อ่านละคร เสือสั่งฟ้า 2 พยัคฆ์ผยอง ตอนที่ 15/2 วันที่ 13 มี.ค. 56


อ่านละคร เสือสั่งฟ้า 2 พยัคฆ์ผยอง ตอนที่ 15/2 วันที่ 13 มี.ค. 56

“ทำไม รึเอ็งไม่อยากสู้กับปู่ของเอ็ง”
กล้ารีบปรับท่าที
“เปล่าอาจารย์ ความแค้นของอาจารย์ก็เหมือนความแค้นของฉัน”
ขุนโชติจ้องกล้า ตาลุกวาว
“ดี สมแล้วที่เอ็งเป็นศิษย์รักของข้า”
กล้าเครียดไม่คิดว่าจะต้องออกเดินทางเร็วขนาดนี้

วันต่อมา หาญ ยิ่งยศ กระเต็น กระถิน ศรีแพร จุก รวมตัวกันอยู่ที่อิสุโร
“อีกไม่นานพวกขุนโชติต้องมาที่นี่ตามคำท้าแน่ รีบลงมือกันเถอะ”


หาญบอกอย่างมั่นใจ ทั้งหมดพยักหน้ารับจริงจัง
กระเต็นกับจุก ช่วยกันขึงเชือก ระหว่างต้นไม้เสร็จ กระเต็นลองกระตุก กระดิ่งที่แขวนอยู่ส่งเสียงดัง ทั้งสองมองกันพอใจ อีกมุมหาญกับศรีแพรทำเครื่องหมายกากบาทที่ต้นไม้เพื่อเป็นสัญลักษณ์ หาญว่าคาถาสะบัดมนต์ออกไป ต้นไม้เบื้องหน้า ต่างเคลื่อนสลับที่กันไปมา หาญมองอย่างพอใจ ศรีแพรแอบมองหาญด้วยความรัก
อีกมุม ยิ่งยศขุดหลุมเสร็จ ก่อนจะเป่ามนต์ใส่หมัดสะบัดออกไปที่พื้นดินหลุมกลับเป็นเหมือนผืนดินปกติ
เมื่อทุกอย่างพร้อมทุกคนยืนอยู่ที่หน้าโบสถ์ร้าง หาญว่าคาถา ผายมือออก เกิดม่านมนต์เรืองแสงครอบบริเวณรอบๆ ไว้
“กระดิ่งที่ขึงเอาไว้จะส่งสัญญาณเตือนพวกเรา จากนั้นพวกขุนโชติจะหลงอยู่ในค่ายกลที่ข้าสร้างไว้เป็นด่านแรก”
“แล้วถ้าค่ายกลถูกไอ้ขุนโชติทำลายได้ล่ะน้า” จุกถาม ยิ่งยศเสริมทันที
“ก็จะเจอกับหลุมพรางของฉันต่อน่ะสิ ไอ้หลุมเนี่ยจะดูดให้พวกมันติดอยู่ในนั้นจนออกมาไม่ได้ แต่ถ้าไอ้ขุนโชติหลุดออกมาได้ ก็จะเจอกับกำแพงมนต์ที่จะป้องกันอาวุธ แล้วก็กันไม่ให้พวกมันหลุดเข้ามา”
“แต่...ฉันไม่เข้าใจเลย ทำไมเราไม่ทำกับดักโหดๆ หน่อย เอาแบบโดนปั๊บตายปุ๊บ ไอ้ขุนโชติน่ะมันมีวิชากุมภีร์พิฆาต แถมยังมีกล้าเป็นพวกอีกต่างหาก”
“ข้าไม่ต้องการฆ่าใคร”
จุกได้ยินก็โวยใหญ่
“ฮะ อะไรนะ จะบ้าเหรอน้า มันมีตำรวจเป็นพวก มันจะฆ่าเรา แต่เราไม่ฆ่ามัน แบบนี้เราก็ซี้แหงแก๋น่ะสิน้า”
“จุก เอ็งทำตามที่ข้าพูดก็พอ ยิ่งขุนโชติใช้ตำรวจเป็นพวกก็ยิ่งฆ่าใครไม่ได้ เข้าใจไหม” จุกเซ็งแต่ขัดหาญก็ไม่ได้ หาญหันไปพูดกับกระเต็น “เอ็งไม่ต้องกังวลกระเต็น เราต้องจับกล้าให้ได้ และต้องไม่มีใครตายอีก”
“ค่ะ หนูเชื่อคุณพ่อ”
กระเต็นเครียด ทุกคนต่างมองอย่างเห็นใจ

ศรีแพรนั่งเอาดอกไม้ป่าร้อยเป็นมาลัยเสร็จพอดีแต่สภาพไม่ค่อยสวยสักเท่าไหร่
“ศรีแพร” ศรีแพรเห็นหาญเข้ามาก็รีบซ่อนพวงมาลัยข้างหลัง “มีอะไรรึเปล่า ข้าเห็นเอ็งหลบมานั่งอยู่นี่นานแล้ว
รึว่าเป็นกังวลเรื่องขุนโชติ” หาญถามอย่างเป็นห่วง ศรีแพรตอบอย่างอายๆ
“เปล่า เอ่อ...เจ้าห้ามหัวเราะนะ” หาญงงแต่ก็พยักหน้ารับ ศรีแพรยื่นพวงมาลัยให้อย่างขวยเขิน “รับไปสิ”
หาญรับมา มองดู อดอมยิ้มในฝีมือไม่ได้ “ข้าว่าแล้วว่าเจ้าต้องขำ”
“ข้าขอโทษ เอ็งหลบมาก็เพื่อทำสิ่งนี้ให้ข้า”
“คนบ้านป่าอย่างข้าทำอะไรพวกนี้ไม่ค่อยเป็นหรอก แต่ถึงไม่สวยเจ้าก็ห้ามทิ้งนะ ข้า ข้าตั้งใจให้เจ้าเอาไปถวายพระ”
หาญซึ้งใจมาก

“ข้าขอบใจเอ็งมาก”
ศรีแพรทนไม่ไหว โพล่งความรู้สึกออกมา
“หาญ ข้ารู้ว่าการต่อสู้ครั้งนี้เดิมพันด้วยชีวิต แต่ถึงไอ้ขุนโชติมันจะเก่งแค่ไหน ถ้ามันคิดทำร้ายเจ้า ข้าขอสู้ตาย มันต้องข้ามศพข้าไปก่อน ข้าจะไม่ยอมให้เจ้าเป็นอะไรไปแน่”
“ศรีแพร เอ็งอย่าพูดแบบนี้ ข้าไม่ได้มีคุณค่าขนาดนั้น อย่าลืมสิว่าเอ็งต้องรักษาชีวิตไว้เพื่อหมู่บ้านของเอ็ง เอ็งต้องสร้างม่อนช้างเผือกขึ้นมาอีกครั้งให้ได้”
“แล้วเจ้าจะไปอยู่กับข้าไหม เจ้าจะช่วยข้าสร้างหมู่บ้านขึ้นมาอีกครั้งหรือเปล่า” หาญอ้ำอึ้ง ศรีแพรถามตรงๆ
“เจ้าคงรังเกียจคนบ้านป่าอย่างข้ามากสินะ”
“ศรีแพร มันไม่ใช่อย่างที่เอ็งคิดซักนิด”
ศรีแพรโผเข้ากอดหาญแน่น
“ข้ารู้ว่าเจ้าไม่ได้เป็นอย่างที่ข้าเห็น แต่ต่อให้เจ้าอายุสักร้อยปี รึสองร้อยปี ข้าก็จะรักเจ้า เจ้าได้ยินไหม ยังไงข้าก็จะรักเจ้า”
หาญได้ยินก็หวั่นไหวด้วยความสงสาร
“ศรีแพร” ทั้งสองมองตากันซึ้ง หาญขยับตัวโอบศรีแพร เหมือนมีแรงดึงดูดต่อกัน แต่แล้วในขณะที่ทั้งสองจะจูบกันนั้น หาญก็ได้สติ ชะงัก ก่อนจะผละออก “ข้าขอโทษ เอ็งไปพักเถอะนะ ข้าจะเอาพวงมาลัยนี่ไปไหว้พระ แล้วเข้าสมาธิต่อเสียหน่อย”
หาญรีบเดินกลับออกไป ศรีแพรมองตาม รู้สึกเขินๆ เก้อๆ ห่างออกไปที่มุมลับตายิ่งยศยืนอยู่ เห็นเหตุการณ์ทุกอย่าง

หาญเดินเข้ามา ยิ่งยศโผล่มาดักหน้า
“ไงวะ ยังเนื้อหอมเหมือนเดิมนี่หว่า”
“แกพูดอะไรของแก ไอ้ยิ่ง”
“เฮ่ย เอาน่าถึงขนาดนี้แล้ว บอกกันมาตรงๆ ดีกว่า แกคิดยังไงกับเด็กนั่นวะ”
“เด็กนั่น ศรีแพรน่ะเหรอ”
“ก็เออสิวะ ทั้งสวย ทั้งใจเด็ด ฉันว่าน่ารักดีออก แกน่ะได้ผสานร่างกับพญาสมิงเหล็กแล้ว ยังไงก็ได้เป็นหนุ่มแน่นไปตลอด คิดดูดีๆ นะเว้ย จะตัดใจกลับไปบวชจริงๆ เหรอวะ”
“ไอ้ยิ่ง ฉันกลับมาไม่ได้เพราะต้องการเสพสุขทางโลก แต่ที่ทำไปทั้งหมดก็เพื่อจะช่วยกล้า บอกตามตรง ฉันไม่ได้คิดว่าเรื่องจะบานปลายจนต้องเดือดร้อนถึงแกแบบนี้ด้วยซ้ำ”
“เฮ้ย เดือดร้งเดือดร้อนอะไรวะ ไม่รู้รึไงว่าฉันดีใจขนาดไหนที่ได้กลับมาช่วยเพื่อนรักอย่างแก ถึงตายก็ไม่เสียดายเว้ย”
หาญซึ้งใจมาก
“ไอ้ยิ่ง ฉันดีใจที่ได้มีเพื่อนอย่างแก” ยิ่งยศชักเขิน
“เฮ้ยๆ พอเลยๆ ไม่ต้องซึ้งมาก ขนลุกเป็นนะโว้ย” หาญยิ้มขำ
“เอาล่ะ เดี๋ยวฉันจะเข้าสมาธิครั้งสุดท้ายเพื่อปลุกพญาสมิงเหล็ก แกช่วยดูด้วย อย่าให้ใครเข้าไปรบกวนฉันเป็นอันขาด”
“เรื่องแค่นี้สบายมาก”
หาญมองยิ่งยศ เหมือนจะร่ำลา
“ขอบใจมากนะไอ้ยิ่งสำหรับทุกสิ่งทุกอย่าง ฉันอยากให้แกรับปากฉันเรื่องหนึ่ง”
“เออ ว่ามา”
“ถ้าฉันเป็นอะไรไป แกจะดูแลทุกคนให้ปลอดภัย”
“แกพูดอะไรของแกวะ แกมีเหล็กไหลประทับอยู่ในร่าง ถ้าแกไม่อัญเชิญพญาสมิงเหล็กออกไป แกก็ไม่มีวันตาย”
“ฉันแค่พูดเผื่อไว้ รับปากฉันซิ”
“เออ ก็ได้ๆ ฉันรับปาก”
หาญตบไหล่ยิ่งยศเหมือนจะร่ำลา ก่อนเดินออกไป ยิ่งยศมองตามหลังหาญ งงๆ ในท่าที

ที่กรุงเทพ รองอำนวยเดินนำขุนโชติเข้ามาในโถงของบ้านหลังหนึ่ง กล้าสะพายดาบประจุพรายไขว้หลังตามมาห่างๆ สีหน้าเครียด
“ผมเตรียมบ้านหลังนี้เอาไว้ สำหรับท่านขุนโชติโดยเฉพาะ ใหญ่โตโอ่อ่าสมกับบารมีของท่าน หวังว่าจะพอใจนะครับ”
รองอำนวยบอก ขุนโชติยิ้มอย่างพอใจ
“หึหึ ดี เอ็งทำได้ดีมาก”
รองอำนวยผายมือไปทางห้องอาหาร
“เชิญทางนี้ดีกว่า ผมเตรียมอาหารกับเครื่องดื่มไว้เลี้ยงต้อนรับแล้ว”
“ยังไม่ต้อง ให้ข้ากำจัดไอ้หลวงณรงค์ให้สิ้นเสียก่อน เราค่อยฉลองกันให้หนำใจ ศิษย์ข้า เอ็งจงเร่งนำข้าไปยังอิสุโรเถิด”
ขุนโชติเดินนำจะออกไป กล้าคาดไม่ถึง เป็นกังวล หาทางรั้งขุนโชติไว้
“แต่เราเพิ่งมาถึงกรุงเทพ ฉันว่า...”
ขุนโชติหันขวับ จ้องมองกล้าอย่างไม่พอใจ
“เอ็งกล้าขัดใจข้ากระนั้นรึ” กล้าตกใจ ขุนโชติเปลี่ยนสีหน้าเป็นปกติ “รึว่าเอ็งยังเหนื่อยกับการเดินทาง ข้าไปลำพังก็ได้”
“ไม่ใช่อย่างนั้นอาจารย์ ฉันแค่เป็นห่วงว่าถ้าล้าเกินไป การไปสู้กับเสือหาญจะทำให้เราเสียเปรียบ”
“ขอบใจเอ็งยิ่งนักที่เป็นห่วงข้า แต่กุมภีร์พิฆาตของข้าไม่จำเป็นต้องหวั่นเกรงผู้ใด” ขุนโชติสบตากล้าอย่างมีนัย “ต่อให้มันแอบฝึกฝนอีกนับร้อยวิชาก็ไม่มีวันล้มข้าได้”

กล้าหลบตา ขุนโชติหัวเราะอย่างมั่นใจแล้วออกไป กล้ามองตามด้วยความอึดอัด ร้อนใจ รีบตาม
กล้าขับรถพาขุนโชติมาตามถนนที่ตัดขึ้นเขามุ่งสู่อิสุโร
“บนยอดเขานี่รึ คือสำนักอิสุโรที่มันว่าไว้” กล้าพยักหน้ารับ เครียด ขุนโชติหรี่ตามองกล้า พูดเยาะๆ “ไอ้หลวงณรงค์ มันเข้าใจเลือกที่ตายยิ่งนัก”
ทันใดรถเครื่องดับ กล้าจอดเข้าข้างทาง ลงมาดู ขุนโชติจ้องกล้าอย่างไม่ไว้ใจ กล้าหลบตา ทำทีเป็นตรวจดูเครื่องยนต์
“รถเสีย เราคงไปต่อไม่ได้แล้ว”
ขุนโชติยิ่งระวังตัว ก่อนเปลี่ยนสายตาเป็นปกติ
“ระยะทางแค่นี้ ข้าย่นระยะทางไปเองได้”
ขุนโชติเดินนำกล้าขึ้นเขาไป กล้ามองตาม เห็นขุนโชติกำลังเผลอร่ายมนต์ กล้าจึงตัดสินใจชักดาบประจุพรายโจมตีขุนโชติจากด้านหลังแต่ขุนโชติที่ระวังตัวอยู่แล้วหลบได้ กล้าพุ่งกลับเข้าไปซ้ำ ฟาดฟันขุนโชติไม่ยั้ง ขุนโชติเอาแต่ป้องกัน ไม่ปะทะ ถีบกล้ากระเด็นไป
“ไอ้เนรคุณ คิดลอบกัดกระนั้นรึ เอ็งคงเห็นว่าข้าโง่เขลานักจึงใช้แผนตื้นๆ เยี่ยงนี้ลวงข้า”
กล้าอึ้ง คิดไม่ถึงว่าขุนโชติจะรู้แล้ว
“แกรู้แล้ว”
“ไอ้ยอดมันบอกข้าหมดแล้ว” ขุนโชติจ้องกล้าด้วยความเจ็บใจ “หมามันยังรู้คุณข้าวสุก แต่เอ็งกลับทรยศหักหลังคนที่ตัวเองกราบเป็นครู เสียแรงนักที่ข้ารักเอ็งดุจลูกในไส้”
กล้ารู้สึกผิด แต่ไม่มีทางเลือกอื่น
“ถึงแกจะดีกับฉันยังไง แต่บาปที่แกทำกับคนบริสุทธิ์ฉันอภัยให้ไม่ได้”
“โอหัง อย่างเอ็งจักทำกระไรข้าได้”
ขุนโชติเป่าคาถาลงบนมือทั้งสองข้าง มือขุนโชติกลายเป็นกงเล็บจระเข้ขึ้นมา กล้ารีบบริกรรมคาถาเป่าลงบนดาบ อักขระสีเลือดบนดาบเรืองรองขึ้น กล้าตวัดดาบออกไปเกิดเงาดาบสีแดงพุ่งเข้าหา ขุนโชติเคลื่อนตัวหลบอย่างรวดเร็ว เกิดระเบิดสั่นสะเทือน
ขุนโชติมาปรากฏกายตรงหน้ากล้าแล้วจู่โจมด้วยกงเล็บ กล้าถูกข่วนเลือดสาด
“เป็นศิษย์ริอาจคิดล้างครู เอ็งใช้วิชาที่ข้าสอนสู้กับข้าจักได้ความกระไร ไหน ข้าขอชมวิชานาคราช
เป็นบุญตาสักครั้งเถิด”
ว่าแล้วขุนโชติก็สะบัดลูกไฟโจมตีไปหลายลูก กล้าม้วนตัวหลบพ้น ปักดาบคู่ลงที่พื้น ก่อนจะร่ายคาถาวิชานาคราช
“นะมามิ ลิละ สาเข ปัตถะ ละปะ ธัมเม สะคะลับตี สะเยตานาคะ ลาเชนะยะปิสะโตฯ” เกิดลมพัดแรงขึ้น เหล่าอักขระโบราณสีทองแบบเดียวกับในคัมภีร์ใบลานปรากฎขึ้น พุ่งเข้าตัวกล้า “นาคราชเคลื่อนกาย” กล้าเคลื่อนตัวอย่างเร็วเข้าหาขุนโชติ “หมัดนาคราช” กล้ากระหน่ำซัดหมัดเป็นชุด ขุนโชติตั้งรับแทบไม่ทัน โดนซัดจนผงะ “นาคราชสะบัดหาง”
กล้าตามซ้ำด้วยเพลงเตะอีกชุด แล้วจบด้วยหมุนตัวเตะกวาดขาขุนโชติจนตัวลอย ขุนโชติลุกขึ้น ไม่ยี่หระ
“คัมภีร์นาคราชร้ายกาจสมกับเป็นวิชาของทวยเทพ แต่เอ็งยังอ่อนด้อยเกินกว่าจะใช้มัน”
ขุนโชติโจมตีกลับด้วยกงเล็บ กล้าตั้งรับรอสวน หมัดกล้าสวนกลับเข้าที่หน้าอกขุนโชติหลายดอก ปรากฏเป็นเกล็ดจระเข้ขึ้นรับพลังหมัด เกิดแรงสะท้อนจนกล้าผงะ แปลกใจ
ขุนโชติยิ้ม กระแทกกงเล็บอัดกล้า ก่อนจะร่ายกสิณไฟแล้วสะบัดออก ลูกไฟพุ่งใส่แล้วระเบิด กล้าลอยกระเด็น

หาญนั่งหลับตาทำสมาธิอยู่อิสุโร ศรีแพรเดินเข้ามามองด้วยความเป็นห่วง แล้วปัดยุง ปัดแมลงให้หาญ ก่อนจะตัดใจเดินกลับออกไป ทันใดนั้นศรีแพรเห็นงูเห่าเลื้อยเข้าไปใกล้หาญ ศรีแพรตกใจ ตะโกนบอก
“หาญ ระวังงูเห่า”
แต่หาญยังนิ่งเฉย งูเห่าแผ่แม่เบี้ยจะฉกหาญ ศรีแพรใช้คชกุศตวัดงูเห่าลอยกระเด็นไปแล้วรีบเข้าไปดูหาญ
“เจ้าเป็นยังไงบ้าง”
ศรีแพรเขย่าตัวหาญด้วยความเป็นห่วง ทันใดควันสีขาวก็ลอยออกมาจากร่างหาญเต็มไปหมด หาญกลายร่างกลับเป็นหุ่นพยนต์
“อะไรกันเนี่ย”
ศรีแพรรู้ว่าหาญจะไปที่ใด จึงเป็นห่วง รีบออกไป

กล้าพยุงตัวลุกขึ้นในสภาพบาดเจ็บ ปาดเลือดที่มุมปาก
“ข้าจักให้เอ็งได้เห็นกุมภีร์พิฆาตที่แท้จริง”
ขุนโชติร่ายมนต์ เสียงคาถาขอมโบราณดังกังวาน รอยสักยันต์รูปจระเข้เรืองรอง ร่างขุนโชติค่อยๆ กลายเป็น
ดำทะมึน ผิวกายเป็นเกล็ดจระเข้ ขุนโชติตวัดแขนไปมา กล้าเห็นเกล็ดจระเข้นับร้อยพุ่งตรงมาหา กล้าได้แต่ยืนตะลึง หมดสิทธิ์ป้องกัน ทันใดเกิดกำแพงแก้วขวางกั้นปะทะเกล็ดจระเข้จนแตกสลายไป หาญโผล่มาช่วยกล้าไว้
“ปู่หาญ”
“ไอ้หลวงณรงค์ เอ็งมันเจ้าเล่ห์ไม่เคยเปลี่ยน ส่งหลานมาเป็นไส้ศึก ลวงว่าสวามิภักดิ์ข้าเพื่อจะลอบกัด หึ แต่หลานเอ็งมันเบาปัญญา คิดว่าวิชานาคราชผู้ใดก็ฝึกได้”
หาญพยุงกล้าให้หลบ
“วิชานาคราช”
“ที่ผมทนอยู่กับมัน ก็เพื่อหลอกให้อาจารย์ยอดฝึกคัมภีร์นาคราชให้ผม จะได้จัดการกับมันได้ แต่ผมก็ทำไม่สำเร็จ” กล้าบอก
“เอ็งไม่ควรเสี่ยงแบบนี้” หาญบอกแล้วหันมาจ้องขุนโชติ “เอ็งกับข้าก่อวิบากกรรมร่วมกันมา ไม่เกี่ยวข้องกับคนอื่น” หาญสวมสนับเล็บเสือ “เราสมควรจบเรื่องนี้เพียงสองคน”
“พูดได้ดี ข้ากับเอ็งจักอยู่ร่วมแผ่นดินเดียวกันไม่ได้”
ขุนโชติทะยานเข้าต่อสู้กับหาญ ทั้งสองคนปะทะกันอย่างสูสี กงเล็บจระเข้ตวัดโจมตี หาญยกแขนป้องกัน
ผิวหนังของหาญกลายสภาพเป็นเหล็ก เกิดประกายเมื่อปะทะกัน

เสียงเหล็กกระทบกัน ขุนโชติแปลกใจ
“เหล็กไหล เอ็งอยากเอาชนะข้า จนยอมแลกชีวิตตัวเองร่วมร่างกับเหล็กไหลเชียวรึ หึ หลวงณรงค์ ยังคงเป็น
หลวงณรงค์วันยังค่ำ ทำทุกสิ่งเพื่อสนองกิเลสของตัวเอง”
“เอ็งต่างหากที่จิตใจมืดบอดด้วยกิเลส ถูกคนอื่นหลอกใช้ก็ยังไม่สำนึก กลับอ้างเอาความแค้น ก่อกรรมทำชั่ว
คนอย่างเอ็งปล่อยไว้ก็รังแต่จะเป็นอันตรายต่อผู้คน”
“ผมก็จะไม่ยอมปล่อยให้มันไปทำร้ายใครอีก”
กล้ากับหาญ ตั้งท่าจู่โจมเต็มที่ ขุนโชติร่ายคาถาอีกครั้ง ควันสีดำลอยมาห่อหุ้มร่างขุนโชติไว้ หาญระวังตัว ร่ายคาถา
“อิสะวาสุ”
ร่างหาญเรืองแสงสีเป็นทองแดง ลูกสะกดที่อกก็เรืองรองวูบวาบ ทันใดปรากฎส่วนหางขนาดใหญ่ของจระเข้ยักษ์ตวัดออกมาจากกลุ่มควัน โจมตี หาญหลบอย่างคล่องแคล่ว หางจระเข้พุ่งเข้าหากล้าแทน หาญรีบผลักกล้าให้หลบ หางจระเข้ฟาดกับต้นไม้ ไฟลุกท่วม
กล้าเข้าปะทะกับขุนโชติแต่ก็ต้านไม่อยู่ โดนฟาดจนกระเด็น หาญเข้ามาช่วย จับหางจระเข้ไว้ได้ ร่ายมนต์ ร่างหาญเป็นประกายเจิดจ้าออกแรงเหวี่ยง กลุ่มควันดำลอยไปกระแทกโขดหิน กลับกลายร่างเป็นขุนโชติ กระอัก
กล้าปลุกพลังวิชานาคราชขั้นที่2 เป่ามนต์ แขนของกล้ากลายเป็นเกล็ดพญานาคสีทอง
“หมัดนาคราช”
คลื่นหมัดสีทองเป็นวงพุ่งตรงไปที่ขุนโชติ ขุนโชติเคลื่อนตัวหลบ คลื่นมนต์กระแทกโขดหิน ปะทะจนระเบิดแตก
กล้าทะยานเข้ามาซ้ำ ขุนโชติเคลื่อนกายอย่างเร็ว โต้ตอบด้วยหมัด หมัดกับหมัดชนกันพอดี เกิดพลัง ผลักให้ร่างทั้งสองกระเด็นออกจากกัน กล้ากระแทกพื้น ยันกายลุกขึ้นแต่แล้วกลับเจ็บปวดรวดร้าวไปทั้งตัว
“อ๊าก”
เลือดไหลออกจากปาก จมูก ดวงตาของกล้า กล้าทรุดลง ดิ้นทุรนทุรายจนหาญตกใจ
“กล้าๆ”

ที่อิสุโร ยิ่งยศหยิบหุ่นพยนต์ที่อยู่บนพื้นขึ้น กระเต็น จุกมองอยู่ด้วย
“เป็นแผนของไอ้หาญแน่ๆ มันคิดไปสู้กับขุนโชติตามลำพัง โธ่เว้ย ไอ้เพื่อนหัวดื้อ”
“งั้นที่ศรีแพรหายไป คงจะแอบตามไปด้วย”
ทั้งสามคนสบตากัน เป็นห่วง รีบตามออกไป

กล้าดิ้นทุรนทุรายเพราะธาตุไฟแตก หาญรีบเข้าไปประคอง
“กล้าๆ เอ็งเป็นอะไร”
“ร้อน ผมร้อนเหมือนไฟเผา อ๊าก”
ขุนโชติหัวเราะสะใจ
“ฮ่าๆๆ หลานเอ็งมันเขลายิ่งนัก ริฝึกวิชานาคราช หวังมาปราบข้า แต่กลับรับพลังกุมภีร์พิฆาตจากข้าด้วย” หาญตกใจเพราะรู้ดีว่ามีผลร้าย “ไม่รู้เชียวรึ ว่าทั้งสองตำรามันคนละทางกัน ร้อนกับเย็น ต้านกันและกัน ธาตุไฟในตัวก็แตกซ่าน รนหาที่แท้ๆ ฮ่าๆ”
“ข้าจะสะกดธาตุไฟในตัวเอ็งให้ก่อน อดทนไว้”
หาญรีบเป่ามนต์ใส่มือ นิ้วหาญเรืองแสงขึ้น หาญจะเขียนยันต์ที่หน้าผากกล้าทันใดดวงตาของกล้าเปลี่ยนเป็นสีแดงกล่ำ
“ไม่ อย่ามายุ่งกับฉัน”
กล้าสะบัดหาญกระเด็น วิ่งไปดึงดาบประจุพรายที่ปักบนพื้น กวัดแกว่งไปมา
“กล้า ฟังปู่ เอ็งต้องตั้งสติ ต้องควบคุมตัวเองให้ได้”
กล้าชะงัก พยายามต่อสู้กับตัวเองจนแววตากลับเป็นปกติ แต่สีหน้ายังเจ็บปวด
“ปู่หาญ ผม...” หาญเห็นกล้าเป็นปกติ จะเข้าไปช่วย “ผมไม่ไหวแล้ว อ๊าก”
แต่แล้วแววตากล้าก็กลับเป็นแดงกล่ำอีกครั้ง กล้าตวัดดาบแทงสวนหาญ หาญหลบได้อย่างฉิวเฉียด ปลายดาบถากเสื้อขาด แต่ไม่ระคายผิวหาญ
เสียงของแหลมขูดไปกับโลหะ อักขระบนดาบสว่างวาบ กล้าเหมือนต้องมนต์ ฟาดฟันดาบประจุพรายใส่หาญอย่างบ้าคลั่ง หาญได้แต่ตั้งรับด้วยสนับเล็บเสือ สนับเล็บเสือกระทบกับดาบประจุพรายจนเกิดเป็นประกายไฟ
ขุนโชติยืนมองด้วยความสะใจ
“พวกเอ็งจงฆ่ากันให้ตายไปข้าง มันถึงจะสาแก่ใจข้า อะไรก็ไม่เจ็บปวดเท่าสายเลือดเดียวกันต้องมาล้าง
กันเองดอกไอ้หลวงณรงค์”
หาญฉวยโอกาสล็อกกล้าจากด้านหลัง
“กล้า อย่ายอมแพ้ เอ็งต้องมีสติไว้”
แต่กล้ากลับตวัดปลายดาบ หันกลับเข้าหาตัวแล้วแทงหาญที่อยู่ด้านหลัง หาญปล่อยมือที่ล็อกกล้าไว้เบี่ยงหลบ ขุนโชติกระโจนเข้ามาซัดหาญที่ไม่ได้ระวังตัว จนหาญกระเด็น กล้าง้างดาบตามเข้ามาซ้ำ
“หาญระวัง”
ศรีแพรเอาตัวเข้ามาบังหาญไว้ จึงโดนฟันเข้ากลางหลัง
“ศรีแพร” หาญซัดกล้าผงะไป พยุงศรีแพรไว้ “ศรีแพร เอ็งตามข้ามาทำไม”
ศรีแพรบาดเจ็บ กัดฟันทน
“ข้าบอกแล้วว่าจะสู้ตายกับเจ้า ขุนโชติมันฆ่าพ่อของข้า ข้าจะแลกชีวิตกับมันเอง เจ้าพากล้าหนีไปซะเถอะ”
“ไม่มีทาง จะไม่มีใครต้องตายทั้งนั้น เราสูญเสียมามากพอแล้ว”

กล้าพุ่งเข้ามาโจมตี หาญผลักศรีแพรให้หลบแล้วต่อสู้กับกล้า ศรีแพรกัดฟันวิ่งเข้าต่อกรกับขุนโชติ ขุนโชติซัดศรีแพรจนคชกุศร่วง
กล้าฟันดาบคู่ หาญรับด้วยสนับเล็บเสือ ต่างดันกำลังไม่ยอมแพ้กัน ทันใดกลุ่มควันดำก็พุ่งเข้าหาคนทั้งคู่ ขุนโชติพุ่งออกมาจากกลุ่มควัน กระแทกกงเล็บจนหาญกับกล้ากระเด็นไปคนละทาง
หาญรีบลุกขึ้นตั้งหลัก แต่ต้องตกใจเมื่อเห็นขุนโชติจับศรีแพรและกล้าเอาไว้แล้ว ทั้งสองคนถูกพันธนาการด้วยควันสีดำ
“ปล่อยทั้งสองคนนั่นซะ นี่เป็นเรื่องระหว่างเอ็งกับข้า”
“เอาสิ ปล่อยก็ปล่อย เอ็งเลือก ว่าจะเอาชีวิตผู้ใดไว้” หาญชะงัก “ข้าอยากดูเหลือเกิน ว่าเอ็งจักเลือกหญิงอันเป็นที่รักหรือสายเลือดของตัวเอง ฮ่าๆๆ”
หาญลังเล ตัดสินใจไม่ได้และไม่กล้าลงมือเพราะห่วงคนทั้งคู่ ศรีแพรพยายามดิ้นให้หลุดพันธนาการ ขณะที่กล้าตาแดงกล่ำ ไร้สติ อยู่ในอาการคุ้มคลั่ง
“ไม่ต้องห่วงข้า เจ้าชะล่าใจเกินไปแล้ว ไอ้โจรโง่”
ศรีแพรกระทืบเท้าจึงเห็นปลายมีดที่ซ่อนอยู่ปรากฎจากใต้รองเท้า ศรีแพรตวัดขาเตะไปที่ใบหน้าขุนโชติ ปลายมีดบาดไปบนใบหน้าขุนโชติแต่แล้วมีดกลับหัก ขุนโชติไม่ระคายผิว
“นังงูพิษ ข้าจักมอบความเจ็บปวดให้เอ็งเอง”
ขุนโชติกรีดกรงเล็บจากหลังใบหู ผ่านต้นคอ ลงไปที่หน้าอกของศรีแพร ช้าๆ บาดลึก เลือดไหลซึม
“โอ๊ย”
ศรีแพรกรีดร้องอย่างเจ็บปวด หาญทนไม่ไหว
“ศรีแพร ศรีแพร” หาญร่ายคาถา “อิสะวะสุ”
ร่างของหาญเปล่งแสงเจิดจ้า หมัดธนูมือพุ่งเข้าไปหาขุนโชติ รัวหมัดออกไปชุดใหญ่ ขุนโชติเซถลา
หาญกระแทกหมัดสุดท้าย เงาหมัดสีเหล็กมันวาวพุ่งเข้ากระแทกขุนโชติจนกระเด็น ศรีแพรกับกล้าหลุดจากพันธนาการ กล้าทรุดลง มึนหัว ใช้ดาบประคองตัวไว้ หาญรีบประคองศรีแพรขึ้นมากอด
“ศรีแพร ศรีแพร”
“เจ้า รัก ข้า บ้าง มั้ย”
“ไม่นะ ศรีแพร เอ็งต้องไม่เป็นไร”
“บอกข้าที ข้าอยากฟังก่อนที่ข้าจะตาย”
หาญพยักหน้า น้ำตาคลอ
“ข้ารักเจ้า” ศรีแพรยิ้ม ก่อนจะแน่นิ่งไป “ศรีแพร”
ขุนโชติกระอักเลือด โกรธ หาญวางร่างศรีแพรลง จ้องขุนโชติเขม็ง พร้อมสู้ ขุนโชติวาดมือเป็นวงกลมเกิดควันดำลอยวนแล้วกระแทกกงเล็บออกไป
“กุมภีร์พิฆาต”
กลุ่นควันกลายเป็นใบหน้าจระเข้ อ้าปาก พุ่งเข้างับหาญ หาญโต้กลับ
“อิสะวะสุ หมัดธนูมือ”
หาญซัดพลังออกไป เงาหมัดสีเหล็กมันวาวพุ่งออกไป พลังทั้งสองปะทะกัน สนั่นหวั่นไหว ทั้งสองคนต่างกระโจนเข้าหาซัดกันนัว
แววตาของกล้าเปลี่ยนจากแดงกล่ำกลับเป็นปกติ กล้าสะบัดหัวไปมาไล่ความมึนงงแล้วกล้าก็เห็นหาญสู้กับขุนโชติอยู่ หาญกระชากลูกสะกดหัวใจสิงห์ เป่ามนต์แล้วสะบัด เกิดเป็นแส้สายฟ้าฟาดโจมตีขุนโชติ ขุนโชติใช้กงเล็บตั้งรับ แส้รัดกงเล็บเอาไว้แน่น ออกแรงยื้อกัน หาญได้ทีกระโดดเข่าลอยกระแทกเข้าหน้าอกขุนโชติ ขุนโชติเซถอยหลังมาทางกล้า กล้าได้สติ คว้าดาบประจุพรายหนึ่งเล่มพุ่งเข้าหาขุนโชติ
“ย๊ากก”
ขุนโชติได้ยินเสียง พลิกตัวกลับไปมองจึงเห็นกล้าพุ่งเข้ามาประชิดจ้วงแทงดาบสุดแรง ปลายดาบกระทบผิวขุนโชติแต่ไม่เข้า ดาบหักสะบั้น กล้าตกใจ
“ดาบประจุพราย มันไม่กินเลือดเจ้าของมันเองดอก ไอ้กล้า”

อ่านละคร เสือสั่งฟ้า 2 พยัคฆ์ผยอง ตอนที่ 15/2 วันที่ 13 มี.ค. 56

เสือสั่งฟ้า 2 พยัคฆ์ผยอง บทประพันธ์ : เพชรน้ำหนึ่ง
เสือสั่งฟ้า 2 พยัคฆ์ผยอง บทโทรทัศน์ : ดาวเหนือ
เสือสั่งฟ้า 2 พยัคฆ์ผยอง กำกับการแสดง : อนุวัฒน์ ถนอมรอด
เสือสั่งฟ้า 2 พยัคฆ์ผยอง แนวละคร : โรแมนติก - แอ็คชั่น - แฟนตาซี
เสือสั่งฟ้า 2 พยัคฆ์ผยอง ผลิต : บ. กันตนา
เสือสั่งฟ้า 2 พยัคฆ์ผยอง ออกอากาศทุกวันศุกร์ - เสาร์และอาทิตย์ เวลา 20.25 น. ทางช่อง 7 สี
ที่มา manager