อ่านละคร อาญารัก ตอนที่ 5/4 วันที่ 1 เม.ย. 56
“อย่าหยันกันสิยายแพร ที่ข้าให้ย้ายบ้าน เพราะไม่ต้องการให้พวกเอ็งมีปัญหา พวกเอ็งต้องไปกันเงียบๆ ห้ามแพร่งพรายให้ใครรู้เด็ดขาด” หนักกำชับ“แล้วที่นาของเนียน” โพล้งถามขึ้น
“ให้มันว่างเปล่าไปอย่างนั้นแหละ ข้าจะไปหาเงินจากที่ใหม่ ข้าต้องการให้แดงน้อยเติบโตที่นั่นเรียนหนังสือที่นั่น ให้เขารู้จักญาติของเขาเพียงสองคน คือเอ็งกับไอ้โพล้ง ส่วนคนที่ชื่อไอ้เสือหนักก็คือไอ้เสือหนัก ที่ทางการต้องการ ไม่ได้เกี่ยวข้องกับเขา”
หนักเดินมาอุ้มมากอดแดงน้อยด้วยความรักใคร่
“แดงน้อยเอ๋ย หลานต้องเติบโตเป็นคนดี คนบริสุทธิ์ที่ไม่เคยเกี่ยวข้องพวกโจรใจบาปสันดานหยาบช้าอย่างลุง”
“เมื่อคืนข้าฝันถึงลุงน้อมยืนร้องไห้ เหมือนจะบอกอะไร ข้าว่าพี่อย่าไปเลย” โพล้งบอก
หนักทอดถอนใจ ส่งหลานคืนให้แพร สองคนมองตามหนักที่เดินออกไปจนลับตา
เวลาเดียวกันเนียนมองตัวเองในกระจกบานเล็กๆ เห็นว่าเนียนใส่สร้อยเส้นหนึ่ง เนียนแกะสร้อยที่ขุนภักดีให้ออกมาจากคอ น้ำตาซึม
“แดงน้อยของแม่ แม่ขอโทษ ที่แม่ไม่ได้อุ้มชูดูแลลูก เหมือนแม่ทั้งหลาย ชีวิตเราสองแม่ลูกช่างอาภัพเหลือทน แม่ละอายแก่ใจเป็นที่สุด มีลูกแต่ทำเพื่อลูกได้เพียงน้อยนิด”
เหมือนมีใครสักคน มาผิวปากแถวหน้าต่างห้อง เนียนเดินไปหยุดมองลงไป
เป็นเอกนั่นเองที่ผิวปากอยู่หน้าต่างด้านล่าง เอกหยุดผิวปากเป็นเพลงหันไปมองซ้ายมองขวาแล้วหันมามองเนียน
“คุณเนียน”
เนียนมองเอกอย่างแปลกใจ
“พี่เอกมีธุระอะไรกับเนียนรึ”
“พี่จะมาเตือนให้ระวังเนื้อระวังตัวให้ดีเพราะ คืนนี้พี่กับท่านขุนจะไปธุระ”
เนียนให้นึกสบายใจที่เอกกับขุนภักดีจะไปธุระ
“เอ้อ จะไปธุระที่ไหนหรือจ้ะพี่เอก”
“ฟังแล้วเหยียบไว้ ท่านจะไปจับโจร”
เนียนสะดุ้งโหยง ใจหล่นวูบ “จับโจร”
“ได้ยินคุณสนว่าแถวศรีประจันต์นั่นแหละมั้ง”
เนียนโล่งอก
“จะไปตอนไหนจ้ะพี่เอก”
“ท่านว่าจะไปตอนโพล้เพล้น่ะ”
เนียนถอนใจ โล่งอกมากขึ้น
“ดูแลตัวเองนะเนียน พี่เป็นห่วง ไม่ไว้ใจสองนายบ่าวนั่น ดูมันยิ้มย่องยิ้มยั่วยิ้มเย้ยกันตลอดเวลาพิกลแท้ๆ”
“เนียนชินแล้วจ้ะ ขอบใจพี่เอกมาก”
ระหว่างนั้นแทนเดินผ่านมาเห็น สองคนจึงหยุดพูด
ช้อยรีบมารายงานสน
“ไอ้แทนมันมารายงานว่า เห็นไอ้เอกมันไปลับๆล่ออยู่แถวหน้าต่างห้องอีเนียนเจ้าค่ะ คุณสน”
สนตบเข่าฉาด “กูว่าแล้ว ว่าไอ้เอกไว้ใจไม่ได้ ดีนะที่ไหวทันบอกพี่ขุนไม่ให้บอกความจริงกับมัน ไม่ได้การละ นางช้อย เอ็งรีบไปตามไอ้เอกมา”
“ตามมาด่าหรือเจ้าคะ ฝากช้อยไปด่าก็ได้เจ้าค่ะ ช้อยกำลังเปรี้ยวปากอยากด่าคนเจ้าค่ะ” ช้อยเสนอหน้า
“ไม่ต้องแจ๋ ไปเรียกมันมา เดี๋ยวนี้”
ช้อยรับคำ
“เดี๋ยว เอ็งไปบอกไอ้แทนให้ไปบอกนางกบนางแมวให้พวกมันไปบอกอีทองจันทร์ ว่าท่านพระครู ให้ไปจำศีลค่ำนี้กับพวกอุบาสกอุบาสิกาทั้งหลาย”
“ท่านพระครู ท่านฝากใครมาบอกคุณสนล่ะเจ้าค่ะ” ช้อยยิ้มยั่วรู้ทันว่าสนจะหลอกทองจันทร์ออกจากเรือน
สนเขกหัวช้อยดังโป๊ก
“บอกแม่เอ็งไง นางช้อย เอ็งไม่ต้องมายอกย้อนกับข้า นางสาระแน”
สองคนนายบ่าวหัวเราะให้กัน
พลบค่ำอาหารตั้งสำรับรอท่า ทองจันทร์เอ่ยปากถามเรียมกับเนียน
“แม่ว่าพ่อเทพทำอย่างนี้มันเกินไป หายต๋อมไปเมามายไม่มาเหลียวแลลูกเมียกำลังแพ้ท้อง ตั้งสองท้อง”
“เรียมก็ว่ามากไปนิดหนึ่งค่ะ แต่ก็ช่างเถิด พี่ขุนบทจะดื้อขึ้นมา ช้างม้าก็ฉุดไม่อยู่” เรียมว่า
“ให้มันรู้ไปว่าแม่คนนี้จะฉุดพ่อเทพไม่อยู่ นางกบนางแมว ไปเชิญท่านขุนมาเรือนนี้ บอกว่าคุณนายทองจันทร์แม่ของเขา ต้องการพบ ก่อนไปวัด”
กบแมวยิ้มให้กัน
“เจ้าค่ะ”
สองคนยังไม่ทันได้ออกไป สนกับช้อย เดินลอยหน้าอุ้มเทิดศักดิ์เข้ามานั่งแปะ
“สาธุคุณย่าสิลูกเทิดศักดิ์”
ทองจันทร์จึงหันมาสนใจอุ้มเทิดศักดิ์มาหยอกล้อดีใจ
“น่ารักน่าชังขึ้นทุกวัน หลานเอ๊ย นางช้อยเอ็งไปตามท่านขุนมาหาข้า”
“เอ้อ ไปตามได้เจ้าค่ะ แต่เกรงว่า…”
“เกรงว่าอะไร หรือว่าตอนนี้ เอ็งริอ่านกำแหงกับข้า”
“หามิได้ค่ะ คุณแม่ แต่ช้อยมันพูดไม่เป็นค่ะ มันกำลังจะบอกว่า พี่ขุนไม่อยู่ค่ะ”
“ไปไหน นี่มันเย็นย่ำค่ำมืดแล้วแท้ๆ” ทองจันทร์แปลกใจ
สนปรายตามองช้อย สองคนสบตากันยิ้มๆ
“ไปจับโจรค่ะ สนไม่อยากให้ไปดอกค่ะ เดือนแรมมืดตึ๊ดตื๋อมองหน้ากันยังแทบไม่เห็น แต่พี่ขุนไม่ยอมค่ะ สนบอกให้มารับประทานอาหารกับคุณแม่บ้างก็ไม่ฟังค่ะ กลับไล่ให้สนมาแทนค่ะ”
“งั้นก็เชิญจ้ะแม่สน กบแมวจัดสำรับเพิ่ม” เรียมบอก
“ก็ดีแม่สนมากินเป็นเพื่อนสองคนนี่ ข้าจะรีบไปจำศีลที่วัดเดี๋ยวจะมืด ไป นางกบนางแมว ไปช้า ท่านพระครูท่านจะว่าแก่กะโหลกกะลา”
ทองจันทร์ลุกมีแมวและกบ เดินตามหลัง สนระเบิดหัวเราะออกมาดังๆ ช้อยหัวเราะตาม เรียมมองไม่พอใจ
“ผีบ้าจี้สิงเอารึ สน นางช้อย”
สองคนไม่ตอบหัวเราะหึๆ กันต่อ ตลอดเวลาเนียนเงียบเชียบใจคอไม่ดี
ค่ำแล้วขุนภักดี แต่งตัวเป็นชาวบ้าน เอกก็เช่นกัน เอาขาวม้าคลุมหัวแทนหมวก เอกพายเรือไปกลางคลอง
“ท่านขุนขอรับ อย่าว่ากระผมสาระแนเลยนะขอรับ กระผมสงสัยใจตั้งกะออกจากท่าน้ำแล้ว ว่าทำไมท่านขุนต้องปลอมตัวด้วยขอรับ” เอกอดถามไม่ได้
“งั้น เอ็งก็หยุดสาระแนสักเรื่องได้ไหม โน่น โค้งหน้าที่มีท่าน้ำ เอ็งเอาเรือไปจอดแอบไว้”
“โจรมันอยู่ที่โค้งโน้นหรือขอรับ”
“บอกว่าให้ เอ็งหยุดสาระ หรือว่าอยากโดนถีบตกน้ำ”
“หยุดแล้ว ขอรับ”
เอกคัดท้าย เรื่อยไปทางโค้งฝั่งเดียวกับบ้าน ขณะเดียวกันนั้น หนักก็พายเรือสวนมาใส่หมวกหลุบหน้า
แต่งตัวปอนๆ ชาวบ้าน
แววตาหนักครุ่นคิด มองไปรอบๆแบบระแวง มองเห็นท่านขุนกับเอกแต่ก็ไม่ติดใจ
เรือทั้งสองลำ แล่นสวนกันกลางคลอง ต่างฝ่านต่างไม่ติดใจกันและกัน
เนียนนั่งรอเวลานัด ท่าทีกระสับกระส่าย ในมือกำสร้อยเอาไว้แน่น เนียนผุดลุกผุดนั่ง เดินไปมองที่หน้าต่าง ใจลอย เรียมเข้ามาหาเนียน
“เนียนจ๊ะ”
เนียนสะดุ้ง “อุ๊ย คุณเรียม”
“ชั้นไม่สบายใจ”
“เอ้อ เนียน เอ้อ ขอประทานโทษ เนียนจะช่วยทำอะไรได้บ้างคะ สั่งเนียนมาเถิดค่ะ”
“ชั้นรู้สึกว่าบ้านเราเหมือนกำลังมีหมอกเมฆร้ายมาบดบัง ชั้นว่าเนียนก็คิดเช่นเดียวกับชั้น แต่เนียนเป็นคนไม่พูด”
“เนียน เอ้อ เนียน…”
“ไม่ต้องพูดก็ได้ ชั้นแค่มาระบายกับเนียนเท่านั้นเอง”
“ขอบพระคุณค่ะ ที่ไว้ใจเนียน”
“ชั้นไว้ใจเนียน รักเนียนเหมือนน้อง ชั้นเป็นลูกคนเดียว ชั้นอยากมีน้อง แต่ก็ไม่มี ดังนั้นเมื่อพบเนียน ชั้นจึงดีใจมาก คุณแม่กับพี่เทพยังบอกเสมอว่าเราสองคนนิสัยใจคอเหมือนกัน”
“เนียนไม่บังอาจตีเสมอคุณเรียมดอกค่ะ”
เรียมเชยคางเนียนมามองดูหน้ายิ้มให้
“คนเราเสมอกันในความเป็นคนจ้ะเนียน แม้อาจไม่เสมอกันในความดีงาม หรือความเลวทราม เนียนรักชั้นไว้ใจชั้นไหม”
“ที่สุดจนหามิได้ คุณเรียมเปรียบเสมือนแม่คนที่สองของเนียนค่ะ” เนียนบอกจากใจจริง
เรียมอ้าแขนมาโอบเนียนไว้
“ถ้าเช่นนั้น เนียนบอกบ้างได้ไหมว่าเนียนซ่อนความทุกข์ความขมขื่นอันใดเอาไว้”
เนียนยิ้ม แต่หน้าเศร้าหมอง
“ทุกวันนี้เนียนมีความสุขแบบที่ไม่เคยคิดว่าชาตินี้ชีวิตนี้จะมีได้ค่ะ”
“มีความสุขมาก แต่เนียนหัวเราะไม่เป็น มีเพียงรอยยิ้ม แต่ก็เป็นรอยยิ้มที่เศร้าสร้อย ดวงตาของเนียนมันบ่งบอกจ้ะ”
เนียนน้ำตาพาลจะไหลพยายามกล้ำกลืนเอาไว้
“เนียนขอบพระคุณมากค่ะ คุณเรียมช่างเมตตาเนียนเหลือเกิน รอวันที่ลูกของเราสองคนคลอดมา เนียนรับอาสาจะดูแลทั้งลูกของเนียนเองและลูกของคุณเรียมให้ดีที่สุดค่ะ”
“เนียนไม่ยอมตอบคำถามของชั้น แต่ก็ขอบใจมากที่จะช่วยเลี้ยงลูกให้ชั้น ลูกของเนียนก็เหมือนลูกชั้น เราจะเลี้ยงลูกของเราด้วยกันให้ดีที่สุด”
เรียมกอดเนียน สองคนกอดกันน้ำตาซึม
ส่วนที่วัด ทองจันทร์มาถึงก้มลงกราบท่านพระครูซึ่งมีสีหน้าฉงน
“โยมทองจันทร์ มาทำอะไรรึ”
ทองจันทร์งง มองหน้ากบแมว เป็นเชิงตั้งคำถามเพราะสองคนมาบอก
“เอ้อ..คือว่า...”
ท่านพระครูตัดบท “มาก็ดีแล้ว มาทำจิตใจให้สงบในวันพระ ก็ย่อมดีทั้งนั้น”
ทองจันทร์มองพระครูงงๆ แล้วหันมามองแมวกับกบตาเขียวปั้ด ท่านพระครูหันตัวจะเดินไป
“เอ็งสองคนไปเอาที่ไหนมาบอกข้าว่าท่านพระครูสั่งให้ข้ามาที่วัด”
“เอามาจากเจ้าแทนเจ้าค่ะ” กบบอก
“เจ้าแทนมันไปเอามาจากไหน” ทองจันทร์แปลกใจระคนสงสัย
“นั่นสิเจ้าค่ะ” แมวว่า
ทองจันทร์ทำท่าจะหยิกสองคน
“วันพระนะเจ้าคะ” กบอ้าง แมวรีบเสริม
“ทุบตีบ่าวแล้วบุญหดนะเจ้าคะ”
ทองจันทร์หดมือ พระครูหันมา
“ตามมาสิโยมทองจันทร์”
ทองจันทร์จึงรีบตามไป มีสองบ่าวตามติด ทองจันทร์ยังไม่วายบ่นเอากับสองคนที่หัวเราะคิกคัก
“นางสัมภเวสีสองคน ถ้าไม่หยุดหัวเราะ เอ็งจะตกนรก ตัวเป็นหมาหน้าเป็นคน”
สองคนร้อง “ว๊าย” พร้อมกัน แล้วรีบหุบปาก
คุยกันต่ออีกสักครู่ เรียมพยักหน้าให้เนียน
“ชั้นรู้สึกเพลียๆ ชั้นกลับไปห้องก่อนนะเนียน”
“เชิญค่ะ เนียนไปส่งที่ห้องนะคะ”
เรียมส่ายหน้า
“แค่หน้าห้องก็พอจ้ะ”
เนียนจึงไปส่งเรียมตรงหน้าห้อง แล้วกลับมายืนมองกลางหน้าต่างเพื่อรอการมาของหนักอย่างจดจ่อ เสียงหนักที่พูดนัดดังก้องขึ้นมาในหู
“เนียนกะเวลาให้ได้ประมาณยามหนึ่ง พี่จะฉายไฟสามครั้งดังเช่นเคย”
เนียนเงยหน้ามองท้องฟ้าที่มืดมิด ดวงจันทร์เคลื่อนคล้อยมาเกือบเป็นยามหนึ่งแล้ว
ด้านขุนภักดีกับเอกยังทำตัวเป็นชาวบ้าน เดินลัดลัดเลาะไปยังหลังบ้านตัวเอง เอกงงมาก
“ท่านขุนขอรับ นี่มันทางเดินกลับบ้านเราทางด้านหลังบ้านนี่ขอรับ”
“ก็ใช่น่ะสิ”
“ไหนว่าจะไปจับโจรขอรับ”
“ก็จับโจรน่ะสิ”
“โจรมันจะมาขึ้นบ้านเรารึขอรับ”
“ก็ใช่น่ะสิ”
“ท่านขุนจะไม่แจ้งตำรวจให้มาล้อมจับมันรึขอรับ”
“ไม่” น้ำเสียงขุนภักดีเด็ดเดี่ยวนัก
“แปลว่าท่านจะสู้กับมันตามลำพังรึขอรับ”
“ใช่”
“ทำไมท่านจึงทราบว่ามันจะมาปล้นบ้านเราขอรับ”
ขุนภักดีชักปืนออกมา “ถ้าไม่อยากตายรีบหุบปาก”
เอกรีบหุบปากงงไม่หาย แต่ไม่ได้คิดไปถึงเรื่องร้ายของเนียน แอบดีใจว่าท่านขุนกลับไป
เนียนจะได้ปลอดภัยจึงเดินตามหลังท่านขุนไปต้อยๆ แต่ไม่วายพึมพำ
“กลับบ้านก็ดี เผื่อใครลอบคิดมิดีมิร้ายกับคุณเนียน ยิ่งเดือนมืดๆ อยู่” แล้วนึกได้ “แล้วใครจะกลับมาเอาเรือที่จอดซุ่มอยู่ขอรับ”
“เอ็งไงล่ะ รอให้ข้าจับโจรให้แล้วเสร็จก่อนเถิด เอ็งก็ว่ายน้ำไปพายเรือ กลับบ้าน”
ฝ่ายหนักลอบซ่อนอยู่ในเรือริมท่าน้ำจุดที่รกๆ คอยจังหวะ
เนียนเหลียวมองดวงจันทร์บนฟ้า ยินเสียงระฆังจากโบสถ์บอกเวลา ยามหนึ่ง
“ยามหนึ่ง”
เนียน กระวีกระวาดหันกลับจากหน้าต่าง
ด้านสนกับช้อยซุบซิบกันอยู่ที่เรือน
“นางตัวเสนียดมันลงจากเรือนแล้วรึ”
“เจ้าค่ะ ไปลอบจับผิดมันกันเถิดเจ้าค่ะ”
สนกับช้อยยิ้มดีใจที่สุด พากันไป
ส่วนที่ท่าน้ำ เห็นแสงไฟแว้บๆ สามทีบอกสัญญาณ เนียนก้าวออกมาจากเงามืดมาชะเง้อหา แล้วเห็นหนักไต่ขึ้นมาจากใต้ท่าน้ำตัวเปียกปอน
“พี่หนัก”
“เนียน”
สองพี่น้องโผกอดกัน
ขุนภักดีกับเอกตะลึงงัน นิ่งกันไป
“เมียกูคบชู้” ขุนภักดีคำราม แค้นแทบคลั่ง “อีเนียนสวมเขาให้กู”
“อะไรกันนี่ ไม่จริง”
ขุนภักดีผวาออกไป เอกรั้งไว้
“กูจะไปฆ่ามัน ให้ตายตกไปตามกัน”
“อย่าวู่วามขอรับ อาจไม่ใช่อย่างที่เห็น ลองฟังเขาพูดกันก่อนสิขอรับ”
“มันกอดกันจนตัวกลม ไม่ใช่ชู้แล้วหมาที่ไหนมากอดกัน”
“รึว่าเขาอาจเป็นญาติกันขอรับ” เอกบอก
“นี่มึงเข้าข้างมัน รึว่ามึงอยากเป็นชู้กับมันอีกคน”
เอกยกมือท่วมหัว ขุนภักดีชักปืนออกมา สนปราดมายกมือไหว้ก้มลงกราบ
“อย่าค่ะพี่ขุน อย่าฆ่าคนพี่ขุนจะติดคุก แล้วลูกสนกับลูกคุณเรียมจะกำพร้าพ่อ ถ้าพี่ขุนอยากลงโทษ ฆ่าไอ้ชู้คนเดียวไม่ผิดดอกเพราะมันเป็นโจร ส่วนเนียนพี่ขุนบอกว่าจะโบยด้วยแส้ม้าไงคะ”
เอกตกใจ “คุณสน”
ขุนภักดีชะงักมือ
“สนไปเอาแส้ม้ามา พี่จะจัดการไอ้ชู้โจรนั่นให้ตายคามือพี่ ส่วนอีผู้หญิง พี่จะโบยมันให้สาสม”
“ท่านขุน” เอกยิ่งตกใจ
สนยิ้มในสีหน้า วิ่งตื๊อออกไปทันที เอกสงสารเนียน ระแวงสนมาก แต่ทำอะไรไม่ได้ ท่านขุนเล็งปืนไปที่หนัก
ฟากเนียนกับหนักพูดคุยกันเบาๆ จับความได้ไม่ถนัดนัก หน้าตาก็เห็นกันมัวๆ เพราะอยู่ในที่มืด
“พี่มาหาเนียนเป็นครั้งสุดท้าย เพราะพี่ไม่ต้องการให้เนียนเดือดร้อน ยิ่งตอนนี้เนียนกำลังท้องไส้ ยิ่งต้องระวังตัวให้ดี จากคนที่มันจ้องปองร้าย” หนักบอกน้อง
“ถ้าพี่หนักหมายถึงคุณสน ตอนนี้เธอไม่ยุ่งกับเนียนดอก เธอกำลังมีความสุขมากเพราะเธอมีลูกชายให้พี่ขุน” เนียนยังมองโลกในแง่ดีเช่นเคย
“นางคนเลวมันมีลูก ก็ไหนไอ้..เหิม” หนักพูดเบามาก เหมือนบอกกับตัวเอง “บอกว่า...”
เสียงเหิมดังก้องขึ้นมาในหัวหู
“แม่สนเธอแค้นใจที่ท่านขุนหลงเมียใหม่ไม่มาหาสองเดือนกว่า จึงต้องจ้างคนไปข่มขืนมันซะ”
เนียนรีบส่งสร้อยยัดใส่กระเป๋าเสื้อให้หนัก
“พี่หนักรีบไปเถิดเอาสร้อยนี่ไปด้วย เผื่อแดงน้อยเจ็บไข้อีก”
หนักส่ายหน้า
“พอแล้ว เนียนจ๊ะพี่มีอะไรจะบอก พี่จะพาแดงน้อยไปอยู่...”
แต่ยังไม่ทันไร เสียงปืนนัดหนึ่งก็ดังขึ้น เฉียดหนักไปเฉียดฉิว พร้อมกับการปรากฏตัวของขุนภักดี
หนักกับเนียนสะดุ้ง เพราะหนักโดนปืนถากหัวไหล่ไป
“ไอ้เสือหนักไอ้โจรห้าร้อย มึงเป็นชู้กับเมียกูมึงตายเสียเถิด”
เนียนตกใจ “ไม่นะ พี่หนัก โธ่ พี่หนัก”
หนักใจหาย “เนียน เนียนพี่ขอโทษ พี่ไม่ควรมา”
“ไม่ต้องห่วงเนียน รีบหนีไปพี่หนัก”
เนียนผลักหนักลงน้ำไป พลางชะโงกตามไปดูอย่างห่วงใยพี่ชาย
ขุนภักดีปราดมาจิกหัวเนียนกระชากไว้ อีกมือลั่นไกใส่หนักที่หายเงียบไปใต้น้ำแล้ว
“อีเนียนอีนางเสนียด มึงกลัวชู้จะตายมากกว่ากลัวกูจะฆ่ามึงใช่ไหม”
ขุนภักดีแค้นจัด กระหน่ำยิงจนกระสุนหมด เอกตามมาติดๆ มองเนียนไม่เชื่อสิ่งที่เห็น
“ไม่จริง ไม่จริง”
“ไอ้เอก ระดมคนของเราไปควานเอาตัวมันมา มันโดนปืนกูไปแล้ว”
“เอ้อ...”
“กูบอกให้มึงไป”
เอกจำใจรับคำแล้วออกไป ท่านขุนเหวี่ยงเนียนลงไปกองที่พื้นแล้วดึงมาตบตีไม่ยั้ง
สนพรวดมาพร้อมแส้ม้าส่งให้ ทำทีเป็นสงสารเนียน
“พี่ขุนขา อย่าลงมือลงไม้กับเนียน เนียนจะช้ำในตาย ลูกเสือหนักในท้องก็บอบช้ำแย่ นี่ค่ะแส้ม้า โบยระวังระวังนะคะหน้าสวยๆ จะเสียโฉม”
ขุนภักดีกระชากแส้ม้ามาแล้วฟาดเนียนไม่ยั้ง เนียนล้มลุกคลุกคลานอยู่กับพื้นท่าน้ำ เอามือกุมกั้นท้องไว้
เรียมตกใจเสียงปืนจนสะดุ้งตื่นมาแล้ว
“เสียงปืน อะไรกันนี่ ใครยิงปืน”
เรียมลุกวิ่งเซซังแทบละล้มออกมาจากห้อง
แส้ม้าฟาดลงมากลางหลังเนียนและตามลำตัวไม่ยั้ง เนียนสะอื้นไห้ เจ็บปวดทั่วสรรพางค์กายแต่ไม่ร้องขอให้หยุด
ขุนภักดีแค้นมากทั้งด่าทั้งฟาดแส้กระหน่ำลงไป
สองหญิงชั่วใจบาปช้า สนกับช้อยยืนมองยิ้มระรื่นสบตากัน
พวกบ่าวไพร่ในบ้านยืนตะลึงมองแอบซุบซิบตื่นเต้น
อ่านละคร อาญารัก ตอนที่ 5/4 วันที่ 1 เม.ย. 56
ละครเรื่อง อาญารัก บทประพันธ์ : จำลักษณ์ละครเรื่อง อาญารัก บทโทรทัศน์ : วรพันธ์ รวี
ละครเรื่อง อาญารัก กำกับการแสดง : จรูญ ธรรมศิลป์
ละครเรื่อง อาญารัก แนว ดราม่า
ละครเรื่อง อาญารัก ผลิต : บริษัทดีด้าวิดีโอ โปรดักชั่น จำกัด
ละครเรื่อง อาญารัก ควบคุมการผลิต : สยม สังวริบุตร
ละครเรื่อง อาญารัก ออกอากาศทุกวันจันทร์ และวันอังคาร เวลา 20.25 น. ทาง ช่อง 7 สีทีวีเพื่อคุณ
ที่มา manager