อ่านละคร อาญารัก ตอนที่ 1 วันที่ 19 มี.ค. 56
บริเวณท้องทุ่งที่นาผืนใหญ่ราวสิบไร่ของนายน้อม ซึ่งอยู่ในตำบลแห่งหนึ่งของอำเภอบ้านแพน จังหวัดสุพรรณบุรี ครอบครัวน้อม 6 ชีวิตกับอีกหนึ่งที่กำลังจะลืมตามาดูโลก อาศัยกันอยู่ในที่ดินผืนนี้อย่างแร้นแค้นเนียนหญิงชาวบ้านหน้าตาสวยซึ่งท้องแก่จวนคลอด เอาน้ำดื่มมายื่นให้แดง ผู้เป็นสามีที่กำลังไถนาอยู่กลางท้องทุ่ง
แดงนั้นดูมีอาการไม่ดีนัก ท่าทางเหมือนไม่ค่อยสบาย หน้าซีดเหงื่อแตกพลั่ก
“จะเพลแล้วหยุดพักก่อน เถิดพี่แดง” เนียนเอ่ยขึ้น
“ขอบใจมากเนียน แต่มันเหลืออีกนิดเดียว พี่ขอไถให้เสร็จก่อนเพล” แดงฝืนสังขารบอก
“พี่แดงไม่ค่อยสบาย ให้เนียนทำต่อนะ”
“รู้สิจ๊ะ อีกเดือนเดียว เนียนก็จะได้เห็นหน้าลูกของเรา” เนียนยิ้มชื่น
“พ่อชื่อแดง ลูกชื่อแดงน้อย เนียนว่าดีไหมจ้ะ” แดงบอกพลางหันมากอดเนียน
“ดีที่สุดจ้ะ แดงน้อย ได้ทั้งเด็กผู้หญิงและเด็กผู้ชาย แต่ เอ้อ...เราจะเอาเงินที่ไหนมาเลี้ยงลูกไม่ให้ต้องลำบากเหมือนเรา”
ระหว่างนั้นเสียงคุณนายเจ้าหนี้ก็ดังแปร๊ดมาจากริมคันนา
“ก็เอาขี้เถ้ายัดปากตอนมันเกิดให้มันตายไปซะ”
เนียนกับแดงอุทานพร้อมกัน “คุณนาย”
สองคนตกใจมากเมื่อหันไปมองเห็นคุณนายยืนท้าวสะเอวอยู่ มีบ่าวผู้ชายกางร่มให้ อีกคนถือกระเป๋าเสื่อจันทบุรี
คุณนายยิ้มร้าย มองมายังสองคนยื่นมืออีกข้างไปด้านหน้า
“เงินสองชั่ง เอามาคืนข้าซะดีๆ”
เวลาเดียวกันที่บ้านขุนภักดีภูบาล คุณเรียมเมียเอกของขุนภักดีภูบาล นอนน้ำตาคลออยู่บนเตียง หน้าตาซีดเซียวมาก คุณนายทองจันทร์ผู้เป็นแม่ของท่านขุนยืนหน้าเศร้าอยู่ข้างเตียง ท่านขุนภักดีภูบาล หรือชื่อเดิมว่า เทพ ก็หน้าเศร้าไม่แพ้กัน เรียมมองขุนภักดีสีหน้าแววตาขอโทษขอโพย
“คุณพี่ขุนขา เรียมขอโทษ ที่ทำให้คุณพี่ขุนผิดหวัง ที่อยู่กินกันมาหลายปีพอตั้งท้องทีไรมีอันให้เขาไปจากเราตั้งแต่เดือนสองเดือนทุกที”
“โลกนี้มันแปลก คนมีอันจะกิน อยากมีลูก ลูกไม่อยากอยู่ด้วย ไอ้ที่อดมื้อกินมื้อมีลูกเอามีลูกเอา” คุณนายทองจันทร์บ่น
“แม่เรียมจ๋า อย่าโทษตัวเองสิจ้ะ นานเพียงใดพี่ก็รอได้ สักวัน พี่เชื่อว่าสักวันลูกจะอยู่กับเราได้ถึงเก้าเดือน พี่ขอแค่สักคนเดียวก็พอ”
“พ่อเทพพูดถูกนะแม่เรียม แม่เรียมยังสาวยังแส้ แม่ก็รอได้เหมือนกัน ว่าแต่พ่อเทพ เถิดอย่าได้ริอ่านไปหาลูกจากผู้หญิงอื่นทีเดียว จำไว้” คุณนายทองจันทร์ว่า
“โธ่ คุณแม่ ผมไม่ใช่ขุนแผนนะครับ เรียมจ๋า พี่ต้องไปตรวจราชการดูแลราษฎรที่ศรีประจันต์ เสร็จงานพี่จะรีบกลับมา ตั้งสำรับรอพี่ไว้นะจ๊ะ”
“ค่ะ เรียมจะรอ ไปดีมาดีนะคะ พี่ขุน”
ขุนภักดีโอบกอดเรียมแบบเอาใจเข้าใจ และรักใคร่
ฟากคุณนายยังคงอาละวาดใส่เนียนและแดงอยู่กลางทุ่งนา เนียนนั่งลงพนมมือไหว้ มีแดงนั่งพนมมือใกล้ๆ
“นางเนียน ไอ้น้อมพ่อเอ็งอยู่ไหน ไปเรียกมันมา”
“พ่อไปหาหมอ พ่อเขาอาเจียนเป็นเลือดจ้ะ คุณนาย” เนียนบอก
“ต๊าย ไอ้น้อมอาเจียนเป็นเลือด นี่พ่อเอ็ง เป็น...”
คนรับใช้ชายสองคนบอกพร้อมกัน “เป็นฝีในท้องขอรับ คุณนาย”
คุณนายบ่นอุบ “ตายแน่ๆ มันไปหาหมอกลับมาเอ็งรีบบอกมันนะ ถ้าไม่มีสองชั่งก็อย่าหวังจะได้โฉนดคืนไป”
“คุณนายเจ้าขา ที่ดินนี่สิบไร่ราคามากกว่าสองชั่ง ขอเวลา เกี่ยวข้าวได้จะรีบเอาไปขายได้เงินไปคืนคุณนายนะเจ้าคะ” เนียนอ้อนวอนขอร้อง
“หมดเวลาของพวกเอ็งแล้ว เงินสองชั่งเท่านั้น ที่ข้าต้องการ”
เนียนถลาเข้าไปกอดขาคุณนาย
“กรุณาเราเถิดนะเจ้าคะคุณนาย”
คุณนายสะบัดเท้าโดยแรงและเร็ว ท่าทีรังเกียจ
“เอามือสกปรกเปื้อนดินโคลนของเอ็งออกไปจากซิ่นสวยๆ ของข้า”
เนียนร้อง “ว้าย” ถูกดีดลงไปกองฟุบกับพื้น
แดงตกใจแกมโมโห “คุณนาย ใจร้าย
ฝ่ายหนักประคองน้อมเดินไอโขลกๆ เข้ามาในบ้าน ท่าทางน้อมอ่อนเพลียมาก ส่วนหนักปากก็ด่าไปด้วย
“หมออะไรใจร้ายใจดำเหมือนอีกา ปากว่าตาขยิบ แบบนี้คนจนมิตายกันหมดรึพ่อ เราแค่ขอติดไว้ก่อน มันก็ไม่ยอม”
“เกิดมาจนมันก็ต้องทนกัดก้อนเกลือกินแบบนี้แหละวะ พ่อปลงซะแล้วไอ้หนักเอ๊ย ปล่อยพ่อตายไปเถอะ
มีเสียงเอะอะร้องไห้ดังมาจากด้านหน้า
“เสียงใครร้องไห้”
สองคนมองไป ร้องพร้อมกันอย่างตกใจ
“เนียน”
“คุณนายใจอีกามันมาทวงเงินสองชั่ง” น้อมนึกรู้
สองคนผวาไปทันที
ทางด้านคุณนาย กำลังทำท่าจะกลับ เพราะรู้ว่าทำเนียนล้ม
“ข้าจะรอพ่อเอ็งอยู่ที่บ้าน อ้อ บอกพ่อเอ็งด้วย รอหน้าประตู ห้ามเข้าไปในบ้านเดี๋ยวเชื้อโรคฝีในท้องมันจะหลุดเข้าบ้านข้าจะให้ไอ้สองคนนี่ออกมารับเงิน” คุณนายหน้าเลือดพูดใส่หน้า
“คุณนายเจ้าขา กรุณาเถิดเจ้าค่ะ” เนียนชะงัก แจบแปล๊บขึ้นมา หันมาทางสามี “โอ๊ย พี่แดงจ๋า เนียน เนียน เป็นอะไรไม่รู้”
เนียนจะลุกขึ้น หลังจากฟุบอยู่ แต่ลุกไม่ไหว แดงมองเห็นอาการผู้เป็นเมียก็ตกใจมาก
“เลือด”
คุณนายหันกลับมา พอดีกับที่หนักและน้อมพรวดมาถึงพอดี คุณนายเห็นน้อมกำลังไอ รีบถอยกรูดไปบังหลังคน รับใช้สองคน
“นางคุณนายเอ็งทำอะไรน้องกู” หนักโมมาก
น้อมมองไปหน้าตื่น “เนียน ตกเลือด”
“ข้าไม่เกี่ยว ไอ้น้อม อย่าเข้ามาใกล้ข้า รีบเอาเงินมาสองชั่ง มาเร็วๆ เข้า” คุณนายปัดความผิด
“นางคุณนายใจอีกาไม่เห็นหรือว่า น้องกูตกเลือด ยังมีหน้ามาทวงเงิน” หนักเลือดขึ้นหน้า
“คุณนาย สะบัดตีนใส่เนียน ทำเนียนตกเลือด” แดงบอก
“มึงตาย”
หนักแค้นจัด กระโจนใส่ ผลักคนรับใช้สองคนออกไปบีบคอคุณนายทันที
“ไม่จริง น้องเอ็งมาสะดุดตีนกูเอง ว้าย...”
“กูไม่ฟัง กูจะฆ่ามึง” หนักโมโหสุดขีด
น้อมร้องห้าม “อย่า ไอ้หนักอย่า ไอ้แดง รีบพาเนียนกลับบ้าน ไปบอกไอ้โพล้งกับยัยแพรช่วยกันไปตามหมอตำแยมาทำคลอด”
แดงรีบอุ้มเนียนพาดบ่าวิ่งกลับบ้านไป น้อมหันมาไหว้คุณนายที่ยังโดนหนักบีบคออยู่ คุณนายยังตาเหลือกเพราะโดนบีบคอพูดอะไรไม่ออก
ตอนสายๆ รถม้ารูปทรงสวยสมฐานะของขุนภักดี วิ่งเหยาะๆ เข้ามาตามถนนในตำบลศรีประจันต์ ละแวกบ้านกำนันแสง โดยมีเอก บ่าวคนสนิทตามมารับใช้ ชาวบ้านสองข้างทางต่างหันมามองชี้ชวนกันแบบตื่นเต้น
“นายเอก ไหนล่ะบ้านกำนันแสง”
“นั่นสิขอรับ กระผมก็ไม่ทราบว่าหลังไหน”
“ก็ไหนเอ็งว่าให้ข้าแวะมากินข้าวเพลบ้านกำนันแสง”
“ก้อ กระผม ก็ว่าอย่างนั้นแหละขอรับ ท่านขุน ถามชาวบ้านดีกว่า รับรองว่าเขารู้แน่”
ขุนภักดี ส่ายหน้าดักคอในความกะล่อนของบ่าว
“เอ็งนี่วอนโดนเตะจริงๆ”
ขุนภักดีจอดรถม้า เอกวิ่งลงไปถาม เห็นชาวบ้านชี้ไปทางหนึ่ง
ด้านหนักบอกกับคุณนายทั้งที่มือยังบีบคอ
“นางคุณนายมึงรวยจนตายก็กินไม่หมด อย่างกนักเลย ให้เวลากูกับพ่อ สามเดือนเกี่ยวข้าวเอาไปขายได้เงินมาใช้หนี้มึง พูดอย่างนี้เข้าใจไหม”
หนักปล่อยคอให้คุณนายพูด
“ไม่เข้าใจไอ้หนักมึง หยุดขู่เข็ญกู กูจะทำให้พวกมึงทั้งโคตรไม่มีแผ่นดินจะซุกหัวนอน”
“แผ่นดินไม่ไร้เท่าใบพุดซา กูหาศาลาวัดนอนก็ได้ นางคุณนายใจอีกา มึงนั่นแหละ ตายไปก็ได้ที่ติดตัวไปแค่โลงศพยาวสองเมตรกว้างเมตรเดียวโฉนดผืนนี้ก็เอาติดตัวไปไม่ได้” หนักด่า
“มึง...ว้ายไอ้น้อมลูกชายเอ็งบังอาจแช่งข้า”
น้อมทรุดตัวลงกราบคุณนายกับพื้นนา
“คุณนายขอรับ กระผมกราบ ขอให้พื้นนานี่เป็นพยาน ขอเวลา กระผมสามเดือนจริงๆ ขอเป็นครั้งสุดท้าย ถ้ากระผมหาเงินสองชั่งมาคืนคุณนายไม่ได้ กระผมยอมให้คุณนายยึดที่นาสิบไร่นี่ได้ขอรับ”
คุณนายบอก “สามเดือนมากไป ข้าให้สามวัน”
“พ่อเขาบอกว่าสามเดือน ถ้ามึงว่ามากไป กูยอมติดคุกหัวโตตายคาคุกโทษฐานบีบคอมึงตาย ที่นาสิบไร่ของพวกกู มึงก็ไม่ได้ แต่ที่มึงจะได้ก็คือที่โลงศพ ยาวสองเมตรกว้างหนึ่งเมตร อย่างที่บอก”
หนักทำท่าจะบีบคอต่อ
คนรับใช้คุณนายรีบบอก “เสียน้อยเสียยาก เสียมากเสียง่าย”
คนรับใช้อีกคนเสริม “ตายแล้วเอาอะไรไปไม่ได้”
จากนั้นสองคนประสานเสียง “ตกลงเถิดขอรับ คุณนาย” ด้วยเห็นใจคนจนเหมือนกัน
คุณนาย มองหนัก มองน้อมที่ก้มลงกราบ แล้วกราบอีก พูดออกมาอย่างเหยียดหยัน
“ข้าไม่ได้กลัวตาย แต่เห็นแก่นางน่วมเมียเอ็งที่เคยเป็นข้าเก่าเต่าเลี้ยงของข้า แต่มันดันโง่ไปเอาคนอย่างเอ็งมาเป็นผัวจนตรอมใจตาย”
“แม่กูเป็นไข้จับสั่นตาย ไม่ได้ตรอมใจตาย”
หนักโมโห ยอมปล่อยคุณนายน้อมกราบอีกครั้ง
ไม่นานต่อมา เนียนกำลังเจ็บท้องร้องโอดโอย บิดตัวเร่าๆ สองมือจับเชือกที่ผูกกับขื่อไว้แน่น โพล้งสามีแพร และแดง ดูอยู่ข้างๆ
“โอ๊ย ปวด เจ็บท้องใจจะขาดแล้วพี่แพร พี่โพล้ง ทำไมหมอตำแย ไม่มาสักที” เนียนร้องบอก
“นั่นสิ ไหนละหมอตำแย” แดงสงสัย
“แกไม่อยู่ไปทำคลอดที่ตำบลอื่น” แพรบอก
“เอ้า” 3 คนอึ้ง
แพรเอ่ยขึ้น “ข้าก็เลยจะทำคลอดเอง”
“หา” สองชายอึ้งไปเป็นแถบ
เนียนพูดไม่ออก ปวดไปทั่วร้องโอดโอยอย่างเดียว
“โชคดีที่เลือดนั่นมันแค่ออกมาเตือน ไม่ใช่ตกเลือด อดทนไว้เนียน” แพรบอก
“ทนไม่ไหวแล้วพี่แพร” เนียนหน้าโทรมไปด้วยเหงื่อเค็มหน้า
“นางแพร เอ็งทำคลอดเป็นแน่นะ” โพล้งไม่เชื่อใจเมีย
แพรฉุน “ไอ้โพล้งเอ็งอย่าปากเสีย”
“ถามจริง พี่แพรทำคลอดมาแล้วกี่คน” แดงคาใจ
“ยังไม่เคยทำคลอดใครสักคน” แพรบอกหน้าตาเฉย
คราวนี้สามคนเนียน แดง และโพล้ง ประสานเสียง “อะไรนะ”
“ใจเย็น ข้าเคยช่วยงานคุณผดุงครรภ์ที่สถานีอนามัยเขาทำคลอด” แพรสั่งการทันที “ตาโพล้ง เอ็งไปต้มน้ำร้อน อย่างด่วนจี๋ไปรษณีย์จ๋า ไอ้แดงไปหา ของใช้สำหรับเด็กอ่อนมาให้ลูกแกไวๆ เข้า”
สองคนออกไปจากห้อง เนียนยังคงร้องโอดโอยต่อไป แพรพยายามกล่อมเด็กในท้องเนียนให้คลอด
หนักประคองพ่อเดินเข้ามา ถึงหน้าบ้านเจอแดงกำลังฉีกผ้าขาวม้าเก่าๆ ที่พาดอยู่แบบงงๆ อยู่ ยินแต่เสียงเนียนร้องโอดโอยดังลอดออกมา
“เนียนตกเลือดมากไหม ไอ้แดง” หนักถามน้องเขย
“ไม่ได้ตกเลือด แต่กำลังจะคลอด” แดงว่า
หนักกระโดดตัวลอย “กูจะได้หลานแล้ว พ่อเราจะมีหลานแล้ว” พลางกอดพ่อหันไปจะไปหาแดงชะงัก “ไอ้แดง นั่นมึงฉีกผ้าขี้ริ้วไปทำอะไร”
“ทำผ้าอ้อม ให้แดงน้อย”
“หา มึงจะเอาผ้าขี้ริ้วเช็ดตีนไปทำผ้าอ้อมให้ลูกมึง มึงบ้าแล้วไอ้แดง”
“ก้อ พี่แพรเขาสั่งให้ชั้นไปหาของใช้เด็กอ่อน ชั้น ชั้น...” แดงอึกอัก
“เข้าใจละ พ่อเข้าไปดูเนียน ไอ้แดงไปกับกู” หนักบอก
หนักดึงแขนแดงพาเดินออกไป น้อมมองตามแปลกๆ ใจ ก่อนจะเดินเข้าบ้านไป
ขุนภักดีกับเอกพากันมาใกล้ถึงบ้านกำนันแสงแล้ว
“ไหนล่ะ..บ้านกำนันแสง ยังไม่เห็นมีวี่แวว”
“นั่นสิขอรับ คุณเทพ วี่แววบ้านยังไม่เห็น เห็นแต่สาวๆ วี่แววว่าจะสวยๆ เดินให้ว่อน” เอกตีฝีปาก
“แค่สองคน ไกลขนาดนั้นนายเอก เอ็งรู้ได้ยังไงว่าสวย”
“เห็นท่าเดินนวยนาดขนาดนั้นรับรองว่าสวยแน่ๆ ขอรับ คุณเทพสาวไม่สวยไม่กล้าเดินนวยนาดขนาดนั้น ใกล้เข้าไปอีกนิด ชิดเข้าไปอีกหน่อย เป็นได้เห็นดีกันแน่”
ขุนภักดีส่ายหน้าระอาความล้นของเอก
“นี่ถ้าเอ็งไม่ใช่เพื่อนเล่นกันมาแต่เด็กของข้า เอ็งโดนเตะตกม้าแน่นายเอก”
“ถ้าในฐานะคนรับใช้เตะกระผมได้ แต่ในฐานะเพื่อนเล่นกันมาตั้งแต่ท่านขุนเกิด เตะกระผมมันจะผิดจริยธรรมของความเป็นเพื่อนนะขอรับ” เอกเล่นลิ้นมาดทะเล้น
“เอ็งน่ะมันมะกอกสามตะกร้าปาไม่ถูกจริงๆ”
“ขืนปาถูกกระผมก็หัวโนเพราะโดนท่านขุนปาเอาบ่อยๆ สิขอรับ ผมมีประโยชน์นะขอรับ”
“เอ็งมันขี้โม้”
“กระผมน่ะ มีเอาไว้ให้ท่านขุนด่า แก้ท้องอืดท้องเฟ้อเรอเหม็นเปรี้ยว มีเอาไว้เป็นไปรษณีย์ส่งจดหมายรัก มีเอาไว้เก็บความลับยามที่ท่านขุนแอบไป…”
เอกฝอยฟุ้งไม่ทันจบคำ ท่านขุนสวนขึ้นอย่างอารมณ์ดี “พอที”
จากนั้นสองนายบ่าวหัวเราะร่วน ท่านขุนขี่รถม้าไปยังสาวๆ อยากเห็นว่าสวยจริงไหม
ขณะที่ช้อยกับสนกำลังเดินทุ่มเถียงกันมา สนดูมีจริตจะก้านเดินนวยนาดงามสง่า ส่วนช้อยดูทะเล่อทะล่ามาก
“ช้อย ข้าร้อนจะแย่แล้ว เอ็งรีบกางร่มสิ”
“คุณสนกางเองสิเจ้าคะ สองมือของช้อยถือของหนักก็หนัก ร้อนก็ร้อน ผิวแตงร่มใบเสียหายหมดแล้ว”
สนฟังและหงุดหงิด “เอ๊ะ...นางช้อยเอ็งกล้าต่อปากต่อคำข้าหรือ เอ็งมีหน้าที่กางร่มให้ข้า เรื่องอื่นข้าไม่รับรู้
“ ก็ได้เจ้าค่ะ คุณสน ชี้นกเป็นไม้ช้อยก็บอกว่าใช่ ทำผิดแล้วว่าถูกช้อยก็จะทำ”
ช้อยพยายามยักแย่ยักยันกางร่มให้นาย กางไปกางมาร่มกลับลู่ขึ้นด้านบนเพราะลมพัดแรงมาก
ขณะเดียวกัน ขุนภักดีก็เหยาะม้ามาถึง ช้อยกับสนผวาตามร่มที่โดนลมกระโชกไป ตัดหน้าม้า
“ว้าย” สนร้องอย่างตกใจ
“แย่แล้ว” ขุนภุกดีก็ตกใจ
ม้าของขุนภักดีโฉบเอาสนล้มลง
“ช่วยด้วย พ่อกำนันเจ้าขา มีไอ้บ้าขี่ม้ามาไล่เตะคุณสนเจ้าค่ะ”
ท่านขุนผวาไปหาสน รีบประคองขึ้นมา
“เป็นยังไงบ้าง ข้าขอโทษ” ท่านขุนเอ่ยขึ้น
“ชั้นไม่รับ แก” แต่พอเห็นหน้าหล่อเหลาก็เหวอ ติดอ่างไป “ว้าย เอ้อ เอ้อ…”
สนตะลึงในความหล่อ ขุนภักดีก็ตะลึงในความงาม สองคนมองหน้ากัน
“อุแม่จ้าว... สวยจริงๆ ด้วย”
“เทพบุตรจุติลงมาจากฟากฟ้าแท้ๆ” สนเพ้อ
พลันก็มีเสียงปืนดังปังออกมาจากหน้าบ้าน
“ใครวะ ใครบังอาจขี่ม้ามาไล่เตะลูกสาวกำนันแสง”
กำนันแสงถือปืนวิ่งออกมา เห็นภาพขุนเทพ หรือขุนภักดีภูบาล กำลังประคองสนก็ยิ่งโมโห
“บังอาจ ตายซะเถิดมึง กอดลูกสาวกูทำไมโจรห้าร้อย”
กำนันแสงยิงขู่ ยิ่งทำให้ขุนภักดีผวากอดสนแน่นขึ้นอีก
“อย่า...”
สนถูกกอดร้อง “อุ๊ย”
เอกปราดมากันขวางไว้
“โจรห้าร้อยที่ไหน กำนันแสงแหกสองตาดูให้ดี นั่นน่ะ ท่านคือขุนภักดีภูบาล”
ทุกคนตื่นเต้น “ขุนภักดีภูบาล”
“ผู้เป็นศรีสง่าน่าภาคภูมิของเมืองสุพรรณ” เอกสำทับ
กำนันเข่าอ่อนทรุดฮวบ
ไม่นานต่อมา ทุกคนอยู่ที่ชานเรือนบ้านกำนันแสง กำนันนำทีมคุกเข่ากับพื้นยกมือพนมแต้
“กระผมผิดไปแล้ว กระผมหมิ่นประมาทท่านด้วยกายวาจาและกระสุนปืนกระผมสมควรโดนลงโทษ”
“ไม่มีการลงโทษ เข้าใจผิดกันต่างหาก ถ้าจะผิดก็ชั้น เองที่ขี่ม้าไปโฉบเอา เอ้อ...น้องสาวคนนี้”
ขุนภักดีมองสนที่ยิ้มหวานให้
“แม่สนลูกสาวกระผมเอง มันกำลังจะเอาของไปถวายหลวงพ่อที่วัด” กำนันแสงบอก
“สนเองก็ผิดจ้ะพ่อกำนัน สนวิ่งไปหาม้าเอง คนผิดที่สุดก็นางช้อยมัน ไม่ดูตาม้าตาเรือ ดันตะโกนใส่ความว่าท่านขุนขี่ม้ามาไล่เตะสน”
ช้อยรีบรับ “เจ้าค่ะ...ช้อยผิดเองอีกแล้ว”
“เอาเป็นว่า เรื่องนี้ไม่มีปัญหา” ขุนภักดีตัดบท
“ขอบพระคุณมากขอรับ ที่กรุณาเชิญขอรับ เชิญในบ้านขอรับ กระผมยินดีรับใช้ท่านขุน” กำนันบอก
“ไม่ต้องมารับใช้กันเอง พวกเรามีหน้าที่รับใช้ชาวบ้านร่วมกันต่างหาก ที่มานี่ก็มาดูแลทุกข์สุขของชาวบ้าน แล้วก็ถือโอกาสแวะมาขอข้าวขอน้ำกำนันแสงกิน” ท่านขุนว่า
อ่านละคร อาญารัก ตอนที่ 1 วันที่ 19 มี.ค. 56
ละครเรื่อง อาญารัก บทประพันธ์ : จำลักษณ์ละครเรื่อง อาญารัก บทโทรทัศน์ : วรพันธ์ รวี
ละครเรื่อง อาญารัก กำกับการแสดง : จรูญ ธรรมศิลป์
ละครเรื่อง อาญารัก แนว ดราม่า
ละครเรื่อง อาญารัก ผลิต : บริษัทดีด้าวิดีโอ โปรดักชั่น จำกัด
ละครเรื่อง อาญารัก ควบคุมการผลิต : สยม สังวริบุตร
ละครเรื่อง อาญารัก ออกอากาศทุกวันจันทร์ และวันอังคาร เวลา 20.25 น. ทาง ช่อง 7 สีทีวีเพื่อคุณ
ที่มา manager