อ่านละคร นักสู้มหากาฬ ตอนที่ 7 วันที่ 29 มิ.ย. 56
หลังจากถูกโซเฟียฉีดยาบางอย่างเข้าที่ต้นคอ ลุงโจถึงกับนอนดิ้นรนทุรนทุรายด่าทอโซเฟียกับชาญที่ยังคาดคั้นจะเอาคำตอบให้ได้ว่าพรายพิฆาตมีแผนอะไร“ไอ้พวกบ้า เอ็งฉีดยาอะไรให้ข้า ไอ้พวกสารเลว ข้าจะฆ่าเอ็ง”
“ฉันจะให้ยาแก้ แต่นายต้องบอกฉันมาก่อนว่าพรายพิฆาตมีแผนอะไร”
สายตาลุงโจถูกหลอนด้วยฤทธิ์ยาจนเห็นหน้าโซเฟียกับชาญบิดเบี้ยวสีสันฉูดฉาดเหมือนปีศาจร้าย
“ไม่ใช่แค่นั้น บอกมาให้หมด พวกมันจะใช้วิธีไหน”
“โทคุดะ...หนึ่งในคณะกรรมาธิการของ CTC หน่วยงานต่อต้านการก่อการร้ายของสหประชาชาติ มิสเตอร์ชิเกโอะ โทคุดะ มันจะมาสังเกตการณ์ที่งานแถลงข่าว พรายพิฆาตหลอกให้มันมาตายที่นี่”
ชาญหันไปสบตากับโซเฟียอย่างตื่นตะลึง!
ขณะเดียวกันที่หน้าพรรคเทิดธรรม นำชัยยังคงแถลงข่าวอย่างต่อเนื่องเกี่ยวกับยาเสพติดตัวใหม่ที่แพร่ ระบาดอยู่่ในเขตกรุงเทพฯและปริมณฑลเท่านั้น ซึ่งแสดงให้เห็นถึงศักยภาพของตำรวจที่สามารถควบคุมสถานการณ์เอาไว้ได้
“ท่านคะ แล้วที่ลือกันว่าพรายพิฆาตอยู่เบื้องหลังยาเสพติดตัวนี้ ท่านมีความคิดเห็นว่ายังไงบ้างคะ”
นำชัยหันมองนักข่าวสาวเจ้าของคำถามก่อนตอบด้วยสีหน้าเรียบนิ่ง “พรายพิฆาตมีจริงรึเปล่าก็ยังไม่รู้ เรื่องนี้ผมไม่ขอออกความเห็น”
“แล้วที่มีข่าวลือว่า ที่ท่านไม่สนใจจะกวาดล้างพรายพิฆาตเพราะพรรคการเมืองของท่านได้รับการสนับสนุนจากพวกมัน ท่านจะว่ายังไงครับ”
“เหลวไหล พรรคเทิดธรรมของผมเป็นพรรคน้ำดี ไม่มีทางแปดเปื้อนกับพวกนอกกฎหมายเด็ดขาด”
นำชัยเริ่มเสียงดังอย่างข่มอารมณ์ไม่อยู่...ระหว่างนั้น หมวดณัฐชา จ่าไมตรี และหมู่ปรีดาเดินเบียดผ่านผู้คนเข้ามาในงานและเห็นผู้กองราเมศยืนอยู่กับชายชาวญี่ปุ่นคุ้นหน้าแต่ไม่รู้ว่าเขาเป็นใคร
ขณะที่บรรยากาศในงานเริ่มคึกคักเข้มข้นเพราะนักข่าวต่างยิงคำถามใส่นำชัยไม่หยุดหย่อน ด้านนอกมีสาวกของพรายพิฆาตนำระเบิดมาป่วน เสียงตูมตามของระเบิดประสานกับเสียงเชิดชูพรายพิฆาตจงเจริญทำให้ผู้คนในงานแตกตื่นตกใจ ราเมศสั่งกรณ์รีบพาท่านนำชัยหลบไปข้างใน ส่วนโทคุดะให้ตามตนมา แล้วเหลือบเห็นณัฐชา ถามเธอว่ามาได้ยังไง
“อย่าเพิ่งถามเลยค่ะ รีบคุ้มกันท่านนำชัยเข้าไปก่อน ทางนี้ฉันจัดการเอง”
ราเมศพยักหน้าแล้วหันไปสั่งจ่าไมตรีกับหมู่ปรีดาช่วยหมวดณัฐชาคุ้มกันทางเข้าออก หลังจากทุกคนแยกย้ายกันไปไม่นาน ก็มีรถจี๊ปคันหนึ่งแล่นเข้ามาในบริเวณที่ทำการพรรค คนบนรถสี่คนแต่งตัวคล้ายหน่วยคอมมานโดแต่มีสีสันลวดลายที่เตะตากว่า ก้าวลงมาจากรถพร้อมอาวุธครบมือ พร้อมเปล่งเสียงกึกก้องว่า “พรายพิฆาตจงเจริญ”
จากนั้นนักรบทั้งสี่กระจายกำลังกราดยิงไปรอบทิศทาง กระสุนฉีกร่างทั้งเจ้าหน้าที่และนักข่าวล้มตายเป็นใบไม้ร่วง กรณ์พานำชัยเข้ามาด้านในโดยมีสุชาติเดินตามหลัง แต่เสียงกราดยิงทำให้สุชาติหันกลับไปมองอย่างตื่นตะลึง นำชัยจึงฉวยโอกาสนี้ถามกรณ์ด้วยท่าทีไม่ค่อยพอใจ
“ทำไมคุณถึงทำอย่างนี้ ทำไมคุณไม่บอกผม”
“ขืนบอกท่านก็เล่นไม่สมบทบาทน่ะสิ ใจเย็นครับท่าน เป้าหมายของงานนี้ไม่ใช่ท่าน แต่เป็นเขา” กรณ์บุ้ยหน้าไปที่มิสเตอร์โทคุดะ ซึ่งกำลังมองเหตุการณ์ข้างนอกด้วยความหวาดหวั่น
นักรบพรายพิฆาตยังคงกราดยิงผู้คนเป็นว่าเล่น ณัฐชาและเจ้าหน้าที่ตำรวจพยายามยิงตอบโต้แต่พวกมันก็ไม่ยอมตายง่ายๆ จนณัฐชาถึงกับสบถอย่างหัวเสีย...ไอ้พวกบ้า นี่มันคนหรือผีกันแน่!
“ไม่ไหวแล้วครับผู้กอง มันใส่ชุดเกราะยี่ห้ออะไรไม่รู้ ยิงไม่ตายซะที”
“ชุดเกราะที่ไหนจ่า เลือดท่วมขนาดนั้น ผมว่ามันมีของแหงๆ”
“ถ้ามีของก็คงไม่พรุนแบบนี้หรอกหมู่ เรารีบหาทางหยุดมันเถอะ ถ้าขืนมันบุกเข้ามาได้เมื่อไหร่คนที่อยู่ข้างในตายหมดแน่” ณัฐชาร้อนรน นำทีมจ่าและหมู่พยายามสกัดพวกมันอีกยก
ส่วนคนที่อยู่ด้านในพากันเคร่งเครียดเพราะเสียงการต่อสู้จากด้านนอกยังไม่หยุดหย่อน โทคุดะมีราเมศคุ้มกัน เขารำพึงออกมาเมื่อนึกอะไรบางอย่างขึ้นได้ “นี่มันเป็นกับดักชัดๆ ผมถูกพวกมันหลอก”
“ทำไมเหรอครับ”
“มีคนส่งจดหมายลับไปหาผม เรื่องท่านนำชัยเป็นสาวกของพรายพิฆาต ผมถึงได้บินด่วนมาสังเกตการณ์ที่นี่...รนหาที่ตายชัดๆ”
เสียงปืนดังใกล้เข้ามา ณัฐชาวิ่งนำจ่ากับหมู่หลบมาข้างในและรายงานราเมศว่าเราต้านไม่อยู่ กำลังเสริมก็ยังไม่มา ท่าทางมันจะบุกเข้ามาในนี้ด้วย กรณ์บอกว่าข้างบนมีห้องนิรภัยตนจะพาท่านนำชัยไปหลบที่นั่น แต่ราเมศโพล่งขึ้นว่าห้องนิรภัยต้านพวกมันไม่อยู่แน่ ตนพาจะมิสเตอร์โทคุดะหนีออกทางด้านหลัง
เวลานั้น ฤทธิ์ในคราบของมือสังหารชุดดำมาถึงแล้ว พร้อมกับชาญและโซเฟีย...ฤทธิ์เผชิญหน้าปะทะกับพวกนักรบพรายพิฆาตอย่างดุเดือด โดยที่ณัฐชากับเจ้าหน้าที่ตำรวจซึ่งเหลือน้อยเต็มทีก็ยังพยายามสกัดพวกมัน
ราเมศเห็นมือสังหารชุดดำเต็มตาแต่ยังไงก็ไม่เห็นโฉมหน้าที่แท้จริงภายใต้หน้ากากดำของเขา แต่รู้ว่าฝีมือการต่อสู้ของเขาไม่ธรรมดาจริงๆ สามารถสยบพวกนักรบพรายพิฆาตจนราบคาบแถมช่วยชีวิตมิสเตอร์โทคุดะไว้ได้ด้วย
วันรุ่งขึ้น สื่อตีข่าวนี้กันครึกโครมทั้งหนังสือพิมพ์และทีวี โดยเฉพาะสื่อทีวีที่มีภาพประกอบเหตุการณ์ตอนชุลมุนวุ่นวาย
“หลังจากที่ตกเป็นข่าวลืออยู่นาน เมื่อวานนี้องค์กรพรายพิฆาตก็ได้ประกาศตัวอย่างเป็นทางการ โดยบุกสังหารท่านนำชัยหัวหน้าพรรคเทิดธรรมขณะแถลงข่าวเรื่องการปราบปรามยาเสพติดถึงหน้าที่ทำการพรรคและต่อหน้ากองทัพนักข่าว ผู้เชี่ยวชาญลงความเห็นว่าจากวิธีการลงมือดังกล่าวจะทำให้ชื่อของพรายพิฆาตถูกยกระดับจากแก๊งอาชญากรเป็นองค์กรก่อการร้ายโดยสมบูรณ์ในไม่ช้า แต่ในขณะเดียวกันอีกข่าวลือที่เป็นความจริงก็คือข่าวของมือสังหารชุดดำที่ออกกวาดล้างพรายพิฆาต ซึ่งหลายๆฝ่ายลงความเห็นว่าเขาอาจทำงานให้กับทางตำรวจ”
จ่าไมตรีกับหมู่ปรีดาและเพื่อนตำรวจนั่งหน้าจอทีวีเกาะติดข่าว พอเห็นผู้กำกับเมธาเดินเข้ามาหมู่ปรีดาก็รีบปิดทีวีก่อนจะลุกขึ้นยืนทำความเคารพอย่างพร้อมเพรียง แต่ผู้กำกับเมธาเดินลิ่วไปที่ห้องประชุมโดยไม่สนใจผู้ใด ทำเอาลูกน้องร้อนๆหนาวๆ หมู่กับจ่าแอบกระซิบกระซาบ กันว่า ท่าทางงานนี้ผู้กองกับผู้หมวดต้องโดนเล่นแหงๆ
ภายในห้องประชุมกองปราบ ผู้กำกับเมธากำลังสอบปากคำราเมศและณัฐชาที่เพิ่งหายจากอาการบาดเจ็บได้ไม่นาน
“ผู้กอง...ผมรู้ว่าคุณพยายามเต็มที่แล้ว แต่คดีนี้คุณทำมาเป็นปียังไม่มีความคืบหน้า สมาชิกของพรายพิฆาตสักคนคุณก็จับไม่ได้ แถมนี่ยังปล่อยให้พวกมันค้ายาเสพติดกันโครมๆ นี่ถ้าผมไม่ติดว่าท่านนำชัยหนุนหลังคุณ ผมคงถอดคุณออกจากคดีนี้ไปนานแล้ว”
“ถ้าเป็นไปได้ ผมอยากจะขอโอกาสแก้มือครับ”
“ผมให้โอกาสคุณได้ แต่ไม่ใช่ในฐานะหัวหน้าทีม คดีนี้ผมจะให้คนอื่นมารับผิดชอบแทน”
ณัฐชาตกใจทำท่าจะท้วงผู้กำกับ แต่โดนเขายกมือห้ามก่อนหันไปบอกราเมศ
“เชิญออกไปได้แล้วผู้กอง”
ราเมศลุกขึ้นทำความเคารพผู้บังคับบัญชาแล้วเดินหน้าจ๋อยออกไป โดยมีสายตาของณัฐชามองตามด้วยความสงสาร แต่แล้วหมวดสาวก็สะดุ้งวาบเมื่อผู้กำกับเมธาเพ่งเล็งมาที่เธอ
“ทีนี้ก็ถึงตาคุณแล้วผู้หมวด ในรายงานของคุณบอกว่าคุณได้รับการแจ้งเตือนจากใครบางคนว่าจะเกิดเรื่องขึ้นในงานแถลงข่าว ซึ่งมันถึงเวลาต้องเฉลยแล้วว่าเขาคือใคร”
“มือสังหารชุดดำค่ะท่าน”
“คุณสนิทกับเขางั้นเหรอ”
“เปล่าค่ะ แต่เขาติดต่อกับฉัน เพราะต้องการแนวร่วม”
“เพื่อกวาดล้างพรายพิฆาต?”
“ค่ะท่าน เขาอยากให้ตำรวจอยู่ข้างเขา”
ให้ข้อมูลเสร็จ ณัฐชาก็กลับออกมาอย่างเครียดๆ แล้วตรงไปที่ห้องทำงานผู้กองราเมศ ปลอบเขาอย่าคิดมาก มันไม่ใช่ความผิดของเขาสักหน่อย
“ไม่ผิดเหรอ ผมห่วยขนาดโดนปลดจากตำแหน่งหัวหน้าคุณยังคิดว่าผมไม่ผิดอีกงั้นเหรอ”
“ผู้กองอย่าพูดแบบนี้สิคะ ถึงยังไงผู้กองก็ยังได้ทำคดีอยู่ ฉันจะช่วยผู้กองแก้มือเองค่ะ”
“ขอบใจมากนะณัฐชา ไหนจะช่วยผมจีบไอริณ ไหนจะเรื่องงาน คุณดีกับผมมาก แต่พอได้แล้ว ผมไม่ต้องการความช่วยเหลือจากคุณ ออกไปให้พ้น”
ณัฐชานิ่งอึ้ง ค่อยๆหันหลังกลับออกมาด้วยท่าทีซึมๆ ไมตรีกับปรีดายืนชะเง้ออยากรู้เรื่องราว พอเห็นอาการของหมวดสาวก็สะกิดกันไปมาทำนองว่าอย่าเพิ่งถามอะไรเลยจะดีกว่า...ณัฐชาไม่สบายใจที่ตัวเองเป็นต้นเหตุให้ผู้กองราเมศโดนตำหนิและถูกถอดออกจากหัวหน้าทีม เพียงเพราะเธอเชื่อคำพูดของมือสังหารชุดดำ
หลังจากนั่งซึมอยู่พักใหญ่ เธอตัดสินใจไปพบโทมัสที่บริษัทมาดามหลิว เป็นเวลาที่ชาญรับปากฤทธิ์หรือโทมัสจะไปสืบเรื่องนามบัตรสถานบันเทิงที่ฤทธิ์เจอบนโต๊ะทำงานของท่านนำชัย
เมื่อฤทธิ์ลงมาพบณัฐชาและเห็นท่าทางเธอหงอย เหงาผิดปกติก็ทักถามด้วยความเป็นห่วง ณัฐชาตอบรับว่าเครียดและไม่ต่อปากต่อคำกับเขาเหมือนทุกที แต่ถามว่าวันนี้เขาจะพาเธอไปไหน เพราะเธอยังต้องเป็นบอดี้การ์ดให้เขาจนครบหนึ่งสัปดาห์ตามข้อตกลง
ฤทธิ์พาณัฐชาไปกินกาแฟข้างทางและนั่งคุยกันริมน้ำ เขาทำตัวติดดินจนเธอคาดไม่ถึง แต่ก็รู้สึกผ่อนคลายกับบรรยากาศร่มรื่นเย็นสบาย ทำให้นึกถึงชีวิตในวัยเด็ก
“รู้มั้ย ตอนเด็กๆฉันก็เคยมีบ้านอยู่ริมน้ำ พ่อกับแม่ฉันน่ะใจดีที่สุดในโลกเลย ฉันเคยมีทุกอย่างเหมือนเด็กคนอื่น จนกระทั่งพ่อกับแม่ของฉันถูกพวกมาเฟียฆ่าตาย ฉันก็เลยต้องกลายเป็นเด็กกำพร้า”
“เพราะแบบนี้หรือเปล่า คุณถึงมาเป็นตำรวจ”
“ฉันต้องการความยุติธรรม ไม่ใช่ล้างแค้น เพราะถึงจะแก้แค้นยังไงชีวิตฉันก็ไม่มีทางเหมือนเดิม พูดไปคุณก็ไม่เข้าใจหรอก ในเมื่อคุณไม่เคยเห็นคนที่ตัวเองรักถูกฆ่าตายต่อหน้า”
“ทุกคนต้องเคยผ่านการสูญเสียมาแล้วทั้งนั้น ชีวิตคนเราหนีเรื่องพวกนี้ไม่พ้น”
แววตาของฤทธิ์มีความเศร้าแฝงอยู่จนณัฐชารู้สึกได้ แต่ไม่รู้ว่าเขากำลังนึกถึงใจทิพย์แฟนสาวผู้จากไป...ยังไม่ทันที่ใครจะพูดอะไรอีก ฝนโปรยปรายลงมาอย่างไม่มีเค้า ทั้งคู่รีบวิ่งไปหลบฝนใต้สะพาน ฤทธิ์ถอดเสื้อตัวนอกคลุมไหล่ให้เธอกันหนาว ณัฐชาหันมองหน้าเขาในระยะใกล้แล้วอดหวั่นไหวไม่ได้ ฤทธิ์เองก็รู้สึกไม่ต่าง และนึกถึงคำพูดของไอริณที่เคยบอกว่า
“คุณต้องรู้จักณัฐชาให้มากกว่านี้ค่ะ คนที่เคยรู้จักใจทิพย์ส่วนใหญ่จะชอบพูดว่าณัฐชาคืออีกด้านของใจทิพย์”
ฤทธิ์เริ่มรู้สึกเช่นนั้นจริงๆ มองไปมองมาเห็นณัฐชาเป็นใจทิพย์ไปชั่วขณะหนึ่ง
ooooooo
ขณะที่หมวดณัฐชาไม่อยู่มีนักข่าวกลุ่มหนึ่งเข้ามาที่กองปราบและพยายามจะสัมภาษณ์ผู้กองราเมศแทนเธอเกี่ยวกับเรื่องตำรวจมีส่วนพัวพันกับมือสังหารชุดดำ แต่ผู้กองไม่ยอมและผลักดันจ่ากับหมู่ไปรับหน้าแทน
จ่าไมตรีกับหมู่ปรีดาตอบคำถามนักข่าวไม่ได้สักอย่าง เอาแต่เอ้ออ้าอยู่ไปมาก่อนจะตัดบทว่าพวกตนไม่มีอะไรจะพูดจริงๆ นักข่าวคนหนึ่งตาไวเหลือบเห็นภาพสเกตช์บนโต๊ะหมวดณัฐชาโดยใต้ภาพเขียนว่า “นักสู้มหากาฬ” เขายกกล้องขึ้นถ่ายเก็บไว้อย่างเนียนๆ
และแล้วไม่ทันข้ามวันภาพนั้นก็ถูกตีพิมพ์ในสื่อเล่มหนึ่งพร้อมข้อความ “นักสู้มหากาฬ วีรบุรุษหรือฆาตกร” มาดามหลิวเห็นแล้วแต่ไม่ใส่ใจเท่าไหร่นัก บอกกับชาญว่าตอนนี้ประชาชนกำลังเสียขวัญ บางทีเรื่องของนักสู้มหากาฬอาจจะทำให้พวกเขาอุ่นใจขึ้น
ไม่นานนัก โซเฟียก็นำข่าวที่น่าสนใจกว่ามารายงานมาดามหลิวกับชาญ หลังจากเธอแอบไปเก็บตัวอย่างดีเอ็นเอจากศพนักรบพรายพิฆาตที่สถาบันนิติเวชมาตรวจสอบ
“ห้องแล็บยืนยันว่าดีเอ็นเอของคนร้ายมีการกลายพันธุ์เพราะน้ำตามัจจุราช แต่ที่พวกมันไม่ฟื้นคืนชีพขึ้นมา คงเป็นเพราะบาดแผลที่ศีรษะ”
“จุดอ่อนของพวกมันสิท่า”
โซเฟียพยักหน้าให้ชาญก่อนรายงานต่อไป “ถ้าสมองเสียหายเกิน 60% กลไกของการคืนชีพจะหยุดชะงัก แต่ถ้าน้อยกว่านั้นพวกมันถึงจะฟื้นขึ้นมาในสภาพของผีดิบ”
“แล้วมันกินคนได้ยังไง”
“สัญชาตญาณค่ะมาดาม พวกมันยังต้องการสารเคมีต่างๆเพื่อยังชีพซึ่งร่างกายไม่สามารถผลิตเองได้เหมือนคนปกติ”
“ก็เลยต้องหาจากเลือดเนื้อของคนอื่น” ชาญรำพึงอย่างเข้าใจ ขณะที่มาดามหลิวดูหนักใจ รู้สึกพรั่นพรึงต่อข่าวนี้ไม่น้อย...
ooooooo
ด้านณัฐชากับฤทธิ์ที่ยังติดฝนอยู่ใต้สะพาน กว่าฝนจะหยุดก็เสียเวลาไปมากทำเอาผู้หมวดถึงกับบ่นอุบขณะพากันวิ่งมาที่รถ แถมเธอยังพาลพาโลหาว่าชายหนุ่มจงใจสร้างบรรยากาศกลั่นแกล้งเธอหรือเปล่า
“นี่คุณ...ผมรวยเฉยๆนะ ไม่ได้บ้า ทำไมผมต้องสร้างบรรยากาศเพื่อคุณด้วย ขนาดต้องทำฝนเทียมเนี่ยนะ”
“อ้าว ก็ฝนตกฟ้าคะนอง ถ้าเกิดรถสตาร์ตไม่ติดขึ้นมา แล้วมีกระท่อมปลายนาแถวนี้ ฉันก็ซวยสิ”
“อ่านนิยายเยอะไปแล้วคุณตำรวจ” พูดจบฤทธิ์ก็สตาร์ตรถแล้วบอกเธอว่าไม่ติด ณัฐชาถึงกับร้องเฮ้ยด้วยความตกใจ ทำเอาชายหนุ่มลอบยิ้มและสอดส่ายสายตาไปนอกรถพลางพูดว่า “รถเสีย แถวนี้มีกระท่อมรึเปล่า”
“อย่าบ้านะ เดี๋ยวอัดหน้ายุบเลย” เธอเงื้อหมัดขู่
“ล้อเล่นครับคุณตำรวจ แหม...แค่นี้ทำเป็นจริงจังไปได้”
ณัฐชามองค้อน ฤทธิ์ยิ้มขำแล้วสตาร์ตรถขับไปส่งเธอถึงคอนโดฯ และอ้อนขอขึ้นไปกินอะไรรองท้องเพราะหิวมาก ปรากฏว่าหมวดสาวไม่ตุนของกินอะไรไว้เลยนอกจากบะหมี่กึ่งสำเร็จรูปกับไข่สองฟอง พอโดนเขาท้าให้แข่งกันปรุงอาหารด้วยวัตถุดิบแค่นี้ ณัฐชาก็ลงมือด้วยสูตรของใจทิพย์ที่เคยสอนไว้ โดยไม่รู้เลยว่าฤทธิ์ที่อยู่คนละมุมก็ทำสูตรเดียวกันนี้
จนกระทั่งถึงเวลาเอาอาหารมาแลกกันชิม ทั้งคู่ตะลึงกับหน้าตาและรสชาติที่เหมือนกันเป๊ะ นี่เองทำให้ณัฐชายิ่งสงสัยว่านายโทมัสคนนี้เป็นใครกันแน่ ที่สำคัญเขาพูดแปลกๆยามมองหน้าเธอใกล้ๆ
“รู้จักกันมาตั้งนาน ผมเพิ่งเห็นตาคุณชัดๆก็วันนี้ คุณไม่ได้ก้าวร้าวอย่างที่ผมคิด ไอริณพูดถูก...มีบางอย่างเกี่ยวกับใจทิพย์ในตัวคุณ บางอย่างที่...” ฤทธิ์ชะงักก่อนที่จะเผลอปากไปมากกว่านี้
“แล้วคุณจะรู้ได้ยังไง ถ้าคุณไม่เคยรู้จักใจทิพย์”
ฤทธิ์ยิ้มแทนคำตอบ เสเก็บถ้วยจานไปเงียบๆ ณัฐชาสังเกตเขาครู่หนึ่งก่อนเอ่ยขึ้นมาลอยๆ
“เคยได้ยินนิทานเรื่องนึงมั้ย ที่เจ้าชายผู้เหี้ยมโหดต้องคำสาปให้กลายเป็นอสูรร้าย ต้องถูกขังอยู่ในปราสาทตามลำพัง รอจนมีหญิงงามมาปลดปล่อยเขาด้วยความรัก”
“คุณพูดถึงโฉมงามกับเจ้าชายอสูรรึเปล่า นิทานไร้สาระ”
“แต่ดูๆไปก็เหมือนชีวิตคุณนะ”
พูดจบณัฐชาผละไป ทิ้งฤทธิ์ให้ถูกสะกดอยู่กับความรู้สึกที่บาดใจ...
สมควรแก่เวลาฤทธิ์ขอตัวกลับ ขณะขับรถฝ่าความมืดของรัตติกาลไปตามลำพัง ภาพอดีตของใจทิพย์ค่อยๆผุดขึ้นมาในสมอง เขาพยายามตัดใจเพื่อลืมความรู้สึกเหล่านั้น...วินาทีนั้นเองมีหญิงสาวคนหนึ่งวิ่งตัดหน้ารถของเขาอย่างรวดเร็ว ฤทธิ์เบรกกะทันหัน ขณะที่ผู้หญิงคนนั้นเสียหลักผงะล้มไป
ฤทธิ์รีบลงจากรถมาดูเธอ ถึงรู้ว่าเธอวิ่งหนีผีดิบสามตัวมา ฤทธิ์ต่อสู้กับพวกมันด้วยมีดโดยจงใจเล่นงานที่ศีรษะซึ่งเป็นจุดอ่อน ไม่นานก็ล้มมันได้ทั้งหมด และเห็นหลอดบรรจุอะไรบางอย่างกลิ้งออกมาจากตัวมัน
“น้ำตาสวรรค์” ฤทธิ์พึมพำขณะหยิบหลอดนั้นมาดู...รู้ชัดว่าเป็นฝีมือของพรายพิฆาต!
ooooooo
คืนเดียวกันที่เมมเบอร์คลับของพรายพิฆาต มาวินกับแหลมมาปรากฏตัวโดยมีเอมี่คอยต้อนรับด้วยลีลาท่าทางยวนยั่ว สองหนุ่มเห็นสาวเซ็กซี่ก็ตาลุกตาพอง แต่พอเธอยื่นหน้ากากให้สวม แหลมก็ทำท่าจะไม่เล่นด้วย
“ผมว่ามันชักจะน่ากลัวแล้วนะครับคุณมาวิน ท่าทางแปลกๆ”
“เป็นนักเลงประสาอะไรวะ แค่นี้ทำปอดแหกไปได้” มาวินตวัดเสียงใส่ไอ้แหลมก่อนจะสวมหน้ากากอย่างแมนๆ แหลมลังเลแต่ที่สุดก็สวมตามอย่างลนๆ
จากนั้นเอมี่พาทั้งคู่เข้ามาในห้องโถงซึ่งมีสมาชิกหลายคนที่สวมหน้ากากแบบเดียวกัน แต่ละคนกำลังหาความสำราญจากอบายมุขสารพัดรูปแบบ ไม่ว่าจะเป็นเหล้า ยา ผู้หญิง หรือแม้แต่การพนัน
“ทำไมทุกคนต้องสวมหน้ากาก” มาวินซักเอมี่ด้วยความสงสัย
“เพราะคนพวกนี้เป็นบุคคลที่มีชื่อเสียงค่ะคุณมาวิน พวกเขาไม่ต้องการให้ใครจำได้เพราะเกรงว่าจะเสียชื่อ”
“อ้อ ถ้างั้นก็แปลว่าคุณมาวินมีชื่อเสียงน่ะสิครับ” แหลมเสนอหน้าสอพลอ
“ฮ่าๆ แน่นอน หน้าข่าวอาชญากรรม ใครๆก็รู้จัก ข้า...แต่ผมไม่กลัวเสียชื่อหรอกนะคุณ ผมไม่แคร์อยู่แล้ว”
“แต่เราแคร์ค่ะ” พูดแล้วเอมี่เดินนำไป ทิ้งให้มาวินกับแหลมยืนอึ้งไปพริบตา ก่อนที่แหลมจะโพล่งออกมาอย่างเข้าใจ
“สรุปคือ...เขากลัวว่าสถานที่ของเขาจะเสียชื่อเพราะคุณมาวินครับ”
“รู้โว้ย! ไม่ต้องแปล” มาวินตวาดลั่นจนแหลมหน้าจ๋อย ค่อยๆเดินตามหลังเจ้านายไปอย่างนอบน้อม
เอมี่พามาวินมาคุยกับบอสเรื่องยาเสพติดลอตใหม่ที่ต้องการวางจำหน่ายไปทั่วประเทศซึ่งบอสสั่งให้มาวินนัดพวกเจ้าถิ่นมาพบแล้วเขาจะต่อรองด้วยตัวเอง
งานนี้มาวินเอาด้วย แต่ในขณะเดียวกันนำชัยทำท่าจะถอดใจไปจากพรายพิฆาตหลังเกิดเหตุการณ์ผู้คนล้มตายที่พรรคเทิดธรรมของตนจำนวนมาก โดยให้กรณ์ช่วยเจรจากับบอสว่าเขาขอถอนตัว ถ้าสำเร็จจะจ่ายเงินไม่อั้น แต่กรณ์ไม่เล่นด้วยแถมยังขู่เอาชีวิตถ้าเขายังมีความคิดแบบนี้อีก และเร็วๆนี้พรายพิฆาตจะกระจายยาเสพติดลอตใหม่ หน้าที่ของเขาคืออำนวยความสะดวก อย่าให้ตำรวจเข้ามายุ่งเด็ดขาด นำชัยกลัวตาย จึงปฏิเสธไม่ได้
การสนทนาครั้งนี้อยู่ในสายตาของฤทธิ์โดยตลอดจากกล้องสอดแนมที่แอบติดไว้ในห้องทำงานนำชัย แล้วนำมาหารือพวกมาดามหลิวในวันรุ่งขึ้น ซึ่งทุกคนค่อนข้างแน่ใจว่านำชัยต้องรู้เห็นเรื่องยาเสพติดและอาจรู้ด้วยว่าโรงงานตั้งอยู่ที่ไหน แต่เขาไม่มีทางบอกเราแน่ถ้าไม่ถูกสอบปากคำ
“แต่ผมมีวิธีอื่น” ฤทธิ์กล่าวอย่างมั่นใจ เขาจะทำให้นำชัยยอมสารภาพเรื่องนี้แต่ถ้าไม่สำเร็จค่อยใช้แผนสอง คือชาญกับโซเฟียต้องหาทางเค้นข้อมูลจากลุงโจให้ได้
หลังจากนั้นฤทธิ์เริ่มปฏิบัติการล้วงความลับจากนำชัย โดยพึ่งพาณัฐชาให้ร่วมมือ ฤทธิ์มาพบเธอในคราบของมือสังหารชุดดำถึงคอนโดฯ เป็นเวลาที่หญิงสาวกำลังนอนฝันว่าโดนฤทธิ์กอดจูบตอนหลบฝนด้วยกัน เธอดิ้นรนขัดขืนอยู่ใต้ผ้าห่ม ก่อนที่ฤทธิ์จะเข้ามาสะกิดเรียกให้ตื่น เลิกฝันหวานได้แล้ว
ณัฐชาลืมตาขึ้นด้วยความตกใจแต่สักครู่ก็กลายเป็นอายไม่กล้าเล่าความฝัน ไล่เขาออกจากห้องนอนแล้วค่อยตามออกมาในชุดที่เรียบร้อยมิดชิด พอรู้เห็นข้อมูลที่นำชัย คุยกับกรณ์เมื่อคืนซึ่งฤทธิ์ส่งเข้ามาในมือถือของเธอ หมวดสาวก็เชื่อสนิทว่านำชัยเป็นพวกเดียวกับพรายพิฆาต
“ผมอยากให้คุณเอาคลิปวิดีโอนี่ไปต่อรองกับท่านนำชัย ถ้าเขายอมช่วยเรา ก็ค่อยกันเขาเป็นพยานทีหลัง”
“ไอริณต้องรู้เรื่องนี้แน่ๆ มิน่าเธอถึงได้หนีหน้าฉัน”
เมื่อมั่นใจเช่นนั้นแล้ว ณัฐชารีบไปพบไอริณถึงกองถ่ายหนังแล้วพยายามโน้มน้าวเพื่อนรักให้ช่วยกล่อมนำชัยก่อนที่จะสายเกินไป ไอริณคล้อยตาม กลับมาที่บ้านพูดคุยกับพ่ออย่างเปิดอก ตอนแรกนำชัยแข็งขืนกระชากกล้องสอดแนมในห้องทำงานทิ้งด้วยความโมโห แต่พอลูกสาวพูดทั้งน้ำตาว่าเราไม่ควรอยู่ภายใต้ความหวาดกลัวไปตลอดชีวิต หรือว่าพ่อต้องรอให้ตนเป็นเหมือนแม่ซะก่อนถึงจะกล้าตัดสินใจ นำชัยก็อึ้งเงียบไป
ค่ำนั้น ณัฐชาตามไปพบผู้กองราเมศที่เมาแอ๋อยู่ในผับ เธอรู้ว่าเขาเสียใจเรื่องถูกปลดออกจากหัวหน้าทีมคดีพรายพิฆาต แต่ก็ยังต้องการให้เขาร่วมงานเพื่อแก้มือ แต่ราเมศบอกปัดด้วยความน้อยใจแล้วเดินหนีออกจากผับ และเกือบโดน วัยรุ่นสองคนชิงทรัพย์ถ้าณัฐชาไม่ตามมาช่วยไว้เสียก่อน
ณัฐชาเช็ดหน้าให้ราเมศด้วยผ้าเย็นจนเขาสร่างเมาแล้วปลอบโยนให้คลายความเสียใจ ก่อนจะบอกว่าเรายังมีโอกาสแก้ตัว ถ้าเรารู้ว่าแหล่งผลิตยาของพรายพิฆาตอยู่ที่ไหน...ขณะเดียวกันนั้น ชาญกับโซเฟียกำลังคาดคั้นข่มขู่ลุงโจด้วยเรื่องนี้อยู่แต่ไม่สำเร็จแถมลุงโจรยังหลบหนีโดยเอามาดามหลิวเป็นตัวประกัน แต่สุดท้ายก็ถูกชาญยิงจนเลือดสาดกระเด็นโดนหน้ามาดามหลิว
โซเฟียต่อว่าชาญบุ่มบ่ามเกินไป ถ้ายิงโดนมาดามหลิวขึ้นมาจะว่ายังไง ชาญนิ่งอึ้งอย่างรู้สึกผิด ส่วนลุงโจนอน ครวญครางด้วยความเจ็บปวด พร้อมกันนั้นโทรศัพท์มือถือที่แกแย่งจากยามมาโทร.หากรณ์ก่อนหน้านี้สัญญาณก็ยังค้างอยู่ กรณ์ได้ยินเสียงลุงโจแต่เรียกเท่าไหร่แกก็ไม่ขาน จึงลองเช็กดูจนรู้ว่าเบอร์นั้นโทร.มาจากอาคารของบลูฟินิกซ์ของมาดามหลิว นั่นก็แปลว่าเธอคือศัตรูของพรายพิฆาตอย่างแน่นอน!
ฤทธิ์ทราบเรื่องที่เกิดขึ้นก็รีบมาพบมาดามหลิวก่อนจะรับปากไปตามชาญมาพบเธอ มาดามหลิวไม่ติดใจสิ่งที่ชาญทำเพราะเข้าใจดีว่าเขาหวังดีกับเธอ
“เธอเป็นคนเด็ดเดี่ยวเสมอ และฉันก็เชื่อใจเธอ ไม่ใช่ด้วยฐานะเจ้านาย แต่ในฐานะเพื่อน ฉันเชื่อเสมอว่าเธอจะทำทุกอย่างเพื่อปกป้องฉัน”
ชาญสบตามาดามหลิวและยิ้มจางๆอย่างโล่งใจ ไม่มีใครรู้เลยว่าในขณะนั้นโซเฟียแอบมองมายังคนทั้งคู่ด้วยใจที่โหวงเหวง พอเห็นเขาสองคนกุมมือกันก็ยิ่งหน้าจ๋อยราวกับผิดหวังอะไรสักอย่าง
ooooooo
อ่านละคร นักสู้มหากาฬ ตอนที่ 7 วันที่ 29 มิ.ย. 56
บทประพันธ์โดย : ณพุทธ สุศรีฯบทโทรทัศน์โดย : ณพุทธ สุศรีฯ
กำกับการแสดงโดย : ธีระศักดิ์ พรหมเงิน
ผลิตโดย : บริษัท มุมใหม่ จำกัด
วันเวลาออกอากาศ : ทุกวันศุกร์ - อาทิตย์ เวลา 20.25 น. ทางช่อง 7 สี
ที่มา ไทยรัฐ