ทางช่อง 7 สี
ที่มา ไทยรัฐ