อ่านละคร โดมทอง ตอนที่ 1 วันที่ 4 มิ.ย. 56


อ่านละคร โดมทอง ตอนที่ 1 วันที่ 4 มิ.ย. 56

จันทร์เต็มดวงสวยเมื่อครู่เปลี่ยนเป็นดวงจันทร์สีเลือดเมื่อเมฆทะมึนมองคล้ายปีศาจลอยผ่าน คฤหาสน์โดมทองที่อาบด้วยแสงจันทร์สีเลือดยิ่งทำให้ดูลึกลับน่ากลัว ประตูหน้าต่างที่ปิดสนิทเสมือนที่แห่งนี้ร้างผู้คน

ห่างออกมาไม่ไกลนัก ภายในโรงเก็บม้าร้างกลับมีเสียงดังกุกกักขึ้น หมอกค่อยๆเคลื่อนเข้ามาปกคลุมโดยรอบ บรรยากาศวังเวงชวนขนหัวลุก ทันใดนั้น ประตูโรงเก็บม้าก็เปิดออก ชายในชุดเสื้อคลุมสีดำ สวมหมวกหลุมต่ำบังคับรถม้าแล่นฝ่าหมอกตรงไปยังคฤหาสน์ซึ่งตอนนี้ห้องบนยอดโดมค่อยๆสว่างขึ้นด้วยแสงเทียนราวกับมีคนจุด พร้อมกับเสียงบรรเลงดนตรีไทยดังขึ้นอย่างเศร้าสร้อย มาจากที่ไหนสักแห่งในคฤหาสน์


รถม้าเคลื่อนมาหยุดใต้ห้องนั้น คนขับค่อยๆเงยหน้าขึ้นไปมอง ก่อนจะทันเห็นใบหน้าชายลึกลับ เมฆดำกลุ่มใหญ่เคลื่อนมาบดบังแสงจันทร์อีกครั้ง ทำให้ทุกอย่างมืดมิด...

ท่านผู้หญิงสรรักษ์ไกรณรงค์ประมุขของคฤหาสน์โดมทองกำลังนอนหลับสนิทอยู่ในห้อง สะดุ้งตื่นเมื่อได้ยินเสียงเหมือนใครบางคนเดินลากโซ่ตรวนลงบันไดมา เสียงบรรเลงดนตรีไทยชวนขนหัวลุกยังคงดังฝ่าความเงียบสงัด ท่านผู้หญิงสีหน้าตื่นตระหนก พึมพำด้วยเสียงแหบแห้ง

“นังพลับพลึง”

เสียงเดินลากโซ่ตรวนใกล้เข้ามาทุกที ประตูเหล็กกั้นทางลงจากยอดโดมซึ่งคล้องไว้ด้วยโซ่เส้นใหญ่เกรอะไปด้วยสนิมสภาพไม่ต่างจากกุญแจที่ล็อกมันอยู่หลุดออกเหมือนมีมือที่มองไม่เห็นมาไข จากนั้นเสียงลากโซ่ตรวนเดินมาหยุดหน้าห้องท่านผู้หญิงสรรักษ์ซึ่งเอามือกุมสร้อยพระเครื่องที่ห้อยคอไว้แน่น จากความกลัวเปลี่ยนเป็นบ้าบิ่น ตะโกนท้าทายพลับพลึงให้เข้ามาหาอย่างไม่เกรงกลัว ประตูเปิดผลัวะราวกับจะรับคำท้า

หมอกควันที่ปกคลุมโดยรอบค่อยๆจางลงเผยให้เห็นเจ้าของเสียงเดินลากโซ่ตรวน ท่านผู้หญิงสรรักษ์กรีดร้องด้วยความตกใจสุดขีดเมื่อเห็นร่างที่เหลือแต่กระดูก ทัดดอกพลับพลึง ท่านสะดุ้งสุดตัว ลุกพรวดเหลียวมองไปรอบๆถึงได้รู้ว่าเป็นเพียงความฝัน แต่แล้วกลับมีเสียงฝีเท้าม้าดังกุกกักอยู่นอกคฤหาสน์

“มาหากันรึ ตราบใดที่ฉันยังมีชีวิตอยู่พวกแกจะไม่มีวันได้พบกัน” ท่านผู้หญิงขบกรามแน่นอย่างแค้นใจ

ooooooo

ณ คฤหาสน์โดมทองในปัจจุบัน...

อดิศวร์หรือคุณลบหลานย่าของท่านผู้หญิงสรรักษ์ กำลังโทร.บอกสุรภีซึ่งเกี่ยวดองเป็นอาหลานกันว่าอยากได้คนดูแลคุณย่าคนใหม่แทนคนเก่าที่เพิ่งถูกท่านไล่ตะเพิดไปเมื่อวาน สุรภีขอให้เขาช่วยพูดกับท่านให้ใจเย็นลงหน่อย อย่าดุด่าว่ากล่าวคนดูแลมากนัก คนที่แล้วเป็นพยาบาลเอาอกเอาใจเก่งมากน่าเสียดายที่โดนไล่

“ผมรับรองว่าคนใหม่นี่ผมจะดูแลเองจะไม่ให้เสียชื่อคุณอาเลยครับ”

สุรภีไม่ได้กลัวเสียชื่อ แต่ห่วงอดิศวร์จะเดือดร้อนต้องคอยหาคนดูแลคุณย่าเรื่อยๆไปไม่จบไม่สิ้น...

หลังวางสายจากสุรภี อดิศวร์แวะมาหาคุณย่าของเขาที่ห้องนอน ท่านหญิงสรรักษ์ไล่อุษาที่มาคอยดูแลแทนชั่วคราวให้ออกไปนอกห้องก่อน แล้วหันไปบ่นให้หลานชายว่าไม่อยากหลับอยากนอนอีกต่อไป พอจะเคลิ้มเมื่อไหร่ นังพลับพลึงต้องมาหาเธอทุกครั้งไม่ว่ากลางวันหรือกลางคืน ไม่รู้จักไปผุดไปเกิดเสียที

“คุณย่าอาจจะพะวงถึงแต่คุณย่าน้อย ไม่ใช่ความผิดของคุณย่าหรอกครับที่คุณน้อยหนีไป อีกอย่างหนึ่งเรื่องมันก็ผ่านมานานแล้ว ถ้าคุณย่าน้อยยังมีชีวิตอยู่ สักวันหนึ่งท่านก็คงจะกลับมา”

ท่านผู้หญิงสรรักษ์สะดุ้งเฮือก โบกไม้โบกมือร้องห้ามเสียงหลงว่าอย่าให้พลับพลึงกลับมา เธอตายไปแล้ว กำชับอดิศวร์ต้องคอยดูอย่าให้นังนั่นกลับมาเด็ดขาด เธอจะมาแก้แค้นตน ชายหนุ่มเข้าไปกอดปลอบใจว่าไม่มีใครเกลียดคุณย่า ทุกคนรักท่านทั้งนั้น

“นังพลับพลึงเกลียดย่า เจ้าคุณปู่ของลบก็เกลียดย่า ท่านไม่ยอมพูดกับย่าเลยจนตายจาก...ไอ้พวกทรยศเนรคุณเลี้ยงไม่เชื่อง ย่าขอสาปแช่งพวกมันให้ตกนรกหมกไหม้อย่าได้ผุดได้เกิด” ท่านผู้หญิงสรรักษ์สะอื้นจนตัวโยน อดิศวร์ลูบหน้าลูบหลังปลอบใจราวกับท่านเป็นเด็กๆ...

ที่หน้าห้องนอนของท่านผู้หญิงสรรักษ์ ระหว่างที่แสงแขกำลังคุยกับอุษาด้วยสีหน้าเคร่งเครียด แต่พอเห็นอดิศวร์ออกมาจากห้องเท่านั้น รีบปรับสีหน้าเป็นกังวลถามว่าคุณย่าเป็นอย่างไรบ้าง เธอมัวแต่ไปตัดดอกไม้มาจัดแจกันเพิ่งรู้ข่าวตกใจมาก เขาตอบอย่างขอไปทีว่าท่านก็เป็นเหมือนเคยๆ นี่เพิ่งจะหลับไป แล้วหันไปสั่งอุษาว่าตอนที่เขาไม่อยู่ ให้ช่วยดูแลคุณย่าให้ดีด้วย อุษายังไม่ทันจะว่าอะไร แสงแขชิงพูดขึ้นเสียก่อน

“คุณลบไม่ต้องห่วงเลยค่ะ แขจะคอยดูแลท่านเป็นอย่างดีที่สุด ให้สมกับที่คุณลบไว้วางใจ” แสงแขมองตาม

อดิศวร์ที่เดินจากไปด้วยความรักและเทิดทูน อุษาเห็นสายตาน้องสาวแล้วส่ายหน้าหนักใจ...

ทางด้านอดิศวร์ยังคาใจกับสิ่งที่คุณย่าพูดถึง

คุณย่าน้อยและเจ้าพระยาสรรักษ์ไกรณรงค์ คุณปู่ของเขา พลันเหตุการณ์เมื่อครั้งที่เขาพาคุณย่านั่งรถเข็นไปยังทุ่งพลับพลึงหลังคฤหาสน์โดมทองผุดขึ้นมาในความคิดของ

อดิศวร์ ตอนนั้น ท่านร่ำร้องให้เขาพากลับไม่เห็นทุ่งพลับพลึง หาว่าเป็นทุ่งดอกไม้ผีสิง กำจัดอย่างไรก็ไม่ตายเขาจึงต้องเข็นรถเข็นกลับ พอผ่านต้นมณฑาซึ่งกำลังออกดอก ท่านสั่งหลานชายให้แวะเก็บดอกมณฑาให้

“คุณปู่ปลูกให้คุณย่าใช่ไหมครับ...แสดงว่าท่านก็รักคุณย่ามาก”

ท่านผู้หญิงสรรักษ์หรือชื่อเดิมว่ามณฑาไม่ตอบ มองหน้าอดิศวร์แล้วบ่นพึมพำว่าเขาหน้าตาเหมือนคุณปู่มาก ชายหนุ่มสงสัยทำไมในบ้านไม่มีรูปคุณปู่แม้แต่รูปเดียว เขาจะได้เห็นว่าเหมือนท่านมากขนาดไหน ท่านผู้หญิงสรรักษ์บอกให้หลานชายส่องกระจกดูก็จะเห็นเอง อดิศวร์ประหลาดใจทำไมถึงเหมือนกันมากขนาดนั้น

ooooooo

หลายวันถัดมา อดิศวร์ต้องเข้ามาทำธุระหลายอย่าง ที่กรุงเทพฯ และหนึ่งในนั้นคือนัดกินอาหารกับเพื่อนๆที่ร้านหรูแห่งหนึ่ง ซึ่งทำให้เขาได้พบกับวิรงรองที่มากิน ข้าวกับอนิรุทธิ์เพื่อนสนิทของเธอเป็นครั้งแรก อดิศวร์สะดุดตาในความสวยน่ารักสดใสและมีชีวิตชีวาของเธอ

แต่แล้วความสวยถูกใจกลับแปรเปลี่ยนเป็นดูถูกหยามเหยียดเมื่อพิชญ์ชายหนุ่มอีกคนตามเข้ามาในร้าน เห็นวิรงรองแฟนของตัวเองกำลังหัวเราะหัวใคร่อยู่กับอนิรุทธิ์ จึงเกิดหึงหวงขึ้นมาจนมีเรื่องชกต่อยกัน วิรงรองอับอายมากเดินก้มหน้างุดๆออกจากร้าน เรียกแท็กซี่แล้วขึ้นรถหนีไปทันที พิชญ์วิ่งตามมาเรียกแต่ไม่ทัน หันไปเห็นอนิรุทธิ์ตามมาข้างหลังจัดแจงจะเข้าไปเอาเรื่องอีกแต่ต้องแปลกใจเมื่อได้ยินสิ่งที่เขาพูด

“ตามไปง้อเธอสิ...ผมเป็นเพื่อนของเธอจริงๆอยากจะเปลี่ยนฐานะเหมือนกันแต่วิรงรองจิตใจมั่นคงแน่วแน่ แล้วที่เธอมากินข้าวกับผมวันนี้ก็เพราะจะปรึกษาเรื่องที่คนรักของเธอเปลี่ยนไป...คุณเป็นผู้ชายที่โชคดีที่สุดนะคุณพิชญ์เสียอย่างเดียว งี่เง่า” อนิรุทธิ์ด่าจบผละจากไป ทิ้งพิชญ์ให้ยืนทอดถอนใจเพียงลำพัง...

ไม่นานนัก พิชญ์ตามมาง้อวิรงรองถึงบ้าน ปรางแม่ของเธอให้เด็กรับใช้ขึ้นไปตาม แต่วิรงรองไม่ยอมลงมาพบเขา ปรางอาสาจะไปตามให้ และหว่านล้อมจนลูกสาวยอมลงมาพูดคุยด้วย

พิชญ์พยายามง้อวิรงรองหรือที่เขามักจะเรียกว่าพลับพลึง ขอโทษเรื่องที่ร้านอาหาร เขาผิดเองเพราะพักนี้มีแต่เรื่องทำให้หงุดหงิดไม่สบายใจ วิรงรองอยากช่วยแบ่งเบาถามว่ามีเรื่องอะไร เธอพอจะช่วยได้ไหม

“ผมไม่อยากให้พลับพลึงไม่สบายใจไปด้วย เอาเป็นว่าผมกำลังพยายามแก้ปัญหาอยู่ก็แล้วกัน” พิชญ์เห็นวิรงรองยังมึนตึง ตัดสินใจหยิบแหวนเพชรน้ำงามออกมาจากกระเป๋า คุยว่าแม้เม็ดจะเล็กแต่ก็ซื้อมันมาด้วยน้ำพักน้ำแรงตัวเอง แล้วคว้ามือซ้ายวิรงรองขึ้นมาจะสวมแหวนที่นิ้วนางให้ เธอกลับยื่นมือข้างขวาให้แทน

“ข้างนี้ดีกว่านะคะ เอาไว้ให้พิชญ์พูดกับคุณแม่ของพลับพลึงเป็นทางการก่อน แล้วค่อยเปลี่ยนเป็นข้างซ้าย”

พิชญ์หน้าเสียเล็กน้อยก่อนจะพยักหน้ารับคำ ขณะจะสวมแหวนให้วิรงรอง ต้องชะงักเมื่อมีเสียงกระแอมของปรางดังขึ้น หญิงสาวรีบชักมือกลับ หันไปอธิบายกับแม่อย่างเขินๆ ว่าพิชญ์ซื้อแหวนมาให้เธอ

“ดีจ้ะ แต่ของอย่างนี้ต้องให้ผู้ใหญ่รับรู้ทั้งสองฝ่ายก่อน จะมามุบมิบให้กันสองคนไม่ได้ คนไทยเราถือจ้ะ ต่อให้สมัยใหม่แค่ไหนก็ต้องให้เกียรติผู้ใหญ่ทั้งสองฝ่ายและให้เกียรติคนที่เรารักด้วย”

ชายหนุ่มหน้าเจื่อนรีบยกมือไหว้ขอโทษปราง วิรงรองแก้ตัวแทนคนรักว่า เขาแค่จะสวมแหวนที่มือขวาไม่ใช่มือซ้าย ปรางยืนยันจะสวมมือไหนก็เหมือนกัน นอกจากพิชญ์จะสวมให้เล่นๆไม่ได้มีความหมายอะไร

“ไม่ใช่อย่างนั้นแน่นอนใช่ไหมคะพิชญ์” วิรงรองมองหน้าชายคนรัก เขากลับอึกอักมีพิรุธ ปรางเหมือนจะรู้ทัน บอกให้ทั้งคู่คุยกันให้รู้เรื่องก่อนแล้วขอตัวออกมา วิรงรองคาดคั้นให้เขาบอกมาว่ามีเรื่องอะไรกันแน่

“คุณแม่ท่านหมั้นผู้หญิงไว้ให้ผมแล้ว ท่านเพิ่งบอกผมตอนไปรับที่สนามบิน คงคิดว่าจะเซอร์ไพรส์ผม แต่...” พิชญ์จำต้องหยุดพูดเมื่อเห็นท่าทีตกตะลึงของหญิงคนรัก...

ฝ่ายอดิศวร์ถือโอกาสเข้ากรุงเทพฯแวะมาเยี่ยมคุณหญิงที่วัชรีที่บ้าน กลับพบแต่พิณทองหลานสาว ซึ่งชวนเขาอยู่กินข้าวเย็นด้วยกัน จะได้แนะนำให้รู้จักกับคนพิเศษของเธอ เราสองคนรู้จักกันมาตั้งแต่เด็ก เขาเป็นลูกชายของเพื่อนคุณแม่ เพิ่งกลับจากอเมริกาเมื่อวันก่อน แล้วถามอดิศวร์อย่างเขินอายว่า จะเร็วไปไหมถ้าเธอจะรับหมั้นคนพิเศษคนนั้น อดิศวร์แปลกใจ ไหนว่ารู้จักกันมานานแล้ว พิณทองยืนยันว่ารู้จักมานานจริงๆ แต่เขาไปเรียนต่อเมืองนอกก็เลยไม่ค่อยได้เจอกัน ทั้งแม่ของเธอและแม่ของเขาต่างสนับสนุนให้เราสองคนหมั้นกัน

“แล้วคุณพิณคิดว่ายังไงล่ะ” อดิศวร์เห็นหลานรักยิ้มเขินๆ เดาได้ไม่ยากว่าเธอชอบผู้ชายคนนี้ “น้าลบชักอยากจะเห็นหน้าคุณ...อะไรนะ”

“พิชญ์ค่ะ...เขาชื่อพิชญ์”

ooooooo

วิรงรองไม่อยากมีปัญหาตัดสินใจตัดสัมพันธ์กับพิชญ์ แต่เขาไม่ยอม ขอเวลาสักวันสองวันจะอธิบายให้คุณแม่ของเขาฟังว่าเราสองคนรักกันมากแค่ไหน เธอตัดพ้นว่า ถ้าต้องถึงกับพยายามก็อย่าทำดีกว่า ทำอย่างที่คุณแม่ของเขาต้องการดีที่สุด พิชญ์คลางแคลงใจทำไมเธอทำเหมือนไม่รักเขา หรือเป็นเพราะนายอนิรุทธิ์คนนั้น

“เขาเป็นเพื่อนพลับพลึง อย่าเอาเขาเข้ามาเกี่ยว” วิรงรองเหนื่อยใจที่เขาพาลหาเรื่องคนอื่น

พิชญ์รู้สึกตัวรีบเปลี่ยนท่าที “ผมจะพูดกับคุณแม่ รอผมนะพลับพลึง ผมจะบอกคุณแม่ว่าผมมีคนที่ผมมีคนที่ผมรักแล้ว คุณแม่ต้องเห็นใจเรา ผมมั่นใจ...พรุ่งนี้ผมจะมาหาแต่เช้าพร้อมกับข่าวดี”

วิรงรองมองคนรักขับรถจากไปด้วยสีหน้าเปี่ยมไปด้วยความหวัง...

ครู่ต่อมา พิชญ์มาถึงบ้านพิณทองตามนัด อดิศวร์เปลี่ยนสีหน้าเป็นเคร่งขรึมทันทีที่เห็นหน้าเขาเพราะจำเหตุการณ์หึงหวงในร้านอาหารเมื่อตอนกลางวันได้ หมด อารมณ์จะกินข้าวเย็นด้วย ขอตัวกลับ อ้างกับพิณทองเพิ่งนึกขึ้นได้ว่ามีธุระที่อื่นอีกแล้วจะแวะมาหาอีกทีก่อนกลับโดมทอง พิณทองเห็นพิชญ์สีหน้างงๆรีบอธิบาย

“ชื่อบ้านน้าลบค่ะ พิณเคยเห็นแต่ในรูป ยังไม่เคยไปเหมือนกัน แต่รับรองได้ว่าสวยมาก”

พิชญ์รับรู้ถึงท่าทีแปลกๆของอดิศวร์ถึงกับออกปากกับพิณทอง แต่เธอกลับหาว่าเขาคิดมาก...

ทางด้านปรางร้อนใจเรื่องของลูกสาวจึงนัดกับสุรภีให้มาเจอกันที่ร้านกาแฟเจ้าประจำ แล้วเล่าเรื่องวิรงรองกับพิชญ์ให้ฟัง สุรภีเห็นด้วยกับปรางถ้าทั้งคู่แต่งงานกันชีวิตของวิรงรองต้องไม่มีความสุขแน่นอน และเชื่อว่าเจ้าตัวรู้เรื่องนี้ดี

“แต่ถ้านายพิชญ์พยายามง้องอนออดอ้อนทุกวัน แม่หนูต้องใจอ่อนแน่ บอกตามตรงว่าหนูไม่อยากให้ลูกได้ชื่อว่าไปแย่งคู่หมั้นคู่หมายเขา” ปรางพูดจบถอนใจ หนักใจ

“...แม่หนูกับคุณพิชญ์เขารักกันมาก่อนต่างหาก คุณพิชญ์เองก็เป็นคนดี ตอนเขาคบหากันที่อเมริกาก็อยู่ ในสายตาพี่ตลอด แต่ก็นั่นแหละนะ ถ้าพ่อแม่เขาไม่ชอบมันก็มีปัญหา...เอ่อ จริงสิ เอาอย่างนี้ ส่งแกไปอยู่ที่อื่น”

ปรางไม่อยากให้ลูกกลับอเมริกา ไม่อยากให้แกไปไกลๆอย่างนั้นอีกแล้ว ทนคิดถึงไม่ไหว สุรภีจะส่งวิรงรองไปคฤหาสน์โดมทองแทน ไปดูแลญาติผู้ใหญ่ของเธอที่นั่น อย่างน้อยแกก็จะได้อยู่ห่างๆจากพิชญ์แต่ไม่ไกลแม่เกินไป...

วิรงรองทอดถอนใจก้มมองมือตัวเองเมื่อได้ยินข้อเสนอของแม่ ปรางไม่สบายใจนักขอโทษลูกเป็นการใหญ่เพราะคิดว่าแกไม่พอใจที่ตนเอาเรื่องระหว่างแกกับพิชญ์ไปเล่าให้สุรภีฟังโดยไม่ได้บอกกล่าวกันก่อนวิรงรองไม่ถือโทษโกรธอะไร รู้ดีว่าแม่ทำไปเพราะรักและเป็นห่วง ที่สำคัญเธอนับถือป้าสุรภีเสมือนแม่คนหนึ่งเช่นกัน ท่านส่งเสียให้เธอไปเรียนเมืองนอกและดูแลเธอเป็นอย่างดี วิรงรองไตร่ตรองอยู่ครู่หนึ่งก่อนจะให้คำตอบ

“ตกลงค่ะ ญาติผู้ใหญ่ของคุณป้าสุรภีเจ็บหนัก ทำไมหนูจะทดแทนพระคุณด้วยการไปช่วยดูแลให้ไม่ได้อีกอย่างหลบหน้าหลบตาพิชญ์ไปสักพักก็คงจะดีจะได้มีเวลาใคร่ครวญว่าเราสองคนควรทำอย่างไรกันต่อไป”

“ถ้าอย่างนั้น คุณจะโทร.บอกคุณป้าเดี๋ยวนี้เลยนะลูก” ปรางว่าแล้วลุกออกไปด้วยความโล่งใจ

ooooooo

อ่านละคร โดมทอง ตอนที่ 1 วันที่ 4 มิ.ย. 56

ละครเรื่อง โดมทอง บทประพันธ์โดย วราภา
ละครเรื่อง โดมทอง บทโทรทัศน์โดย : ภาวิต
ละครเรื่อง โดมทอง กำกับการแสดงโดย : นนทนันท์ ธัญญาสิริทรัพย์
ละครเรื่อง โดมทอง ควบคุมการผลิตโดย : สยม สังวริบุตร
ละครเรื่อง โดมทอง แนวละคร : ชีวิต ลึกลับ ตื่นเต้น
ละครเรื่อง โดมทอง ออกอากาศทุกวันจันทร์ และวันอังคาร เวลา 20.25 น. ทางช่อง 7 สี
ที่มา ไทยรัฐ