อ่านละคร อาญารัก ตอนที่ 3/2 วันที่ 27 มี.ค. 56


อ่านละคร อาญารัก ตอนที่ 3/2 วันที่ 27 มี.ค. 56

“มึงกับกูก็ชั่วเสมอกัน กูรู้คนอย่างมึงฆ่าใครก็ได้ทั้งนั้น กระทั่งผู้มีพระคุณ ระวังเถิดท้องไส้ขึ้นมา มึงจะมีหน้ากล้าบอกผัวว่าลูกใคร”
สนกับช้อยตกใจได้ยินเรื่องมีลูก
หนักกับโพล้งรีบหลบวูบ มองไปที่เสียงผู้หญิงดังแว่วมา แล้วหนักกับโพล้งก็ตะลึง มองเห็นสามคนเดินมา
“เนียน” หนักกะโพล้งตกใจ

หนักจะวิ่งออกไป โพล้งดึงไว้
“ใจเย็นพี่หนัก ยังมีผู้หญิงอีกสองคนนอกจากเนียน”
“แต่มันบอกให้เราฉุดคนเดียวเท่านั้น มันหมายถึงใคร แล้วทำไมเนียนต้องมากับนางสองคนนั่น”
สองคนแอบมองต่อไป



“คุณสนเจ้าขา” ช้อยกระซิบ “อย่าไปต่อปากกับมัน เดี๋ยวมันบ้าฉุดไปต่อ”
สนจึงหยุดไป
“แก้มัดมัน ให้มันซมซานกลับไปหาข้อแก้ตัวกับขุนภักดี มึงแก้ตัวให้ดีๆ ก็แล้วกันว่ามึงพากันหายหัวไปไหนมา” หนักบอก
“เสียดายเนาะ ถ้าแม่ช้อยนิสัยเลี้ยงเชื่องเหมือนอีแดงหมาที่บ้านจะไม่ปล่อยให้หลุดมือไปแน่” โพล้งหยอกล้อ
“ถุย”
ช้อยถุยน้ำลายใส่โพล้งที่โพกหน้าอยู่ โดนหน้าโพล้งที่หัวเราะพอดี สองคนแก้มัดสนกับช้อยที่หมดเรี่ยวหมดแรง สภาพทรุดโทรมบักโกรกไม่สดใสสวยงามเหมือนเดิม
“ขอกูเห็นหน้าชั่วๆ ของมึงสักครั้งได้ไหม”
“ไม่จำเป็น แต่ยังไงมึงก็เป็นเมียเจ็ดวันของกู กูจะบอกชื่อเสียงเรียงนามของกูให้มึงจำผัวคนนี้ไปจนวันตาย” หนักว่า
“มึงเป็นใคร” สนตะคอกถาม
“กู ไอ้เสือหนัก” หนักบอก
สองคนร้อง “ว้าย”
“ชื่นใจไหม ที่ชีวิตนี้ได้มีผัวเป็นไอ้เสือชื่อกระฉ่อนเมือง” หนักแสยะยิ้มเยาะหยัน
จากนั้นหนักกับโพล้ง กระโดดลงน้ำว่ายหายไปจากท่าน้ำ
สนกับช้อยโผเข้ากอดกันร้องไห้โฮๆๆ
“กูอยากตาย กูอยากตาย ทำไมกูต้องกลายเป็นเมียไอ้มหาโจรนั่นด้วยช้อย กูอยากตายฮือๆๆๆ”
“ช้อยเองก็ป่นปี้ยับเยิน แต่ยังไม่อยากตาย ฮือๆๆๆ”
สองคนตีอกชกหัวร้องไห้โฮๆ น่าเวทนา

ผิดกับเหตุการณ์ในเรือนใหญ่ ทุกคนดูสดชื่นมีความสุข เนียนนั่งสงบเสงี่ยม ช่างเสื้อกำลังวัดตัวเนียน
“ตัดหลายๆ แบบ หลายๆ สี หลายๆ ชุด นะช่าง” ขุนภักดีคอยกำกับ
“เจ้าค่ะ...ท่านขุน คุณเนียนสวยเหมือนหุ่นโชว์เสื้อในห้างที่บางกอก ใส่อะไรก็สวยทั้งนั้นเจ้าค่ะ” ช่างเสื้อบอก
“ให้มีทั้งชุดไปทำบุญ ไปตลาด ชุดอยู่บ้าน อย่าให้ขาดตกบกพร่องนะจ๊ะช่าง” เรียมว่า
“รับรองเจ้าค่ะ” ช่างรับคำยิ้มแย้ม
“เอ้อ ที่คุณเรียมให้เนียนก็แยะแล้ว เนียนใส่อะไรก็ได้ค่ะ” เนียนเกรงใจ
“ไม่ได้ดอกเนียน ที่ชั้นให้มันใช้แล้ว ไม่สมฐานะคุณนายเนียน” เรียมบอก
ทองจันทร์เปลี่ยนสรรพนามจากเรียกเนียนว่าแกมาเป็นเจ้า
“เจ้าหยุดถ่อมตัวจนเกินจำเป็นได้แล้ว จำไว้นะเนียน การที่เจ้ามุ่งมั่นมองคนอื่นดีงามไปหมด หายนะอาจมาเยือน รู้จักคลางแคลงใจในคนอื่นไว้บ้าง เพื่อความปลอดภัยของเจ้าเอง”
“คุณแม่พูดถูก จ้ะเนียน อย่าไว้ใจทาง อย่าวางใจคน จะจนใจเองจ้ะ”
“เนียนทนโดนรังแก โดยไม่ปริปากบ่นไม่ได้นะ มีอะไรก็บอกพี่ที่นี่ไม่มีอิทธิพลเถื่อน พี่ให้ความยุติธรรมกับทุกคนเท่าเทียมกัน” ขุนภักดีบอก
“ได้ยินแล้วก็จำไว้นะเนียน เอ๊ะ พ่อเทพ แม่พวกชอบใช้อิทธิพลเถื่อนเรือนเล็กหายไปหลายวันจริงๆ” ทองจันทร์นึกได้
“คงเพราะว่ากำนันแสงแกป่วยนาน” ขุนภักดีพูดไปเรื่อยๆ ไม่ห่วงใยนัก
“ตอนไปคุณสนก็ไม่ได้หิ้วผ้าผ่อนท่อนสไบติดตัวไปสักชิ้นนะเจ้าคะเหมือนจะไปกลับวันเดียวใช่ไหม เนียน เอ้อ คุณเนียน” กบหันมาถาม
“เอ้อ...ชั้นไม่ทันได้สังเกต” เนียนว่า
“เจ้าน่ะสังเกต แต่เจ้าไม่อยากพูดให้แม่พวกนั้นเสียหาย เจ้ามันเป็นซะแบบนี้ หวังดีกับคนดีๆ ก็ดีไป แต่หวังดีกับงูเห่ามันจะทำร้ายเอาภายหลัง”
“พี่เทพน่าจะส่งใครตามไปดูที่ศรีประจันต์ นะคะ กบ ไปตามนายเอกนายแทนมา” เรียมสั่ง
“เจ้าค่ะ” กบรีบไป

ช่างตัดเสื้อวัดตัวเนียนเสร็จพอดี
สนเดินกระปรกกระเปลี้ย ท้อแท้ ไม่มีกระจิตกระใจ ช้อยประคับประคองเดินมาหกล้มหกลุกเป็นที่น่าเวทนา

“ข้าอยากตาย นั่นต้นไม้ข้าจะผูกคอตาย ข้ามองหน้าใครไม่ได้แล้ว”
สนวิ่งไปเร็วรี่ ช้อยวิ่งตามไปโอบรัดฉุดไว้
“คุณสนขา สามปีก่อนคุณสนก็ยังมองหน้าใครได้ อย่าเพิ่งผูกคอตาย ท่องชื่อมันไว้ไอ้เสือหนัก อีเนียน คุณสนต้องแก้แค้นมันสองคนก่อนผูกคอตายเจ้าค่ะ” ช้อยเสี้ยม
“สามรวมทั้งไอ้เหิม ไอ้เหิมมันทรยศหักหลังกู” สนคำราม
“ไอ้คนเนรคุณนั่น จัดการไม่อยากดอกเจ้าค่ะ แค่เอาเงินปาหน้ามันมันก็มาให้แก้แค้นถึงที่ แต่อีเนียนต่างหากที่น่ากลัวที่สุด” ช้อยว่า
“อีเนียน ข้าน่าจะฆ่าเอ็งตั้งแต่เอ็งมาถึงวันแรก”
“ถึงตอนนี้ก็ยังไม่สาย ใกล้ถึงบ้านแล้ว อย่าป้ำเป๋อละเมอพูดจาผิดๆ ถูกๆ อย่าเผลอเปิดแผลออกมาว่าเราไปโดนอะไรมา”
“คราวนั้นไอ้เหิม มันทำไปเพราะหลงรักกูแต่ครั้งนี้ไอ้เสือหนักมันทารุนกูราวกับว่ามันแค้นกูมาแสนปี หยั่งกับกูไปสร้างความแค้นแสนสาหัสให้มัน” สน
ช้อยแปลกใจ “นั่นสิเจ้าคะ นึกขึ้นมาก็แปลกใจนะเจ้าคะ ทำไมมันต้องเกลียดเราทั้งที่เพิ่งเคยพบกัน เงินมันก็ไม่เอา ทองหยองมันก็ไม่แตะ”
สนสุดทนฟังตวาดช้อย พลางร้องกรี๊ดๆๆ ไล่ทุบตีช้อย
“กูทนฟังไม่ได้แล้วอีช้อยมึงหยุด เพราะมึง มึงแนะนำให้กูทำอย่างนี้กูถึงต้องเจอเรื่องเลวร้ายอย่างนี้ อีช้อยอย่าหนีกูนะ”
“อย่ามาลงที่ช้อยสิเจ้าคะ ช้อยบอกแล้วไงเจ้าคะ ว่าอีเนียนต่างหาก คือตัวการ อย่าตีช้อยสิเจ้าเจ้าคะ ช้อยก็เจ็บช้ำเหมือนกัน”
“แต่กูเจ็บช้ำกว่า กูจะตีมึงฐานแนะนำให้พบหายนะ”
สนฉวยไม้ดุ้นใหญ่ข้างทางไล่ตีช้อยระบายความแค้น

เอกกับแทนเดินมาคุยกันมา
“ทำไมคุณสนถึงไม่นั่งเรือไปศรีประจันต์จากท่าน้ำบ้านเรา” แทนตั้งข้อสังเกต
“ทำไมคุณสนต้องทำให้มันยุ่งยาก มาขึ้นเรือที่ท่าเปลี่ยวๆ” เอกก็สงสัย
“คงเพราะคุณสนเธอใจนักเลงเหมือนพ่อเธอไม่กลัวใครทั้งนั้น” แทนบอก
“คงเพราะคุณสนเธอลมพัดลมเพ เดาใจยาก เปลี่ยนใจได้เสมอ” เอกว่า
เสียงช้อยร้องดังเข้ามา “ว๊าย”
สองคนตกใจร้อง “เฮ้ย”
“กูจะตีมึง อีช้อยอย่าหนีนะ” คราวนี้เป็นเสียงสน
สองคน จำได้ “ช้อย คุณสน”
เสียงช้อยดังขึ้นอีก “คุณสนเจ้าขา อย่าตีช้อย อย่าตีช้อย เราลงเรือลำเข็ญลำเดียวกันนะเจ้าคะ”
สองคนมองหน้ากัน
“คุณสนกำลังอาละวาดช้อย ไปเร็ว” เอกบอก
สองคนพยักหน้า พากันตามเสียงของช้อยไป

ห้องนอนใหม่ของเนียน สะอาดสะอ้าน มีเตียงคู่สำหรับนอนสองคน มีมุ้งสวยงาม เนียนยืนดูนิ่งๆ ทำตัวไม่ถูก
“ห้องใหม่ของเนียน ชอบไหม” ขุนภักดีเอ่ยถาม
“เอ้อ ดีเกินไปสวยเกินไปใหญ่โตเกินไปสำหรับคนอย่างเนียนค่ะ”
“ดีน้อยไปด้วยซ้ำสำหรับคุณนายของท่านขุนภักดี ภูบาล นั่นไม่ใช่แค่ห้องของเนียนคนเดียวเท่านั้น แต่เป็นห้องของพี่ด้วยนะจ้ะ”
“เอ้อ..ค่ะ”
“ถ้าห้องเล็กๆ ใส่เตียงเล็กๆ เวลานอนก็ต้องเบียดกัน กอดกันแน่นทั้งคืนกันตกเตียง เอาไหม” ขุนภักดียั่วล้อ หัวเราะขำ
เนียนเขินอาย หัวใจเผลออิ่มเอิบชีวิตเหมือนฝัน ขุนภักดีมองเนียนตาหวานฉ่ำอย่างสุขใจ

ขณะที่สนไล่ตีช้อยอยู่นั้น ช้อยหนีสะดุดรากไม้หกล้ม
“อีเนียนมึงตาย”
“ว๊าย...อย่าเจ้าค่ะ คุณสน นี่ช้อยนะเจ้าคะไม่ใช่อีเนียน”
สนมองไปที่ช้อยกลายเป็นหน้าเนียน สนเลือดเข้าตาเสียใจจนเสียสติบ้าคลั่ง
ช้อยกระชากไม้มาได้เหวี่ยงทิ้งไป สนไม่เลิกรา กระโจนมาคร่อมร่างช้อย จิกหัวกระชากไปมาทั้งตบหน้า
ทั้งเอาหัวโขกพื้นดิน
“อีเนียน อีมารชีวิต อีมารความรักของกู”
“ช่วยด้วย ช่วยด้วย คุณสนเป็นบ้า ช่วยด้วย คุณสนจะฆ่าช้อยโอ๊ย คุณสนเจ้าขา นี่ช้อยไมใช่อีเนียน”
เอกกับแทนวิ่งมาถึง ตกใจ
“คุณสน”
“ช้อย”
“ตายละวา รีบไปช่วยกันคุณสนออกมาจากช้อย” เอกบอก
เอกกับแทนไปช่วยกันดึงสนกันมาจากการทุบตีช้อย
“ปล่อยกู ปล่อยกู กูจะฆ่าอี.น...” สนร้องลั่น
ช้อยรีบพูดทับเสียงสน “คุณสนเจ้าขา ท่านขุนมาแล้วเจ้าค่ะ”
สนชะงักปาก มีสติขึ้นมา แทนกับเอกดึงสนออกมาจากช้อย สนส่ายตามองหาท่านขุน
“พ...พะ..พี่ขุนมา”
แอกกะแทนมองหน้ากัน
“ท่านขุนไม่ได้มาครับ แต่ให้ผมมา” แทนว่า
เอกบอก “เรากำลังจะไปหาคุณสนที่ศรีประจันต์”
สนหายบ้าเป็นปลิดทิ้ง สบตากับช้อยใจหายใจคว่ำ
“จะไปทำไม เอ้อ พ่อกำนันอาการดีแล้ว”
“อ้อ เอ...เมื่อสักครู่เหมือนได้ยินคุณสนเอ่ยชื่อคุณเนียนแว่วๆ” เอกคาใจ
สนกะช้อยสะอึก
“พวกเอ็งหูหาเรื่อง แล้วเมื่อกี้ เอ็งเรียกอีเนียนว่ากระไรนะ”
“คุณเนียนขอรับ” เอกบอก
สนตาเขียวปัด ช้อยสะกิด
สองคนยืนกราน “คุณเนียน”
ช้อยกระซิบเตือน “ใจเย็นๆ เจ้าค่ะ ถึงเรือนก็รู้ ตอนนี้อย่าหงอยให้มันเห็นเจ้าค่ะ”
สนพยักหน้ายืดอกทำเชิดต่อไป
เอกยั่วเพราะไม่ใคร่ชอบสน “คุณสนไม่อยู่แค่เจ็ดวัน อะไรอะไรมันก็เปลี่ยนไป”
“ใครถาม ไม่ต้องมาสาระแนเล่า”
ทั้งหมดจึงพากันเดินออก เอกกับแทนแปลกใจในความทรุดโทรมของสนกับช้อยจึงลอบมองบ่อยๆ
“กระเป๋าเล่าขอรับคุณสน” แทนถาม
“ถามทำไม เอ็งอีกคนก็สู่รู้นักนะไอ้แทน” สนด่า
“กระผมจะหิ้วให้น่ะขอรับ” แทนว่า
“คุณสนลืมเอากระเป๋ากลับมา เอ็งไม่ต้องมาถามซอกแซก” ช้อยตัดบท
“เอ๊ะ ช้อย เจ็ดวันก่อนชั้นจำได้ว่าเห็นช้อยหิ้วไปแต่ปิ่นโต ไม่มีกระเป๋าแล้วก็ใส่ชุดเดิมนี่แหละ” เอกยื่นหน้าทำดมๆ กลิ่น “โฮ้โหกลิ่นตุๆ ยังกับใส่ๆถอดๆ เจ็ดวันไม่เคยเปลี่ยน”
เอกพูดล้อ แต่เป็นคำพูดที่แทงใจดำสนและช้อยมาก สองคนกรี๊ดลั่นเพราะมันคือความจริง
“อ๊าย”
“ไอ้เอก ผีตายโหงเจาะปากเอ็งรึ พี่ขุนให้มาดูแลรึให้มาสอบสวน”
นั่นแหละแทนกับเอกจึงสงบปากสงบคำ

ช้อยแต่งตัวให้สนเสร็จ แต่สนหน้าตายังหงอยเหงา
“ช้อย ข้าไม่กล้าสบตาพี่ขุนกับอีแก่นั่น”
ช้อยรวบเท้าสนบีบนวดให้กำลังใจกอดขาสนด้วยเอาหน้าแนบขาสน ด้วยความภักดี
“คุณสนเจ้าขา ของพรรค์นี้มันมีแค่รอยประทับในใจไม่ใช่บนหน้าผากนะเจ้าคะ สบตาให้ตายก็รู้เจ้าค่ะ ถ้าคุณสนไม่สบตาสิเจ้าคะ จะเป็นพิรุธ”
“ใจพิรุธมันก็ต้องแสดงพิรุธ ยังไงข้าก็กลัว”
“คนดีของอีช้อย คุณสนต้องสู้ ต้องไม่แสดงพิรุธให้ใครจับได้นะเจ้าคะ กลบพิรุธด้วยการทำตัวให้น่าเวทนาน่าสงสารเข้าไว้เจ้าค่ะ”
“ข้าจะพยายาม แต่มันช่างยากเย็น ยากทำใจ”
“ทำใจให้ด้านชาไว้ ด้านได้อายอดอย่าลืมสิเจ้าคะ ท่องไว้เจ้าค่ะแล้วคุณสนจะได้ทุกอย่างที่หวังไว้”
“ขอบใจเอ็งมาก ช้อย เอ็งไม่โกรธหรือที่ข้าคลั่งไล่ตีเอ็ง”
“ไม่โกรธเจ้าค่ะ ช้อยไม่มีทางโกรธคุณสน นิดเดียวก็ไม่เคยคิดจะโกรธช้อยยอมตายถวายหัวเพื่อความสุขความพอใจของคุณสนคนเดียวเจ้าค่ะ”
สนซึ้งในความรักภักดีที่ช้อยมีให้ น้ำตาไหลริน สะอื้นไห้ โผเข้ากอดช้อยเอาไว้
“ขอบใจเอ็งมาก ในโลกนี้คงมีเอ็งคนเดียวที่ซื่อสัตย์กับข้า”
“สาบานได้เลยเจ้าค่ะ ไปสู้ชีวิตไปฉกฉวยความรักของท่านขุนกลับคืนมาให้ตัวเองให้มากที่สุดกันเจ้าค่ะ คุณสน”
ช้อยประคองสนให้ลุก

ขณะที่ขุนภักดี นั่งสบายอารมณ์ มีเนียนนั่งแต่งตัวสวย หน้าสวยแฉล้มข้างๆ กำลังพัดวีให้ สนกับช้อยตามกันเข้ามา พอเห็นภาพนั้น สนแทบกรีดร้อง
แต่ทำได้แค่คำรามในคอ “อีเนียน อีมารยาสาไถย์”
ช้อยสะกิดเตือนสนจึงยกมือไหว้ท่านขุน
ขุนภักดีเห็นสนทักเรื่อยๆ ไม่ตื่นเต้น “อ้อ สนกลับมาแล้ว”
“ค่ะ พี่ขุน”
“พ่อเป็นยังไงบ้าง”
สนตอบแต่ตาชำเลืองเนียนที่นั่งไม่รู้ไม่ชี้อยู่ “สบายดีแล้วค่ะ สนถึงได้รีบกลับมาดูแลคุณพี่ไงคะ”
“ฮ้าย ไม่ต้องห่วง เนียนเขาดูแลพี่เต็มที่” สีหน้าขุนภักดีเอิบอิ่มมีความสุขมาก “ไม่มีขาดตกบกพร่อง”
เนียนเห็นว่าสนมา ทำท่าจะปลีกตัว
“เนียนขอตัวก่อนนะคะ พี่เทพ”
สนกะช้อยอุทานพร้อมกัน “พี่เทพ”
“พี่บังคับเนียนให้เรียกพี่อย่างนี้ ทั้งที่เขาไม่เต็มใจ บอกกันตรงนี้ให้รับรู้ นี่แหละคุณนายคนที่สามของพี่”
“คุณนายคนที่สาม” สนแทบช็อก
สนกับช้อยตะลึงจนพูดไม่ออก เนียนค่อยๆ ถอยไป แต่ขุนภักดีคว้าข้อมือไว้
“ใช่จ้ะ ไหนๆ สนก็ญาติดีชวนเนียนไปทำบุญร่วมกันแล้วปรองดองกันไว้ทั้งสองคน”
“ค่ะ” เนียนรับคำ
“เอ้อ ..ค่ะ เนียนคงฟ้อง เอ้อบอกไปแล้วว่าเราไม่ทันไปทำบุญ”
สนกับช้อยแอบสบตากัน ลอบมองเนียนที่ทำหน้านิ่งอยู่ เริ่มไม่สบายใจกลัวเนียนมาฟ้องอะไร เลยรีบพูดก่อน
“อ้าว...เนียนไม่ได้บอกพี่สักหน่อย ยังไงกันรึ”
“คือสน สนปวดท้องมาก เลยหลบไปถ่ายทุกข์ แต่ปวดท้องมากขึ้นไปอีกจนเดินไม่ไหว”
ช้อยรีบเสริม “ปวดขนาดชักดิ้นชักงอไปเลยเจ้าค่ะ เป็นลมเป็นแล้งเลยนะเจ้าคะ”
“กลับมาหาเนียนไม่ทันพระฉันเพล ขอโทษด้วยนะเนียน”
“ค่ะ คุณสน”
“เนียนเขาไม่บอกพี่เพราะกลัวพี่จะเคืองสน เนียนน่ารักอย่างนี้แหละ” ขุนภักดีเป็นปลื้ม
“ค่ะ” สนกัดฟันพูด “สนใจคอไม่ดีห่วงเนียนรอจนค่อยยังชั่ว ย้อนกลับมาหาเนียนหายไปแล้ว สนกลัวพี่เทพจะตำหนิว่าสนทิ้งเนียนจะแย่”
“ไอ้คนที่มารอรับ มันเร่งเร้ามาก ช้อยก็เลยบอกให้คุณสนรีบไปดูพ่อกำนันเจ้าค่ะ ช้อยขอรับผิดเองที่ทิ้งแม่ เอ้อ คุณเนียนไว้คนเดียว จะลงโทษช้อยยังไงก็ได้เจ้าค่ะ”
“ไม่ใช่ความผิดของใครหรอกจ้ะช้อย” เนียนบอก
“เนียนเขาไม่เอาเรื่องใครดอก” ท่านขุนว่า
“แหมสนโล่งใจมากคะ ที่เนียนปลอดภัย”
“เราครอบครัวเดียวกัน พี่วานมาช่วยกันดูแลเรื่องพิธีแต่งงานของพี่กับเนียนด้วย”
สนแทบคลั่งจะอกแตกตาย ช้อยต้องคอยสะกิด
“ค่ะ คุณพี่ สนทำเต็มที่ค่ะ”
“ขอบใจ ไม่มีอะไรก็กลับเรือนเถิดสน พี่กับเนียนจะคุยกันต่อ”

สนแทบจะบ้าตายตรงนั้น ช้อยรีบคว้ามือสนไว้
สนลงเรือนใหญ่มา หน้าบูดบึ้งใจคอร้อนรุ่มไปหมดด้วยไฟริษยาสุมทรวง อกแทบระเบิด

“อยากจะถีบอีเนียนให้มันตกเรือนคอหักตาย แหม้...มันนั่งหน้าเชิดคลอเคลียพี่ขุนหยามหน้ากู อีช้อยมึงไปหาหมอเสน่ห์มาให้กูด่วน”
ช้อยร้อง “จุ๊ๆๆๆ”
ทองจันทร์ก้าวออกมา มีกบกับแมวเดินตามหลัง พูดถามลอยๆ
“ใครว่าจะหาหมอเสน่ห์ จะไปเอามาทำอะไรด่วนรึ”
สองคนตกใจมาก ยกมือไหว้แทบไม่ทัน
“ช้อยเองเจ้าค่ะ”
“เอ็งจะหาหมอเสน่ห์มาทำอะไรนางช้อย” ทองจันทร์ไม่เชื่อ
“เอ้อ มาเอ้อ...” สนอึกอัก
“มาทำเสน่ห์ให้เอ้อ พูดแล้วน่าอาย ช้อยอายมากเจ้าค่ะ”

อ่านละคร อาญารัก ตอนที่ 3/2 วันที่ 27 มี.ค. 56

ละครเรื่อง อาญารัก บทประพันธ์ : จำลักษณ์
ละครเรื่อง อาญารัก บทโทรทัศน์ : วรพันธ์ รวี
ละครเรื่อง อาญารัก กำกับการแสดง : จรูญ ธรรมศิลป์
ละครเรื่อง อาญารัก แนว ดราม่า
ละครเรื่อง อาญารัก ผลิต : บริษัทดีด้าวิดีโอ โปรดักชั่น จำกัด
ละครเรื่อง อาญารัก ควบคุมการผลิต : สยม สังวริบุตร
ละครเรื่อง อาญารัก ออกอากาศทุกวันจันทร์ และวันอังคาร เวลา 20.25 น. ทาง ช่อง 7 สีทีวีเพื่อคุณ
ที่มา manager