อ่านละคร อาญารัก ตอนที่ 4/6 วันที่ 31 มี.ค. 56


อ่านละคร อาญารัก ตอนที่ 4/6 วันที่ 31 มี.ค. 56

“นี่เอ็ง ช่วยไปเรียนท่านขุน ว่าคุณท่านให้รีบไปที่เรือนใหญ่ด่วน มีเรื่องสำคัญจะเรียนท่านขุน”
“ฟังนะพวกเอ็ง จะมีอะไรสำคัญไปกว่า ท่านขุนได้ลูกชายอีกรึ นายเอก แหมไปแห่กันมาซะมากมายไปหมด” ช้อยโต้
“สำคัญไม่ด้อยกว่ากันเลยแหละ เพราะคุณนายเรียมกับคุณเนียนตั้งท้องพร้อมกัน” เอกบอก
ช้อยตกใจ ตาเหลือก กบกับแมวยิ้มย่อง

พอได้ฟัง ขุนภักดีสะดุ้งพรวด สนหน้าเสีย
“เรียมกับเนียนท้อง”
สนพึมพำ “ลูกอิจฉามาเกิด”
“สนจ๋า พี่ ขอโทษ พี่ต้องรีบกลับไปดูเนียนกับแม่เรียม แล้วพี่จะกลับมานะจ้ะ พ่อไปก่อนนะทูนหัว พ่อจะไปดูน้อง”


ขุนภักดีส่งลูกคืนให้สน หอมลูกแล้วเดินออกไปอย่างตื่นเต้นมาก สนมองตาม แช่งชักหักกระดูกแค้นใจที่สุด
“อีเนียน อีเรียม นี่มึงจะขัดขวางความสุขความเจริญกูไปถึงไหน กูมีลูก มึงก็มีแข่ง อีเรียมก็อีกคน เจ้าประคู้นขอให้มึงคลอดลูกแล้วลูกมึงตายทั้งแม่ทั้งลูก”
เด็กชายตัวน้อยร้องไห้จ้า สนตวาดแว้ด
“ร้องทำไมไอ้ลูกเสือ ลูกจระเข้”
ช้อยเข้ามาหาสนมากอดขา มารับเด็กไป
“คุณสนเจ้าขาใจเย็นๆ เจ้าค่ะ พวกมันเล่นสองรุมหนึ่ง เราต้องเอาชนะมัน ด้วยการตัดกำลังมันไปทีละคนเจ้าค่ะ คุณหนูคนนี้ จะลูกใครก็ช่างแต่แท้จริงก็ลูกคุณสนนะเจ้าคะ”
“แต่ข้าทำใจไม่ได้ มันรู้สึกตลอดเวลาว่ามันเป็นลูกไอ้คนที่ข้าเกลียดและขยะแขยงที่สุด”
ช้อยส่ายหน้าห้าม
“อย่าเจ้าค่ะ คุณหนูตัวน้อยคนนี้แหละเจ้าค่ะ จะนำโชคมาให้คุณสน คุณสนจะมีจะได้ทุกอย่างเพราะเขา เลี้ยงไปดูแลกันไปคุณสนก็รัก และลืมไปเองว่าเขาไม่ใช่ลูกท่านขุน ดูหน้าตาสิเจ้าคะ ช้อยเกิดมาไม่เคยเจอเด็กชายอะไรงามอย่างนี้มาก่อน” ช้อยยิ้มขณะมองหน้าเด็กน้อย
“แต่มันไม่เหมือนข้า จะดันไปเหมือนไอ้อมนุษย์นั่นหรือเปล่าก็ไม่รู้ มันไม่ยอมเปิดเผยหน้าให้เราเห็นซะด้วย”
“ถ้าไม่เหมือนคุณสน แต่หน้าตาน่ารักน่าชังงามอย่างนี้ แสดงว่าไอ้หนักหน้าตาดีเจ้าค่ะ” น้อยหลุดปาก
“อีๆๆ ช้อยกูจะถีบมึงตกเรือน อย่าได้เอ่ยถึงมันให้กูได้ยินอีก”
“ช้อยขอโทษเจ้าค่ะ คุณสนก็ได้อย่ากินแหนงแคลงใจในตัวคุณหนูอีกสิเจ้าคะ ดูสิเจ้าคะ ร้องไห้อยากกินนมคุณสนแล้วเจ้าค่ะ”
สนมองแล้วเห็นตาม ใจอ่อนยวบ เอาลูกน้อยมาโอบกอด

“ลูกจ๋า แม่ขอโทษ”
บนเรือนหลังใหญ่บ้านขุนภักดีภูบาลเกิดโกลาหล บริเวณหน้าห้องของทั้งเรียมและเนียน กบกับแมววิ่งสวนกันไปมามีทองจันทร์กำลังวุ่นวายสั่งการ

“ไหน ไปตามท่านขุนมาหรือยัง นางแมว นางกบ”
“ตามแล้วเจ้าค่ะ” สองคนบอกพร้อมเพรียง
“แล้วไหนท่านขุน”
สองคนอึกอักเหมือนกัน “ก้อ”
“ก้ออะไร”
“นางช้อยมัน...” สองคนกำลังจะบอก
ขุนภักดีโผล่มาพอดี “ผมมาแล้วครับคุณแม่” หน้าตาท่านขุนเบิกบานมาก เข้ามาฉวยทองจันทร์อุ้มขึ้นจนตัวลอย ผู้เป็นแม่ตกใจ
“ไฮ้ พ่อเทพเล่นอะไรเหลวไหลนี่แม่นะ ไม่ใช่แม่เรียมแม่เนียน มาอุ้มทำไม”
“ผมดีใจที่สุดในชีวิต ความฝันความต้องการของผมเป็นจริงเกินจริง ผมมีลูกสามคน ผมมีลูกสามคน คุณแม่ดีใจกับผมไหมครับ” ขุนภักดีลิงโลด ตื่นเต้นเป็นที่สุด
“ดีใจก่อนพ่อเทพซะอีก ปล่อยแม่ลงก่อน แล้วรีบไปรับขวัญเรียม กับเนียน”
ขุนภักดีวางผู้เป็นแม่ลง กบกับแมวหัวเราะกันคิกคัก ท่านขุนหายไปทางห้องเรียมก่อน
ทองจันทร์หันมาแว๊ดสองบ่าว “พวกเอ็งอยากท้องบ้างรึ หัวเราะร่วนเป็นไข่เค็มทีเดียว แจ๋แจ๋นกันดีนักผู้ชายเต็มบ้านมันถึงไม่แลเอ็งสองคนสักที”
สองคนยิ่งหัวเราะกันใหญ่ รู้ว่าทองจันทร์ปากร้ายใจดี

ที่เรือนเล็กของสน ทารกน้อยลูกชายของสนหลับพริ้มอยู่บนฟูกเล็กๆ สนมองหน้าลูกเข้าที่หน้าเด็กน่ารักน่าเอ็นดู
“ลูกคุณสนคือลูกชาย ลูกคนโตของบ้านภักดีภูบาลย่อมมีสิทธ์และมีศักดิ์มากกว่าลูกของอีเรียมกับอีเนียนค่ะ ท่องไว้ค่ะ เชิดชูเขาไว้ให้สูงส่งกว่าลูกของใครๆ ในบ้านนี้เจ้าค่ะ” ช้อยเสี้ยมยกใหญ่
“ขอบใจมากช้อยที่เอ็งเตือนสติข้า มาช่วยกันภาวนาว่าขอให้มันได้ลูกผู้หญิง”
“เจ้าค่ะ ช้อยจะภาวนาทุกค่ำคืน ให้ลูกพวกมันเป็นผู้หญิง เกิดมาหน้าตาอัปลักษณ์ อาการไม่ครบสามสิบสอง” ช้อยว่า
“หรือไม่ก็ไม่ต้องทันลืมตาดูโลก” สนคำรามออกมา
“คุณสน”
สนหันไปจ๊ะจ๋ากับลูกน้อย “ตาหนูลูกรักของแม่ แม่รักหนูนะจ้ะ เพราะหนูคือลูกของท่านขุนภักดีภูบาล”
สนมองลูกแล้วอดใจไม่ได้ก้มลงไปหอมเด็ก ช้อยมองยิ้มอย่างพอใจ

ขณะเดียวกันเรียมอาการดีขึ้นมาแล้ว ขุนภักดีโอบประคองไว้ เรียมหวาดหวั่นว่าจะเกิดเหตุซ้ำเก่า
“เรียมไม่เกี่ยงทั้งนั้นว่าลูกเราจะเป็นหญิงหรือชาย ขอให้ผ่านไปได้เก้าเดือน อาการครบสามสิบสองเรียมก็พอใจแล้วค่ะ แต่พี่เทพคะ เรียมกลัว”
“เรียมกำลังกลัว อย่ากลัวสิจ้ะเรียม พี่มั่นใจว่าลูกเราจะผ่านเก้าเดือนไปได้ พี่มั่นใจว่าพี่จะมีลูกสามคนแน่นอน ความกลัวจะทำให้เรียมไม่แข็งแรง ลามไปถึงลูกของเรานะจ๊ะ”
“ขอบคุณพี่เทพมากค่ะ ที่ปลอบเรียม เรียมจะไม่กลัว เรียมจะดูแลตัวเองให้ดีที่สุดเพื่อลูกของเรา”
“เรียมไม่ควรออกไปเดินตรากตรำ หรือนั่งหลังขดหลังแข็ง ร้อยมาลัย ทำขนม จัดดอกไม้ในช่วงนี้นะจ๊ะ”
“ค่ะ พี่เทพ”
“ถ้าเรียมไม่ฟังที่พี่ขอร้อง ไปทำอะไรจนลูกพี่มีอันตราย พี่โกรธเรียมมากแน่” ขุนภักดีบอกอย่างจริงจัง
“ค่ะ พี่เทพ”
ขุนปลอบโยนให้กำลังใจเรียม ที่ใจคอไม่ค่อยจะดี สาเหตุเพราะเรื่องท้อง 2 ครั้งที่ผ่านมา

ส่วนสนกับช้อยยังไม่เลิกขวางที่พวกเรียมกับเนียนท้องพร้อมกัน
“อีเรียมมันแท้งลูกมาสองครั้งแล้ว ครั้งนี้ขอให้มันไม่รอดเหมือนเดิม” สนแช่ง
“ช้อยจะสวดมนต์ให้มันมีอันเป็นไปเช่นนั้นทุกคืนเจ้าค่ะ”

สองนายบ่าวจิตใจชั่วช้า ยกมือพนม

ทางด้านขุนภักดีโอบกอดเนียนแสดงความดีใจ
“พี่หวังว่าลูกของเนียนจะเป็นลูกสาว หน้าตาสวยงามน่ารักนิสัยใจคอดีเหมือนเนียน”
“ค่ะ พี่ขุน”
“โดยเฉพาะดวงตาของเนียน มันทั้งหวานทั้งซึ้ง จนพี่เห็นเนียนครั้งแรกก็หลงรักดวงตาคู่นี้จนถอนใจไม่ขึ้น”
“พี่ขุน ยอเนียนมากไปแล้วค่ะ เนียนก็แค่ชาวนาธรรมดา ไม่คู่ควรกับพี่ขุนดอกค่ะ” เนียนหน้าเศร้าลง
“คนเราคู่ควรกันที่ความดีจ้ะเนียน ไม่ใช่ชาติกำเนิด เอ๊ะ ทำไมเนียนดูหมองๆ เนียนกลัวไม่ได้ลูกชายรึ”
ตำพูดนั้นแทงใจดำเนียนจังๆ
“ไม่ใช่ดอกค่ะพี่ขุน แต่เนียน ไม่ค่อยสบาย พะอืดพะอม วิงเวียนน่ะค่ะ”
“จริงสินะ พี่ลืมคิดไปว่า เนียนท้องสาว ลูกคนแรกก็คงจะแพ้มากแพ้นานหน่อย”
เนียนยิ่งเหมือนโดนเข็มทิ่มแทงใจมากขึ้น หน้าหมองลงไปอีก น้ำตาพาลจะหยด เพราะรู้สึกว่าตัวเองกำลัง
หลอกลวงขุนภักดี
“ค่ะ”
ขุนภักดียิ่งรักและสงสารเนียน “เนียนจ๋า สิ่งใดๆ ในโลกที่เนียนต้องการเว้นเดือนกับดาวเท่านั้น พี่จะหามาให้เนียน ขอเพียงให้เนียนมีความสุข พี่เข้าใจว่าเนียนยังอ่อนเยาว์ การมีลูกครั้งแรก อาจทำให้เนียนกลัว”
เนียนน้ำตาร่วงเผาะ ซึ้งในน้ำใจและความรักที่ขุนภักดีมอบให้ เนียนก้มลงกราบท่านขุน
“เนียนขอบพระคุณ เนียนขอบพระคุณค่ะ”
ขุนภักดีดึงเนียนมากอดแนบอก รักเหลือแสน

ฟากสนยังไม่เลิกรา คิดหาทางจัดการเนียน
“เราต้องค้นหาความลับของอีเนียนให้ได้ ว่าทำไมมันจึงแอบร้องไห้”
“ค้นหาพบหรือไม่พบก็ไม่สำคัญ เท่ากับเราหาเหตุหาเรื่องไปปะติดปะต่อให้มันเป็นเรื่อง อย่างที่เราเคยพยายามทำก็เพียงพอแล้วเจ้าค่ะ คุณสน”

“จริงของเอ็งช้อย เราพยายามทำมาตลอดเวลา แต่มันแคล้วคลาดทุกที ครั้งนี้อย่าให้พลาด อีเนียนเอ๊ย สี่ตีนยังรู้พลาด นักปราชญ์ยังรู้พลั้ง แล้วเอ็งเป็นใคร ทั้งโง่ทั้งเซ่อ เอ็งไม่รอดมืออีสนแน่”

สนมีสีหน้าเหี้ยมโหด นัยน์ตาวาววับ ขณะพูด พร้อมจะเอาเรื่องเนียนให้จงได้
หลายวันผ่านไป เด็กชายแดงน้อยซึ่งเดินได้เตาะแตะแล้ว กำลังร้องจ้า หน้าตาแดงก่ำ ตัวร้อนยังกับไฟ มีแพรกับโพล้งกำลังพยายามปลอบ

“แดงน้อยเงินค่าเช่าที่นาของแม่เอ็งก็จ่ายค่ายาไปหมดแล้ว ป้ากำลังจนปัญญา หาเงิน อย่าร้องไห้สิน่า”
“อุบ๊ะ ตัวมันร้อนจี๋ยังกับไฟรน จะให้มันหัวร่อรึ นางแพรนี่ประหลาด”
“เอ็งอย่ามาเล่นสำนวน ทำอะไรสักอย่างให้ได้เงินมารักษาแดงน้อยมันเอ็งน่ะชอบแอบเอาเงินที่พี่หนักเขาให้ไปกินเหล้า ไปเมามาย” แพรด่าผัว
“อ้าวนางแพร ก็เอามากินด้วยกันนั่นแหละวะ แล้วมาหาความข้าคนเดียว นางนี่ เอาดีเข้าตัวเอาชั่วใส่กูซะงั้น เดี๋ยวพัด”
“เดี๋ยวพัดอะไร เดี๋ยวแม่เอาอีโต้จามปากซะดีไหม”
แพรไม่พูดเปล่าหันไปจะคว้าอีโต้ หนักเข้ามาอุ้มแดงน้อย พร้อมตวาดสองคน
“หยุด! โอ๋...แดงน้อยของลุง โถ...พ่อเจ้าประคูณ ตัวร้อนจี๋ ยังต้องมาฟังหมา สองตัวคำรามใส่กัน เงียบโว๊ย”
สองคนเงียบฉี่ทันที แล้วนึกได้ว่าเป็นหนัก ต่างคนต่างตื่นเต้น
“พี่หนัก” พูดแทบเป็นตะโกน
“พวกมึงจะตะโกนเรียกชื่อกูให้คนไปบอกตำรวจมาจับกูรึ”
สองคนยกมือไหว้ พูดประสานเสียง
“ขอโทษจ้ะพี่”
“หลานกูป่วยขนาดนี้ ไม่มีเงินรักษากันรึ”
สองคนส่ายหน้า
“มันป่วยบ่อยมาก เงินค่าเช่านาเลยไม่พอใช้จ่าย”
หนักถอนใจ
“ข้าเองก็ลำบาก หาที่ปล้นยากขึ้น ตำรวจก็ตามจับจนไม่กล้าไปไหน นอกจากคืนเดือนมืด นี่ฝันถึงเนียนกับพ่อมายืนร้องไห้ห่วงแดงน้อยดอก ข้าเลยตัดใจเสี่ยงมาหาหลาน เงินข้าพอมีเหลืออยู่บ้าง เอาไปใช้ รักษามันนะ”
“เนียนมันจะรู้บ้างไหมว่าลูกป่วยหนัก” โพล้งรำพัน
“น่าจะไปบอกมันสักหน่อย” แพรบอก
“บอกให้คนเขาสงสัยละสิ นางสนคนชั่วกับบ่าวของมันน่ะ เลวหาใครเปรียบไม่มี” หนักว่า
“พี่ แต่ถ้าแดงน้อยมันแย่ๆ มาก ในฐานะที่เนียนมันเป็นแม่ ก็ต้องส่งข่าว มันนะพี่นะ” โพล้งบอก
หนักพยักหน้ารับรู้

ส่วนเรือนใหญ่บ้านภักดีภูบาล มีพิธีโกนผมไฟให้ลูกชายสน โดยท่านพระครูรูปเดิม ในพิธีโกนผมไฟใหญ่ วันนี้สนนั่งหน้าบานเคียงข้างด้วยขุนภักดี ช้อยนั่งห่างออกไปทำตัววิเศษกว่าบ่าวคนอื่นๆ ส่วนเนียนกับเรียมนั่งคู่กันห่างออกมา มีคุณนายทองจันทร์นั่งใกล้ๆ
ท่านพระครูโกนผมไฟให้ลูกชายสน พลางมองหน้าเนียน สน และเรียมที่กราบท่านอยู่
“เอ แม่สนกับแม่เนียนดองเป็นญาติสนิทกันหรือเปล่า”
สนกะเนียนพูดพร้อมกัน “เปล่าเจ้าค่ะ”
“มีอะไรหรือเจ้าคะ ท่านพระครู” ทองจันทร์สงสัย
“เด็กคนนี้หน้าเหมือนแม่เนียน มากกว่าแม่สน โดยเฉพาะดวงตาแววเดียวกันเปี๊ยบ”
คำพูดของท่านพระครู ทำเอาทุกคนต่างแปลกใจ และนั่นทำให้ทุกคนเริ่มมองหน้าเนียนกับหน้าเด็ก และหน้าสน
“จริงด้วยเจ้าค่ะ ท่านพระครู จริงด้วยพ่อเทพ” ทองจันทร์เห็นด้วย
เรียมก็เห็นตาม “เรียมก็ว่าจริงค่ะ แปลกนะเนียน”
สนชักหงุดหงิด “โตขึ้นมันก็เปลี่ยนมาเหมือนสนเอง พี่ขุนขา ลูกชายเรายังไม่มีชื่อนะคะ”
ขุนภักดีที่กำลังมองเด็กชายตัวน้อยสะดุ้ง แล้วเห็นตรงกับทุกคน
“ใช่จ้ะ ท่านพระครูขอรับ กรุณาตั้งชื่อให้ลูกชายผมด้วย”
“ดูจากวันเดือนปีเกิด เวลาตกฟากที่แม่สนเขาบอกมาแล้ว ชื่อนี้เหมาะที่สุด”
“ชื่อว่ากระไรเจ้าคะ ท่านพระครู” สนพนมมือถาม
“เทิดศักดิ์” ท่านพระครูบอก
ขุนภักดีชอบใจมาก “เทิดศักดิ์ ช่างฟังดูดีเหมาะเหลือเกิน ผมกราบขอบพระคุณท่านพระครูขอรับ สนจ๋า รีบกราบขอพรท่านพระครูสิจ๊ะ”
สนยิ้มระรื่นกราบท่านพระครูอย่างนอบน้อม ช้อยหน้าเชิด ปรายตามองเนียนกับเรียม ไล่ไปถึงแมวและกบ
“ยังมีอีกสองลูกรออยู่นะเจ้าคะ ท่านพระครู” ทองจันทร์พูดยิ้มๆ
“รออีกหลายเดือนนี่โยม” ท่านพระครูว่า
“ท่านพระครู จะไม่ดูดวงชะตาให้หลานเทิดศักดิ์ของอิชั้นสักหน่อยหรือเจ้าคะ” ทองจันทร์ขอร้อง
ท่านพระครูมองหน้าเด็ก สลับกับมองหน้าสน แล้วมองหน้าท่านขุน เงียบไปคครู่หนึ่ง ก่อนจะเอ่ยออกมา
“ชะตาจะเป็นไปเช่นใดไม่อาจฝืนดอกโยม พ่อหนูคนนี้มีบุญเกินตัว สุขทางกายมีมากมายเหลือคณานับ แต่จะอาภัพรักเมื่อโตขึ้น”
ช้อยสาระแนขึ้น “เพราะมีผู้หญิงมาให้เลือกมากมายจนเลือกไม่ได้ใช่ไหมเจ้าคะ”
“นางช้อย” ทองจันทร์ปราม “เชิญท่านพระครูต่อไปเจ้าค่ะ”
“แต่ที่แน่ๆ เขาเป็นคนดี แม่สนต้องใจเย็นสักหน่อยอย่าวู่วาม จะเสียการเสียหายเสียใจมาถึงลูก”
สนกับช้อยแอบมองหน้ากัน ขุนภักดียิ้มแย้ม แม้จะอึ้งกับคำว่าอาภัพรัก
“ขอเพียงลูกเทิดศักดิ์ของผมเป็นคนดี ผมพอใจที่สุดแล้วขอรับ”
สนกับช้อยหงุดหงิดมากกับคำทำนายของท่านพระครู

พอกลับมาที่เรือน เด็กชายเทิดศักดิ์นอนลืมตาแป๋ว สนอุ้มเทิดศักดิ์ในอ้อมแขน ช้อยกำลังเพ่งมองใบหน้าเทิดศักดิ์เช่นกัน
“อยากจะเห็นหน้าไอ้เสือหนัก ว่าหน้าตามันเป็นอย่างไร เด็กนี่ก็ช่างกระไร หน้าไม่เหมือนแม่บ้างก็ยังพอทำเนา ดันไปหน้าเหมือนอีเนียน”
“คุณสนเจ้าขา ดูดีๆ สิเจ้าคะ เป็นจริงที่พระท่านว่า ช้อยว่าดวงตาคุณหนูเหมือน เหมือน…”
“เหมือนอะไร”
“เหมือนตาไอ้เสือหนัก ไม่ใช่อีเนียนดอกเจ้าค่ะ” ช้อยบอก
สนนึกโมโห “อีช้อย ข้าอยากจะถีบเอ็งตกเรือนจริงๆ”
“โธ่ ช้อยพูดซื่อๆ พูดความจริง คุณสนเห็นแต่ตามันเจ็ดวันเจ็ดคืน จำแววตามันไม่ได้ดอกหรือเจ้าคะ” ช้อยว่า

จังหวะนั้นดวงตาของหนักที่สนพอนึกออก ผุดขึ้นในหัว เป็นภาพเห็นแววตาของหนักที่สนเห็นอย่างชัดเจนภายใต้ผ้าขาวม้าที่ปิดคาดเอาไว้ ขณะที่หนักกับโพล้งเอาสองคนมาปล่อยไว้ที่ ที่ท่าน้ำ
สนถอนใจยอมรับว่าใช่
“ก็ใช่ของเอ็งนะช้อย แต่ข้าไม่เข้าใจ ว่าทำไมพระครูถึงว่าแววตาเด็กนี่ เหมือนอีเนียน มันเกี่ยวข้องกันซะที่ไหน”
ช้อยคิดแล้วพยักหน้า
“จริงด้วยเจ้าค่ะ แววตาคุณหนูเทิดศักดิ์เหมือนแววตาของอีเนียน หวานซึ้ง มีเศร้าปน”
“อีช้อย ชมมันรึ” สนนึกฉุน
“ชมคุณหนูเทิดศักดิ์เจ้าค่ะ”

สนมองหน้าลูก แล้วเกิดมโนภาพดวงตาภายใต้ผ้าพันหน้าของหนัก เทียบภาพแววตาของเนียน สนดึงตัวเองกลับมา
“เอาเด็กไปวางบนฟูก เอามุ้งครอบซะ ข้าไม่อยากเห็นแววตานี้”
“กลัวหรือเจ้าคะ”
“กูบอกให้เอาเด็กไปวาง เอามุ้งครอบไว้”
ช้อยรีบทำตามรู้ว่านายหงุดหงิด

ขณะเดียวกันขุนภักดีเอามือลูบดวงตาของเนียน ไปมา แล้วก้มลงจูบเปลือกตาของเนียน
“แววตาของลูกเทิดศักดิ์ ช่างเหมือนกับแววตาของเนียนราวกับเป็นตาคู่เดียวกันจริงๆ”
“เนียนไม่ทันมองแววตาของคุณหนูเทิดศักดิ์ตรงๆ สักครั้งค่ะ”
“พี่ชอบแววตานี้ แววตาที่อ่อนหวาน ใสซื่อ หาความคดโกงไม่พบ เนียนจ๋า ขอให้ลูกของเนียน เกิดมามีแววตาเช่นนี้อีกคนนะจ๊ะ”
“ค่ะ พี่ขุน”
ขุนภักดีลูบท้องเนียนไปมา อย่างมีความสุขล้น พร้อมกันนั้นก็ดึงรั้งตัวเนียนมาซบบ่าตนไว้

เนียนซบลงอย่างมีความสุขเช่นกัน
อีกวันต่อมา ทองจันทร์อยู่บนเรือ พยักหน้ากับเรียมขำๆ

“แม่สนมันไม่ชอบหน้าเนียน มันชอบจ้องหน้าเนียนเหมือนจะเชือดเฉือนใจ คนเราเกลียดสิ่งได้มักจะได้สิ่งนั้นมาเป็นของตัว แม้ไม่ปรารถนา สนมันเลยได้ตาของเนียนไปเป็นตาของลูกมัน”
“แต่เรียมว่ามันน่าแปลกอย่างท่านพระครูท่านว่านะคะ คุณแม่”
“แม่ว่าผีเขาปั้นเรื่อยเปื่อยน่ะแม่เรียม ปั้นมนุษย์มากๆ เข้าผีก็เหนื่อย เลยเอาแบบตาแบบหน้าแบบนิสัย ใส่มาให้มนุษย์มั่วซั่วปะปนกันไปหมด ถึงได้มีคนหน้าสวยเหมือนนางฟ้า น่าจะนิสัยดีกลับนิสัยชั่วร้าย คนหน้าชั่วร้ายเหมือนนางภูติ กลับนิสัยดี แต่ตอนนี้แม่ไม่ดีใจอะไรเท่ากับบ้านเราช่างมีแต่ความสุขไปทั่วทุกหย่อมหญ้า”
ทองจันทร์ยิ้มหน้าบาน มีความสุขอยู่กับเรียม

โลกกลมเสียนี่กระไร เพราะจู่ๆ ยายอ่อนซึ่งต้องการซื้อที่นาเป็นของตัวเอง ก็มาหาคุณนายใจอีกา สองคนอยู่บนที่นาของเนียน
“ที่นานี่ไม่ใช่ของชั้นดอก ย่ะ”
“อ้าว นี่อิชั้นเข้าใจผิดดอกหรือจ๊ะ”
“แต่ที่นาใกล้กันก็ของชั้นนี่แหละ แต่ไม่ขายให้ใครหน้าไหนดอก พวกจะเอาไปนินทาว่าจนถึงขนาด ต้องขายนากิน”
“อ้อ...” ยายอ่อนพยักหน้า
“แต่จะบอกให้เอาบุญว่าที่นานี้เจ้าของมันจน มันเคยเอามาจำนองจนแทบหลุด ดีแต่ว่าชั้นเมตตา ผ่อนผัน มันก็เลยไปกู้เงินเขาเอาลูกสาวไปขัดดอกไว้มาไถ่ที่นา ก็ทำนองว่าพ่อมันขายลูกสาวกินนั่นแหละ”
“อ้อ แล้ว เจ้าของที่นานี่ใครกันเล่าจ๊ะ คุณนาย”
“เอาหูมาใกล้ๆ จะนินทาให้ฟัง ฟังแล้วเหยียบ อย่าได้บอกว่าชั้นพูดหาไม่เช่นนั้นชั้นกับยายจะโดนเหยียบ คือว่านางขัดดอกคนนี้มันชื่อนาง…”
โพล้งเดินมาขัดจังหวะ ทันเวลาพอดี
“นางคุณนายใจอีกา มึงมาแวะเวียนที่นามาเหยียบที่นานี่ทำไม ประเดี๋ยวเถิด จะว่าไม่เตือน ท่านกำชับไว้ว่าอย่างไร”
คุณนายตกใจถอยกรูด ไม่ยอมตอบคำถามยายอ่อน
“เดี๋ยวก่อนสิจ๊ะ คุณนายใจอีกา ยังไม่ได้ตอบเลยว่าใครเป็นเจ้าของที่นานี่”
“ยายนั่นแหละ มาถามทำไม” โพล้งสงสัย
“ถามเพราะว่าจะมาตั้งรกรากที่นี่ ลูกชายสนใจอยากจะซื้อที่นานี่”
“มีเงินพอรึ”
“สืบราคาไว้ก่อน แล้วจะหาให้ครบ ลูกชายชั้นมันอยากได้มาก” ยายอ่อนบอก

อ่านละคร อาญารัก ตอนที่ 4/6 วันที่ 31 มี.ค. 56

ละครเรื่อง อาญารัก บทประพันธ์ : จำลักษณ์
ละครเรื่อง อาญารัก บทโทรทัศน์ : วรพันธ์ รวี
ละครเรื่อง อาญารัก กำกับการแสดง : จรูญ ธรรมศิลป์
ละครเรื่อง อาญารัก แนว ดราม่า
ละครเรื่อง อาญารัก ผลิต : บริษัทดีด้าวิดีโอ โปรดักชั่น จำกัด
ละครเรื่อง อาญารัก ควบคุมการผลิต : สยม สังวริบุตร
ละครเรื่อง อาญารัก ออกอากาศทุกวันจันทร์ และวันอังคาร เวลา 20.25 น. ทาง ช่อง 7 สีทีวีเพื่อคุณ
ที่มา manager