อ่านละคร ริมฝั่งน้ำ ตอนที่ 8 วันที่ 2 ต.ค.61

อ่านละคร ริมฝั่งน้ำ ตอนที่ 8 วันที่ 2 ต.ค.61

บุษกรได้ยินเสียงคุยกันดังมองไปทางหน้าต่างเงี่ยหูฟัง ได้ยินพฤกษ์กับวีนัสเถียงกัน จับความได้ว่าวีนัสอยากช่วยแต่พฤกษ์ห้ามมายุ่งกับครอบครัวตน ถ้าอยากช่วยก็ขอให้อยู่ห่างๆแม่ตน

วีนัสฉุนถามว่าทำไมไล่ตนให้อยู่ห่างคุณป้า ชี้ว่าเพราะความกลัวของอาจารย์นี่แหละที่ทำร้ายชีวิตแม่ตัวเอง

“หยุดพูดว่าผมกลัวสักที” พฤกษ์ฉุนขาดตวาดใส่



“ก็ยอมรับความจริงสิคะ ฉันรู้ว่าอาจารย์เหนื่อย อาจารย์ต้องแบกความคิดว่าตัวเองเป็นต้นเหตุเรื่องพ่อ แบกความรับผิดชอบทุกอย่างไว้ ถึงอยากจะเป็นตัวแทนของพ่อให้ดีที่สุด” พฤกษ์ตวาดว่าอย่ามาสอนตน “ฉันต้องสอน รู้บ้างไหม คุณป้าไม่เหลือความภูมิใจในตัวเองเพราะข้ออ้างของอาจารย์ คุณป้าคิดอยู่ตลอดว่าถูกสามีทิ้ง แผลในใจของคุณป้าไม่มีวันหาย อาจารย์ยังไม่กล้าบอกความจริงว่าพ่อตายไปแล้ว”

“พฤกษ์...พ่อ!” บุษกรอุทานร่างโงนเงน

พฤกษ์กับวีนัสได้ยินเสียงวิ่งไปดู พฤกษ์พุ่งเข้ารับร่างแม่ได้ทันก่อนที่จะล้มลง เรียกรถพยาบาลมารับแม่ส่งโรงพยาบาลแล้ว พฤกษ์มองวีนัสอย่างเกลียดชังจนวีนัสไม่กล้าสบตา

วีนัสยืนทำอะไรไม่ถูก ไอลดาบอกให้วีนัสรอตรงนี้แล้วตัวเองเข้าไปปิดม่านกันคนไข้ พฤกษ์หันมาเห็น วีนัสพุ่งออกมาพูดอย่างโกรธจัดว่าเธอเป็นผู้หญิงที่ใจร้ายที่สุดในโลก คำพูดของเธอกำลังฆ่าแม่ตน วีนัสขอโทษตนไม่ได้ตั้งใจ ไม่คิดว่าคุณป้าจะได้ยิน

“ไม่ได้ตั้งใจ เพราะคุณไม่ได้ตั้งใจอะไรเลยไง แม่ผมถึงต้องเป็นแบบนี้” วีนัสเสียใจจนร้องไห้ พฤกษ์พูดอย่างเจ็บปวดว่า “ใช่ แม่ยิ้ม แม่หัวเราะ แต่หัวใจแม่ยังอ่อนแอ ผมเตือนคุณกี่ครั้งกี่หนแล้วคุณก็ไม่ฟัง คุณไม่เคยเชื่อ นี่แม่ผมนะ แม่ผม คุณมองคนแค่ภายนอก คุณมองแค่เรื่องที่จะเข้าข้างความคิดคุณ คุณไม่เห็นว่าน้ำตาแม่ยังไหลอยู่ข้างใน” วีนัสร้องไห้อย่างหนัก พฤกษ์ยังคงพูดต่อ...

“พ่อกับแม่ผมอยู่กันมาทั้งชีวิต ไม่เคยห่างกันเลย ความสูญเสียมันแรงเกินกว่าหัวใจแม่จะรับได้ ไม่มีเสียงพ่อ ไม่มีรอยยิ้มพ่อ ไม่มีเสียงหัวเราะของพ่ออีกแล้ว ได้ยินไหมวีนัส ได้ยินไหมว่าความหวังดีของคุณ มันทำลายชีวิตแม่ผม”

วีนัสร้องไห้โฮ พฤกษ์เองก็น้ำตาร่วงด้วยความเครียดถึงขีดสุด

ooooooo

ที่แท้โตมรเป็นมะเร็งต่อมลูกหมากระยะสุดท้ายแต่ไม่ยอมบอกใคร วันนี้ขณะเดินออกมาที่หน้าออฟฟิศปวดหลังอย่างแรงจนเดินต่อไปไม่ไหวเซทรุด ดีที่ธงชัยวิ่งมารับทันและร้องบอกอ้อยให้โทร.เรียกรถพยาบาล

“ไม่ต้อง! ไม่ไป ฉันแค่ปวดหลัง ไปเอายาแก้ปวดของฉันในห้องมา” โตมรตวาดฉุนเฉียว

เมื่อกินยาแล้ว ขณะนั่งพักเชาว์ถามว่าเป็นอะไร ธงชัยบอกว่าปวดหลังแต่กินยาแก้ปวดไปแล้ว โตมรฟังแล้วหงุดหงิดบอกว่า ตนจะหายปวดถ้าได้อยู่คนเดียว

อ้อยบอกให้ไปหาหมอก็ปฏิเสธ อ้อยสั่งธงชัยให้โทร.เรียกหมอ โตมรสวนทันควันว่าเรียกมาตนก็ไม่ให้ตรวจ ไล่ทุกคนให้ออกไปเสีย ถ้าไม่ไปตนจะไปเอง

พอทุกคนเดินออกไปแล้วโตมรก็นั่งพิงโซฟาพยายามซ่อนความเจ็บปวดไว้ภายใต้สีหน้าที่เรียบเฉย

อ้อย เชาว์ กับธงชัยออกไปแล้วก็คุยกันถึงอาการผิดปกติของโตมร ธงชัยเล่าว่า

“พักนี้คุณตาโตมรอารมณ์เสียบ่อยมาก ท่าทางแบบนี้ ดูแล้วผมว่าเราซักไปคุณตาก็ไม่ยอมพูดหรอกเรามาคอยแอบสังเกตกันดีกว่าครับ”

ที่หน้าห้องฉุกเฉินโรงพยาบาล พฤกษ์นั่งไม่ติด เดินไปมาชะเง้อมองไปด้านใน วีนัสน้ำตาร่วงเดินไปหา แต่พอเห็นสายตาของพฤกษ์ก็ถอยออกไปยืนน้ำตาอาบแก้ม

ไอลดาออกจากห้องไอซียู พฤกษ์ถามว่าแม่เป็นยังไงบ้าง

“อาจารย์หมอบอกว่ายังอยู่ในขั้นวิกฤติ ยี่สิบสี่ชั่วโมงจากนี้ไปต้องดูอาการใกล้ชิดที่สุด”

“แม่จะไม่เป็นอะไรใช่ไหมไอ...แม่จะกลับมายิ้มกับฉัน แม่จะกลับมาเหมือนเดิมไหม”

พฤกษ์น้ำตาร่วง ใจแทบขาดเมื่อวันที่กลัวที่สุดจะมาถึงจนได้...

ไตรทศถามวีนัสว่าใครบอกแม่เรื่องพ่อ วีนัสหลบตาไม่ตอบ ไตรทศถามว่าเธอเองหรือ เรื่องนี้ไม่ใช่เรื่องครอบครัวเธอ วีนัสขอโทษ “ขอโทษ...ถ้าแม่ตาย คำขอโทษของคุณมันก็ช่วยชีวิตแม่ไม่ได้”

พอดีไอลดาออกมาบอกว่าถ้ามาช้ากว่านี้แม่ก็จะไม่ได้อยู่กับพวกเรา วีนัสอยากไปขอโทษคุณป้า

“อย่าเข้าไปเลย ตอนนี้ไอ้พฤกษ์มันคงไม่อยากให้ใครเข้าใกล้แม่ โดยเฉพาะเธอ!!” ไตรทศเสียงกระด้าง

“มันเร็วเกินไปที่จะให้พฤกษ์ยอมรับสิ่งที่เธอไม่ได้ตั้งใจทำ” ไอลดาเปรย

ไตรทศกับไอลดาเดินเข้าไปในห้องไอซียู วีนัสได้แต่ยืนน้ำตาคลออยู่หน้าห้อง

ooooooo

ในห้องไอซียู พฤกษ์ ไอลดา และไตรทศเฝ้าดูบุษกรอยู่อย่างห่วงใย เสียงเครื่องชีพจรดังขึ้นเป็นสัญญาณชีพจรตก ไอลดารีบเข้าไปดู บอกพฤกษ์กับไตรทศให้ออกไปก่อน พฤกษ์ลังเลเป็นห่วงแม่ ไอลดาสั่งไตรทศให้พาพฤกษ์ออกไป

ไตรทศดึงพฤกษ์ออกไป พอเห็นหน้าวีนัส พฤกษ์ก็ชักสีหน้าไม่พอใจ วีนัสรีบเข้ามาขอโทษ

“ไป...ผมไม่อยากเห็นหน้าคุณอีก” พฤกษ์เสียงกระด้างจนวีนัสสะอึกชะงัก ไตรทศรู้อารมณ์พฤกษ์ บอกวีนัสให้ไปเสีย วีนัสตาแดงก่ำพยายามกลั้นน้ำตา

“รู้ตัวหรือเปล่า คิดบ้างหรือเปล่า ว่าคุณไม่ควรอยู่ที่นี่ เพราะแม่ผมที่นอนอยู่ในไอซียูคือความผิดของคุณที่มันให้อภัยไม่ได้!!” พฤกษ์กระหน่ำซ้ำ

วีนัสน้ำตาร่วงผล็อยรีบปาดน้ำตามองพฤกษ์ด้วยสายตารู้สึกผิด พฤกษ์จ้องดุๆจนต้องหันเดินออกไป

รุ่งขึ้นวีนัสบอกยายพิกุลที่ใส่บาตรกลับมาว่า “หนูเกือบฆ่าคุณป้าบุษกร”

“จำไว้เป็นบทเรียนแล้วกันนะลูก รักแค่ไหน หวังดีแค่ไหน มันก็ต้องมีขอบเขต”

วีนัสโผซบอกยายพิกุลด้วยความเสียใจ ยายได้แต่กอดปลอบอย่างเห็นใจ

กระนั้นตอนกลางวันวีนัสยังไปที่หน้าห้องไอซียู พอเห็นพฤกษ์ออกมาก็ตรงไปถามว่าคุณป้าเป็นอย่างไรบ้าง พฤกษ์ไม่ตอบปิดประตูกลับเข้าไปทันที วีนัสยืนอึ้ง เศร้าที่ถูกพฤกษ์เกลียดและไม่ได้เยี่ยมป้าบุษกร

ooooooo

หลังจากอานัสตามไปง้อเนมสำเร็จแล้ว วันนี้เขาไปรับเนมถึงกองถ่ายพามาส่งบ้าน เนมขอบคุณ เขาถามว่ามีรางวัลให้หรือเปล่า

เห็นเนมมองตาหวานก็โน้มหน้าเข้าไปจะจูบ ถูกเนมเอานิ้วแทรกเข้ามาปิดริมฝีปากตัวเอง อานัสมองอ้อนอย่างเสียดาย เนมจึงเอ่ยกลบเกลื่อน “ขอบคุณอีกครั้งนะคะ”

อิงอรออกมาเห็นอานัสทักอย่างยินดี เชิญเข้ามานั่งในบ้านก่อน แล้วเปิดโอกาสให้สองคนอยู่กันตามลำพังตัวเองเข้าไปจัดกาแฟให้ คุยว่ากาแฟบ้านแม่อร่อยมาก

ขณะอานัสกับเนมกำลังกะหนุงกะหนิงกัน ภูวนาทกลับมาถามว่าเนมพาผู้ชายที่ไหนเข้าบ้าน

อิงอรเอากาแฟและขนมออกมาพอดี ตำหนิภูวนาทว่าพูดจาให้ดีหน่อย คุณอานัสเป็นเจ้าของโรงแรมใหญ่ไม่ใช่คนไม่มีหัวนอนปลายเท้า

“รวยแล้วไง มารยาทจะยกมือไหว้เจ้าของบ้านยังไม่มีเลย”

อานัสลุกขึ้นทันทีบอกเนมว่าตนกลับดีกว่าแล้วเดินคอแข็งมือแข็งออกไปเลย เนมตามไปส่ง ภูวนาทด่า อิงอรว่าสอนลูกยังไงให้เดินตามผู้ชาย

“ก็สั่งสอนให้ลูกรู้จักสร้างกระแส สร้างคอนเนกชัน มีงาน มีเงิน ในแบบที่พ่อมันไม่เคยมีให้ไง ลูกฉัน ฉันปั้นมากับมือจนเป็นดาราดัง อย่าหวังว่าจะมาขอส่วนแบ่งไปเลี้ยงดูอีพวกกิ๊กเด็กล่ะ บอกไว้เลย ฉันไม่ให้”

ภูวนาทถูกด่ากลับ ได้แต่จ้องหน้าอิงอรอย่างโมโห

เนมถามอานัสขณะเดินมาส่งเขาว่าโกรธหรือ อานัสบอกว่าวันหลังถ้าพ่อแม่อยู่บ้านให้บอกก่อนตนจะได้ไม่ต้องเข้าไป

“ไม่ต้องมาบ้านเนมอีกก็ได้ค่ะถ้าพี่เอิร์ธอึดอัด เพราะเนมก็คงไม่คบกับผู้ชายที่รังเกียจครอบครัวเนม”

“ไม่ได้รังเกียจ”

“ขอบคุณค่ะที่ยอมรับพ่อแม่เนมได้ เดี๋ยวคืนนี้เนมจะช่วยคิดวิธีเอาใจคุณปู่ให้นะคะ” เนมพูดเอาใจแล้วลากัน เนมยิ้มพอใจที่ทำให้อานัสยอมตนได้

กลับเข้าบ้านแล้วเนมถูกพ่อบ่นว่าเป็นหญิงต้องรักนวลสงวนตัว ท่าทางเพลย์บอยแบบนั้นไว้ใจไม่ได้ ถูกเนมย้อนว่าไม่ต้องสอนตน เพราะตนมีแม่เป็นตัวอย่างอยู่แล้ว

อิงอรฉวยโอกาสด่าภูวนาท ตนสอนลูกว่าอย่าโง่เลือกคนผิด ไม่อย่างนั้นชีวิตจะเหมือนแม่ มุ่งมั่นว่า

“ผู้ชายรวยหุ้มทองฝังโคตรเพชรอย่างคุณเอิร์ธน่ะ ไม่ได้ด้วยเล่ห์ก็ต้องเอาด้วยกลเพราะตำแหน่งสะใภ้ไฮโซมันต้องเป็นลูกเนมของฉันเท่านั้น!!!”

ภูวนาทเตือนว่าส่งเนื้อเข้าปากเสือถ้าพลาดไปแล้วเขาไม่รับผิดชอบจะทำยังไง

“คนมีชนักติดหลังอย่างคุณไม่มีสิทธิ์มายุ่งเรื่องของฉันกับลูก ไปเลยนะ ไปนอนซุกอกกิ๊กที่ไหนก็ไป ฉันไม่อยากเห็นหน้า ขยะแขยงเต็มทนแล้ว!” อิงอรทั้งผลักทั้งไล่ภูวนาทออกจากบ้าน แต่ภูวนาทขืนตัวไว้ไม่ยอมไป

ooooooo

แม้วีนัสจะถูกพฤกษ์ไล่ครั้งแล้วครั้งเล่า แต่ด้วยความรู้สึกผิดและเป็นห่วงบุษกร เธอยังคงนั่งอยู่หน้าห้องไอซียู พอเห็นพฤกษ์ออกมาก็เข้าไปขอร้อง ขอเข้าไปกราบคุณป้า

“ไม่ต้อง กลับไป” พฤกษ์เสียงกระด้าง

ไอลดาที่ตามออกมาเตือนสติพฤกษ์ว่าเขาจะโทษวีนัสคนเดียวก็ไม่ได้ต้องโทษตัวเองด้วย เพราะสักวันแม่ก็ต้องรู้ความจริง ไตรทศบอกวีนัสว่าอย่าอยู่ที่นี่เลย

“ฉันต้องอยู่ ฉันไม่กลับค่ะ” วีนัสตอบไตรทศ

แต่จ้องหน้าพฤกษ์พูดกับเขาว่า “ค่ะ ฉันผิด อาจารย์จะด่าว่าลงโทษฉันยังไงก็ได้ ฉันยอมรับ ไม่มีข้อแก้ตัวอะไรทั้งนั้น มีแค่เรื่องเดียวที่ฉันจะขอความเมตตาจากอาจารย์ก่อนที่จะไม่เห็นหน้ากันอีก อาจารย์ยอมให้ฉันกราบขอโทษคุณป้าสักครั้งเถอะนะคะ”

ในที่สุดพฤกษ์ก็ยอมให้วีนัสเข้าไปกราบขอโทษบุษกร เธอสารภาพว่าตนผิด ปิดบังคุณป้า นำความทุกข์ใจมาให้คุณป้า คุณป้าต้องเจ็บเพราะตน กุมมือบุษกรพูดปนสะอื้นว่า

“คุณป้าขา หนูกราบขอโทษ คุณป้ายกโทษให้ความผิดของเด็กโง่คนนี้ด้วยนะคะ”

บุษกรมองวีนัสอย่างเมตตา เลื่อนมือไปลูบหัวเบาๆ สัมผัสที่อ่อนโยนทำให้วีนัสถึงกับร้องไห้โฮ...

คืนนี้วีนัสเล่าเรื่องราวของบุษกรให้ทุกคนที่บ้านร่มไม้ฯฟัง ชาญชัยบอกว่าคนเราถ้าลืมง่ายก็ไม่ทุกข์ ที่ทุกข์เพราะลืมไม่ได้นี่แหละ นิ่มนวลก็ว่าสุดท้ายต้องเจ็บปวดแค่ไหนเพราะไม่มีใครหนีความจริงพ้น

“มันต้องเป็นแบบนี้ เพราะที่สุดของคนก็คือกลัวตาย” โตมรเอ่ยเมื่อฟังเรื่องของเดชา

“ความตายไม่ใช่เรื่องเลวร้ายน่ากลัวไปหมดหรอก เพราะบางครั้งความตายก็ทำให้ทุกคนกลับมาเห็นอกเห็นใจ เข้าใจกัน รักกันอีกครั้ง”

ชาญชัยพูดอย่างเข้าใจโลก ทุกคนฟังแล้วต่างนิ่งไปตามความคิดของตัวเอง

ooooooo

เมื่อบุษกรรู้ความจริงว่าเดชาไม่ได้ไปมีหญิงคนใหม่อย่างที่ตนเคยระแวง แต่เขายังมั่นคงในความรักที่มีต่อกัน ก็คลายความน้อยเนื้อต่ำใจ ยิ่งมีความรู้สึกดีกับเดชาและเข้าใจวีนัสกับพฤกษ์และทุกคนที่ปิดบังตน

วันนี้เมื่อวีนัสเอาแจกันดอกไม้ไปเยี่ยม บุษกรเรียกวีนัสเข้าไปที่เตียงที่พฤกษ์ยืนอยู่ก่อนแล้ว วีนัสเข้าไปกุมมือคุณป้า บุษกรเลื่อนมือไปจับมือพฤกษ์มาวางบนมือวีนัส บอกพฤกษ์ว่า

“อย่าลงโทษน้องเลยนะพฤกษ์ หนูวีนัสทำทุกอย่างด้วยเจตนาดี แม่ยกโทษให้หนูวีนัสหมดแล้ว...” พฤกษ์ฟังแม่พูดแล้วแววตาอ่อนลง บุษกรยิ้มบอกว่า “ถ้าแม่ร้องไห้ คนที่เสียใจที่สุดคือลูก”

“แม่ครับ ผมผิดเอง ผมเห็นแก่ตัว ผมกลัวจะเสียแม่ไปอีกคน ผมขอโทษครับแม่”

“ไม่ต้องขอโทษลูก พฤกษ์รักแม่ สิ่งที่พฤกษ์ทำ แม่รู้ ลูกทำเพื่อรักษาชีวิตแม่...แค่รู้ว่าพ่อรักแม่ พ่อไม่เคยลืมแม่ แค่นี้...ชีวิตแม่ก็มีความสุขแล้ว”

พฤกษ์กอดแม่ไว้ด้วยความรัก ทุกคนมองน้ำตาซึม...

วันเวลาผ่านไปจนวันนี้มีพิธีฌาปนกิจแล้ว บุษกรไปยืนข้างโลง ยกมือลูบโลงเบาๆ พูดเสียงเครือ

“แม่รักพ่อนะ จะรักเหมือนคำสัญญาของเรา...

รักจนลมหายใจสุดท้ายของกันและกัน”

เมื่อกริ่งสัญญาณเผาศพดังยาว พฤกษ์กอดกับแม่ มองควันที่ปล่องเมรุน้ำตาอาบแก้ม...

ooooooo

รุ่งขึ้นไปลอยอังคารที่ท่าน้ำวัด ทุกคนมากันพร้อมหน้า บรรดา สว.ที่บ้านร่มไม้ชายคาก็มากันทั้งหมด ทุกคนบอกกล่าวเดชาก่อนลอยอังคารว่าจะช่วยกันดูแลบุษกร ยายพิกุลก็ชวนบุษกรกลับไปอยู่บ้านร่มไม้ฯ

บุษกรขอพฤกษ์ไปอยู่บ้านร่มไม้ฯ เพื่อความสุขและเพลิดเพลินของแม่พฤกษ์ยอมให้แม่กลับไปอยู่บ้านร่มไม้ฯ ฝากแม่ไว้กับคุณตาคุณยายด้วย

“ไม่ต้องห่วงนะ พวกเราจะดูแลเพื่อนของเราคนนี้ให้ดีที่สุด” ชาญชัยยิ้มอบอุ่น พฤกษ์ไหว้ สว.ทุกคนอย่างตื้นตันใจ

พฤกษ์สบตากับวีนัส พฤกษ์ขอบคุณวีนัสที่เป็นกำลังใจให้ตนตลอดมา ต่างยิ้มให้กันด้วยความรู้สึกดีๆ ที่เริ่มต้นกันใหม่อีกครั้ง

บุษกรไปอยู่บ้านร่มไม้ฯเพียงข้ามคืน รุ่งขึ้นก็ได้ยิ้มและหัวเราะกับบรรดาเพื่อน สว.ที่หยอกล้อกันอย่างครึกครื้น พฤกษ์เห็นแม่มีความสุขก็ยิ้มอย่างมีความสุขด้วย

ไม่เพียงบุษกรกับพฤกษ์จะมีความสุข ไอลดาที่แอบชอบธนพัต และไตรทศพ่อม่ายที่ต้องตาคณิตาก็มีความสุขด้วยที่ได้พบปะใกล้ชิดกันมากขึ้น

ไตรทศบอกพฤกษ์ว่าโชคดีที่แม่ทำใจเรื่องพ่อได้ ไอลดาบอกว่าถ้าขืนยังปิดบังต่อไปก็ไม่รู้ว่าเมื่อไหร่ถึงจะได้เงินประกันชีวิตพ่อมาช่วยแบ่งเบาหนี้สิน

แล้วจู่ๆเฟดริก ศิลปินนักเดินทางชาวอังกฤษที่เคยอยู่บ้านร่มไม้ฯและห่างหายไประยะหนึ่งก็กลับมา ดวงใจศิลปินนักร้องดีใจที่เฟดริกกลับมา เฟดริกมองวีนัสบอกว่าดีใจที่หนูยังไม่ลาออก

“หนูไม่มีสิทธิ์ลาออกนี่คะ ก็เลยต้องปรับตัวปรับใจให้มีความสุขกับงานที่นี่”

เฟดริกยกนิ้วโป้งให้อย่างชื่นชม

ooooooo

ฝ่ายหนึ่งธิดาหรือเนมช่วยอานัสทำคะแนนกับปู่ชาญชัยหมายได้สมบัติก้อนโตแข่งกับต้น

วันนี้ทั้งสองพากันไปที่บ้านร่มไม้ฯ พลอยเจ้าหน้าที่บ้านร่มไม้ฯเห็นเนมก็ตื่นเต้นที่เจอดาราขอถ่ายรูปด้วย

พลอยบอกว่าคุณตาชาญชัยเพิ่งนอนกลางวันเนมจึงฝากจัดขนมให้และกล่องหนึ่งให้พลอยเพื่อซื้อใจตามเคยและฝากให้ดูแลปู่ชาญชัยเป็นพิเศษ ถ้ามีญาติคนไหนมาช่วยส่งไลน์บอกตนด้วย อานัสถามว่าทำไมต้องเอาใจพวกคนงานด้วย

“สร้างฐานพรรคพวกด้วยขนมถูกๆราคาไม่กี่บาทคุ้มมากนะคะ พี่เอิร์ธน่าจะหัดทำไว้บ้าง ยังไงก็มีประโยชน์ ...คุณปู่หลับจะเข้าไปไหมคะ”

“ไม่อ่ะ ที่นี่ไม่เห็นมีอะไรน่าสนใจ มีแต่พวกแก่ๆ ไม่เจริญหูเจริญตา” อานัสหันหลังเดินไปเลย เนมได้แต่มองตามอย่างอ่อนใจ

แล้วเนมก็วางแผนทำลายสวนกล้วยไม้ของพฤกษ์อีกครั้ง คราวนี้บอกอานัสว่า

“สวนกล้วยไม้อาจารย์พฤกษ์ ถ้ามันพังจนไม่มีทุนทำต่อ ที่ดินที่พี่เอิร์ธอยากได้กลับมาก็อยู่แค่เอื้อม”

แล้วสวนกล้วยไม้ของพฤกษ์ก็เสียหาย วันนี้ลุงเพชรเอากล้วยไม้ใส่กะละมังมาให้พฤกษ์ดู กล้วยไม้กลีบดอกไหม้ตายทั้งกะละมัง พฤกษ์ตกใจถามลุงเพชรว่าทำไมเป็นแบบนี้

“เราโดนยาปลอมครับคุณพฤกษ์ คราวนี้หมดทั้งสวนแล้วครับ...”

“ลุงเพชรอย่าเพิ่งบอกแม่นะ ผมจะหาทางแก้ปัญหาเอง” พฤกษ์กลัวแม่สะเทือนใจ

เมื่อทำลายสวนกล้วยไม้ของพฤกษ์แล้ว อานัสเป่าหูปู่ชาญชัยว่า เอาเข้าจริงพฤกษ์ก็ไม่ได้เก่งอย่างที่ปู่คิด ทำสวนกล้วยไม้ก็เจ๊งทั้งสวน แล้วยุว่าในเมื่อพฤกษ์ทำสวนกล้วยไม้เจ๊งไปแล้ว คงไม่มีทุนลงในที่ดินผืนนี้อีก

“เอาไว้ให้พฤกษ์เขามาบอกเองว่าไม่ทำ แกไม่ต้องคิดแทนพฤกษ์หรือแทนปู่หรอก”

“ขนาดนี้แล้วปู่ยังเข้าข้างมัน ระวังมันจะได้ใจหลอกเอาสมบัติปู่ไปจนหมดตัว”

อานัสผิดหวังเดินออกไปทันที พึมพำหัวเสียว่า “อย่าหวังว่าคนอย่างฉันจะยอมให้แกได้ดี ไอ้พฤกษ์”

ชาญชัยมองตามอานัสไปอย่างรู้ทันและหนักใจ

ooooooo

อ่านละคร ริมฝั่งน้ำ ตอนที่ 8 วันที่ 2 ต.ค.61

ละครเรื่องริมฝั่งน้ำ บทประพันธ์โดย ธุวดารา
ละครเรื่องริมฝั่งน้ำ บทโทรทัศน์โดย เป่ากุ้ย
ละครเรื่องริมฝั่งน้ำ กำกับการแสดงโดย ภูธเนศ หงษ์มานพ
ละครเรื่องริมฝั่งน้ำ ฝึกสอนการแสดงโดย อริศรา วงศ์ชาลี
ละครเรื่องริมฝั่งน้ำ ผลิตโดย บริษัท เป่าจินจง จำกัด
ละครเรื่องริมฝั่งน้ำ ควบคุมการผลิตโดย นพพล โกมารชุน
ที่มา ไทยรัฐ