อ่านละคร ฟ้าจรดทราย ตอนที่ 3 วันที่ 12 ส.ค. 56

อ่านละคร ฟ้าจรดทราย ตอนที่ 3 วันที่ 12 ส.ค. 56

ชารีฟหายไปจากพุ่มไม้อีกครั้ง สักพักก็กลับมาพร้อมกับผ้าอีกสองผืน และเชือกฝ้ายสีดำถักเป็นเกลียวสำหรับคาดหัว โดยที่มิเชลล์ไม่ทันได้ตั้งตัว เขาคว้าผมสลวยของเธอมากำไว้ ใช้มีดสั้นตวัดไปมาสองสามครั้ง ผมยาวเหลือสั้นแค่คอ แถมยังแหว่งอีกต่างหาก หญิงสาวถึงกับน้ำตาคลอ ต่อว่าเสียงดังว่า ทำไมต้องตัดผมเธอด้วย

“เบาๆสิ เข้าใจไว้ด้วยว่า ฉันไม่ต้องการรับภาระคอยป้องกันความเป็นสาวของเธอจากพวกเบดูอินในทะเลทราย” ชารีฟอธิบายจบ จับบ่ามิเชลล์ให้หันหน้ามาหา เอาผ้ามาโพกหัวให้อย่างคล่องแคล่ว แล้วใช้เชือกสีดำผูกรอบหน้าผากกันผ้าคลุมหลุด “ผ้าผืนนี้เขาเรียกว่ากัฟฟีเย จะช่วยป้องกันไม่ให้เธอโดนแสงแดดร้อนจ้าตอนกลางวันและก็พายุทราย เอาล่ะ เช็ดน้ำตาได้แล้ว มาด-มัวแซลล์ หรือว่าจะให้เช็ดให้”


มิเชลล์สะบัดหน้าใส่อย่างงอนๆ แล้วเกิดคลื่นไส้เพราะกลิ่นคาวเลือดจากเสื้อที่ตัวเองสวมอยู่ อาเจียนจนหมดไส้หมดพุง ชารีฟส่ายหน้าอย่างเหนื่อยใจ กำชับว่า ต่อไปห้ามอาเจียนอีก

ooooooo

หลังจากชารีฟเปลี่ยนเสื้อของตัวเองเสร็จเรียบร้อย ช่วยกันกับมิเชลล์ขุดหลุมฝังเสื้อผ้าชุดเก่าเพื่อทำลายหลักฐาน จากนั้นเขาเอาเชือกเส้นยาวที่หามาได้ผูกปลายข้างหนึ่งกับเอวมิเชลล์ อีกข้างหนึ่งมัดไว้กับเอวตัวเอง พลางบอกว่าเราจะหนีลงไปทางหน้าผานี่ และที่เราต้องโยงเชือกติดกันไว้ เผื่อเธอพลาดพลั้งจะได้ไม่ตกไปตาย

“แต่ถ้าฉันเป็นคนพลาดแล้วเธอยึดไว้ไม่ไหวก็คงต้องตายกันทั้งสองคน...ป่านนี้มันคงนึกว่าเราจะออกทางช่องลับใต้ดิน คงระดมพลไปดักทางโน้น ไม่นึกหรอกว่าเราจะลงทางนี้เพราะชันและเสี่ยงมาก จะมีกองคาราวานพ่อค้าอาหรับมารับเราที่เชิงเขาด้านหลังเวลาตีสี่กว่าๆ...ไปกันได้แล้ว”

ชารีฟไต่หน้าผาลงไปช้าๆ อย่างระมัดระวังโดยมีมิเชลล์ตามมาไม่ห่าง จนกระทั่งมาถึงครึ่งทาง พลันมีเสียงดังตูมสนั่น มิเชลล์ตกใจคว้าหินพลาดร่วงลงมา โชคดีที่ชารีฟคว้าตัวไว้ทัน ใช้ร่างตัวเองดันร่างเธอแนบกับหน้าผา ใบหน้าของทั้งคู่ห่างกันแค่คืบ โลกราวกับหยุดหมุน ต่างนิ่งงันเหมือนต้องมนต์สะกด

เสียงพลุดังขึ้นอีกครั้งหนึ่ง และมีแสงสว่างส่องไปทั่ว ชารีฟได้สติรีบไต่หน้าผาต่อไป และเตือนให้เธอระวังตัว พวกศัตรูจุดพลุให้สว่างเพื่อจะให้ค้นหาเราได้ง่ายขึ้น...

ใกล้ถึงพื้นแล้ว มิเชลล์เริ่มล้าไปทั้งตัว แต่ยังพยายามกัดฟันไต่หน้าผาตาม แต่เธอก็พลาดอีกจนได้ คราวนี้ชารีฟคว้าไม่ทัน เธอดึงเขาร่วงตามไปด้วยโชคดีที่เชิงผาด้านล่างเป็นเนินทราย แถมยังลาดเอียง ต่างกลิ้งหลุนๆจนมาสิ้นสุดที่พื้นราบ ชารีฟยันตัวจะลุกขึ้น แต่เหลือบไปเห็นมิเชลล์นอนฟุบอยู่ ด้วยความเป็นห่วงเอื้อมมือจะไปแตะ เธอขยับตัวเสียก่อน ค่อยๆยันตัวลุกขึ้นนั่งหน้าตามอมแมมไม่เหลือเค้าความสวยให้เห็น เขาอดขำไม่ได้

“หัวเราะอะไรไม่ทราบ” มิเชลล์เสียงเขียว

“เธอดูตลกดี”

หญิงสาวค้อนขวับคุยโวว่า เท่าที่จำได้มีแต่คนชมว่าสวย ไม่เคยมีใครบอกสักคนว่าเธอหน้าตาตลก ชารีฟขี้เกียจเถียงด้วย บอกว่าเราต้องรอตรงนี้จนถึงตีสี่ และจากนี้เป็นต้นไปเธอคือเด็กหนุ่ม โง่ เซ่อซ่า พูดไม่ค่อยรู้เรื่อง

จังหวะนั้นมีแสงไฟหน้ารถส่องมาแต่ไกล มิเชลล์ทำท่าจะวิ่งไปหา ชารีฟคว้าตัวไว้แล้วผลักให้นอนลงกับพื้น เธอโวยวายว่าจะไปกับรถคันนั้น เขาสั่งให้อยู่เงียบๆ รถจี๊ปแล่นใกล้เข้ามามีเสียงวิทยุสื่อสารดังขึ้นจึงได้รู้ว่าเป็นพวกกบฏ อีกทั้งบนฟ้ายังมีเสียงเครื่องบินคอยบินลาดตระเวนค้นหาผู้หลบหนี ชารีฟมองอย่างเจ็บแค้น

“มันคุมไว้หมดทุกด้านแล้ว ทางบก ทางอากาศ เราต้องระวังตัวให้มากขึ้น”...

ระหว่างที่ชารีฟกับมิเชลล์หนีการไล่ล่าของพวกกบฏ เจ้าหญิงสุไบดานำเงินใส่ถุงกำมะหย่ี แล้วฝากให้อับดุลคนสนิทของไบคานเอาไปส่งให้ถึงมือชารีฟ อับดุลรับปากจะยอมตายถ้าของสิ่งนี้ไปไม่ถึงมือเขา

ooooooo

เจ้าชายโอมานโกรธมากที่หะยีตามจับตัวชารีฟกับนังคนต่างชาติกลับมาไม่ได้ ได้แต่ทหารรับใช้ของชารีฟกลับมาเท่านั้น เจ้าชายโอมานตบหน้าหะยีฉาดใหญ่ฐานทำงานพลาด

“ลุยทะเลทราย สกัดกองคาราวานทุกกอง ตามมันมาให้ได้...ไม่ได้เจ้าตาย”

หะยีรับคำ รีบออกไปทันที ซาอิ๊บอาสาจะเค้นความจริงจากทหารรับใช้คนนี้ให้เอง แล้วหยิบมีดสั้นขึ้นมาขู่ถ้าไม่ยอมบอกที่ซ่อนตัวของชารีฟ จะเอามีดเล่มนี้เลาะกระดูกนิ้วมือออกทีละข้อ

“เฮ้ย...พูดมากอยู่ทำไม ทำเลย มันจะบอกก็ตอนมันเจ็บ ยังไม่เจ็บเจียนตายขู่มันให้ตายมันก็ไม่เปิดปากเอามีดมานี่ ข้าทำเอง” เจ้าชายโอมานไม่รอช้าใช้มีดเฉือนเอากระดูกนิ้วมือของทหารรับใช้ออก เขาร้องลั่นด้วยความเจ็บปวด แต่ไม่ยอมปริปากบอกที่อยู่ของชารีฟ...

ใกล้ถึงเวลาตามนัด ชารีฟเตือนมิเชลล์อีกครั้ง อย่าลืมว่าจากนี้ไปเธอไม่ใช่ผู้หญิงอีกแล้ว ต้องทำท่าเข้มแข็ง เธอกลัวจะไม่มีใครเชื่อว่าเธอเป็นผู้ชาย ชารีฟสำรวจมิเชลล์ทั่วตัว แล้วกระชับผ้าคลุมหน้าให้ ก่อนจะพยักหน้าว่าใช้ได้ แม้จะหล่อไปสักนิด เสื้อพวกนี้ตัวใหญ่ปิดบังร่างกายเธอได้ดี แล้วตั้งชื่อให้เธอใหม่ว่า “ตาฟา” มีเสียงกระดิ่งแว่วเข้ามา ชารีฟพามิเชลล์ไปยังต้นทางของเสียงทันที...

ครู่ต่อมา ผู้หลบหนีทั้งสองคนมาซุ่มรออยู่ที่โค้งตรงสันทรายเห็นขบวนคาราวานเป้าหมายกำลังตรงมา ทางพวกตน ทันใดนั้นพลุไฟสว่างจ้าขึ้นอีกครั้ง ชารีฟรีบ ดึงมิเชลล์นอนหมอบไปกับพื้นโดยใช้สันทรายเป็นที่กำบัง รถจี๊ปทหารของฝ่ายกบฏ 3 คัน ตีวงโอบล้อมกองคาราวานไว้ ทหารพร้อมอาวุธครบมือกรูเข้าตรวจค้น หัวหน้าเบดูอินและอับดุลในคราบพ่อค้าซึ่งขี่ม้าขาวลงมาเจรจากับพวกทหาร สักพักพวกนั้นขึ้นรถจี๊ปกลับไป ชารีฟโผล่หัวขึ้นไปดูเห็นรถของพวกทหารลับสายตาแล้ว รีบดึงมือมิเชลล์ให้ลุกขึ้น

พอคนขี่ม้าสีขาวเข้ามาใกล้ ชารีฟจำได้ทันทีว่าเขาคืออับดุลคนสนิทของพ่อ ปรี่เข้าไปหา อับดุลลงจากหลังม้าเข้ามาสวมกอดเขาไว้ แจ้งว่าพ่อของชารีฟสั่งให้ชารีฟแยกจากขบวนคาราวานที่โอเอซิสใกล้เมืองโฮไดดะ ต่อจากนั้นให้หลบหนีดีๆ เพราะเจ้าชายโอมานสั่งคนให้ออกตามล่าเขากับหญิงชาวต่างชาติ แล้วส่งถุงใส่เงินให้

“มารดาท่านฝากเหรียญเงินมาให้ แต่อย่าให้ไอ้พวกนี้รู้ พ่อท่านจ้างกองคาราวานนี่ บอกเขาว่าท่านเป็นผู้จาริกแสวงบุญจะเดินทางไปดินแดนศักดิ์สิทธิ์ให้เขานำทางไปส่งที่ทางแยกไปโฮไดดะ จ่ายเงินไปหมดแล้ว ท่านคงต้องรีบไป อ้อ...หัวหน้ากองคาราวานนี้ชื่อ ฟูรอ” อับดุลโอบกอดร่ำลาชารีฟ แล้วขึ้นม้าจากไป

ฟูรอตะโกนเร่งให้ออกเดินทางกันได้แล้ว ชารีฟเดินเข้าไปหา โดยมีมิเชลล์ในคราบตาฟาเดินหลบๆมาด้านหลัง ฟูรอจ้องมองเขม็ง ถามว่าเด็กหนุ่มนั่นใคร

“มันชื่อ ตาฟา เด็กรับใช้ของเราเอง” ชารีฟหันไปตบไหล่มิเชลล์เต็มแรงไหล่แทบทรุด “เฮ้ย...เป็นอะไรไปวะไอ้ตาฟา แอบหลังข้าทำไม”

หัวหน้าเบดูอินพยักหน้ารับรู้ไม่ค่อยชอบใจนัก ที่เห็นเด็กหนุ่มท่าทางนุ่มนิ่มไม่แข็งแกร่งสมกับเป็นลูกผู้ชาย แล้วหันไปพยักพเยิดให้ลูกน้องจูงอูฐ 2 ตัวมาให้ผู้มาใหม่ทั้งสองคน ชารีฟขึ้นนั่งหลังอูฐอย่างคล่องแคล่ว ผิดกับมิเชลล์ที่มีท่าทีตื่นตระหนก กว่าจะขึ้นบนหลังอูฐได้ ชารีฟลุ้นตัวโก่งกลัวเธอจะส่งเสียงร้องออกมาจนทำฟูรอกับพวกจับได้ว่าเธอเป็นหญิงในคราบชาย...

ตลอดเวลาที่เดินทางไปในทะเลทราย ฟูรอจะแกล้งถ่มน้ำลายจากที่เคี้ยวใบยาสูบเฉียดมิเชลล์อยู่ตลอดเพราะไม่ชอบขี้หน้า อะไรนิดอะไรหน่อยคอยจะสะดุ้งขวัญอ่อนอยู่ตลอดเหมือนผู้หญิง กองคาราวานตั้งค่ายพักที่โอเอซิสแห่งแรกเมื่อตะวันตรงหัวพอดี ฟูรอสั่งให้ทุกคนพักผ่อน จะออกเดินทางอีกครั้งหลังจากตะวันตกดินแล้ว

ชารีฟอธิบายให้มิเชลล์ฟังว่ากลางวันอากาศร้อนจัดเดินทางลำบาก กลางคืนอากาศเย็นสบายเหมาะแก่การเดินทางมากกว่า มิเชลล์ต้องนอนในกระโจมเดียวกับฟูรอและลูกชายวัยรุ่นของเขา โดยเธอนอนข้างๆชารีฟถัดเขาไปเป็นฟูรอกับลูกชายวัยรุ่นซึ่งหลับสนิทไปแล้ว

ด้วยความที่กระโจมเล็กมาก มิเชลล์ขยับนอนตะแคงพลิกกลับมาทางชารีฟซึ่งนอนตะแคงลืมตาแป๋วจ้องอยู่ ใบหน้าทั้งคู่แทบจะชนกัน เขาสอดแขนไปใต้คอหญิงสาวซึ่งนอนใจสั่น ก้มหน้าไม่กล้าสบตาด้วย

“ทำไมทำท่าอย่างนี้ เธอเป็นผู้หญิงยุโรปไม่ใช่หรือ รักเสรีในปารีสจะกลัวอะไรกับเรื่องแค่นี้ ผู้หญิงยุโรปน่ะไม่มีใครบริสุทธิ์แล้ว” ชารีฟว่าพลางดึงมิเชลล์เข้ามาชิดทำท่าจะจูบ เธอน้ำตาไหลพราก เขารับรู้ถึงแรงสะอื้นเบาๆของเธอได้ ตกใจเชยคางขึ้นมาดูเห็นน้ำตานองหน้า รีบขอโทษที่เข้าใจผิด

“ฉันไม่คิดว่า...เอ่อ...เธอไม่ออกเที่ยว ไม่เคยไปค้างกับนักศึกษาหนุ่มๆจริงๆหรือ ไม่เคยแม้แต่....”

“ฉันจะโดนไล่ออกจากสำนักชีทันที แล้วฉันจะเรียนไม่จบ ไม่ได้ปริญญาเพราะฉะนั้นฉันไม่เคยเที่ยวกับใคร ไม่เคย...เอ่อ...กับใคร”

“มิเชลล์ ฉันขอโทษอีกครั้งนะ ฉันไม่ได้ตั้งใจจะรังแกเธอ ต่อไปนี้ฉันจะดูแลเธอให้ดี สมกับที่แม่ชีเหล่านั้นบำรุงรักษาดอกไม้ดอกนี้อย่างบริสุทธิ์สะอาดไม่มีมลทิน ฉันจะคุ้มครองเธอเอง” ชารีฟว่าแล้วเช็ดน้ำตาให้

ooooooo

อ่านละคร ฟ้าจรดทราย ตอนที่ 3 วันที่ 12 ส.ค. 56

ละครฟ้าจรดทราย ประพันธ์โดย โสภาค สุวรรณ
ละครฟ้าจรดทราย บทโทรทัศน์โดย ศัลยา สุขะนิวัตต์
ละครฟ้าจรดทราย กำกับการแสดงโดย สยาม สังวริบุตร
ละครฟ้าจรดทราย ผลิตโดย ค่าย ดาราวิดีโอ
ละครฟ้าจรดทราย ออกอากาศทุกวันจันทร์ และวันอังคาร เวลา 20.30 น. ทางช่อง 7 สี
ละครฟ้าจรดทราย เริ่มตอนแรกวันจันทร์ที่ 12 สิงหาคม 2556
ที่มา ไทยรัฐ