อ่านละคร อาญารัก ตอนที่ 1/3 วันที่ 21 มี.ค. 56
“ตำรวจก็เลยรู้ว่าพี่หนักคือพี่หนัก” โพล้งพูดชวนงงทุกคนงวยงง “แล้วไง”
“ก็แล้วไงทำไมตำรวจถึงอยากตามหาพี่หนัก ใช้ขี้หัวคิดสิว่าพี่หนักเอาเงินเอาทองมาจากไหน” โพล้งชุกฉุน
ทุกคนหลุดปากออกมาพร้อมกัน “ปล้น”
ต่างคนต่างหน้าซีดตกใจมาก
“กูว่าแล้ว ไอ้ลูกคนนี้ ตอนเกิดมันเอารกสะพายแร่งมาทีเดียว โบราณ เขาถือ...ถ้าไม่ดีจนเหลือเชื่อก็ชั่วสุดประมาณ” น้อมหน่าย
“พี่หนัก โธ่ ...ศพพี่แดงยังไม่ทันเผาพี่หนักก็ต้องหนีตำรวจหัวซุกหัวซุน” เนียนสงสารพี่ชาย
“รีบซ่อนเงินซ่อนทองให้มิดชิด ปิดปากให้สนิท ภาวนาอย่าให้ตำรวจจับพี่หนักได้”
วันต่อมา อาหารตั้งเต็มสำรับ ท่านขุนภักดี คุณเรียม และคุณนายทองจันทร์ กำลังจะกินอาหารร่วมกัน
ขุนภักดี มีสีหน้าเหม่อลอย เดี๋ยวเผลอยิ้มเดี๋ยวเผลอหุบยิ้มไม่ยอมตักอาหาร มีแต่ใบหน้าสนยิ้มหวาน ลอยวนเวียนไปมา จนไม่รู้ว่าคุณเรียมมองจับสังเกตเงียบๆ
คุณนายทองจันทร์ อดไม่ได้ พูดออกมา
“นั่นพ่อเทพจะดมกับข้าว แทนการกินรึ เป็นแบบนี้มาพักนึงแล้ว”
ขุนภักดีสะดุ้ง
“คุณแม่ เอ้อ คือหามิได้ครับ คือ ผม ...”
“อาหารที่เรียมทำไม่ถูกปากคุณพี่หรือคะ”
ท่านขุนแก้ตัวพัลวัน “ไม่ใช่นะแม่เรียม อาหารถูกปากถูกใจพี่น่ากินทุกอย่างพี่ขอโทษ คือใจพี่พะวงไปถึง…”
ผู้เป็นแม่สวนคำออกมา “ชาวบ้านศรีประจันวันก่อน พ่อเทพไปเจอดีอะไรมาล่ะ”
“เอ้อ....โจรครับ โจรปล้นร้านทองบ้านแพนหนีไปศรีประจัน ยังตามจับตัวไม่ได้ ผมเลยกังวล”
คุณนายทองจันทร์จ้องจับผิดลูกชาย “แต่หน้าตาพ่อเทพเหมือนกังวลเรื่องอื่นนา”
ระหว่างนั้นเอกเดินนำหน้าสนมีช้อยหิ้วปิ่นโตตามหลังมาเถาใหญ่มาก
“คุณเทพขอรับ กำนันแสง ที่ศรีประจันต์ให้คุณสนทำอาหารถูกปากวันก่อนมาให้คุณเทพรับประทานขอรับ”
คุณนายทองจันทร์กระแทกช้อนบนจานดังพอควร พลางมองสองคนที่มา บ่นพึมพำ
“ตัวต้นเหตุกังวลมาแล้ว”
ท่านขุนตกใจไม่น้อยแต่ก็แอบดีใจที่เห็นหน้าสน
“แม่สน”
“ค่ะ... พ่อกำนันให้สนทำอาหารที่คุณพี่บอกว่าอยากรับประทานอีกมาให้ค่ะ”
ท่านขุนแนะนำให้รู้จักกับมารดา “แม่สนจ๊ะ นั่นคุณแม่ของพี่”
สนยกมือไหว้เก้กัง “สวัสดีค่ะ คุณ..เอ้อ”
“คุณนายทองจันทร์ย่ะ” หญิงชราสวนคำ บอกห้วนๆ “นั่นคุณนายเรียม ภรรยาของขุนภักดีภูบาล”
สนรีบไหว้ด้วยท่าทีอ่อนน้อมไปยังทั้งสองคน
“สนกราบเจ้าค่ะ คุณนายทองจันทร์ สวัสดีค่ะ คุณนายเรียม”
“นายเอกไปรับแม่สนมาที่นี่รึ” คุณนายทองจันทร์มองอย่างไม่พอใจเอก)
“หามิได้ขอรับ คุณสนพายเรือมาเองกับแม่ช้อยขอรับ” เอกออกตัว
“ช่างมีความพยายามจริงนะ คงใช้เวลานานสินะ” หญิงสูงวัยอดแขวะไม่ได้
“ประมาณสองชั่วโมงค่ะ” สนพาซื่อ
“โถ น่าสงสาร งั้นรีบกลับไปเถิดจ้ะ เดี๋ยวจะค่ำมืดดึกดื่นเอากลางทาง เจอโจรปล้นเอา”
สนจ๋อย
“เอ้อ งั้นสนกราบลานะค่ะ คุณนายทองจันทร์ คุณนายเรียม”
“แม่สนเดินทางมาตั้งไกล สงสัยว่ายังไม่ได้ทานอาหารเย็น” คุณเรียมเอ่ยปากชวน
“แม่เรียม” คุณนายทองจันทร์รีบปราม
ช้อยสาระแนทันควัน “ ใช่เจ้าค่ะ คุณสนเธอทำอาหารเสร็จปุ๊บรีบมาปั๊บกลัวไม่ทันมื้อเย็นของ ท่านขุน”
“ทานด้วยกันซะที่นี่สิจ้ะ แม่สน” คุณเรียมชวนอีก
สนทำอึกอัก ช้อยกระซิบ
“ด้านได้อายอดเจ้าค่ะ คุณสน รับปากเจ้าค่ะ”
“รับปากค่ะ เอ๊ย ขอบพระคุณค่ะ คุณนายเรียม”
คุณนายทองจันทร์หน้าตึง คุณเรียมหน้านิ่งสงบ ท่านขุนมองคุณเรียมท่าทีเกรงใจมาก สนรีบตักกับข้าวที่ทำมาใส่จานให้ท่านขุน
“แม่สนจ๊ะ ที่ทำอาหารมานี่ก็ขอบใจมากแล้ว ไม่ต้องมาตักอาหารให้พ่อเทพหรอกจ้ะ นั่นมันหน้าที่ของแม่เรียมเขา”
เจอน้ำคำของคุณนายเข้า สนถึงกับอึ้งไปคิดในใจอย่างเคืองแค้น
“อีแก่นี่ไม่ชอบหน้าเรา” แต่พูดไปอีกอย่าง “ขอประทานโทษค่ะ สนไม่ได้ตั้งใจ”
ดูเหมือนวงอาหารมื้อนี้รสชาติกร่อยมาก
วันถัดมาเนียนอุ้มแดงน้อยที่ร้องไห้จ้า ตัวร้อนจี๋ มาหาแพร
“แดงน้อย แดงน้อยของแม่ ตัวร้อนอีกแล้ว โธ่ลูกเอ๊ย เพิ่งเกิดมาสองเดือน ก็มีแต่สามวันดีสี่วันไข้ อ้าวพี่แพร มาพอดีโอ๊ โอ๋ ไม่ร้องนะลูกรัก ป้าแพรกำลังช่วยหายามาให้หนูแล้ว”
แพรหายไปแล้วกลับมาส่ายหน้า
“ยาของแดงน้อยใกล้จะหมดแล้ว เนียน”
“ใกล้หมดอีกแล้ว” เนียนตกใจ
“ตาโพล้งบอกว่า เงินก็ใกล้จะหมด ไหนจะค่ารักษาแดงน้อย ไหนจะรักษา” แพรบอก
“เหลือแต่สร้อย โพล้งมันไม่กล้าเอาออกขายแถวนี้ กลัว แม่นกเอี้ยงมันจำของมันได้” น้อมเอ่ยขั้น
“เนียนอยากจะออกไปทำไร่ทำนาหาเงินมาประทังชีวิตก็ทำไม่ได้”
“เอางี้ถ้าไว้ใจกัน พี่จะพาแดงน้อยไปเลี้ยงที่บ้านพี่ให้เอง” แพรอาสา
“แต่เนียนไม่มีเงินจ้างพี่แพร”
“ครว่าพี่อยากจะได้ค่าจ้าง เอานมมาให้มันกิน เอายามารักษามันก็พอแล้ว เราไม่ใช่ญาติก็เหมือนญาตินะเนียน”
เนียน ซาบซึ้งน้ำใจแพรจนน้ำตาไหล
“พี่แพรจ๋า เนียนขอบคุณพี่เหลือเกิน”
จู่ๆ โพล้งวิ่งหน้าตาตื่น กระหืดกระหอบเข้ามาบอกข่าวร้าย
“เนียน เนียน เรื่องใหญ่ พี่หนักโดนตำรวจจับได้แล้ว”
เนียนกะแพรตกใจมากอุทานลั่น “พี่หนักโดนจับ”
เนียนทุกข์ระทมต่อไป
ด้านท่านขุนภักดีออกอาการกระสับกระส่าย นั่งไม่ติดที่เดินวนเวียนไปมา คุณเรียมชำเลืองมองนิดหนึ่งแล้วไม่พูดอะไร แต่คุณนายทองจันทร์อดรนทนไม่ได้
“พ่อเทพ นั่งไม่ติดนั่งไม่ได้ยังกับเป็นริดสีดวงทวาร” ผู้เป็นแม่เหน็บแนม
“คุณแม่ละก้อจ้องจับผิดผมไปได้” ท่านขุนรีบไปนั่งข้างเมีย “เรียมจ้ะ”
“พี่เทพคงอยากจะออกไปดูแลทุกข์สุขชาวบ้านหรือคะ” คุณเรียมถาม
“ไฮ้ แม่เรียม พ่อเทพออกไปทำงาน ไปดูแลชาวบ้านมาทุกวันแล้วนี่วันอาทิตย์ จะออกไปไหน”
“วันธรรมดาผมไปทำงานที่ศาลากลางครับ คุณแม่” ขุนภุกดีบอก
“ได้ยินพวกบ่าวข้างล่างมันซุบซิบกันว่า บางวันพ่อเทพไปทำงานไกลถึงศรีประจันต์ ก็คงวันที่กลับมาค่ำๆ มืดๆ บ่อยๆปล่อยให้แม่เรียมรอแล้วรออีกนั่นแหละ”
“ตอนหลังเรียมไม่ได้รอแล้วค่ะ คุณแม่” คุณเรียมแก้ต่างแทน
คุณนายทองจันทร์กระซิบดุ “แม่รู้นะ ว่าไปทำอะไร”
ขุนภักดีนิ่งอึ้งไปสบตาเรียมเหมือนจะบอกว่าไม่มีอะไร
“พี่เทพคะ เรียมมีอะไรจะคุยกับพี่เทพ”
ท่านขุนใจหายแว้บ
“ปรามซะบ้างแหละดีแม่เรียมเอ๊ย” คุณนายทองจันทร์ว่า
คืนนั้น ขุนภักดีสีหน้าตกใจมากพอฟังจบ
“เรียมจะแยกห้องนอนกับพี่เทพ”
“ไม่นะเรียม หัวเด็ดตีนขาด พี่ไม่ยอมแยกห้องนอนกับเรียมเด็ดขาด”
“แยกเถิดค่ะ เพื่อความสบายใจของพี่เทพ และเรียมเอง เรียม ไม่สบายใจที่เห็นพี่เทพทุรนทุราย อยู่ในห้อง แต่หัวใจพี่ลอยไปบ้านกำนันแสง”
“ไม่จริง พี่ ไม่ได้เป็นอย่างนั้น”
“ คุณพี่อย่าปดเรียมเลยค่ะ ที่เรียมขอแยกห้อง ไม่ใช่เพราะโกรธพี่เทพ แต่เรียม ขอเปิดโอกาสให้คุณพี่ใช้บางคืนบางวันให้คุณพี่กับแม่สน”
เรียมแอบเมินหน้าหนีไปน้ำตาคลอ แต่ท่านขุนดีใจมากแต่ก็ยังกลัวเรียมโกรธ
“เรียม พูดจริงหรือนี่ เรียมอนุญาตพี่ใช่ไหม”
“ใช่ค่ะ เรียมอนุญาตให้คุณพี่ มีโอกาสอยู่กับแม่สนให้ถูกต้องตามประเพณีดีกว่าให้คนเอามานินทากาเลเป็นว่าเล่นกันลับหลัง”
“เรียมของพี่ เรียมช่างแสนดี แสนประเสริฐ ในใจของพี่ไม่เคยเทิดทูน ใครเท่าเรียมอีกแน่ๆ”
“ค่ะ เรียมทราบดี อะไรที่เป็นความสุขของคุณพี่ ก็ย่อมเป็นความสบายใจ ของเรียมเสมอ”
ท่านขุนโอบกอดเรียมไว้ ยินดีอย่างที่สุด เรียมแอบเมินหน้ากลั้นน้ำตาไว้
“พี่จะไม่ทำอย่างนี้อีกแล้ว พี่สัญญา” ท่านขุนให้คำมั่น
ทางด้านเนียนกำลังเก็บพริกเก็บมะนาว เพื่อจะเอาไปขาย จู่ๆ โพล้งเดินรีบร้อนเข้ามาส่งเงินให้
“พี่ไปเยี่ยมพี่หนักที่คุก เขาสั่งให้เอาสร้อยไปขาย ที่บางกอก ถ้าได้ถึงสองชั่งให้อาไปไถ่ที่นาจากคุณนายใจอีกาซะ”
เนียนตื้นตันใจ “โธ่พี่หนักยังมีแก่ใจห่วงพวกเรา พี่หนักเสียสละเพื่อแดงน้อยกับ เนียนแล้วก็พ่อ จนตัวเองต้องติดคุก เนียนเสียใจเหลือเกิน”
“พี่หนักให้บอกมาว่า ไม่ต้องห่วง อีกไม่นานเขาจะออกมาหาลุงน้อมหาเนียนกับแดงน้อย”
“พี่หนักได้อภัยโทษหรือพี่โพล้ง”
“เปล่า เขาจะแหกคุก”
เนียนได้ฟังก็ตกตะลึง
“แหกคุก”
วันต่อมาคุณนายทองจันทร์ยืนหน้าตึง ท่าทีฉุนเฉียว ขณะตำหนิคุณเรียม
“แม่เรียมนี่ ใจดีไม่เข้าเรื่องเข้าราว เป็นแม่รึ ผัวอยากมีเมียน้อย แม่จะแพ่นให้กบาลแยก สับเสื้อผ้าโยนให้หมากินไม่ทำหน้าชื่นอกตรมอนุญาตแบบแม่เรียมแน่”
“คุณแม่ขา ถ้าเรียมห้าม แล้วพี่เทพจะเชื่อเรียมหรือคะ ไปทำลับๆ ล่อๆ ยิ่งจะเสียหาย มากกว่าพามาอยู่ในบ้านนะคะ”
“พามันมาเฉยๆ ที่ไหน ต้องยกขันหมาก เอาสินสอดไปให้กำนันแสง ทั้งเงินทั้งทอง สารพัด ต้องจัดเรือนใหม่ให้อยู่ดูแลกัน ยังกับจะต้อนรับ ลูกสาวเจ้าพระยานาหมื่น”
กบหันไปเห็นพอดี “มากันแล้วเจ้าค่ะ คุณนายทองจันทร์”
ท่านขุนพาสน ตามด้วยช้อย และมีนายเอกตามมาด้วยกันเป็นพรวน
“อยากจะตบหน้าไอ้เอกให้หันไปหันมา ทำตัวเป็นทนายหน้าหอให้พ่อเทพไปซะทุกเรื่อง รวมทั้งเรื่องแม่สนนี่ด้วย”
ขุนภักดีหน้าระรื่น พาสนมากราบคุณนายทองจันทร์ ผู้เป็นมารดา
“คุณแม่ครับ ผมพาแม่สนมากราบ เรียมจ๋า พี่พาแม่สนมาฝากเนื้อฝากตัว”
“สนกราบคุณแม่ค่ะ กรุณาอบรมสั่งสอนสนด้วยนะคะ สนสัญญาว่าจะดูแลรับใช้ห่วงใยคุณแม่เสมือนหนึ่งสนเป็นลูกสาวแท้ๆของคุณแม่ค่ะ”
คุณนาย รับไหว้เสียไม่ได้ “ขอบใจย่ะ จำคำพูดของตัวเองไว้ให้แม่นนะย่ะ แม่สนจำไว้ด้วย ว่านอกจากชั้น บ้านนี้แม่เรียมเป็นใหญ่ที่สุด เคารพนับถือเชื่อฟังเขาให้มากๆ ด้วยนะยะ”
สนหันไปไหว้เรียม
“สนสัญญาว่าจะทำอย่างที่คุณแม่แนะนำค่ะ อ้อ ตระกูลของสน มีลูกง่ายค่ะ สนว่าอีกไม่ช้าไม่นาน สนคงมีหลานให้คุณแม่ทองจันทร์ได้เชยชมแน่ค่ะ”
ทุกคนอึ้งพูดไม่ออก เพราะสนทำหน้าซื่อจี้จุดอ่อนของตระกูลภักดีภูบาล
วันต่อมาเนียนกำลังรวบรวมผักหญ้าจะเอาไปขาย มีใครบางคน มายืนอยู่ตรงหน้าเห็นแต่ขาและเท้า มือของคนนั้นยื่นต่ำลงมาเหมือนจะประคองเนียน เนียนเงยหน้ามองตกตะลึงเมื่อเห็นว่าเป็นหนักนั่นเอง
“พี่หนัก”
หนักมองน้องด้วยสายตารักใคร่ห่วงใยดึงน้องมาลูบหน้าลูบหน้าลูบตา
“พี่แหกคุกมา” หนักบอกตรงๆ
“พี่มาที่นี่ทำไม เดี๋ยวโดนตำรวจตามจับได้อีก”
“พี่ไม่ยอมให้ใครจับพี่ได้อีก พี่คิดถึงและห่วงทุกคน พี่จะมาดูหน้าแดงน้อย”
“แดงน้อยอยู่บ้านพี่แพร พี่แพรเขารับเลี้ยงให้จ้ะ”
“เงินที่ขายทองได้เอาไปให้นางคุณนายใจอีกา หรือยัง”
เนียนส่ายหน้า
“ยัง แดงน้อยกับพ่อป่วยบ่อยมาก พ่อไม่ยอมไปหาหมอแต่เนียนไม่ยอม ระหว่างชีวิตพ่อกับนาผืนนี้ เนียนขอเลือกชีวิตพ่อ”
“เนียนทำถูกต้องแล้ว รอสักนิดพี่จะปล้นเขาเอาเงินมาไถ่ที่นา ให้ได้” หนักชื่นชมน้อง
“อย่าปล้นอีกเลย เลิกเอาชีวิตไปเสี่ยงเถอะนะ”
พี่เสี่ยงไปมากแล้ว เสี่ยงอีกเรื่อยๆไป ยังดีกว่างอมืองอตีนไม่ทำอะไรเลย พี่ได้แต่ภาวนา ขอให้ตัวมีชีวิตอยู่นานพอที่จะให้แดงน้อยเรียนให้สูงที่สุดเท่าที่เขาต้องการ จะได้ไม่อาภัพตกต่ำอย่างที่พวกเราเป็น”
เนียนสะท้อนใจครางออกมา “โธ่...พี่หนัก”
“เหลือเวลาอีกเท่าไหร่ ที่เราต้องเอาเงินไปคืนนางคุณนายใจอีกา”
“สามวัน”
ขาดคำของเนียนเสียงคุณนายดังเจื้อยแจ้วมาก่อนตัว
“สามวันกำลังจะมาถึง แม่เนียน ตาน้อม แกอยู่ไหน”
“คุณนายมาทวงเงินแล้ว” เนียนบอก
“พี่อยากจะไปฆ่ามันนัก”
“พี่หนักรีบไปหาแดงน้อยเถิดจ้ะ อย่าให้มีเรื่องมีราวอีกเลย นึกถึงแดงน้อยกับพ่อเข้าไว้นะพี่หนัก”
หนักกอดน้องสาว น้ำตาซึม เนียนน้ำตาไหล แล้วหนักก็ผละไป เนียนรีบป้ายน้ำตา คุณนายปรากฏตัวขึ้น
“ไงแม่เนียน แหมบีบน้ำตาขอความเห็นใจอีกแล้ว ลืมแล้วหรือว่า เมื่อเกือบสามเดือนที่แล้ว ไอ้โจรห้าร้อยหนักพี่ชายเอ็ง มันบีบคอบังคับข้ายังไงข้าจะให้เวลาเพราะเห็นแก่พ่อเอ็งแม่เอ็ง”
“แต่ก็ยังมีเวลาอีก สามวันจะครบสามเดือน นะจ๊ะ คุณนาย”
“ก็เพราะงั้นน่ะสิ ข้าถึงต้องมาขู่เอ๊ยมาเตือนพวกเอ็ง ว่าหน้าด้านหน้าทนต่อไปอีก ข้าจัดการชั้นเด็ดขาดแน่ จำไว้”
“ค่ะ คุณนาย” เนียนน้อมรับ
คุณนายใจอีกาสะบัดหน้า เดินกลับ คนรับใช้ชายสองคนเดินตาม
ไม่นานต่อมาเนียนพายเรือมาในคลองโดยมีน้อมนั่งมา และไอโขลกๆ ไปด้วย สองพ่อลูกมุ่งหน้าไปยังบ้านท่านขุนภักดี
“ไกลจังนะพ่อ”
“ไกลยังไงก็ต้องลองเสี่ยงดู”
“พ่อแน่ใจหรือว่าขุนภักดีจะยอมให้พ่อกู้เงิน” เนียนเป็นกังวล
“พ่อไม่แน่ใจ แต่พ่อของพ่อก็ปู่ของเอ็งแหละ เคยเป็นคนรับใช้ท่าน พ่อของท่านขุนภักดีท่านมาก่อน แต่ขาดตอนการติดต่อไปตั้งกะท่านพ่อของท่านตาย พ่อเองก็เคยดูแลที่นาให้คุณนายทองจันทร์”
“คุณนายทองจันทร์จะจำพ่อได้ไหม”
“ก็ท่านนี่แหละให้เงินพ่อสามชั่งไปทำมาหากิน ที่เอาไปซื้อนาสิบไร่นี่ก็เงินท่านให้”
เนียนใจชื้นขึ้นมา “พวกท่านใจดีจังนะพ่อ”
“ใจดีมาถึงรุ่นท่านขุน พ่อได้ยินว่า ชาวบ้านรักท่าน ขุนภักดีคนนี้มากเพราะ มีเมตตาต่อผู้ยากไร้ ท่านเอาใจใส่ ทุกข์สุขของชาวบ้าน จนเลื่องลือระบือไปทั่ว ทั้งเมืองสุพรรณ”
เนียนฟังแล้วมีสีหน้าชื่นชม และมีความหวังไปด้วย
ขณะนั้นช้อยเขม้นมองไป เห็นเรือลำน้อยเบนหัวมาเทียบท่า ช้อยวางอำนาจใส่เพราะมองไปเห็นสาวสวย แต่งตัวปอนๆ เป็นคนพาย โดยมีตาแก่ไอโขลกๆ นั่งมาด้วย ช้อยไม่พอใจ หัวเรือเบนมาจะเทียบท่า
“โยงเรือเข้ากับเสาสิลูก” น้อมบอก
เนียนเอาเชือกจะโยงเรือ มีเท้าของช้อยเขี่ยออก เนียนมองหน้า
“เอ็งเอาเรือมาโยงท่านี้ไม่ได้ นี่ท่าน้ำส่วนตัว ของสามีคุณนายสน เจ้านายข้า”
“อ้อ สวัสดีจ้ะ ชั้นกับพ่อจะมาขอพบท่านขุนภักดีจ้ะ” เนียนบอก
“ไม่ได้ ไม่อยู่ ถึงอยู่ก็ไม่ให้พบ คิดจะมาเสนอตัวเป็นเมียน้อยท่านขุนรึ”
“เปล่าจ้ะ เราสองคนจะมา...”
เนียนพูดไม่ทันจบช้อยสวนออกมา “มาอะไร”
“มา เอ้อ…” เนียนพูดไม่ออก
“นั่นไงอึกอักไม่กล้าพูดความจริง ไปซะ” ช้อยตะเพิดส่ง
“ได้โปรดเถิดนะจ้ะ” เนียนอ้อนวอน
“พูดภาษาคนไม่เข้าใจหรืออย่างไร”
ระหว่างนั้นเอกโผล่มาพอดี
“เอ๊ะ นั่น นั่น อาน้อมนี่นา”
“ใช่จ้ะ เอ นั่น นั่น ชั้นจำไม่ค่อยได้” น้อมทัก เพ่งมองพลางนึก
“เอกไง อาน้อมละก้อ ชั้นเอกจำไม่ได้ซะงั้นพ่อของอาเคยอยู่ที่นี่ กับพ่อของชั้นไงล่ะ แม่ช้อยจ๊ะ คุณสนเรียกหา รีบไปสิจ้ะ ก่อนที่ เธอจะกริ้วโกรธา”
“นายเอกรับผิดชอบที่ต้อนรับสองคนนี่เองละกัน”
ช้อยเดินกระฟัดกระเฟียดไปไม่พอใจที่เห็นกับตาว่าเนียนหน้าตาสะสวย แต่รู้ว่าเอกคือคนสนิทมากของขุนภักดีจึงไม่กล้าเบ่งใส่
ส่วนสนอยู่บนเรือนกำลังนั่งลูบคลำสร้อยคอ และเสื้อผ้าสวยงาม พลางส่องกระจกดูเงาตัวเองแบบคนหลงเงา
“ใครจะมาสวยสดงดงาม มีเสน่ห์มัดใจพี่ขุนเท่าแม่สนคนสวยแห่งศรีประจันต์ไม่มีอีกแล้ว อีแก่ทองจันทร์ นางคุณนายเรียม สักวันเถิดพวกแกต้องจำแม่สนคนสวยไปจนตาย”
ยินเสียงประตูเปิดโครมคราม ช้อยพรวดมาถึงตัว
“คุณสนคนสวยเจ้าขา พายุร้ายกำลังพัดมาใกล้ตัวแล้วเจ้าค่ะ”
สนฉงน “นางช้อยบ้า เอ็งมาเอะอะมะเทิ่งอะไรกลางวันแดดเปรี้ยงพายุร้ายที่ไหนจะพัดมา ใกล้ชั้น ชั้นสวย ชั้นน่าหลงใหล พี่ขุนไม่ไปนอนเรือนใหญ่กับคุณนายเรียมมาเป็นอาทิตย์แล้วไสหัวไป ชั้นกำลังมีความสุขกับการชมความสวยของตัวเอง”
“ถ้าเกิดว่ามีใครมันสาวมันสวยกว่าคุณสนขึ้นมาล่ะเจ้าคะ” ช้อยรีบสอพลอ
สนสนใจขึ้นมาทันที “ใคร มันเป็นใคร”
ช้อยดึงสนไปที่หน้าต่างแง้มม่านมอง แล้วชี้ไปด้านล่าง
สนเขม้นมองลงไป เห็นใบหน้าสวยของเนียนแม้จะดูเศร้าและหมองหม่น แต่ก็งามหมดจดเป็นที่สุด สนไม่พอใจมาก
“ต๊าย”
"มันสาวมันสวยมาก ทั้งที่เสื้อผ้ามันน่าเกลียดใช่ไหมเจ้าคะ" ช้อยว่า
"มันเป็นใคร"
"นัยว่าจะมาพบท่านขุน"
"พบคุณพี่ ไม่ยอม ชั้นไม่ยอม" สนโวยวายลั่น
"ไม่ทันแล้วเจ้าค่ะ มันไปใกล้จะถึงเรือนใหญ่แล้วเจ้าค่ะ"
ช้อยบุ้ยใบ้ไป เห็นเรียมกับน้อมขึ้นเรือนใหญ่ไปแล้ว
เนียน น้อม และเอก ทั้งสามเดินไปเกือบใกล้เรือนใหญ่ น้อมนึกได้จึงเอ่ยถาม
“เมื่อสักครู่ผู้หญิงคนนั้นบอกว่าท่านขุนไม่อยู่ ถึงอยู่ก็ไม่ให้พบ”
“แม่ช้อยน่ะสิ คนรับใช้ของคุณสนปากตะไกร ลูกสาวกำนันแสง” เอกบอก
“แม่คนนั้นแกบอกว่า คุณนายสนเป็นภรรยาของท่านขุน” น้อมเล่า
อ่านละคร อาญารัก ตอนที่ 1/3 วันที่ 21 มี.ค. 56
ละครเรื่อง อาญารัก บทประพันธ์ : จำลักษณ์ละครเรื่อง อาญารัก บทโทรทัศน์ : วรพันธ์ รวี
ละครเรื่อง อาญารัก กำกับการแสดง : จรูญ ธรรมศิลป์
ละครเรื่อง อาญารัก แนว ดราม่า
ละครเรื่อง อาญารัก ผลิต : บริษัทดีด้าวิดีโอ โปรดักชั่น จำกัด
ละครเรื่อง อาญารัก ควบคุมการผลิต : สยม สังวริบุตร
ละครเรื่อง อาญารัก ออกอากาศทุกวันจันทร์ และวันอังคาร เวลา 20.25 น. ทาง ช่อง 7 สีทีวีเพื่อคุณ
ที่มา manager