อ่านละคร ฟ้าจรดทราย ตอนที่ 1 วันที่ 4 ส.ค. 56
มิทเชลล์ เดอลาโรนีส์ กำพร้าตั้งแต่ยังเล็กๆ พ่อของเธอเป็นชาวฝรั่งเศสส่วนแม่เป็นชาวตะวันออกไกลตายด้วยสาเหตุเครื่องบินตก แม้ตระกูลเดอลาโรนีส์ทางพ่อของเธอจะร่ำรวย ใหญ่โตและมีชื่อเสียง แต่ปฏิเสธ ไม่ยอมรับเด็กน้อยที่เกิดจากหญิงต่างชาติทางสถานสงเคราะห์เด็กจึงเห็นควรให้นำตัวเด็กน้อยมาส่งให้คุณแม่อธิการผู้ดูแลรับผิดชอบโบสถ์คาทอลิกเก่าแก่แห่งหนึ่งซึ่งตั้งอยู่ทางตอนเหนือของประเทศฝรั่งเศสรับเลี้ยง
“หลานของคุณเป็นเด็กน่ารัก เรียนเก่ง ความประพฤติดียอดเยี่ยมและหน้าตาสะสวยมาก” คุณแม่อธิการคุยอวดคุณสมบัติของลูกศิษย์จนมาดามโซฟี คิดคล้อยตาม ครู่ ต่อมา มิเชลล์ซึ่งตื่นเต้นมากที่จะได้พบญาติ มายืนอยู่ตรงหน้ามาดามโซฟี ต่างฝ่ายต่างจ้องกันไม่วางตา
“มิเชลล์ คุณปู่คุณย่าของเธอมาพักผ่อนที่เมืองเซนต์วาเลอรี่ เมืองชายทะเลใกล้ๆ นี่คุณอาสะใภ้ของเธอมาดามเดอลาโรนีส์ จึงนำเงินที่บริจาคให้โบสถ์ของเราเป็นประจำมาให้ด้วยตัวเอง” คุณแม่อธิการอธิบายจบ หันไปทางมาดามโซฟี “มาดามคะเพื่อเห็นแก่พระเจ้า กรุณาให้คุณปู่คุณย่าของมิเชลล์ได้เห็นหน้าเธอสักครั้ง เพียงแต่ให้ท่านรับรู้ว่าหลานกำพร้าของท่านจบการศึกษาแล้ว”
มาดามโซฟีครุ่นคิดอยู่สักครู่หนึ่งก่อนจะตกลงใจทำตามคำร้องของคุณแม่อธิการ...
ในเวลาต่อมา มิเชลล์มานั่งรออยู่ที่ห้องรับแขกของตระกูลเดอลาโรนีส์ที่ทั้งใหญ่โตและสวยงามด้วยความตื่นเต้น พลันภาพตอนเช้าขณะอยู่ที่โรงเรียนผุดเข้ามาในความคิดของเธอ ตอนนั้นเธอกำลังกวาดเหรียญและถ้วยรางวัลใส่กระเป๋าจะเอาไปอวดคุณปู่คุณย่า โดยมีแคชฟียา หรือแคชฟี่เพื่อนสนิทของเธอยืนมองอยู่ใกล้ๆ
“เขาไม่ยอมรับเธอเป็นหลานตั้งสิบกว่าปีแล้ว จะไปทำไม”
“ฉันอยากเห็นท่านและเชื่อว่าท่านอยากเห็นฉันเหมือนกัน” มิเชลล์น้ำเสียงร่าเริง แคชฟี่ติงว่าแค่เห็นหน้ากันจะมีประโยชน์อะไร เธอหวังว่าจะมีอะไรมากกว่านั้น
“เช่นรับเธอไปอยู่ปารีส...รับเธอเข้าในครอบครัวน่ะหรือ”
“ใช่ ฉันเอารางวัลกับเหรียญต่างๆที่ฉันได้ไปให้ท่านดูด้วยนะ วันนี้”
มิเชลล์ตื่นจากภวังค์ มองเหรียญกับรางวัลต่างๆ ในกระเป๋าอย่างมีความสุข แต่แล้วความสุขและความหวังต้องพังทลายเพราะทั้งคุณปู่และคุณย่าของเธอไม่ต้อนรับ แถมยังพูดให้เจ็บช้ำน้ำใจ ที่ต้องให้เธอใช้นามสกุลด้วยก็เพราะเป็นไปตามกฎหมายเท่านั้น ทั้งๆ ที่จริงแล้วท่านไม่ต้องการให้ตระกูลมีเลือดลูกผสมต่างชาติต่างศาสนา ส่วนเงินบริจาคให้โบสถ์ทุกปีก็ทำเพื่อวิญญาณของลูกชาย และหวังว่าเราคงไม่ต้องพบกันอีก...
ทันทีที่กลับถึงโบสถ์ มิเชลล์ตรงไปคุกเข่าหน้าแท่นบูชา แล้วร้องไห้อย่างขมขื่นใจ คุณแม่อธิการเข้ามาโอบเธอไว้อย่างปลอบประโลม มิเชลล์ถึงกับปล่อยโฮ
“มิเชลล์...แม่ผิดเอง...แม่ผิดเอง” คุณแม่อธิการลูบหัวมิเชลล์ด้วยความสงสารจับใจ โดยมีแคชฟียายืนหน้าเศร้าอยู่ไม่ห่าง หลังจากร้องไห้จนสาแก่ใจแล้ว มิเชลล์กลับห้องพักด้วยแววตาแห้งผาก บ่นให้เพื่อนรักฟังว่าต่อไปนี้เธอเหลือตัวคนเดียวแล้ว แคชฟียาตวาดแว้ด
“จะบ้าหรือ ฉันล่ะ เธอเอาไปไว้ที่ไหน แล้วยังเพื่อนๆ ซิสเตอร์แอน ซิสเตอร์หลุยส์ คุณแม่อธิการล่ะ”
มิเชลล์คิดคล้อยตาม ก่อนจะยิ้มได้ ขอบใจแคชฟียาสำหรับคำปลอบใจ
ooooooo
มิเชลล์สอบชิงทุนไปเรียนต่อที่มหาวิทยาลัยซอร์บอนน์ในกรุงปารีสได้ และภายใน 4 ปี ก็สำเร็จการศึกษา ตลอดเวลานั้นแคชฟียาอยู่เคียงข้างเสมอ แม้จะไม่เรียนเก่งจนสอบได้ทุนเหมือนมิเชลล์ แต่เธอก็มีทุนของพ่อแม่ส่งเสียให้ร่ำเรียนจนจบเช่นกัน
“ชีวิตช่างสมบูรณ์ เรียนจบปริญญาจะได้กลับบ้าน อะไรจะมีความสุขขนาดนี้” แคชฟียายิ้มแย้มแจ่มใส ผิดกับมิเชลล์ลิบลับ แม้จะดีใจ แต่รอยยิ้มกลับดูเศร้าสร้อย จนเพื่อนรักต้องสั่งให้เธอหยุดยิ้มแบบนี้เสียที
“ฉันชวนเธอไปประเทศฉัน ไปช่วยฉันตั้งโรงเรียน สอนภาษาฝรั่งเศสให้เด็กผู้หญิงที่นั่น เธอต้องไปนะ เพราะถ้าเธอไม่ไปกับฉัน เธอจะไปไหน ในเมื่อเธอตัวคนเดียว ไม่มีพ่อแม่พี่น้องที่ไหน ถึงมีเขาก็ไม่ยอมรับ” คำพูดเรื่อยเปื่อยของแคชฟียา แฝงน้ำเสียงดูถูกนิดๆ แต่มิเชลล์ เศร้าใจเกินกว่าจะเอามาใส่ใจ...
ค่ำวันเดียวกัน มิเชลล์แวะไปสวดมนต์ที่โบสถ์ใกล้ๆ หอพัก กว่าจะออกจากที่นั่น รอบๆบริเวณก็ไร้ผู้คน เธอเร่งฝีเท้าเพื่อกลับที่พัก ทันใดนั้น มีชายคนหนึ่งโผล่พรวดมาดักหน้า มิเชลล์เกรงจะเป็นคนร้าย หันหลังวิ่งหนี เขาไล่ตามจนทัน พร้อมกับยื่นนามบัตรให้ หญิงสาวรีๆรอๆไม่กล้ารับ
“รับไว้เถอะครับ ผมชื่อปิแอร์ ทำงานหนังสือพิมพ์ข่าวแฟชั่น เชื่อใจผมหน่อยครับ ผมมีอะไรบางอย่างจะพูดกับคุณ ผมอยากได้คุณเป็นนางแบบ” ปิแอร์เห็นมิเชลล์อ้าปากจะปฏิเสธ ชิงพูดขึ้นเสียก่อน “เดี๋ยวครับ โปรดพิจารณาก่อน เพราะนี่คือรายได้พิเศษสุดสำหรับนักศึกษาอย่างคุณ”
“ฉันเรียนจบแล้วค่ะ”
“อ้อ หรือว่าต้องขออนุญาตผู้ปกครองก่อน”
มิเชลล์ออกตัวว่าเป็นเด็กกำพร้า อยู่ในคอนแวนต์ ไม่ต้องขออนุญาตใคร ปิแอร์ขอร้องให้เธอลองพิจารณาข้อเสนอของเขาดูก่อน...
ด้านแคชฟียาถึงกับโวยวายลั่นเมื่อรู้ว่ามิเชลล์ปฏิเสธข้อเสนอของปิแอร์ เพราะคิดว่าการได้เป็นนางแบบ คือสิ่งที่ผู้หญิงทุกคนปรารถนา แล้วถามว่าเสนอชื่อเธอให้เขาแทนที่หรือเปล่า มิเชลล์ส่ายหน้า
“ฉันจะเสนอได้ยังไง ก็เรามีงานสำคัญรออยู่ข้างหน้า งานที่เป็นประโยชน์กับเด็กๆที่ประเทศของเธอ”
“เฮ้อ...นั่นคือความจริง เราต้องกลับบ้าน” แคชฟียาถอนใจ เหนื่อยใจ...
ความรู้สึกเคว้งคว้างที่เรียนจบแล้วไม่มีบ้านให้กลับเหมือนใครต่อใคร ทำให้มิเชลล์เก็บเอาไปฝันว่าหลงทางอยู่กลางทะเลทรายที่อ้างว้าง เห็นเพียงฟ้าจรดทราย อยู่ๆก็มีชายในชุดดำคล้ายพวกอาหรับทั้งหัวและใบหน้าโพกผ้าไว้เห็นเพียงดวงตาปรากฏตัวขึ้นไกลๆ เธอพยายามวิ่งตาม เขากลับค่อยๆเลือนรางลงเรื่อยๆ
“เดี๋ยวท่าน หยุดก่อน หยุด ท่านเป็นใคร บอกฉันก่อน อย่าเพิ่งไป” มิเชลล์วิ่งตามจนล้มลุกคลุกคลาน
ชายลึกลับหยุดกึก หันกลับมา หญิงสาวตามจนทันแต่กลับมองไม่เห็นใบหน้าของเขาเพราะอยู่ใต้ผ้าโพก เห็นเพียงประกายตาแวววาวคู่นั้น
“ท่านเป็นใครจะมาช่วยฉันหรือ...ช่วยให้ฉันไม่รู้สึกโดดเดี่ยวคนเดียวในโลกใช่ไหม” มิเชลล์พูดไปร้องไห้ไป ชายลึกลับปาดนํ้าตาให้อย่างนุ่มนวล เธอรู้สึกอุ่นใจอย่างบอกไม่ถูก คะยั้นคะยอจะขอเห็นหน้า หรือรู้จักชื่อเสียงเรียงนาม แต่เขาส่ายหน้าแทนคำตอบแล้วค่อยๆถอยหลังจากไป หญิงสาวขอร้องไม่ให้ไป
“แล้วเราจะพบกันอีก เราจะพบกัน เธอต้องพบ
กับฉันอีก และเราจะอยู่ด้วยกันตลอดไป” ชายลึกลับถอยห่างออกไปทุกที มิเชลล์ตามไปกระชากผ้าโพกหัวของเขาออก ผ้ากลับปลิวมาคลุมตัวเองมืดไปหมด เธอสะดุ้งตื่นเหงื่อท่วมตัว มองไปรอบๆ ถึงได้รู้ว่าเป็นแค่ความฝัน ในห้องมีเพียงแคชฟียานอนหลับสนิทอยู่ข้างๆ
ooooooo
ทีแรกที่ได้เจอโรแบร์แฟนของแคชฟียา ในตอนสาย วันรุ่งขึ้น มิเชลล์คิดว่าเขาคือชายลึกลับในฝัน แต่เมื่อมองเข้าไปในดวงตากลับต้องผิดหวังที่ไม่ใช่ โรแบร์ถูกใจความงามของมิเชลล์ตั้งแต่แรกเห็นแต่จำต้องซ่อนความรู้สึกไว้ ยิ่งได้รู้ว่าเธอจะตามไปช่วยสอนหนังสือให้เด็กหญิงในประเทศของแคชฟียา เขายิ่งชื่นชม
“ผมรู้มาว่าในประเทศของแคชฟี่ การศึกษานั้นมีไว้เพื่อเด็กผู้ชายเท่านั้น”
“ใช่ ขณะที่ความก้าวหน้าต่างๆ วิ่งอยู่รอบตัวเรา ชีวิตส่วนใหญ่ของประชาชนในประเทศของฉันยังไปช้าๆ แต่มิเชลล์เป็นคนเก่ง เธอจะช่วยจนงานของฉันสำเร็จจนได้ จริงไหมจ๊ะมิเชลล์”
“จริงที่สุด ฉันมองไปข้างหน้ารู้ดีว่ามีอะไรทำอีกมากมายที่จะทำให้ชีวิตฉันไม่เกิดมาเปล่าประโยชน์ ฉันพร้อมที่จะสู้ให้ชีวิตมีความหมาย ไม่ว่าจะลำบากยากแค้นอย่างไรก็ตาม” นํ้าเสียงของมิเชลล์หนักแน่นจริงจัง...
มิเชลล์ฝันเห็นชายลึกลับคนนั้นอีกครั้งหนึ่ง ในทะเลทรายเหมือนเมื่อคืนก่อน แต่คราวนี้เขาไม่หนีไปไหน จูงมือเธอพาเดินไปกลางทะเลทรายอันเวิ้งว้าง และยังรับปากว่าจะดูแลเธอ จะไม่ปล่อยให้เป็นอันตราย
“ท่านเป็นใคร...ท่านชื่ออะไร”
ชายลึกลับที่เห็นเพียงดวงตาคมเข้มยังไม่ทันจะบอกชื่อตัวเอง แคชฟียาเขย่าตัวมิเชลล์ให้ตื่นขึ้นเสียก่อน ถามว่านอนละเมอหรือ เธอเล่าความฝันประหลาดที่ฝันซํ้าๆนั้นให้ฟัง แคชฟียาซักเป็นการใหญ่ว่าชายในฝัน
คนนั้นเป็นใคร ใช่โรแบร์หรือเปล่า มิเชลล์แปลกใจทำไมถึงถามแบบนั้น
“ถ้าไม่ใช่โรแบร์ งั้นใครฮึมิเชลล์ เธอฝันถึงผู้ชายคนไหนซํ้าๆกันทุกคืน เขาจะเป็นใครได้ เธอไม่ยอมสนิทสนมกับผู้ชายคนไหนสักคน จะเป็นพรินซ์ เป็นชีค เป็นลูกชายมหาเศรษฐีคนไหนๆ พวกนั้นน่ะพร้อมจะทรุดตัวลงแทบเท้าเธอ ฉันว่าถ้าเธอไม่โง่ก็บ้าแล้วที่ไม่ยอมใช้ชีวิตวัยสาวให้เต็มที่”
ooooooo
แคชฟียาใช้ชีวิตวัยสาวอย่างเต็มเหนี่ยวตามที่แนะนำเพื่อนรัก โดยแอบพาโรแบร์เข้าไปพลอดรักกันในบ้านพักทูตของพี่ชายเธอเอง เนื่องจากเขากับพี่สะใภ้ไม่อยู่ไปงานกินเลี้ยง เธอกอดจูบโรแบร์อย่างหลงใหล
“ฉันรักเธอที่สุดนะโรแบร์ ถ้าเธอทรยศฉัน...ฉันจะฆ่าเธอและฆ่าตัวเองด้วย” แคชฟียาขู่ทีเล่นทีจริง
ทั้งคู่มัวแต่กอดรัดฟัดเหวี่ยงกัน จึงไม่ได้ยินเสียงโมฮัมหมัดกับโซฟียากลับมาเอาของขวัญที่ลืมทิ้งไว้ เสียงหัวร่อต่อกระซิกทำให้เจ้าของบ้านชะงัก เดินตามเสียงหัวเราะเข้าไปในครัว เห็นน้องสาวตัวเองกำลังนัวเนียอยู่กับผู้ชาย ตรงเข้ามากระชากลากเขาจะเอาไปโยนหน้าบ้าน แคชฟียาตามมายื้อสุดฤทธิ์ โมฮัมหมัดผลักน้องสาวกระเด็น ก่อนจะไล่ตะเพิดโรแบร์ออกจากบ้าน
“ผมทำอะไรผิด ทำไมต้องไล่เหมือนหมาแบบนี้”
“แกเป็นคนนอกศาสนา ไปให้พ้นเดี๋ยวนี้” โมฮัมหมัดพูดจบหันไปด่าแคชฟียาว่าเป็นคนบาป จะต้องถูกสาปแช่งฐานที่ไปยุ่งกับคนนอกศาสนา เธอไม่สนใจ ผลักอกพี่ชายด้วยความโกรธเกรี้ยว แล้วสั่งห้ามโรแบร์ไปไหนทั้งนั้น โมฮัมหมัดคว้าแขนน้องสาวตัวดีไว้
“มานี่ แกนี่เลี้ยงไม่เชื่องเสียแล้ว จะต้องให้ล่ามโซ่ตีตรวนกันเหมือนทาสใช่ไหม เอาสิได้เลย มานี่เลย” โมฮัมหมัดว่าแล้วลากแคชฟียาที่ร้องกรี๊ดออกไป โรแบร์จะเข้าไปขัดขวาง แต่ถูกโซฟียาห้ามไว้ และขอร้องให้กลับไปก่อน ยิ่งเขาแข็งขืนมากเท่าไหร่ แคชฟียาจะยิ่งโดนเล่นงานหนักมากขึ้นเท่านั้น
“โอเค...ผมจะกลับ แต่ขอบอกให้รู้ไว้ ยิ่งคุณทำอย่างนี้คุณจะยิ่งขวางเราไม่ได้...ไม่ใช่ผมนะ น้องสาวคุณนั่นแหละ” โรแบร์พูดจบ เดินกระแทกเท้าปังๆจากไป ทิ้งให้โซฟียายืนใจคอไม่ดีอยู่ตรงนั้น...
ฝ่ายโมฮัมหมัดลากน้องสาวไปที่ห้องนอน แล้วเหวี่ยงลงไปกองกับพื้น ขู่จะส่งตัวกลับบ้านเกิด แคชฟียา ด่าพี่ชายว่าป่าเถื่อน ไม่มีอารยธรรม เขาต่อว่ากลับว่าเป็นเพราะอารยธรรมตะวันตกนี่เองที่ทำให้เธอเสียคน
“ฉันเสียคนยังไง ฉันทำอะไรผิด ฉันไม่ได้ทำตัวเละเทะสำส่อนสักหน่อย ฉันไม่เคยมีใครเลยนอกจากโรแบร์ แล้วเราก็จริงจังต่อกันด้วย” แคชฟียาเถียงคำไม่ตกฟาก
“ฉันมันผิดเอง เป็นความผิดของฉันเองที่สนับสนุนให้แกได้เรียนสูงๆ ดีล่ะ ฉันจะส่งแกกลับไปล้างบาปที่บ้าน แกจะต้องกลับไปเป็นสุภาพสตรีมุสลิมที่ดี”
แคชฟียาไม่ยอมให้พี่ชายส่งกลับไปนุ่งชุดดำคลุมหน้าอยู่แต่ในห้องแบบนั้นแน่ๆ แล้วอาละวาดตีอกชกตัวร้องกรี๊ดๆ โมฮัมหมัดทนฟังไม่ไหว ออกจากห้องปิดประตูโครม ปล่อยให้แคชฟียาบ้าไปคนเดียว
ooooooo
วันรุ่งขึ้น แคชฟียาแอบหนีออกมาหามิเชลล์ในสภาพตาแดงช้ำเหมือนผ่านการร้องไห้มาอย่างหนัก เล่าเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นให้เพื่อนรักฟัง และยังบอกอีกว่าพ่อของเธอขู่ว่า ถ้ายังคบหากันโรแบร์ต่อไป ท่านจะฆ่าเขาทิ้ง
“ฉันไม่มีวันยอมเลิกกับโรแบร์ ฉันรักเขาที่สุด ถ้าบังคับกันมากๆจะฆ่าตัวตายคอยดู” แคชฟียาว่าแล้ว ลุกขึ้นเตะต่อยผนังห้องพักของมิสเชล์อุตลุด จนเจ้าของห้องต้องดึงกลับมานั่งบนเตียง
“อย่านะแคชฟี่ อย่าทำอะไรไร้สติแบบนั้น กลับบ้านไปหาพ่อกับแม่ก่อนนะ”
ยิ่งปลอบ แคชฟียายิ่งร้องไห้ฟูมฟาย คร่ำครวญว่าอยากตายซ้ำๆอยู่อย่างนั้น...
แคชฟียาไม่กล้าไปพบโรแบร์อีก จึงวานให้มิเชลล์นำจดหมายของเธอไปให้ ใจความในจดหมายบอกเพียงว่า แคชฟียาจำเป็นต้องกลับบ้านเกิด และมิเชลล์จะไปกับเธอด้วย ทำให้โรแบร์ประทับใจมิเชลที่ไม่ใช่งามแต่รูป ยังมีจิตใจงามอีกด้วยที่คอยเป็นกำลังใจให้เพื่อนยามที่เธอต้องการใครสักคนคอยปลอบใจ
“บอกแคชฟี่ ผมจะตามไปไม่มีวันเปลี่ยนใจ” โรแบร์ยืนยันหนักแน่น พลอยทำให้มิเชลล์โล่งใจไปด้วย...
ครู่ต่อมา มิเชลล์นำคำพูดของโรแบร์มาถ่ายทอดให้แคชฟียาฟังไม่มีตกหล่น แม้จะดีใจที่เขารับปากเป็นมั่นเป็นเหมาะจะตามเธอกลับประเทศ แต่แคชฟียาก็อดเป็นกังวลไม่ได้ว่าเส้นทางรักระหว่างเราสองคนคงเป็นไปไม่ได้ มิเชลล์ปลอบว่าอย่าเพิ่งตีตนไปก่อนไข้ อนาคตเป็นสิ่งไม่แน่นอน ถ้าเป็นพระประสงค์ของพระผู้เป็นเจ้า เธอจะได้พบกับโรแบร์อีกแน่ แคชฟียาขอบใจเพื่อนรักมากที่คอยอยู่เคียงข้างและให้กำลังใจเธอเสมอ...
เมื่อตัดสินใจแล้วว่าจะไปอยู่กับแคชฟียา มิเชลล์จึงแวะไปลาคุณแม่อธิการ ซึ่งเตือนให้ระวังคนอย่างแคชฟียาไว้ให้ดี เธอเป็นคนดุและเด็ดขาด ถ้าเป็นมิตรแท้ก็จะตายแทนกันได้ แต่หากเป็นศัตรู เธอจะทำอะไรรุนแรงได้ง่ายๆ แล้วอวยพรขอให้พระผู้เป็นเจ้าจงสถิตย์อยู่กับมิเชลล์ตลอดไป
ooooooo
ทันทีที่มาถึงสนามบินเมืองเกซาห์ แคชฟียาเปลี่ยนจากชุดสาวสวยทันสมัยแบบชาวปารีสไปสวมชุดดำคลุมทั้งตัวและใบหน้าแบบสุภาพสตรีชาวมุสลิม แล้วพามิเชลล์มาขึ้นรถที่พ่อของเธอส่งมารับ แล่นผ่านทะเลทรายที่ร้อนระอุมาตามทางพักใหญ่ กว่ารถจะแล่นเข้าไปในตัวเมือง ซึ่งสองข้างทางมีร้านค้าตั้งเรียงราย
“นั่นไงพวกร้านค้า เห็นเก่าๆอย่างนั้น ขายข้าวของชั้นดีที่มีขายในปารีส ลอนดอนหรือที่ไหนๆในโลก”
“ไม่ค่อยมีผู้หญิงเลย” มิเชลล์สีหน้าเป็นกังวลอยู่ตลอด
แคชฟียาว่าผู้หญิงที่นี่จะมาตลาดกันตอนกลางคืนหลังหนึ่งทุ่มไปแล้ว และที่สำคัญอากาศตอนกลางคืน เย็นสบายกว่านี้มาก ไม่นานนัก รถแล่นเข้าไปจอดในอาณาจักรอันกว้างใหญ่ของบ้านแคชฟียาที่เขียวชอุ่มไปด้วยต้นไม้หลากหลายพันธุ์ คฤหาสน์หลังใหญ่ตั้งตระหง่านรายล้อมด้วยบ้านหลังย่อมๆอีก 3 หลัง
มิเชลล์ก้าวลงจากรถ พยายามระงับสีหน้าไม่ให้ตื่นตาตื่นใจกับความโอ่อ่ากว้างขวางของบ้าน ก่อนจะเดินตามแคชฟียาที่เดินเชิดหน้าคอตั้งเข้าไปในตึกใหญ่ โดยมีพวกคนรับใช้และเด็กๆพากันมาแอบดู...
หลังจากแวะทักทายแม่และน้องสาวทั้งสามคนแล้ว แคชฟียาพามิเชลล์มาตามทางเดินไปยังอีกปีกหนึ่งของคฤหาสน์ โดยถอดผ้าคลุมสีดำออก แล้วพาดไว้ที่แขน พลางชี้ให้เพื่อนรักดูอีกด้านหนึ่งของตัวตึก
“ด้านนอกเป็นที่อยู่ของพ่อกับน้องชายฉัน ในเมืองเราผู้หญิงกับผู้ชายอยู่คนละส่วนแยกกันเด็ดขาด ชายอื่นที่ไม่ใช่พ่อหรือพี่น้องจะไม่มีโอกาสเห็นหน้าผู้หญิงในบ้านเรา...ทางโน้นเป็นบ้านเมียน้อยพ่อ”
“แปลกนะ เขายอมเป็นเมียน้อยได้ยังไงกัน”
แคชฟียาอธิบายว่าผู้หญิงประเทศนี้ไม่มีสิทธิ์ปฏิเสธ ถ้าพ่อแม่ตัวเองยอมยกให้ผู้ชาย มิเชลล์อดถามไม่ได้ว่า ถ้าเป็นแคชฟียาบ้าง จะยอมถูกทำแบบนี้ไหม เธอตอบโดยไม่ต้องคิดว่าไม่มีวันยอมถูกคลุมถุงชนเด็ดขาด
“เธอจะรอโรแบร์หรือ”
“ทำเสียงอย่างนี้หมายความว่ายังไง ฉันไม่ควรรองั้นหรือ” แคชฟียาแหวลั่น มิเชลล์ปฏิเสธว่าไม่ได้หมายความอย่างนั้น แล้วย้อนถามว่าคิดแบบนั้นได้อย่างไร เจ้าของบ้านสาวรีบตัดบท ชวนไปดูห้องที่เตรียมไว้ให้ แล้วเดินนำออกไปทันที มิเชลล์มองตามอย่างไม่ค่อยสบายใจนักกับท่าทีเปลี่ยนไปของเพื่อนรัก
“เพียงวันเดียว แค่วันนี้อะไรๆเปลี่ยนแปลงขนาดนี้เชียวหรือ”
ooooooo
อ่านละคร ฟ้าจรดทราย ตอนที่ 1 วันที่ 4 ส.ค. 56
ละครฟ้าจรดทราย ประพันธ์โดย โสภาค สุวรรณละครฟ้าจรดทราย บทโทรทัศน์โดย ศัลยา สุขะนิวัตต์
ละครฟ้าจรดทราย กำกับการแสดงโดย สยาม สังวริบุตร
ละครฟ้าจรดทราย ผลิตโดย ค่าย ดาราวิดีโอ
ละครฟ้าจรดทราย ออกอากาศทุกวันจันทร์ และวันอังคาร เวลา 20.30 น. ทางช่อง 7 สี
ละครฟ้าจรดทราย เริ่มตอนแรกวันจันทร์ที่ 12 สิงหาคม 2556
ที่มา ไทยรัฐ