อ่านละคร ไฟหวน ตอนที่ 8 วันที่ 2 มิ.ย. 56
บุปผายิ้มเหี้ยม เดินต่อไปทางสวนที่มัทนากับเพื่อนสองคนนั่งคุยกันอยู่“จะมาหาก็ไม่บอกล่วงหน้าเลยนะ ดีนะเนี่ยที่ฉันอยู่บ้าน ไม่ได้ไปไหน”
บุปผายิ้มเหี้ยม เดินต่อไปทางสวนที่มัทนากับเพื่อนสองคนนั่งคุยกันอยู่
“จะมาหาก็ไม่บอกล่วงหน้าเลยนะ ดีนะเนี่ยที่ฉันอยู่บ้าน ไม่ได้ไปไหน”
“ที่รีบมาก็เพราะมีเรื่องร้อนใจจะต้องมาบอกเธอน่ะสิ”
“ก็เรื่องพี่หมอคู่หมั้นคู่หมายของเธอน่ะสิยายมัท”
“พี่ต้นทำไมเหรอ”
“ฉันเห็นเขากินข้าวอยู่กับยายพลอยสองต่อสอง ท่าทางกะหนุงกะหนิงเชียวละ”
“ใช่ เราสองคนเห็นมากับตาจริงๆนะ”
เมื่อได้ยินเพื่อนทั้งสองยืนยัน มัทนาถึงกับหน้าเสีย แต่ยังไม่ทันพูดอะไร บุปผาก็ถือถาดใส่อาหารว่างมาคุกเข่าลงข้างๆ บุปผาบรรจงวางจานที่ใส่ยาลงตรงหน้ามัทนาโดยเฉพาะ ที่เหลืออีกสองจานวางให้เพื่อน เสร็จแล้วถอยออกมาอย่างสงบเสงี่ยม แต่ไม่ได้ไปไหนไกล แอบรอดูผลงานตัวเองอยู่แถวนั้น
เพื่อนสองคนของมัทนาจิ้มอาหารใส่ปากกินอย่างเอร็ดอร่อย ในขณะที่มัทนายังนิ่งเฉย ไม่ได้ใส่ใจอาหารตรงหน้าเพราะมัวแต่คิดเรื่องที่เพื่อนเล่า
“ขอบคุณนะที่เธอสองคนอุตส่าห์มาบอก บางทีพี่หมอกับยายพลอยอาจจะบังเอิญไปเจอกันก็ได้”
“เธออยากจะคิดอย่างนั้นเพื่อความสบายใจก็ตามใจนะมัท...ตกลงว่าเธอไม่กินใช่ไหม งั้นฉันขอนะ”
เพื่อนทำท่าจะหยิบอาหารในจานของมัทนามากิน บุปผาหน้าตาตื่นอยากเข้าไปห้ามแต่กลัวผิดสังเกตเลยต้องเฉยเสีย พร้อมกันนั้นก็เห็นเพื่อนอีกคนของมัทนาคว้ามือคนที่จะหยิบอาหารนั้นไว้เสียก่อน
“รักษามารยาทหน่อยสิจ๊ะเธอ...เราพูดเรื่องสำคัญเรียบร้อยแล้ว ก็กลับกันเสียทีดีไหม” เธอพูดแล้วไม่รอฟังคำตอบ ฉุดแขนเพื่อนกลับไปหน้าตาเฉย ทิ้งมัทนานั่งหน้าเครียดอยู่ตรงนั้นคนเดียว
อีกครู่ต่อมา นายพลเทพกลับจากทำงาน มัทนากุลีกุจอไปรับหน้าโดยไม่แตะต้องอาหารว่างในจานที่บุปผาตั้งใจเอามาให้ มัทนาพาพ่อเข้าบ้านและพยายามประสานรอยร้าวระหว่างพ่อแม่ แต่คุณหญิงมณีวางปึ่งทำเป็นอ่านหนังสือไม่มองหน้าสามีแม้แต่น้อย
มัทนาหนักใจแต่ไม่ถอดใจ บอกให้พ่อนั่งรอตรงนี้ก่อน กลับมาเหนื่อยๆตนจะหาอะไรมาให้ทาน แล้วมัทนาก็วิ่งออกไปที่สวนหยิบจานอาหารว่างขึ้นมาบนตึก โดยไม่รู้ว่าบุปผาวิ่งตามมาด้วยความตกใจ
“ของว่างค่ะคุณพ่อ”
บุปผาได้ยินดังนั้นก็ถลันเข้ามาจนสามคนพ่อแม่ลูกประหลาดใจ นายพลเทพถามบุปผาว่ามีอะไร ส่วนคุณหญิงตวัดตาใส่สามีอย่างหึงหวง สร้อยเห็นสีหน้าเจ้านายก็นึกรู้ พลอยมองเขม่นบุปผาไปด้วย แล้วในจังหวะที่บุปผากำลังอึกอักไม่รู้จะตอบยังไงดีเพราะกลัวความลับแตกว่าในอาหารว่างนั้นตนใส่ยาเอาไว้ สร้อยก็พุ่งเข้าไปดึงหูบุปผา
“ขึ้นมาบนนี้ทำไม ฉันสั่งแล้วใช่ไหมว่าไม่ให้แกขึ้นมาบนตึกนี้อีก...มานี่เลย”
สร้อยลากบุปผาออกไปพ้นตึก สองมือจิกผมอย่างเอาเป็นเอาตาย แรกๆบุปผาก็แค่ดิ้นรนเพื่อให้หลุดพ้น แต่เมื่อถูกกระทำรุนแรงจนเจ็บตัว เลยฮึดสู้ทุบตีสร้อยเพื่อให้ปล่อย แต่กลายเป็นว่าทำให้สร้อยยิ่งโมโห กระชากลากถูบุปผาเข้าไปขังในห้องเก็บของ ตั้งใจขังให้หายบ้าแล้วค่อยปล่อยออกมา
บุปผาทุบประตูระรัวพร้อมกับตะโกนเรียกสร้อยให้ปล่อยตน แต่ไม่เป็นผล สร้อยล็อกกุญแจห้องแล้วเดินจากไปด้วยความสะใจ
ส่วนบนตึก อาหารว่างในจานพร่องไปแล้วบางส่วน มัทนานั่งยิ้มน้อยยิ้มใหญ่มองพ่อกับแม่ อีกสักครู่นายพลเทพขอตัวไปอาบน้ำ และผ่านไปไม่นานทุกคนในบ้านก็ได้ยินเสียงมัทนาตะโกนลั่น
“ใครก็ได้ ช่วยด้วย!”
แม้อยู่ในห้องเก็บของแต่บุปผาก็ได้ยินชัดเจน เธอกระวนกระวายอย่างยิ่ง มั่นใจว่านายพลเทพกิน อาหารว่างจานนั้นเข้าไปแล้ว
“อีสร้อยนะอีสร้อย ถ้าท่านนายพลเป็นอะไรไป แกต้องรับผิดชอบ”
ทันใดนั้นบุปผาก็ชะงัก ได้ยินเสียงคนกำลังจะวิ่งผ่านหน้าห้อง เธอรีบทุบประตูพร้อมกับตะโกนขอความช่วยเหลือ ทับทิมรั้งท้ายเหลียวกลับมามอง ก่อนจะรีบไปเอากุญแจมาไขห้อง
“นังบุปผา แกเข้าไปอยู่ในนั้นได้ยังไง”
“ช่างเถอะ บนตึกมีใครเป็นอะไร”
“เห็นนังหวิงบอกว่าท่านบนตึกปวดท้องมาก ท่าทางไม่ค่อยดีเลย”
บุปผาร้อนใจมาก พึมพำเรียกท่านนายพล ส่วนทับทิมวิ่งนำไปแล้ว จึงไม่เห็นว่าบุปผาวิ่งย้อนมาทางครัว หยิบไข่ดิบติดมือมาจำนวนหนึ่ง
เมื่อตามไปถึงบนตึก บุปผาชะงักกึก เห็นมัทนาประคองคุณหญิงมณีที่นอนกุมท้องสีหน้าเจ็บปวดเป็นอย่างยิ่ง เหงื่อกาฬแตกทั้งตัว ในขณะที่นายพลเทพกำลังดูอาการภรรยาอย่างร้อนใจ สร้อยและคนใช้คนอื่นๆพากันตกใจจนนั่งไม่ติด
“พ่อจะไปเอารถออกพาแม่ไปส่งโรงพยาบาล”
นายพลเทพลุกขึ้นหันหลังออกมา แต่ต้องชะงักเมื่อเห็นบุปผายืนหน้าตื่นตะลึง ในมือมีไข่มาด้วยจำนวนหนึ่ง
“บุปผาเอาไข่มาทำไม”
“เอ่อ...ก็มีคนบอกบุปผาว่าท่านปวดท้อง...ไข่ดิบมันช่วยได้ค่ะ”
“งั้นบุปผาช่วยคุณหญิงทีนะ ฉันขอร้อง”
บุปผาพูดไม่ออก อยากเห็นคุณหญิงมณีมีอันเป็นไป แต่จำใจต้องช่วยเพราะนายพลเทพขอร้อง เธอหันไปคว้าแก้วเปล่ามาตอกไข่แล้วเอากรอกใส่ปากคุณหญิงมณีอย่างรวดเร็ว ครู่เดียวคุณหญิงก็มีอาการขยักขย้อนก่อนจะอาเจียนออกมา สร้อยเห็นดังนั้นก็รีบวิ่งไปที่โทรศัพท์เพื่อโทร.ตามหมอไอศูรย์ ส่วนบุปผาถอยห่างออกมา มองดูความโกลาหลที่เกิดขึ้นตรงหน้าด้วยความกังวล แล้วเมื่อเห็นว่าไม่มีใครสนใจเธอ ก็รีบคว้าจานอาหารว่างที่ยังเหลืออยู่เดินออกมาทันที
บุปผารีบทำลายหลักฐานจนหมดเกลี้ยง เสร็จแล้วหันมองไปบนตึก สบถออกมาอย่างเจ็บแค้นใจ
“บ้าที่สุด! อีคุณหญิงกับนังคุณหนูนี่มันดวงแข็งจริงๆ”
ooooooo
คุณหญิงมณีหลับไปด้วยความอ่อนเพลียหลังจากหมอไอศูรย์มาตรวจอาการอยู่พักหนึ่ง นายพลเทพซักถาม เพื่อความมั่นใจว่าคุณหญิงปลอดภัยแล้วใช่ไหม โดยไม่รู้ว่าบุปผามาแอบฟังอยู่มุมหนึ่ง
“คุณอาปลอดภัยแล้วครับ แต่คงจะเพลียมากหน่อย ต้องให้ท่านนอนพักมากๆ ดื่มน้ำเปล่ามากๆ แล้วก็ให้ทานแต่อาหารอ่อน ปริมาณน้อยๆก่อนครับ”
“แล้วมันเกิดจากอะไรน่ะพ่อต้น”
“น่าจะเกิดจากอาหารเป็นพิษอย่างรุนแรง แต่รุนแรงมากเสียจนเหมือนโดนสารพิษเลย”
“สารพิษ! จะเป็นไปได้ยังไงกัน”
“ก่อนหน้าที่คุณอาจะเกิดอาการ ท่านทานอะไรเข้าไปบ้างครับ”
นายพลเทพนึกทบทวน พอดีมัทนาเดินเข้ามาบอกว่าท่านทานของว่างที่แม่ครัวในบ้านทำ ไม่ได้ซื้อมาจากที่ไหน ซึ่งตนเป็นคนคะยั้นคะยอท่านเองหลังจากพ่อไม่ยอมทาน แต่แม่ทานไปแค่ชิ้นเดียวเท่านั้น
“แล้วอาหารว่างนี่เมื่อบ่ายเพื่อนมัทก็ทานด้วยนะคะพี่ต้น แต่ไม่เห็นมีใครเป็นอะไรเลย”
“แต่พี่อยากจะเอาอาหารว่างที่ท่านทานไปตรวจหาสารพิษอยู่ดี”
บุปผายิ้มโล่งใจเพราะตัวเองทำลายหลักฐานไปแล้ว เมื่อพวกเขาเรียกสวิงมาถาม ก็ได้คำตอบว่าพวกตนยก
จานไปล้างข้างล่างหมดแล้ว ไอศูรย์ผิดหวังแต่ก็ปลอบสองพ่อลูกว่า
“แต่อย่างน้อยตอนนี้คุณอาก็พ้นขีดอันตรายแล้วล่ะครับ คุณอาเก่งจริงๆที่เอาไข่ดิบให้คุณอาหญิงทานล้างพิษได้ทันเวลา”
“ต้องชมบุปผาเขามากกว่า เขาเป็นคนเอาไข่ดิบมาให้คุณหญิงกินล้างพิษ ไม่อย่างนั้นคุณหญิงก็คงจะเป็นอันตรายกันยิ่งกว่านี้ มัทเดินไปส่งพ่อต้นทีนะ อาขอบใจนะที่มา”
นายพลเทพรับไหว้ไอศูรย์แล้วเดินกลับมาดูคุณหญิงมณีที่ยังหลับสนิท มีสร้อยนั่งเฝ้าด้วยความเป็นห่วง ส่วนมัทนาออกไปส่งไอศูรย์หน้าบ้าน ขอบคุณเขาที่มาอย่างรวดเร็วทันใจ
“คุณอาเจ็บออกอย่างนี้พี่จะไม่มาได้ยังไง น้องมัทสบายใจได้แล้วนะ คุณอาปลอดภัยแล้ว”
“ค่ะ” มัทนารับคำสั้นๆ นึกถึงคำพูดเพื่อนที่มาบอกเล่าเมื่อบ่ายแล้วรู้สึกไม่สบายใจจนแสดงออกทางสีหน้า
“มีอะไรรึเปล่าครับน้องมัท”
หญิงสาวส่ายหน้าปฏิเสธทั้งที่อึดอัดคับข้องใจ แต่ไม่ยอมเคลียร์...จนกระทั่งเช้าวันถัดมา ไอศูรย์กับมารดามาใส่บาตรร่วมกันเพื่อให้ครบ 9 ครั้งตามที่คุณชไมกำชับ มัทนาก็ยังไม่ค่อยพูดค่อยจากับเขา แต่เธอไม่รู้เลยว่าทั้งหมดอยู่ในสายตาของบิดา ที่เฝ้ามองด้วยความสงสัย
เมื่อใส่บาตรเสร็จทั้งหมดพากันกลับเข้าบ้าน นายพลเทพเดินคุยกับมัทนาเบาๆพอได้ยินกันแค่สองคน
“เมื่อครู่รับศีล 5 จากหลวงพ่อท่านมา มัทจำได้ไหม ศีลข้อ 2 พระท่านว่าอะไร”
“มุสาวาทา เวระมณีสิขาปะทังสมาทิยามิ...”
“งั้นมัทก็อย่าทำผิดศีลข้อ 2 นี้ก็แล้วกัน ตอบพ่อมาอย่าโกหก มัทมีเรื่องหมางใจกับพ่อต้นใช่ไหม”
มัทนาอึกอักไม่อยากตอบ แต่ก็ไม่กล้าโกหก พูดเสียงอ่อยๆว่าเพื่อนตนมาเล่าให้ฟังว่าพี่ต้นพาผู้หญิงไปทานข้าว นายพลเทพเลยถึงบางอ้อ ถามลูกสาวว่ารักไอศูรย์หรือไม่ เมื่อคำตอบคือรัก ท่านก็ถามต่อไปอีกว่า
“แล้วมัทคิดว่าพ่อต้นรักมัทไหม”
มัทนาตอบรับเสียงแผ่ว นายพลเทพพยักหน้าน้อยๆ แล้วเตือนสติลูกสาวอย่างนุ่มนวล
“ถ้ารักกันก็จงไว้ใจกัน อย่าให้ความหึงความริษยามันเข้ามาบดบังความดีงามของความรัก ถ้ามัทไม่สบายใจในเรื่องของพ่อต้นที่มัทได้ยินมา มัทก็ต้องค่อยๆหาโอกาสจับเข่าคุยกันกับพ่อต้นเสีย อย่าให้ค้างคาใจ มึนตึงต่อกันไป ความรักมันจะล่มเอานะลูก”
“ค่ะพ่อ”
นายพลเทพโอบไหล่ลูกสาวที่เริ่มยิ้มออก แถมอีกครู่ต่อมาก็ยิ่งสบายใจไร้กังวล เมื่อเธอตัดสินใจถามไอศูรย์ตรงๆเรื่องไปกินข้าวกับพลอยเมื่อวาน ซึ่งเขาเล่าความจริงทั้งหมดอย่างไม่ปิดบัง...สองคุณแม่เห็นลูกๆรักกันราบรื่นดีก็สุขใจ แต่พอคุณหญิงแจ่มจันทร์เปลี่ยนเรื่องตั้งข้อสังเกตว่าท่าทางนายพลเทพเอ็นดูบุปผาไม่ใช่น้อย คุณหญิงมณีก็หน้าตึงขึ้นมาทันใด
นายพลเทพเรียกบุปผามาพบ ขอบใจที่ช่วยชีวิตคุณหญิงมณี บุปผาไม่พูดอะไรเพราะความจริงไม่ได้ตั้งใจช่วย แต่จำใจเพราะเขาขอร้องต่างหาก
“บุปผา...เธออยู่ที่บ้านนี้มาพักหนึ่งแล้ว แต่ฉันยังไม่เคยถามเรื่องเธอเลย นายสินมันก็ไม่เคยเล่า ก่อนที่นายสินรับตัวเธอมาอยู่ที่นี่ เธออยู่กับพ่อแม่มาตลอดใช่ไหม แล้วที่บ้านเธอทำอะไร”
“ค่ะ...บุปผาก็ช่วยพ่อแม่ทำไร่ทำนาค่ะ”
“เธอคงลำบากมากสินะ แล้วตอนนี้พ่อแม่เธอก็ยังทำไร่ทำนาอยู่รึ”
บุปผาตอบรับเสียงแผ่ว นายพลเทพหยิบเงินจำนวนหนึ่งมาส่งให้บุปผา
“อย่าหาว่าฉันดูถูกน้ำใจเธอเลยนะบุปผา ถือเสียว่าเป็นรางวัลตอบแทนความดีของเธอก็แล้วกัน”
“ท่านเมตตากับบุปผาเหลือเกิน”
“ฉันก็เห็นเธอเหมือนลูกหลานฉันคนหนึ่ง อายุอานามของเธอก็ใกล้เคียงกับยายมัทด้วย รับไปสิ ถ้าเธอไม่จำเป็นต้องใช้ ส่งกลับไปให้พ่อแม่ที่บ้านก็ได้”
บุปผารับเงินนั้นมาด้วยความซาบซึ้งใจ รู้สึกว่านายพลเทพเหมือนพ่อ ซึ่งเธอไม่เคยมี คิดแล้วอดสะเทือนใจไม่ได้ น้ำตาคลอออกมาโดยไม่รู้ตัว
“อ้าว...ร้องไห้ทำไม”
บุปผาพูดไม่ออก นายพลเทพลูบหัวเธอเบาๆอย่างเมตตา...สร้อยแอบมองด้วยความหมั่นไส้ คิดว่าบุปผามารยาสาไถยประสาผู้หญิงหยำฉ่าที่คุ้นชินพฤติกรรมเยี่ยงนี้
ooooooo
ดำเกิงส่งนิกรเข้ามาในหอโคมแดงเพื่อถ่ายรูปคนชื่อบุปผามาเป็นหลักฐาน นิกรฉลาดมากทำทีนำกล้องถ่ายรูปมาอวดสาวๆแล้วชวนถ่ายรูปกันทุกคน ผกาไม่รู้จักแขกคนนี้มาก่อนแต่ก็ต้อนรับขับสู้เต็มที่ ทั้งแนะนำตัวเองและยอมถ่ายรูปร่วมกับสาวๆในสังกัดอย่างสนุกสนาน
เมื่อแผนสำเร็จลุล่วง นิกรก็กลับมาหาดำเกิงพร้อมฟิล์มถ่ายรูป ดำเกิงจึงนำฟิล์มนั้นส่งไปล้างก่อนจะส่งข่าวมายังนายพลเทพว่าคงต้องใช้เวลารออีกสักหน่อย...
อ่านละคร ไฟหวน ตอนที่ 8 วันที่ 2 มิ.ย. 56
ละครเรื่อง ไฟหวน บทประพันธ์โดย ฐา-นวดี สถิตยุทธการละครเรื่อง ไฟหวน บทโทรทัศน์โดย ฐา-นวดี สถิตยุทธการ
ละครเรื่อง ไฟหวน กำกับการแสดงโดย มารุต สาโรวาท
ละครเรื่อง ไฟหวน ผลิตโดย บริษัท มาสเคอเรด จำกัด โดย มารุต สาโรวาท
ละครเรื่อง ไฟหวน เป็นละครแนว ดราม่าเข้มข้น
ละครเรื่อง ไฟหวน ออกอากาศทุกวันศุกร์ - เสาร์ - อาทิตย์ เวลา 20.25 น. ทางช่อง 7 สี
ที่มา ไทยรัฐ