อ่านละคร อาญารัก ตอนที่ 5/3 วันที่ 1 เม.ย. 56


อ่านละคร อาญารัก ตอนที่ 5/3 วันที่ 1 เม.ย. 56

“ชั้นรักเธอชั้นปรารถนาเธอไม่ใช่ไอ้เฒ่าหัวงูนั่น”
จังหวะนั้นประตูเปิดผาง เจ้าพระยาเข้ามาพร้อมแส้ม้าในมือ กระชากขุนภักดีออกจากเมียน้อย
“ไอ้คนกินบนเรือนขี้รดบนหลังคา ไอ้คนอกตัญญู มึงเป็นชู้กับเมียกู”
“ใช่ค่ะ มันนัดบุหลันให้มาเอาหนังสือที่ยืมไว้แล้วมันก็หลอกปล้ำขืนใจ” บุหลันใส่ไฟ
“นั่นปะไรไอ้คนชั่ว” เจ้าพระยาหน้ามืดตามัว หึงหวงเมียคราวลูก

ส่วนเหตุการณ์ที่บ้านภักดีภูบาล ในสุพรรณ จู่ๆ สนเดินไปหยิบแส้หางม้าของขุนภักดีที่วางอยู่ มาเหวี่ยงสลัดไปมาอย่างสนุกมือ
“ใครโดนต้องเจ็บแสบเข้าไปในหัวใจแน่ๆ”


เนียนเดินออกมาพอดี
กบกะแมวร้องบอก “ระวังเจ้าค่ะ”
เนียนตกใจ “อุ๊ย”
“แม่สนละก็ คึกคะนองอะไรนักหนา เกือบจะฟาดเอาเนียนเข้าให้แล้ว”
เนียนเดินหลบออกมา สนหัวเราะร่วน ยังเหวี่ยงแส้ไปมา

เหตุการณ์ครั้งเมื่ออดีตในความทรงจำของสองคนยังพรั่งพรูออกมา ขณะนั้นแส้หางม้าของเจ้าพระยา สะบัดโบยมาที่หลังขุนภักดีที่โดนมัดโยงกับต้นไม้ มีบุหลันยืนมองใจหายใจคว่ำอยู่ ขุนภักดีถูกจับถอดเสื้อ แผ่นหลังเลือดสาด เนื้อตัวแตกเป็นริ้วๆ
“มึงจงจำเอาไว้ให้ดี ไอ้ภักดี ไม่มีอะไรที่ลูกผู้ชายแค้นเท่ากับมีคนมาเล่นชู้กับเมีย มึงชั่วมากมาหลอกปล้ำเมียกู ถ้ามึงไม่ใช่ลูกของพ่อมึง กูฆ่ามึงตายแน่ ฐานหยามศักดิ์ศรีกู”
เจ้าพระยาตีจนเหนื่อยหอบ สาแก่ใจ แล้วเหวี่ยงแส้ม้าใส่หลังท่านขุน
“กูมอบให้มึงเอาไว้เตือนใจว่าครั้งหนึ่งมึงอยากเป็นชู้เมียกู รึมึงจะแก้ตัวว่าเมียกูอยากเป็นชู้กับมึงเอง”
ขุนภักดีมองหน้าบุหลันที่กลัวจนตัวสั่นอย่างตกใจ
เจ้าพระยาลากบุหลันเดินออกไปทิ้งให้ ขุนภักดีน้ำตาไหลพรากไม่อาจแก้ตัวได้
“เรื่องบางอย่าง ถ้าเป็นลูกผู้ชายจริงมิอาจเอ่ยความจริงที่ทำลายผู้หญิงคนหนึ่งได้”

เจ้าพระยาดึงตัวเองกลับมา ทอดถอนใจซ้ำๆ
“ก่อนเขาจะตาย เขาขอสารภาพบาปกับชั้นก่อนตายว่า พ่อภักดีไม่เคยอาจเอื้อม แต่เขานั่นแหละหลงรักพ่อภักดี และไม่เคยรักชั้นเลย แถมเกลียดชั้นมากที่ไปทำร้ายพ่อภักดีปางตาย”
ขุนภักดีฟังแล้วเงียบงัน แปลกใจระคนตกใจ เจ้าพระยาตบบ่าท่านขุนเบาๆ
“ขอบใจในความเป็นลูกผู้ชาย ไม่ทำร้ายผู้หญิง แม้ว่าจะโดนเข้าใจผิด ชั้นเสียอีกที่หูเบา เอาแต่หึงหวง จนลืมนึกไปว่าพ่อภักดีก็ลูกชาติลูกตระกูล ได้รับการอบรมมาดี จะทำชั่วเช่นนั้นได้อย่างไร ช่างเป็นสุภาพบุรุษแท้ๆ”
“กระผมก็ขอขอบพระคุณเช่นกันขอรับ ขอให้เธอไปสู่สุคติด้วยเถิด”
“ขอโทษพ่อภักดีทั้งตัวชั้นเอง และแทนเขาด้วย ขอให้พ่อภักดีอย่าเอาความหูเบาของชั้นเป็นเยี่ยงอย่าง อย่าฟังความข้างเดียว หนักแน่นเข้าไว้ บางสิ่งที่พ่อเห็น อาจมิได้เป็นอย่างที่ภาพมันบอก มันอาจมีอะไรที่มากมายลึกซึ้งแอบแฝงอยู่เสมอ”

ขุนภักดีก้มลงกราบเจ้าพระยา โดยไม่รู้ว่า ตนกำลังจะเจอเหตุการณ์ซ้ำรอยเฉกเช่นเดียวกัน ในอีกไม่นานนี้ ต่างกันแค่คนโชคร้ายถูกเข้าใจผิดคือเนียน!
ขุนภักดีกลับถึงเรือนก็รีบแวะมาหาเนียนก่อนใครอื่นด้วยความคิดถึง

“เนียนจ๋าพี่กลับมาจากบางกอกแล้ว พี่มีของมาฝากด้วยจ้ะ”
“ไม่ต้องฝากเนียนดอกค่ะ พี่ขุนกรุณาเนียนมาตลอด พระคุณล้นเหลือแล้วค่ะ”
“พี่สบายใจมาก เพราะปัญหาบางอย่างที่ค้างคาในหัวใจพี่มาหลายสิบปี ได้คลี่คลายไปแล้ว เนียนจ๋าพี่สบายใจเหลือเกินจ้ะ”
“เนียนดีใจด้วยค่ะ”
“เนียนรู้ไหมจ๊ะ ว่าไม่มีอะไรที่ทำให้เจ็บช้ำขมขื่นมากเท่ากับ การถูกเข้าใจผิดแล้วมิอาจแก้ตัวได้”
“ค่ะ เนียนทราบ เอ้อ พี่ขุนคะ คือคุณสนฝากให้เนียนเรียนพี่ขุนว่า คุณเทิดศักดิ์คิดถึงพี่ขุนมากร้องไห้หาทุกคืน”
ขุนภักดียิ้มเบิกบานเมื่อเอ่ยถึงเทิดศักดิ์ “เด็กคนนี้ละช่างอ้อนคุณพ่อดีนัก เนียนไม่ว่านะจ๊ะ ถ้าพี่จะไปหาลูก”
“ไม่ว่าดอกค่ะ เชิญพี่ขุนค่ะ”
ขุนภักดีโอบกอดเนียน วางของขวัญไว้ให้ หอมแก้มเนียนหอมท้องเนียน แล้วเดินฮัมเพลงออกไป

ขุนภักดีถามสนท่าทีแปลกใจขณะเดินมาที่ท่าน้ำ
“ไหนสนว่าลูกร้องไห้หาพี่ ทำไมสนพาพี่มาที่ท่าน้ำเล่า”
“ลูกคอยนานจนหลับคาอกสนไปแล้วค่ะ สนไม่อยากปลุกลูก พี่ขุนขาจำที่สนเอ่ยปากขอพูดเรื่องสำคัญของบ้านเราวันที่พี่ขุนจะไปบางกอกได้ไหมคะ”
“จำได้ ขึ้นไปพูดกันบนเรือนเถิด”
“ไม่ได้ดอกค่ะ เราต้องพูดกันตรงนี้ สนไม่อยากให้ใครได้ยินเรื่องบัดสีเสนียดบัดซบสุดจะเอ่ย แค่สนจะเอ่ยปากพูดยังละอายกลัวเสนียดมาจับปากสน” สนจีบปากจีบคอ
“เอ่ยมาเถิดพี่ต้องการฟัง”
“สนจะเล่าเท่าที่เห็นเท่าทีได้ยิน แต่ให้คุณพี่ตัดสินใจเอาเองว่าเป็นเช่นไร”
สนทำท่าเล่า จนเห็นเป็นภาพแต่ไม่มีเสียงของเนียนกับหนักที่ท่าน้ำ วันที่สนเห็น

พอฟังจบขุนภักดีถึงกับช็อคตกตะลึงพูดไม่ออก เจ็บปวดมาก
“เนียนคบชู้ เนียนมีลูกแล้ว เอาแหวนของพี่ให้ชู้ไปเลี้ยงดูพวกมัน”
“อย่าเพิ่งตีความไปถึงเพียงนั้นสิคะ สนเล่าตามภาพที่เห็นกับที่ได้ยินลางๆ เท่านั้นค่ะ”
“นางคนทรยศพี่จะไปฆ่ามัน”
“อย่าเพิ่งสิคะ พี่ขุนรอให้เขามาพบกันตามที่สนได้ยินก่อนค่ะ สิบปากว่าไม่เท่าตาเห็น พี่ขุนจะได้ไม่หาว่าสนมุสามดเท็จใส่ความเนียน ที่สนบอกเพราะกลัวนานไปใครมาเห็นจะฉาวโฉ่ไปเจ็ดคุ้งน้ำทั่วเมืองสุพรรณ” สนทำเป็นหวังดี
“พี่จะกระอักเลือด พี่จะอดใจรอไหวถึงวันนั้นรึ พี่ทนไม่ไหวดอกสน”
“พี่ขุนก็อยู่แต่เรือนสนสิคะ อย่าไปเห็นหน้าเขา ถ้าเขาแก้ตัวพี่ขุนใจอ่อนแน่ รอจนแน่ใจก่อนสิคะ”
สนกอดโอบเอาใจ พูดออดอ้อนขุนภักดี ทำทีเป็นร้องไห้ร้องห่ม
“พี่อยากจะฆ่ามันนักทั้งไอ้ชู้นั่นด้วย มันเป็นใครชื่ออะไร”
“สนไม่ได้ยินเรียกชื่อกันดอกค่ะ เห็นหน้ามันก็ไม่ถนัด มันมืดมาก”
สนกอดขุนภักดีเอาไว้ลอบยิ้มสมใจที่เป่าหูสำเร็จ
“ถ้าพี่ขุนทำใจไม่ได้ก็ดื่มสิคะ ดื่มให้ลืมความเจ็บ ความอาย”
ขุนภักดีตะโกนลั่น “ไปเอาเหล้ามา ไอ้เอก ไอ้เอก”

ฟากทองจันทร์กับเรียมมาที่ห้องเนียน
“เนียน ทำไมไม่รั้งพ่อเทพเอาไว้ที่ห้องของตัว”
“เอ้อ... เนียน เนียน”
“เนียนรู้ไหมว่าพี่เทพ เมาไม่ผู้เป็นคนอยู่ที่ศาลาท่าน้ำ” เรียมว่า
“พี่ขุนบอกว่าจะไปเรือนคุณสน แล้วทำไมไปดื่มเหล้าได้คะ”
“นางกบนางแมวมันบอก แม่สนนั่นแหละ สั่งให้ไอ้เอกเอาหล้ามาให้พ่อเทพกิน” ทองจันทร์บอก
เรียมกับเนียนไม่เข้าใจ

ทองจันทร์ แมว และกบ อยู่ที่หน้าเรือนกับสน ซึ่ง สนตอบคำถามทองจันทร์แบบไม่ค่อยกลัวเกรงเหมือนเก่านัก
“พี่ขุนสั่งให้สนเรียกนายเอกให้เอาเหล้ามาให้กิน สนก็ตองทำตามสิคะ สนเป็นเมียที่ดีนี่คะ ถึงสนบ้าบิ่นไปบ้าง แต่สนก็ไม่เคยมีชู้นะคะคุณแม่”
ทองจันทร์ชักสีหน้า “แม่สน พูดอะไรออกมา”
“เรื่องพี่ขุนก็เช่นกันคะ ถามนายเอกดูเองเถิดค่ะ พี่ขุนไม่ต้องการไปไหน นอกจากเรือนของสน แล้วจะให้สนผลักไสพี่ขุนไปไหนคะ”
เสียงขุนภักดีเรียกมาจากบนเรือน
“สนจ๋า มาหาพี่หน่อย”
ทองจันทร์ถอนใจเฮือกๆ
“สนขอตัวก่อนนะคะ สนจะไปเช็ดตัวให้พี่ขุนสร่างเมา ค่ะ”
สนหันกลับ ทองจันทร์มองตาม แปลกใจไม่หายสงสัยว่าเกิดอะไรขึ้น แมวกะกบซุบซิบอยู่ด้านหลัง
“บ้านี่มันเกิดอะไรขึ้น พ่อเทพร้อยวันพันปีไม่เคยแตะเหล้า มิหนำซ้ำยังรังเกียจเอาด้วย ไอ้เอกมันไปหลบหน้าอยู่ที่ไหน”

เวลาต่อมา เอกกำลังอธิบายให้ทองจันทร์ฟัง
“กระผมก็ไม่ทราบดอกขอรับ ตอนกลับมาจากบางกอกท่านฮัมเพลงมาตลอดทาง”
“พ่อเทพไปพบใครที่บางกอกมา” ทองจันทร์ถาม
“ท่านเจ้าพระยาขอรับ”
“เอ แล้วทำไมกลับถึงบ้านแล้วกลายเป็นเช่นนี้ไปได้”
“กบเห็นออกมาจากห้องคุณเนียนท่านก็ยังฮัมเพลงนะเจ้าคะ” กบแทรกขึ้น
“แต่พอไปพบคุณสนที่ท่าน้ำเท่านั้นแหละเจ้าค่ะ พายุโหมกระหน่ำ” แมวเสริม
“คุณสนให้คนไปสั่งกระผมว่า ท่านจะเอาเหล้าฝรั่งที่มีคนเอามาให้เป็นของขวัญ วันเกิดวันปีใหม่ขอรับ”
“เล่นเข้าไปกี่ขวดล่ะ”
“สามขอรับ”
ทองจันทร์ตกใจ “อะไรนะ แล้วทำไมเอ็งไม่อุ้มมานี่”
“กระผมจะอุ้มมานี่ ท่านก็เตะถีบกระผมยกใหญ่ บอกไม่อยากจะเจอหน้ามัน”
เอกหน้าสลดลง
“มันน่ะใคร” ทองจันทร์ซัก
เอกส่ายหน้า แต่ในใจครุ่นคิด

วันต่อมาสนกับช้อยปรึกษากันต่อเรื่องเนียน
“เสร็จแล้วจริงๆ นางเนียนเอ๊ย กูแปลกใจมานานว่าทำไมลูกกูหน้าเหมือนมึงทำไม ไอ้หนักต้องข่มขืนกูเจ็ดวันเจ็ดคืน”
“ช้อยเลยพลอยฟ้าพลอยฝนรับกรรมไปด้วยเจ้าค่ะ”
“เพราะมันรู้กลลวงของเรา มันเลยย้อนรอยเรา เอาพี่มันมาข่มขืนกู เสียรู้มันมานานแท้ๆ” สนแค้นใจ
“ก้อต้องระวังไว้เหมือนกันนะเจ้าคะ ถ้ามันรู้ว่าเราเล่นงานน้องมันอีก มันอาจแฉโพยว่ามันเป็นพ่อของคุณหนูเทิดศักดิ์”
“เท่าที่ฟังมันพูดมันยังไม่รู้ดอกว่าข้าท้องมีลูก อีเนียนมันก็เอาแต่จะพูดเรื่องของลูกมันที่ป่วยหนัก”
“ก็ถือว่าโชคดีไป ว่าแต่คุณสนจะยึดตัวท่านขุนไว้เป็นประกันที่นี่นานเท่าใดเจ้าคะ”
“อีกสามวันเท่านั้นก็จะถึงวันที่มันนัดหมายกัน พอตอนพี่ขุนสร่างเมาข้าก็พยายามเกลี้ยกล่อมให้สงบจิตใจ ไม่กระโตกกระตากให้ไก่ตื่น ขืนมันรู้ตัว มันจะส่งข่าวบอกพี่มันไม่ให้มา พี่ขุนจะหาว่าข้ามดเท็จ”
ช้อยกับสนวางแผนชั่วกันดิบดี

ด้านเอกพยายามสบตาเนียนเหมือนอยากจะเตือนอะไร แต่เนียนเอาแต่ก้มหน้าเหมือนไม่มีความสุข
“เอ้อ..คุณเนียนขอรับ”
“เอ็งจะพูดอะไรกับเนียน ไม่ต้องพูดใดๆ ทั้งสิ้น ข้าอยากรู้ว่าทำไมพ่อเทพ ไม่กลับมาดูแลคนบ้านนี้บ้าง” ทองจันทร์แปลกใจ
สนเดินเข้ามามีช้อยตามหลัง สองนางใจบาปยิ้มย่อง
“สนมีข่าวจากพี่ขุนมาเรียนให้คุณแม่ทราบค่ะ”
“พี่ขุนสบายดีรึ แม่สน” เรียมถาม
“ค่ะ สบายดี พี่ขุนให้เรียนว่า จะกลับมาเรือนนี้ หลังจากแรมสิบห้าค่ำ ผ่านไปก่อนค่ะ”
“ประหลาด ทำไมต้องให้ผ่านแรมสิบห้าค่ำก่อน ใครเข้าใจบ้าง” ทองจันทร์งวยงง
“เรียมไม่เข้าใจดอกค่ะ แต่ช่างเถิด พี่เทพอยู่เรือนไหนก็ได้ทั้งนั้น ขอเพียงอย่าเมามาย”
“พี่ขุนไม่เมามายแล้วค่ะ แต่กำลังใช้ความคิดเรื่องงานใหญ่ค่ะ” สนพูดกำกวม เป็นนัย
“งานอะไร” ทองจันทร์สงสัย
“พี่ขุนเท่านั้นที่ทราบ สนไม่อาจทราบได้ดอกค่ะ นายเอกจ๊ะ พี่ขุนต้องการพบนายเอกจ้ะ”

เอกรับคำ แล้วออกไปกับสนและช้อย ทุกคนมองตามอย่างแปลกใจ
หลายวันมานี้ ขุนภักดีเริ่มสร่างเมาลงไปบ้าง เพราะสนให้ดื่มน้อยลง เนื่องจากใกล้จะถึงวันแรมสิบห้าค่ำที่หนักนัดเจอเนียนเแล้ว ขุนภักดียืนคิดว่าตัวเองทำอะไรลงไปบ้าง รำพึงออกมา

“นี่เรา ไม่ได้กลับไปเรือนใหญ่มานานเท่าไหร่แล้ว บ้าจริง”
ขุนภักดีตัดสินใจเดินลงเรือนไป สนกับช้อยพรวดมาถึงพอดี สนมาเกาะแขนไว้ ส่วนช้อยเป็นลูกคู่คอยกระซิบเสริมนายอยู่ด้านหลัง
“พี่ขุนจะทำอะไรคะ”
“จะกลับไปเรือนใหญ่”
ช้อยกระซิบบอกสน “อย่าปล่อยให้กลับไปได้นะเจ้าคะ ความแตกเอาง่ายๆ”
สนส่งมือโบกให้ช้อยขึ้นเรือน และรับรู้ที่ช้อยเตือน
“ถ้ากลับไปปะหน้าคนที่ทำให้พี่ขุนอับอายขายหน้า เจ็บช้ำเพราะรักมากมายพี่ขุนจะอดใจไหวรึ”
ขุนภักดีชะงักนิดหนึ่ง “ก็เพราะสุดจะอดใจอดทนกับ ความแค้นความเจ็บ ที่มันทับถมทวีคูณขึ้นทุกวัน อกพี่กำลังจะระเบิดอยู่แล้วนะสน”
“สนเข้าใจหัวอกพี่ขุน เพราะรักเขาพี่ขุนจึงเคยทอดทิ้งสน ไม่ใยดีสน มิใยสนจะพยายามเตือนอ้อมๆ เรื่องเขา พี่ขุนก็หาฟังไม่ สนจึงจำต้องข่มใจแบกความระทมทุกข์เอาไว้ จนกระทั่งลูกเทิดศักดิ์เกิด” สนทำสำออย พูดออเซาะ
“พี่ขอโทษสนเรื่องที่ผ่านมาด้วย”
“สนตรองอยู่เป็นนานสองนานนะคะว่าจะบอกเรื่องบัดสีนี่กับพี่ขุนดีไหม ที่สุดสนก็ทนดูทนเห็นพี่ขุนโดนสวมเขา ไม่ได้”
ขุนภักดีโวยวายลั่น ปราดออกไป “ใช่ มันสวมเขาให้พี่ พี่จะฆ่ามัน”
สนฉุดดึงเอาไว้ “ฆ่าตอนนี้จะมีประโยชน์อันไดคะ ในเมื่อไม่ได้จัดการไอ้เขาที่มาสวมบนหัวพี่ขุนด้วย อีกประการ คุณแม่กับคุณเรียมไม่ยอมให้พี่ขุนฆ่าเขาดอกค่ะ สนก็ไม่ยอมเช่นกัน มันยังไม่มีหลักฐานปรากฏให้เห็นประจักษ์แก่ตานะคะ”
ขุนภักดีฮึดฮัด “แต่พี่กำลังจะกระอักเลือดแล้วนะสน”
“พี่ขุนขา คนที่ต้องกระอักเลือดไม่ใช่พี่ขุนแต่คือพวกคนที่ทำให้พี่ขุนอับอายต่างหาก สนกราบละ เชื่อสนนะคะ ทนอีกคืนเดียว”
ขุนภักดีคิดตาม “อืม..ที่สนพูดก็มีเหตุผล”
“สนเรียกนายเอกให้มาร่วมเป็นพยานในการจับชู้นั่น ให้ได้คาหนังคาเขา ด้วยค่ะ คุณนายเรียมกับคุณแม่จะได้เชื่อว่าไม่มีใครใส่ร้ายเขา”
ขุนภักดีหลงลมปากหญิงชั่ว เห็นด้วยตกลงตามสนบอก “ขอบใจสนมาก พี่เสียใจที่เคยมองสนผิดๆ”
“สนก็ขอบคุณพี่ขุนค่ะ สนกล้าสาบานถ้าสนพูดเท็จ สนยอมให้พี่ขุนโบยสนตายคาแส้ม้า”
“พี่จะโบยแม่ของลูกชายสุดน่ารักน่าชังของพี่ได้อย่างไร จะมีแต่นางคนโฉดนั่นต่างหากที่จะโดนโบยตายคาแส้ม้า”
สนลอบยิ้ม
“พี่ขุนอย่าบอกนายเอกให้รู้ว่าพี่ขุนจะทำอะไรนะคะ หาไม่เช่นนั้นมันจะเอาไปบอกเขา สนกำลังสงสัยว่านายเอกมันแอบหลงรักเขาค่ะ”
“ไฮ้…ไอ้เอกมันบังอาจนัก”
“แค่หลงรักไม่ได้เล่นชู้ก็ช่างเถิดค่ะ”
สนดึงแขนขุนภักดีกลับขึ้นเรือนอีกจนได้

เอกอยู่บนเรือนใหญ่ ยังไม่ยอมไปหาขุนภักดี พยายามจะหาโอกาสพูดเตือนเนียน
“เอ้อ คุณเนียนขอรับ กุหลาบที่ปลูกไว้ในสวนหลังบ้าน ทำท่าจะตายจะไม่ไปดูสักหน่อยหรือขอรับ”
“ขอบใจมากที่บอกจ้ะ พี่เอก แต่ว่า...” เนียนไม่อยากไปไหน
“นายเอก ไม่เห็นรึว่าคุณเนียนกำลังแพ้ท้อง” เรียมว่า
“แดดเปรี้ยงอย่างนี้ จะมาชวนให้ไปเป็นลมแดดตายรึ ไอ้เอก เอ็งนี่ห่ามแท้ๆ” ทองจันทร์ก็ห้ามอีก
เอกคิดหาทางใหม่ “เอ้อ...ยายอ่อนแกมาถามหา ว่าจะรับยาหม้อบำรุงเลือดลมอีกไหม ไปคุยกับแกหน่อยไหมขอรับคุณเนียน”
“ยายอ่อนแกเป็นง่อยรึ จึงเดินมาไถ่ถามเองไม่เป็น เอ็งเป็นอะไรของเอ็ง ไอ้เอก ดูว่า เอ็งพยายามจะชวนแม่เนียนเขาไปดูอะไรที่ไม่เข้าท่าอยู่ได้” จันทร์จันทร์ชักฉุน
“นายเอกมีอะไรจะบอกเนียนก็บอกมาตรงนี้ไม่ต้องอ้อมค้อม ชักแม่น้ำทั้งห้า”
เอกชั่งใจนิดหนึ่ง “ขอรับ...คือว่าท่านพระครู ท่านให้มาเตือนว่า...”
เอกพูดยังไม่จบคำ ช้อยก้าวพรวดมานั่งแปะค้อนเอกพลางบอก
“นายเอก ท่านขุนเคืองใหญ่แล้วนะท่านว่า เรียกหาไม่รีบ มัวไปร่ำไรอะไรอยู่รึ”
“มัวร่ำไรพูดกับข้าอยู่ เอ็งอยากมีปัญหากับข้าไหมนางช้อย” จันทร์จันทร์ว่า
“เปล่านะเจ้าเจ้าคะ ช้อยแค่กลัวท่านขุนโกรธนายเอกเป็นฟืนเป็นไฟเจ้าค่ะ ถ้าไม่รีบไปเดี๋ยวนี้”
เอกจำใจรีบตามไป ช้อยแอบปรายตามองเนียนยิ้มเป็นนัย เนียนรู้สึกได้ว่าช้อยปรายตาเย้ย แต่ก็นิ่ง
“นางช้อยมันแอบส่งสายตาเย้ยเนียน มันคงภูมิใจที่พ่อเทพไม่กลับมาเรือนนี้หลายวันแล้ว พ่อเทพก็ประหลาดคน จู่ๆ ก็กลายเป็นนักเลงเหล้า” ทองจันทร์บ่น
เนียนก้มหน้างุด
“เรียมก็สังเกตเห็นค่ะ คุณแม่ ว่าพักนี้สองคนนายบ่าวนั่นยิ้มเย้ยอะไรกันอยู่ อย่าไปสนใจเลยนะเนียน”
“ค่ะ ไม่รู้สึกว่าโดนยิ้มเย้ยดอกค่ะ”
“ย่ะ ใครทำอะไรใส่ก็ไม่รู้สึกทั้งนั้น อดทนยังกะพระเตมีย์ยัง สมัครใจโง่แท้ๆ”
กบกะแมวหัวเราะคิก
“ใช่เจ้าค่ะ”
ทองจันทร์กับเรียมตาเขียวใส่สองบ่าว เรียมเอ็ด
“ใครถามพวกหล่อน”
“เนียนเอ๊ย!.. ตั้งแต่มาอยู่ที่นี่ มีใครเคยเห็นเนียนหัวเราะสักครั้งบ้างไหม” ทองจันทร์เอ่ยขึ้น
“ไม่เค๊ยไม่เคยเจ้าค่ะ” สองบ่าวประสานเสียง
“นางกบนางแมว นางม้าดีดกะโหลก นางปลากระดี่ได้น้ำ”
เนียนยิ้มบางๆ พลางบอก “เนียนขอตัวก่อนนะคะ”
เนียนไหว้สองคนแล้วถอยตัวหลบออกไป

ฝ่ายขุนภักดีกำลังหยอกเอินเทิดศักดิ์ มีสนนั่งภูมิใจข้างๆ เอกมาถึงในจังหวะนั้น
“ท่านขุนเรียกหากระผมรึขอรับ”
“เอ็งสนิทกับคุณเนียนมากนักรึไอ้เอก”
เอกตกใจ
“หามิได้ขอรับ กระผมก็แค่ทำตามที่อาน้อมแกฝากฝังไว้เท่านั้นเองขอรับ”
เอกมองสนรู้ทันว่าพูดอะไร สนเสเมินไปทางอื่น
“พี่ขุนมีธุระสำคัญต้องทำ คืนวันแรมสิบห้าค่ำ ท่านต้องการให้นายเอกไปด้วย”
เอกมองหน้าขุนภักดีเป็นเชิงน้อยใจว่าทำไมไม่บอกเอง
“เดือนมืดนะขอรับ มันฤกษ์โจรนะขอรับ”
“เพราะว่าข้าจะไปจับโจรน่ะสิ” ขุนภักดีโพล่งขึ้นมา
สนกระซิบอะไรเบาๆ
“เอ็งห้ามเอาความข้าสั่งไปบอกใคร หาไม่เช่นนั้นโจรมันรู้ตัวมันจะหนี”
“โจรอะไรหรือขอรับ”
“ท่านบอกแล้วว่าความลับ ยังจะมาถาม จับได้ก็รู้เองนั่นแหละน่าว่าโจรชั่วชาตินั่นมันโจรอะไร”
สนด่าเอา เอกจึงนิ่งไป ขุนภักดีโบกมือให้เอกไปได้ เอกถอยออกมา สนรีบเอาใจผัวหยอกล้อลูกชาย

ส่วนที่บ้านแพน ถึงวันนัดหมาย หนักบอกกับแพรและโพล้ง
“คืนนี้ข้าจะไปส่งข่าวเนียนเรื่องอาการแดงน้อย”
“ให้ชั้นไปด้วยไหมพี่หนัก” โพล้งบอก
“ไม่ต้อง เอ็งอยู่เป็นเพื่อนยายแพร ช่วยกันดูแลแดงน้อย ที่สำคัญ เตรียมการย้ายบ้านซะ”
“ย้ายบ้าน” สองคนตกใจ
“ไปอยู่บางกอก ไปตั้งรกรากทำมาหากินที่นั่น” หนักบอก
“พูดยังกะมีเงินสักร้อยชั่ง” แพรเยาะ
“อย่าหยันกันสิยายแพร ที่ข้าให้ย้ายบ้าน เพราะไม่ต้องการให้พวกเอ็งมีปัญหา พวกเอ็งต้องไปกันเงียบๆ ห้ามแพร่งพรายให้ใครรู้เด็ดขาด” หนักกำชับ
“แล้วที่นาของเนียน” โพล้งถามขึ้น

อ่านละคร อาญารัก ตอนที่ 5/3 วันที่ 1 เม.ย. 56

ละครเรื่อง อาญารัก บทประพันธ์ : จำลักษณ์
ละครเรื่อง อาญารัก บทโทรทัศน์ : วรพันธ์ รวี
ละครเรื่อง อาญารัก กำกับการแสดง : จรูญ ธรรมศิลป์
ละครเรื่อง อาญารัก แนว ดราม่า
ละครเรื่อง อาญารัก ผลิต : บริษัทดีด้าวิดีโอ โปรดักชั่น จำกัด
ละครเรื่อง อาญารัก ควบคุมการผลิต : สยม สังวริบุตร
ละครเรื่อง อาญารัก ออกอากาศทุกวันจันทร์ และวันอังคาร เวลา 20.25 น. ทาง ช่อง 7 สีทีวีเพื่อคุณ
ที่มา manager