อ่านละคร เสือสั่งฟ้า 2 พยัคฆ์ผยอง ตอนอวสาน วันที่ 23 มี.ค. 56


อ่าน เสือสั่งฟ้า 2 พยัคฆ์ผยอง ตอนอวสาน วันที่ 23 มี.ค. 56

“แล้วถ้าลูกต้องรับโทษ แล้วราชาวดีล่ะ”
ราชาวดีเดินมา อยู่ข้างกล้า
“วดีเห็นด้วยกับพี่กล้าค่ะ วดีจะรอจนกว่าพี่กล้าจะเป็นอิสระ” กระเต็นอึ้ง แล้วทรุดลงนั่งหมดแรง
“คราวนี้แม่คงต้องยอมแพ้จริงๆ แล้วใช่มั้ย”
“กระเต็น ที่ผ่านมาเอ็งได้ทำหน้าที่แม่อย่างดีที่สุดแล้ว ต่อไปให้กล้าได้เลือกทางเดินชีวิตของตัวเองเถอะ”

กระเต็นจำเป็นต้องพยักหน้าทั้งน้ำตา
“ขอบคุณครับแม่”
ศรีแพรเศร้าเช็ดน้ำตา หาญโอบปลอบ

จุกบวชเป็นพระมารับบาตรจากกล้าและราชาวดี คู่บ่าวสาวที่หน้าบ้าน ศรีแพร กระเต็น หาญยืนมอง สาวๆช่วยกันส่งของให้ใส่บาตร จุกสวดให้พร
“ขอให้ครองคู่ด้วยความรัก ความเข้าใจกันนะ”


“ขอบคุณครับหลวงน้า”
จุกเดินไปหาหาญ
“พรุ่งนี้อาตมาจะออกธุดงค์”
“ข้าดีใจที่ท่านเลือกเดินทางนี้ ขอให้ท่านบรรลุธรรมตามที่ตั้งใจ ข้าจะคอยอนุโมทนา”
“ที่ผ่านมา อาตมา อยู่ใกล้พระแต่กลับไม่เคยศึกษาพระธรรม ชีวิตถึงได้พบแต่ความเดือดร้อน แล้วโยมล่ะไม่คิดจะกลับไปบวชอีกเหรอ” หาญยิ้มเศร้าๆ ไม่ตอบ จุกเหลือบไปมองศรีแพรเลยเข้าใจไปว่าหาญจะไปอยู่กับศรีแพร จุกกระแอมแก้เก้อ “เป็นฆราวาสก็ศึกษาพระธรรมได้งั้น อาตมาลาล่ะ โยมกระเต็น”
“นมัสการลาค่ะ ถ้าท่านมากรุงเทพฯส่งข่าวบ้างนะคะ” ทุกคนไหว้จุก จุกเดินจากไป กระเต็นมองกล้ากับราชาวดีที่ยืนจูงมือกันอย่างสงสาร “เวลามันน้อยเหลือเกิน ความจริง แม่อยากจัดงานให้เต็มพิธีกว่านี้”
“แค่นี้ก็ดีที่สุดแล้วครับแม่”
“ค่ะ แค่นี้ วดีก็มีความสุขที่สุดแล้ว ผิดหวังอยู่อย่างเดียว ทำไมนิจถึงไม่มา”
ขณะนั้นคะนึงนิจแอบดูอยู่ใกล้ๆ มองภาพวาดในมือที่ห่อกระดาษผูกโบว์มา ศรีแพรมองมา คะนึงนิจหลบ
“นิจอาจจะยุ่งๆ กับงานที่ปางไม้น่ะ” หาญบอก

“ใช่ๆ เข้าบ้านกันก่อนดีกว่านะ พวกเจ้าต้องขึ้นไปไหว้พระกันไม่ใช่เหรอ”
ทุกคนเข้าบ้านไป คะนึงนิจมองภาพในมือ ลังเล ศรีแพรเดินเข้ามา

“นิจ”
คะนึงนิจตกใจ

ราชาวดีแกะรูปของคะนึงนิจโดยมีกล้าอยู่ใกล้ๆ รูปที่แกะออกมาเป็นภาพวาดกล้ากับราชาคู่กัน และมีลายเซ็นคะนึงนิจ
“โธ่ นิจ”
กล้าเห็นจดหมายเหน็บอยู่
“มีจดหมายด้วย”
กล้าแกะจดหมาย ส่งให้ราชาวดีอ่าน
“ของขวัญจากนิจค่ะ พี่กล้า วดี ฝีมือไม่ค่อยดีหรอกนะ แต่นิจก็วาดด้วยความรัก ความหวังดีทั้งหมดจากหัวใจของนิจ”
คะนึงนิจนั่งวาดรูปนี้ที่ปางไม้ วาดไปน้ำตาก็ไหลไป
“นิจอยากจะไปอวยพรด้วยตัวเอง แต่นิจกลัวว่าคงตื้นตันจนพูดอะไรไม่ออก ทีสำคัญนิจไม่อยากรบกวนเวลาส่วนตัวของพี่กล้ากับวดีที่มีน้อยเหลือเกิน ใช้เวลาทุกวินาทีให้คุ้มค่าที่สุดนะคะพี่ชายและเพื่อนรัก เราจะได้พบกันอีกแน่นอนค่ะ”
นิจ
คะนึงนิจเซ็นใต้รูป ปาดน้ำตายิ้มปลื้มกับผลงาน
ราชาวดีพับจดหมายกอดไว้
“นิจ”
“นิจเข้มแข็งเสมอ”
“ค่ะ วดีหวังว่าซักวันนิจจะพบคนที่ปกป้องเค้าได้”
“อย่าเหมือนพี่ที่กว่าจะมีวันนี้ก็ทำให้วดีเสียน้ำตาไม่รู้เท่าไหร่”
“น้ำตานั่นเป็นเพราะความเข้าใจผิด แต่พี่กล้าไม่เคยทำร้ายจิตใจวดีเลย”
“แม้แต่เรื่องที่พี่ยอมรับโทษ ทิ้งให้วดีอยู่คนเดียวน่ะเหรอ”
“วดีไม่ได้อยู่คนเดียวหรอกค่ะ เพราะพี่กล้า อยู่ในนี้ตลอดเวลา” ราชาวดีเอามือทาบที่หัวใจ
“งั้นเราก็ไม่ได้อยู่ด้วยกันอยู่ดี”
“ทำไมละค่ะ”
กล้าจับมือราชาวดีมาทาบอก
“เพราะสำหรับพี่ วดีอยู่ในนี้ตลอดเวลาเหมือนกัน”
“พี่กล้าน่ะ”
ราชาวดีดึงมือออกฟาดกล้าเบาๆ กล้าเอามือไปจูบ ดึงราชาวดีเข้ามากอด
“พี่ว่า เรามาทำตามที่นิจขอดีมั้ย”
“อะไรคะ”
“ใช้เวลาทุกวินาทีให้มีค่าไง เรามีเวลาคืนนี้คืนเดียวนะ”

ราชาวดีเขิน กล้าเชยคางราชาวดีมาจูบหน้าผากแล้วจูบริมฝีปาก ทั้งคู่เอนลงไป
วันต่อมากล้าเดินเข้าห้องขังในชุดนักโทษ โดยมีผู้คุมประกบ

“ลาก่อนนะวดี”
กล้าบอกลาราชาวดี ราชาวดีเศร้าใจ น้ำตารื้น
“วดีจะรอพี่กล้านะคะ”
กล้าข่มความเศร้าใจ พยักหน้ารับ กระเต็นเองก็เศร้าแต่พยายามเข้มแข็ง
“แม่จะดูแลวดีให้เอง เข้มแข็งแล้วก็อดทนให้มากนะกล้า”
“ครับแม่ ต่อไปผมจะใช้สติ ใช้ปัญญาเป็นเครื่องนำทาง ไม่ใช้อารมณ์เหมือนเมื่อก่อนอีก” กล้าหันไปมองนุกูล
“แกก็เหมือนกันนะนุ เรียนให้จบ เอาปริญญามาฝากพี่ให้ได้ ไม่งั้นพี่จะออกไปเตะแก”
“รับรองครับ ผมจะไม่ทำให้ให้วิญญาณพ่อกับพี่ผิดหวัง”
กล้ามองหาหาญกับศรีแพร
“หาปู่แกใช่ไหม ไม่รู้ว่าเค้ากับศรีแพรหายไปไหน แม่กับวดีตามหาก็ไม่เจอ”
“ไม่เป็นไรหรอกแม่ ปู่เหนื่อยเพราะผมมามาก ผมอยากให้ปู่ได้พักผ่อนอย่างสงบกับคนที่ปู่รัก เสียดายที่ผมไม่มีโอกาสได้กราบลาหลวงปู่”
“ลา”
กระเต็นเอะใจกับคำพูดกล้า กล้ายิ้มเศร้าๆ

ม่อนช้างเผือก ที่หน้าผาสวยๆ เห็นภูเขาสุดลูกหูลูกตา ศรีแพรจูงมือหาญเข้ามา
“นี่ไง จุดที่สวยที่สุดของม่อนช้างเผือก แม่ข้าชอบมานั่งเล่นตรงนี้ที่สุด”
“สวยจริงๆ”
“ถ้าแม่มองอยู่บนฟ้า คงดีใจที่เห็นเจ้ายืนอยู่ตรงนี้”
“ข้าหวังว่า แม่เจ้าจะอภัยให้ข้าในทุกอย่างที่ผ่านมา ข้าทำร้ายจิตใจเค้าไว้มาก และยังทำให้เจ้าต้องเดือดร้อน กรรมนี้คงติดตามข้าไปทุกภพชาติไม่อาจลบเลือน”
“ข้าเชื่อว่าแม่ต้องให้อภัยเจ้า เพราะเจ้าเป็นคนที่แม่รัก...” ศรีแพรมองหน้าหาญ “เหมือนกับที่ข้า...รักเจ้า ถึงแม้เจ้าจะไม่เคยมีใจกับข้าเลย”
“เอ็งรู้ไหม มีผู้หญิงเพียง 2 คนเท่านั้นที่อยู่ในหัวใจข้า คนนึงได้ตายจากไปแล้ว ส่วนอีกคน อยู่ตรงหน้าข้า”
“หาญ”
หาญค่อยๆ ดึงตัวศรีแพรเข้ามาหอมหน้าผากเบาๆ ทั้งสองกอดแล้วมองกัน น้ำตาคลอด้วยความรู้สึกทั้งตื้นตันทั้งเสียใจที่จะต้องจาก
“เพียงแค่นี้ ข้า ข้าก็พอใจแล้ว”
“เจ้าไม่ตำหนิข้าใช่มั้ยที่ตัดสินใจแบบนี้”
ศรีแพรยิ้มกลบความเศร้า พยักหน้า
“ข้าทนไม่ได้หรอกที่ข้าต้องกลายเป็นยายแก่หนังเหี่ยว แต่เจ้าหนุ่มแน่นตลอดไปเพราะพลังพลังเหล็กไหล”
หาญยิ้มและศรีแพรมองไปยังเบื้องหน้า ลมพัดมาวูบใหญ่ หาญพยักหน้ารับ “ลมแรงนะ ถ้าข้าได้น้ำสมุนไพรอุ่นๆ ก็คงดี”
“ข้าจะเอามาให้”
ศรีแพรบอกน้ำเสียงสั่นเครือแล้วหักใจ เดินออกไป หาญไม่หันมองตาม แต่กลับมองเบื้องหน้า เห็นใบไม้แห้งร่วงหล่นลง เป็นสัญญลักษณ์แห่งอนิจจัง
หาญหายใจเข้าราวกับทำความเข้าใจกับการจากลาก่อนจะนั่งลง เข้าสมาธิ เชิญพญาเหล็กไหลออกจากร่าง
ร่างของหาญเรืองแสงขึ้น พญาสมิงเหล็กลอยออก

ศรีแพรถือกระบอกน้ำร้อนเข้ามา เห็นหาญนั่งอยู่ ศรีแพรเข้าไปดูก็เห็นว่าหาญผมหงอก ผิวหนังเหี่ยวย่น นั่งสมาธินิ่งอยู่ ก็รู้ว่าหมดลมแล้ว กระบอกน้ำร่วงจากมือศรีแพรก่อนจะ เดินไปทรุดนั่งลงข้างๆ หาญ น้ำตาไหล ก้มลงมองที่ท้องเอามือทาบ ศรีแพรซบไหล่กับร่างไร้วิญญาณของหาญ
“สิบปีผ่านไป”


ที่ปางไม้ไพรพญา คนงานวิ่งหนีเข้ามาโดยมีคะนึงนิจซึ่งมีอายุมากขึ้นถือปืนยาว ยิงไปใกล้เท้าคนงาน
“หยุด ไม่งั้นหัวกระจุยแน่”
คนงานกลัว ยกมือไหว้
“ผมกลัวแล้วแม่เลี้ยง อย่ายิงนะครับ”
“แกลอบเข้ามาในปางไม้ฉัน เพราะจะขโมยตัดงาช้างที่ฉันเลี้ยงไว้ใช่มั้ย”
“ผมผิดไปแล้ว ลูกผมป่วย ผมอยากได้เงินไปรักษาลูก”
“อยากได้เงินก็ต้องทำงาน ไม่ใช่เป็นหัวขโมย ตามฉันกลับไปโรงพัก”
คนงานทำเป็นยกมือแต่แล้วพอคะนึงนิจเผลอก็ปัดปืนแล้วทุบใส่ก้านคอ คะนึงนิจทรุดลง ปืนหลุดมือ คนร้ายแย่งปืนไปได้ จ่อคะนึงนิจ
“เป็นผู้หญิงริจะมาทำซ่า” คนงานยิง แต่กระสุนไม่ออก “เฮ้ย อะไรวะ”
คะนึงนิจเองก็งง กล้าเดินเข้ามา
“พี่กล้า”
คนงานเห็นท่าไม่ดี ทิ้งปืนชักมีด เข้าบู๊กับกล้า แต่ถูกซัดหมอบ กล้าเข้าไปยื่นมือฉุดให้คะนึงยืนขึ้น “เป็นยังไงบ้างครับแม่เลี้ยง”
คะนึงนิจอึ้งๆ ไม่คิดฝัน
“นิจ”
คะนึงนิจหันไปมองตามเสียงจึงเห็นราชาวดียืนจูงมือลูกชาย กระเต็นยืนอยู่ด้วย
“วดี น้ากระเต็น”

ทั้งหมดเดินมาด้วยกัน
“ไม่นึกเลยว่าพี่กล้าจะพ้นโทษเร็วอย่างนี้”
“กล้าได้รับพระมหากรุณาธิคุณจากในหลวง ลดโทษให้ตั้งแต่ปีฉลองกรุง บวกกับเป็นนักโทษชั้นดีก็เลยได้ออกมาก่อนหลายปี”
“ที่ไม่บอกก่อนเพราะอยากจะให้นิจแปลกใจ แต่พี่กลับเป็นคนแปลกใจซะเองที่เห็นนิจมาถือปืนแทนพู่กัน”
“ใช่ เราเองก็แทบไม่เชื่อสายตาเลยว่านิจจะเก่งขนาดนี้”
“เราก็ทำเก่งไปอย่างงั้นแหละ เคยยิงใครที่ไหน แต่ถ้าไม่ทำอย่างงี้ก็ปกครองใครไม่ได้ ไงจ๊ะ หลานน้า โตขึ้น หล่อกว่าพ่ออีกนะเนี่ย”
“น้านิจก็สวยกว่าในรูปอีกครับ” เวหา ลูกชายของกล้ากับราชาวดีบอก
“ปากหวานเหมือนพ่ออีกต่างหาก”
“แต่ก็จริงใจนะ ไม่เชื่อถามวดีดูได้”
หาญบอก เวหามองไปที่ใต้ต้นไม้ใหญ่ ซึ่งที่โคนต้นไม้ตกแต่งให้เป็นหลุมศพภูมินทร์ มีดอกไม้ปลูกไว้ออกดอกสวยงาม มีแท่นหิน เขียนว่า ภูมินทร์ ไพรพญา มีรูปเล็กๆ ติดอยู่
“นั่นคืออะไรครับ”
เวหาถามอย่างสงสัย แล้ววิ่งไปที่หลุมศพ คะนึงนิจมองตาม หน้าสลดลง

ทุกคนเดินมาที่ใต้ต้นไม้
“ภูมินทร์ ไพรพญา ใครเหรอฮะ คุณย่า” เวหาถามเมื่อเห็นชื่อภูมินทร์
“พ่อลี้ยงภูมินทร์เป็นเจ้าของที่นี่ เป็นพี่ชายของน้านิจไงลูก”
“ตอนพี่ภูมีชีวิตอยู่แทบจะไม่เคยทำความดีเลย นิจก็เลยฝังร่างเค้าไว้ที่นี่ อย่างน้อยก็เป็นปุ๋ยให้ต้นไม้ได้เติบโต”
“คนเราเกิดมาแล้ว น้อยคนนักที่จะไม่ตกเป็นทาสของกิเลส กว่าจะสำนึกได้ก็มักสายเกินไป”
กล้าจูงมือราชาวดีขยับเข้าใกล้ต้นไม้
“ถ้าคนเราเกิดมาเพื่อชดใช้กรรม ผมก็หวังว่า เวรกรรมระหว่างผมกับพ่อเลี้ยง จะหมดสิ้นลงแล้วในชาตินี้”
“ขอให้วิญญาณของพ่อเลี้ยงไปสู่สุขคตินะครับ สัพเพ สัตตา สัตว์ทั้งหลายที่เป็นเพื่อนทุกเกิดแก่เจ็บตายด้วยกันหมดทั้งสิ้น อะเวราโหนตุ จงเป็นสุข เป็นสุขเถิด อย่าได้มีเวรแก่กันและกันเลย”
คะนึงนิจมองเวหาอย่างทึ่ง แล้วหันไปมองกล้า ราชาวดี กระเต็น ประมาณสอนลูกให้ท่องได้ขนาดนี้เชียวหรือ พวกกล้ายิ้มให้ แล้วทุกคนก็พนมมือ ฟังเวหาท่องบทแผ่เมตตา ลมพัดผ่านเข้ามาต้นไม้ไหวเอน กล้ากับราชาวดีแหงนมองใบไม้ดอกไม้ ร่วงลงมาอย่างสวยงาม รอบๆ ตัวของทุกคน ดอกไม้ดอกหนึ่งร่วงลงมาที่รูปภูมินทร์
“น ชจฺจา วสโล โหติ น ชจฺจา โหติ พฺราหฺมโณ
กมฺมุนา วสโล โหติ กมฺมุนา โหติ พฺราหฺมโณ
บุคคลเป็นคนเลวเพราะชาติสกุลกำเนิดก็หาไม่
เป็นผู้ประเสริฐเพราะชาติสกุลกำเนิดก็หาไม่
แต่บุคคลเป็นคนเลวเพราะ “กรรม” คือ การกระทำ
เป็นผู้ประเสริฐก็เพราะ “กรรม” คือ การกระทำ”

จากนั้นภาพก็ย้อนกลับไปในอดีตสมัยรัชกาลที่5 ที่ทำการกรมกองตระเวณ พุ่มซึ่งก็คือภูมินทร์ ถูกมัดโยง พนักงานลงหวาย เฆี่ยนจนบอบช้ำ ร้องโอดโอย หลังพุ่มลายเลือดไหลอาบ หลวงพินิจซึ่งก็คือกล้า ในชุดตำรวจสมัยรัชกาลที่ 5 ยืนมอง หน้านิ่ง อย่างไม่มีความเห็นใจสงสาร คนโบยเอาถังน้ำเกลือสาด พุ่มที่สลบไปฟื้นขึ้นมา หลวงพินิจเข้าไปจิกหัว
“เอ็งจักสารภาพหรือไม่ ไอ้พุ่ม”
“ข้าไม่ได้เป็นคนทำ เอ็งต่างหากที่ลักเอาของไปแล้วใส่ความข้า”
“สามหาว ทำผิดแล้วไม่รู้สำนึก เอาตัวมันไปเข้าเครื่องทรมานจนกว่าจักยอมเปิดปาก”
คนโบยปลดเชือก หลวงณรงค์เข้ามา มองอย่างไม่สบายใจ
“หลวงพินิจ ท่านจักทำกระไร พระเจ้าอยู่หัวท่านทรงห้ามมิให้ทรมานนักโทษเยี่ยงนี้แล้ว”
“คนชั่วเยี่ยงมัน ใช้ไม้อ่อนมิได้ดอก”
“ไอ้พุ่มเป็นคนซื่อ ข้าไม่เชื่อว่ามันจักเป็นคนทำ”
“มันเป็นคนเก็บรักษาของที่ยึดได้จากพวกโจรทั้งหมด หากมิใช่มันเป็นคนแอบลักเอาไป ของจักหายไปได้กระไร”
“ข้าขอสอบสวนมันเอง”
“งานคุณหลวงล้นมืออยู่แล้ว ให้เป็นหน้าที่กระผมจะดีกว่า รีบเอาตัวไปซิ”
พุ่มถูกหิ้วปีกไป ระหว่างนั้นพุ่มตะโกนออกมาด้วยความอาฆาต
“เอ็งใส่ความข้า ข้าจักจองล้างจองผลาญเอ็งทุกชาติ ไอ้หลวงพินิจ ไอ้คนชั่ว”

หลวงพินิจมองอย่างไม่ยี่หระ หลวงณรงค์อัดอั้น ไม่รู้จะทำยังไง

******อวสาน******

อ่านละคร เสือสั่งฟ้า 2 พยัคฆ์ผยอง ตอนอวสาน วันที่ 23 มี.ค. 56

เสือสั่งฟ้า 2 พยัคฆ์ผยอง บทประพันธ์ : เพชรน้ำหนึ่ง
เสือสั่งฟ้า 2 พยัคฆ์ผยอง บทโทรทัศน์ : ดาวเหนือ
เสือสั่งฟ้า 2 พยัคฆ์ผยอง กำกับการแสดง : อนุวัฒน์ ถนอมรอด
เสือสั่งฟ้า 2 พยัคฆ์ผยอง แนวละคร : โรแมนติก - แอ็คชั่น - แฟนตาซี
เสือสั่งฟ้า 2 พยัคฆ์ผยอง ผลิต : บ. กันตนา
เสือสั่งฟ้า 2 พยัคฆ์ผยอง ออกอากาศทุกวันศุกร์ - เสาร์และอาทิตย์ เวลา 20.25 น. ทางช่อง 7 สี
ที่มา manager