อ่านละคร โดมทอง ตอนที่ 6 วันที่ 17 มิ.ย. 56

อ่านละคร โดมทอง ตอนที่ 6 วันที่ 17 มิ.ย. 56

ไม่นานนัก วิรงรองกับอุษามาถึงตลาดนัด พบว่าพันธ์สูรย์ไม่ได้มาคนเดียว แต่ภูไทตามมาด้วย เนื่องจากมีเวลาน้อย วิรงรองจึงปล่อยให้คู่รักได้อยู่กันตามลำพัง ส่วนตัวเองชวนภูไทไปหาร้านเงียบๆนั่งจิบกาแฟกัน เธอมีเรื่องจะสอบถามเขามากมาย โดยไม่ล่วงรู้ว่าอ๊อดพี่ชายของโอบคอยซุ่มดูอยู่และแอบถ่ายรูปไว้...

ทางด้านอุษากับพันธ์สูรย์พากันมานั่งคุยที่ศาลาท่าน้ำ โดยฝ่ายหญิงสาวมีท่าทีหวาดระแวงคอยหันมองไปทั่วบริเวณเป็นระยะๆ พันธ์สูรย์รู้ทัน ปลอบให้ใจเย็นๆไม่ต้องกลัวใครจะมาเห็น คนที่โดมทองไม่มีวันลดตัวมาแถวนี้ แต่เขาหารู้ไม่ว่าอ๊อดสะกดรอยตามทั้งคู่มาตั้งแต่แยกกับวิรงรองและภูไทแล้ว


พันธ์สูรย์สารภาพความจริงว่า ตั้งแต่มีเรื่องกับอดิศวร์ครั้งสุดท้าย เขาตั้งใจจะตัดอุษาให้หมดไปจากใจ แต่ทำไม่สำเร็จ เขาจึงตัดสินใจว่าจะขอต่อสู้ทุกวิถีทางเพื่อที่เราสองคนจะได้อยู่ด้วยกัน และจะไม่ยอมให้ใครหน้าไหนมาพรากเราจากกันอีก อุษาน้ำตาซึม รู้ดีว่าไม่มีทางเป็นไปได้ อดิศวร์ไม่มีวันยอมแน่นอน

“เขามีสิทธิ์อะไร คุณโตแล้วและก็ไม่ใช่ทาสในเรือนเบี้ย คุณมีอิสระที่จะตัดสินใจเลือกทางเดินชีวิตได้ ทุกอย่างขึ้นอยู่กับคุณคนเดียวว่าพร้อมหรือเปล่า...ว่าอย่างไรครับ” พันธ์สูรย์มองเธออย่างรอคำตอบ

อุษานั่งนิ่งอยู่อึดใจก่อนจะตอบด้วยน้ำเสียงหนักแน่นว่ายังไม่พร้อม พันธ์สูรย์ถึงกับหน้าเสีย...

ฝ่ายวิรงรองเล่าเรื่องที่เกิดขึ้นเมื่อคืนให้ภูไทฟัง ยิ่งพักหลังได้เห็นเหตุการณ์แปลกประหลาดบ่อยครั้งขึ้น เธอยิ่งอยากรู้ว่าคุณพลับพลึงจะมีหน้าตาเป็นอย่างไร ทำไมท่านผู้หญิงสรรักษ์ถึงได้นึกว่าเธอเป็นคุณพลับพลึงอยู่ตลอด สงสัยเราสองคนอาจจะมีเค้าหน้าคล้ายๆกัน

“เป็นไปไม่ได้ คนที่ไม่มีอะไรเกี่ยวข้องกันเลยจะมีหน้าตาเหมือนกันได้อย่างไร ผิดหลักวิทยาศาสตร์”

วิรงรองเชื่อว่ายังมีอีกหลายสิ่งในโลกนี้ที่วิทยาศาสตร์ไม่สามารถอธิบายได้ ภูไทตั้งข้อสังเกตว่าอาจเป็นเพราะท่านผู้หญิงสรรักษ์อายุมากแล้วสายตาก็เลยฝ้าฟาง วิรงรองไม่คิดเช่นนั้น อยู่ใกล้แค่เอื้อมท่านคงตาไม่ฟางขนาดเห็นคนหนึ่งเป็นอีกคนหนึ่ง ภูไทฟันธงว่าเธอเชื่อว่าที่โดมทองมีผี

“วิอยากเรียกว่าดวงวิญญาณมากกว่าค่ะ เป็นดวงวิญญาณที่ยังไปผุดไปเกิดไม่ได้เพราะมีบางสิ่งบางอย่างค้างคาอยู่ ซึ่งวิจะต้องสืบให้รู้ให้ได้”

ภูไทเตือนไม่ให้ไปข้องแวะจะปลอดภัยกว่า วิรงรองลุกออกจากไปหน้าตาเฉยไม่ยอมรับปากอะไร...

ทางฝ่ายพันธุ์สูรย์ยังไม่ละความพยายาม แม้ตอนนี้อุษายังไม่พร้อมจะช่วยชีวิตด้วยแต่เขายินดีจะรอจนกว่าจะถึงวันนั้น หญิงสาวถึงกับน้ำตาซึม ไม่อยากให้พันธ์สูรย์คาดหวังอะไรจากเธอ เพราะเธอไม่อยากได้ขึ้นชื่อว่าเป็นคนอกตัญญู เขาสมมติว่าถ้าเกิดท่านผู้หญิงตายขึ้นมา อุษาจะเปลี่ยนใจไหม หญิงสาวตกใจ ขอร้องอย่าพูดอะไรเป็นลางไม่ดีแบบนั้น พันธ์สูรย์ไม่ได้คิดจะแช่งอะไรท่าน แค่พูดเผื่อไว้เพราะท่านอายุมากแล้ว

“เรากลับกันดีกว่าค่ะ” อุษาตัดบทแล้วลุกออกไปทันที พันธ์สูรย์ถอนใจเหนื่อยใจ ก่อนจะเดินตาม...

ระหว่างที่รออุษากลับมาที่รถ ภูไทเตือนวิรงรองให้ระวังตัวดีๆโดมทองมีประวัติความเป็นมายาวนานตั้งแต่สมัย ร.5 คนที่เคยอยู่ที่นั่นเล่าสืบกันมาว่าโดมทองไม่ใช่บ้านธรรมดา แต่มันมีจิตวิญญาณบางอย่าง

“เรียกว่าบ้านผีสิง” วิรงรองว่าแล้วหัวเราะคิกๆ

“ทำเป็นพูดเล่นดีไปเถอะ”

วิรงรองไม่ได้พูดเล่น เพราะทั้งเคยเห็นและเคยได้ยินอะไรบางอย่างที่นั่น หลายครั้งเธอยังคิดว่าเป็นสิ่งลึกลับเหนือธรรมชาติแต่บางครั้งก็มีบางอย่างทำให้เธอคิดว่าอาจมีใครสักคนอยากทำให้เธอกลัว จังหวะนั้นพันธ์สูรย์กับอุษาตามมาสมทบพร้อมกับหิ้วผลหมากรากไม้มาเต็มสองมือ วิรงรองอดแปลกใจไม่ได้จะซื้อไปทำอะไรมากมาย พันธ์สูรย์อ้างว่าพวกที่โดมทองจะได้ไม่สงสัยว่ามาตลาดทั้งทีไม่มีอะไรติดมือกลับไป

ทั้งสี่คนมัวแต่สาละวนอยู่กับข้าวของไม่ทันสังเกตเห็นอ๊อดแอบถ่ายรูปหมู่ของพวกตนเอาไว้เป็นหลักฐานเล่นงานวิรงรองกับอุษาตามคำสั่งของแสงแข

ooooooo

ขณะที่อดิศวร์ พิณทอง และพิชญ์กำลังวางแผนจะไปจับปูลมชมทะเลกันคืนนี้ อุษาเดินนำวิรงรองเข้ามารายงานอดิศวร์ว่ากลับมาจากตลาดแล้ว พิชญ์อดแขวะไม่ได้ว่าทำราวกับเป็นเด็กว่านอนสอนง่าย

“ที่นี่มีระเบียบว่าจะไปก็ต้องลาจะมาก็ต้องไหว้ ทุกคนต้องปฏิบัติตามนี้เพราะอาณาเขตของโดมทองกว้างใหญ่มาก ถ้าใครหายไปก็จะตามหายาก ยิ่งหายไปหลายวันยิ่งอันตราย...” อดิศวร์หยุดพูดเมื่อเห็นวิรงรองขยับจะไป ร้องทักว่าจะไปไหน เธออ้างว่ามีธุระต้องโทร.คุยกับแม่ แล้วเดินออกไปทันที พิณทองแนะให้น้าชายชวนวิรงรองไปเดินกินลมชมทะเลด้วยกัน อดิศวร์มีท่าทีคล้อยตาม ขณะที่พิชญ์ดูอึดอัดใจ...

ครู่ต่อมา อดิศวร์มาชวนกึ่งบังคับวิรงรองตามคำแนะนำของหลานสาว เธอปฏิเสธทันควันว่าขอตัวไม่ไปด้วย อดิศวร์แดกดัน ที่ไม่อยากไปเพราะทนเห็นพิชญ์กับพิณทองหวานใส่กันไม่ได้ใช่ไหม

“เกรงว่าหลานสาวของคุณคงจะทนไม่ได้มากกว่าที่เห็นพิชญ์คอยวนเวียนอยู่กับดิฉัน”

อดิศวร์ไม่พอใจที่วิรงรองต่อปากต่อคำกระชากแขนเข้ามาใกล้ แล้วบีบไว้เต็มแรง เธอนิ่วหน้าด้วยความเจ็บปวดแต่ไม่ปริปากร้องสักแอะ เขาหมั่นไส้ในความอวดดื้อถือดีของเธอ รวบตัวมากอดไว้ พิณทองเข้ามาเห็นพอดีร้องทักเสียงดังทำให้ทั้งคู่รู้ตัว วิรงรองรีบผลักอคิศวร์ออก แล้วขยับจะเดินหนี เขาคว้าข้อมือไว้

“เอ่อ ขอโทษค่ะ พิณจะมาชวนคุณวิรงรองไปเดินเล่นชายหาดคืนนี้ แต่น้าลบคงตัดหน้าพิณไปแล้ว”

“คงจะเป็นอย่างที่คุณพิณว่า น้าลบชวนวิรงรองและเธอก็ตอบตกลง” อดิศวร์พูดเองเออเองเสร็จสรรพ พิณทองยิ้มรับ ก่อนจะกึ่งเดินกึ่งวิ่งกลับไป แอบพอใจกับภาพที่เห็นเมื่อครู่ ทันทีที่เธอลับสายตา วิรงรองสะบัดมืออดิศวร์ออก ยืนยันเสียงแข็งจะไม่ยอมไปไหนกับเขาทั้งนั้น เขาแกล้งแหย่ถ้าเธอไม่ไปก็ไม่ครบคู่

“คุณแสงแขไงคะ รู้สึกว่าเธอต้องเต็มใจไปด้วยแน่”

อดิศวร์ยิ้มพอใจที่เห็นวิรงรองเผลอตัวแสดงท่าทีแบบนั้นออกมา หญิงสาวรู้สึกตัวทั้งโกรธทั้งอาย รีบเดินหนีกลับห้องพัก...

คุณหญิงแก้วอดแปลกใจไม่ได้เมื่อโทร.มาถามข่าวคราวจากลูกสาวแล้วได้ยินน้ำเสียงแจ่มใสผิดจากวันก่อนลิบลับ แถมลูกยังจะยืดเวลากลับบ้านไปเป็นอาทิตย์หน้า แต่แล้วเธอก็ถึงบางอ้อว่าทำไมพิณทองถึงอารมณ์ดี เป็นเพราะลูกคิดว่าน้าชายที่เคารพรักของตนและวิรงรองอาจจะมีข่าวดีในเร็ววันนี้

“โอ๊ยตาย...ยังไงแม่ก็ไม่ยอมรับแม่นั่นมาเป็นน้องสะใภ้ พูดแล้วขนลุก”

“ก็ยังดีกว่าให้มาแย่งพิชญ์ไปจากพิณนั่นแหละค่ะ” พิณทองวางสายอย่างขัดอกขัดใจ...

ฝ่ายคุณหญิงแก้วพกพาเอาความหงุดหงิดใจไปฟ้องรัฐมนตรีพจน์ เขากลับโล่งใจที่ลูกสาวจะได้หมดคู่แข่ง ไม่ต้องมานั่งร้องไห้วันละสามเวลาอย่างที่เป็นอยู่ทุกวันนี้และที่สำคัญอดิศวร์จะได้มีคนมาดูแลเสียที คุณหญิงแก้วกลัวแม่นั่นจะมาฮุบสมบัติของญาติผู้น้องมากกว่า เธอจะไม่ยอมให้แม่นั่นมาชุบมือเปิบ...

ในขณะที่คุณหญิงแก้วหาทางกีดกันวิรงรองไม่ให้มาข้องแวะกับอดิศวร์ แผนการเดินเล่นชายหาดไล่จับปูลมเป็นอันต้องยกเลิก เพราะฝนเทกระหน่ำไม่ลืมหูลืมตา พิณทองเสียดายมากอุตส่าห์วางแผนไว้ดิบดี ฟ้าฝนกลับไม่เป็นใจ พิชญ์ปลอบว่ายังพักที่นี่อีกหลายวัน ไว้ค่อยนัดกันใหม่ก็ได้ จากนั้นอดิศวร์กับวิรงรองแยกไปทางห้องพักของตัวเองที่อยู่อีกปีกหนึ่งของคฤหาสน์

ooooooo

ตกดึกคืนเดียวกัน ท่ามกลางเสียงฝนและฟ้าที่ร้องครืนๆ กลับมีเสียงหมาหอนโหยหวนดังขึ้น ท่านผู้หญิงสรรักษ์ค่อยๆลืมตาตื่นขึ้น มองไปที่ปลายเตียงเห็นเงาตะคุ่มๆของใครบางคนยืนอยู่ ท่านลุกพรวดทันที

“ใคร...พิศหรือ...ฉันเห็นแกวับๆแวบๆมาหลายครั้งแล้ว”

“พิศมาคอยปกป้องท่านค่ะ” น้ำเสียงของพิศ หลอนๆชวนขนหัวลุก

“ปกป้องบ้าบออะไร นังพลับพลึงมันมาหลอกมาหลอนฉันตั้งหลายครั้ง ไม่เคยเห็นแกโผล่หัวมาเลย แล้วตอนนี้มันก็ส่งนังผู้หญิงที่หน้าตาเหมือนมันยังกับพิมพ์เดียวกันมาล่อตาลบ” ท่านผู้หญิงสรรักษ์โวยลั่น อุไรซึ่งนอนเฝ้าอยู่ข้างเตียงตื่นเพราะเสียงเกรี้ยวกราดของท่าน แต่ต้องตกใจแทบสิ้นสติเมื่อเห็นท่านพูดคุยกับผี

“กำจัดมัน...กำจัดมันให้เหมือนกับที่ฉันกำจัดนังพลับพลึง เอามันไปขังไว้ด้วยกัน”

พิศรับคำ แล้วหายวับไปกับตา ท่านผู้หญิงสรรักษ์เบือนหน้ามาทางที่อุไรนอนอยู่ เธอรีบทำเป็นหลับ ท่านจ้องมองอยู่อึดใจ ก่อนจะเอนตัวลงนอนอย่างเดิม อุไรค่อยๆ ปรือตามองท่านผู้หญิงด้วยสีหน้าหวาดกลัวสุดๆ...

แม้จะตายไปแล้ว แต่วิญญาณของพิศยังคงเชื่อฟังคำสั่งของท่านผู้หญิงสรรักษ์อย่างเคร่งครัด สะกดจิต

วิรงรองให้ลุกจากที่นอน เดินตามเธอไปยังทางขึ้นยอดโดมที่ถูกปิดตาย...

ขณะที่วิรงรองตกอยู่ในสถานการณ์คับขัน เสียงเพลงนางครวญที่แสนเศร้าสร้อยดังฝ่าความเงียบสงัดยามดึก ปลุกอดิศวร์ให้ตื่นขึ้นจากหลับใหล ดึงดูดให้เขาตามเสียงเพลงนั้นไป...

บริเวณบันไดขึ้นยอดโดมที่ทอดยาว ร่างพิศลอยขึ้นไปช้าๆ ท่ามกลางหมอกซึ่งปกคลุมไปทั่วโดยมีวิรงรองท่าทางคล้ายคนละเมอก้าวตาม ประตูเหล็กที่เคยล็อกกุญแจแน่นหนากลับเปิดออกอย่างง่ายดาย พลันมีเสียง

อดิศวร์ตะโกนเรียกวิรงรองดังขึ้น ร่างของพิศเลือนหายไปในพริบตาขณะที่วิรงรองยืนโงนเงนก่อนจะทรุดฮวบอดิศวร์คว้าตัวเธอไว้ได้ทัน ตลอดเวลานั้นหญิงสาวหลับสนิทไม่รู้สึกตัว

ooooooo

อดิศวร์ยังคลางแคลงใจไม่หายเหตุใดประตูเหล็กที่กั้นทางขึ้นยอดโดมถึงเปิดอยู่ตอนที่พบวิรงรองเมื่อคืน เขาสอบถามเรื่องนี้จากนายสมก็ไม่ได้ความอะไรมากนัก รู้เพียงว่าลูกกุญแจไขประตูดอกนี้อยู่ที่ห้องนายสมไม่เคยมีใครหยิบไปไหน อดิศวร์ตั้งข้อสังเกตหรือว่ากุญแจอาจจะไม่ได้ล็อกตั้งแต่แรกแต่ไม่มีใครรู้

“ก็อาจเป็นไปได้ครับ” นายสมสีหน้าครุ่นคิดสงสัยไม่แพ้เจ้านาย

ประมุขโดมทองทำท่าจะพูดบางอย่างแต่แล้วเปลี่ยนใจ ก้าวฉับๆ กลับตึกใหญ่...

ขณะที่อุไรกำลังเล่าเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นในห้องท่านผู้หญิงสรรักษ์ตอนดึกเมื่อคืนนี้ให้วิรงรองกับอุษาฟังด้วยน้ำเสียงตื่นเต้น อดิศวร์มาทันได้ยินประโยคสุดท้ายที่อุไรพูดถึงผี สั่งให้เล่าให้ฟังตั้งแต่ต้นอีกครั้ง วิรงรองขี้เกียจฟังซ้ำจึงเดินเลี่ยงออกมาหามุมสงบนอกตัวตึก นั่งพิงต้นไม้หลับตานึกถึงภาพเหตุการณ์เมื่อคืน เหมือนความฝันที่ขาดเป็นช่วงๆ ไม่ปะติดปะต่อกัน อดิศวร์ตามเข้ามาเรียก เธอกลับนั่งนิ่ง

ชายหนุ่มทรุดตัวลงนั่งข้างๆ จับไหล่วิรงรองเขย่าเบาๆ เธอปรือตามองงงๆ เขาถามด้วยความเป็นห่วงว่าเป็นอะไรหรือเปล่า หญิงสาวได้สติลุกพรวดขึ้นยืน อารามรีบร้อนซวนเซจะล้ม อดิศวร์รีบประคองไว้ ทั้งสองสบตากันนิ่งงัน แสงแขเข้ามาเห็นพอดี พยายามปรับสีหน้าเป็นปกติทั้งๆ ที่ในใจร้อนรุ่มด้วยแรงริษยา อดิศวร์คลายวงแขนออกจากวิรงรอง ถามแสงแขว่ามีอะไร

“คุณย่าต้องการพบคุณลบค่ะ”

อดิศวร์พยักหน้ารับรู้ แล้วกลับเข้าตัวตึก ขณะที่วิรงรองเดินแยกไปอีกทางหนึ่ง แสงแขมองตามชายหนุ่มที่เธอแอบหลงรัก น้อยเนื้อต่ำใจทำไมเขาถึงไม่เคยมองเธอด้วยสายตาแบบนั้นบ้าง...

ท่านผู้หญิงสรรักษ์ยังไม่ละความพยายามที่จะยัดเยียดแสงแขให้หลานชายตัวเอง ขอร้องให้เขาช่วยพาเธอออกไปเที่ยวบ้าง อ้างว่าคนอื่นไปเที่ยวตะลอนๆ กัน ส่วนแสงแขต้องอุดอู้เฝ้าตนทั้งวันทั้งคืน อดิศวร์ไม่ขัดข้องยินดีทำตามที่คุณย่าต้องการ แสงแขแอบกระหยิ่มยิ้มย่องที่จะได้ไปเที่ยวกับชายในฝันของตน...

ความฝันที่แสงแขวาดไว้เป็นอันต้องสลาย เพราะอดิศวร์ไม่ยอมไปกับเธอตามลำพัง ชวนหลานสาวกับหลานเขยไปเที่ยวด้วย ครั้นหวังจะได้เป็นตุ๊กตาหน้ารถก็ยังดี เขากลับไม่ยอมขับรถเอง ให้นายสมมาขับให้ แล้วตัวเขากับหลานทั้งสองคนไปนั่งเบาะหลัง แสงแขจึงต้องนั่งหน้าคู่กับคนขับรถ เธอได้แต่เก็บความน้อยใจไว้...

ท่านผู้หญิงสรรักษ์ที่ดูเหมือนจะคุ้มดีคุ้มร้ายกลับเจ้าเล่ห์เพทุบายนัก รอจังหวะที่อดิศวร์พาแสงแขไปเปิดหูเปิดตา สั่งโอบไปตามตัววิรงรองมาพบ ท่านคาดคั้นให้เธอบอกมาว่าเป็นใครกันแน่ หรือว่าผีนังพลับพลึงส่งมา วิรงรองยืนยันว่าไม่เคยรู้จักหรือเคยได้ยินเรื่องราวของคุณพลับพลึงหรือท่านผู้หญิงสรรักษ์มาก่อน และที่เธอมาที่นี่ก็เพราะคุณป้าสุรภีซึ่งเป็นผู้มีพระคุณของเธอส่งมา ขอให้ท่านให้ความยุติธรรมกับเธอด้วย

“ไม่มีความยุติธรรมสำหรับคนเนรคุณ แกมันเลี้ยงไม่เชื่องกินบนเรือนขี้บนหลังคา อีนังพลับพลึง ผีอย่างแกก็ทำได้แค่นี้ ฉันสิเหนือกว่าแกทุกอย่าง จนป่านนี้แกก็ยังไม่ได้พบกับคนที่แกรัก พวกแกจะต้องวนเวียนตามหากันตลอดไปโดยไม่ต้องไปผุดไปเกิด ฉันนี่แหละคือผู้ชนะ ฉันเป็นผู้กุมชะตากรรมพวกแก” ท่านผู้หญิงสรรักษ์หัวเราะอย่างบ้าคลั่ง วิรงรองโต้กลับว่าสภาพอย่างนี้หรือที่ท่านเรียกว่าผู้ชนะ ท่านผู้หญิงสรรักษ์หยุดกึก

“ท่านคือผู้แพ้ต่างหาก แพ้ต่อความรัก โลภโกรธหลง ท่านปล่อยให้โทสะเข้าครอบงำ หมกมุ่นอยู่แต่กับความเกลียดชัง อาฆาตพยาบาท ขอประทานโทษเถอะค่ะ ท่านเคยถามตัวเองไหมคะว่าทุกวันนี้ท่านมีความสุขดีหรือเปล่า ความจริงวัยของท่านขนาดนี้ก็สมควรจะเข้าวัดฟังเทศน์ ทำบุญทำทาน ชำระจิตใจให้บริสุทธิ์ได้แล้ว ท่านโกรธเกลียดเคียดแค้นคุณพลับพลึงโดยที่คุณพลับพลึงไม่ได้มารับรู้ด้วยเลย จนป่านนี้ก็ยังไม่มีใครได้ข่าวจากเธอ ไม่มีใครรู้ว่าเธออยู่ที่ไหน” วิรงรองเถียงคำไม่ตกฟาก ท่านผู้หญิงสรรักษ์โมโหจัดจนลืมตัวตะโกนลั่น

“ฉันรู้ว่ามันอยู่ที่ไหน” พอรู้สึกตัวว่าเผลอพูดอะไรที่ไม่ควรพูด ท่านผู้หญิงไล่ตะเพิดวิรงรองกลบเกลื่อน

ooooooo

อ่านละคร โดมทอง ตอนที่ 6 วันที่ 17 มิ.ย. 56

ละครเรื่อง โดมทอง บทประพันธ์โดย วราภา
ละครเรื่อง โดมทอง บทโทรทัศน์โดย : ภาวิต
ละครเรื่อง โดมทอง กำกับการแสดงโดย : นนทนันท์ ธัญญาสิริทรัพย์
ละครเรื่อง โดมทอง ควบคุมการผลิตโดย : สยม สังวริบุตร
ละครเรื่อง โดมทอง แนวละคร : ชีวิต ลึกลับ ตื่นเต้น
ละครเรื่อง โดมทอง ออกอากาศทุกวันจันทร์ และวันอังคาร เวลา 20.25 น. ทางช่อง 7 สี
ที่มา ไทยรัฐ