อ่านละคร ฟ้าจรดทราย ตอนที่ 3 วันที่ 10 ส.ค. 56

อ่านละคร ฟ้าจรดทราย ตอนที่ 3 วันที่ 10 ส.ค. 56

ครู่ต่อมา ชารีฟพามิเชลล์มายังรถที่จอดรออยู่ อดถามไม่ได้ว่าเหตุใดต้องรออีก 3 วัน หญิงสาวปลดผ้าคลุมหน้าออก หันมาเผชิญหน้าด้วยบอกว่าเธอเป็นคนทูลพระองค์เองว่าต้องการเวลาตัดสินใจ

“ดิฉัน หวังว่าอาจมีปาฏิหาริย์หรือมีใครมาช่วยดิฉัน หรือ...ให้องค์อาหเม็ดลืมเลือนเรื่องนี้ไป...ท่านราชองครักษ์ ท่านจะช่วยดิฉันเหมือนที่ท่านช่วยไม่ให้ดิฉันโดนประหารได้หรือไม่”

ชารีฟไม่ยอมช่วยเพราะครั้งนี้ไม่ใช่โทษประหาร มิเชลล์จ้องเขานิ่ง อ่านสีหน้าไม่ออกว่าเขารู้สึกอย่างไร...


หลัง จากส่งมิเชลล์เรียบร้อยแล้ว ชารีฟมายังตึกบัญชาการของตน เพื่อปรึกษากับการิมและนายทหารคนสนิทเรื่องวางกองกำลังป้องกันการก่อการกบฏ แต่อดไม่ได้ที่จะแขวะเจ้าชายโอมานที่หมกมุ่นอยู่กับการตั้งกองทหารกองใหม่ ทั้งๆที่ตัวเองกำลังจะก่อการกบฏ การิมไม่เข้าใจ เจ้าชายโอมานได้ทุกอย่างเท่าเทียมหรืออาจจะมากกว่าองค์อาหเม็ดด้วยซ้ำ เหตุใดจึงทะเยอทะยานอยากจะก่อกบฏอีก ชารีฟอธิบายว่า

“พระเจ้าตาของ โอมานขึ้นเรืองอำนาจในแคว้นชายแดนเล็กๆเพราะฆ่าพี่ชายแท้ๆของตัวเอง...การิม จัดการหน่วยราชองครักษ์เต็มรูปแบบเข้าอารักขาตำหนักขององค์อาหเม็ดตลอดเวลา นับแต่นี้เป็นต้นไป”...

ในเวลาเดียวกัน เจ้าชายโอมานไม่พอใจมากเมื่อรู้จากมเหสีเอกว่ามิเชลล์เข้าเฝ้าองค์อาหเม็ด ด่าว่าเธอต่างๆนานาหาว่ารู้เห็นเป็นใจให้นังนั่นไปเป็นพระสนม ไม่รู้หรือว่ามิเชลล์จะมีลูกตั้ง 6 คน เจ้าหญิงฟารีดาทราบดีเรื่องนี้ ใครๆก็รู้กันทั้งนั้น เจ้าชายโอมานเข้ามาจับไหล่เธอเขย่าแล้วเหวี่ยงลงกับพื้น

“โง่บัดซบ มีโอกาสที่จะได้เป็นราชินี ยังไม่รู้จักสกัดกั้นขวากหนาม ถึงเวลาหรือไม่เราก็จะไม่รออีกต่อไป มือของเราทั้งสองมือนี่แหละจะฝืนโชคชะตาของฮิลฟาราเอง” เจ้าชายโอมานประกาศก้อง

ooooooo

ตั้งแต่เข้าเฝ้าพระองค์อาห เม็ดครั้งนั้น มิเชลล์มีสีหน้าหม่นหมองตลอด พิณที่เคยบรรเลงเพลงหวานกลับฟังแล้วเศร้าจนอะมีนาอดถามไม่ได้ว่าเกิดอะไร ขึ้น เธอคิดหนักถึงเรื่องที่ต้องไปเป็นพระสนมเพราะประเพณีของประเทศเธอ สามีมีภรรยาคนเดียว ผู้ชายและผู้หญิงมีสิทธิเท่าเทียมกัน ไม่เหมือนที่นี่ซึ่งผู้ชายกุมอำนาจทุกอย่าง

“ผู้ชายไม่ได้เลือกภรรยา ฝ่ายเดียว ผู้หญิงก็เลือกสามีเหมือนกัน เมื่อแต่งงานกันแล้ว สามีภรรยามีสิทธิหน้าที่เท่าเทียมกันในครอบครัว เช่นผู้หญิงอาจจะทำงานหาเงิน ผู้ชายทำงานบ้านเลี้ยงลูก ทั้งสองฝ่ายต้องซื่อสัตย์ต่อกัน ถ้าใครนอกใจมีคนอื่นถือว่าผิดประเพณีอย่างแรง อีกฝ่ายฟ้องเรียกค่าเสียหายได้”

“ถ้าอย่างนั้น ครูจะตัดสินใจยังไงหรือคะ”

ซา รีฟแอบฟังอยู่หลังพุ่มไม้ไม่ต้องการได้ยินคำตอบของมิเชลล์ หันหลังจะกลับ แต่อะมีนาเหลือบไปเห็นเรียกไว้ก่อน เขาจึงต้องเดินเข้ามาหา ฝากความระลึกถึงให้พ่อของอะมีนาด้วย เธอยิ้มรับอย่างรู้กัน

“เจ้าค่ะ ท่านราชองครักษ์ พ่อส่งข่าวว่าหมู่นี่ลมแรงเหลือเกินพ่อจะหลบลมเข้ามาที่ฮิลฟาราไม่ช้านี้ เจ้าค่ะ” อะมีนาว่าแล้วลุกออกไป ชารีฟแจ้งมิเชลล์ว่าได้เวลาตามนัดแล้ว คืนนี้จะมารับไปเฝ้าองค์อาหเม็ด เธอทราบอยู่แล้ว เขาไม่เห็นต้องลำบากมาบอกด้วยตัวเอง

“ฉันเต็มใจจะลำบาก เพราะมันเป็นหน้าที่ ไม่ว่าคำตอบของเธอจะเป็นเช่นไร มาบอกเท่านี้” ชารีฟพูดจบก้าวฉับๆออกไปทันที ทิ้งมิเชลล์ให้ยืนน้อยใจอยู่ตรงนั้น...

ทาง ฝ่ายองค์อาหเม็ดร้อนใจต้องการฟังคำตอบจากมิเชลล์ถึงขนาดเลื่อนการเดินทางไป อิชฟาอัคออกไป ทั้งที่กำหนดจะไปตั้งแต่วันก่อน แต่ก็คุ้มค่าเมื่อหญิงสาวตอบตกลงจะเป็นพระสนมของพระองค์

“พรุ่งนี้ เราจะเดินทางไปอิชฟาอัค เมื่อกลับมาเราจะให้พันเอกชารีฟเข้าไปรับเจ้า หวังว่าจะไม่มีการปฏิเสธเป็นครั้งที่สอง” องค์อาหเม็ดใช้สองมือประคองใบหน้ามิเชลล์แล้วจุมพิตมัดจำที่หน้าผากหนึ่งที จากนั้นจึงพาไปส่งให้ชารีฟซึ่งรออยู่หน้าห้อง

“นำนางผู้นี้กลับไป ตำหนักเจ้าหญิงฟารีดาได้แล้ว ส่งหีบของขวัญตามไปมอบให้นางวันพรุ่งนี้ กลับจากอิชฟาอัคเราจะมีพิธีรับพระสนมคนใหม่ แจ้งให้ทราบทั่วกันด้วยนะชารีฟ”

ชารีฟโค้งรับอย่างนอบน้อม ก่อนจะพามิเชลล์ไปส่งยังตำหนักของเจ้าหญิงฟารีดา ขณะที่เธอกำลังจะ

เดินเข้าข้างใน ชารีฟพูดไล่หลังว่าไม่รอปาฏิหาริย์แล้วหรือ หญิงสาวหันขวับ

“ตอนที่ดิฉันพูดถึงปาฏิหาริย์ ดิฉันก็รู้แล้วว่าไม่มี” น้ำเสียงของเธอคล้ายจะตัดพ้อ

“องค์อาหเม็ดไม่บังคับเธอแน่นอน ฉันรู้ว่าทรงถามย้ำว่าเธอเต็มใจหรือเปล่า”

“ใช่ และดิฉันก็ทูลว่าดิฉันเต็มใจ คุณอาจอยากจะรู้เหตุผลหรืออาจไม่อยากรู้ แต่ดิฉันจะบอก ถ้าดิฉันปฏิเสธ ดิฉันคงถูกส่งกลับฝรั่งเศส ดิฉันไม่อยากอยู่ที่นั่น แต่ถ้าถามว่าจะไปไหน ดิฉันกลับบอกไม่ได้เพราะไม่รู้จะไปไหน สุดท้ายดิฉันไม่อยากใช้นามสกุล เดอลาโรนีส์ ไม่อยากเกี่ยวข้องกับสกุลอันยิ่งใหญ่ของพ่อ”

จากนั้น ความอัดอั้นตันใจทั้งหลายก็พรั่งพรูออกจากปากของมิเชลล์ ทั้งเรื่องที่ปู่กับย่าไม่ต้อนรับเด็กเลือดผสมอย่างเธอเป็นหลาน ที่ท่านให้ใช้นามสกุลก็เพราะเป็นไปตามกฎหมาย เล่าไปก็ร้องไห้ไปด้วยความสมเพชเวทนาตัวเอง ชารีฟสงสารและเห็นใจเธอมาก ไม่รู้จะช่วยอย่างไร ได้แต่เป็นกำลังใจให้

ooooooo

แคชฟียา ถึงกับร้องกรี๊ดๆเมื่อรู้ข่าวว่ามิเชลล์จะได้รับแต่งตั้งให้เป็นพระสนมใน องค์อาหเม็ดในอีกไม่กี่วันข้างหน้า ไม่เข้าใจทำไมคนทรยศอย่างนั้นถึงได้ดิบได้ดี แม่ของเธอว่าเป็นพระประสงค์ขององค์อาหเม็ด

“ไม่จริง มันไปหว่านเสน่ห์ คนอย่างมันโปรยเสน่ห์ไม่เลือกว่าเป็นใคร โรแบร์ของลูกมันก็แย่งไป ไม่เคยคิดสักนิดว่าเป็นผัวเพื่อน” คำพูดพล่อยๆของแคชฟียาทำให้แม่ถึงกับเข่าอ่อน ท่านเศรษฐีรีบเข้าไปประคองไว้ ก่อนจะหันไปเอ็ดลูกสาว พูดจาอะไรให้ระวังปาก มีคู่รักได้แต่ทำไมต้องมีผัว
“แหมพ่อเจ้าขา คู่รักกับผัวก็เหมือนกันนั่นแหละค่ะ ไม่เห็นหรือคนที่รีบแต่งงานน่ะท้องทุกคน”

ท่านเศรษฐีทนไม่ไหวที่ลูกพูดจาไม่เป็นกุลสตรีทั้งด่าทั้งสาปแช่งสารพัด แต่เธอไม่สนใจกลับหัวเราะใส่หน้าเขาอย่างท้าทาย...

อาการไม่อยู่กับร่องกับรอยของแคชฟียาหนักข้อขึ้นตั้งแต่รู้ข่าวมิเชลล์ แต่งเนื้อแต่งตัวแบบเว่อร์ๆ แถมยังพูดโทรศัพท์กับโรแบร์เป็นตุเป็นตะทั้งที่ไม่มีสายสัญญาณ บางทีก็ร้องไห้ อยู่ๆก็เปลี่ยนเป็นหัวเราะ ท่านเศรษฐีกับภรรยาถึงกับกุมขมับด้วยความกลุ้มใจ...

ขณะที่แคชฟียาเริ่มสติแตก ชารีฟนำหีบเครื่องเพชรจะมามอบให้มิเชลล์ แต่ต้องชะงักเมื่อเห็นเธอกำลังดีดพิณอยู่ที่สวนข้างตำหนัก รีบหลบเข้าพุ่มไม้จ้องมองภาพงดงามตรงหน้าตาไม่กะพริบ มัวแต่มองเพลิน ไม่ทันได้ยินเสียงซาฟีน่าหัวหน้านางกำนัลของที่นี่เข้ามาด้านหลังจนเธอกระแอมให้รู้สึกตัว เขาจึงหันมามอง

“ท่านราชองครักษ์ อัญเชิญหีบพระราชทานมาแล้วหรือเจ้าคะ”

มิเชลล์ได้ยินเสียงก็เหลียวมอง พอเห็นชารีฟมารีบหยุดบรรเลงพิณ ค่อยๆดึงผ้าคลุมหน้ามาปิด เป็นจังหวะเดียวกับท่านราชองครักษ์เข้ามาคุกเข่าเอาหีบเครื่องเพชรมาวางตรงหน้า แจ้งว่าเป็นหีบพระราชทานจากองค์อาหเม็ด สำหรับวันถวายตัว อีก 3 วันข้างหน้าหลังเสด็จกลับจากอิชฟาอัค

“วันนั้นเวลา 4 ทุ่ม ฉันจะเข้ามารับเธอ...เธอรู้อยู่แล้วไม่ใช่หรือ” ชารีฟแดกดันจบลุกออกไป

ooooooo

เจ้าชายโอมานเรียกประชุมเหล่าทหารคนสนิทซึ่งประกอบด้วยซาอิ๊บ มุสตาฟาและหะยีเป็นการด่วนเมื่อทราบว่าองค์อาหเม็ดเสด็จไปอิชฟาอัคโดยไม่มีกำหนดการมาก่อน สอบถามทั้งสามคนแล้วไม่มีใครตอบได้ว่าเหตุใดพระองค์ถึงเสด็จไปที่นั่นแบบไม่มีปี่มีขลุ่ยเช่นนี้ เจ้าชายโอมานไม่สบอารมณ์ตบโต๊ะเปรี้ยง

“โง่จริงๆ...ซาอิ๊บ สั่งการไปถึงคนของเราที่อิชฟาอัคให้ตามเรื่องด่วน”

ซาอิ๊บแจ้งว่าสายของเราทางโน้นทราบแล้วอีกไม่ช้าก็คงรายงานเข้ามา เจ้าชายโอมานอยากรู้ว่าสายของเราเป็นใคร ตำแหน่งใหญ่โตขนาดไหน พอรู้ว่าเขาเป็นข้าราชการชั้นผู้ใหญ่คนหนึ่งในคณะรัฐมนตรีของเจ้าชายอับดุลลาเจ้าผู้ครองนครอิชฟาอัคถึงกับยิ้มพอใจ...

ขณะที่เจ้าชายโอมานกับพวกประชุมกันอยู่ที่ฮิลฟารา องค์อาหเม็ดกับเหล่าคนสนิท รวมทั้งเจ้าชายอับดุลลาผู้เป็นหลานและข้าราชการชั้นผู้ใหญ่ที่เกี่ยวข้องกำลังประชุมอย่างเคร่งเครียดไม่แพ้กันอยู่ที่อิชฟาอัค เมื่อองค์อาหเม็ดประมวลหลักฐานที่ได้จากชารีฟจนแน่ใจว่าเจ้าชายโอมานคิดจะก่อกบฏหลังจากพระองค์กลับถึงฮิลฟารา จึงแต่งตั้งให้เจ้าชายอับดุลลารับตำแหน่งแทนเจ้าชายโอมาน

“หลานเต็มใจสนองพระคุณเสด็จอา”

“ชารีฟ เมื่อกลับไปเราจะรับพระสนมใหม่เสียก่อน หลังจากนั้นอีกสามวันเราจะสำเร็จโทษโอมาน”

สายของเจ้าชายโอมานซึ่งร่วมประชุมอยู่ด้วย ลอบออกมาสั่งการให้ม้าเร็วนำจดหมายของตนที่รายงานเรื่องดังกล่าวไปส่งให้เจ้าชายโอมานด่วนที่สุด...

ทันทีที่ได้รับจดหมายจากสาย เจ้าชายโอมานสั่งการให้ทหารของตนเตรียมพร้อม องค์อาหเม็ดกลับถึงฮิลฟาราเมื่อไหร่ให้ปลงพระชนม์ได้เลย โดยจะส่งคนไปลอบฆ่าทหารยามที่เฝ้าวังหลวงทั้งหมดก่อน แล้วจัดทหารของตนไปยืนยามแทน ซาอิ๊บทักท้วงว่าทหารรักษาพระองค์ทั้งกองเฝ้าระวังวังหลวงอยู่คงไม่ง่ายที่จะทำตามแผน เจ้าชายโอมานด่าว่าไอ้ขี้ขลาดแล้วหันไปถามมุสตาฟาว่าจะทำอย่างไรดี

“ทหารของเราส่วนหนึ่งให้หัวหน้านางกำนัลที่ชื่อซาฟีน่า นางเป็นพวกเรา รับเข้าไปแฝงตัวอยู่ในวัง องค์อาหเม็ดเสด็จเมื่อไหร่ ทหารของเราข้างนอกจะเข้าประชิด ข้างในจะออกมาประกบและฆ่าให้หมดพระเจ้าข้า”

เจ้าชายโอมานเห็นชอบด้วย อีกทั้งจะให้ซาฟีน่าจัดนางกำนัลที่เป็นพวกของเราอยู่เวรบริเวณชั้นใน และให้ซาอิ๊บกับมุสตาฟาเข้าไปรอที่วังหลวง ใครขัดขืนไม่ต้องไว้ชีวิต ซาอิ๊บและมุสตาฟารีบไปทำตามสั่งทันที...

ไม่นานนัก ทุกอย่างเป็นไปตามแผนการที่เจ้าชายโอมานและพวกวางไว้ ซาฟีน่าจัดให้นางกำนัลที่เป็นพวกของตัวเองเข้าประจำที่ตามจุดสำคัญๆรอบตำหนักชั้นใน จากนั้นจึงเปิดทางให้ซาอิ๊บและมุสตาฟาเข้ามาเตรียมพร้อมรอการกลับมาขององค์อาหเม็ด

ooooooo

เมื่อองค์อาหเม็ดเสด็จมาถึงวังหลวง เจ้าชายโอมานทำทีมารอต้อนรับเหมือนไม่มีอะไรเกิดขึ้น พระองค์เดินทางกลับมาเหนื่อยๆจึงอยากจะพักผ่อน แต่ไม่ลืมกำชับชารีฟว่าอย่าลืมไปรับมิเชลล์ให้ด้วย แล้วเสด็จขึ้นตำหนัก ชารีฟพยักหน้าเรียกผู้บังคับกองราชองครักษ์เข้ามาหา

“ฉันมีราชการด่วนต้องทำ จะกลับมาอีกทีค่ำๆ” ชารีฟสั่งเสร็จหันไปส่งสัญญาณให้การิมรออยู่ตรงนั้นแล้วตัวเองขึ้นรถขับออกไปอย่างรวดเร็ว...

ในขณะเดียวกัน รายานางกำนัลซึ่งไม่รู้อีโหน่อีเหน่อะไรด้วยตามมาหาซาฟีน่าที่หน้าห้ององค์อาหเม็ดเพื่อจะขอแลกเวรกันเนื่องจากพรุ่่งนี้เธอมีธุระ ซาอิ๊บไม่ต้องการให้มีอะไรผิดพลาดจำต้องสังหารรายาแล้วลากศพไปซ่อนไว้ได้อย่างเฉียดฉิว ก่อนที่องค์อาหเม็ดจะเสด็จมาถึงห้องประทับ พวกนางกำนัลฝ่ายเจ้าชายโอมานรีบออกมารับเสด็จ รอจนพระองค์เข้าห้องจึงเปิดทางให้ซาอิ๊บและมุสตาฟาตามเข้าไป

องค์อาหเม็ดไม่ทันระวังตัวถูกซาอิ๊บเอายาสลบโปะหน้าจนแน่นิ่งไป พลันมีเสียงร้องของนางกำนัลดังขึ้นหน้าห้อง ซาอิ๊บตกใจรีบนำร่างองค์อาหเม็ดวางบนเตียงแล้วออกไปดู เจอนางกำนัลเพื่อนของรายาร้องเอะอะว่ารายาตายแล้ว เธอเจอศพอยู่ด้านโน้น ซาอิ๊บจะเข้ามาจัดการจากด้านหลังแต่เธอรู้ตัวเสียก่อน จะวิ่งหนี เขาตะครุบตัวไว้ แต่เธอดิ้นหลุด วิ่งหนีพลางส่งเสียงร้องขอความช่วยเหลือ แต่ไปไม่รอดถูกมุสตาฟาเชือดคอตายสนิท

นางกำนัลสองคนที่คอยเปิดทางให้เห็นการฆ่ากันโวยวายลั่นไหนว่าจะไม่มีใครตาย ทำไมต้องฆ่าแกงกันด้วยแล้วถามถึงองค์อาหเม็ดว่าเป็นอย่างไรบ้าง ซาอิ๊บแสยะยิ้ม

“เดี๋ยวก็สิ้นพระชนม์ โดนยาสลบไปแล้ว”

พวกนางกำนัลถึงกับร้องไห้ฟูมฟายไม่คิดเลยว่าเรื่องร้าวจะร้ายแรงถึงขนาดลอบปลงพระชนม์ ซาอิ๊บกับมุสตาฟาเห็นท่าไม่ดี เกรงทั้งคู่จะทำแผนการพัง จึงสังหารให้สิ้นซาก...

ขณะที่ภายในตำหนักหลวงตกอยู่ในสถานการณ์คับขัน ที่ด้านหน้าตัวตำหนักทหารสองฝ่ายปะทะกันอย่างดุเดือด ทหารขององค์อาหเม็ดจำนวนน้อยกว่า ถูกทหารฝ่ายเจ้าชายโอมานสังหารล้มตายจำนวนมาก มิเชลล์ซึ่งอยู่ที่วังของเจ้าชายโอมาน แต่งตัวสวยเตรียมจะเข้าถวายตัวต้องตกใจเมื่ออะมีนาเข้ามาแจ้งว่าพระอนุชาก่อการกบฏ เวลานี้กุมอำนาจทหารไว้หมดแล้ว องค์อาหเม็ดอยู่ในอันตราย

นายพลมุสกัตพ่อของเธอกำลังลอบเข้าไปในวังหลวงด้วยทางลับใต้ดินเพื่อไปอารักขาองค์อาหเม็ด ส่วนท่านราชองครักษ์อยู่ที่ตึกเหลืองด้านหน้า จะต้องมีคนออกไปตามแต่ไม่มีใครออกไปได้ มิเชลล์อาสาจะไปตามชารีฟเอง จะใช้ข้ออ้างที่เป็นชาวต่างชาติผ่านพวกทหารออกไปให้ได้ แล้วคว้าเสื้อคลุมมาสวม

“อะมีนาจะไปอยู่กับเจ้าหญิงฟารีดา ที่นั่นคง ปลอดภัย”

มิเชลล์เตือนอะมีนาให้ระวังตัวด้วย ไปตามชารีฟได้แล้วจะรีบไปหา สองสาวกอดให้กำลังใจกันโดยไม่ล่วงรู้เลยว่านี่จะเป็นครั้งสุดท้าย หลังจากแยกทางกัน อะมีนาถูกหะยีฆ่าตาย...

ด้านเจ้าหญิงฟารีดาถึงกับเข่าอ่อนเมื่อทราบว่าเจ้าชายโอมานก่อการกบฏและองค์อาหเหม็ดสิ้นพระชนม์แล้ว เจ้าชายอ้างว่าพระองค์หัวใจวายเอง เจ้าหญิงฟารีดาไม่เชื่อ รู้แก่ใจดีว่าเป็นฝีมือของเขา ทนอยู่ที่นี่ต่อไปไม่ไหว ขอลา กลับบ้านที่เกซาห์ เจ้าชายโอมานโวยวายลั่นว่าตำแหน่งพระราชินีแห่งฮิลฟารากำลังรอเธออยู่ เจ้าหญิงไม่ขอรับตำแหน่ง ขอถวายคืน เจ้าชายจอมโหดไม่ยอม

“ให้แล้ว ไปไหนไม่ได้ทั้งนั้น ถ้ายังไม่อยากตาย นังอะมีนาน่ะถูกปาดคอห้อยรุ่งริ่ง อยากจะเป็นอย่างนั้นรึ”

เจ้าหญิงฟารีดาถึงกับปล่อยโฮ แล้วนึกถึงครูมิเชลล์ขึ้นมาได้ก็ถามหา ได้ความว่าเธอคงมีชะตากรรมไม่ต่างจาก อะมีนา เจ้าหญิงคร่ำครวญจะต้องฆ่าใครอีกกี่คนถึงจะสาแก่ใจ...

ในเวลาไล่เลี่ยกันทหารฝ่ายเจ้าชายโอมานสองนายซึ่งถูกสั่งให้เฝ้าพระศพอยู่หน้าห้องถึงกับตาเหลือก เมื่อเข้าไปตรวจดูข้างในห้องพบว่าพระศพหายไป ต่างมองหน้ากันเหมือนรู้ในชะตากรรมของตัวเอง

อ่านละคร ฟ้าจรดทราย ตอนที่ 3 วันที่ 10 ส.ค. 56

ละครฟ้าจรดทราย ประพันธ์โดย โสภาค สุวรรณ
ละครฟ้าจรดทราย บทโทรทัศน์โดย ศัลยา สุขะนิวัตต์
ละครฟ้าจรดทราย กำกับการแสดงโดย สยาม สังวริบุตร
ละครฟ้าจรดทราย ผลิตโดย ค่าย ดาราวิดีโอ
ละครฟ้าจรดทราย ออกอากาศทุกวันจันทร์ และวันอังคาร เวลา 20.30 น. ทางช่อง 7 สี
ละครฟ้าจรดทราย เริ่มตอนแรกวันจันทร์ที่ 12 สิงหาคม 2556
ที่มา ไทยรัฐ