อ่านละคร นักสู้มหากาฬ ตอนที่ 1
“รู้สึกจะเป็นผู้กองราเมศ เจ้านายของหมวดณัฐชาครับท่าน”หลังจากนั้นไม่นาน ผู้กองราเมศก็ถูกเชิญตัวมาพบนำชัยที่บ้านเป็นการส่วนตัวด้วยเรื่องที่กำลังเป็นข่าวที่หลายคนคิดว่าเกี่ยวพันกับพวกพรายพิฆาต ซึ่งนำชัยต้องการร่วมมือกับผู้กอง ยินดีให้ความสนับสนุนทีมงานของเขาอย่างเต็มที่ในการติดตามคดี แต่มีเงื่อนไขว่าถ้าเขารู้เบาะแสอะไรต้องบอกตนทันที
“แต่ว่าทำแบบนั้นมันผิดระเบียบนะครับ”
“ผมรู้ แต่จะสู้กับองค์กรใต้ดินพวกนี้เราต้องหัดคิดนอกกรอบกันบ้าง”
ราเมศนิ่งไปอย่างลังเล แต่ในที่สุดก็ไม่กล้าปฏิเสธ เพราะตัวเองแอบปลื้มไอริณลูกสาวของนำชัยอยู่ด้วย...ต่อมาเมื่อณัฐชาทราบเรื่องจากราเมศก็แปลกใจไม่น้อย ที่อยู่ดีๆนำชัยอยากหนุนหลังพวกเรา
“ท่านครับ ผมได้ยินว่าท่านจะหนุนหลังผู้กองราเมศให้ติดตามคดีพรายพิฆาต”
“ใช่ นายมีความเห็นว่ายังไงบ้าง”
“เรื่องนี้ความจริงไม่เกี่ยวกับเรา ผมว่าท่านไม่ควรเสี่ยงนะครับ”
“แต่โดยตำแหน่งหน้าที่แล้วฉันต้องรับผิดชอบเรื่องความปลอดภัยของประชาชนในบ้านเมืองไม่ใช่เหรอ ซึ่งนั่นก็หมายถึงการกวาดล้างอาชญากรทุกประเภท”
“พรายพิฆาตไม่ได้เป็นแค่อาชญากรนะครับท่าน มันเป็นลัทธิเป็นความเชื่อที่เหนือธรรมชาติ เราไม่ควรเข้าไปยุ่งกับพวกมัน”
“เหลวไหลน่าสุชาติ นายเป็นเลขาฯของฉัน ถ้ามีใครรู้ว่านายเชื่อเรื่องพวกนี้แล้วฉันจะเอาหน้าไปไว้ที่ไหน”
“แต่ว่า...”
“หมดเรื่องแล้ว นายกลับไปพักเถอะ” นำชัยตัดบทด้วยสีหน้าเรียบนิ่ง สุชาติจำต้องถอยกลับออกมาทั้งที่ยังไม่คลายความสงสัย...
แล้วดึกคืนนั้นเอง นำชัยก็ออกไปพบใครบางคนในอาคารร้าง ซึ่งนำชัยเรียกเขาว่า “บอส” เขาไม่เปิดเผย ใบหน้าแถมยังแต่งกายมิดชิดยืนในเงามืด
“ทุกอย่างเรียบร้อยดีใช่ไหม ท่านนำชัย”
“ผมทำตามคำสั่งแล้ว ต่อไปนี้คดีพรายพิฆาตจะอยู่ในความดูแลของผม”
“ดีมาก”
“ผมรู้ว่าพวกคุณต้องการให้ผมช่วยปกปิดความผิดต่างๆที่เกิดขึ้น แต่บอกไว้ก่อนนะ ถ้ามันหนักหนาเกินไปผมก็ช่วยไม่ได้”
“ทำไม! พูดแบบนี้คิดจะแปรพักตร์เหรอ”
“เปล่า แต่อำนาจของผมมีจำกัด”
“ไม่ต้องห่วง ตราบใดที่คุณยังภักดีต่อพวกเรา อำนาจของคุณจะเพิ่มพูนจนล้นฟ้า แต่ถ้าเมื่อใดที่คุณหักหลัง คุณจะสูญเสียทุกอย่าง...แม้แต่คนที่คุณรัก”
ถ้อยคำเฉียบขาดของบอสทำให้นำชัยชะงักด้วยความไม่พอใจ...ถึงจะเกรงแต่ก็อย่ากดดันบีบคั้นกันเกินไป!
ooooooo
อ่านละคร นักสู้มหากาฬ ตอนที่ 2
ที่ผ่านมามาดามหลิวได้ตระเตรียมแผนการที่จะล้างแค้นมาโดยตลอด เมื่อเห็นว่าฤทธิ์มีคุณสมบัติมากพอที่จะปฏิบัติการนี้จึงมอบหมายให้โซเฟีย ผู้ช่วยสาวคนสนิทปลอมแปลงประวัติเขาเสียใหม่ภายใต้ชื่อ “มิสเตอร์โทมัส” หลานบุญธรรมของมาดามหลิว
ในตอนกลางวันฤทธิ์สวมบทหนุ่มเพลย์บอยเพื่อสืบหา ข่าวขององค์กรพรายพิฆาต ซึ่งมีสมาชิกมากมายอยู่ในสังคมชั้นสูง แต่พอตกกลางคืนเขาก็สวมหน้ากากดำออกขัดขวางแผนการของพวกมันในทุกรูปแบบ รวมไปถึงไล่ล่าสังหารสมาชิกระดับแกนนำทุกคน โดยใช้สมญาในการปฏิบัติงานว่า “พยัคฆ์มหากาฬ” ตามชื่อหน่วยรบสมิงดำที่เขาเคยสังกัด และยังใช้ดาบปลายปืนสองเล่มที่กรณ์เคยทำร้ายเขาเป็นอาวุธคู่มืออีกด้วย
คืนหนึ่งที่โรงงานร้าง หมวดณัฐชานำกำลังตำรวจบุกจับคนร้ายอาละวาดยิงประชาชนผู้บริสุทธิ์จนเกิดการ ยิงปะทะกันหูดับตับไหม้ โดยเฉพาะคนร้ายสามคนที่อยู่ในสภาพบ้าคลั่ง ผู้กองราเมศตามมาสมทบทีหลังถามลูกน้องว่าสถานการณ์เป็นยังไงบ้าง
“คนร้ายสามคนใช้อาวุธสงครามกราดยิงชาวบ้านโดยไม่ทราบสาเหตุค่ะ สันนิษฐานเบื้องต้นว่าคงเป็นเพราะยาเสพติด”
“ใช่ครับ พวกมันไม่ยอมเจรจาอะไรเลย เอาแต่ยิงกับยิงลูกเดียว”
“ตอนนี้มีชาวบ้านเสียชีวิตไปสามคน บาดเจ็บอีกห้าคนครับ”
“หน่วยจู่โจมใกล้จะมาถึงรึยัง”
“อีกไม่เกินสิบนาทีค่ะ”
รา เมศนิ่วหน้าก่อนจะดึงกล้องส่องทางไกลจากหมู่ปรีดามาใช้สังเกตการณ์ แล้วเขาก็เห็นโลโก้ของพรายพิฆาตติดอยู่บริเวณเสาหน้าโรงงาน และคนร้ายยังกราดยิงใส่เจ้าหน้าที่อย่างดุเดือด ฉับพลันเสียงปืนก็เงียบไป แล้วดังขึ้นมาใหม่แต่เหมือนยิงกันอยู่ภายในตึก ไม่ได้ยิงปะทะกับเจ้าหน้าที่
นั่นก็เพราะฤทธิ์ในคราบของนักสู้มหากาฬปรากฏตัว เขาจัดการกับคนร้ายทั้งสามแล้วพยายามหลบหนีแต่ไม่รอดตาของหมวดณัฐชา
“หยุด นะ!” เธอตะโกนสั่ง แต่เขาไม่ยอมหยุด กระโจนข้ามจากหลังคาโรงงานไปยังอีกอาคารหนึ่ง ณัฐชาตัดสินใจกระโจนตามแต่พลาดไปไม่ถึงอีกฝั่ง โชคดีที่ฤทธิ์หันกลับมาคว้ามือเธอไว้ทันพร้อมกับเรียกชื่อของเธอถูกต้อง เพราะจำได้ว่าเป็นเพื่อนของใจทิพย์
ณัฐชาชะงักกึก เมื่อฤทธิ์กระชากตัวเธอขึ้นมา เธอชักปืนเล็งใส่เขาทันที “แกเป็นใครกันแน่ รู้ชื่อฉันได้ยังไง”
“ศัตรูของพรายพิฆาต ผมเป็นพวกเดียวกับคุณ”
“ผู้ หมวดคุณอยู่ไหน ณัฐชา” เสียงตะโกนของราเมศแว่วมา ณัฐชาหันไปยังต้นเสียงพร้อมกับขานรับว่าตนอยู่ทางนี้ แต่พอหันกลับมาก็ไม่พบชายหนุ่มตรงหน้าเสียแล้ว...
ooooooo
เช้าวัน รุ่งขึ้น ฤทธิ์มาทำงานในบริษัทมาดามหลิวตามปกติ โดยมีชาญหิ้วกระเป๋าเอกสารให้ในฐานะคนขับรถและผู้ติดตาม พนักงานสาวๆออก
อาการปลื้มเมื่อได้เห็นชายในฝัน บ้างขวยเขิน บ้างระริกระรี้ตื่นเต้น บ้างแอบซุบซิบกันด้วยความชื่นชม
ฤทธิ์ยิ้มโปรยเสน่ห์ให้ทุกคนจนกระทั่งเข้าลิฟต์ไปกับชาญ...โซเฟียยืนรออยู่อย่างสุขุม เธอรู้จากกล้องวงจรปิดว่าฤทธิ์กับชาญมาถึงแล้ว
ต้องขอโทษด้วยที่ให้เข้ามาทางด้านหน้าบริษัท แต่มาดามบอกว่าพนักงานไม่เห็นคุณมาหลายวันแล้ว ก็เลยกลัวว่าจะมีคนสงสัย”
ฤทธิ์รับรู้แล้วหยิบหลอดบรรจุเลือดสามหลอดในกระเป๋าส่งให้โซเฟีย “ตัวอย่างเลือดของคนร้าย”
“มาดามหลิวกำลังรอคุณอยู่”
มาดามหลิวรออยู่ในห้องสมุด เมื่อฤทธิ์เข้ามา เธอวางนิตยสารก๊อสซิปเล่มหนึ่งลงบนโต๊ะ หน้าปกเป็นรูปมิสเตอร์โทมัสคู่สาวเซ็กซี่นางหนึ่ง
“ฉัน รู้ว่านายต้องสร้างภาพตามที่เราเคยตกลงกันไว้ แต่ว่าอีกไม่กี่วันจะมีงานเลี้ยงครบรอบสิบห้าปีของบริษัท ฉันตั้งใจว่าจะแนะนำนายอย่างเป็น
ทางการกับพวกนักข่าว แล้วก็ช่วยลดการสร้างภาพ เปลี่ยนเป็นมารักษาภาพแทนดีกว่านะ”
“ทุกวันนี้ผมยังไม่เข้าใจเลย ว่าทำไมต้องให้ผมรับบทเป็นญาติของคุณ”
“มันจะช่วยให้เธอแทรกซึมและเข้าถึงศัตรูได้ง่ายขึ้น เชื่อฉันเถอะ”
ฤทธิ์พยักหน้ายิ้มๆ โซเฟียรู้สึกแปลกใจ ครั้นพามาดามหลิวแยกออกมาเพื่อไปส่งที่ห้องพัก โซเฟียก็อดซักนายสาวไม่ได้ว่า
“ผู้หมวดฤทธิ์ ราวี...เขาดูเปลี่ยนไปมาก มาดามคิดว่าเป็นผลข้างเคียงของน้ำตามัจจุราชรึเปล่าคะ”
“เธอรู้ได้ยังไงโซเฟีย ว่าเขาเปลี่ยน”
“เดี๋ยวนี้เขายิ้มเก่งขึ้น แล้วก็ไม่ปั้นหน้าเศร้าเหมือนเมื่อก่อน บางทีเขาอาจจะลืมใจทิพย์ไปแล้วก็ได้”
“เธอยังไม่รู้จักผู้ชายมากพอโซเฟีย เชื่อฉันเถอะ ยิ้มของฤทธิ์ ราวี มีความหมายมากกว่านั้น”
โซเฟียฟังแล้วไม่เข้าใจนัก แต่ก็ไม่ซักอะไรต่อ...
ส่วน ที่ห้องพักส่วนตัวของฤทธิ์ ชาญกำลังใช้คอม– พิวเตอร์ค้นหาประวัติของณัฐชาให้ฤทธิ์ ซึ่งส่วนใหญ่เป็นภาพข่าวของเธอติดตามผู้กองราเมศทำคดีพรายพิฆาต
“ตำรวจที่ทำคดีพรายพิฆาตมีตั้งหลายคน ทำไมคุณถึงสนใจตำรวจหญิงคนนี้แค่คนเดียว”
“แล้วผมจะเล่าให้ฟังทีหลัง ตอนนี้ผมอยากได้ข้อมูลของเธอแล้วก็เพื่อนที่ชื่อไอริณ”
“ไอริณ? ใช่ดาราที่เป็นลูกสาวนักการเมืองรึเปล่า”
ฤทธิ์ ยักไหล่ไม่แน่ใจ ชาญค้นหาต่อไปสักพักก่อนจะโยงมาที่ข่าวของไอริณซึ่งเป็นเพื่อนกับณัฐชา ฤทธิ์มองข่าวของทั้งคู่อย่างสนใจ ยิ่งเมื่อคลิกไปเจอภาพในอดีตที่ณัฐชา ไอริณ และใจทิพย์ถ่ายไว้ด้วยกัน ซึ่งเป็นรูปเดียวกับที่ใจทิพย์เคยให้ฤทธิ์ได้รู้จักหน้าค่าตาเพื่อนรักของ เธอ...ฤทธิ์ถึงกับจ้องเขม็ง
ooooooo
วันเดียวกัน ผู้กองราเมศกับหมวดณัฐชาย้อนกลับไปหาหลักฐานยังโรงงานร้างที่เกิดเหตุเมื่อ คืน ผู้กองใช้คีมของมีดพับอเนกประสงค์คีบเศษหัวกระสุนที่ถูกฝังอยู่บนผนังใส่ซอง พลาสติกพลางวิเคราะห์ให้ลูกน้องสาวฟังอย่างมั่นใจ
“ดูเหมือนว่าชายสวมหน้ากากที่คุณเจอเมื่อคืนจะใช้ของมีคมเป็นอาวุธแถมฝีมือขั้นเทพซะด้วย”
“จริงเหรอคะผู้กอง”
“ก็ เล่นผ่าหัวกระสุนขาดแบบนี้จะให้ผมว่ายังไงอีก อาวุธที่เขาใช้คงทำจากวัสดุพิเศษ อาจเป็นพวกทังสเตนคาร์ไบด์หรืออะไรก็ตามที่ตัดเหล็กได้”
“นี่ผู้กองเชื่อเหรอคะ ว่าผู้ชายคนนี้เขาตัดกระสุนได้จริงๆ”
“โดยทางวิทยาศาสตร์อะไรก็เกิดขึ้นได้ทั้งนั้นผู้หมวด แต่ที่แน่ๆ เขามีพลาดถูกยิงเหมือนกัน แต่เสื้อเกราะช่วยเขาเอาไว้”
“แต่ที่ฉันเห็นเสื้อเขาเป็นหนังธรรมดานะคะผู้กอง”
“ด้าน นอกน่ะใช่ แต่ด้านในคงบุเคฟล่าชนิดพิเศษ คิดดูสิ จากตำแหน่งของรอยเท้านั่น เขาถูกยิงในระยะที่ประชิดมาก ถ้าเป็นเสื้อเกราะทั่วไปป่านนี้
คงซี่โครงหักไปแล้ว ไม่มีทางได้วิ่งหนีคุณแน่”
ณัฐชาท่าทีคล้อยตาม...แล้วเดินกลับมาที่รถพร้อมผู้กองราเมศ
“เดี๋ยวคุณเอาหลักฐานกลับไปที่กองปราบนะ แล้วลองเทียบข้อมูลกับแผนกอื่นดูว่ามีใครเคยเห็นหมอนี่มาก่อนบ้าง”
“แล้วผู้กองล่ะคะ”
“ผมจะไปรับผลชันสูตรศพคนร้ายที่นิติเวช”
ราเมศกำลังจะขึ้นรถ เสียงมือถือณัฐชามีข้อความส่งมา หญิงสาวกดอ่านแล้วหน้าเจื่อนจนผู้กองสงสัยถามว่ามีอะไร?
“จ่าไมตรีส่งข้อความมาบอกว่าไอ้มาวินพ้นโทษแล้ว”
เวลา นั้น มาวิน...มาเฟียหนุ่มเลือดร้อนกำลังวางมาดอยู่ที่ภัตตาคารดอกบัว มาวินหลงใหลได้ปลื้มไอริณลูกสาวนายนำชัย เขาหมายมั่นปั้นมืออยากได้เธอเป็นเมียโดยไม่แคร์ว่าพ่อของเธอจะยิ่งใหญ่มา จากไหน
ขณะที่มาวินเพิ่งพ้นโทษ ไอ้แหลมลูกน้องของมาเฟียปาร์กคู่ปรับของฤทธิ์ที่รอดตายจากการสังหารหมู่ เพียงคนเดียวก็ย้อนกลับมาขอทำงานด้วย มาวินตอบรับโดยไม่ลังเลและพร้อมจะมอบหมายงานให้มันทำในเร็ววัน
ด้าน โซเฟียกับชาญที่นำเลือดของคนร้ายซึ่งได้จากฤทธิ์มาตรวจ ผลออกมาพบสารคล้ายน้ำตามัจจุราชแถมยังมีสารอีกสองตัวที่ใช้ผลิตยาเสพติดออก ฤทธิ์กระตุ้นและหลอนประสาท คนเสพถึงขนาดคลุ้มคลั่งกัดกินเนื้อมนุษย์ด้วยกัน บางคนถึงได้เรียกมันว่ายาซอมบี้
“ถ้าเดาไม่ผิดเหตุกราดยิงที่โรงงานร้างนั่นคงเป็นการทดลองอย่างนึงของพวกมันในการสร้างนักรบอมตะ”
“แปลว่าคนร้ายสามคนนั่นถูกส่งมาเพื่อทดลองต่อสู้ แล้วก็ทดลองตายเหรอครับมาดาม”
“แถมมีความหวังเล็กๆอีกด้วยว่าอาจจะเป็นการ ทดลองฟื้น”
“เดี๋ยว เธอเอารายงานนี่ไปให้ผู้หมวดฤทธิ์ด้วยนะ แล้วเตือนเขาเรื่องงานเลี้ยงครบรอบสิบห้าปีของบริษัทวันพรุ่งนี้ด้วย ฉันตั้งใจจะเปิดตัวเค้าต่อหน้าสื่อมวลชน”
แทนที่ชาญจะตอบรับแต่กลับอึกอักจนมาดามหลิวเอะใจ ถามว่าเขาอยู่หรือเปล่า...
ฤทธิ์ ออกจากบริษัทไปแล้วด้วยรถมอเตอร์ไซค์คู่ใจ ขับตามรถยนต์ของณัฐชาที่กำลังมุ่งหน้าไปหาไอริณที่ฟิตเนสแห่งหนึ่ง ณัฐชาจับตามองด้วยความสงสัย ฤทธิ์เริ่มรู้ตัวจึงเร่งความเร็วแซงไปเพื่อไม่ให้มีพิรุธ
ถึงฟิตเนส ณัฐชาทำหน้าที่สอนไอริณชกต่อยกระสอบทราย ไอริณเป็นดารานักบู๊จึงต้องหมั่นฝึกฝนเพิ่มเติมโดยให้เพื่อนรักที่เป็นตำรวจช่วยสอน
“นี่...ออกแรงมากกว่านี้ไม่ได้หรือไง ราชินีหนังบู๊มีน้ำยาแค่นี้เองเหรอ”
“โอ๊ย...คุณตำรวจขา ชีวิตจริงกับในภาพยนตร์มันต่างกันนะคะ ถ้าจะให้เก่งเหมือนในจอ ฉันขอบายดีกว่า”
“เธอกำลังตกอยู่ในอันตรายนะไอริณ ดังนั้นเธอต้องรีบฝึกหลักสูตรเร่งรัด”
“ขอเปลี่ยนเป็นฝึกวิ่งแทนได้มั้ย ฉันหมดแรงแล้ว”
“โธ่เอ๊ย ไม่เอาไหนเลยเธอเนี่ย”
ห่าง ออกมาในมุมหนึ่ง ฤทธิ์จับตามองณัฐชากับไอริณด้วยความสนใจ ณัฐชารู้สึกผิดสังเกตจึงหันขวับไป พอเห็นชายหนุ่มสวมหมวกแก๊ปยืนจ้องอยู่ก็เริ่มไม่พอใจ
“นี่นายคนที่สวมหมวกน่ะ จ้องผู้หญิงอยู่ได้ จินตนาการอะไรอยู่หรือไง”
“ผมก็แค่อยากดูมวย” ตอบเสร็จฤทธิ์ทำท่าจะเดินหนี แต่ณัฐชาไม่ปล่อยผ่านเพราะคลับคล้ายคลับคลา เดินตามไปดักหน้าเขาไว้
“เดี๋ยวก่อน ใช่นายรึเปล่าที่ขับรถตามฉัน”
“ผมมาฟิตเนสเดียวกับคุณ ใช้เส้นทางเดียวกันมันแปลกตรงไหน”
“มีอะไรเหรอณัฐชา” ไอริณเข้ามาสมทบ
“มันยืนจ้องเธออยู่ตั้งนานแล้ว สงสัยเป็นพวกโรคจิต”
“ไม่เอาน่าณัฐชา เขาอาจจะเป็นแฟนคลับของฉันก็ได้ ขอโทษด้วยนะคะ เพื่อนฉันใจร้อนไปหน่อย”
“ผม ชื่อโทมัสครับ ยินดีที่ได้รู้จัก” ฤทธิ์แนะนำตัวพร้อมกับยื่นมือออกมา ไอริณบอกชื่อตัวเองและทำท่าจะสัมผัสมือเขา แต่โดนณัฐชาขัดขวาง ฤทธิ์ยักไหล่ไม่แคร์แล้วบอกว่า “อันที่จริงผมไม่ได้ตั้งใจจะจ้องคุณแบบนั้นหรอกครับ แต่เห็นว่าคุณชกไม่ถูกจังหวะก็เลยอยากจะแนะนำ”
“ตัวเองชกเก่งตายละ” ณัฐชาพูดโพล่ง พอไอริณปรามก็สวนทันควันว่า “ก็จริงนี่ ท่าทางเจ้าสำอางอย่างหมอนี่ ถ้าชกมวยเป็นล่ะก็ฉันยอมไหว้เลยก็ได้ ใช้กีฬาบังหน้า หาเรื่องเหล่หญิงมากกว่ามั้ง”
“ผมว่าคุณต่างหากที่ชกมวยไม่เป็น ดีแต่ทำกร่างอวดเพื่อน”
ณัฐชาตาลุกวาวด้วยความโกรธ ไอริณใจหายวาบ... จากนั้นไม่นาน ฤทธิ์กับณัฐชาก็ประจันหน้ากันบนเวทีมวย ฝ่ายชายยิ้มใจเย็น ขณะที่ฝ่ายหญิงท่าทางจริงจังกะเล่นงานเขาให้ได้ บรรดาเพื่อนสมาชิกในฟิตเนสต่างมารุมดูด้วยความสนใจ
“แค่ซ้อมเล่นๆ ไม่ต้องจริงจังก็ได้คุณณัฐชา”
ณัฐชาไม่สนใจคำพูดของเขา ตั้งหน้าตั้งตาจะเอาชนะเขาให้ได้ แต่แล้วฤทธิ์ทำให้เธอกลายเป็นตัวตลกในสายตาไทยมุง ชกเขากี่ทีก็ไม่โดนสักหมัด แถมยังพลาดท่าเพราะเขาฉากหลบทำให้เธอชกโดนเสาเวทีเข้าอย่างจัง
ฤทธิ์จากไปโดยเร็ว ทิ้งณัฐชาร้องครวญครางเจ็บมืออยู่กับไอริณ
“สมน้ำหน้า คนเขามาดีแท้ๆ ดันไปหาเรื่องเขา”
“ไม่มีทางหรอก หมอนั่นต้องไม่ใช่คนดีแน่ ฉันว่าหน้ามันคุ้นๆนะไอริณ บางทีเขาอาจจะเป็นคนร้ายที่ฉันเคยเห็นในแฟ้มคดีไหนสักคดีก็ได้”
“เอา เข้าไป เรื่องเว่อร์นี่ไม่แพ้ใครเลยเพื่อนฉัน” ไอริณส่ายหน้าเอือมๆ พลันโทรศัพท์มือถือเธอดังขึ้น กดรับแล้วนิ่วหน้ากับเสียงคุ้นหูของใครบางคน
“สวัสดีครับคุณไอริณ”
“นั่นใคร”
“แหม...แค่นี้ก็จำไม่ได้ ผมมาวินแฟนคลับของคุณไงครับ”
“ไอ้บ้า นี่แกอีกแล้วเหรอ แกรู้เบอร์ฉันได้ยังไง”
“โธ่ อย่าพูดจาตัดรอนแบบนั้นสิครับ ผมอุตส่าห์โทร.มาหาคุณก็เพราะอยากร่วมงานด้วย เผอิญผมตั้งใจว่าเดือนหน้าจะเปิดบริษัททำหนังอยู่พอดี ไม่ทราบว่าคุณไอริณสนใจจะเป็นนางเอกของผมรึเปล่า”
“บริษัททำหนังเหรอ บริษัทฟอกเงินค้ายาสิไม่ว่า แกฝันไปเถอะ ฉันไม่มีทางลดตัวไปคบกับมาเฟียอย่างแกหรอก ไอ้โรคจิต ไอ้บ้า”
ด่าเสร็จเธอวางสายทันที ทำให้มาวินหน้าตูมอย่างขุ่นเคือง
“โอกาส สุดท้ายที่จะอยู่ร่วมกันอย่างสันติ คุณปฏิเสธมันเองนะคนสวย” ว่าแล้วมาวินก็ยิงคำถามไปยังไอ้แหลมซึ่งนั่งอยู่กับสมุนกลุ่มหนึ่งภายในรถ ตู้คันเดียวกัน “พร้อมจะลงสนามสอบรึยังไอ้แหลม”
ครู่ต่อมา ณัฐชาลากไอริณมาซุ่มดูลาดเลาที่ประตูทางออกอย่างนึกระแวง ไอริณทักท้วงเพราะจำได้ว่ารถไม่ได้จอดชั้นนี้
“ฉันรู้น่า ว่าแต่เธอแน่ใจนะว่าคนที่โทร.มาคือมาวิน”
“ฉันไม่ได้ประสาทหลอนนะเธอ เสียงมันทำไมฉันจะจำไม่ได้ แต่ฉันว่าคงไม่มีอะไรหรอก เราไปกันซะทีเถอะ เมื่อยแล้ว”
“รถจอดอยู่ข้างบน ไปทางบันไดนะ”
อ่านละคร นักสู้มหากาฬ ตอนที่ 1-2 วันที่ 19 มิ.ย. 56
บทประพันธ์โดย : ณพุทธ สุศรีฯบทโทรทัศน์โดย : ณพุทธ สุศรีฯ
กำกับการแสดงโดย : ธีระศักดิ์ พรหมเงิน
ผลิตโดย : บริษัท มุมใหม่ จำกัด
วันเวลาออกอากาศ : ทุกวันศุกร์ - อาทิตย์ เวลา 20.25 น. ทางช่อง 7 สี
ที่มา ไทยรัฐ