อ่านละคร เสือสั่งฟ้า 2 พยัคฆ์ผยอง ตอนที่ 13 วันที่ 9 มี.ค. 56


อ่านละคร เสือสั่งฟ้า 2 พยัคฆ์ผยอง ตอนที่ 13 วันที่ 9 มี.ค. 56

“ก็ดี ถ้านิจตาย พี่ก็จะได้ฆ่าไอ้กล้าซะ” คะนึงนิจได้ยินก็อึ้ง
“พี่กล้า นี่พี่กล้าอยู่ที่นี่งั้นเหรอ”
“จะอยากรู้ไปทำไม ในเมื่อนิจอยากจะตาย พี่คงไม่จำเป็นต้องพูดอะไรอีกแล้ว”
ภูมินทร์ทำเป็นจะเดินออก คะนึงนิจรู้ว่าพี่ตนหมายถึงอะไร
“เดี๋ยวก่อน พี่ภู” ภูมินทร์หันกลับมา “ถ้านิจยอมกินข้าว พี่ภูต้องสัญญาว่าจะพานิจไปหาพี่กล้า”
คะนึงนิจมองภูมินทร์ด้วยสีหน้าจริงจัง

คะนึงนิจยอมกิจข้าว เธอนั่งกินข้าวกินน้ำอย่างหิวกระหาย ภูมินทร์อยู่มุมหนึ่งจ้องมองน้องสาว เจ็บปวดที่น้องสาวยอมมีชีวิตอยู่ต่อเพราะคนที่ตนเกลียด
คะนึงนิจเดินอย่างรีบร้อนมาหยุดที่หน้าโรงเก็บไม้ เสียงเชียร์โห่ฮาของสมุนดังออกมา



“ดื่มเลยๆ”
คะนึงนิจเป็นห่วงกล้ามาก ผลักประตูเข้าไปทันที คะนึงนิจพรวดเข้ามา พร้อมตะโกน
“หยุดนะ”
สมุนจับกล้าล็อคแขนไขว้หลัง ส่วนเสือไทกำลังจะเทเหล้าจากไหให้กล้ากิน แต่กล้าเบือนหน้า ขุนโชติเมาแล้ว มองกรึ่มๆ
“กรอกเลย กรอกปากเลย”
สมุนกำลังเชียร์กันสนุก ทั้งหมดชะงัก
“หยุดนะ”
กล้าอึ้ง พึมพำ
“นิจ”
ขุนโชติมองคะนึงนิจ ถามกล้า
“เอ็งรู้จักนังนี่กระนั้นรึ”
คะนึงนิจเดินเข้ามา ดุ
“ฉันคือน้องสาวพ่อเลี้ยง ปล่อยพี่กล้าเดี๋ยวนี้นะ”
กล้ารีบคิดกลัวแผนแตก แล้วสะบัดแขนจากสมุน ก่อนจะคว้าไหเหล้าจากเสือไทมายกซดอึกๆ เสือไทกับขุนโชติ สมุน มองงงๆ คะนึงนิจอึ้ง กล้าทำเมา มองหน้าคะนึงนิจ ยิ้มตาเยิ้ม
“ไงนิจ หายไปไหนมา เอ้า มา มาดื่มฉลองกันดีกว่า”
คะนึงนิจยิ่งงง
“ฉลอง ฉลองอะไร นี่พี่กล้าไม่ได้ถูกจับหรอกเหรอ”
กล้าไม่สนใจซดเหล้าใหญ่ สมุนส่งเสียโห่ฮาชอบใจ คะนึงนิจมองเครียด งงไปหมด ภูมินทร์ก้าวเข้ามาข้างคะนึงนิจ
“ก็พี่บอกให้รอ นิจก็ไม่เชื่อ พวกเรากำลังฉลองที่ปล้นสำเร็จกันอยู่”
“ปล้นสำเร็จ” คะนึงนิจอึ้ง กล้าทำเมาเดินเข้ามา ล้วงสร้อยทองจากกระเป๋ากางเกงให้
“อ่ะ พี่ให้ นิจเป็นน้องพ่อเลี้ยง ก็เท่ากับเป็นแก๊งค์เดียวกับพี่”
คะนึงนิจไม่รับ อึ้ง
“พี่กล้า”
กล้าจับสร้อยทองยัดใส่มือคะนึงนิจ
“เอาเหอะน่า ไม่รักพี่ไม่ให้น้า”
คะนึงนิจโมโหมากผลักกล้าเซล้มไป กล้านอนกลิ้งเมาไม่เป็นท่า ภูมินทร์เห็นก็แอบยิ้มสะใจ คะนึงนิจหันมาถามพี่ชายอย่างเอาเรื่อง
“ไม่ใช่พี่กล้าแน่ นี่พี่ภูใช้มนต์สะกดพี่กล้าไว้ใช่ไหม”
ภูมินทร์ยักไหล่ คะนึงนิจโมโหรีบถอดสร้อยพระของตัวเองไปคล้องกล้า กล้าดันตัวเอง ลุกขึ้น ทำมองงงๆ “ไรอ่ะนิจ พี่ไม่ใช่ผีนะ”
คะนึงนิจพยายามเขย่า เรียกสติกล้า
“พี่กล้า พี่กล้าถูกมนต์สะกดไว้ใช่ไหม พี่กล้า พี่กล้า”
กล้าทำโมโห จับตัวคะนึงนิจไว้
“หยุดซะที ฉันรำคาญ” คะนึงนิจอึ้ง “มนต์เมินอะไรไม่มีทั้งนั้น ฉันนี่แหละไอ้กล้า ไอ้เสือกล้า คนเราถ้าทำดีแล้วมันเหนื่อยนัก ก็เลวๆ ไปเลยสิวะ”
กล้าผลักแล้วลุกขึ้นจ้องมองคะนึงนิจด้วยแววตาดุดัน ก่อนจะหิ้วไหเหล้าเดินเมาออกไปจากโรงไม้ ขุนโชติมองกล้านิ่ง คะนึงนิจยืนขึ้น มองตามหลัง น้ำตาร่วง ภูมินทร์สะใจกับสิ่งที่เห็น
“ในที่สุดทุกคนก็ต้องพ่ายแพ้ต่ออำนาจของเงิน ตอนนี้ไอ้กล้ามันกลายเป็นโจรเต็มตัว มันเลวไม่ต่างจากพี่ เห็นแบบนี้แล้ว จะเลิกวิ่งตามมันได้รึยัง”
คะนึงนิจยืนอึ้ง ทรุดลงนั่ง น้ำตาริน

กระเต็นนอนหลับอยู่ ยิ่งยศบริกรรมคาถาเป่าลงที่กระหม่อม
“ข้าจะร่ายมนต์นิทราไว้ กว่าจะฟื้น พวกข้าก็กลับมาพอดี”
“จิตใจกระเต็นบอบช้ำมาก ข้าฝากพวกเอ็งดูแลด้วย”
“ได้ค่ะ วดีจะดูแลคุณน้าเอง”
หาญเอาตะกรุดสามกษัตริย์ออกจากกระเป๋าเสื้อแล้ววางลงบนมือราชาวดี
“ตะกรุดนี่จะคุ้มครองเอ็ง อย่าถอดออกจากตัวเป็นอันขาด” ราชาวดีไหว้หาญแล้วห้อยตะกรุดที่คอ หาญกำชับพวกจุก “จุก ไปปางไม้ครั้งนี้ไม่รู้จะเกิดอะไรขึ้นบ้าง เอ็งจงใช้วิชาที่มีอยู่คุ้มครองทุกคนให้ดีที่สุด”
“จ้ะ น้าหาญ ฉันจะไม่ทำให้น้าผิดหวัง”
“ปู่หาญไม่ต้องกลัวนะจ๊ะ ถ้าไอ้พวกผู้ร้ายเข้ามา กระถินจะเอาพายฟาดให้กระเจิงเลย”
“วะ ตัวนิดเดียว แต่ใจไม่แพ้ผู้ชายอกสามศอก”

“ไปกันเถอะ ไอ้ยิ่ง”
ยิ่งยศวางใบไม้ ร่ายมนต์พรางทางเข้าบ้าน เป่าไปที่มือแล้วสะบัดออกต้นไม้ขยับเคลื่อนเข้าหากัน ปิดทางเข้าออก ขณะที่ฝั่งพวกจุก ทุกคนก็มองตามอย่างเป็นห่วง

จุกมีสีหน้าเป็นกังวล ถอนใจ เปี๊ยก กระถิน ราชาวดีตามเข้ามา
“เป็นไรไปน้า”
“น้าก็กลุ้มน่ะสิ พี่เต็นน่ะถึงน่าห่วงแต่ก็ไม่เท่ากับน้าหาญหรอก”
“อ้าว ทำไมล่ะน้า ปู่หาญกับปู่ยิ่งน่ะเก่งจะตายไป หนูว่าแค่นี้สบายมาก”
“ใช่น้า งานนี้ฉันเห็นด้วยกับกระถิน”
“ถ้าเมื่อก่อนน่ะใช่ แต่อย่าลืมสิว่าน้าหาญถ่ายทอดอาคมให้ผู้การฯยิ่งยศไปหมดแล้ว เครื่องรางของขลังอะไรก็ดันใช้ไม่ได้อีก มันก็เท่ากับว่าเหลือแค่วิชาป้องกันตัวล้วนๆ นา”
ทุกคนได้ยินที่จุกพูดก็เครียด ราชาวดีปลอบขวัญทุกคน
“แต่วดีเชื่อว่าทุกคนต้องกลับได้อย่างปลอดภัย คนดีพระย่อมคุ้มครอง”
ทุกคนพยักหน้าให้กัน เหมือนพยายามจะเรียกขวัญกำลังใจ ราชาวดีเองแม้จะพูดเช่นนั้น แต่ในใจก็นึกหวั่นไม่ใช่น้อย

คะนึงนิจนั่งอึ้ง เครียดอยู่ในห้อง เสียงภูมินทร์ก้องดัง
“ฮะๆ ฉันบอกแล้วว่าในที่สุดมันก็จะเป็นเหมือนฉัน อุดมการณ์มันไม่มีจริง เงินต่างหากที่บันดาลได้ทุกอย่าง ฮ่าๆๆๆ”
คะนึงนิจน้ำตาร่วง เสียใจมาก
“พี่กล้า เสียทีที่นิจเชื่อใจพี่มาตลอด ที่แท้พี่ก็ไม่ต่างจากพี่ภูเลยแม้แต่น้อย” คะนึงนิจปาดน้ำตา คิดแผน แล้วเดินไปที่ประตู “มีใครอยู่ข้างนอกบ้าง”
สมุนไขแม่กุญแจหน้าห้องแล้วเปิดประตูเข้ามา
“ครับ คุณนิจ”
คะนึงนิจชี้ไปที่จานข้าวที่วางอยู่ในห้อง
“เอาอะไรมาให้ฉันกินเนี่ย ไม่ได้เรื่องเลย เอาไปให้แม่ครัวเปลี่ยนใหม่ซิ ขอหลายๆ อย่างด้วย เดี๋ยวฉันจะไปรอที่เรือนหลังใหญ่” สมุนอึกอัก คะนึงนิจทำวีนใส่ “อะไร นี่ฉันไม่ใช่นักโทษนะ จะไปนั่งกินข้าวสบายๆ ไม่ได้รึไง ฉันก็เป็นเจ้าของที่นี่เหมือนกัน ไป เร็วสิ รึจะให้ฉันฟ้องพี่ภู”
สมุนรีบกุลีกุจอหยิบจานข้าวออกจากบ้านรับรองไป
พอสมุนไปแล้ว คะนึงนิจโผล่ออกมา มองไปรอบๆ ไม่เห็นใคร รีบหลบออกไปทันที คะนึงนิจวิ่งหนีกระเซอะกระเซิงเข้ามาในป่า แต่เพราะว่ามืดมาก คะนึงนิจสะดุดกิ่งไม้ล้มกลิ้ง พยายามรีบลุกขึ้น
“โอ๊ย”
คะนึงนิจขาแพลง ล้มลงไปอีก ขณะนั้นมีเสียงฝีเท้าคนเดินเข้ามาคะนึงนิจพยายามจะรีบคลานหลบ แต่ต้องชะงักเพราะคชกุศจ่ออยู่ที่คอ
“เจ้าเป็นใคร”
คะนึงนิจเครียดจัด มองไปเห็นใส่ชุดคนงาน โพกผ้า
“ถ้าจะฆ่าฉันก็เอาเลย ฉันยอมตาย”
สำริดดึงผ้าโพกหน้าออก แปลกใจ
“ข้าเป็นแค่คนงานในปาง จะฆ่าแกงเจ้าทำไม เจ้าเป็นใคร มาทำอะไรในป่าแบบนี้ มันอันตรายรู้ไหม”
คะนึงนิจมองสำริด งงๆ ไม่เคยเห็นหน้า

สำริดพาคะนึงนิจมายังที่พักซึ่งเป็นเพิงอยู่ในป่า แสงตะเกียงในเพิงส่องสว่าง สำริดช่วยเอาผ้าพันขาที่แพลงให้คะนึงนิจเสร็จพอดี
“หนู หนูขอบคุณมากนะคะ”
สำริดมองเห็นรอยโซ่ล่ามที่ข้อเท้าคะนึงนิจจนแดง
“พวกโจรมันจับเจ้ามาขังไว้ใช่ไหม เจ้าหนีพวกมันมา”
คะนึงนิจพยักหน้า น้ำตาคลอ
“ใช่ พวกโจรมันขังหนูไว้ โจรที่ขึ้นชื่อว่าเป็นพี่ชายหนู ทุกคน ทุกคนเป็นโจรกันไปหมด แม้แต่คนที่หนูรัก หนูเชื่อใจก็เป็นโจร” คะนึงนิจน้ำตาร่วง
“เดี๋ยวๆ นี่เจ้ากำลังพูดถึงใคร คนที่คุมที่นี่อยู่ก็มีแต่พ่อเลี้ยงเท่านั้น นี่เจ้าเป็นน้องสาวพ่อเลี้ยงภูมินทร์งั้นเหรอ”
คะนึงนิจพยักหน้ารับ
“หนูอยากตาย หนูไม่อยากรับรู้อะไรอีกแล้ว หนูอยากตาย ฮือๆ”
สำริดพยายามปลอบใจ
“ไม่ได้นะ เจ้าอย่าคิดฆ่าตัวตายเป็นอันขาด กว่าเราจะเกิดมาได้มันยากมาก ในเมื่อยังหายใจอยู่ชีวิตย่อมไม่สิ้นหวัง เชื่อข้าเถอะนะ เผ่าของข้าเชื่อกันว่าคนที่ฆ่าตัวตาย จะต้องกลายเป็นผีเร่ร่อนเฝ้าป่า รู้ไหม”
คะนึงนิจปาดน้ำตา
“ไม่สิ้นหวังเหรอลุง”
สำริดพยักหน้ารับ

“อื้อ ไม่สิ้นหวัง เท่าที่เรายังมีลมหายใจ ลองหายใจเข้าร่าเริง หายใจออกโล่งเบา ดีขึ้นมั้ย”
คะนึงนิจทำตาม
“ดีขึ้นจริงๆ ขอบคุณมากนะคะ ลุงมาใหม่ใช่ไหม มาจากไหน แล้วทำไมถึงมาเป็นคนงานอยู่ที่นี่ล่ะ”

สำริดเศร้าใจ คิดถึงเผ่าของตน
“ข้าเป็นชาวม่อนช้างเผือก”
คะนึงนิจตื่นเต้น
“ม่อนช้างเผือก เป็นไปได้ยังไง ก็หนูรู้มาว่า ทุกคนที่นั่นตายหมดแล้วนี่” สำริดเศร้าใจมาก
“ถูกแล้วล่ะ เพราะข้ามันไม่ดีเอง ดูแลชีวิตของลูกบ้านไม่ได้ ที่ข้ายังอยู่ที่นี่ ยอมเป็นคนงาน ยอมทำทุกอย่าง ก็เพื่อสิ่งเดียว คือการได้พบกับลูกสาวของข้าอีกครั้ง”
“ลูกสาว” คะนึงนิจนึกถึงตอนที่พบกับศรีแพร แล้วศรีแพรขอให้ตามพ่อให้ตน “ รึว่า ลูกสาวของลุงชื่อศรีแพรใช่ไหมคะ”
สำริดได้ยินชื่อศรีแพรก็ตื่นเต้นมาก
“ใช่ ลูกสาวข้า ลูกสาวข้าเอง” สำริดเข้าไปเขย่าตัวคะนึงนิจ “เจ้าเจอศรีแพรงั้นรึ ที่ไหน ตอนนี้ศรีแพรอยู่ที่ไหน”
คะนึงนิจอึ้งที่มาพบพ่อศรีแพรโดยบังเอิญเช่นนี้

ภูมินทร์ถีบสมุนกระเด็นไปหลังจากรู้ว่าคะนึงนิจหนีไป
“ไอ้งี่เง่าเอ๊ย ผู้หญิงคนเดียวก็ดูไม่ได้”
ภูมินทร์ชักปืนเล็งจะยิง สมุนยกมือไหว้ขอชีวิต
“นายครับ อย่าฆ่าผมเลย ผมผิดไปแล้ว”
ภูมินทร์ไม่สนจะยิง
“อะไรกันคะพี่ภู”
ภูมินทร์มองไป เห็นคะนึงนิจเดินกะเผลกเข้ามา โดยมีสำริดช่วยประคอง ภูมินทร์ลดปืนลงรีบเข้าไปหา
“ยัยนิจ เกิดอะไรขึ้น ทำไมถึง...”
“นิจแค่ออกไปเดินเล่นน่ะค่ะ อยากจะสูดอากาศบ้าง แต่ดันสะดุดกิ่งไม้ขาแพลง ดีที่คนงานเราช่วยเอาไว้”
ภูมินทร์ได้ยินก็เป็นห่วงน้องสาว
“เจ็บไหม ไม่ได้ เดี๋ยวพี่โทรเรียกหมอมาดูเราด้วยดีกว่า”
“ไม่ต้องค่ะพี่ภู นิจว่าพักซักหน่อยก็คงดีขึ้น”
“เราก็จริงๆ เลย จะไปไหนทำไมไม่บอกฮึ พี่คิดว่าเราจะ...” คะนึงนิจพูดแทรก
“หนีงั้นเหรอคะ ไม่หรอกค่ะ นิจอยากกลับไปนอนที่ห้องของนิจเต็มทีแล้ว นะคะพี่ภู”
“นี่ หมายความว่านิจเข้าใจพี่ ไม่โกรธพี่แล้ว” คะนึงนิจยิ้มรับ
“เรามีกันแค่สองคนนะคะพี่ภู ตอนนี้นิจก็เห็นแล้วว่ายังไงคนอื่นก็เป็นคนอื่นวันยังค่ำ”
ภูมินทร์ดีใจมากกอดคะนึงนิจ
“พี่ดีใจที่สุดเลย รู้ไหมนิจ”
คะนึงนิจกอดกลับ แต่ขณะที่ภูมินทร์วางใจนั้นเอง คะนึงนิจกลับแอบมองไปที่สำริด สำริดพยักหน้ารับนิดๆ เชิงรู้กัน

วันต่อมาขณะที่กล้ายิงซ้อมปืน กระสุนถูกเป้าที่ตั้งเอาไว้ บางลูกถูกยิงเฉียดไป กล้าลดปืนลงหน้าเครียด ในใจอัดอั้นกับสิ่งที่ต้องเก็บกดเอาไว้ กล้าหยิบเอาบัตรตำรวจของสุพจน์ขึ้นมาดูแล้วนึกถึงเหตุการณ์ที่หนองน้ำ สุพจน์นอนตาย กล้าน้ำตาไหล กราบลงที่พื้นขอขมา แล้วเห็นกระเป๋าสตางค์สุพจน์ตกบัตรประจำตัวตำรวจแลบออกมา กล้าดึงบัตรออกเห็นรูปสุพจน์ในเครื่องแบบสะเทือนใจ ก่อนจะตัดสินใจหยิบดาบ เอาบัตรใส่กระเป๋าเสื้อเงื้อดาบเพื่อฟันลงที่คอสุพจน์ ฉับ
กล้าระเบิดอารมณ์ด้วยการยิงเป้าที่ตั้งอยู่รัว เป้าทั้งหมดถูกยิงกระจุย ไล่ๆ กันไปเรื่อย จนถึงเป้าสุดท้าย
คะนึงนิจก้าวเข้ามาแอบมองกล้าอยู่ กล้ารู้สึกได้ เลิกยิงเป้าแล้วเปลี่ยนเป็นเล็งปืนไปที่ต้นไม้ต้นหนึ่งที่ตั้งอยู่ใกล้กับเป้าที่กล้าซ้อมยิง
“ออกมา ไม่งั้นฉันยิงแกแน่” กล้าเล็งปืนพลางมองไป เห็นคะนึงนิจเดินออกมา มองกล้าด้วยสายตาที่เต็มไปด้วยความผิดหวัง กล้าอึ้งลดปืนลง “นิจ”
“ใช่ค่ะ นิจเอง” คะนึงนิจเดินเข้าหากล้าพลางพูดแดกดัน “จะยิงนิจก็ได้นะ นิจยินดีเป็นเป้าซ้อมให้”
กล้าทำเข้ม ยิ้มเหี้ยม ยกปืนขึ้นเล็ง
“อย่าท้าพี่จะดีกว่านิจ อย่าลืมสิ ว่าพี่เป็นใคร”
“นิจรู้ ตอนนี้พี่คงมีความสุขกับการได้เป็นเสือกล้ามาก แต่ถ้ายังมีความเป็นคนอยู่บ้างล่ะก็ เห็นแก่มโนธรรม ช่วยอะไรนิจสักซักครั้ง”
“มโนธรรม? มันไม่จำเป็นกับโจรอย่างพี่แล้วมั๊งนิจ”
คะนึงนิจตัดสินใจบอกกล้า
“พ่อของศรีแพรอยู่ที่นี่ เค้ายอมทนเป็นคนงานช่วยเลี้ยงช้างให้กับพี่ภู ยอมทำงานหนักทุกอย่าง เพียงเพราะว่าต้องการเจอศรีแพร” กล้าอึ้งไปเพราะเพิ่งรู้ “พี่พอรู้ใช่ไหมว่าศรีแพรอยู่ที่ไหน พี่ภูทำให้พวกเค้าต้องบ้านแตก นิจอยากหาทางให้สองคนนี้ได้พบกันซักที”
กล้าเก็บปืนที่เอว ทำเข้มใส่
“โทษนะ แต่มันไม่ใช่หน้าที่โจรอย่างพี่ แล้วถ้าไม่อยากเดือดร้อนล่ะก็ อย่าเที่ยวไปพูดเรื่องนี้กับใครอีก จำไว้”
กล้ามองคะนึงนิจเข้ม แววตาไร้ความปราณี คะนึงนิจอึ้งกับสิ่งที่ได้ยิน
“ทำไม ทำไมพี่กล้าถึงได้กลายเป็นคนแบบนี้ พี่กล้าที่นิจรู้จักหายไปไหน”
“มันก็ตายไปแล้วน่ะสิ จะเอาอะไรกับพี่นักหนา พี่พอแล้วนิจ ถ้าทำดีแล้วมันเจ็บตัว ก็ทำชั่วมันไปเลย นิจก็เห็นนี่แค่พี่ยอมเป็นลูกน้องขุนโชติ ทั้งตำรวจ ทั้งพี่ชายนิจก็แตะพี่ไม่ได้แล้ว”

คะนึงนิจได้ยินก็ผิดหวังมาก
“แต่เราจะยอมแพ้ต่อความชั่วไม่ได้นะพี่กล้า”
กล้าไม่สนใจ เดินสวนคะนึงนิจออกไป คะนึงนิจหยิบปืนที่เอวของกล้าออกมา กล้ารู้ตัวหันขวับเห็นคะนึงนิจเล็งปืนที่กล้า
“อย่าดีกว่านิจ”
“พาพวกนิจออกไปจากที่นี่ เดี๋ยวนี้”
“นิจ วางปืนลง”
“ไม่”
“นิจ”
กล้าตะคอก ทันใดก็เกิดคลื่นพลังปะทะตัวคะนึงนิจจนเซล้มไป ปืนกระเด็นร่วง กล้าตกใจ
“นิจ”
กล้าเป็นห่วงจะรีบเข้าไปดู แต่ต้องชะงัก เครียด ขุนโชติเข้ามา มองคะนึงนิจเหี้ยม ไม่พอใจมาก

คะนึงนิจถูกขุนโชติเหวี่ยงลงไปกับพื้นภูมินทร์รีบเข้าไปประคองน้องสาว
“นิจ ไม่เป็นไรนะ” คะนึงนิจส่ายหน้า ภูมินทร์หันไปต่อว่าขุนโชติ “นี่มันอะไรกัน ทำไมต้องทำน้องผมด้วย”
“นังนี่คิดทำร้ายลูกศิษย์ข้า ก็เท่ากับคิดคดทรยศข้าเช่นกัน”
ภูมินทร์มอง ด่ากล้า
“นี่แกคิดหาเรื่องฉันใช่ไหม น้องฉันจะไปทำอะไรแกได้ ฮะ”
กล้าไม่ตอบได้แต่ยืนเงียบ คิดหาทางช่วยคะนึงนิจ
“ข้าเห็นกับตา เอ็งคิดว่าข้าโป้ปดกระนั้นรึ”
“นิจ” คะนึงนิจนิ่ง ก็เก็ตว่าน้องสาวทำจริงแน่ “ถือว่าผมขอ น้องผมยังเด็ก อาจทำอะไรไม่คิด”
“ไม่พี่ภู นิจโตแล้ว นิจรู้ว่าผิดชอบชั่วดีมันคืออะไร ถ้าพวกมันอยากจะฆ่านิจ ก็เชิญเลย นิจไม่กลัว”
“นิจ”
คะนึงนิจจ้องมองขุนโชติ เสือไท ตั้งใจด่ากระทบ
“คนเราเกิดมาก็ต้องตายทุกคน ขอให้ตอนมีลมหายใจอยู่อย่างมีศักดิ์ศรี ไอ้พวกที่โลภมาก หวังแต่ลาภ ยศ สมบัติเงินทอง ตายไปก็ถูกคนสาปแช่ง ต้องตกนรกหมกไหม้”
เสือไทโมโห ปรี่เข้าไปกระชากแขนคะนึงนิจ
“นังนี่”
เสือไทจะตบ กล้าเครียด ขยับจะไปขวาง แต่ภูมินทร์เร็วกว่า เข้าไปผลักเสือไท
“อย่ามาแตะต้องน้องฉัน”
เสือไทอัดภูมินทร์สวนอย่างแรงกระเด็นหงายไป คะนึงนิจเป็นห่วงพี่
“พี่ภู”
คะนึงนิจจะไปหาภูมินทร์ แต่เสือไทดึงแขนเอาไว้ อาจารย์ยอดมองประเมินเหตุการณ์เงียบ ไม่ช่วยภูมินทร์ ขุนโชติบอกภูมินทร์
“ฐานที่เอ็งมีคุณกับข้าไม่น้อย ครั้งนี้ข้าจะละโทษตายนังนี่ไว้” กล้ากับภูมินทร์โล่งอก “ไอ้ไท ข้ายกนังนี่ให้เอ็งไปทำเมีย”
กล้า ภูมินทร์ คะนึงนิจอึ้ง ส่วนเสือไทยิ้มกริ่ม
“ข้าจักกำหราบมันให้อยู่หมัดเอง”
“ไม่ได้ ฉันไม่ยอม”
“ตามใจเอ็ง เช่นนั้น ไอ้ไท เอ็งจงฆ่านังนี่ทิ้งเสีย”
ภูมินทร์รีบมองอาจารย์ยอด ขอให้ให้ช่วย
“อาจารย์”
แต่อาจารย์ยอดกลับยืนนิ่ง ไม่อยากยุ่งให้ต้องเจ็บตัว เสือไทชักปืนที่เหน็บอยู่ออกมา เล็ง กำลังจะลั่นไกยิงแต่
กล้าจับมือเสือไทดันขึ้น
“ไอ้กล้า”
กล้าปล่อยมือ ทำพูดกับขุนโชติ
“ถ้าจะฆ่านังนี่จริงๆ ฉันขอเถอะ อดอยากปากแห้งมานานแล้ว” กล้ามองคะนึงนิจหื่นๆ “ถ้าได้มันมาแก้ขัดบ้างก็คงจะดี”
คะนึงนิจกับภูมินทร์อึ้ง ขุนโชติมองกล้านิ่ง ก่อนจะหัวเราะชอบใจ
“ก็เอาสิวะ เอ็งกล้าขอมีรึข้าจะไม่กล้าให้ แต่เอ็งต้องดูมันให้ดี อย่าให้มันแผลงฤทธิ์ได้อีก”
กล้าทำยิ้ม ชอบใจ
“ขอบใจอาจารย์มาก ไป”
กล้ารีบคว้าแขนคะนึงนิจ คะนึงนิจไม่ยอม แต่กล้าก็ทำเหี้ยมลากออกไปจนได้
“ปล่อยนิจนะ ปล่อย”
ขุนโชติพอใจ เสือไทมองกล้าด้วยความโมโหที่โดนตัดหน้า ภูมินทร์จะตาม อาจารย์ยอดขวางแล้วกระซิบห้าม
“อยากให้น้องสาวตายรึไง พ่อเลี้ยง”

ภูมินทร์คิดได้ ได้แต่มองตามกล้า โมโหมาก
กล้าแบกคะนึงนิจเข้ามาในห้อง คะนึงนิจดิ้นใหญ่
“ปล่อยนะ นิจบอกให้ปล่อย”
กล้าโยนคะนึงนิจลงบนเตียง แล้วเข้าไปใกล้กระชากแขนดึงไว้ จ้องหื่นใส่
“จะดิ้นอะไรนักหนา รึว่าอยากจะเป็นเมียฉันจนตัวสั่น”
“พี่กล้า”

อ่านละคร เสือสั่งฟ้า 2 พยัคฆ์ผยอง ตอนที่ 13 วันที่ 9 มี.ค. 56

เสือสั่งฟ้า 2 พยัคฆ์ผยอง บทประพันธ์ : เพชรน้ำหนึ่ง
เสือสั่งฟ้า 2 พยัคฆ์ผยอง บทโทรทัศน์ : ดาวเหนือ
เสือสั่งฟ้า 2 พยัคฆ์ผยอง กำกับการแสดง : อนุวัฒน์ ถนอมรอด
เสือสั่งฟ้า 2 พยัคฆ์ผยอง แนวละคร : โรแมนติก - แอ็คชั่น - แฟนตาซี
เสือสั่งฟ้า 2 พยัคฆ์ผยอง ผลิต : บ. กันตนา
เสือสั่งฟ้า 2 พยัคฆ์ผยอง ออกอากาศทุกวันศุกร์ - เสาร์และอาทิตย์ เวลา 20.25 น. ทางช่อง 7 สี
ที่มา ไทยรัฐ