อ่านละคร ไฟหวน ตอนที่ 13 วันที่ 14 มิ.ย. 56

อ่านละคร ไฟหวน ตอนที่ 13 วันที่ 14 มิ.ย. 56

“แม่บอกว่า...วันนั้นที่แม่เจอฉันก็คือตอนที่ป้าอิ่มอุ้มฉันวิ่งหนีอะไรมา แล้วรถของแม่ก็ไปชนป้าอิ่มเข้า และเมื่อไม่นานมานี้ท่านนายพลบอกฉันว่าแม่อุ่นตายเพราะไฟไหม้บ้าน งั้นตอนนั้นป้าอิ่มก็คงจะอุ้มฉันหนีอีสร้อยนี่ละ ฉันถึงได้รอดตายมาได้น่ะ”

“ก็คงงั้น”

“ถ้าป้าอิ่มไม่อุ้มฉันหนีมา ฉันก็คงจะตายในกองไฟพร้อมกับแม่อุ่นไปแล้ว...แล้วเผลอๆที่ป้าอิ่มถูกงูกัดนี่ มันก็ไม่ใช่เรื่องบังเอิญ”


“ทำไมแกคิดอย่างนั้นล่ะ”

“คนดีๆมีแต่เขาคิดจะช่วยกันตีงูไม่ให้กัดคนได้ นี่อะไร นังสร้อยกลับปิดประตูเฉยเลย ไม่ยังงั้นฉันก็คงเข้าไปช่วยป้าอิ่มทัน แล้วป้าอิ่มก็คงจะไม่ต้องมาตายอนาถอย่างนี้หรอก”

“นังสร้อยมันคงกลัวว่านังอิ่มจะเปิดโปงความลับเรื่องที่มันฆ่าแม่อุ่นน่ะสิ”

“แล้วทำไมป้าอิ่มไม่ยอมบอกฉันเรื่องนี้ก่อนหน้านี้ล่ะ”

“ไม่รู้สิ แต่ยังไงๆเขาก็ยังบอกให้แกรู้ก่อนตายจนได้”

“ยิ่งรู้อย่างนี้ นังคุณหญิงกับนังสร้อยมันจะต้องได้เห็นดีกับฉันแน่”

“แต่เรื่องมันก็ผ่านมาเกือบ 20 ปีแล้ว หลักฐานอะไรก็ไม่มี แล้วแกจะไปเอาเรื่องเอาความกับเขาได้ยังไง”

“แล้วแม่จะให้ฉันปล่อยให้แม่อุ่นกับป้าอิ่มต้องตายเปล่าไปอย่างนี้น่ะเหรอ”

“แล้วแกจะไปทำอะไรเขาได้ล่ะ”

บุปผาไม่ตอบ แต่คิดอยู่ในใจว่ายังไงตนก็ต้องทำให้สร้อยกับคุณหญิงมณีได้รับผลกรรม...แม่กับป้าของตนต้องไม่ตายเปล่าแน่!

ooooooo

หลังงานศพอิ่มที่นายพลเทพเป็นเจ้าภาพ...บุปผามีโอกาสไปกินอาหารนอกบ้านกับนายพลเทพตามลำพังเพราะคุณหญิงมณีต้องพามัทนาไปบ้านคุณหญิงแจ่มจันทร์เนื่องจากคุณชไมเพิ่งมาจากเชียงใหม่ คุณหญิงมณีต้องการให้เธอดูฤกษ์หมั้นให้เร็วที่สุด ไม่อยากรอถึงปีหน้า

“ดิฉันดีใจจริงค่ะที่คุณชไมสละเวลาลงมาที่พระนครนี่ ทีแรกดิฉันกับคุณหญิงแจ่มจันทร์มีแผนจะขึ้นไปหาคุณชไมที่เชียงใหม่ แต่ก็มัวมีเรื่องยุ่งๆที่นี่เสียก่อน”

“ดิฉันทราบค่ะ”

“แต่ก่อนคุณชไมจะดูฤกษ์หมั้น ช่วยดูดวงยายมัทให้ก่อนได้ไหมคะ ดิฉันอยากจะรู้ว่า...” คุณหญิงมณียั้งปากทัน ไม่อยากพูดเรื่องดวงร้าวต่อหน้าลูกสาวจึงเลี่ยงไป “ตอนนี้ยายมัทก็ใส่บาตร อาบน้ำมนต์ครบตามที่คุณชไมบอกให้ทำเรียบร้อยแล้วค่ะ”

คุณชไมไม่พูดอะไร จับมือมัทนาไว้แล้วหลับตาลง ไม่นานก็ลืมตาช้าๆ สีหน้าไม่สู้ดี จนคุณหญิงมณีซักถามว่ามีอะไรหรือเปล่า

“อาบน้ำมนต์ครบทุกครั้งที่กำหนดก็จริง แต่มีอยู่ครั้งหนึ่งน้ำมนต์เสื่อม”

“น้ำมนต์เสื่อม? หมายความว่ายังไงคะคุณชไม”

“มีคนทำให้เสื่อม”

“เป็นไปได้ยังไงกันคะ”

“แต่มันก็เป็นไปแล้วล่ะค่ะคุณหญิง”

“แล้วดิฉันต้องทำยังไงคะ”

ชไมทำน้ำมนต์ขึ้นมาใหม่ด้วยการนำพระพุทธรูปมาสรงน้ำและนำน้ำนั้นมาบริกรรมคาถาอยู่ครู่หนึ่งก่อนส่งให้มัทนาดื่มและล้างหน้าเพื่อช่วยบรรเทาเคราะห์หนักให้เป็นเบา

“แล้วเรื่องฤกษ์หมั้นล่ะคะคุณชไม ดิฉันอยากได้ฤกษ์หมั้นให้พ่อต้นกับหนูมัทที่เร็วที่สุดน่ะค่ะ” คุณหญิงแจ่มจันทร์เอ่ยปาก

“ดิฉันเคยบอกแล้วฤกษ์ดีของหนูมัทกับพ่อต้นปีนี้ไม่มี ถ้าจะหมั้นกันจริงๆ ใช้ฤกษ์สะดวกก็แล้วกัน แล้วหนูมัทก็อย่าลืมถือศีล 5 อย่างเคร่งครัด และสวดมนต์แผ่เมตตาทุกวัน ความดีจะเป็นเกราะคุ้มกันภัยจากสิ่งเลวร้ายได้ แล้วก็อย่าคิดร้ายกับคนอื่น ไม่อย่างนั้นเรื่องร้ายจะย้อนกลับมาที่ตัวเอง” ชไมพูดพร้อมกับปรายตาไปทางคุณหญิงมณีเหมือนเป็นการเตือน แต่เจ้าตัวไม่รู้อะไร ได้แต่นิ่งเฉยมองลูกสาวพนมมือไหว้พร้อมกับรับปากคุณชไมอย่างนอบน้อม

แยกจากคุณชไมมาแล้ว สองคุณหญิงก็หารือกันเรื่องฤกษ์หมั้น “คุณชไมบอกให้ใช้ฤกษ์สะดวกอย่างนี้ ตกลงเราจะเอายังไงกันดีคะคุณหญิง”

“ดิฉันก็คงต้องแล้วแต่ทางคุณหญิงแจ่มจันทร์ล่ะค่ะ ว่าจะสะดวกเมื่อไหร่ เพราะถึงอย่างไรทางดิฉันก็เป็นฝ่ายหญิง คงต้องให้ทางฝ่ายชายเป็นฝ่ายดำเนินการ”

“ดิฉันก็ยังยืนยันว่าต้องการให้หมั้นกันเร็วที่สุด เพราะพ่อต้นน่ะร้อนใจ”

มัทนาได้ยินทุกคำ หันมองหน้าไอศูรย์อย่างแปลกใจ ต่อมาเมื่อได้พูดคุยกันตามลำพัง ไอศูรย์ยอมรับว่าตนร้อนใจเพราะมีคู่แข่งที่น่ากลัว มัทนาฟังแล้วน้อยใจ ตัดพ้อว่าเขาพูดเหมือนไม่ไว้ใจเธอ

“พี่ไว้ใจน้องมัท แต่พี่ไม่ไว้ใจเพชร เพราะเพชรมาพูดกับพี่ว่าตราบใดที่เรายังไม่หมั้นกัน เขาจะไม่รามือจากน้องมัทเป็นอันขาด พี่ถึงต้องให้คุณแม่เร่งหาฤกษ์หมั้นให้เร็วที่สุดเท่าที่จะเร็วได้ หมั้นกันเรียบร้อยเมื่อไหร่ พี่จะได้อุ่นใจว่าเพชรจะเข้ามายุ่งกับน้องมัทไม่ได้อีกต่อไป”

เวลาเดียวกันนั้น เพชรแวะมาเยี่ยมพลอยที่โรงพยาบาล ความจริงพลอยอาการดีขึ้นมากแล้ว หมอให้กลับบ้านได้ แต่เธอยังไม่อยากกลับเพราะต้องการอยู่ใกล้ชิดไอศูรย์ แถมเธอยังแนะนำพี่ชายด้วยว่าให้หาโอกาสเร่งทำคะแนนกับมัทนา เพื่อที่เธอจะได้หมดคู่แข่งไปเสียที...

ด้านบุปผาที่เมื่อกลางวันมีโอกาสได้กินข้าวตามลำพังกับพ่อแท้ๆ พอกลับถึงบ้านเธอรีบขอตัวลงไปดูนายสิน ทำราวกับว่าเป็นห่วงเป็นใยเขาเหลือเกินแต่พอลับตาใครต่อใครเธอก็เปลี่ยนจากน้องสาวแสนดีเป็นนางมารร้าย คิดกำจัดนายสินที่จ้องมองเธอตลอดเวลาด้วยแววตาชิงชัง

“เกลียดฉันมากนักเหรอไอ้สิน จะบอกอะไรให้นะ เวลานี้แกหมดประโยชน์สำหรับฉันแล้ว ฉันก็ไม่รู้ว่าจะเก็บแกไว้ให้รกบ้านทำไม แกรอดตายจากน้ำมือฉันมาได้ถึงสองครั้ง แต่ฉันรับรองว่าคราวนี้แกไม่รอดแน่”

บุปผาใช้มือหนึ่งบีบจมูกนายสิน ส่วนอีกมืออุดปาก ตั้งใจให้เขาขาดใจตาย นายสินดิ้นพราดจนตกเตียง และอาจสิ้นใจตายถ้ามัทนากับไอศูรย์ไม่เข้ามาเสียก่อน บุปผาหัวไวเปลี่ยนท่าทีโดยที่สองคนนั้นไม่ทันสังเกตว่าเธอก้มๆเงยๆทำอะไรนายสิน

“พี่มัท คุณหมอ...ช่วยพี่สินด้วยค่ะ พี่สินตกเตียงลงมา” บุปผาพลิกสถานการณ์ให้ตัวเองกลายเป็นคนดี ซึ่งสองคนนั้นก็เชื่อสนิท มัทนาถึงกับจัดแจงให้คนรับใช้เข้ามาเอาเตียงในห้องออก แล้วเอาที่นอนวางกับพื้นเพื่อป้องกันนายสินตกเตียงซ้ำอีก ส่วนบุปผาก็รับปากว่าจะมาดูแลเขาบ่อยๆ ถึงแม้นายสินไม่ใช่พี่ชายแท้ๆ แต่เธอก็สำนึกบุญคุณที่เกื้อกูลกันมา...

ooooooo

เพชรมาเยี่ยมพลอยที่โรงพยาบาลได้ครู่เดียวก็ต้องรีบเดินทางไปบ้านกำพลเพราะลูกน้องแจ้ง

ข่าวว่ามีเหตุร้ายเกิดขึ้น เมื่อเข้ามาพิสูจน์ภายในบ้านก็พบว่ากำพลกลายเป็นศพไปแล้ว แต่อีกคนที่โดนยิงยังไม่ตาย เพชรกับลูกน้องจึงรีบนำตัวส่งโรงพยาบาล

หมอไอศูรย์เห็นแสงก็จำได้ว่าเป็นคนของบ้านเทพบริบาล ซักถามเพชรด้วยความสงสัยว่าเขาถูกยิงได้ยังไง

“ผมยังบอกอะไรพี่ต้นตอนนี้ไม่ได้ครับ แต่ถ้าพี่ต้นคิดว่าเขาคือคนของบ้านเทพบริบาล ผมจะเชิญคนที่บ้านนั้นให้มาดูก่อนว่าใช่นายแสงที่พี่ต้นว่าจริงหรือเปล่า”

ไอศูรย์พยักหน้าแล้วผละเข้าไปในห้องฉุกเฉิน สมพลพ่อของกำพลเพิ่งมาถึง พอรู้จากเพชรว่าลูกชายของตนตายแล้วก็แทบช็อก

“คุณอารู้จักคนชื่อนายแสงไหมครับ”

“มันเป็นคนที่ไหนไม่รู้ กำพลมันรับเข้ามาอยู่ในบ้านด้วยเมื่อไม่นานมานี้เอง พ่อเคยเตือนมันแล้วว่าอย่ารับคนไม่รู้จักหัวนอนปลายเท้าเข้ามาอยู่ในบ้าน มันเป็นคนฆ่ากำพลเหรอ”

“เรายังไม่ทราบแน่ชัดครับคุณอา แต่ถ้าทราบแน่ชัดเมื่อไหร่ ผมจะรีบบอกคุณอาทันที”

สมพลน้ำตาซึม ไม่คิดไม่ฝันว่าลูกชายคนเดียวจะมาตายอย่างกะทันหันโดยไม่ทันได้ดูใจ...ส่วน

ที่บ้านเทพบริบาล ทุกคนก็ตะลึงไปตามกันเมื่อเพชรมาส่งข่าว แต่บุปผาไม่มีท่าทีสะทกสะท้าน มั่นใจว่าแสงไม่เห็นหน้าตนตอนยิงแน่ เลยไม่กลัวแสงจะฟื้นมาซัดทอด ถึงมันไม่ตายก็ต้องติดคุกหัวโตแน่

นายพลเทพยอมรับว่าที่บ้านมีคนชื่อแสงแต่

ไม่แน่ใจว่าใช่คนเดียวกันหรือเปล่า เพชรจึงเชิญท่านไปที่โรงพยาบาล มัทนาอยากไปด้วยแต่นายพลเทพไม่ยอม เขาอนุญาตให้สร้อยไปได้แค่คนเดียว เมื่อไปถึงพบว่าเป็นแสงลูกชายของสร้อยจริงๆ และเวลานี้หมอก็ผ่าตัดเอากระสุนออกอาการพ้นขีดอันตรายแล้ว แต่ยังต้องพักฟื้นสักระยะ

“ไอ้แสงมันไปทำอะไรมาเหรอเพชร มันถึงถูกยิงปางตายมาแบบนี้”

“คุณสมพล พ่อของกำพลบอกว่านายแสงไปอยู่ที่บ้านกำพลได้ระยะหนึ่งแล้วครับคุณลุง แล้วคนของผมบอกว่าเมื่อวานนี้ก่อนเกิดเหตุมีคนเห็นนายแสงไปเข้าบ่อนเล่นเสียจนหมดตัว ยังติดหนี้ในบ่อนอยู่เลยครับ ผมก็เลยสันนิษฐานว่าแสงคงจะกลับบ้านแล้วไปขโมยข้าวของของกำพลเตรียมจะเอาไปขายหรือจำนำ เพื่อเอาเงินไปใช้หนี้ที่บ่อน เพราะเราพบข้าวของมีค่าของกำพลหลายอย่างอยู่ในกระเป๋าของนายแสงครับ แล้วกำพลคงมาเจอเข้าก็เลยเกิด
การต่อสู้กัน...นายแสงแทงกำพล ส่วนกำพลก็ยิงนายแสง แต่กำพลมันไม่โชคดีอย่างนายแสงครับ”

ขาดคำของเพชร สมพลพุ่งมาจากไหนไม่รู้ ฝ่าทุกคนเข้าไปถึงตัวแสงที่นอนไม่ได้สติหลังผ่าตัด

เขาทุบตีแสงอย่างไม่ปรานี แค้นใจเพราะเข้าใจว่าฆ่ากำพล สร้อยกางกั้นก็ไม่เป็นผล เพชรกับไอศูรย์ต้องเข้ามาช่วย สมพลถึงสงบสติอารมณ์ลงได้บ้าง
เหตุการณ์ที่เกิดขึ้นต่อหน้าทำให้สร้อยยิ่ง

กลุ้มใจ กลัวแสงเป็นอันตรายเพราะท่าทางสมพลไม่รามือง่ายๆแน่ และคดีนี้แสงอาจต้องโทษประหารก็เป็นได้ เมื่อกลับมาถึงบ้านสร้อยจึงปรึกษาคุณหญิงมณีทั้งน้ำตา

“เรื่องมันเป็นแบบนี้แล้ว เราคงจะช่วยอะไรแสงมันไม่ได้หรอกนะสร้อย นอกจากทำใจ”

“ไม่ค่ะคุณหญิง สร้อยไม่มีวันยอมให้ไอ้แสงมันถูกขังตลอดชีวิต หรือโดนโทษประหารแน่ๆ สร้อยต้องช่วยมัน ยังไงๆมันก็เป็นลูกสร้อย ถึงพ่อมันจะเลว ไข่ไว้แล้วก็ทิ้งไป แต่มันก็ยังเป็นลูก คุณหญิงเองก็มีลูก คงเข้าใจความรู้สึกของคนเป็นแม่เหมือนกัน คนเป็นแม่ไม่มีวันยอมเห็นลูกหายนะหรอกค่ะ”

คำพูดของสร้อยบาดใจคุณหญิงมณีถึงกับนิ่งอึ้งไปครู่หนึ่งก่อนถามว่า “แล้วแกจะทำยังไง”

“พอไอ้แสงมันค่อยยังชั่ว สร้อยจะให้มันหนีค่ะคุณหญิง หนีไปที่ไหนก็ได้ในโลกนี้ แม้จะไม่ได้เจอหน้ากันอีก แต่ก็ยังดีกว่าต้องทนนั่งดูมันถูกโทษประหารหรอกค่ะ”

“งั้นฉันจะให้เงินแกเอาไปให้ไอ้แสงก้อนนึง ให้มันเอาไว้ใช้สำหรับหนี”

“สร้อยจะไม่ลืมบุญคุณครั้งนี้ของคุณหญิงเลยค่ะ”

“ไปนอนเถอะสร้อย”

สร้อยปาดน้ำตาแล้วกลับออกไป คุณหญิงมณีมองตามหน้านิ่ง พึมพำอย่างเห็นแก่ตัว

“ฉันไม่ได้พิศวาสอะไรลูกแกนักหรอกนะนังสร้อย แต่ฉันเห็นแก่ความจงรักภักดีที่แกมีให้กับฉัน แล้วฉันก็ยังต้องใช้แกทำงานสกปรกให้ฉันต่อไป”

ooooooo

สร้อยมาเยี่ยมแสงในเช้าวันถัดมา แสงรู้สึกตัวแต่จำไม่ได้ว่าเกิดอะไรขึ้นกับตน แต่เมื่อสร้อยบอกเล่าให้ฟังแล้วแสงคิดทบทวนตาม ก็ยืนยันได้ว่ากำพลไม่ได้ยิงตน

“แต่ตำรวจเขาพบปืนในมือคุณกำพล แล้วในกระเป๋ากางเกงแกก็มีของมีค่าของคุณกำพลหลายอย่าง ตำรวจเขาก็เลยสันนิษฐานว่าแกเข้าบ่อนจนหมดตัว เลยกลับไปขโมยของของคุณกำพล แล้วก็เลยมีเรื่องกัน คุณกำพลยิงแก ส่วนแกก็แทงเขาตาย”

“ไม่ใช่นะแม่ ตอนที่ฉันเข้าไปในห้องของคุณกำพลน่ะ ฉันก็เห็นคุณกำพลนอนตายอยู่แล้ว ฉันไม่ได้ทำอะไรเขาเลยนะ”

“แต่หลักฐานมันมัดตัวแกแน่นหนาเหลือเกินนะไอ้แสง ท่าจะดิ้นหลุดยาก เห็นเขาว่าฆ่าคนตายอย่างงี้ไม่ติดคุกตลอดชีวิต ก็ต้องโดนโทษประหาร”

“โทษประหาร!!”

“ถึงแกจะไม่โดนโทษประหาร แต่พ่อของคุณกำพลก็คงจะไม่เอาแกไว้แน่ แกก็รู้ว่าคุณสมพลน่ะมีอิทธิพลมากขนาดไหน แกไม่รอดแน่”

“แม่...แล้วฉันควรจะทำยังไงดีล่ะ”

สร้อยเหลียวไปดูที่ประตูห้อง เห็นปลอดคนจึงหยิบเงินที่คุณหญิงมณีให้มายัดใส่มือแสง

“แกต้องหนีไอ้แสง หนีไปไหนก็ได้ แต่ต้องไปให้ไกลที่สุดแล้วต้องไม่กลับมาที่พระนครนี่อีก ได้ยินมั้ย”

จากนั้นสร้อยก็วางแผนว่าตัวเองปวดท้องรุนแรงเพื่อเปิดทางในช่วงเวลาชุลมุนให้แสงหลบหนีออกไป แต่แสงก็เกือบไม่รอดเพราะถูกเพชรกับลูกน้องสกัด เขาต้องคว้าผู้หญิงคนหนึ่งมาเป็นตัวประกัน พร้อมกันนั้นไอศูรย์ก็ไม่ยอมให้เพชรยิงแสงด้วย ทำให้แสงหลุดรอดไปได้อย่างหวุดหวิด

“พี่ต้นห้ามไม่ให้ผมยิงมันทำไม นายแสงมันเลยหนีไปได้เลยเห็นมั้ย ผมตั้งข้อหาขัดขวางการปฏิบัติงานของเจ้าหน้าที่กับพี่ต้นได้นะครับ”

“เพชรจะจับพี่ก็จับไปเลย แต่ที่นี่คือโรงพยาบาล เป็นที่ที่ช่วยชีวิตคน ไม่ใช่ที่ฆ่าคน และพี่เป็นเจ้าของที่นี่ พี่ไม่มีวันยอมให้ใครมาฆ่าใครต่อหน้าต่อตาพี่ได้หรอก”

เพชรเจ็บใจ เตะลมแล้งระบายอารมณ์ พอหันไปเห็นสร้อยก็ชี้หน้าเธอทันที

“ป้าช่วยให้ลูกชายป้าหนีไปใช่ไหม ป้ารู้ไหมว่าป้าก็มีความผิดเหมือนกัน”

สร้อยเมินเฉยอย่างไม่ยี่หระ ทำให้เพชรยิ่งฮึดฮัดโมโห ควบคุมตัวสร้อยไปโรงพัก เดือดร้อน

นายพลเทพต้องมาประกันตัวพากลับบ้าน

“ความจริงฉันไม่น่าต้องเสียเวลาไปประกันตัวสร้อยออกมาเลย ไอ้แสงมันผิดจริง มันก็ควรจะต้องรับโทษ สร้อยไปช่วยมันอย่างงั้น เท่ากับส่งเสริมมันในทางที่ผิดมากขึ้นไปอีกรู้ไหม”

“ไม่มีแม่คนไหนหรอกค่ะที่จะไม่ช่วยลูก ถ้ารู้ว่าลูกกำลังจะต้องพบกับหายนะของชีวิต ถ้าคุณเสียดายเงินที่ประกันตัวสร้อยไป ฉันจะจ่ายคืนให้คุณเอง”

“ไม่ต้องหรอกคุณหญิง ยังไงสร้อยมันก็คนเก่าคนแก่ของคุณ ก็เหมือนเป็นคนของผมเหมือนกัน แต่หลังจากนี้...ถ้าไอ้แสงมันไปก่อเรื่องที่ไหนขึ้นมาอีก เราคงช่วยอะไรมันไม่ได้แล้ว”

สร้อยฟังแล้วกลุ้มใจ แต่บุปผาลอบยิ้มชอบใจ ลุกออกไปยืนพึมพำงึมงำอย่างสะใจ

“ทั้งเจ็บทั้งต้องหนีตำรวจหัวซุกหัวซุนอย่างนั้น ไอ้แสงมันคงรอดยากหรอก ดีไม่ดีจะโดนตำรวจยิงตายเสียก็ไม่รู้ แล้วศัตรูในชีวิตของฉันก็ลดลงไป
อีกหนึ่งคน”

ooooooo

เช้านี้เพชรมารับพลอยกลับบ้านโดยมีไอ-ศูรย์ตามออกมาส่งด้วย แต่สองพี่น้องไม่ทันขึ้นรถ พยาบาลก็มาบอกไอศูรย์ว่าตาเถารู้สึกตัวแล้ว เพชรจึงกลับเข้าไปพร้อมไอศูรย์ และคาดคั้นตาเถาว่ารู้จักใครที่บ้านเทพบริบาล ถึงได้มีเบอร์โทรศัพท์บ้านนั้นอยู่ในย่าม

ตาเถานิ่งเงียบไม่ยอมพูด เพชรเข้ามาเขย่าร่างแกด้วยความโมโห

“ฉันรู้ว่านายเถาทดลองยาบางอย่างกับนายหลงนั่น มันถึงท่าทางไม่เต็มบาทอย่างนั้น แต่ฉันอยากรู้ว่านายเถาทำยาอะไร แล้วใช้ยานั่นกับใครบ้าง นายเถาก็รู้ตัวเองดีนี่ว่าอาจจะไม่รอด เพราะฉะนั้นนายเถาควรจะใช้โอกาสนี้บอกความจริงกับฉัน เพื่อเป็นการไถ่บาปกับเรื่องเลวร้ายที่เคยทำมา บอกฉันมา...นายเถาติดต่อกับใครที่บ้านเทพบริบาล”

“นัง...สร้อย” ตาเถายอมเปิดปาก

“สร้อย...คนสนิทของคุณหญิงมณีน่ะเหรอ นายเถารู้จักกับป้าสร้อยได้ยังไง”

“มันมาซื้อยาไปให้...คุณหญิง”

เพชรตกใจมาก ซักไซ้จนได้ความว่าคุณหญิงต้องซื้อยาที่กินแล้วเป็นหมันเพื่อนำไปให้นายพลเทพกินเพราะไม่ต้องการให้เขามีลูกกับใครอีก

ตอบเสร็จ ตาเถาก็มีอาการสะอึก ร่างกระตุก ตาเหลือก เพชรเลิ่กลั่กทำอะไรไม่ถูก ทันใดไอศูรย์วิ่งเข้ามาบอกให้เขาหลีกไปก่อน ตาเถาอาการวิกฤติ...
แล้วหมอก็พยายามช่วยอย่างสุดความสามารถ แต่ก็ไม่อาจยื้อชีวิตตาเถาเอาไว้ได้...

ตกเย็น ไอศูรย์ไปกินข้าวกับมัทนาและครอบครัวของเธอที่บ้านและเล่าเรื่องตาเถาให้ทุกคนฟังอย่างหดหู่ใจ นายพลเทพฟังแล้วก็อดถอนใจกับชะตากรรมของคนชั่วไม่ได้

“นายเถาเป็นหมอทำคุณไสย ทำแต่เรื่องเลวร้ายกับผู้คนมามาก ถึงต้องมาตายอนาถอย่างนี้”

บุปผา คุณหญิงมณี และสร้อยก้มหน้างุด เพราะต่างก็มีความลับเรื่องตาเถาด้วยกันทั้งนั้น

“แต่ยังไงมัทก็สงสารแกนะคะ โดนน้ำมันเดือดๆลวกเอาทั้งตัวอย่างนั้นคงเจ็บมากทีเดียว...

ที่แกเคยทำร้ายมัท มัทจะอโหสิกรรมให้แกค่ะ”

“ลูกพ่อเป็นคนดีจริงๆ”

มัทนายิ้มบางๆ แล้วหันไปทางน้องสาวต่างมารดา “บุปผาก็อโหสิกรรมให้ตาเถาด้วยนะ แกจะได้ไปดี”

“ค่ะพี่มัท บุปผาอโหสิกรรมให้แกค่ะ” บุปผาสร้างภาพแสนดี พลางส่งยิ้มหวานให้ไอศูรย์ ในขณะที่คุณหญิงมณีกับสร้อยเหลือบตามองกันอย่างร้อนๆ หนาวๆ

ooooooo

แสงหนีไปได้ก็จริง แต่ตอนชุลมุนเขาทำเงินที่สร้อยให้มาหล่นหายจึงหมดหนทางจะหลบหนีต่อไป แถมตัวเองก็ยังบาดเจ็บหนำซ้ำยังถูกตำรวจตามล่าอีกด้วย

“ไอ้แสงมันเจ็บอย่างนั้น มันจะหนีไปไหนได้ไกล ฉันว่ามันยังอยู่ในพระนครนี่แหละ”

“แต่ถ้ามันยังอยู่ในพระนครนี่ก็บ้าแล้ว แกไม่ได้ยินที่ชาวบ้านเขาพูดกันหรอกรึ ว่านายสมพลพ่อของคุณกำพลน่ะให้ลูกน้องออกตามล่าอีกทาง ตั้งค่าหัวมันเสียสูงลิบ เขาว่าท่านอยากให้ไอ้แสงตายตกไปตามกัน”

“งั้นก็เร่งหาตัวมันให้เจอก่อนคนของนายสมพลเถอะ”

สองนายตำรวจสนทนากันโดยไม่รู้ว่าแสงซ่อนตัวอยู่มุมหนึ่งใกล้ๆ และได้ยินทุกคำพูดของพวกเขา

“เราอยู่ในพระนครนี่ต่อไปไม่ได้แล้ว ต้องหนีไปให้ไกล แต่จะหนียังไงล่ะ ในเมื่อไม่มีเงินติดตัวสักบาทเดียว”

แสงพูดกับตัวเองแล้วครุ่นคิดหาทางออก...

ที่สุดก็ตัดสินใจเข้าไปที่หอโคมแดง โดยปีนเข้าห้องผกาหวังฉกฉวยเงินทองเท่าที่พอมี ปรากฏว่าได้มากเกินคาด ผกาเพิ่งเอาเงินที่ได้จากนายพลเทพมาใส่ซองแบ่งไว้สำหรับให้เด็กในสังกัดไปเริ่มต้นชีวิตใหม่

ผการ้องเอะอะโวยวายเมื่อเข้ามาเห็นแสงกำลังปีนหน้าต่างกลับลงไป ครั้นพบว่าซองเงินหายไปทั้งหมดก็แทบล้มทั้งยืน คนอื่นๆตกใจวิ่งกรูขึ้นมา แต่ก็ตามแสงไม่ทันแล้ว...

หลังจากสอบถามกันจนรู้ว่าแสงขโมยเงินผกาไปจำนวนมาก ทุกคนต่างพากันแปลกใจว่าผกาเอาเงินนั้นมาจากไหน

“แม่จะไปเอามาจากไหน พวกแกไม่ต้องรู้หรอก แต่เงินนั่นเป็นเงินของเราทุกคน”

“เงินของเราทุกคน...แม่หมายความว่ายังไงจ๊ะ”

“แม่แบ่งเงินให้ทุกคน คนละเท่าๆกัน คนละหนึ่งหมื่น”

“หมื่นนึง!” ทุกคนประสานเสียงโดยพร้อมเพรียง

“ใช่ เพราะแม่ตัดสินใจแล้วว่าจะเลิกกิจการหอโคมแดงนี่ แล้วก็จะไปเริ่มต้นชีวิตใหม่ ทำอาชีพสุจริตอย่างคนอื่นเขาเสียที แล้วแม่ก็อยากให้พวกเราทุกคนได้เริ่มต้นชีวิตใหม่เหมือนกัน พอกันทีกับอาชีพที่ผู้คนเขารังเกียจเดียดฉันท์ แต่สุดท้าย...”

ผกาพูดไม่ออก ร้องไห้โฮออกมาอย่างสุดกลั้น...

ooooooo

เวลาเดียวกันนั้น สร้อยนั่งร้องไห้อยู่ต่อหน้าคุณหญิงมณี รำพึงรำพันด้วยความเป็นห่วงลูกชาย

“สร้อยเป็นห่วงไอ้แสงมันจริงๆค่ะคุณหญิง

ไม่รู้ป่านนี้มันหนีไปถึงไหนแล้ว ตอนที่มันหนีตำรวจที่โรงพยาบาลมันก็ทำเงินตกทิ้งไว้ มันเลยไม่มีเงินติดตัวไปสักบาท...สาธุ ขอให้มันหนีไปได้ตลอดรอดฝั่งทีเถอะ”

“ฉันก็หวังว่าอย่างนั้นนะสร้อย สร้อยมีอะไรก็ไปทำเถอะ”

สร้อยเดินเช็ดน้ำตาออกไปโดยไม่เห็นบุปผาเดินเข้ามาจากอีกทาง หลังแอบฟังนายกับบ่าวคุยกันตั้งแต่ต้น

“สมน้ำหน้าไอ้แสงมัน” บุปผาพูดลอยๆ

คุณหญิงมณีหันขวับไปจ้องบุปผาอย่างจงเกลียด จงชัง “แกว่าอะไรนะนังบุปผา”

“บุปผาพูดว่าสมน้ำหน้าค่ะคุณหญิงแม่ สมน้ำหน้าที่ไอ้แสงมันต้องหนีตำรวจหัวซุกหัวซุนเพราะความเลวของมันเอง แต่ที่ไอ้แสงมันเลวก็เพราะมันมีแม่เลว และแม่มันเลวก็เพราะว่าแม่มันมีนายที่เลว”

“อีบุปผา!” คุณหญิงมณีโกรธมากเงื้อมือจะตบ แต่ต้องชะงักเมื่อบุปผาเชิดหน้าใส่อย่างไม่เกรงกลัว

“ตบบุปผาเลยสิคะคุณหญิง แล้วจะได้รู้กันว่า...ถ้าคุณหญิงตบบุปผาแล้วคุณพ่อจะว่ายังไง

แล้วบุปผาก็อยากรู้จริงๆเลยว่า...ถ้าคุณพ่อได้รู้ความจริงว่าแม่อุ่นของบุปผาตายยังไง จะเกิดอะไรขึ้นในบ้านนี้”

คุณหญิงมณีตัวชาวาบ กระชากเสียงดุดัน “แกพูดอะไรของแก นังบุปผา”

“ทำไมคุณหญิงจะต้องถาม ในเมื่อความจริงเรื่องนี้คุณหญิงน่าจะรู้ดีอยู่แก่ใจตัวเองอยู่แล้ว”

“ฉันรู้อะไร”

“ก็รู้ว่าแม่อุ่นตายเพราะคำสั่งของใคร”

“ฉันไม่รู้ และไม่คิดอยากจะรู้ด้วย ฉันไม่ควรจะพูดกับแกให้เป็นเสนียดปากเลย”

พูดจบคุณหญิงมณีก็ผลุนผลันจากไปทันที

ทิ้งบุปผายืนเข่นเขี้ยวเคี้ยวฟันด้วยความแค้น

“แค่พูดดักคอแกก็ออกอาการเสียแล้ว ในเมื่อแกฆ่าแม่ฉัน แกกับนังสร้อยต้องไม่ได้ตายดีแน่”

ส่วนคุณหญิงมณีที่กลับเข้าห้องนอนก็ขบคิดอย่างเคร่งเครียดด้วยความระแวงคลางแคลงใจ

“มันพูดเหมือนมันรู้ว่าเราส่งนังสร้อยไปฆ่านังอุ่นยังงั้นแหละ...ไม่ว่าแกจะรู้จริงหรือไม่จริง ฉันก็เห็นจะเก็บแกเอาไว้ไม่ได้เสียแล้วอีบุปผา!”

ooooooo

อ่านละคร ไฟหวน ตอนที่ 13 วันที่ 14 มิ.ย. 56

ละครเรื่อง ไฟหวน บทประพันธ์โดย ฐา-นวดี สถิตยุทธการ
ละครเรื่อง ไฟหวน บทโทรทัศน์โดย ฐา-นวดี สถิตยุทธการ
ละครเรื่อง ไฟหวน กำกับการแสดงโดย มารุต สาโรวาท
ละครเรื่อง ไฟหวน ผลิตโดย บริษัท มาสเคอเรด จำกัด โดย มารุต สาโรวาท
ละครเรื่อง ไฟหวน เป็นละครแนว ดราม่าเข้มข้น
ละครเรื่อง ไฟหวน ออกอากาศทุกวันศุกร์ - เสาร์ - อาทิตย์ เวลา 20.25 น. ทางช่อง 7 สี
ที่มา ไทยรัฐ