อ่านละคร ฟ้าจรดทราย ตอนที่ 4 วันที่ 14 ส.ค. 56

อ่านละคร ฟ้าจรดทราย ตอนที่ 4 วันที่ 14 ส.ค. 56

เจ้าหญิงสุไบดามั่นใจว่าเจ้าชายโอมานไม่มีวันหาชารีฟเจอ ถึงเจอก็ไม่มีทางจะยอมตายด้วยน้ำมือของเขาหรือคนของเขาเด็ดขาด เจ้าชายโอมานกระชากแขนเธอเข้ามาใกล้ตวาดใส่หน้าว่าปากอย่างนี้ไม่ตายดีแน่

ชารีฟนั่งประคองมิเชลล์ที่ยังไม่รู้สึกตัวหลบอยู่หลังเนิน ทรายเพื่อบังแสงแดดที่แผดเผา นึกขึ้นได้ว่าร่างที่อยู่ในอ้อมแขนไม่ใช่เด็กชายสกปรกที่เขาอุปโลกน์ขึ้นมา ค่อยๆเขี่ยไรผมที่หลุดออกจากผ้าโพกหัวให้ ฉุกคิดถึงเธอตอนที่อยู่ในชุดผ้าบางเบา หน้าตางดงามของเธอขณะนั้นต้องใจเขายิ่งนัก


ชายหนุ่มเผลอก้มลงจะจูบ แต่แล้วชะงักได้สติเสียก่อน เอื้อมไปหยิบถุงหนังบรรจุนํ้ามาจ่อที่ริมฝีปากแห้งแตกระแหงของมิเชลล์ ค่อยๆเทนํ้าให้จิบช้าๆ แล้วเอาถุงหนังนั้นหนุนหัวให้...

เมื่อมิ เชลล์แข็งแรงพอจะนั่งอูฐได้ ชารีฟออกเดินทางต่อ พักใหญ่ก็ถึงโอเอซิสอีกแห่งหนึ่ง ทีแรกมิเชลล์ไม่แน่ใจว่าตัวเองตาฝาดไปอีกหรือเปล่า รีๆ รอๆ ไม่กล้าชักอูฐไปทางนั้น แต่คราวนี้ชารีฟก็เห็นเช่นกัน จึงมั่นใจว่าไม่ใช่ภาพ ลวงตา ทั้งคู่กระตุ้นอูฐให้เร่งฝีเท้ามุ่งหน้าไปที่นั่นทันที...

มิเชลล์ กระโจนใส่แอ่งนํ้าของโอเอซิสอย่างมีความสุข แถมวักนํ้าสาดชารีฟและชวนให้ลงมาเล่นนํ้าด้วยกัน เขาส่ายหน้าไม่เอาด้วย เธอวิ่งไปลากเขาลงนํ้า สองคนสาดนํ้าใส่กันอย่างสนุกสนาน ชารีฟสาดนํ้าเล่นได้พักเดียวก็ขอตัวขึ้นก่อน มิเชลล์แหวกว่ายนํ้าอย่างมีความสุข พลางตะโกนถามเขาว่าไม่อาบนํ้าหรือ เขาไม่ตอบก้มหน้าก้มตาตั้งกระโจมแล้วขนของเข้าไปเก็บ เธอเห็นเขาไม่สนใจ จึงสอดเสื้อออกมาซักตากแดด แล้วคว้าผ้ากัฟฟีเยมาคลุมตัวไว้นั่งหลบๆอยู่ในกอหญ้าริมนํ้า ชารีฟเดินเข้ามาหาโดยไม่รู้ว่าเธอมีผ้าผืนเดียวห่อตัวอยู่

หญิงสาว ร้องเอะอะห้ามไม่ให้เข้ามา แต่ช้าเกินไป เขาเห็นเข้าก็โวยวายลั่น ทีหลังอย่าสวมแค่ผ้าบางๆ แบบนั้น แดดกำลังร้อนเดี๋ยวจะไม่สบาย แล้วโยนเสื้อตัวเอง ไปคลุมตัวเธอไว้ และกำชับว่าอย่าให้ตัวเองเจ็บป่วย กลางทะเลทรายเป็นอันขาด จะทำให้ยุ่งยาก แม้จะอยู่กับเขาซึ่งเป็นหมอก็ตาม มิเชลล์แกล้งว่าถ้าไม่มีฝีมือรักษาก็ให้บอกมาตรงๆก็ได้ ชารีฟดึงแขนเธอเข้ามาใกล้ก้มลงกระซิบข้างหู

“ไม่มีฝีมือหรือ...อยากให้ฉันมีฝีมือหรือไม่”

มิเชลล์ผลักชารีฟออก กระชับเสื้อคลุมที่เขาโยนให้ก่อนจะสะบัดหน้าเดินหนี...

ระหว่างตั้งค่ายพักอยู่ที่โอเอซิส ชารีฟสอนให้

มิ เชลล์ได้เรียนรู้หลายอย่าง เช่น ยิงปืน เป็นต้น เผื่อภายภาคหน้าเธออาจจำเป็นต้องช่วยเขา ทีแรกเธอไม่ยอมเรียน อ้างว่าไม่เคยยิงใครมาก่อน ชารีฟถามอย่างยียวนว่าเคยโดนจูบมาก่อนหรือเปล่า หญิงสาวอายหน้าแดง อ้อมแอ้มว่าไม่เคย

“วันหนึ่งก็ต้องเคย ทุกอย่างต้องมีครั้งแรกทั้งนั้น” ชารีฟพูดจบส่งสายตาลึกซึ้งมาให้

มิ เชลล์ไม่กล้าสบตาด้วย ได้แต่พยักหน้ารับคำ ชารีฟสอนท่ายิงให้แล้วเข้าโอบด้านหลังเธอช่วยจับปืน แต่กลับไม่ยอมให้ลั่นไก เพราะเกรงพวกทหารกบฏ จะได้ยินเสียงแล้วตามมาเล่นงานเอา จากนั้น ชารีฟสอนวิธีสวดมนต์ตามแบบศาสนาอิสลามให้เธอดู เพราะต้องปฏิบัติตัวให้เหมือนกับชนพื้นเมืองแถวนี้ จะได้ไม่มีใครสงสัย...

ถึง เวลาบ่ายซึ่งแดดร้อนจัด ชารีฟกับมิเชลล์นอนพักผ่อนเอาแรง ชายหนุ่มหลับสนิทไปพักใหญ่แล้ว แต่เธอยังนอนไม่หลับ พลิกตัวกลับมานอนตะแคงมองสำรวจชายหนุ่มตรงหน้า ทบทวนความรู้สึกที่มีต่อเขา บางทีก็หมั่นไส้ บางทีก็กลัวความเด็ดเดี่ยวของเขา แต่บางครั้งเขากลับทำให้เธอหวั่นไหวอย่างบอกไม่ถูก

“ท่านราชองครักษ์พันเอกชารีฟ” มิเชลล์เผลอตัวพึมพำเบาๆ เขาลืมตาทันที เธอตกใจถึงกับลุกพรวด

“ทำไม ไม่นอน เราต้องนอนเอาแรง เพราะคืนนี้ต้องเดินทางกันอีก อยู่ทะเลทรายต้องพยายามฝึกตัวเองให้ใช้ชีวิตอย่างถูกต้อง ตามหลักของคนทะเลทราย กลางวันแดดร้อนเราต้องนอน กลางคืนเย็นสบายเราก็เดินทาง อย่าโง่ฝืนวิถีชีวิตของชาวทะเลทราย...นอนซะ ตื่นขึ้นมาจะมีของอร่อยให้กิน” ชารีฟพูดจบดึงมิเชลล์ลงนอน

ooooooo

ของ อร่อยที่ชารีฟว่ามิเชลล์ไม่อร่อยด้วย อีกทั้งไม่ยอมแตะเพราะมันคือเนื้อกระต่ายย่าง เขาบังคับให้กินด้วยนํ้าเสียงดุกร้าว เธอจำต้องยัดใส่ปาก เคี้ยวได้ไม่กี่คำก็พะอืดพะอมวิ่งออกไปอาเจียน แล้ววักนํ้าในแอ่งนํ้าบ้วนปาก เหลือบเห็นมีดสั้นที่ชารีฟใช้ชำแหละเนื้อกระต่ายลืมทิ้งไว้ หยิบขึ้นมาเหน็บเอว เดินกลับไปที่กองไฟ

“คนยุโรปนี่โง่จริงๆ นะ กินอะไรไม่เป็นเสียเลย” ชารีฟแดกดัน

“พวก เราไม่โง่อย่างท่านว่าหรอก พวกท่านนะสิป่าเถื่อน ดุร้าย โหดเหี้ยม แย่งชิงสมบัติกัน แม้กระทั่งพี่น้องยังฆ่ากันเอง” มิเชลล์ต่อว่าอย่างมีอารมณ์ ชารีฟโกรธจัดดึงเธอมากอดแล้วระดมจูบอย่างไม่ปรานีปราศรัย โทษฐานปากไม่ดี ยิ่งเธอดิ้นหนีมากเท่าไหร่เขายิ่งจูบรุนแรงมากขึ้นเท่านั้น พอสาแกใจก็ปล่อยเธอเป็นอิสระ

หญิงสาวทั้งโกรธทั้งอับอายนํ้าตาคลอ เบ้า หันหลังจะเดินหนี เขาไม่วายเย้ยหยัน ถึงตนจะเป็นคนป่าเถื่อน ก็จูบคนศิวิไลซ์อย่างเธอได้ไม่แพ้พวกผู้ชายชาวยุโรป มิเชลล์หยุดกึก หันขวับพร้อมกับชักมีดสั้นขึ้นมาถือไว้

“ดิฉันไม่ตบหน้าท่านหรอกพัน เอกชารีฟ เพราะนั่นเท่ากับเร่งให้ท่านทำอะไรเลวๆมากขึ้นอีก ท่านมันคนป่าเถื่อน การทรมานผู้หญิงเป็นความสุขของท่านใช่ไหม อย่านึกว่าดิฉันจะให้อภัยท่าน ต่อไปนี้เราจะไม่ไว้ใจซึ่งกันและกัน มีดเล่มนี้จะเสียบหัวใจท่านทันที ถ้าท่านกำแหงทำอุกอาจ เพราะถือว่าดิฉันเป็นผู้หญิงที่อยู่กลางทะเลทรายลำพังกับผู้ชายอย่าง ท่าน...ท่านจะเรียกร้องบุญคุณด้วยวิธีแบบนี้ไม่ได้เด็ดขาด จำไว้”

ชา รีฟสั่งให้คืนมีดสั้นมาแล้วจะเข้าไปแย่ง มิเชลล์หลบไม่ยอมให้ พร้อมทั้งขู่ว่ามีดเล่มนี้จะอยู่กับเธอตลอดไป ถ้าโดนเขารังแกอีก เธอยอมตายดีกว่าจะตกเป็นของเขา แล้วคว้าปลอกมีดที่วางอยู่แถวนั้นมาจับมีดยัดใส่ก่อนจะเหน็บไว้ที่เอว ชารีฟหงุดหงิดไม่พอใจ แต่ทำอะไรไม่ได้...

ในระหว่างที่ชารีฟกับมิ เชลล์รอนแรมอยู่กลางทะเลทรายอันกว้างใหญ่ เจ้าหญิงฟารีดายังคงต่อต้านการก่อกบฏขององค์โอมานอย่างไม่เกรงกลัว โทษว่าเป็นเพราะท่านแม่ของเขาพูดใส่หูตั้งแต่เล็กจนเติบใหญ่ ให้เขาคอยแย่งชิงบัลลังก์จากพระเชษฐา เขาถึงได้ทะเยอ ทะยานแบบนี้ องค์โอมานไม่พอใจมากตบหน้าเจ้าหญิง ฟารีดาล้มลงไปกองกับพื้น สั่งห้ามพูดจาบจ้วงถึงท่านแม่ของตนอีกไม่เช่นนั้นได้เห็นดีกัน

“จะฆ่าหม่อมฉันหรือ ฆ่าเลย หม่อมฉันไม่กลัวตาย”

อ่านละคร ฟ้าจรดทราย ตอนที่ 4 วันที่ 14 ส.ค. 56

ละครฟ้าจรดทราย ประพันธ์โดย โสภาค สุวรรณ
ละครฟ้าจรดทราย บทโทรทัศน์โดย ศัลยา สุขะนิวัตต์
ละครฟ้าจรดทราย กำกับการแสดงโดย สยาม สังวริบุตร
ละครฟ้าจรดทราย ผลิตโดย ค่าย ดาราวิดีโอ
ละครฟ้าจรดทราย ออกอากาศทุกวันจันทร์ และวันอังคาร เวลา 20.30 น. ทางช่อง 7 สี
ละครฟ้าจรดทราย เริ่มตอนแรกวันจันทร์ที่ 12 สิงหาคม 2556
ที่มา ไทยรัฐ