อ่านละคร โดมทอง ตอนที่ 3 วันที่ 8 มิ.ย. 56


อ่านละคร โดมทอง ตอนที่ 3 วันที่ 8 มิ.ย. 56

วิรงรองขี่ม้าชมวิวมาถึงบริเวณป่าละเมาะ ได้ยินเสียงน้ำตกแว่วเข้ามา เธอตื่นเต้นมากบังคับม้าให้ตรงไปยังทิศทางนั้น ไม่นานก็มาถึงน้ำตก วิรงรองคาดไม่ถึงว่าจะได้พบชายแปลกหน้าใจดีที่เจอกันบนรถไฟอีกครั้ง คำถามแรกที่เขาถามเธอก็คือโดมทองเป็นอย่างที่คิดไว้หรือเปล่า เธอขอไม่ตอบเพราะไม่อยากนินทาเจ้านาย

“งั้นก็แปลว่าเจ้านายมีเรื่องให้นินทาเยอะ”

พันธ์สูรย์เย้า วิรงรองนิ่งคิดอยู่ครู่หนึ่งก่อนจะนึกอะไรขึ้นมาได้

“เมื่อครู่นี้ คุณอุษาออกมาพบคุณใช่ไหม”

ชายหนุ่มพยักหน้าแทนคำตอบ วิรงรองรู้ทันทีว่าเขาคือพันธ์สูรย์ เจ้าของจดหมายที่แม่ครัวพูดถึง เขาขอร้องเธออย่าบอกคุณอดิศวร์ว่าอุษาออกมาพบเขาเพราะไม่อยากให้เธอเดือดร้อน วิรงรองไม่เห็นจะเกี่ยวกันตรงไหน ยกเว้นเขาจะไปทำอะไรให้อดิศวร์เกลียดชัง



“ผมน่ะหรือจะทำอะไรเขา ผมเป็นผู้ถูกกระทำต่างหาก” พันธ์สูรย์ว่าแล้วยกนาฬิกาข้อมือขึ้นมาดู “ผมต้องกลับล่ะ ยินดีที่ได้รู้จักคุณ....เอ่อ...”

“วิรงรองค่ะ...เดี๋ยวสิคะ อย่าเพิ่งกลับ คุณยังไม่ได้เล่าเลยว่าทำไมคุณอดิศวร์ถึงได้เกลียดคุณ”

พันธ์สูรย์ไม่อยากพูดถึง ที่สำคัญไม่มีอะไรน่าฟังและหวังว่าเราสองคนคงได้พบกันอีก แล้วโดดขึ้นม้าของตัวเองควบออกไปอย่างรวดเร็ว วิรงรองส่ายหน้า บ่นอุบว่าแถวนี้มีแต่คนแปลกๆ....

ทางฝ่ายพิณทองโทร.แจ้งความคืบหน้าเรื่องงานแต่งงานของตัวเองให้น้าชายทราบว่าได้ฤกษ์แต่งงานแล้วกลางเดือนหน้า เธอยังเป็นกังวลเรื่องพิชญ์ไม่หาย เพราะเพื่อนของเธอเล่าว่าเขาเคยมีแฟนตอนเรียนอยู่ที่อเมริกา อดิศวร์ไม่เห็นจะแปลกตรงไหน ถ้าเขาไม่มีแฟนยังจะน่าเป็นห่วงมากกว่า แล้วปลอบเธออย่ากังวลไปเลยทำใจให้สบายแล้วเตรียมตัวเป็นเจ้าสาวที่สวยที่สุดจะดีกว่า....

ด้านวิรงรองเจอกับเรื่องแปลกอีกครั้งหนึ่งเมื่อกลับถึงคฤหาสน์โดมทองพร้อมดอกพลับพลึงช่อใหญ่ กลับถูกอุษาขอร้องไม่ให้เอาเข้าบ้าน ทั้งๆ ที่เมื่อวันก่อน อดิศวร์ไม่เห็นว่าอะไร วิรงรองพยายามจะถามหาเหตุผล แต่ก็ไม่ได้คำตอบ และยิ่งแปลกใจมากขึ้นไปอีกเมื่อเธอพูดถึงเรื่องที่พบกับพันธ์สูรย์แล้วอุษาหน้าเครียดขึ้นทันที

“อย่าเอ่ยชื่อนั้นให้คนในโดมทองได้ยินเด็ดขาด.... ไม่ต้องถามเหตุผล แค่ทำตามที่ฉันบอกก็แล้วกัน ถ้าไม่อยากเดือดร้อน” อุษาพูดจบผละจากไป ทิ้งให้วิรงรองยืนงงอยู่ตรงนั้น

ooooooo

ในที่สุดก็ถึงวันแต่งงานของพิณทองกับพิชญ์ อดิศวร์เข้าไปกราบลาคุณย่าเข้ากรุงเทพฯ คราวนี้คงจะไปสักสองสามวันเพราะนอกจากงานแต่งงานของหลานสาวแล้ว เขายังมีนัดคุยธุระกับลูกความอีกด้วย

“ทำไมไปนานจัง...รู้ไหมว่าถ้าลบไม่อยู่ พวกนั้นมันจะยิ่งได้ใจ....ได้ใจทั้งคนทั้งผี นังพลับพลึงมันจะมาหลอกหลอนย่า นี่ดีนะที่ไอ้ผัวทรยศของย่าเข้ามาไม่ได้...”

อดิศวร์รีบตัดบท “คุณย่าครับ ผมต้องรีบไปแล้ว อุษา อุไร ดูแลคุณย่าให้ดีๆนะ”

“แล้วรีบกลับล่ะลบ รีบกลับก่อนที่นังพลับพลึงมันจะมาฆ่าย่า” ท่านผู้หญิงสรรักษ์ว่าแล้วดึงหลานชายมากอดไว้แน่นราวกับจะยึดไว้เป็นที่พึ่ง....

ฝ่ายแสงแขถึงกับดีใจจนเนื้อเต้นเมื่ออดิศวร์มีแก่ใจถามไถ่ว่าอยากได้อะไรหรือเปล่า เขาจะเข้ากรุงเทพฯ โอบซึ่งคอยตามประกบเจ้านายสาวไม่ห่างพลอยปลื้มใจไปด้วย แสงแขอยากได้น้ำหอมกับเสื้อผ้าสวยๆ

“พี่ซื้อไม่เป็นหรอก เอาไว้พี่กลับมาแล้วเธอกับอุษาไปกันเองก็แล้วกัน...โอบ ไปตามคุณวิรงรองมาพบฉันที่ห้องทำงานหน่อย” อดิศวร์พูดจบผละจากไป ไม่ทันเห็นสีหน้ายิ้มแย้มที่เปลี่ยนเป็นบึ้งตึงของแสงแข....

ด้วยความหึงหวงที่อดิศวร์เรียกหาวิรงรอง แสงแขตามไปหาเรื่องเธอถึงห้องพัก สองสาวมีปากเสียงกันแต่ครั้งนี้หนักข้อขึ้นถึงขนาดลงไม้ลงมือตบตีกันอุตลุด อุษาต้องเข้ามาหย่าศึก แสงแขฮึดฮัดไม่ยอมแพ้จะฆ่าวิรงรองให้ได้ อุษาขู่ถ้าไม่หยุดจะไปตามอดิศวร์มาจัดการ แล้วหันไปทางศัตรูคู่แค้นของน้องสาว

“...คุณวิไปหวีผมหวีเผ้าให้เรียบร้อยแล้วรีบไปพบคุณลบ เขาให้ขึ้นมาตามว่าทำไมช้านัก”

วิรงรองจัดเสื้อผ้าหน้าผมให้เข้าที่ แล้วตรงไปที่ห้องทำงานของอดิศวร์ แสงแขมองตามด้วยความแค้น....

ครู่ต่อมา วิรงรองมาพบอดิศวร์ตามคำสั่งโดยเปิดประตูห้องทำงานทิ้งไว้อ้างไม่อยากให้ใครเข้าใจผิด เขาไม่พอใจก้าวฉับๆ ไปปิดประตู แล้วมายืนประจันหน้ากับเธอ บอกว่าจะเข้ากรุงเทพฯ ไปงานแต่งงานพิณทองกับพิชญ์ เธอมีอะไรจะพูดหรืออย่างน้อยก็ฝากคำอวยพรไปไหม วิรงรองตบะแตก ถามเสียงเขียวว่าต้องการอะไร

“ฉันน่ะไม่ต้องการอะไร แต่บางทีพิชญ์เขาอาจจะต้องการคำอวยพรจากเธอ” อดิศวร์ยิ้มยั่ว

“อ๋อ...ไม่ต้องเป็นห่วงหรอก ฉันมีเบอร์โทรศัพท์

ของพิชญ์ ถ้าอยากจะอวยพรเขาล่ะก็ ฉันโทร.ไปเองได้ เรื่องอะไรจะต้องให้คนอื่นมารู้ความลับของเรา”

อดิศวร์รวบตัวคนปากดีเข้ามาใกล้ เธอตกใจโวยวายให้ปล่อย เขาไม่มีสิทธิ์ทำอย่างนี้กับเธอ ถ้าอยากทำต้องไปทำกับแสงแขโน่น อดิศวร์งงแสงแขมาเกี่ยวอะไรด้วย แล้วคลายวงแขนออกปล่อยวิรงรองเป็นอิสระ

“ฉันไม่มีเวลาทะเลาะกับเธอ ระหว่างที่ฉันไม่อยู่ระวังอย่าเที่ยวออกมาเดินเพ่นพ่านล่ะ ไม่มีอะไรฝากไปถึงพิชญ์แน่นะ” อดิศวร์มองวิรงรองอยู่อึดใจ ก่อนจะเปิดประตูออกไป....

แสงแขถือโอกาสตอนที่อดิศวร์เข้ากรุงเทพฯ คิดหาทางกำจัดวิรงรอง ปรึกษากับโอบว่าจะทำอย่างไรดีให้คุณย่ารู้ว่านังนั่นยังอยู่ที่โดมทอง แต่ต้องให้ท่านรู้เอง ไม่ใช่ให้เธอเป็นคนบอก

“ยายแก่นั่นยิ่งเกลียดขี้หน้าฉันอยู่ด้วย กลัวจะไปแย่งหลานชาย เชอะ ยังกับตัวเองจะอยู่ค้ำฟ้า”

“เอายังงี้สิคะ ล่อให้ออกมาเห็นเอง” โอบแนะ แสงแขยิ้มพอใจกับแผนการของเธอ

ooooooo

งานฉลองสมรสของพิณทองกับพิชญ์จัดขึ้นที่โรงแรมหรูกลางกรุง บรรยากาศในงานเป็นไปอย่างคึกคัก อดิศวร์ปลื้มใจที่เห็นหลานสาวมีความสุข นึกสนุกคว้ามือถือขึ้นมาจะโทร.ไปเยาะเย้ยวิรงรอง แต่ดูเหมือนเธอจะรู้ทันชิงปิดมือถือไปเสียก่อน เขาจึงได้ยินเพียงสัญญาณให้ฝากข้อความ

“ทนฟังไม่ได้ล่ะสิ” อดิศวร์เก็บมือถืออย่างหงุดหงิดที่อดยั่วโทสะวิรงรอง....

อดิศวร์นั่งร่วมโต๊ะกับคุณหญิงแก้วและท่านรัฐมนตรีสามีของเธอ คุณหญิงแก้วแนะนำเขาให้รู้จักกับคุณหญิงวัชรีแม่ของเจ้าบ่าวซึ่งทั้งตื่นเต้นและดีใจ ในที่สุดก็ได้เจอเจ้าของคฤหาสน์โดมทอง

“โอ้โฮ ได้ยินชื่อมาตั้งนานแล้วค่ะ เคยได้ยินเขาพูดกันว่าเหมือนปราสาทแดร็กคูล่า....เอ่อ ขอประทานโทษค่ะ ดิฉันเคยได้ยินอย่างนั้นจริงๆ” คุณหญิงวัชรีแก้ตัวเสียงอ่อย

คุณหญิงแก้วคุยให้ฟังว่าโดมทองเป็นคฤหาสน์ที่สวยที่สุด สวยทุกฤดูไม่ว่าจะร้อนจะหนาวหรือหน้าฝนแล้วจะเป็นปราสาทผีสิงได้อย่างไร คุณหญิงวัชรีฟังแล้วอยากจะไปเห็นด้วยตาตัวเอง อดิศวร์ยินดีต้อนรับทุกเมื่อจะไปพร้อมกับคู่สามีภรรยามือใหม่เลยก็ได้ เพราะที่นั่นใหญ่โตกว้างขวาง ให้คู่นั้นแยกไปอยู่เป็นส่วนตัว ส่วนคุณหญิงวัชรีกับคุณหญิงแก้วก็เชิญเที่ยวกันตามอัธยาศัย คุณหญิงวัชรีขอคิดดูก่อน

จังหวะนั้น คู่บ่าวสาวเดินไปที่เวที ทุกคนหยุดพูดคุยเรื่องคฤหาสน์โดมทองหันไปสนใจบนเวทีแทนที่อดิศวร์เห็นท่าทีที่พิชญ์ประคองพิณทองอย่างทะนุถนอมแล้ว พลอยมีความสุขไปกับหลานสาวด้วย...

หลังเสร็จพิธีบนเวที อดิศวร์ขอตัวกลับก่อน พรุ่งนี้มีนัดกับลูกความแต่เช้า พิณทองเสียดายที่เขารีบกลับ เชื้อเชิญว่าก่อนจะกลับโดมทอง อดิศวร์ต้องไปกินข้าวกับเธอและพิชญ์หนึ่งมื้อจะได้คุยกันเรื่องไปฮันนีมูน...

ดึกคืนเดียวกันที่คฤหาสน์โดมทอง เสียงวงมโหรีบรรเลงเพลงนางครวญ ทำให้วิรงรองที่หลับสนิทรู้สึกตัวตื่นขึ้น เธอเงี่ยหูฟังเสียงเพลงเศร้าสร้อยนั้นอยู่ครู่หนึ่ง ก่อนจะตัดสินใจลุกไปหยิบไฟฉายแล้วออกจากห้อง ที่ทางเดินไปยังบันไดกลับไร้ผู้คน เธอแปลกใจไม่น้อยทำไมไม่มีใครได้ยินเสียงเพลงกันบ้าง

วิรงรองก้าวลงบันไดอย่างระมัดระวังโดยมีไฟฉายส่องนำทางจนกระทั่งมาถึงห้องโถงใหญ่ เสียงเพลงกลับดังแว่วมาจากที่สูง เธอฉายไฟขึ้นไปดู พอหันกลับมาอีกทีรู้สึกเหมือนมีเงาอะไรบางอย่างผ่านวูบไปที่ประตูทางออก วิรงรองร้องถามว่าใคร แต่ไม่มีเสียงตอบ ร่างนั้นเดินไปที่ประตูซึ่งเปิดออกอย่างง่ายดายแล้วก้าวออกไป เธอร้องบอกให้รอด้วย แต่ร่างนั้นเดินต่อไปไม่สนใจ วิรงรองต้องรีบสาวเท้าตาม

ร่างนั้นเคลื่อนไปช้าๆราวกับลอยได้ แต่วิรงรองกลับไล่ตามไม่ทัน ยิ่งเร่งฝีเท้าร่างนั้นเหมือนจะลอยหนี

“ป้าคะ...รอด้วยค่ะ ป้าอยู่ที่นี่หรือคะ” วิรงรองพยายามชวนคุยเผื่อเธอจะชะลอฝีเท้าลงบ้าง

ทันใดนั้น เสียงเพลงที่ดังแว่วเมื่อครู่ กลับดังลั่นราวกับมาบรรเลงอยู่ใกล้ๆร่างนั้นชะงักเช่นเดียวกับวิรงรองซึ่งหันกลับไปมองยังที่มาของเสียง เห็นห้องใต้ยอดโดมสว่างขึ้นด้วยแสงเทียน ขณะเธอกำลังมองด้วยความพิศวง มีเสียงร้องเรียกวิรงรองอยู่ด้านหลัง เธอสะดุ้งโหยงหันขวับไปมอง เห็นนายสมยืนถือไฟฉายอยู่

“คุณวิรงรองออกมาทำอะไรป่านนี้ครับ”

“หนูตามป้าคนหนึ่งมาค่ะ...เอ๊ะ!หายไปไหนแล้ว” วิรงรองเหลียวซ้ายแลขวาเจอแต่ความว่างเปล่า

นายสมยืนยัน ไม่เห็นใครที่ไหนนอกจากเธอคนเดียว แล้วชวนกลับเข้าบ้าน วิรงรองมองขึ้นไปยังห้องใต้โดมซึ่งตอนนี้มืดมิด ถึงกับบ่นอุบว่าเมื่อครู่ยังเห็นแสงเทียนลอดออกจากข้างบนนั้น

“เป็นไปไม่ได้หรอกครับ บนยอดโดมนั่นปิดตายมาตั้งนานมากแล้วนะครับ ดูเหมือนจะไม่เคยเปิดใช้เลยตั้งแต่สมัยยังสร้างไม่เสร็จด้วยซ้ำ อันนี้ฟังผู้ใหญ่เขาเล่ากันมาน่ะครับ” นายสมว่าแล้วเดินนำไปยังตัวบ้าน

วิรงรองอดสงสัยไม่ได้เช่นกันว่านายสมออกมาดึกๆทำไม เขาอ้างว่าอดิศวร์สั่งให้คอยออกมาดูบริเวณบ้าน โดยเฉพาะตอนที่เขาไม่อยู่เพราะป่าละเมาะทางด้านโน้นไม่มีรั้วกั้น คนภายนอกอาจจะเข้ามาได้ นายสมหยิบกุญแจขึ้นมาไขประตูหน้าบ้าน ซึ่งล็อกอยู่ เอะใจขึ้นมาทันทีว่าวิรงรองออกมาได้อย่างไร

“หนูก็ตามป้าคนนั้นออกมาไงคะ” คำพูดของวิรงรองทำให้นายสมถึงกับตะลึง

ooooooo

เช้าวันต่อมา โอบหวังจะแกล้งวิรงรอง เอาโจ๊กใส่เกลือเค็มปี๋ยกมาวางตรงหน้า ส่วนชามของอุษากับของแสงแขไม่ได้โรยเกลือ แต่โรยผักชีไว้เพื่อเป็นสัญลักษณ์ไม่ให้เธอหยิบผิดชาม วิรงรองรู้ทัน เอาชามโจ๊กของตัวเองเปลี่ยนเป็นชามของแสงแขซึ่งยังไม่ลงมา โอบตกใจร้องลั่นว่าชามไม่มีผักเป็นของวิรงรอง

“เอาไว้ให้คุณแสงแขดีกว่า คุณแสงแขยังไม่ลงมาใส่ผักลงไปเดี๋ยวเหี่ยวหมด”

คนใช้ตัวแสบจะอ้าปากทักท้วง แต่ถูกอุษาเอ็ดเสียก่อน จังหวะนั้นแสงแขเข้ามานั่งประจำที่ของตัว โอบพยายามจะเตือนเจ้านายสาว แต่ไม่ทัน ทันทีที่โจ๊กเข้า

ปากแสงแขบ้วนทิ้งแทบไม่ทันแล้วหันไปเล่นงานโอบว่าทำโจ๊กประสาอะไรทำไมถึงเค็มขนาดนี้

“เอ๊ะ...ไม่เห็นเค็มอะไรนี่คะ กำลังอร่อยเลย อร่อยกว่าทุกวันด้วย” วิรงรองลอยหน้าลอยตาไม่รู้ไม่ชี้ แสงแขรู้ทันทีว่าโดนเอาคืน ถลึงตาใส่เธอด้วยความเกลียดชัง คิดหาทางแก้เผ็ด...

แสงแขอาศัยจังหวะที่อุษาง่วนอยู่กับการเตรียมอาหารเช้าให้ท่านผู้หญิงสรรักษ์ ทำทีเข้าไปหาท่านผู้หญิงที่ห้อง พอสบโอกาสเหมาะแกล้งเอ่ยถึงวิรงรองหรือที่ท่านเรียกว่าพลับพลึงขึ้นมาลอยๆพอท่านซักถามก็ทำอึกๆ อักๆท่านผู้หญิงสรรักษ์ถึงกับปรี๊ดแตก อาละวาดเสียงลั่นแม้แต่อุษาซึ่งเป็นคนโปรดยังเข้าหน้าไม่ติด อุษาพยายามอธิบายว่า คุณย่าน้อยไม่ได้อยู่ที่นี่ ท่านก็ไม่ฟัง อาการคุ้มดีคุ้มร้ายกลับมาอีกครั้ง

“ไล่นังพลับพลึงออกไป หาหมอผีเก่งๆมาจับมันใส่หม้อถ่วงน้ำไปเลย” ท่านผู้หญิงพูดจบ หัวเราะลั่นราวกับคนบ้า อุษาได้แต่สลดใจไม่รู้จะช่วยเหลืออย่างไร...

ครู่ต่อมา อุษาตามมาต่อว่าน้องสาวว่าไปพูดอะไรให้คุณย่าฟังถึงได้อาละวาดขนาดนั้น แสงแขโกหกว่า

ไม่ได้พูดอะไร หาว่าท่านบ้าไปเอง ความจริงท่านน่าจะตายไปตั้งนานแล้ว ไม่รู้จะอยู่เป็นมารความสุขของคนอื่นไปทำไม เพราะเป็นแบบนี้มีผัวผัวก็ทิ้ง มีน้องน้องก็หนี

เตือนอุษาว่าอยู่ใกล้คนแบบนี้มากๆเข้าระวังจะติดนิสัยเลวๆมาจนหาใครให้รักไม่ได้ อุษาหมดความอดทนตบน้องหน้าหัน แล้วสั่งห้ามไปหาเรื่องทะเลาะกับคุณย่าอีก

“ไม่รักไม่ชอบก็อย่าเข้าไปใกล้ แล้วก็ลืมเรื่องคุณลบไปได้เลย”

“อ้อ จะเก็บไว้ให้นังวิรงรองใช่ไหมล่ะ เห็นถูกคอกันดีนี่ เป็นพี่ประสาอะไร แย่งผู้ชายที่น้องรักไปให้คนอื่น”

อุษาไม่เคยคิดอย่างนั้น ที่คอยตักเตือนก็เพราะหวังดีกับน้องจริงๆแสงแขไม่อยากฟังไล่เธอไปให้พ้นหน้า...

เงียบได้พักเดียว ท่านผู้หญิงสรรักษ์ก็อาละวาด

ขึ้นมาอีกครั้ง ต้องการจะรู้ให้ได้ว่าทำไมแสงแขถึงพูดเรื่องนังพลับพลึงขึ้นมา อุษาเองก็ไม่ทราบเหมือนกันว่าน้องมีจุดประสงค์อะไร

“พวกแกสุมหัวกันปิดบังฉัน นังพลับพลึงมันยังอยู่ใช่ไหม”

“คุณย่าน้อยหรือคะ” อุษาแกล้งถาม

ท่านผู้หญิงสรรักษ์ไม่ได้หมายถึงผีนังพลับพลึง แต่หมายถึงนังพลับพลึงที่หลานชายของเธอพามา ยังอยู่ที่นี่ใช่ไหม อุษาโกหกว่าไปตั้งนานแล้ว ก่อนจะหันไปสั่งอุไรให้เลื่อนโต๊ะวางอาหารมาใกล้ๆคะยั้นคะยอให้กินอะไรบ้าง แต่ท่านไม่ยอมกิน อุษาอ้างว่าคุณลบสั่งเธอเอาไว้ ต้องพยายามให้คุณย่ากินอาหารให้มากๆ

“งั้นหรือ...ตาลบสั่งไว้อย่างนั้นหรือ งั้นเอามา” ท่านผู้หญิงสรรักษ์ตั้งหน้าตั้งตากินอย่างเอร็ดอร่อย ทั้งอุษาและอุไรพากันโล่งใจ...

อดิศวร์มากินอาหารที่บ้านคุณหญิงแก้วร่วมกับหลานสาว พิชญ์ คุณหญิงแก้ว รวมทั้งคุณหญิงวัชรีและท่านรัฐมนตรีสามีคุณหญิงแก้วตามที่รับปากกับหลานไว้ พิณทองตั้งใจจะไปฮันนีมูนที่โดมทองอาทิตย์หน้า แต่พิชญ์ดูจะยังไม่พร้อมเท่าไหร่เพราะห่วงงาน คุณหญิงวัชรีอาสาจะช่วยดูให้ กิจการของเราเองไม่เห็นจะยากตรงไหน อดิศวร์โฆษณาชวนเชื่อว่าถ้าพิชญ์ชอบที่ที่บรรยากาศดีๆ ดอกไม้สวยๆรับรองไปที่โดมทองจะไม่ผิดหวัง

“โดยเฉพาะดอกไม้บางชนิดที่คุณไม่ค่อยพบในกรุงเทพฯ แต่คุณจะพบเป็นทุ่งที่นั่นเลย”

“ผมเดาเอาว่าน่าจะเป็นทุ่งกุหลาบ”

“อย่าเดาเลย ไม่มีทางถูกหรอก” อดิศวร์ยิ้มมีเลศนัยโดยที่ไม่มีใครสังเกตเห็นยกเว้นพิชญ์...

เมื่อได้อยู่ลำพังกับพิณทอง พิชญ์เล่าเรื่องยิ้มเจ้าเล่ห์ของน้าชายเธอให้ฟัง พิณทองหาว่าเขาคิดมากไปเองเพราะเท่าที่รู้จักน้าลบไม่ใช่คนมีลับลมคมในอย่างนั้น

“ไม่รู้สิ ผมว่าน้าลบของคุณไม่ค่อยชอบขี้หน้าผม แต่ช่างเถอะ ใครไม่ชอบอย่าชอบ พิณชอบคนเดียวก็พอ”

พิณทองยิ้มหวานซบหน้ากับอกคนรักอย่างมีความสุข ขณะที่พิชญ์ยังคาใจเรื่องน้าชายของเธอไม่หาย

ooooooo

ท่านผู้หญิงสรรักษ์เองก็ไม่ชอบให้มีเรื่องอะไรค้างคาใจเช่นกัน สั่งให้อุไรไปตามแสงแขมาพบ และห้ามให้เรื่องนี้รู้ถึงหูอุษาเด็ดขาด ครู่ต่อมา แสงแขคลานเข่าเข้ามานั่งพับเพียบเรียบร้อยตรงหน้าท่าน

“ทำไมอยู่ดีๆ แกเข้ามาพูดถึงนังพลับพลึง”

แสงแขทำเป็นก้มหน้าก้มตาเหมือนไม่กล้าพูด ท่านผู้หญิงสรรักษ์คาดคั้นให้ตอบ เธอละล่ำละลักว่าไม่มีอะไร ท่านไม่เชื่อ แสงแขอ้างว่าที่ไม่พูดเพราะกลัวจะโดนอุษากับอดิศวร์เล่นงาน

“อีนังคนนั้นมันยังอยู่ที่โดมทองนี่ใช่ไหม” ท่านผู้หญิงสรรักษ์ยิ้มเหี้ยม...

ฝ่ายอุษาร้อนใจมากเมื่อนายสมมารายงานเรื่องที่เจอวิรงรองนอกตัวตึกตอนดึกเมื่อคืน รีบมาสอบถามเธอถึงห้องว่าเกิดอะไรขึ้น วิรงรองเล่าเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นให้ฟังและยืนยันหนักแน่นว่าไม่ได้ตาฝาดหูเฝื่อน อุษาไม่ได้คิดว่าเธอโกหก เพียงแต่ตนอยู่ที่นี่มาเกือบยี่สิบปีแล้วไม่เคยเห็นหรือได้ยินอะไรอย่างที่เธอบอกเลยสักครั้ง

“มันเหมือนวิโกหกนั่นแหละค่ะ เอ่อ...เราขึ้นไปดูบนยอดโดมกันไหมล่ะค่ะ”

“ไม่ได้ค่ะ คุณย่าสั่งห้ามเด็ดขาด”

วิรงรองแนะว่าไม่ต้องบอกให้ท่านรู้ก็ไม่น่าจะเป็น อะไร อุษาทำไม่ได้ คำสั่งของคุณย่าเป็นเหมือนคำประกาศิตที่ทุกคนต้องปฏิบัติตาม วิรงรองตำหนิว่าไร้เหตุผล แล้วถ้าท่านสั่งให้ไปตายจะต้องทำตามไหม อุษาชักสีหน้าไม่พอใจขึ้นมาชั่วขณะหนึ่ง วิรงรองรู้สึกตัว รีบขอโทษ

“โดมทองเคยเป็นอย่างไรก็ปล่อยให้เป็นอย่างนั้นเถอะค่ะ พวกเราทุกคนเคยชินกับวิถีชีวิตที่นี่ ถึงคุณจะมองว่ามันเชย ล้าหลังแต่ก็มีความสงบร่มเย็นอย่างที่หาไม่ได้ภายนอก” อุษาพูดจบลุกออกไป

“แล้วทำไมเราถึงได้สัมผัสแต่ความโศกเศร้า ว้าเหว่ ความน่ากลัว ความลึกลับ” วิรงรองพึมพำกับตัวเอง...

อุษาเดินสวนกับแสงแขตรงบันไดขึ้นบ้าน ฝ่ายอ่อนวัยกว่าแขวะว่ามามัวสุมหัวกันอยู่ที่นี่เอง อุษาเตือนจะพูดจะจาอะไรให้ดีๆหน่อย แล้วถามน้องว่าขึ้นมาทำไม หรือจะมาหาเรื่องวิรงรองอีก เธออ้างว่าคุณย่าให้มาตาม วิรงรองไปพบ อุษาตกใจ ท่านรู้ได้อย่างไรว่าเธอยังอยู่ที่นี่ แสงแขไปพูดอะไรกับท่าน ทำไมไม่บอกไปว่าเธอไม่อยู่

แสงแขแก้ตัวน้ำขุ่นๆว่าโกหกไม่เป็น แล้วเดินไปเคาะประตูเรียกวิรงรอง ขณะที่อุษารีบลงไปโทรศัพท์แจ้ง อดิศวร์ถึงเรื่องราวที่เกิดขึ้น เขาตกใจไม่แพ้เธอเช่นกัน สั่งให้ไปเรียนคุณย่าว่าเขาไม่อนุญาตให้วิรงรองไปไหน ถ้าท่านไม่เชื่อให้รีบโทร.หาเขา และฝากไปบอกวิรงรองด้วยว่าอย่าฉวยโอกาส อุษารีบปฏิบัติตามคำสั่งทันที...

เสียงท่านผู้หญิงสรรักษ์เล่นงานวิรงรองดังลั่นไปทั้งคฤหาสน์ หญิงสาวได้แต่นั่งก้มหน้ายอมรับคำด่าแต่โดยดี ท่านสั่งให้เธอเงยหน้าขึ้น วิรงรองค่อยๆเงยหน้าตามสั่ง พอเห็นเธอชัดๆท่านถึงกับผงะ

“อีพลับ...พลึง...แสงแขไล่มันออกไปเดี๋ยวนี้ ไล่มันออกไป”

พลันภาพใบหน้าแสยะยิ้มชวนขนหัวลุกของผีพลับพลึงซ้อนขึ้นมาบนใบหน้าวิรงรอง ท่านผู้หญิงสรรักษ์กรีดร้องลั่นเป็นลมล้มพับ อุษาเข้ามารับไว้ทัน บอกวิรงรองให้ออกไปก่อน แล้วสั่งแสงแขรีบโทร.ตามหมอ...

ด้านวิรงรองออกมานั่งที่โถงตรงบันไดทางขึ้นอย่างเหน็ดเหนื่อยใจ ยังงงไม่หายทำไมท่านผู้หญิงสรรักษ์เห็นหน้าตนเองแล้วถึงได้ตกใจขนาดเป็นลม หญิงสาวรู้สึกเหมือนมีสายตาของใครบางคนจับจ้องมาจากที่สูง จึงแหงนหน้ามองขึ้นไปบนบันได กลับพบแต่ความว่างเปล่า เธอรู้สึกหนาวยะเยือกขึ้นมาดื้อๆจนต้องกอดอกให้ตัวเองอบอุ่นขณะสายตายังจับจ้องอยู่ที่เดิม

ooooooo

ก่อนกลับโดมทอง อดิศวร์แวะไปที่บ้านวิรงรองเพื่อส่งข่าวให้ปรางทราบว่าลูกสาวของเธอสบายดี เธอถึงกับถอนใจโล่งอกจะได้หมดห่วง อดิศวร์ระแวงขึ้นมาทันที ถามหยั่งเชิงว่าวิรงรองบ่นอะไรให้ฟังหรือ

“บ่นว่าที่นั่นสวยมากค่ะ แล้วทุกคนใจดีกับแกมาก ต้องขอบคุณคุณอดิศวร์ด้วยนะคะ...เอ่อ แม่หนูน่ะเอาเรื่องอยู่เหมือนกัน ยังไงก็ต้องฝากคุณอดิศวร์ช่วยดูแลตักเตือนด้วย คิดว่าแกเป็นน้องเป็นนุ่งก็แล้วกันค่ะ”

อดิศวร์มีสีหน้าละอายใจขึ้นมาแวบหนึ่ง แต่ปรางไม่ทันสังเกตเห็นมัวแต่ดีใจที่ได้คุยกับเจ้านายของลูก...

แม้จะถูกท่านผู้หญิงสรรักษ์เสือกไสไล่ส่ง แต่วิรงรองไม่ยอมไปไหนทั้งนั้น อ้างว่าเป็นคำสั่งของอดิศวร์ แสงแขไม่พอใจมากจนเกือบจะมีเรื่องกันอีกรอบ โชคดีที่อุษาจับวิรงรองแยกไปอีกทางหนึ่งเสียก่อน...

อดิศวร์กลับถึงโดมทองเร็วกว่ากำหนดหนึ่งวัน ท่านผู้หญิงสรรักษ์ดีใจมากที่เห็นหลานรักกลับมา แต่ไม่วายต่อว่าว่าทำไมถึงไม่ไล่นังคนนั้นออกไป อดิศวร์ ไม่ตอบ ทำทีเหลือบมองนาฬิกา ก่อนจะเตือนว่าสี่ทุ่มแล้วคุณย่าควรเข้านอนได้แล้ว ท่านผู้หญิงสรรักษ์น้ำตาคลอด้วยความน้อยใจที่หลานชายปกป้องนังนั่น

“เหมือนเจ้าคุณปู่ของลบไม่มีผิด คอยปกป้องนังพลับพลึงตลอดเวลา แล้วเป็นไง นึกหรือว่าจะปกป้องได้ สมน้ำหน้า คนทรยศทุกคนต้องโดนแบบนี้” ท่านพูดจบหัวเราะสะใจ อุษารีบนำยาก่อนนอนมาให้กิน ท่านไม่ยอมกินแถมยังพาลด่าว่าเธอต่างๆ นานา อดิศวร์คว้ายาจากมืออุษามายื่นให้ท่าน
“ถ้าคุณย่ารักผม ก็กินยานะครับ”

ท่านผู้หญิงสรรักษ์รับยามากินอย่างว่าง่าย อุษาถึงกับถอนใจ โล่งใจ...

ในเวลาต่อมา อดิศวร์เรียกแสงแขมาตำหนิที่ปากสว่างเอาเรื่องวิรงรองไปฟ้องคุณย่าทั้งๆที่เขาสั่งห้ามไว้แล้ว และขอให้ครั้งนี้เป็นครั้งสุดท้ายที่เธอจะขัดคำสั่งของเขา...

ooooooo

วิรงรองหยุดกึกเมื่อมาที่ห้องอาหารในเช้าวันต่อมา เจออดิศวร์นั่งอยู่ที่โต๊ะกินข้าวก่อนแล้ว เธอขยับจะออกไป แต่เขาเรียกไว้เสียก่อน วิรงรองจำใจเดินมานั่งร่วมโต๊ะ อดิศวร์ขอบใจเธอมากที่ทำตามสัญญา ทำดีแบบนี้เขามีรางวัลจะให้ วิรงรองไม่อยากได้ แล้วขยับจะลุกหนี อดิศวร์คว้าแขนเธอไว้สั่งให้นั่งลง

อุษากับแสงแขเข้ามาพอดีถึงกับชะงัก โดยเฉพาะแสงแขขบกรามแน่นทั้งแค้นทั้งหึง แต่ทำไม่กล้าทำอะไรต่อหน้าเขา อุษายังไม่เห็นมีใครยกสำรับมาตั้ง ขยับจะลุกไปดู วิรงรองสบช่องชิ่งหนี จึงอาสาไปจัดการให้เอง แล้วผลุนผลันออกไป...

ทางฝ่ายท่านผู้หญิงสรรักษ์ยังไม่ละความพยายาม เรียกหลานชายมาสอบถามว่า ไล่นังพลับพลึงไปแล้วหรือยัง อดิศวร์ท้วงว่าเธอชื่อวิรงรองไม่ใช่พลับพลึง ท่านยืนยันว่าต้องใช่ เพราะหน้าเหมือนกันไม่มีผิดเพี้ยน ถ้าเขารักเธอต้องไล่นังนั่นไปให้พ้น อดิศวร์รักคุณย่ามาก แต่ก็เกรงใจคุณป้าสุรภีมากเช่นกัน เพราะเขาขอร้องให้ท่านช่วยหาคนมาดูแลคุณย่า ท่านก็อุตส่าห์ส่งลูกบุญธรรมของท่านมา เพียงไม่กี่วันจะส่งคืนด้วยเหตุผลที่ว่าวิรงรองหน้าตาเหมือนคุณย่าน้อย มันฟังไม่เข้าท่า

ไม่ว่าท่านผู้หญิงสรรักษ์จะใช้ไม้อ่อนหรือไม้แข็ง อดิศวร์ยังคงยืนกรานคำเดิม แล้วเสนอว่าจะให้วิรงรองอยู่อีกปีกหนึ่งของคฤหาสน์ จะไม่ให้เธอมายุ่มย่ามทางด้านนี้ให้คุณย่าเห็นหน้าอีก

“ลบรักมันจริงๆทุกอย่างกำลังจะย้อนกลับไปสู่รอยเดิม ลบรักมัน แล้วมันก็จะแย่งลบไปจากย่า นังพลับพลึงมันส่งอีนังหน้าเหมือนมาเพื่อจะเอาชนะย่า แล้วย่าก็จะถูกทิ้งให้อยู่โดดเดี่ยวตลอดไป” ท่านผู้หญิงสรรักษ์ร้องไห้สะอึกสะอื้น อดิศวร์โอบกอดท่านไว้ สัญญาว่าจะไม่มีวันทิ้งให้ท่านอยู่อย่างโดดเดี่ยวแน่นอน...

ในเวลาต่อมา อดิศวร์สั่งให้คนไปตามวิรงรองมาพบที่ห้องทำงาน แล้วเอาของที่แม่ของเธอฝากมา มอบให้ วิรงรองเห็นของโปรดอัดแน่นเต็มถุงถึงกับน้ำตาคลอเบ้า คว้าถุงจะกลับห้องพัก อดิศวร์เรียกเธอให้อยู่ก่อน มีเรื่องสำคัญจะขอให้ช่วยเหลือ อาทิตย์หน้าจะมีแขกมาพักที่นี่ เขาอยากให้เธอคอยดูแลอำนวยความสะดวกสบายให้พวกนั้น วิรงรองยังไม่ทันจะว่าอะไร อดิศวร์ชิงพูดตัดหน้าเสียก่อน

อ่านละคร โดมทอง ตอนที่ 3 วันที่ 8 มิ.ย. 56

ละครเรื่อง โดมทอง บทประพันธ์โดย วราภา
ละครเรื่อง โดมทอง บทโทรทัศน์โดย : ภาวิต
ละครเรื่อง โดมทอง กำกับการแสดงโดย : นนทนันท์ ธัญญาสิริทรัพย์
ละครเรื่อง โดมทอง ควบคุมการผลิตโดย : สยม สังวริบุตร
ละครเรื่อง โดมทอง แนวละคร : ชีวิต ลึกลับ ตื่นเต้น
ละครเรื่อง โดมทอง ออกอากาศทุกวันจันทร์ และวันอังคาร เวลา 20.25 น. ทางช่อง 7 สี
ที่มา ไทยรัฐ