อ่านละคร ฟ้าจรดทราย ตอนที่ 8 วันที่ 27 ส.ค. 56

อ่านละคร ฟ้าจรดทราย ตอนที่ 8 วันที่ 27 ส.ค. 56

“ถ้าอย่างนั้นเขาจะให้เราขึ้นรถบรรทุกคันไหน รถที่จะออกจากเมืองนี้ไปยังเมืองที่กำหนดมีเป็นขบวนยาวจะตาย แถมตำรวจทะเลทรายก็ตรวจตราเข้มงวดขนาดนั้น”
ชารีฟขอร้องการิมอย่าเพิ่งตีโพยตีพาย อีกไม่นานต้องมีข่าวส่งมาอีก...

เป็นอย่างที่ชารีฟคาดไว้ไม่มีผิด คนส่งข่าวคนใหม่คือทหารในคราบขอทาน หลังจากแจ้งรหัสลับเกี่ยวกับขนมปังขึ้นรา ขอทานกระซิบว่ารถบรรทุกสีเขียวหมายเลข 42 มีคนขับรถชื่ออับดุลลา ให้ชารีฟแจ้งรหัสลับกับเขาว่า


“มีขนมปังขึ้นราจะแบ่งให้อีกหนึ่งก้อน เขาจะพาท่านและผู้ช่วยไปเมืองท่า ระหว่างทางจงอย่าพูดเรื่องลับกับเขาเป็นอันขาด เขามีหน้าที่พาท่านไปส่งจนถึงเมืองท่าเท่านั้น” ขอทานพูดจบทำทีเขย่ากระป๋องเก่าๆ ตรงหน้าชารีฟรู้งานหยิบเหรียญเงินโยนให้ก่อนจะชวนกันเดินจากมา การิมอดสงสัยไม่ได้ เหตุใดการผ่าตัดขององค์โอมานจึงกินเวลาเตรียมการนานนัก โรคนี้รอได้หรือ

“ไม่มีกรณีรีบด่วนอะไรนักหรอกการิม เฮอเนียหรือไส้เลื่อนเป็นโรคที่รอได้ถ้ายังไม่ปวด องค์โอมานทรงเชื่อใจหมอคนนี้เท่านั้น การผ่าตัดจึงประวิงเวลาไปเกือบเดือน รอให้ศาสตราจารย์กลับจากต่างประเทศเสียก่อนเขาไปประชุมที่สวีเดน ปัญหาของเราอยู่ที่คนที่จะพาเราเข้าไปเป็นคนรับใช้ต่างหาก เขาจะยังช่วยเราหรือเปล่า”

การิมมั่นใจว่าไม่มีปัญหา สายของเราเป็นญาติสนิทกับหัวหน้าคนรับใช้ฝ่ายชายของที่นั่นจะพาเราสองคนให้ไปเป็นคนสนิทท่านศาสตราจารย์เองเลย ชารีฟจะได้สังเกตและปลอมเป็นเขาได้อย่างแนบเนียน...

ในที่สุดชารีฟและการิมก็หารถบรรทุกสีเขียวเบอร์ 42 เจอ ขณะจะเดินไปที่รถเป้าหมาย เจอทหารสองนายเลี้ยวมุมตึกมาพอดี ชารีฟแก้ไขสถานการณ์เฉพาะหน้า แสร้งตาบอดเดินเปะปะ การิมอ่านแผนการออกรีบเข้าไปช่วยประคอง พวกทหารไม่ติดใจสงสัยอะไรปล่อยให้ทั้งคู่ผ่านไปได้

ooooooo

ครู่ต่อมา ชารีฟและการิมมาถึงรถบรรทุกเป้าหมาย อับดุลลาคนขับรถถามรหัสชารีฟว่ามีขนมปังหรือเปล่า เมื่อผู้มาเยือนตอบรหัสได้ถูกต้อง เขาจึงบอกให้ขึ้นไปซ่อนตัวด้านหลังกองสินค้าท้ายรถ ตรงนั้นจะมีช่องว่างพอให้ซุกตัวได้ แต่ต้องนั่งนิ่งๆไปไหนไม่ได้

ชารีฟอยากรู้ว่าอับดุลลาจะพาไปถึงไหน

“ถึงเมืองท่าข้างหน้า แล้วจะไปขึ้นเรือ...ไปขึ้นเรือนะ”

การิมบ่นพึมพำทำไมต้องพูดซ้ำด้วย ชารีฟส่ายหน้าเป็นเชิงไม่ให้พูดมาก อับดุลลาแจกแจงอีกว่า พวกเราจะพักตามทางสองครั้งที่โรงกาแฟริมถนน กว่าจะถึงเมืองท่าที่ว่าคงเป็นพรุ่งนี้เช้า ทุกคำพูดท้ายประโยคเขาจะพูดซ้ำกันสองครั้งทุกคำ ชารีฟพยักหน้ารับรู้ แล้วปีนขึ้นไปบนท้ายรถบรรทุกโดยมีการิมตามติด ไม่วายบ่นอีกครั้งว่าทำไมคนขับรถต้องพูดอะไรซ้ำๆน่ารำคาญ

“บอกเขาให้หยุดพูดและไม่ต้องพาเราไป เอาไหม” ชารีฟต่อว่าแล้วกวาดตามองไปรอบๆ ตั้งข้อสังเกตว่า เราคงต้องนั่งรถฝ่าทะเลทรายไป การิมหวังว่าระหว่างทางคงไม่เจอพายุ พลันภาพตอนฝ่าพายุทะเลทรายกับมิเชลล์ผุดขึ้นมาในสมองของชารีฟ เขาหยิบแหวนเปียรุสขึ้นมาจูบ ทำให้คลายความคิดถึงถึงเจ้าของไปได้บ้าง...

มิเชลล์เองก็รู้สึกไม่ต่างจากชารีฟ สีหน้าหม่นหมองตั้งแต่เขาจากไป จนพระชายาในองค์อาหเม็ดรับรู้ถึงความทุกข์ใจของเธอได้ ปลอบว่าชารีฟจะต้องรักษาชีวิตตัวเองเพื่อกลับมาหาเธอจนได้...

รถบรรทุกที่ชารีฟและการิมซ่อนตัวอยู่ แวะรับสินค้าตามรายทางจนข้าวของเต็มท้ายรถ การเดินทางไม่ราบรื่นเท่าใดนักเมื่อถูกทหารฝ่ายกบฏสองนายเรียกให้หยุด ด้วยความที่ชอบพูดซ้ำๆเป็นนิสัย ทำให้ทหารคิดว่าอับดุลลามีพิรุธ จัดแจงขึ้นไปค้นท้ายรถ ข้าวของมากมายทำได้แค่แหวกๆดู ไม่เห็นอะไรน่าสงสัยขยับจะลง พลันเหลือบเห็นรองเท้าข้างหนึ่งของการิมโผล่ออกมาจากกองผ้า ทหารชะโงกไปเรียกเพื่อนที่ยืนเฝ้าอับดุลลาให้มาดู

ชารีฟสะกิดการิมให้รีบถอดรองเท้าได้ทันท่วงที ก่อนที่ทหารคนนั้นจะใช้ดาบปลายปืนจิ้มไปที่รองเท้าแล้วงัดลอยไปตกนอกรถ การิมถึงกับถอนใจโล่งอกที่รอดมาได้อย่างเฉียดฉิว แม้จะเหลือรองเท้าแค่ข้างเดียว

ooooooo

รุ่งสางของวันถัดมา อับดุลลาขับรถมาถึงเมืองท่าเป้าหมาย แจ้งกับชารีฟและการิมว่าต้องรอที่นี่จนกว่าจะค่ำ การิมแปลกใจจะต้องรอทำไม นี่เพิ่งเช้ามืดทำไมไม่ไปกันเลย

“อยากเจอทหารหรือตำรวจล่ะ แถวนี้มีเยอะเลย อยากเจอไหม” อับดุลลาเสียงเขียว

“รอที่ไหน ในรถนี่หรือ”

อับดุบลาจะให้ทั้งคู่ไปรอในโกดังเก็บของที่ท่าเรือ ครู่ต่อมา เขาพาชารีฟกับการิมไปซ่อนตัวในโกดังหลังท้ายสุดของท่า และแจ้งว่าค่ำๆเจ้าของเรือจะมารับ แล้วขยับจะไป ชารีฟเรียกไว้ หยิบเงินค่าจ้างให้ อับดุลลาไม่ยอมรับเงิน ที่ทำไปทั้งหมดไม่ได้ต้องการค่าจ้าง การิมแปลกใจถ้าไม่อยากได้เงินแล้วทำไปเพื่ออะไร

“ข้าพเจ้า เป็นคนของราชองครักษ์...ข้าพเจ้านับถือ ชื่นชม บูชาท่านราชองครักษ์พันเอกชารีฟมาก”

การิมสบตาชารีฟก่อนจะหันไปแดกดันอับดุลลา “เคยเห็นหรือเปล่า ท่านราชองครักษ์น่ะ”

“ท่านเยาะหยันข้าพเจ้ารึ...ถึงข้าพเจ้าจะไม่เคยเห็นตัวท่านราชองครักษ์ แต่ข้าพเจ้ารู้เรื่องของท่านทั้งหมด พวกทหารตามป้อมชายแดนทุกคนรู้จักท่านเพราะได้รับสิ่งของเครื่องใช้ที่ท่านอนุเคราะห์มาให้เสมอๆ เรารู้ว่าท่านเป็นคนอย่างไร เราเชื่อ เราเคารพท่าน ไม่เกี่ยวกับการเคยเห็นหรือไม่เคยเห็นตัวท่านหรอก” อับดุลลาพูดใส่หน้าการิมแล้วผละจากไปอย่างขุ่นเคือง

การิมยิ้มแหยๆ ก่อนจะลุกไปเอากระดาษมาปูให้ชารีฟนั่งด้วยท่าทางนอบน้อม เขาทักท้วงว่าตอนนี้เขาไม่ใช่ราชองครักษ์

“ยามปลอดคนข้าพเจ้าอดไม่ได้ ยิ่งได้รู้เห็นความสำคัญของท่านอย่างนี้ยิ่ง...”

“การิม กองทัพไม่ได้อยู่ได้ด้วยนายพลคนเดียว ทุกคนรวมกันก่อให้เกิดเป็นกองทัพ...พรุ่งนี้ ขึ้นจากเรือใครจะพาไปบ้านศาสตราจารย์โมฮัมหมัด”

ได้ความว่าญาติที่ไว้ใจได้ของการิมจะมารับ ชารีฟอยากให้พาไปดูหน้าท่านศาสตราจารย์ก่อน

ooooooo

ญาติของการิมจัดให้ตามคำขอของชารีฟโดยพาการิมและชารีฟมาซุ่มอยู่แถวหน้าบ้านศาสตราจารย์โมฮัมหมัด เห็นรถของท่านแล่นมาจอด คนขับรถลงมาเปิดประตูให้เจ้านาย ทันทีที่เห็นหน้าเป้าหมายชัดเจนชารีฟกับการิมถึงกับตะลึงที่หน้าตาเขาคล้ายชารีฟมากเพียงแต่แก่กว่าเล็กน้อย การิมพึมพำเบาๆ

“บอกเป็นฝาแฝดยังเชื่อเลย”

จากนั้น ทั้งสามคนพากันมายังห้องพักซึ่งใช้เป็นกองบัญชาการชั่วคราว การิมจัดการแต่งหน้าให้ชารีฟดูเป็นคนสูงวัยให้เหลือเค้าศาสตราจารย์โมฮัมหมัดน้อยที่สุด แล้วเอากระจกให้เขาส่องดูตัวเอง

“เมื่อท่านศาสตราจารย์มองเห็นหน้าคนรับใช้คนใหม่ เขาจะต้องไม่ตกใจว่าหน้าเหมือนเขา เราจึงต้องแต่งให้แปลกกว่าหน้าจริงของท่าน” การิมอธิบาย

“เขาไม่ตกใจหรอกเพราะนี่เรายังจำตัวเองไม่ได้เลย” ชารีฟยิ้มพอใจ...

ในเวลาต่อมา ญาติของการิมพาชารีฟและการิมไปพบศาสตราจารย์โมฮัมหมัดที่บ้าน แนะนำว่าเป็นคนรับใช้คนใหม่ที่ท่านสั่งให้หา ศาสตราจารย์มองสำรวจชารีฟสลับกับการิมไปมา เห็นชารีฟมองตอบด้วยสายตาซื่อๆรู้สึกถูกใจ ถามว่าคนไหนที่จะมาเป็นคนรับใช้คนใหม่ ชารีฟค้อมหัวให้อย่างนอบน้อมบอกว่าเป็นเขาเอง

ศาสตราจารย์โมฮัมหมัดยิ้มพอใจ เดินนำชารีฟเข้าบ้าน ชายผู้อ่อนวัยกว่ามัวแต่มองกิริยาท่าทางของเจ้านายคนใหม่ไม่ทันดูทาง เดินสะดุดพรมหน้าคะมำกระแทกเขาเต็มแรงจนเซถลา ชารีฟพยายามคว้าตัวไว้ แต่กลับเสียหลักล้มลงไปด้วยกัน ศาสตราจารย์จ้องชารีฟเขม็ง เขารีบตีหน้าเซ่อทำตาปริบๆ ท่านถามเสียงเข้มว่าใครควรจะลุกขึ้นก่อน ชารีฟทำหน้าซื่อตาใสไม่รู้ว่าใครต้องลุกขึ้นก่อน

“เจ้านั่นแหละลุกขึ้นก่อน แล้วประคองเราให้ลุกขึ้นในฐานะที่เราเป็นเจ้านายของเจ้า”

“อ้อ...จริงสิ ขอโทษนายท่าน” ชารีฟดึงตัวเจ้านายขึ้นมา รีบไปหยิบกระเป๋าเอกสารที่กระเด็นตกพื้นแล้วจ้ำพรวดๆออกไป ศาสตราจารย์ร้องเรียกให้กลับมาก่อน สอนว่าห้ามเดินนำเจ้านาย แล้วเดินขากะเผลกนิดๆนำไป ชารีฟจำท่าเดินของเขาไว้ ก่อนจะสาวเท้าตาม อยู่ๆ ศาสตราจารย์หันขวับมาถามว่าเขาเป็นใคร

ชารีฟไม่ทันตั้งตัวสะดุ้งโหยง “ข้าพเจ้า...เอ่อ ไม่เข้าใจ”

อ่านละคร ฟ้าจรดทราย ตอนที่ 8 วันที่ 27 ส.ค. 56

ละครฟ้าจรดทราย ประพันธ์โดย โสภาค สุวรรณ
ละครฟ้าจรดทราย บทโทรทัศน์โดย ศัลยา สุขะนิวัตต์
ละครฟ้าจรดทราย กำกับการแสดงโดย สยาม สังวริบุตร
ละครฟ้าจรดทราย ผลิตโดย ค่าย ดาราวิดีโอ
ละครฟ้าจรดทราย ออกอากาศทุกวันจันทร์ และวันอังคาร เวลา 20.30 น. ทางช่อง 7 สี
ละครฟ้าจรดทราย เริ่มตอนแรกวันจันทร์ที่ 12 สิงหาคม 2556
ที่มา ไทยรัฐ