อ่านละคร ปี่แก้วนางหงส์ ตอนที่ 3 วันที่ 26 ต.ค.61

อ่านละคร ปี่แก้วนางหงส์ ตอนที่ 3 วันที่ 26 ต.ค.61

หลวงราชตามออกมา สารภีถามว่าคุณหลวงชอบดอกปีบหรือ ทำไมถึงชอบดอกแห้งดอกนี้ยิ่งกว่าดอกสดที่หอมชื่นใจ แซะว่าหรือดอกปีบนี้สำคัญกว่าดอกอื่น หลวงราชนิ่ง สารภีถามว่าตนเข้าใจถูกใช่ไหม

หลวงราชบอกว่าถูกผิดไม่สำคัญ ขอบใจที่หล่อนเก็บมันคืนให้ตน ชมว่าหล่อนละเอียดอ่อนกว่าที่ตนคิดสารภีขอบคุณแล้วขึ้นรถไปอย่างมีมาด ส่งสายตาให้หลวงราชก่อนรถเคลื่อนออกไป

“หล่อนนี่สำคัญนัก สารภี” หลวงราชพึมพำ



สารภียิ้มมีความสุขที่ได้พบหลวงราชอีกครั้ง ชบาเห็นนายยิ้มก็เข้าใจความรู้สึก อดยิ้มตามไม่ได้

ฝ่ายหลวงราชกลับเข้าบ้านก็เจอคุณหญิงเกสร

รออยู่แล้วถามทันทีว่าแม่นั่นไม่ได้ขอสิ่งตอบแทนอะไรลูกใช่ไหม และลูกไม่ได้คิดจะตอบแทนมากกว่าการขอบคุณใช่ไหม หลวงราชรับคำเบื่อๆและจะเดินเข้าบ้าน

คุณหญิงที่เจ้ายศเจ้าอย่างหวงลูกชายและไม่ยอมรับใครเป็นสะใภ้ง่ายๆ โดยเฉพาะคนที่ไม่รู้หัวนอนปลายตีนและไม่มีเชื้อสายเป็นผู้รากมากดีมาก่อน ปรามหลวงราชว่า

“เห็นแค่สายตาก็รู้แล้วว่าแม่นั่นหมายของสูง เป็นลูกเจ๊กแต่อยากเป็นมาดามจนตัวสั่น ป้ายปูนแดงหมายหัวไว้เสียแต่ตอนนี้เลยว่าแม่ไม่เอาสะใภ้แบบนี้ รับรู้ไว้นะตายศ”

คุณหญิงพูดแล้วไปเลย หลวงราชหยิบดอกปีบแห้ง จากสมุดมาดู มันยังอยู่ในสภาพเดิม

“ถ้าฉันยุ่งแต่เรื่องของแม่สารภีเช่นนี้โดยไม่มีหล่อน ใจฉันคงแห้งแล้งไม่ต่างจากปีบดอกนี้ แม่พิกุล”

ooooooo

เช้าวันใหม่ ขณะเพียร พิกุลและเอื้อยกำลังใส่บาตร ก็ได้ข่าวจากหลวงพ่อว่าศพเสงี่ยมลอยมาติดท่าน้ำวัดเมื่อเช้านี้ เด็กวัดบอกว่าญาติเสงี่ยมบอกว่าแกเมาตกน้ำเมื่อคืน

ขณะที่เอื้อยคิดว่าเสงี่ยมตาย พวกตนก็คงไม่ได้ไปบางกอกแล้ว พลันก็ได้ยินเสียงฆ้องลอยมาจากเรือน เอื้อยตาโตถามว่าพ่อจางวางหาคนฆ้องใหม่ได้แล้วรึ

พอขึ้นเรือน ทั้งเอื้อยและพิกุลก็อึ้ง เมื่อเห็นสินญาติห่างๆของจางวางที่มีฝีมือการเล่นฆ้องหงส์หาตัวจับยาก เอื้อยดีใจจนจางวางหมั่นไส้บอกว่าจะไม่เอาสินเพราะเห็นเอ็งระริกระรี้อย่างนี้ล่ะ แล้วให้เอื้อยไปเก็บของที่ท่าน้ำ แต่สินตื่นเต้นดีใจมากที่ได้เห็นพิกุล เอื้อยเลย

อ้อนสินแล้วลากให้ไปช่วยขนของที่ท่าน้ำ

“ไปบางกอกคราวนี้ เอ็งต้องเป็นหน้าเป็นตาให้วงนะ” จางวางกำชับพิกุล

“จ้ะ พิกุลจะไม่ทำให้พ่อผิดหวังแม้แต่น้อย” พิกุลรับคำสีหน้ามุ่งมั่น

ooooooo

เมื่อถึงสถานีรถไฟพระนคร สุดทำท่าจะเป็นลมเพราะเดินทางอ่อนเพลียจนเอื้อยต้องคอยพัดวีให้พิกุลก็อ่อนเพลียจนเพียรต้องดูแลอย่างเป็นห่วง

เมื่อถึงบ้านเจ้าคุณพิชัยก็ได้รับการต้อนรับอย่างดี บอกว่าได้จัดที่ทางรอไว้แล้ว จางวางกับแม่เพียรจัดสรรห้องหับกันเองเถิด จางวางบอกว่าเรื่องกินอยู่ทางตนมีแม่สุดมาด้วยทำกินกันเองดูจะถูกปากกว่า

“เช่นนั้นก็ให้อยู่สุขสบายอย่างบ้านของตัวเองเถิด หากขาดเหลืออะไรก็บอกบ่าวไพร่ให้รู้นะ” แล้วสั่งบ่าวให้ดูแลพวกจางวางให้ดีอย่าให้บกพร่องเสียชื่อตน

เมื่อขนของเข้าที่เข้าทางแล้วสุดชวนเอื้อยไปตลาดกัน เอื้อยชวนพิกุลไปด้วย บ่าวคนหนึ่งบอกว่าเดินไปหารถรางจากนั้นไม่ไกลหรอก นั่งต่อไปอีกนิดก็ถึงตลาดแล้ว

สร้อยคนสนิทของคุณหญิงมาบอกบ่าวชายคนนั้นว่าคุณหญิงให้มาถามว่าพวกนี้เป็นใคร ญาติเขาหรือเปล่า บ่าวคนนั้นบอกว่าไม่ใช่ พวกเขามากับจางวางพ่วง สร้อยถามเสียงกระด้างว่าแล้วจางวางพ่วงเป็นใคร

“จางวางพ่วงเป็นพ่อฉันจ้ะ ท่านเจ้าคุณท่านรับอุปถัมภ์วงปี่พาทย์ของพ่อ ท่านก็เลยให้มาอยู่ที่นี่”

ส่วนเจ้าคุณพิชัยก็ให้จางวางขนเครื่องดนตรีไปไว้ในห้องดนตรีเปิดผ้าคลุมเครื่องดนตรีออก บอกว่าตั้งแต่เจ้าคุณพ่อเสียก็แทบไม่มีใครแตะเลย จางวางบอกว่าได้เรื่องอย่างไรจะรีบแจ้งท่าน เจ้าคุณบอกว่าตนอยู่ห้องหนังสือถ้าติดขัดตรงไหนเรียกบ่าวให้พาไปหาได้

พอเจ้าคุณออกไปอึดใจเดียว คุณหญิงก็เข้ามาที่ห้องดนตรี ถามเสียงกระด้างว่าใครใช้ให้พวกแกมาแตะต้องสมบัติของคุณพี่อย่างนี้ สินบอกว่าพวกตนเป็นคนของท่านเจ้าคุณ ท่านใช้ให้พวกตนลองเครื่องดนตรี สร้อยถามโพล่งว่า “แกคือจางวางพ่วงหรือไง”

“ฉันเอง จางวางพ่วง” จางวางออกรับแล้วถามคุณหญิง “คุณหญิงคงอยากคุยกับกระผมใช่ไหมขอรับ”

คุณหญิงเห็นท่าทางขึงขังของจางวางพ่วงก็ท่าทีอ่อนลง แล้วไปโวยวายกับเจ้าคุณพิชัยที่ห้องหนังสือว่าพาคนแปลกหน้ามาอาศัยในบ้านโดยไม่นึกถึงตนสักน้อยหรือ เจ้าคุณบอกว่าก็คงแปลกหน้าอยู่สองสามวันนานเข้าก็คุ้นเคยไปเองแหละ

คุณหญิงไม่เอาด้วยบอกว่ายกโขยงกันมาอยู่อย่างนี้เกะกะบ้านไปหมด เจ้าคุณพยายามหว่านล้อมว่าบ้านเราออกกว้างขวาง พวกจางวางก็ไม่ได้อยู่เฉยๆ ถ้าคุณหญิงเห็นฝีมือปี่พาทย์วงนี้แล้วจะเปลี่ยนคำพูดไม่ทัน ติงว่าคุณหญิงเอาใจแต่พวกฝรั่ง ตนจึงต้องอุปถัมภ์ปี่พาทย์ของจางวาง

มีเสียงดนตรีแว่วมา คุณหญิงสั่งสร้อยให้ไปบอกพวกนั้นเก็บของออกจากบ้านตนเลย เจ้าคุณสวนทันทีว่า คุณหญิงจะเอาอย่างนั้นก็ได้ ตนจะได้เก็บเสื้อผ้าย้ายไปอยู่สุพรรณให้รู้แล้วรู้รอด ไม่อยู่เกะกะตาคุณหญิง

ooooooo

คุณหญิงถามว่าเจ้าคุณขู่ตนหรือ เจ้าคุณบอกว่าไม่ได้ขู่ แต่ถ้าคุณหญิงพูดเรื่องนี้อีกครั้งเดียวตนไปแน่

เจ้าคุณพูดแล้วหุนหันออกจากห้อง ทิ้งให้คุณหญิงหัวฟัดหัวเหวี่ยงจนสร้อยต้องขอให้ใจเย็นๆ

พอคุณหญิงเริ่มสงบลง ก็แว่วการลองเครื่องดนตรีแว่วมาอีก คุณหญิงถามสร้อยว่าฟังซิ มันเพราะตรงไหน สร้อยเออออแบบนายว่าขี้ข้าพลอยไปตามประสา แต่อีกมุมหนึ่ง มุดแอบฟังเก็บไปรายงานหลวงราช

ฝ่ายสุด พิกุล กับเอื้อย ไปตลาดแล้วหลงทางกลับบ้านไม่ถูก เอื้อยพาเดินหาทางจนสุดบ่นว่าไม่ไหวแล้ว พิกุลเสนอให้หาถนนที่รถรางผ่านแล้วตั้งหลักกันที่นั่น

แต่ขณะที่ทั้งสามเดินอ่อนล้าไปนั้น ก็มีรถลากคันหนึ่งวิ่งไปทางเดียวกันแต่พิกุลจดจ่ออยู่กับจุดจอดรถรางไม่ได้สนใจ ปรากฏว่าหลวงราชนั่งรถลากคันนั้นมา เขาสะดุดตาพิกุลจึงสั่งรถหยุดแล้วหันกลับไปมอง พอเห็นชัดก็ยิ้มออกร้องทัก

“จะไปไหนกันรึ แม่พิกุล”

ทั้งสามหันไปตามเสียง เห็นหลวงราชในชุดราชการดูสง่างามจนพิกุลพูดไม่ออก เอื้อยกระซิบถามพิกุลว่าใคร ทำไมรู้จักหล่อนด้วย พิกุลตอบไม่ออก อึดใจก็กระซิบว่า

“นายยศ...นี่นายยศ...จ้ะ”

เอื้อยเล่นงานทันทีว่าตานี่นี่เองที่ทำให้พ่อลูกเขาทะเลาะกันใหญ่โต หลวงราชถามงงๆว่าเพราะตนรึ

เอื้อยใส่ไม่ยั้งว่าทำผิดแล้วหายหัวไปไม่ดูดำดูดีเพื่อนตนเลย พิกุลพยายามบอกให้พอเถอะตนไม่ติดใจแล้ว สุดส่ายหัวบ่นเอื้อยว่าเก่งในทางไม่เข้าเรื่องจริงๆ ให้หาทางกลับบ้านกลับมาท้าตีท้าต่อยเขา หลวงราชได้ยินว่าจะกลับจึงอาสาจะไปส่ง

สุดถามว่ารู้จักบ้านเจ้าคุณพิชัยหรือไม่ พวกตนอยู่ที่นั่น หลวงราชบอกงั้นก็ขึ้นรถมาเลย เรียกรถลากที่จอดอยู่มารับ โดยสุดนั่งไปกับหลวงราช พิกุลนั่งไปกับเอื้อยที่รถลากคันหลัง

หลวงราชพากลับถึงบ้าน ทั้งสามยังไม่รู้ว่าหลวงราชเป็นใคร ปล่อยให้จ่ายค่ารถลากแล้วเอื้อยก็บอกว่าส่งแล้วก็ไปเสีย แล้วไม่ต้องมาเจอกันอีก หลวงราชถามว่าจะให้ตนไปไหน ก็พอดีมุดมาทัก

“คุณหลวงกลับมาตั้งแต่เมื่อไหร่ขอรับ”

พิกุลไม่เชื่อหูตัวเอง ทวนคำ “คุณหลวง” มุดหน้าบานบอกว่า

“ขอรับ หลวงราชไมตรีหรือคุณยศ บุตรของท่านเจ้าคุณพิชัย เจ้าของบ้านนี้”

เอื้อยตะลึงงันตะกร้าหลุดมือไปเลย พิกุลมองอย่างไม่เชื่อสายตา หลวงราชยิ้มให้พิกุลอย่างคนคุ้นเคย พิกุลเมินไปทางอื่น หลวงราชเจื่อน หุบยิ้มแทบไม่ทัน

พอหลวงราชเดินเข้าบ้านมุดก็รายงานว่าจางวางพ่วงเพิ่งมาถึงเมื่อบ่ายนี้เอง หลวงราชบอกว่าตนได้ยินคุณพ่อเปรยว่าจะรับอุปถัมภ์วงปี่พาทย์จากเมืองสุพรรณแต่นึกไม่ถึงว่าจะเป็นวงของแม่พิกุล

มุดบอกว่าเห็นว่าหลวงบำรุงเป็นคนแนะนำ แต่ดูท่าจะขัดใจคุณหญิงมาก หลวงราชถามว่าขัดใจเรื่องอะไร จนเมื่อคุณหญิงโวยวายเรื่องเจ้าคุณอุปถัมภ์วงจางวางให้ฟังและให้หลวงราชช่วยกล่อมพ่อไล่วงปี่พาทย์ออกไปก่อนที่แม่จะประสาทเสีย

หลวงราชบอกว่าคุณแม่น่าจะเพลินเข้าสักวันมากกว่า คุณหญิงโวยอย่างผิดหวังว่าลูกไปเห็นดีเห็นงามกับพ่อตั้งแต่เมื่อไหร่ เจ้าคุณเข้ามาติงคุณหญิงว่าไม่เคยได้ยินว่าดนตรีที่ไหนทำให้คนประสาทเสีย คุณหญิงบอกว่าจะได้เห็นก็คราวนี้แหละ แล้วเมินหน้าไปอย่างขัดใจ

หลวงราชบอกเจ้าคุณว่าคุณแม่คงไม่คุ้นที่เห็นคนแปลกหน้าในบ้านกระมัง

“ก็คงจะจริงของแก แต่พ่อไม่รู้สึกอย่างนั้นแม้แต่น้อยเลยนะ”

“กระผมก็เช่นกันขอรับ” หลวงราชยิ้มเมื่อนึกถึงพิกุล

ฝ่ายพิกุลถูกเอื้อยแซวว่าตาไม่ถึง ทำไมถึงดูไม่ออกว่าตายศนั่นเป็นถึงลูกพระยา พิกุลพูดงอนๆว่าต่อให้เป็นลูกพระยา เขาก็เป็นแค่ตายศเท่านั้นแหละ เอื้อยถามว่าโกรธที่โดนเขาหลอกซ้ำยังต้องอยู่บ้านเดียวกันด้วยใช่ไหม ปลอบว่าเขาอยู่บ้านใหญ่ไม่ได้เจอกันบ่อยหรอก

ooooooo

หลังอาหารเย็น จางวางพ่วงบอกพิกุลว่าพรุ่งนี้จะซ้อมวงแต่เช้าแล้วตอนเย็นท่านเจ้าคุณจะให้ไปเล่นที่ตึกใหญ่ พิกุลอึ้งไปนิดหนึ่งจึงรับคำ

เพียรถามว่าเห็นแม่สุดว่าไปเจอลูกท่านเจ้าคุณกันหรือ พิกุลตอบรับซึมๆ เพียรกับจางวางมองหน้ากันที่เห็นพิกุลถามคำตอบคำ เพียรเปรยว่าดูท่าลูกจะเหนื่อยไม่สบายหรือเปล่า พิกุลบอกว่าเปล่า จางวางว่าหรือยังไม่คุ้นที่ทาง

“จ้ะพ่อ ยังไม่คุ้นสักเท่าไร แต่พ่อกับแม่ไม่ต้องห่วงนะจ๊ะ”

เมื่อกินข้าวแล้วพิกุลเข้าไปช่วยเก็บครัว บอกสุดให้ไปพักก่อน ตนเก็บที่เหลือเอง เมื่อสุดไปแล้วพิกุลเก็บของท่าทางเหม่อลอย ครู่หนึ่งมีคนมายืนข้างหลัง พิกุลนึกว่าสุดถามว่าป้าลืมอะไรหรือ แต่พอหันมองกลายเป็นสินยืนยิ้มให้ พิกุลยิ้มตอบเนือยๆ

สินทักว่าวันนี้พิกุลคงเหนื่อยไม่ค่อยยิ้มหัวเราะเหมือนตอนอยู่สุพรรณเลย พิกุลบอกว่าพรุ่งนี้ซ้อมตนก็หายแล้ว สินเห็นด้วยว่าไม่ได้ซ้อมรับส่งกันสองสามวันเหมือนขาดอะไรไป

พิกุลเก็บของเสร็จพอดีบอกสินว่าขอไปพักเอาแรงก่อน แล้วออกจากครัวไป สินมองตามด้วยความเป็นห่วง แต่ที่มุมลับตามีสายตาอีกคู่หนึ่งที่ลอบมองอยู่ในครัวตั้งแต่แรก สายตาคู่นั้นมองตามพิกุลไปเครียดๆ...หลวงราชนั่นเอง!

และคืนนี้เองคนขับรถของสารภีก็ได้รับรายงานจากคนลากรถว่าคุณยศจ้างรถพาผู้หญิงสามคนกลับไปที่บ้าน คนขับรถจึงรายงานสารภี สารภีถามว่าคุ้นหน้าไหม คนขับรถบอกว่าไม่คุ้นและสำเนียงก็ไม่ใช่คนบางกอก ถามว่าคุณสารภีจะให้จับตาผู้หญิงสองคนนั้นด้วยไหม

“ฉันฝากด้วยแล้วกัน” สารภีบอกพลางส่งถุงเงินให้ พอคนขับรถออกไป สารภีสงสัยว่าหญิงสองคนนั้นเป็นใคร

เช้าวันรุ่งขึ้น ห้องดนตรีพร้อมสำหรับการซ้อมและจัดแสดง นักดนตรีทุกคนเข้าประจำที่ สินบอกพิกุลว่าได้ซ้อมแล้วเดี๋ยวก็สบายใจนะ เอื้อยได้ยินถามสินว่าไม่ห่วงตนบ้างหรือ จางวางพ่วงเข้ามาพอดีบอกให้เริ่มกันเลย แต่พิกุลเห็นหลวงราชเข้ามาก็ชะงัก จางวางถามว่า

“พิกุล!!! เอ็งไม่พร้อมรึ”

“ท่านเจ้าคุณมาจ้ะพ่อ”

จางวางหันไปเห็นเจ้าคุณเดินตามหลวงราชเข้ามาก็บอกว่า “กำลังจะซ้อมพอดีขอรับ”

“เริ่มเถอะจางวาง” เจ้าคุณบอก

ooooooo

ฝ่ายคุณหญิงถึงกับต้องเอาขี้ผึ้งอุดหูเพราะหนวกหูเสียงดนตรี จนสร้อยพูดอะไรก็ไม่ได้ยินต้องตะเบ็งถาม สร้อยตอบแทบเป็นตะโกนว่าให้ทนหน่อยเพราะทั้งเจ้าคุณและคุณหลวงเอาใจฝั่งนั้นหมด

“ฉันไม่ทน!!...เมื่อบอกกันดีๆไอ้คนพวกนี้มันไม่ฟัง ต้องทำให้มันรู้สึกว่าฉันเกลียดพวกมันเพียงไหน”

ในขณะที่คุณหญิงหัวเสียหนักนั้น เจ้าคุณกับคุณหลวงสองพ่อลูกกำลังรื่นรมย์กับเสียงดนตรี เจ้าคุณบอกหลวงราชว่า “ถ้าลูกได้ฟังแม่พิกุลเดี่ยวปี่สักเพลง ลูกเป็นได้รื่นรมย์ไปทั้งวันเป็นแน่”

“กระผมก็เห็นเช่นนั้นขอรับคุณพ่อ”

เจ้าคุณมองหน้าถามว่าเคยฟังมาก่อนหรือ ไหนกำนันว่าคลาดกับพิกุล หรือว่าไปพบกันตอนไหน หลวงราชเกือบแก้ตัวไม่เป็น แถว่าก็เท่าที่ได้ยินเมื่อครู่นี้ก็รื่นรมย์เหลือเกินแล้ว มองพิกุล บอกเจ้าคุณว่า

“แต่ถ้าแม่พิกุลยังมีแก่ใจจะเดี่ยวให้ฟัง กระผมยิ่งยินดีรับฟัง”

พิกุลโล่งใจที่คุณหลวงไม่พูดเรื่องกับตนแต่ก็มองอย่างตัดพ้อที่คุณหลวงแกล้งพูดให้เป่าปี่อีก จึงหยิบปี่ขึ้นมาเป่า หลวงราชยิ้มพอใจ แต่เป่าไม่ถึงครึ่งเพลงพิกุลก็หายใจสะดุดเมื่อคิดถึงสถานะของตัวเอง

จางวางตกใจ สินกับเอื้อยมองอย่างเป็นห่วง

หลวงราชที่ยังอารมณ์ค้างจากเมื่อคืนที่แอบเห็นพิกุลกับสินยิ่งหมั่นไส้ สินลุกขึ้นบอกว่าตนมีวาสนาได้ฟังเดี่ยวปี่ของพิกุลเพียงเท่านี้เพราะต้องเข้ากระทรวงแล้ว จางวางขอให้พิกุลได้แก้ตัวเถิด หลวงราชบอกว่าตนไม่ถือสา แม่พิกุลคงอ่อนไหวไปตามเพลงเท่านั้นแล้วไปเลย

พิกุลรู้สึกผิดไปนั่งร้องไห้ตามลำพัง หลวงราชตามมาเหน็บว่า “คนที่ต้องมาปลอบใจหล่อนล่ะ” พิกุลเรียกอย่างเป็นทางการว่าคุณหลวงหมายถึงใคร พอหลวงราชบอกว่า “ก็ไอ้คนฆ้องนั่นไง” พิกุลเคืองตอบเสียงขุ่นว่าไม่ใช่ธุระของพี่สิน ตนผิดที่ปล่อยให้ความขัดข้องหมองใจเป็นใหญ่กว่าเรื่องอื่น

หลวงราชถามว่าข้องใจเรื่องอะไร...ถ้าข้องใจที่ถูกหลอกว่าตนเป็นตายศ ตาสีตาสาจากบางกอก ตนก็สมควรถูกหล่อนเคืองเรื่องนี้ พูดแล้วอ่านจากสายตาพิกุล

หลวงราชแน่ใจว่าเป็นเรื่องนี้ จึงชี้แจงว่า

“ฉันเป็นหลวงราชไมตรีเฉพาะในหน้าที่การงานของฉัน แต่เมื่อเราอยู่กันลำพังเช่นนี้ ฉันพอใจให้หล่อนเรียกว่าตายศ”

พิกุลยังคงเย็นชา ห่างเหิน บอกว่าตนไม่อาจเรียกเช่นนั้นได้ หลวงราชขอร้องอย่าทำตัวเหินห่างเพราะตำแหน่งหน้าที่หรือยศถาบรรดาศักดิ์ของตนเลย พิกุลบอกว่าตนทำเช่นนั้นไม่ได้ หลวงราชโมโห จับพิกุลพิงต้นไม้ใหญ่จ้องตาคาดคั้น พิกุลขอให้ปล่อย หลวงราชไม่ยอมปล่อยหากหล่อนยังพูดไม่รู้เรื่อง

“ปล่อยพิกุลเถิดเจ้าค่ะ พิกุลต่ำต้อย ไม่สมควรที่คุณหลวงจะไยดีแม่แต่น้อย”

หลวงราชสะอึก คลายมือเมื่อเห็นสายตาพิกุลเหินห่างยิ่งกว่าเดิม พิกุลเดินไปทั้งน้ำตา หลวงราชมองตาม แต่ก็ถูกสายตาอีกคู่มองหลวงราชอย่างตั้งคำถาม...สินนั่นเอง

สินเดินตามพิกุลถามว่าเป็นอะไร คุณหลวงมิได้รังแกแม่พิกุลใช่ไหม

“รังแกรึ...ไอ้สิน” หลวงราชไม่พอใจ สินบอกว่าตนถามด้วยความเป็นห่วง “เอ็งห่วงพิกุลแบบไหนว่ามาให้ชัด”

“อย่างคนที่รักและห่วงกันมาแต่เด็กขอรับคุณหลวง” สินตอบสุภาพแล้วเดินตามพิกุลไป

หลวงราชมองสินอย่างขัดใจ ข้องใจ และหมั่นไส้ พอดีเจอเอื้อยที่มองอย่างเย็นชามึนตึงเพราะหึงหวงสินตัดพ้อต่อว่าแล้วเดินผละไปงอนๆ พิกุลบอกให้สินไปง้อ แต่สินเห็นว่าเอื้อยออกท่าออกทางเป็นเด็กอย่างนั้นเอง พิกุลจึงเป็นฝ่ายเดินตามเอื้อยไปเอง สินจึงจำต้องตามไป

“ฉันต่างหากที่ต่ำต้อยกว่านายสิน คนของหล่อน... แม่พิกุล!!” หลวงราชที่แอบมองอยู่พึมพำ

ooooooo

สารภีผู้พราวไปด้วยความงาม ความรู้ และเล่ห์กล วันนี้เอามาลัยกรองดอกปีบมาให้หลวงราชถึงห้องทำงานบอกว่าเห็นคุณยศชอบดอกปีบเลยนึกถึง หอมชื่นใจเช่นนี้คุณยศคงคลายร้อนกายร้อนใจได้บ้าง

หลวงราชชมว่าหล่อนมีฝีมือทางนี้ด้วย ช่างละเอียดอ่อนทีเดียว สารภีอ่อยว่าตนยังมีเรื่องที่ทำให้คุณยศแปลกอีกหลายเรื่อง พอหลวงราชบอกว่าหล่อนทำให้ตนยิ่งอยากรู้อยากเห็นขึ้นทุกที

“คุณยศก็ทำให้สารภีรู้สึกเช่นนั้นเหมือนกันเจ้าค่ะ” หลวงราชหยั่งเชิงว่าหล่อนอยากรู้อะไร สารภีอ้อนถามว่า “คุณยศจะบอกสารภีทุกเรื่องหรือเจ้าคะ”

สารภียิ้มหวานรับคำโดยไม่รู้ตัวว่าติดกับดักหลวงราชเข้าแล้ว

เอื้อยยังตะบึงตะบอนงอนใส่สินขณะกินข้าว สินง้อด้วยการหยิบปลาแห้งใส่จานให้ ถามว่าโกรธตนเรื่องอะไร เอื้อยพูดไม่ออกเลยเฉไฉไปว่า พี่สินปากเสีย เลยถูกสุดดุ “นังลูกคนนี้!!!”

“ไม่เป็นไรดอกจ้ะ ด่าฉันได้อย่างนี้คงหายโกรธแล้ว” สินหันไปยิ้มกับพิกุล “ถ้าพิกุลไม่หาทางให้ฉันง้อเอื้อย เอื้อยก็คงไม่หายโกรธฉันหรอกจ้ะป้า”

เอื้อยเห็นสินพูดดีกับพิกุลก็ชักสีหน้าใส่ ถามสุดว่า

“นี่ก็เพื่อน นั่นก็พี่...จะให้พูดว่าหึงพี่สินหรือยังไงล่ะแม่”

ooooooo

กลางวันวันนี้ จางวางได้มาร่วมโต๊ะกินข้าวกับเจ้าคุณ เจ้าคุณแจ้งว่าจะให้จางวางไปเล่นฉลองตำแหน่งให้จีนพ้ง เพราะจีนพ้งเป็นคนกว้างขวาง ไปออกงานจะได้แสดงฝีมือให้คนหมู่มากรู้จักเสียทีเดียว

จางวางว่าเหลือเวลาอีกไม่กี่วัน ตนเกรงพิกุลจะเล่นไม่จบเพลงเหมือนเมื่อเช้า

“เรื่องเมื่อเช้าไม่ใช่ความผิดของแม่พิกุลดอก เป็นเพราะคำพูดของตายศต่างหาก”

“อย่าพูดเช่นนั้นเลยขอรับ พิกุลมันก็อ่อนไหวกับคำพูดของคุณหลวงเกินไป ทั้งที่ไม่เคยเป็นอย่างนี้มาก่อน”

“ฉันจะปรามเจ้ายศอีกทาง จางวางจะได้ไม่กังวลเรื่องนี้อีก” เจ้าคุณรับปาก จางวางพยักหน้าพอใจ

คุณหญิงเริ่มแผนการแกล้งและไล่พวกจางวาง โดยให้บ่าวไปจัดห้องดนตรี อ้างว่าจะจัดเป็นห้องเต้นรำ บัญชาพวกบ่าวขนย้ายเครื่องดนตรีอย่างหยาบคายไม่เคารพครู กลองก็ถูกไสไปที่หน้าจางวาง จางวางไม่ว่าอะไร แต่ก้มกราบขอขมากลองด้วยความเคารพ

“จางวาง มีอะไรกันหรือ” เจ้าคุณเข้ามาเห็นพอดี จางวางไม่ตอบ แต่คุณหญิงฉอดๆว่าคนของคุณพี่วางข้าวของเกะกะไปหมด ให้ย้ายก็ทำโยกโย้ เจ้าคุณไม่เชื่อถามว่าขอดีๆแล้วทำไมจางวางต้องขอขมาเช่นนี้ ให้คุณหญิงพูดความจริงเถิด คุณหญิงบอกว่าตนให้บ่าวย้ายกลองแต่มันอาจจะขัดหูขัดตาไปหน่อย

“ฝีมือใคร” เจ้าคุณถาม บ่าวทุกคนหลบตา เจ้าคุณจึงถามจางวาง “ไอ้คนไหนรึ ท่านจางวาง”

“อย่าเอาความบ่าวเลยขอรับ เป็นบ่าวคงเกินจะฝืนคำสั่งเจ้านายได้”

“หมายจะให้ท่านเจ้าคุณเอาเรื่องฉันรึ” คุณหญิงของขึ้น บอกเจ้าคุณว่า “มันกำเริบเสิบสานเพียงไหนเห็นหรือยังเจ้าคะ อย่าเอามันไว้นะเจ้าคะ”

จางวางมองคุณหญิงอย่างเหลืออด เจ้าคุณจึงบอกว่าตนจะรับผิดชอบเองแล้วเรียกพวกบ่าวมา

“พวกเอ็งมานี่ พวกเอ็งต้องขอขมาครูบาอาจารย์ที่สถิตในกลองนี้ต่อหน้าท่านจางวาง” คุณหญิงโพล่งถามว่าคุณพี่จะทำอะไร “ฉันจะสอนให้คนของฉันรู้จักเคารพนับถือคุณของครูบาอาจารย์เสียบ้าง” แล้วสั่งบ่าว “กราบขอขมาครูเสีย”

บ่าวก้มกราบขอขมากลองใบนั้น จางวางพอใจ แต่คุณหญิงยืนงันอ้าปากค้าง เจ้าคุณยังอบรมบ่าวว่า

“แม้นพวกเอ็งไม่นับถือ แต่ก็ใช่จะดูหมิ่นในสิ่งที่คนอื่นเขาถือได้ รับรู้กันดีแล้วหรือไม่”

เมื่อบ่าวกราบขอขมาแล้ว เจ้าคุณถามจางวางว่าจะว่าอย่างไร จางวางบอกว่าตนไม่ติดใจแล้ว และจะเรียกลูกวงมาขนเครื่องดนตรี เจ้าคุณบอกไม่ต้อง แล้วสั่งบ่าวให้ช่วยกันขนไปไว้ที่เรือนท่านจางวาง

เมื่อคุณหลวงกับจางวางออกไปแล้ว คุณหญิงระบายอารมณ์กับสร้อยว่า ดูมันทำ มันได้อวดไปทั่วว่าหักหน้าตนได้ พูดอย่างเจ็บใจว่า

“มันเป็นเสี้ยนตำตีนข้า ต้องเอามันออกไปให้ได้นะนังสร้อย”

“เจ้าค่ะ ได้ทีเมื่อไรสร้อยจะสั่งสอนไอ้พวกบ้านป่าเมืองเถื่อนให้มันรู้จักที่สูงที่ต่ำเสียบ้างเจ้าค่ะ” สร้อยสอพลอ ในขณะที่คุณหญิงยังฮึดฮัดอยู่ตรงนั้น

ขนเครื่องดนตรีออกจากห้องหมดแล้ว สร้อยถามคุณหญิงว่าถ้าพวกนั้นขนกลับมาอีกล่ะ คุณหญิงว่ามันขนมาข้าก็จะโยนกลับไป หากคิดจะท้าทายข้าก็จะจัดงานทุกคืนไม่ให้มันสำแดงฝีมือ ท่านเจ้าคุณก็จะหน่ายไปเองแหละ แล้วบ่น

“จะเหลือก็แต่เจ้ายศที่ยังจับไม่ได้ไล่ไม่ทัน คุณหญิงพิศท่านยกลูกสาวใส่พานให้แล้วตายศยังเมินเสียได้ ทำอย่างกับมีคนของตัวแล้วอย่างนั้น”

ooooooo

ย้ายเครื่องดนตรีไปที่เรือนจางวางแล้ว จางวางบอกกับลูกวงให้รับรู้กันว่าคุณหญิงไม่อยากให้เรา

ขึ้นไปยุ่มย่ามบนเรือนใหญ่ เมื่อจัดเข้าที่เข้าทางแล้วจางวางให้เล่นกันเสียที กำชับให้ตั้งใจกัน ท่านเจ้าคุณจะพาออกงานฉลองตำแหน่งจีนพ้งเพื่อนท่านเจ้าคุณ

พิกุลรับปากว่าจะไม่ทำให้พ่อขายหน้าแล้วเข้าประจำที่ของตนข้างสิน เอื้อยกระแซะไปนั่งข้างพิกุล เลยถูกจางวางเอ็ดว่านั่นไม่ใช่ที่ทางของตัวเอง เอื้อยแก้เกี้ยวว่านั่งตรงนี้จะได้คอยหยิกพิกุลให้อยู่กับร่องกับรอย

เดี๋ยวจะเป็นแบบเมื่อเช้าอีก แล้วแกล้งดุพิกุล “ตั้งใจให้ดีล่ะพิกุล”

อ้นรู้ทันแซวเอื้อยว่าให้มันจริงเถอะ เอื้อยหันไปแว้ด “พี่อ้น หุบปาก!!!”

“นังนี่ ข้ายกให้แต่คราวนี้นะนังเอื้อย” จางวางปราม เอื้อยยกมือไหว้ขอบคุณ พูดกับตัวเองเบาๆว่า

“แค่คราวเดียวคราวนี้ก็ดีเหลือใจแล้วจ้ะพ่อจางวาง” เอื้อยส่งยิ้มให้สิน แต่สินไม่ได้สนใจ อ้นเห็นแล้วขำสีหน้าผิดหวังของเอื้อย

เจ้าคุณอยู่ที่นอกห้องดนตรีได้ยินเสียงดนตรี

จากเรือนจางวาง เอ่ยชมกับคุณหญิงว่าวงของจางวางกำลังวังชาดีเหลือเกิน เล่นอยู่ทางโน้นได้ยินมาถึงทางนี้ บอกคุณหญิงว่า

“เลิกงานแล้ว คุณหญิงต้องให้บ่าวจัดของให้เข้าที่เข้าทางตามเดิมเสียด้วย พรุ่งนี้เช้าฉันจะเรียก

วงท่านจางวางให้กลับมาซ้อมที่นี่” คุณหญิงไม่ตอบ

แต่ถามว่าแล้วคุณพี่จะออกไปไหน “ฉันจะไปฟังปี่พาทย์ที่ตำหนักเจ้านายคุณหลวงบำรุง กลับมาคงไม่ทันงานแฟชั่นของคุณหญิงเป็นแน่”

“ตามสบายเถิดเจ้าค่ะ” เสียงคุณหญิงประชดนิดๆ พอเจ้าคุณเดินออกไปคุณหญิงก็พูดตามหลังอย่างเจ็บใจ “ถ้าสำราญใจนักจะปักหลักเสียที่นั่นก็ตามใจนะเจ้าคะ!!”

ที่ห้องรับแขก “บูรพาเคหาสน์” จีนพ้งกำลังคุยกับแขกสองคนที่พูดถึงการเคลื่อนไหวของจีนกลุ่มอื่น ทั้งสองหน้าเครียด คนหนึ่งเล่าว่า

 “เถ้าแก่สงมันตั้งตัวเป็นตั้วเฮีย ส่งพวกจีนใหม่ไปอยู่โรงเลื่อยโรงสีที่เมืองพิจิตรตั้งมาก แต่ท่านปลัดจีนท่านกลับเงียบเหมือนเห็นดีกับเถ้าแก่ด้วย”

“พวกที่มากับเรือสิบคนถูกมันกล่อมไปอยู่กงสีของมันเสียแปดคน ถ้าเป็นเช่นนี้ต่อไปมันคงได้สั่งสมกำลังทำเหิมเกริมท้าทายบารมีตั้วเฮียเป็นแน่” อีกคนเสริม

“วันฉลองตำแหน่ง อั๊วจะคุยกับปลัดจีนเมืองพิจิตรให้รู้ความว่าเห็นดีด้วยหรือเปล่า หากมันกำเริบ อั๊วก็จะต้องจัดการไม่ให้ใครเอาเป็นแบบอย่าง” จีนพ้งพูดจบ แขกทั้งสองจึงลากลับ

สารภีเดินผ่านมาเห็นเตี่ยคุยกับแขกอยู่ก็หยุด

ยืนฟังแต่ต้น จีนพ้งหันไปเห็นแต่ไม่ได้เรียกเข้าไปคุย สารภีจึงเดินผ่านไป จีนพ้งมองตามอย่างสงสัย...

ooooooo

สารภีแอบฟังจีนพ้งคุยกับแขกสองคน เพียงเย็นวันนั้นจีนพ้งก็รู้ว่าเถ้าแก่สงถูกเอาตัวมาขังไว้ที่ห้องลับของ “บูรพาเคหาสน์” แล้ว สารภีบอกจีนพ้งว่า

“เตี่ยเห็นแล้วใช่ไหมว่าคนของเตี่ยมันไม่ได้เรื่อง ถ้ารอมันคาบข่าวมาบอกละก็ ป่านนี้เตี่ยไม่ได้มายืนคุยกับฉันเช่นนี้หรอก...เถ้าแก่สงมันซ่องสุมนักเลงหัวไม้หมายจะเอาเตี่ยให้ถึงตายฉลองตำแหน่ง แล้วมันจะขึ้นมาเป็นตั้วเฮียเสียเอง”

“ไอ้สง...ไอ้เนรคุณ!!!” จีนพ้งคำราม สารภีถามว่าให้ลูกน้องตนจัดการมันเลยนะ “ปล่อยมันทรมานอยู่

ในนั้น จนกว่าจะสำนึกว่ามีแต่ความตายเท่านั้นที่ทำให้มันพ้นทรมานได้...แล้วค่อยฆ่ามัน”

จีนพ้งมองไปที่ห้องลับอย่างสะใจ

ส่วนที่บ้านเจ้าคุณพิชัย คืนนี้มีงานแฟนซีปาร์ตี้เปิดเพลงเต้นรำสนุกสนาน พอหลวงราชกลับมาคุณหญิงก็มาเรียกให้ขึ้นไปสำราญกันที่ห้องดนตรีเลย

หญิงเดือนกับหญิงดาวคอยทีอยู่แล้ว พอคุณหญิงพาหลวงราชเข้ามาก็เปิดหน้ากากแย่งกันเข้าไปดึงมาเต้นรำกับตน หลวงราชบอกว่าตนเพิ่งกลับถึงบ้าน

ยังไม่ทันพักหายใจเลย

“เราสองคนรอเจ้าภาพอยู่ตั้งนาน ดาวไม่ยอม เสียเวลาแล้วเจ้าค่ะ” หลวงราชทวนคำถามว่า “เจ้าภาพ?” หญิงเดือนจึงบอกกับแขกในงานว่า “คุณยศ เจ้าภาพงานมาถึงแล้วเจ้าค่ะทุกคน”

แขกในงานมองมาที่หลวงราชเป็นตาเดียวทำให้ไม่อาจปฏิเสธได้จึงเข้าไปเปิดฟลอร์เต้นรำ

คุณหญิงยิ้มพอใจในแผนการของตน สร้อยเข้ามาประกบ สอพลอขำๆว่า

“โถ...คุณยศของสร้อย ตกกระไดพลอยโจนอย่างนี้ จะเลี่ยงไปไหนได้เจ้าคะ”

เสียงเพลงกระตุ้นให้เอื้อยอยากรู้อยากเห็น ดึงพิกุลไปแอบดูกัน พิกุลขืนตัวบอกว่าคุณหญิงไม่อยากให้เราขึ้นไปยุ่งที่ตึกใหญ่ เดี๋ยวคุณหญิงเห็นเข้าจะเป็นเรื่อง เอื้อยบอกว่าแอบขึ้นไปใครจะเห็นและก็ไปครู่เดียวเอง

แล้วก็แอบเข้าไปถึงมุมโต๊ะอาหารในห้องดนตรี

หลวงราชเห็นหน้ากากผู้ร่วมงานคนหนึ่งวางอยู่ นึกอะไรได้หยิบติดมือไป ก่อนจะออกไปเห็นสร้อย

ท่าทางลับๆล่อๆทำอะไรอยู่ที่โต๊ะ

สร้อยมองซ้ายมองขวาก่อนหยิบขวดเหล้าพกพาขึ้นมาจะจิบแต่ถูกบ่าวคนหนึ่งเข้ามาขัดจังหวะเลยรีบซ่อนไว้ใต้โต๊ะ บ่าวคนนั้นยกขวดวิสกี้มาไว้ที่โต๊ะ สร้อยเห็นวิสกี้สีอำพันในขวดก็ยิ้มกริ่ม บอกบ่าวคนนั้นให้ไปรับแขกเสีย ตนจะดูแลไม่ให้ใครกล้ำกรายเชียวล่ะ พอบ่าวคนนั้นไปก็แอบริบวิสกี้ให้ตัวเอง

หลวงราชสวมหน้ากากหมายพรางตัวเองออกจากงาน ถูกหญิงเดือนเห็นเสียก่อนฉอเลาะว่าตนได้วิสกี้

ชั้นเลิศจากยุโรปเพิ่งลงจากเรือไม่ทันเข้าห้างเลยคว้า

มาให้พี่ยศชิมก่อน ดึงมือชวนไปลองกันเลย

หญิงดาวกับหญิงเดือนต่างชิงกันฉอเลาะหลวงราช หญิงดาวรบเร้าหลวงราชให้จิบวิสกี้ เอื้อยแอบดูอยากรู้ว่ากินอะไรกันท่าทางมีความสุขมาก ครู่หนึ่งหลวงราชเดินออกมา สองหญิงตามติดหนึบ เอื้อยจึงแอบย่องไปทางโต๊ะอาหาร

พิกุลแอบอยู่หลังม่านได้ยินหลวงราชที่เดินออกมาบอกสองหญิงที่ตามมาว่าตนอยากเอนหลังเต็มที หญิงดาวกับหญิงเดือนอ้อนให้อยู่ต่อไม่สำเร็จก็กลับเข้าไปในห้องดนตรี พิกุลจึงย่องออกมามองหาเอื้อยที่กำลังด้อมๆ มองๆที่โต๊ะอาหาร พลันก็สะดุ้งเมื่อสร้อยถามเสียงหวาน

“รับวิสกี้สักแก้วไหมเจ้าคะ” เอื้อยตกใจพยายามเบือนหน้าหนี สร้อยผิดสังเกตดึงให้หันกลับมา พอเห็นเต็มตา เสียงหวานๆก็กลายเป็นตะคอก “แก!! ใครให้แกเข้ามา!!”

เอื้อยบอกให้ปล่อย ตนจะได้กลับไป ถูกสร้อยตบเพียะ เอื้อยโกรธจะตบคืนแต่ถูกพิกุลดึงไว้ สร้อยสั่งเอื้อยกราบขอขมาตนเดี๋ยวนี้ เงื้อจะตบอีกพิกุลห้ามเลยโดนเสียเองจนหน้าหัน สร้อยยิ้มสะใจ แต่พอพิกุลค่อยๆ

หันมอง สร้อยกรีดร้องอย่างเสียสติเมื่อเห็นหน้าพิกุลเป็นหน้าผีดุร้าย สร้อยถอยกรูดไปชนโต๊ะล้มของบนโต๊ะร่วงระเนระนาดโครมคราม ทุกคนในงานหันมอง บ้างก็มาดู

พิกุลเข้าไปช่วยสร้อย แต่สร้อยเอามือปิดตา

ร้องไล่ลั่น “ออกไป...ออกไป ผี...ผี”

หญิงดาวกับหญิงเดือนเข้ามาดู สร้อยชี้ไปที่พิกุลบอกว่านังนั่นเป็นผี หญิงดาวมองพิกุลกับเอื้อยแต่

หัวจดเท้า ถามว่าหล่อนสองคนเป็นใคร สร้อยชิงบอกว่าเป็นคนของวงปี่พาทย์ แล้วโทษว่าเป็นคนทำวิสกี้ของคุณหนูหกหมด

เอื้อยแย้งว่าตนไม่ได้ทำ ป้าต่างหากที่เมาแล้วหงายท้องชนโต๊ะล้มของหล่นระเนระนาด สร้อยจะตบเอื้อยปิดปาก พิกุลขอไว้บอกว่าตนจะเก็บกวาดให้เอง แต่หญิงเดือนถามว่าแล้ววิสกี้ของตนล่ะ หล่อนจะใช้คืนอย่างไร หญิงเดือนเย้ยว่าดูสารรูปคงไม่มีปัญญา สร้อย

ยุว่าลูกไม่มีปัญญาก็ให้พ่อแม่มันชดใช้

“พ่อมันทำคุณหญิงของสร้อยเสียหน้า คราวนี้มันจะเป็นทีของสร้อยบ้าง” สร้อยพึมพำสะใจ

พิกุลกับเอื้อยตกใจเมื่อรู้ว่าสร้อยจะทำอะไร

มุดที่ป้วนเปี้ยนอยู่แถวนั้นรู้เรื่องทั้งหมดรีบออกไปทันที

ooooooo

เมื่องานเลิกแล้ว จางวางพ่วง เพียร และสินก็ถูกตามมาที่ห้องดนตรี สีหน้าทุกคนร้อนอกร้อนใจ ถามพิกุลกับเอื้อยว่าเกิดอะไรขึ้น

พิกุลบอกว่าตนลอบขึ้นมาดูว่าเขาสนุกกันอย่างไร หญิงเดือนตัดบทว่าตนเรียกพ่อหล่อนมาก็เพราะจะให้ รับผิดชอบค่าวิสกี้ ถามว่าจะเอาคืนจากใครได้ไม่ทราบ เอื้อยโพล่งขึ้นว่าพวกตนไม่ได้ทำ แต่ป้าแกเมาโวยวายว่าแม่พิกุลเป็นผีแล้วชนโต๊ะล้มเอง บอกสร้อยว่าป้าต่างหากที่ต้องใช้คุณหญิง

คุณหญิงออกโรงว่าสองคนขึ้นมาบนนี้คงไม่พ้นตั้งใจจะหยิบฉวยอะไรติดมือไปด้วย เพียรโต้ว่าตนไม่เคยสั่งสอนให้ลูกเป็นขี้ขโมย สร้อยกร่างที่มีนายหนุน ด่าทั้งเพียรและพิกุลว่าเชื้อไม่ทิ้งแถว จางวางบอกว่าตนไม่มีจ่ายค่าวิสกี้ของคุณหญิงดอก

หญิงเดือนโวยว่าไม่ได้เดี๋ยวจะได้ใจ คุณหญิงหันไปคาดคั้นจางวางจะว่าอย่างไร จางวางจะให้สองคนกราบขอโทษแทน คุณหญิงบอกว่าสองคนนี้ทำกับสร้อยก็ต้องให้กราบสร้อย สินทนไม่ได้ถามว่ามันจะเหมาะหรือที่จะให้คนของพวกตนกราบตีนบ่าวของคุณท่าน

“หรือเอ็งจะมากราบแม่สร้อยอีกคน” คุณหญิงสวนทันควัน สินเข้าไปยืนหน้าสร้อยคุกเข่าลงข้างพิกุลกับเอื้อย คุณหญิงสะใจเร่ง “กราบสิ...รออะไรอยู่”

แต่ขณะสินจะกราบ หลวงราชก็บอกให้ลุกขึ้น พวกคุณหญิงชะงัก หลวงราชเดินเข้าไปส่งมือให้พิกุลเพื่อช่วยขึ้นมา พวกคุณหญิงถึงกับมองเหวอ

คุณหญิงบอกหลวงราชว่าจะให้เรื่องผ่านไปง่ายๆ แบบนี้ไม่ได้ หลวงราชบอกว่าตนต้องการพยานยืนยันว่าพิกุลกับเอื้อยทำผิดอย่างที่คนของคุณแม่กล่าวหาหรือไม่ สร้อยบอกว่าตนเป็นพยานปากเอก

หลวงราชถามสร้อยว่ากล้าพูดหรือไม่ว่าตอนเกิดเรื่องไม่ได้เมาวิสกี้แล้วล้มเอง สร้อยเถียงคอเป็นเอ็นว่าตนไม่ได้แตะแม้แต่หยดเดียว หลวงราชถามอีกว่าตอนที่เห็นผีก็มิได้เมาใช่หรือไม่? สร้อยยืนยันว่าเห็นผีจริงๆ

หลวงราชจึงให้มุดเอาขวดเหล้าพกพาของสร้อยที่ยังเหลือวิสกี้อยู่ก้นขวดมายืนยัน สร้อยถึงกับหน้าเจื่อน ไปไม่เป็น พวกคุณหญิงก็เงียบกริบแล้วลุกตามกันออกไป หลวงราชส่งขวดเหล้าพกพาให้มุดเอาไปให้สร้อยบอกว่าเดี๋ยวจะลงแดงเสียก่อน

เพียรบอกให้พิกุล เอื้อยและสินขอบคุณหลวงราช เอื้อยไหว้ พิกุลไหว้แล้วเมินไปทางอื่น สินทำหน้ามึนตึง จางวางเห็นสายตาที่หลวงราชมองพิกุลก็ไม่พอใจ สั่งทุกคนกลับเรือน บอกพิกุลกับเอื้อยว่า

“ข้าต้องคุยกับพวกเอ็งสองคนให้รู้เรื่อง”

ฝ่ายหลวงราชจัดการปัญหาแล้วกลับมามอบรางวัลให้มุดที่เป็นหูเป็นตาหาหลักฐานมามัดผู้ร้ายปากแข็งอย่างสร้อยจนอยู่หมัด เปรยว่า

“หากข้ายังอยู่ในงาน แม่พิกุลคงไม่โดนกระทำเยี่ยงนี้” มุดถามว่าคุณหลวงห่วงแม่พิกุลหรือ หลวงราชเผลอบอกว่า “ยิ่งกว่าห่วง” แต่พอรู้ตัวก็ทำเสียงเข้มบอกไม่ใช่เรื่องของเอ็งไล่มุดให้ออกไปเสีย พอมุดออกไปหลวงราชก็ไปยืนที่หน้าต่างมองไปที่เรือนจางวาง นึกห่วง...ไม่รู้ว่าพิกุลจะเป็นอย่างไร

คืนนี้เอื้อยรู้สึกผิดจึงปิ้งกล้วยไปให้พิกุลเพื่อขอโทษที่ทำให้เดือดร้อนไปด้วยดีแต่คุณหลวงมาช่วยไว้ พิกุลบอกว่าเขาช่วยเพราะจะแสดงอำนาจบาตรใหญ่มากกว่า

ฝ่ายสร้อยกลับเข้าห้องนอนแล้วบ่นหลวงราชว่าจับผิดตนเสียได้ แต่พอจะนอนก็เห็นเงาอะไรผ่านหน้าต่างเข้ามาแล้วรวมตัวกลายเป็นยักษ์ สร้อยตกใจโวยวายแต่ไม่มีเสียงเพราะถูกเงาดำอุดปากไว้ เลยดิ้นจนหูมุ้งทั้งสี่มุมขาดหลุดมาพันตัวจนหายใจไม่ออก สร้อยดิ้นทุรนทุรายเหมือนจะขาดใจตายคาเตียง

ooooooo

ฝ่ายหลวงราชวันนี้ไปหาพิกุลแต่เช้าทวงเพลงที่พิกุลยังติดค้างอยู่เพลงหนึ่ง ใช้อำนาจที่เหนือกว่าบอกว่าอยากฟังตอนนี้สั่งพิกุลให้หยิบปี่ตามตนมา

หลวงราชใช้ทั้งวาทศิลป์และอำนาจที่เหนือกว่า หว่านล้อมกล่อมให้พิกุลนึกถึงคืนวันที่ได้พบกันในฐานะพิกุลกับนายยศ ครั้นพิกุลเคลิ้มถึงวันที่มีความรู้สึกดีๆต่อกัน ดอกปีบเจ้ากรรมก็หล่นลงมากั้นระหว่างกันจนพิกุลชะงักถอย ต่างยืนทิ้งระยะห่างทำอะไรไม่ถูก

“ยังมีใจเดี่ยวปี่ให้ฉันฟังหรือไม่แม่พิกุล” หลวงราชถามอ่อนโยน พิกุลนิ่งยังไม่ตอบ แต่แล้วก็ใจอ่อนยอมเป่าปี่ให้หลวงราชฟังจนจบเพลงแล้วจะกลับ หลวงราชไม่ยอมให้กลับจนกว่าพิกุลจะยอมเรียกตนว่า “คุณยศ” หรือ “นายยศ” อย่างที่เคยเรียกก่อน

ขณะพิกุลถูกกดดันจนจะเรียกตามที่หลวงราชต้องการ ก็มีเสียงคุณหญิงและบ่าวโวยวายเหมือนเกิดเรื่องใหญ่ หลวงราชกับพิกุลจึงเดินตามเสียงไป

เหตุเพราะสาวใช้หน้าตื่นมารายงานคุณหญิงที่กำลังกินมื้อเช้ากับเจ้าคุณว่าสร้อยเป็นอะไรไม่รู้ เรียกก็ไม่เปิดประตู ไม่รู้เป็นตายร้ายดีอย่างไร คุณหญิงกับบ่าวรีบไปพังประตูเข้าไปดู

ทุกคนตกใจเมื่อเห็นสร้อยถูกมุ้งพันเป็นมัมมี่อยู่บนเตียง คุณหญิงสั่งบ่าวให้รีบไปแก้ออก พอหายใจโล่งสร้อยก็โวยวายว่าผีมาอุดปากตนมันจะเอาตนให้ถึงตาย คุณหญิงมองสมเพชถามสร้อยว่าสร่างเมาหรือยัง สร้อยบอกว่าตนไม่ได้จิบแม้แต่นิดเดียว คุณหญิงบ่นหน่ายๆว่านังนี่ห่างหูห่างตาไม่ได้เลย เรียกให้ลุก

พอสร้อยจะลุกก็ลุกไม่ได้ มองที่เท้าตัวเองตกใจแทบช็อกเพราะเท้าบวมเป่งเป็นสีม่วงจนเขียวเหมือนเท้าคนตาย สร้อยเห็นเหมือนมีคนมากดทับอยู่ร้องขอให้คุณหญิงช่วยด้วย แต่สายตาของคุณหญิงและบ่าวไม่เห็นอะไร

เมื่อเพียรรู้อาการของสร้อยก็มีแก่ใจบอกให้สุดไปหาต้นรางจืดมาต้มให้สร้อยกินทุกวันจะได้ทุเลา

หมอมาตรวจสร้อย ก่อนกลับหมอบอกคุณหญิงกับหลวงราชที่มาส่งที่รถว่าต้องกำชับคนไข้กินยาตามหมอสั่งและควรต้องงดเหล้าทุกชนิดไม่เช่นนั้นอาการจะยิ่งหนักกว่านี้

ส่งหมอแล้วหลวงราชขอตัวจะไปกระทรวง คุณหญิงบอกว่าแม่ยังมีเรื่องคาใจจะถาม คุณหญิงบอกว่าเมื่อคืนลูกออกหน้าช่วยพิกุลอย่างไม่ไว้หน้าคุณหญิงพิศพิลาศเอาเสียเลย ถามว่า “ลูกคิดอย่างไรกับแม่นั่นรึ”

หลวงราชบอกว่าตนเพียงแต่ทำหน้าที่แทนคุณพ่อ เพราะถ้าคุณพ่ออยู่ด้วยคงต้องสืบสวนทวนความเช่นนั้นก่อนจะลงโทษใคร คุณหญิงบอกว่ามันขัดหูขัดตา แม่ไม่ชอบ หลวงราชรับคำ “ขอรับคุณแม่” แล้วออกไปเลย คุณหญิงมองตามอย่างสงสัยว่าหลวงราชเออออกับแม่ก็เป็นด้วยหรือ??

ooooooo

คืนนี้ขณะสารภีกำลังกรองมาลัยดอกปีบเตรียมจะไปให้หลวงราช คนลากคนหนึ่งก็เข้ามาเอามาลัยดอกปีบให้สารภีบอกว่าคุณหลวงลืมไว้ ตนเพิ่งเห็นตอนมาถึงที่นี่

สารภีพยายามข่มอารมณ์รับมาลัยดอกปีบแล้วโยนลงพื้นขยี้ซ้ำอย่างระบายอารมณ์ โดยไม่รู้ว่าพุดกรองที่ไปเก็บดอกปีบมาให้มองอยู่ สารภีตวาดว่าจะเก็บมาทำไม ไม่เห็นหรือว่าคุณหลวงไม่ไยดีแม้แต่น้อย ถามพุดกรองว่ามันไม่สวยตรงไหนหรือ

“พุดกรองไม่เห็นที่ตินะเจ้าคะ” พลางหยิบมาลัยที่ถูกเหยียบขยี้ขึ้นมาดู สารภีเสียงแข็งว่าไม่ต้องมาพูดเอาใจตน “ถ้าคุณสารภีจะทิ้งแล้ว ขอพุดกรองนะเจ้าคะ พุดกรองอยากรู้ว่าคุณสารีกรองมาลัยอย่างไร”

สารภีจิกตามองพุดกรอง กระแทกเสียงว่าคงไม่พ้นจะทำเอาใจเตี่ย ด่าว่าแกมันสอพลอไม่แพ้แม่ พุดกรองจึงวางมาลัยไว้ที่เดิม สารภีสำทับว่า

“แกอย่าหวังว่าจะได้อะไรจากฉัน แม้แต่ของที่ฉันทิ้งนี่...ออกไป!!!”

พุดกรองเดินหน้าเศร้าไป สารภีจึงเอาดอกปีบที่พุดกรองเพิ่งเก็บมาร้อยมาลัยทั้งที่ใจยังขุ่นมัว ร้อยเสร็จเอาไปให้หลวงราชที่ห้องทำงาน ฉอเลาะว่าตนกรองมาลัยมาฝาก คุณยศจะได้สดชื่นแต่เช้า

 หลวงราชเปิดสมุดบันทึก ดอกปีบแห้งร่วง หลวงราชเก็บไว้ที่เดิม สารภีบาดใจจนสะท้านแต่ไม่พูดอะไร หลวงราชถามถึงงานฉลองตำแหน่งบอกว่าเจ้าคุณจะยกวงดนตรีไปร่วมยินดีด้วย สารภีบอกว่าตนจะจัดที่ทางไว้ให้ หลวงราชเอ่ยอย่างสุภาพว่าตนคงมีเวลาพูดคุยด้วยเท่านี้ สารภีถึงกับสะอึกและลากลับนัดพบกันในวันงานเลย แต่พอออกมาข้างนอกก็ยืนพิงกำแพงหน้าห้องพึมพำอย่างหมดแรง แต่เสียงแค้น

“ไล่สารภีหรือเจ้าคะ!!!”

ooooooo

ถึงวันงานฉลองตำแหน่งของจีนพ้ง...จีนพ้ง สารภี นิ่มและพุดกรองเดินออกมาที่หน้าอาคาร คณะสิงโตสองคณะเชิดแล้วมาสยบแทบเท้าจีนพ้งเพื่ออวยพร บรรดาสมาชิกชมรมก็มาอวยพรกันเต็มลานหน้าเรือน

จุดประทัดตับใหญ่แล้ว จีนพ้งก็มายืนแจกข้าวสารและซองเงินให้ชาวบ้านที่มาต่อแถวยาวเหยียด

พอเจ้าคุณพิชัยมางาน นิ่มกับพุดกรองรีบมากราบ เจ้าคุณทักว่าออกเรือนมาจนลูกโตขนาดนี้แล้วหรือ นิ่มบอกว่าถ้าพุดกรองโตกว่านี้จะพาไปฝากให้คุณหญิงได้ใช้งาน เจ้าสัวท่านก็ยินดี พุดกรองจะได้รู้จักคุณคนแต่เด็ก จีนพ้งฟังแล้วพยักหน้า

“ถ้าครั้งนั้นท่านเจ้าคุณไม่ยินยอมยกแม่นิ่มให้ กระผมก็คงไม่เป็นอันทำอะไรหรืออาจเสียผู้เสียคนไปแล้วก็ได้”

“ขอบใจเจ้าสัวที่ดูแลคนของฉันเป็นอย่างดี”

สารภีฟังอย่างอดทนแล้วปลีกตัวไปเงียบๆ

วงดนตรีของจางวางพ่วงเข้ามาใน “บูรพาเคหาสน์” อย่างตื่นตาตื่นใจกับงานฉลองที่คึกคักใหญ่โต พอสารภีออกมาเห็นหลวงราชมาก็กุลีกุจอต้อนรับ บอกว่าเตรียมที่ทางไว้ให้วงดนตรีแล้ว แต่ทุกคนมากันเหนื่อยให้ไปพักผ่อนก่อน ตนจะพาคุณหลวงกับท่านจางวางไปหาเตี่ยก่อน

เอื้อยกับพิกุลแอบมองอยู่ เอื้อยพูดอย่างหมั่นไส้

“ลูกเจ๊กแต่แต่งตัวอย่างกับฝรั่งคงจะเข้ากันดีกับคุณหลวงนะ”

พิกุลสบตาสารภี ฝ่ายนั้นยิ้มให้น้อยๆอย่างที่พิกุลเดาไม่ออกว่าจะดีหรือร้าย?

พิกุลกินข้าวเที่ยงไม่ลง บอกแม่ว่าจะออกไปดูอะไรข้างนอกหน่อย เพียรบอกให้รีบไปรีบมา พอพิกุลออกไปก็เจอพุดกรองเก็บดอกปีบอยู่ เข้าไปถามว่าเก็บดอกปีบไปทำยาหรือ

พุดกรองบอกว่าไม่เคยรู้ว่าดอกปีบทำยาได้ เห็นแต่คุณสารภีเก็บไปกรองมาลัยส่งให้คุณหลวงที่กระทรวงทุกวัน พุดกรองพูดขาดคำก็ได้ยินเสียงสารภีเรียกปรามเสียงเข้ม แล้วสารภีก็บอกพิกุลว่าท่านเจ้าคุณให้มาตามคงได้เวลาของหล่อนแล้วกระมัง

พอพิกุลไป สารภีก็คาดคั้นถามพุดกรองว่าคุยอะไรกัน พุดกรองบอกว่าเรื่องดอกปีบ สารภีถามว่า แค่นั้นหรือ พอดีบ่าวมาตามสารภีบอกว่าได้ยินเสียง ไอ้สงโวยวายลั่นไปหมด ถ้าปล่อยไว้เกรงว่าคุณสารภีจะเดือดร้อน จะให้จัดการอย่างไร สารภียิ้มร้ายบอกว่า

“ให้มันโวยวายเสียให้พอ เสร็จจากฟังปี่พาทย์ของท่านเจ้าคุณให้สบายใจแล้ว ฉันจะจัดการเอง”

ooooooo

เมื่อพิกุลเดี่ยวปี่จบ ทุกคนปรบมือชื่นชมเว้นแต่สารภีนั่งหน้านิ่งจับตามองหลวงราชที่ยิ้มปลื้มแล้วมองถ้วยชาที่ตนชงให้ซึ่งหลวงราชไม่ได้สนใจเลย ฝ่ายจีนพ้งขออนุญาตเจ้าคุณให้สินน้ำใจพิกุล

หลวงราชยิ้มพอใจเมื่อจีนพ้งเรียกพิกุลไปรับถุงเงิน โดยไม่รู้ว่าสารภีมองตัวเองอยู่อย่างสงสัย ไม่พอใจ ขณะเดียวกันบ่าวของจีนพ้งเข้ามามองหาสารภี สารภีมองก็รู้ว่าต้องเป็นเรื่องเถ้าแก่สงจึงลุกไป หลวงราชเห็นจึงลุกตามไป

สารภีไปตบประตูห้องลับตะโกนสั่งเถ้าแก่สงให้เงียบ เถ้าแก่สงอ้อนวอนให้ปล่อยตนเถิด ตนสำนึกแล้ว ถ้าปล่อยตนจะยกคนในกงสีให้ตั้วเฮีย จะซื่อสัตย์ไม่คิดกำเริบเสิบสานกับตั้วเฮียอีกแม้ชีวิตตนก็จะยกให้

แต่ในที่สุดเถ้าแก่สงก็ถูกสารภีใช้ลิ่มแบ่งชาแทงท้องและลูกน้องจีนพ้งก็กรูกันเข้ามาใช้กรรไกรแทงจนตายแล้วลากศพออกไปเลือดนองตามทาง พุดกรองแอบดูอยู่เห็นการลากศพเถ้าแก่สงที่เลือดท่วมตัวออกไปตกใจร้องกรี๊ด หลวงราชกับปลัดจีนได้ยินเสียงพุดกรองมองหน้ากัน แล้วเดินไปตามเสียง

สารภีได้ยินพุดกรองร้องหันมองขวับ เห็นพุดกรองกำลังจะวิ่งหนีจึงให้ชบาคนสนิทของตนไปจัดการ

หลวงราชตามสารภีออกมา แต่เจอปลัดจีนออกมามองหาอะไรอยู่ ปลัดจีนกระซิบบอกหลวงราชว่าลูกเมียของจีนสงมาขอให้ตนตามหาตัว เพราะจีนสงหายจากบ้านไปเจ็ดวันแล้ว ไม่รู้เป็นตายร้ายดีอย่างไร

หลวงราชได้ยินเสียงพุดกรองร้องจึงตามหา เจอชบากำลังปลอบพุดกรอง ชบาบอกหลวงราชว่าพุดกรองตกใจตุ๊กแก แล้วเบี่ยงเบนว่าคุณหลวงมาหาคุณสารภีหรือบอกแทนเจ้านายว่าคุณสารภีมีใจให้คุณหลวงมาก อย่าทำร้ายจิตใจนายของตนเลย

หลวงราชไม่ตอบและเดินผ่านไปเลย ชบาจึงขู่พุดกรองว่าให้เงียบไว้อย่าทำให้คุณสารภีเดือดร้อน ปรามว่าแกต้องไม่เห็นอะไรใช่ไหม พุดกรองกลัวส่ายหน้าดิกว่า “ไม่เห็นเจ้าค่ะ” ชบาขู่ว่าถ้าปากมากแกโดนตัดลิ้นแน่ เมื่อชบาปล่อยพุดกรองไปแล้ว บอกสารภีที่เสื้อผ้าเปื้อนเลือดว่าให้ไปเปลี่ยนเสื้อผ้าเสีย

พิกุลเห็นทั้งสารภีและคุณหลวงหายไปจึงออกเดินหา พบรอยเลือดที่พื้นสงสัยว่าเป็นรอยเลือดอะไร สารภีบอกว่าแมวคงคาบหนูไปกินที่ไหนกระมัง ถามพิกุลว่าออกมาทำอะไรแถวนี้ พิกุลขอโทษและขอตัวกลับ แต่เจอหลวงราชมาพอดี สารภีหันไปฉอเลาะหลวงราช พิกุลจึงรีบขอตัวไป

จีนพ้งมาที่ห้องลับรู้ว่าเถ้าแก่สงตายแล้วก็พูดอย่างเลือดเย็นว่ามันไม่สำนึกก็สมควรตาย ถามสารภีว่าคุณหลวงสงสัยอะไรหรือเปล่า สารภีบอกว่าคุณยศไม่กระไรหรอก แต่ตนไม่ไว้ใจคนปี่เพราะเห็นคุณยศส่งสายตาให้มัน จีนพ้งยิ้มสบายใจบอกสารภีว่า

“คุณหลวงจะเป็นของใครไม่ได้หรอก นอกจากของลื้อ”

ฝ่ายเจ้าคุณพิชัยปลาบปลื้มดื่มด่ำกับเสียงปี่ของพิกุล บอกจางวางพ่วงว่า

“ฉันคิดไปเองหรือเปล่าก็ไม่รู้นะท่านจางวางว่าปี่ท่านจันจะช่วยกล่อมลูกชายฉันกับแม่สารภีให้มีใจแน่นแฟ้นต่อกันยิ่งกว่าเดิม” จางวางถามว่าสองคนมีใจต่อกันหรือ “ฉันว่าฉันดูไม่ผิดหรอกจางวาง”

พิกุลกลับไปทำความสะอาดปี่แล้วจะขึ้นเรือน สุดดักถามว่าเป็นอะไรหรือเปล่าสีหน้าไม่ค่อยดี พิกุลบอกว่าตนสบายดี สินมองกล่องเก็บปี่บอกว่าเป็นบุญของตนที่ได้ร่วมวงเล่นกับปี่ของท่านจันอย่างทุกวันนี้

พิกุลถามว่าอยากลองจับดูไหม สินถามว่าไม่หวงหรือ พิกุลยิ้มเปิดกล่องหยิบปี่ออกมาส่งให้สิน สินจับปี่ทะมัดทะแมงพิกุลช่วยจัดท่าให้ จางวางกลับมาเห็นพิกุลกับสินนั่งข้างกันท่าทางสนิทสนมก็จะเข้าไปเตือน แต่เห็นท่าทางของสินทำให้จางวางคิดถึงครูทับช่างคลับคล้ายคลับคลากันเหลือเกิน ทำให้จางวางคิดอะไรขึ้นมาได้...

ฝ่ายเจ้าคุณพิชัยกลับมาเจอหลวงราชยังไม่นอนเพราะกำลังทบทวนแผนที่ของบูรพาเคหาสน์ของจีนพ้ง เจ้าคุณเลียบเคียงว่าคิดถึงสารภีหรือ จะทาบทามมาเป็นสะใภ้เลยดีไหม คุณหญิงขัดขึ้นทันทีว่าไม่มีวัน! ตนไม่เห็นดีเห็นงามที่เจ้าคุณจะผูกมัดตายศกับลูกเจ๊กคนนี้ คุณหญิงเอ่ยถึงหญิงดาวกับหญิงเดือนว่าร่าเริงสดใสไม่ดูเจ้าเล่ห์เพทุบายอย่างตระกูลเจ๊กนั่น เจ้าคุณยุทธนาท่านมีทุกอย่างยิ่งกว่าที่ไอ้จีนพ้งมันมี

“ถ้าฉันอยากจะหาเรื่องติเด็กสองคนนั้น ฉันก็ยกขึ้นมาอ้างได้เหมือนกัน แล้วมาดูก็แล้วกันว่าลูกมันจะเกรงใจใคร” เจ้าคุณมองคุณหญิงอย่างท้าทาย หลวงราชฟังพ่อกับแม่เถียงกันแล้วยิ้มขำ

วันนี้หลวงราชกำชับมุดให้จับตาดูพวกปี่พาทย์ให้ดี ถ้าวันนี้ตนกลับมาแล้วมุดไม่รู้ว่าเขาทำอะไรกันบ้างล่ะก็จะโดนดี คุณหญิงถามมุดว่าหลวงราชฝากฝังอะไร มุดปดว่าคุณหลวงให้ไปรับแผ่นเสียงที่ห้าง

ปัญหาของหนุ่มสาวทั้งหลวงราช สารภี พิกุล เอื้อย และสิน ยิ่งนับวันก็ชัดเจน เมื่อหลวงราชจับตาสินที่ใกล้ชิดกับพิกุล เอื้อยก็คอยกีดกันพิกุลกับสิน กระทั่งถามพิกุลว่าจะบอกสินดีไหมว่าตนชอบเขาเพราะเขาเป็นคนปากหนักคงไม่พูดง่ายๆ อีกทั้งสินก็ไม่มีใครด้วย

แต่จางวางพ่วงคิดจะให้สินเป่าปี่สืบทอดจากครูทับ แต่พอสินจับปี่ขึ้นเป่ากลับเป่าไม่ออก จางวางถึงกับหน้าเจื่อน เพียรถามจางวางว่าคิดจะจับคู่สินกับพิกุลหรือ ทำไมไม่ถามลูกก่อนว่ามีใจให้สินหรือไม่

“เพราะฉันไม่อยากให้มันเป็นอย่างท่านจัน พิกุลกับไอ้สินมันคู่ควรกันด้วยชนชั้นเดียวกัน พิกุลมันไม่มีวันเสียใจอย่างท่านจันเป็นแน่...แม่เพียรต้องเห็นด้วยกับฉัน ไม่ใช่ปล่อยให้เรื่องซ้ำรอยเดิม!!”

พิกุลดูออก ถามสินขณะซ้อมปี่กันว่ารู้หรือไม่ว่าพ่อหมายตาเราสองคนให้เป็น...สินบอกว่าไม่รู้ พิกุลบอกว่าตนไม่ได้คิดอะไรกับสินเกินกว่าความเป็นพี่น้องแต่เอื้อยรักสินยิ่งกว่าอื่นใด สินบอกว่าตนก็เห็นเอื้อยเป็นน้องเท่านั้นไม่เคยรักอย่างที่รักพิกุล

เอื้อยมาได้ยินพอดีต่อว่าพิกุลว่าทั้งที่รู้ความจริงแต่ก็ปิดปากเงียบตลอดมา หรืออยากให้ตนหลอกตัวเองไปเรื่อยๆ พิกุลบอกว่าตนขลาดไม่กล้าพูดความจริงเพราะกลัวเอื้อยผิดหวัง

“ฉันซาบซึ้งมากพิกุล ซาบซึ้งเหลือเกินแล้ว” เอื้อยประชดอย่างเจ็บใจ พิกุลกับสินมองหน้ากันอย่างลำบากใจหาทางออกไม่เจอ

ooooooo

คุณหญิงพยายามจับคู่ให้หลวงราชกับครอบครัวเจ้าพระยายุทธนากับคุณหญิงพิศพิลาศ รังเกียจลูกเจ๊กอย่างสารภีถึงกับไปรับหลวงราชที่กระทรวงเพื่อพาไปบ้านหญิงดาวกับหญิงเดือน

หลวงราชบอกว่าวันนี้ตนมีธุระก็ตัดพ้อว่าขอให้เห็นแก่หน้าแม่บ้างเถอะเพราะนัดทางนั้นไว้แล้ว ย้ำว่าถึงเวลาที่ลูกต้องจริงจังกับหญิงดาวหญิงเดือนได้แล้ว หลวงราชจึงจำต้องตามใจ

คุณหญิงสั่งสร้อยให้จับตาดูมุดว่าทำอะไรบ้าง หลวงราชก็สั่งมุดให้จับตาดูจางวางกับพิกุล

มุดรายงานว่าจางวางหมายตานายสินให้พิกุล แต่แม่เพียรไม่ยินยอมนัก ส่วนตัวพิกุลก็เกินกว่าที่ตนจะสะกดรอยตามเห็นพิกุลซ้อมปี่กับนายสินแต่ก็ดูขลุกขลักติดขัดอะไรตนไม่ทราบ

หลวงราชพรวดออกไปทันทีบอกว่าจะไปหาจางวาง ถึงคราวที่ต้องเลิกอมพะนำได้แล้ว

แต่หลวงราชไปเจอพิกุลเป่าปี่อยู่อย่างเศร้าเหงาและไม่อาจเป่าให้จบเพลงได้ หลวงราชเข้าไปถามว่าทำไมไม่เป่าให้จบเพลง พิกุลขอร้องอย่าเรียกร้องจากตนนักเลย หลวงราชประชดว่าตนไม่ใช่นายสินที่เรียกร้องอะไรหล่อนก็พร้อมจะให้ได้แม้แต่ซ้อมปี่ให้ โพล่งบอกพิกุลว่า

“ฉันจะไม่ยอมให้หล่อนเป็นของคนอื่นนอกจากฉันหรอกพิกุล”

อ่านละคร ปี่แก้วนางหงส์ ตอนที่ 3 วันที่ 26 ต.ค.61

ละคร ปี่แก้วนางหงส์ บทประพันธ์โดย เสน่ห์ โกมารชุน
ละคร ปี่แก้วนางหงส์ บทโทรทัศน์โดย บลูลาวา
ละคร ปี่แก้วนางหงส์ กำกับการแสดงโดย แมน เมธี
ละคร ปี่แก้วนางหงส์ ผลิตโดย บริษัท เมกเกอร์ เจ กรุ๊ป จำกัด
ละคร ปี่แก้วนางหงส์ ควบคุมการผลิตโดย จริยา แอนโฟเน่
ที่มา ไทยรัฐ