อ่านละคร ด้วยแรงอธิษฐาน ตอนที่ 8 วันที่ 8 ต.ค.61

อ่านละคร ด้วยแรงอธิษฐาน ตอนที่ 8 วันที่ 8 ต.ค.61

“เอ่อ...ฉันขอโทษ ฉันลืมคิดตรงนี้ไป”

“ต่อไปนี้ไม่ต้องมายุ่งกับพ่อแม่ฉันแล้วก็ไม่ต้องมาเจอกับฉันอีก!”

ถุงแป้งพูดจบก็วิ่งหนี นัทธมนรีบตามและยอมสารภาพแค่ว่านัดคุยกับปิติเรื่องวรดาถุงแป้งส่ายหน้าไม่อยากเชื่อหู

“ทำไมเธอถึงหมกมุ่นกับเรื่องนี้นักหนา วรดาสำคัญกับเธอมากเหรอ”



“สำคัญสิ เธอไม่เข้าใจหรอก”

“ไม่เข้าใจ...เธอก็อธิบายมาสิ บอกให้ฉันเข้าใจสิ”

นัทธมนไม่ทันอธิบายเหตุผล กฤตย์ก็โผล่มา

ถุงแป้งถือโอกาสผละหนี นัทธมนจะตามแต่ก็ไม่ทันแล้ว กฤตย์ถอนใจยาวก่อนถามเรื่องราวจากเลขาฯสาว

“ไหนคุณเล่าให้ผมฟังซิ มันเกิดเรื่องอะไรขึ้นกันแน่”

“ก็บอกแล้วไงคะว่าไม่มีเรื่องอะไรหรอกค่ะ”

“จะไม่มีได้ไง ผมได้คุยกับพี่เกตุแล้ว”

“เอ่อ...คุณน้าเกตุเขากำลังเข้าใจดิฉันผิดนะคะ”

“แล้วที่ถูกมันคืออะไร คุณก็เล่ามาสิ...”

ooooooo

นัทธมนไม่ปริปากเล่าปัญหาระหว่างตนกับถุงแป้งเพื่อนรัก กฤตย์ไม่ได้เซ้าซี้ ได้แต่เฝ้ามองเลขาฯสาวด้วยความเป็นห่วง เต้ยแวะมาหาถุงแป้งทันทีที่เธอโทร.ไปร้องไห้ เขาอึดอัดใจมากแต่บอกเธอไม่ได้ว่าทั้งหมดมาจากความแค้นของนัทธมนที่มี ต่อฆาตกรฆ่าวรดา

กฤตย์ทนเห็นเลขาฯสาวนั่งซึมต่อไม่ไหวชวนไปกินข้าว นัทธมนจำใจพาเขาไปกินร้านประจำ กฤตย์ไม่ยี่หระท่าทางซังกะตายยั่วแหย่ทุกทางจนเธออารมณ์ผ่อนคลายและยิ้มออกบ้าง

ถุงแป้งไม่ยอมกลับบ้าน เต้ยอาสาอยู่เป็นเพื่อนและขับพาไปเพชรบูรณ์ตามที่เธอขอร้อง ฟางครูอาสาเพื่อนรุ่นพี่ของถุงแป้งมองมาด้วยความแปลกใจเพราะถุงแป้งไม่ได้โทร.บอกก่อนว่าจะมา

ฟางมั่นใจว่าถุงแป้งต้องมีปัญหาแต่ไม่อยากซักไซ้ให้อึดอัด เธอปล่อยให้ถุงแป้งกับเต้ยช่วยกันดูแลเด็กๆในโรงเรียนและช่วยซ่อมแซมอุปกรณ์ต่างๆจนสบายใจจึงถือโอกาสพูดเตือนสติ

“ตอนนี้ปัญหาที่ถุงแป้งเจอมันอาจจะดูหนัก  แต่เชื่อเถอะนะว่าเวลาผ่านไปอะไรๆมันก็จะดีขึ้นเอง”

“มันจะดีขึ้นได้ยังไงพี่ฟาง ในเมื่อพ่อกับแม่จะหย่ากัน”

“มันอาจจะไปไม่ถึงขั้นนั้นก็ได้นะถุงแป้ง ตอนนี้คุณป้ากำลังโกรธอาจจะพูดไปด้วยอารมณ์ แต่ต่อให้ท่านสองคนหย่ากันจริงๆก็แค่เลิกกันในสถานะสามีกับภรรยา แต่สถานะพ่อกับแม่ยังไงก็ยังเหมือนเดิมอยู่”

เต้ยพยักเพยิดเห็นด้วย ถุงแป้งเริ่มฉุกใจคิดแต่ไม่ทันได้สะระตะทั้งเธอ ฟางและเต้ยก็ต้องช่วยกันซ่อมป้ายคติพจน์ของโรงเรียนที่หล่นลงมา บรรยากาศสนุกสนานเคล้าเสียงหัวเราะของเด็กๆทำให้ถุงแป้งอารมณ์ดีขึ้นแต่กระนั้นก็ไม่ยอมกลับกรุงเทพฯ ฟางเลยจัดให้นอนกับเธอ ส่วนเต้ยนอนในห้องพักครู

ฟางเตือนให้ถุงแป้งโทร.บอกพ่อแม่เพราะไม่อยากให้เป็นห่วง เต้ยเห็นดีด้วยแต่ถุงแป้งกลับลังเลเพราะยังไม่พร้อมจะกลับไปเจอพ่อแม่ทะเลาะกัน เกตุมณีร้อนรนมากเพราะดึกดื่นลูกสาวคนเดียวก็ยังไม่กลับ ปิติก็นั่งไม่ติดและคิดจะโทร.หานัทธมนเพื่อนสนิทของลูกสาว

เกตุมณีของขึ้นเมื่อได้ยินชื่อนัทธมน ถลาไปยึดมือถือสามี

“ฉันไม่ให้โทร.! คุณไม่ต้องเอาลูกมาเป็นข้ออ้างเพื่อโทร.หาเด็กนั่นหน่อยเลย”

“ผมจะโทร.ถามเรื่องลูก มีเหตุผลหน่อยสิคุณเกตุ”

“คุณก็หัดใช้ความคิดซะบ้างนะก่อนจะทำอะไร ยัยถุงแป้งรู้ว่าเด็กนั่นทำอะไรลับหลังกับพ่อตัวเองเอาไว้ คุณคิดว่ายัยถุงแป้งจะยังคบหากับเด็กนั่นอยู่อีกเหรอ”

ปิติหน้าเจื่อน ยอมละความตั้งใจจะโทร.หา

นัทธมนเพราะเริ่มคิดได้ว่าการกระทำไม่คิดของตนอาจทำให้ลูกสาวคนเดียวเสียใจและเตลิดหนักกว่าเดิม

ooooooo

ถุงแป้งคิดถึงพ่อแม่แต่ไม่อยากโทร.หา เต้ย

มองมาด้วยความเป็นห่วงแต่ไม่ทันอ้าปากปลอบเธอก็โวยวายออกมาก่อนเมื่อเห็นเขามีแผลยุงกัดตามตัว

เต้ยขยับมือเกาหน้าแหย ถุงแป้งส่ายหน้าขำๆและพาเขาไปในครัว หั่นมะนาวและทาตามแผลให้

“เราไม่เคยรู้เรื่องพวกนี้เลยแฮะ วันนี้ถุงแป้งมีอะไรให้เราทึ่งหลายอย่างเลยนะ”

“เว่อร์ไปหรือเปล่า เราก็แค่จำมาจากผู้ใหญ่ที่เคยสอนอีกที”

“ไม่ใช่แค่เรื่องนี้ หลายๆเรื่องเลยที่เราไม่คิดว่าถุงแป้งจะทำได้ ตอนแรกคิดว่าจะเป็นพวกสาวเอ๋อ ที่ไหนได้เป็นสาวอึดเหมือนกันนะเรา”

“นี่ชมหรือหลอกด่าเนี่ย”

“ชมสิ...ชมจากใจเลย”

บรรยากาศเงียบสงบในโรงเรียนต่างจังหวัดทำให้สองหนุ่มสาวอารมณ์ปลอดโปร่ง โดยเฉพาะถุงแป้งที่มีเรื่องอื่นให้ทำจนแทบไม่ได้คิดถึงเรื่องขัดแย้งของพ่อแม่ กระนั้นเธอก็ไม่มีวันรู้เลยว่าเรื่องวุ่นวายจะมาถึงในเช้าวันต่อมา เมื่อฟางตัดสินใจโทร.บอกปิติกับเกตุมณีว่า

ลูกสาวคนเดียวหลบมาพักใจที่นี่...

นัทธมนยังไม่รู้เรื่องถุงแป้งหนีออกจากบ้าน มาทำงานที่ออฟฟิศกฤตย์ตามปกติ แต่แกมแก้วรู้ทุกอย่างแล้วและไม่รอช้าจะบุกออฟฟิศพี่ชายเพื่อเอาเรื่องเลขาฯสาวหน้าหวาน

“นี่เธอไปก่อเรื่องอะไรให้อีตาปิติกับพี่เกตุเขา”

“ดิฉันก็ไม่ได้ทำอะไรนี่คะ”

“ยังจะมาทำไม่รู้ไม่ชี้อีก คิดว่าฉันไม่กล้าตบแกหรือไง”

กฤตย์เห็นท่าไม่ดีถลาไปห้ามเลยถูกน้องสาวแหวใส่

“พี่กฤตย์ระวังตัวไว้เถอะค่ะ ถ้านึกไม่ออกว่าแม่นี่ร้ายยังไงก็ให้นึกถึงวรดาก็ได้ค่ะ”

“พูดอะไรออกมาน่ะแก้ว”

“พี่กฤตย์ก็ดูสิคะ แม่เนี่ยไม่ใช่แค่หน้าตาเหมือนวรดานะแต่นิสัยชอบหว่านเสน่ห์อ่อยผู้ชายก็ไม่ต่างกัน”

“แก้ว...หยุดพูดจาแบบนี้นะ”

“ทำไมเหรอคะ แก้วพูดความจริงแล้วพี่กฤตย์รับไม่ได้หรือไง”

“ความจริงอะไรกัน แก้วกำลังไม่ให้เกียรติเลขาฯพี่แล้วยังพาดพิงถึงคนที่เสียไปนานแล้ว”

“ค่า...แก้วแตะต้องใครไม่ได้เลย พี่กฤตย์

ปกป้องนัทธมน ปกป้องวรดา แต่พี่กฤตย์ไม่เคยปกป้องน้องสาวเลย”

“ไม่ใช่อย่างงั้นนะแก้ว”

แกมแก้วไม่ยี่หระคำพูดของพี่ชายหันไปทิ้งท้ายกับนัทธมน

“ระวังตัวไว้นะเธอน่ะ ถ้าคิดจะมาวุ่นวายกับครอบครัวพี่เกตุหรือพี่กฤตย์ล่ะก็...เธอได้เจอฉันแน่!”

นัทธมนกัดฟันไม่ตอบโต้ กฤตย์รอจนน้องสาวปึงปังออกจากห้องจึงหันไปปลอบเลขาฯสาว

“คุณไม่เป็นอะไรนะ...อย่าถือสาแก้วเขาเลย อย่างที่ผมเคยเล่า น้องสาวผมมีปัญหาเรื่องการควบคุมอารมณ์”

“ค่ะ...คุณกฤตย์เคยบอกแล้ว ดิฉันถึงอดทนไม่โต้ตอบอะไรไงคะ”

“ขอบคุณนะที่เข้าใจ แก้วเนี่ยถึงเขาจะหลุดคำพูดร้ายๆบ้างแต่ตัวตนข้างในเป็นคนจริงใจ รักใครรักจริงนะคุณ”

กฤตย์พยายามแก้ต่างให้น้องสาว นัทธมน

ไม่ตอบได้แต่นิ่งเงียบเก็บข้อมูล...หรือว่ารักฝังใจของแกมแก้วจะทำให้วรดาต้องตาย...

ooooooo

เกตุมณีนอนไม่หลับทั้งคืนเพราะเป็นห่วง

ลูกสาว ปิติเป็นห่วงแต่ไม่กล้าทักจนกระทั่งฟางเพื่อนรุ่นพี่ของลูกสาวโทร.มาแจ้งข่าวว่าถุงแป้งไปหลบภัยที่เพชรบูรณ์

ปิติกระโจนตามภรรยาทันทีเมื่อเห็นเธอคว้ากุญแจรถออกไปนอกบ้าน เกตุมณียื้อไว้จะไปคนเดียว

“คุณขับรถคนเดียวไหวหรือไง เมื่อคืนก็เอาแต่ห่วงลูกจนแทบไม่ได้นอน”

“คุณไม่ต้องมาสนใจฉันหรอก”

ไม่ทันขาดคำเกตุมณีก็เกิดอาการวูบ ปิติต้องช่วยพยุงและแย่งกุญแจรถมาถือไว้

“นั่นไง...เกิดหลับในระหว่างทางจะทำยังไง ผมขับให้เอง”

“ไม่...เอากุญแจคืนมานะ”

“ผมเป็นห่วงลูกคนเดียวก็พอแล้ว อย่าให้ต้องเป็นห่วงคุณอีกคนเลยคุณเกตุ หรือจะต้องให้ผมอุ้มคุณขึ้นรถ”

“ฉันไม่ใช่เด็กสาวๆนะ ไม่ต้องมาใช้มุกนี่กับฉันหรอก”

“คุณเกตุ...ผมเป็นห่วงลูกเป็นห่วงคุณนะ ในชีวิตผม ไม่มีใครสำคัญไปกว่าคนในครอบครัวตอนนี้อีกแล้ว”

ปิติพูดด้วยน้ำเสียงจริงจัง เกตุมณีเห็นดังนั้นเลยยอมอ่อนท่าทีลง

“งั้นคุณก็ขับไปแล้วกัน ไปถึงแล้วจะได้รับยัยถุงแป้งกลับมาเลย”

นัทธมนพยายามโทร.หาถุงแป้งเพื่อนรักตั้งแต่วันก่อนแต่อีกฝ่ายไม่ยอมรับสาย กระทั่งวันนี้ก็ยังไม่รับจนเธอเริ่มเป็นกังวล กฤตย์ไม่ได้ซักถามแต่สั่งงานพิษณุให้ช่วยประสานร้านเสื้อผ้าเจ้าประจำให้หาชุดธีมย้อนยุคให้เลขาฯสาวเพราะเธอต้องไปร่วมงานเปิดตัวโครงการที่บริษัทออกแบบ

กฤตย์เป็นคนเลือกแบบชุดให้นัทธมนเองแต่มอบหมายให้พิษณุไปรับ ท่ามกลางความสงสัยของเจ้าของร้านเสื้อว่าใครคือหญิงสาวผู้โชคดีที่สถาปนิกหนุ่มมือทองอย่างกฤตย์ลงทุนเลือกชุดให้...

ถุงแป้งไม่ได้ระแวงว่าพ่อแม่จะมารับ วุ่นวายกับการสอนเด็กๆช่วยฟางที่เป็นครูอาสา

“เด็กๆดูมีความสุขมากเลยนะที่ได้เรียนกับถุงแป้ง”

“จริงหรือพี่ฟาง จะว่าไปเด็กๆที่นี่น่ารักมากเลย ถุงแป้งชักอยากเป็นครูเหมือนพี่ฟางแล้ว”

ฟางพยักหน้ารับยิ้มๆก่อนตัดสินใจถามเมื่อเห็นว่ามีโอกาสอยู่ด้วยกันตามลำพัง

“ถุงแป้งไม่ได้กลับบ้านมาหลายวันแล้ว พี่ว่าคุณลุง คุณป้าคงเป็นห่วงถุงแป้งมากนะ”

“พี่ฟางจะไล่ถุงแป้งกลับแล้วใช่ไหมคะ”

“พี่ไม่ได้จะไล่ แต่พี่ไม่อยากให้เราหนีปัญหาด้วยวิธีแบบนี้ เพราะมันไม่ได้ทำให้อะไรดีขึ้น ถุงแป้งโตแล้วควรกลับไปแก้ไขปัญหามากกว่าจะหนีไปเรื่อยๆนะ”

จบคำของฟางรถของปิติกับเกตุมณีก็แล่นเข้ามาในโรงเรียน ถุงแป้งหน้าตื่น

“นี่พี่ฟางโทร.บอกพ่อแม่ว่าถุงแป้งอยู่ที่นี่เหรอ”

“พี่แค่ไม่อยากให้คุณลุงคุณป้าไม่สบายใจที่ถุงแป้งหายตัวไป”

ถุงแป้งไม่รอให้พ่อแม่มาหาวิ่งหนีไปหาเต้ยที่

ไร่ข้าวโพดข้างๆ

“พี่ฟางบอกพ่อกับแม่ว่าเราอยู่ที่นี่”

“พ่อแม่ถุงแป้งมาที่นี่เหรอ”

“ใช่...เรายังไม่อยากกลับบ้าน เราไม่อยากเห็นพ่อแม่ทะเลาะกัน เต้ยพาเราไปที่ไหนก็ได้ พาเราไปทีนะ”

เต้ยละล้าละลังไม่อยากให้เพื่อนสาวเตลิด ถุงแป้งอ่านท่าทางนั้นแล้วตัดพ้อ

“ถ้าเต้ยคิดว่าเราทำให้เต้ยลำบาก เราไปเองก็ได้”

ถุงแป้งจะผละหนี เต้ยตกใจคว้ามือไว้ จังหวะเดียวกับที่ปิติวิ่งมาเห็นจึงถลาไปชก

“นายกล้าดียังไงมาทำให้ลูกสาวฉันร้องไห้”

เต้ยจะปฏิเสธแต่ปิติไม่ฟังกระชากคอเสื้อจะชกซ้ำ ถุงแป้งต้องกระโจนมาห้าม

“พ่ออย่าทำอะไรเต้ยนะ เขาไม่ได้ทำอะไรถุงแป้ง”

เกตุมณีเพิ่งตามทันและเข้าใจผิดคิดว่าเต้ยเป็นตัวการพาลูกสาวหนีมาที่นี่ “เราไม่ต้องไปห้ามพ่อเขาเลยถุงแป้ง เธอใช่ไหมที่เป็นตัวการพาถุงแป้งหนีมาที่นี่ รู้ไหมว่าทำแบบนี้ลูกสาวฉันจะเสียหายแค่ไหน”

ทุกอย่างเริ่มเลอะเทอะไปกันใหญ่ ถุงแป้งทนไม่ไหว โพล่งอย่างเหลืออด “ทุกอย่างเป็นความคิดของถุงแป้งทั้งนั้น ถุงแป้งไม่อยากกลับบ้าน ถุงแป้งอยากไปไหนก็ได้ที่ไม่ต้องเห็นพ่อกับแม่ทะเลาะกัน!”

ooooooo

ความในใจของถุงแป้งทำให้ปิติกับเกตุมณีรู้สึกผิดมาก โดยเฉพาะเกตุมณีที่เป็นคนเปิดประเด็นขอหย่า ปิติส่งสายตาอ้อนวอนขอให้เธอล้มเลิกความคิด เกตุมณีต้องยอมเพราะไม่อยากให้ลูกสาวไม่สบายใจ

ถุงแป้งยังงอนพ่อแม่ เดินหนีและหาไข่ต้มมาประคบใบหน้าเต้ยที่ถูกปิติต่อย

“ขอโทษนะเต้ย เพราะเราทำให้เต้ยต้องเจ็บตัวแบบนี้ แถมแม่ก็ยังพูดใส่เต้ยแบบนั้นอีก”

“ไม่เป็นไรหรอก ทั้งหมดก็เป็นเพราะท่านทั้งสองคนรักและห่วงถุงแป้งมาก”

ปิติพาเกตุมณีเดินมาทันได้ยินประโยคของเต้ยพอดี รีบสำทับ

“ใช่...เพราะฉันห่วงถุงแป้งมากเลยทำอะไร ไม่ตั้งใจลงไป ยังไงก็ขอโทษด้วยละกัน”

เต้ยไม่ถือสาแต่ถุงแป้งยังเคืองพ่อกับแม่จะเดินหนีอีกรอบ ฟางต้องรั้งตัวไว้

“เดี๋ยวสิถุงแป้ง คุณป้ามีอะไรอยากจะพูดกับถุงแป้งด้วยนะ”

เกตุมณีมองหน้าปิติและหันมาสบตาลูกสาว ตัดสินใจพูดทุกอย่างจากใจจริง

“แม่ขอโทษนะที่ทำให้ลูกเสียใจขนาดนี้ แต่

วันนี้เรากลับบ้านกันนะ แม่จะไม่บังคับให้ถุงแป้งเลือกอะไรอีก”

“นี่หมายความว่าพ่อกับแม่...”

“แม่จะไม่พูดเรื่องหย่าอีก”

“แม่พูดจริงๆนะ”

“จริงสิ...แม่จะให้โอกาสคนโกหกสักครั้ง หวังว่าเขาจะไม่ทำลายโอกาสที่แม่ให้เพียงเพราะเด็กผู้หญิงคนนึง”

พูดพลางปรายตาไปทางปิติที่พยักหน้าสัญญา ถุงแป้งดีใจที่ครอบครัวคืนดีกัน ฟางโล่งใจมากเช่นเดียวกับเต้ยแต่กระนั้นเขาก็ไม่วางใจเพราะเชื่อว่านัทธมนคงไม่ยอมหยุดสืบเรื่องวรดาแค่นี้...

นัทธมนไม่ได้คิดถึงเรื่องถุงแป้งอีก แม้รู้ตัวว่าทำอะไรโดยไม่คิดถึงผลกระทบแต่ความแค้นและความอยากรู้เรื่องวรดาก็ทำให้ดึงดันไม่ยอมจบ มนทิราเฝ้ามองลูกสาวคนเดียวด้วยความเป็นห่วง เห็นเงียบก็เบาใจแต่ก็เพียงไม่นานเมื่อเห็นว่าเต้ยมาดักรอนัทธมนที่หน้าบ้าน

เต้ยไม่สบายใจที่ต้องปิดบังถุงแป้ง เหตุการณ์เพื่อนสาวหนีออกจากบ้านเมื่อวันก่อนแถมครอบครัวเกือบพังทำให้เขาสำเหนียกได้ว่านัทธมนกำลังล้ำเส้นและเห็นแก่ตัวจนเขาต้องมาเตือนสติ

“ฟังนะนัท...ไม่ว่าเธอคิดจะทำอะไรเกี่ยวกับเรื่องวรดา เราขอร้องให้เธอหยุดซะ”

“ทำไมเหรอเต้ย”

“เธอไม่รู้เหรอว่าถุงแป้งเขาต้องเสียใจแค่ไหน ไอ้การสืบเรื่องวรดาของเธอทำให้ครอบครัวเขาเกือบแตกแยกน่ะ”

นัทธมนผงะเล็กน้อย รู้สึกผิดแต่ยังไม่ยอมหยุดความตั้งใจ

“แต่มันก็ไม่มีอะไรแล้วไงเต้ย คุณกฤตย์บอกว่าทางบ้านถุงแป้งเคลียร์กันแล้ว ไม่มีการแตกแยกอะไรซะหน่อย”

เต้ยส่ายหน้าเหนื่อยใจ เบื่อหน่ายกับความเจ้าคิดเจ้าแค้นของเพื่อนสาว “นัท...นี่เธอไม่รู้สึกผิดบ้างเหรอ

เธอเป็นตัวการแอบนัดพ่อเพื่อนไปแบบนั้น ไม่คิดจะแคร์ความรู้สึกของถุงแป้งกับแม่เขาเลยหรือไง”

“ฉันไม่ได้ทำอะไรผิด ฉันก็แค่อยากรู้เรื่องวรดา”

“ก็เรื่องของวรดานี่แหละที่ทำให้ทุกคนเดือดร้อนกันไปหมด”

“แล้วนายจะให้ฉันทำยังไง”

“ก็เลิกสืบเรื่องนี้ซะ!”

น้ำเสียงเกรี้ยวกราดของเต้ยเป็นสิ่งที่เธอไม่เคยได้ยิน นัทธมนเริ่มใจเสียแต่ยืนกรานไม่เปลี่ยนใจ

“เต้ย...ขอร้องล่ะ อย่าเพิ่งให้ฉันเลิกสืบตอนนี้ ฉันมั่นใจว่าเข้าใกล้ความจริงไปทุกทีแล้ว”

เต้ยหมดความอดทนโพล่งอย่างเหลืออด “หยุดเห็นแก่ตัวซะทีได้ไหม! ไอ้ความอยากรู้บวกกับใจผูกอาฆาตของเธอมันทำให้คนรอบข้างได้รับผลกระทบกันไปหมด นัท...เธอต้องหยุดเรื่องนี้”

“แล้วถ้าฉันบอกว่าฉันไม่หยุดล่ะ”

“งั้นก็ตามใจ...ถ้าเธอห่วงเรื่องนี้มากกว่าจะกลัวเสียเพื่อนอย่างเรากับถุงแป้งไป”

ooooooo

นัทธมนสะเทือนใจมากเมื่อถูกเต้ยขู่จะเลิกคบหากยังรั้นสืบเรื่องวรดา มนทิราไม่ได้ยินว่าลูกสาวเถียงอะไรกับเพื่อนหนุ่ม ได้แต่มองตามด้วยความเป็นกังวลเพราะลูกสาวชอบเก็บเรื่องกลุ้มใจไว้คนเดียว

กฤตย์ไม่ได้สังเกตแววตาทุกข์ใจของเลขาฯสาว มัวเตรียมตัวไปงานเปิดตัวโครงการที่เขากับเธอต้องแต่งชุดย้อนยุคให้เข้ากับธีมงาน พิษณุเป็นคนไปรับชุดที่ร้านและนำมาให้เลขาฯสาว

“ชุดสำหรับคืนนี้ครับคุณนัท”

“ขอบคุณนะคะคุณพิษณุที่ช่วยจัดการเรื่องชุดให้”

พิษณุคันปากอยากบอกว่ากฤตย์เป็นคนจัดการแต่เป็นคำสั่งไม่ให้บอกเลยได้แต่นิ่งเฉย นัทธมนไม่ได้ติดใจสงสัยและอดนินทาความเนี้ยบของเจ้านายหนุ่มไม่ได้

“ความจริงคุณกฤตย์ไม่เห็นต้องจริงจังขนาดนี้เลยนะคะ นัทคิดว่าแต่งอะไรไปก็ได้”

“ก็รู้ๆกันอยู่นะครับ ยังไงก็แต่งชุดนี้ไปเถอะครับ รับรองถูกใจ...เอ่อ...เหมาะสมตามที่คุณกฤตย์สั่งแน่ๆ”

ท่าทางคะยั้นคะยอผิดปกติของพิษณุทำให้นัทธมนคิดหนัก ไม่รู้ว่าควรแต่งชุดตามใจเจ้านายหนุ่มหรือไม่ สุดท้ายก็เลือกเชื่อสัญชาตญาณตัวเองหยิบชุดพื้นๆของตัวเองมาสวม เมื่อกฤตย์มาถึงก็นึกโกรธเลขาฯสาวที่ดื้อไม่ทำตามสั่งต้องบังคับแกมขู่นัทธมนจึงยอมเปลี่ยนชุดแบบเสียไม่ได้

อ่านละคร ด้วยแรงอธิษฐาน ตอนที่ 8 วันที่ 8 ต.ค.61

ละครเรื่อง บทประพันธ์โดย: กิ่งฉัตร
ละครเรื่อง บทโทรทัศน์โดย ทองเอก-ญาลิล-ณกดแก้ว
ละครเรื่อง กำกับการแสดงโดย ผิน เกรียงไกรสกุล
ละครเรื่อง ผลิตโดย บริษัท กัทส์ เอ็นเตอร์เทนเม้นท์ จำกัด
ละครเรื่อง ช่องออกอากาศ สถานีวิทยุโทรทัศน์ไทยทีวีสีช่อง 3
ละครเรื่อง นักแสดงนำ เจษฎาภรณ์ ผลดี,นิษฐา จิรยั่งยืน
ที่มา ไทยรัฐ