อ่านละคร นักสู้มหากาฬ ตอนที่ 4 วันที่ 23 มิ.ย. 56

อ่านละคร นักสู้มหากาฬ ตอนที่ 4 วันที่ 23 มิ.ย. 56

“พรายพิฆาตมีอยู่ทุกที่ ยิ่งรู้น้อยเท่าไหร่ก็ยิ่งปลอดภัย”

ณัฐชากลอกตาครุ่นคิด วินาทีนั้นนักสู้มหากาฬก็ผละจากไปโดยไม่ฟังเสียงเรียกของเธอ...ณัฐชายื้อยุดกับกุญแจมืออยู่อึดใจหนึ่งก็นึกอะไรได้ ควานมือเข้าไปใต้เตียงหยิบปืนสำรองที่ซ่อนไว้ออกมายิงใส่กุญแจมือจนขาด แล้วสวมวิญญาณเฉินหลงไล่กวดเขาไป แต่สุดท้ายก็ตามไม่ทันแถมตัวเองยังแข้งขาแทบหักนั่งร้องโอดโอยเจ็บทั้งตัวเจ็บทั้งใจ...

ทางด้านนำชัยที่กลับถึงบ้านอย่างปลอดภัยพร้อมไอริณ...หลังจากเข้าใจว่าลูกสาวขึ้นห้องพักไปแล้ว นำชัยก็อดตำหนิกรณ์ไม่ได้ว่าทำไมถึงไม่บอกตนก่อนว่าพรายพิฆาตจะลงมือ ทำแบบนี้ตนกับลูกอยู่ในภาวะเสี่ยงมาก


“ใจเย็นๆท่านนำชัย พวกมันไม่ใช่พรายพิฆาต”

“แล้วพวกมันเป็นใคร”

“ผมไม่สน เพราะบอสบอกว่าพวกมันตายหมดแล้ว แต่ปัญหาก็คือคนที่ฆ่ามันเป็นศัตรูของเรา”

“มือสังหาร?”

“ใช่...และอีกไม่นานมันต้องมาที่นี่ เราต้องเตรียมรับมือ”

นำชัยใจหายวาบเมื่อรู้ว่าตนอาจเป็นเหยื่อรายต่อไป...ไอริณซ่อนตัวอยู่มุมหนึ่ง แม้ไม่ได้ยินบทสนทนาแต่เธอก็รู้สึกว่านายบอดี้การ์ดคนนี้กับพ่อของเธอมีบางอย่างไม่ชอบมาพากล

ooooooo

ณัฐชาทำตามเงื่อนไขของมือสังหารชุดดำที่ช่วยชีวิตเธอไว้เมื่อ คืนด้วยการไม่ปริปากบอกผู้บังคับบัญชากับเพื่อนร่วมงานว่าเขาต้องการแนวร่วม ที่ไว้ใจได้เพื่อช่วยกวาดล้างพวกพรายพิฆาต และที่สำคัญเธอสามารถติดต่อเขาได้ด้วย

เหตุการณ์ที่เกิดขึ้นเมื่อคืน ทำให้เช้านี้ผู้กองราเมศต้องแบ่งการทำงานเป็นสองทีม โดยให้หมวดณัฐชากับจ่าไมตรีและหมู่ปรีดาไปสอบปากคำมาดามหลิวว่านอกจากพราย พิฆาตแล้วเธอยังมีศัตรูที่ไหนบ้าง ส่วนตัวเองกับลูกน้องอีกกลุ่มมุ่งไปยังรังของมาวินเพื่อคุยกับหัวหน้าทั้ง สี่คนเรื่องป่วนงานเลี้ยง อยากรู้ว่ามันอยู่เบื้องหลังหรือเปล่า

มาดาม หลิวให้ความร่วมมือตอบข้อซักถามของณัฐชาโดยดี แต่พอณัฐชาซักถามถึงโทมัส เธอกับโซเฟียก็บอกปัดว่าเขาไม่มีเรื่องบาดหมางกับใครเพราะเพิ่งกลับจากเมือง นอกได้ไม่นาน

“ก็ไม่แน่หรอกค่ะ เห็นออกข่าวทีวีว่าควงสาวไม่ซ้ำหน้า ไม่แน่อาจจะเผลอไปควงแฟนใครก็ได้นะคะ”

มาดาม หลิวกับโซเฟียฟังแล้วชะงัก ดูออกว่าณัฐชาไม่ชอบโทมัสเท่าไหร่นัก หลังจากนั้นชาญพาณัฐชาไปที่ห้องควบคุมความปลอดภัย ยินดีให้เธอดูภาพจากกล้องวงจรปิดที่บันทึกภาพในคืนวันเกิดเหตุจนถึงช่วงที่ ทีมคนร้ายขับมอเตอร์ไซค์หนีไป ซึ่งเป็นช่วงสั้นๆแค่หกนาที

เมื่อณัฐชาถามชาญว่าสงสัยใครบ้างหรือเปล่า ชาญบอกว่าปกติพวกเราไม่เคยมีปัญหากับใคร ยกเว้นเมื่อเร็วๆนี้ที่โทมัสเข้าไปช่วยไอริณ

“คุณหมายถึงนายมาวินงั้นเหรอ”

“ก็มีแต่มาเฟียอย่างหมอนั่นที่กล้าคิดแผนการบ้าระห่ำแบบนี้”

“ก็อาจเป็นไปได้...เดี๋ยวฉันขอสำเนาภาพด้วยนะคะ แล้วก็...ถ้าไม่รังเกียจฉันอยากจะชมสถานที่ของคุณสักนิดนึง เผื่อจะมีเบาะแสเพิ่มเติม”

ชาญ ไม่เต็มใจนัก ขอเวลาไปเรียนเจ้านายของตนก่อน ระหว่างนี้เองณัฐชากลับออกมาสมทบจ่าไมตรีกับหมู่ปรีดา แต่ผ่านไปสิบห้านาทีชาญยังไม่มา ณัฐชาเลยปลีกตัวไปสอดแนมโดยกำชับจ่ากับหมู่ให้บอกใครๆ ที่มาถามหาว่าเธอปวดท้องกะทันหัน

ณัฐชาหายไปครู่เดียวก็กลับออกมาในชุด ยามของบริษัท พร้อมกันนั้นก็ส่งซิกกับจ่าและหมู่ก่อนปลีกตัวไปทางชั้นบน คลาดกับชาญแค่นิดเดียว...ณัฐชาปลอมตัวเป็นยามขึ้นมาสอดแนมยังชั้นบนแต่ไม่พบ สิ่งผิดปกติหรือผิดกฎหมาย เธอเดินสำรวจไปเรื่อยและเหลือบเห็นโทมัสเดินหายเข้าไปในห้องหนึ่งจึงตัดสิน ใจก้าวตามอย่างเงียบกริบ แล้วใช้ช่วงเวลาที่เขาอาบน้ำใช้มือถือถ่ายสภาพความเป็นอยู่ภายในห้องของเขา เพื่อเอาไว้ให้ไอริณดู

เสียงเคาะประตูดังขึ้น ณัฐชาตกใจรีบกระโดดไปซ่อนหลังโซฟา ขณะที่ฤทธิ์สวมเสื้อคลุมออกจากห้องน้ำมาเปิดประตูคุยกับชาญที่เหมือนมีธุระ ด่วน

“ตำรวจหญิงที่มาสอบปากคำมาดามหลิวหายตัวไปครับ เราสงสัยว่าเธออาจจะเดินหลงขึ้นมาบนนี้”

“ตำรวจหญิงคนไหน”

“ผมจำชื่อไม่ได้ครับ ที่ตัวเล็กๆขาวๆ”

“อ๋อ...ตัวเล็กที่ไหน เตี้ยต่างหาก ที่หน้าซีดๆจืดๆ เหมือนผีญี่ปุ่นใช่มั้ย”

ณัฐชาได้ยินชัด ขมุบขมิบปากด่านายโทมัสด้วยความหงุดหงิด แต่อีกอึดใจเดียวก็ตกใจหน้าตาตื่นเมื่อได้ยินว่าชาญขอค้นห้องนี้ตามคำสั่ง มาดามหลิว...ฤทธิ์เชิญตามสบาย ส่วนตัวเองกลับเข้าไปอาบน้ำต่อโดยไม่รู้ว่าณัฐชาหลบเข้ามาก่อนหน้านี้

สองฝ่ายเผชิญหน้ากัน ฤทธิ์ตกใจแต่ไม่กระโตก กระตากให้ชาญรู้ กดเธอจมน้ำทั้งชุดยาม เมื่อชาญพรวด พราดเข้ามาเพราะได้ยินเสียงโครมคราม ฤทธิ์บอกว่าไม่มีอะไร ตนลื่นล้มแต่ตอนนี้โอเคแล้ว ชาญจึงกลับออกไปโดยไม่ติดใจอะไรเลย

ฤทธิ์คว้าตัวณัฐชาโผล่พ้นน้ำในอ่าง แล้วบอกให้รู้ว่า ถ้าชาญเจอเข้าเขาคงไม่ใจดีแบบตนแน่ เพราะมาดามหลิวเด็ดขาดกับผู้บุกรุกเสมอ ณัฐชาหน้ามุ่ยแต่ยังเถียงข้างๆ คูๆว่าไม่ได้บุกรุก หลงทางมาต่างหาก

“ใส่ชุดยามเนี่ยนะ จงใจหลงมากกว่ามั้ง”

“รู้แล้วถามทำไมล่ะ ก็ฉันเป็นตำรวจนี่ เจออะไรน่าสงสัยก็ต้องสืบ”

“แล้วในห้องผมมีอะไรน่าสงสัย”

“ฉันไม่จำเป็นต้องบอกนาย” ว่าแล้วเธอลุกพรวดแต่ถูกเขากระชากกลับมาในอ้อมกอด แววตาของเขาคมเข้มมีอำนาจจนเธอรู้สึกหนาวสะท้านแต่ทำเสียงดุ กลบเกลื่อนสั่งให้เขาปล่อย

แทนที่ชายหนุ่มจะทำตาม กลับยื่นหน้ามาใกล้ซอกหูซอกคอเธออย่างจงใจแกล้ง “กลัวเป็นด้วยเหรอคุณตำรวจ บอกหน่อยได้ไหมว่าคุณกลัวอะไรในตัวผม” หญิงสาวไม่ตอบแต่พยายามดิ้นหนีเมื่อโดนเขาจี้ใจดำว่าไม่เคยเจอแบบนี้ใช่ไหม?

เวลานั้นที่ห้องโถงชั้นล่าง จ่าไมตรีกับหมู่ปรีดากำลังชะเง้อรอหมวดณัฐชาอย่างกระวนกระวาย เกรงจะเกิดเหตุร้ายถึงได้หายไปนาน ทันใดฤทธิ์หรือโทมัสก็หิ้วปีกเธอกลับมาในสภาพผมเปียกโชกแต่เปลี่ยนชุดแล้ว

“คราวหลังถ้าอยากค้นบ้านใครก็ไปเอาหมายค้นมาก่อน ขืนบุ่มบ่ามแบบนี้มีหวังคงได้ดวงกุดเข้าสักวัน”

ฤทธิ์ พูดให้จ่ากับหมู่ได้ยินแถมยังกำชับพวกเขาให้ดูแลเจ้านายด้วย ไม่งั้นคราวหน้าตำรวจคงได้ติดคุก ซะเอง ณัฐชาโกรธแต่ไม่กล้าออกอาการ ได้แต่พึมพำงึมงำฝากความแค้น...

ด้านผู้กองราเมศกับลูกน้อง พวกเขามาถึงรังของมาวินช้าไป หัวหน้าทั้งสี่คนถูก “บอส” สังหารตายเรียบโดยมีมาวินรู้เห็นเป็นใจเพราะสั่งสมความแค้นที่โดนกดขี่ ข่มเหงมานาน บอสต้องการแสดงความเจ๋งของตัวเองให้สมาชิกใหม่อย่างมาวินเห็น พอเสร็จเรื่องก็หลบฉากไปโดยไม่มีใครสงสัยสักนิด ส่วนมาวินถูกผู้กองราเมศสอบสวนในที่เกิดเหตุ ก็ปฏิเสธแล้วโยนความผิดให้นักฆ่า ชุดดำที่สวมหน้ากากและใช้ดาบคู่เป็นอาวุธเหมือนดาบปลายปืน

ตกกลางคืน กรณ์ซึ่งสังหรณ์ใจว่าโทมัสคือฤทธิ์ เขามุ่งหน้าไปหาเอมี่กับยักษ์ที่เคยร่วมสังหารฤทธิ์มาด้วยกัน พอสองคนนั้นรู้เรื่องก็กระเหี้ยนกระหือรืออยากพิสูจน์ความจริง และยินดีรับงานนี้ถ้าเป็นบัญชาของพรายพิฆาต

คืนเดียวกัน ไอริณจมอยู่กับอดีตที่เคยได้ยินพ่อกับแม่มีปากเสียงกัน แล้วจู่ๆเสียงปืนก็ดังขึ้น เธอวิ่งเข้ามาเห็นแม่ถือปืนนอนจมกองเลือด โดยที่พ่อยืนช็อกอยู่ใกล้ๆในสภาพมือเปื้อนเลือด เมื่อเธอถามว่าเกิดอะไรขึ้น ทำไมแม่ถึงทำแบบนี้ พ่อก็ไม่มีคำตอบใดๆให้เธอ

จากอดีตจนถึงปัจจุบันก็ ยังไม่มีความกระจ่างเกี่ยวกับการตายของแม่ ไอริณตกอยู่ภาวะเคร่งเครียดทุกทีที่นึกถึงมัน และช่วงเวลาเช่นนี้เธอมักต้องการใครสักคนอยู่เป็นเพื่อน เช้าขึ้นเธอเลือกโทร.หาโทมัส ซึ่งขณะนั้นเขากำลังคุยอยู่กับมาดามหลิว พอเห็นเบอร์ไอริณ ชายหนุ่มก็ปลีกตัวออกไปทันที

ระหว่างทาง ณัฐชาโทร.เข้ามาที่เครื่องพิเศษของฤทธิ์ซึ่งเขาเป็นคนให้เบอร์โทร.เธอไว้ใน นามนักสู้ ฤทธิ์รับสายด้วยเสียงที่แปลงจนจำเสียงเดิมไม่ได้ เขาบอกให้เธอรีบถามรีบคุยเพราะไม่อยากถูกเช็กตำแหน่ง

“ฉันไม่มีแผนแบบนั้นหรอกน่า แค่จะโทร.มาถามว่าตกลงใช่นายรึเปล่าที่ฆ่าพวกมาเฟียเมื่อวาน”

“เปล่า แต่พวกพรายพิฆาตมันต้องการกดดันผม”

“จริงเหรอ”

“ตอนนี้ตำรวจกับนักข่าวสนใจเรื่องของผมมากกว่าพวกมันซะอีก ไม่แน่มันอาจจะยืมมือตำรวจมาเล่นงานผมก็ได้ และถ้าเดาไม่ผิด อีกไม่นานมันจะต้องวางกับดักเพื่อล่อให้ผมออกไปเผชิญหน้ากับพวกมัน”

“นายรู้ได้ยังไง”

“มันเป็นเทคนิคในการรบ คุณไม่เข้าใจหรอก”

“แปลว่านายเคยรบ นายเคยเป็นทหาร เพราะแบบนี้ใช่มั้ยนายถึงได้เมมชื่อในมือถือฉันว่านักสู้”

“ผมตอบคำถามคุณได้แค่นี้ ขอตัวก่อน แล้วจะติดต่อไปทีหลัง”

ฤทธิ์ วางสาย ทิ้งให้ณัฐชาครุ่นคิดด้วยความสงสัยว่านักสู้ชุดดำเป็นใครกันแน่...ความสนใจ ใคร่รู้ของเธอทำให้จ่าไมตรีกับหมู่ปรีดาอดตั้งข้อสังเกตไม่ได้ว่าเธอสนใจ มากกว่าคดีพรายพิฆาตเสียอีก ณัฐชาทำหูทวนลม ผละจากทั้งคู่ตั้งใจไปหาไอริณแต่ไม่เจอตัว รู้จากสุชาติว่าเธอออกไปข้างนอก

ไอริณอยู่กับฤทธิ์ที่ร้านอาหาร เธอพูดคุยกับเขาอย่างเป็นมิตร รู้สึกเชื่อใจและไว้ใจเขาอย่างบอกไม่ถูก... แต่ทั้งคู่ไม่รู้ว่ามีคนกลุ่มหนึ่งกำลังเพ่งเล็งมาด้วยกล้อง ส่องทางไกล

ยักษ์ กับเอมี่นั่นเอง ทั้งคู่เห็นโทมัสเต็มตาแล้วหันมาบอกกับกรณ์ที่นั่งห่างออกไปว่า มันเหมือนมาก ถ้าไม่มีใครบอกพวกตนต้องคิดว่าเป็นฤทธิ์ ราวี แน่ๆ

“ตำรวจเคยเช็กประวัติกับลายนิ้วมือของมันแล้วแต่ไม่ตรงกับไอ้ฤทธิ์”

“ฐานข้อมูลในคอมพิวเตอร์อาจถูกแฮ็กก็ได้”

“ถ้างั้นเราก็ต้องใช้วิธีอื่นเพื่อทดสอบว่ามันเป็นใครกันแน่” กรณ์สรุป...ยักษ์กับเอมี่พยักหน้าเห็นด้วยและจ้องมองไปยังโทมัสอย่างประสงค์ร้าย

ไอริณกับฤทธิ์ยังคงสนทนากันอย่างเพลิดเพลิน โดยเฉพาะเมื่อเธอพูดถึงณัฐชาและใจทิพย์ เขาดูสนอกสนใจเป็นพิเศษแต่พยายามวางฟอร์มนิ่ง

“สมัยอยู่ที่บ้านเด็กกำพร้า ฉันกับณัฐชาแล้วก็ใจทิพย์ จะสนิทกันมากค่ะ จนใครๆนึกว่าเราเป็นพี่น้องกัน ยิ่งณัฐชากับใจทิพย์ คู่นี้มีอะไรที่เหมือนกันหลายอย่าง”

“เหมือนกัน? ตำรวจจอมบู๊กับคุณครูใจดี มีอะไรเหมือนกันเหรอครับ”

“ถึงนิสัยจะต่างแต่คู่นี้เขาชอบคิดอะไรเหมือนกันค่ะ รักความยุติธรรมเหมือนกัน ชอบปกป้องคนอื่นเหมือนกัน แต่อีกคนชอบใช้สมอง ส่วนอีกคนชอบใช้กำลัง”


“ไม่ต้องบอกก็รู้ว่าใครที่ชอบใช้กำลัง”

“คุณต้องรู้จักณัฐชาให้มากกว่านี้ค่ะ คนที่เคยรู้จักใจทิพย์ส่วนใหญ่จะชอบพูดว่าณัฐชาคืออีกด้านของใจทิพย์”

ฤทธิ์ ฝืนยิ้มทำทีเป็นไม่สนใจ แต่คำพูดของเธอทำให้เขารู้สึกคิดถึงใจทิพย์ขึ้นมา...หลังอาหารมื้อนั้น ชายหนุ่มเดินมาส่งเธอที่รถ แต่พอได้ยินเธอบ่นเสียดายอยากคุยกันมากกว่านี้ เขาก็เปลี่ยนใจพาเธอไปยังบึงกว้างแล้วเช่าเจ๊ตสกีมาขับโดยให้เธอซ้อนหลัง อย่างสนิทสนม

ไอริณสนุกเพลิดเพลินมากและรู้สึกดีกับเขายิ่งขึ้นแต่แล้ว ณัฐชาก็ส่งเสียงโหวกเหวกเข้ามาทำลายบรรยากาศ เธอขึงขังแยกชายหนุ่มออกมาเจรจากันสองต่อสอง

“ถ้าจำไม่ผิดฉันเคยเตือนคุณไปแล้วนะ ว่าห้ามยุ่งกับไอริณ”

“แต่ผมจำไม่ได้ว่าเคยรับปากคุณตอนไหน”

“คุณกำลังกดดันฉันอยู่นะคุณโทมัส อยากเจอมาตรการขั้นเด็ดขาดหรือไง”

“ก็ได้ ถ้าคุณอยากรวบรัดตัดความละก็ ผมมีวิธีอื่น”

แล้วครู่ต่อมา ไอริณก็ตกใจเมื่อณัฐชาเตรียมตัวแข่งเจ็ตสกีกับโทมัส เธอยอมรับคำท้าของเขาทั้งที่ไม่เคยเล่นมาก่อน โดยบอกไอริณว่ามันก็เหมือนมอเตอร์ไซค์ แค่ไม่มีล้อเท่านั้นเอง และที่สำคัญนายโทมัสต่อให้ตนก่อนครึ่งรอบ งานนี้ตนชนะขาด ฤทธิ์ได้ยินก็อดไม่ไหว พูดโพล่งว่าให้ชนะก่อนแล้วค่อยโม้ก็ได้ หมวดสาวเข่นเขี้ยวไม่พอใจ เดินมาสำทับเขาเบาๆไม่ให้ไอริณได้ยิน

“อย่าลืมนะ ถ้านายแพ้ นายต้องเลิกยุ่งกับเพื่อนฉัน”

“แล้วถ้าคุณแพ้ คุณก็ต้องเลิกวุ่นวายกับผมเหมือนกัน”

ณัฐชาไม่ตอบแต่เชิดหน้าผละไปที่เจ็ตสกี พยายามปีนขึ้นแต่ไม่สำเร็จเพราะมันลอยอยู่ในน้ำที่สูงกว่าเอวเธอ ฤทธิ์กับไอริณยิ้มขำอยู่ครู่หนึ่ง ก่อนที่ฤทธิ์จะเข้าไปอาสาช่วยเหลือเพราะไม่อยากเสียเวลารอคอย

ไอริณยืน เชียร์ทั้งคู่อยู่บนฝั่ง โดยไม่รู้ว่ากรณ์ เอมี่ และยักษ์ตามมาถึงแล้ว พวกเขารอจังหวะเล่นงานโทมัสเพื่อพิสูจน์ว่าเขากับฤทธิ์ ราวี คือคนเดียวกันหรือไม่?

การแข่งขันเจ็ตสกีระหว่างฤทธิ์กับณัฐชาเป็นไป อย่างดุเดือด ฝ่ายหญิงตั้งใจเอาชนะให้ได้แต่เกิดพลาดจนตัวเองจมน้ำแทบเอาชีวิตไม่รอดถ้า ไม่ได้ฤทธิ์ช่วยขึ้นมาแล้วผายปอดให้ โดยมีไอริณมายืนดูด้วยความตกใจ ณัฐชาลืมตาเห็นชายหนุ่มประกบปากตนอยู่ก็ไม่พูดพล่าม ชกเขาจนหน้าหงาย

“ณัฐชา...เธอทำอะไรของเธอ คุณโทมัสช่วยเธอเอาไว้นะ”

ถ้อยคำ กึ่งต่อว่าของไอริณทำให้ณัฐชาชะงัก พอเห็นไทยมุงจ้องอยู่เต็มไปหมดก็นึกได้ว่าตัวเองจมน้ำ...ด้วยความเสียหน้า และทำอะไรไม่ถูก เธอเดินหนีไปที่ห้องเปลี่ยนเสื้อผ้า เพื่อนสาวตามมาเตือนสติก็ไม่ฟัง หาว่าโทมัสเป็นคนร้าย ไอริณเหนื่อยใจกลับออกไปอย่างหงุดหงิด

กรณ์ซึ่งเพ่งเล็งพวกเธออยู่ตลอด ฉวยโอกาสนี้สั่งยักษ์จัดการเป้าหมาย โดยให้เอมี่ล่อตำรวจหญิงไปที่อื่น ส่วนเขาจะคอยกันไอริณออกมาเพื่อความปลอดภัยของเธอ

หลังจากไอริณถูกกรณ์พา ตัวออกไปโดยที่เธอไม่เต็มใจ ยักษ์กับเอมี่ก็แยกกันปฏิบัติการ ยักษ์เผชิญหน้ากับฤทธิ์ ส่วนเอมี่หลอกล่อณัฐชาไปคนละทาง
แรกๆฤทธิ์ทำ เหมือนไม่มีวิชาการต่อสู้เพื่อให้ยักษ์ตายใจว่าเขาไม่ใช่ฤทธิ์ ราวี แต่พอมันเผลอเขาก็เล่นงานถึงสลบแถมยังแอบติดเครื่องส่งสัญญาณ GPS ขนาดเล็กไว้ในกระเป๋าเสื้อของมันก่อนจะเร่งรีบไปช่วยณัฐชาที่กำลังถูกเอมี่ ไล่ล่าเอาเป็นเอาตาย

ฤทธิ์ช่วยณัฐชารอดพ้นคมกระสุนของเอมี่แต่ตัวเขาเอง โดนเข้าเต็มๆ ณัฐชาตกใจมากประคองเขาขึ้นรถขับหนีฝุ่นตลบ เอมี่ทำท่าจะตามแต่พอนึกถึงนายยักษ์ก็ผลุนผลันวิ่งไปอีกทาง แล้วก็เจอมันนอนหมดสติอยู่กับพื้นอย่างหมดท่า

ณัฐชาขับรถด้วยความเร็วสูง โดยมีฤทธิ์นอนบาดเจ็บอยู่เบาะหลัง ระหว่างนั้นก็นึกเป็นห่วงไอริณจึงต่อสายถึงเพื่อนแต่ไม่สามารถติดต่อได้ มีเพียงเสียงสัญญาณให้ฝากข้อความ

“ไอริณ ตอนนี้เธออยู่ที่ไหน ถ้าได้ข้อความแล้วโทร.หาฉันด่วนจี๋เลยนะ นายโทมัสของเธอถูกยิง” ฝากข้อความเสร็จปุ๊บก็เหลียวมองชายหนุ่มที่เบาะหลัง “นี่คุณ อย่าเพิ่งตายนะ จวนจะถึงโรงพยาบาลแล้ว อดทนอีกนิดเดียว”

พลัน! บาดแผลของฤทธิ์สมานตัวอย่างรวดเร็วด้วยพลังของน้ำตามัจจุราช เขาลืมตาก่อนจะลุกขึ้นนั่งราวกับคนปกติ

“ไม่เป็นไร ผมหายแล้ว”

ณัฐชาประหลาดใจเหยียบเบรกดังเอี๊ยด แล้วหันมาดูเขาอย่างไม่เชื่อสายตา

“ก็คุณถูกยิงนี่ แล้วลุกขึ้นมาได้ยังไง แล้วนั่นแผลคุณ...ทำไมเลือดคุณถึงเป็นสีฟ้าล่ะ”

“เลือดที่ไหน กระสุนเพนต์บอลต่างหาก”

“อะไรนะ ไอ้ที่ยิงกันโป้งป้างเมื่อกี๊กระสุนปลอมเหรอ”

ฤทธิ์ยักไหล่แทนคำตอบ ณัฐชาได้แต่อึ้งไปกับสิ่งที่เกิดขึ้น!

ooooooo

อ่านละคร นักสู้มหากาฬ ตอนที่ 4 วันที่ 23 มิ.ย. 56

บทประพันธ์โดย : ณพุทธ สุศรีฯ
บทโทรทัศน์โดย : ณพุทธ สุศรีฯ
กำกับการแสดงโดย : ธีระศักดิ์ พรหมเงิน
ผลิตโดย : บริษัท มุมใหม่ จำกัด
วันเวลาออกอากาศ : ทุกวันศุกร์ - อาทิตย์ เวลา 20.25 น. ทางช่อง 7 สี
ที่มา ไทยรัฐ