อ่านละคร ฟ้าจรดทราย ตอนที่ 5 วันที่ 19 ส.ค. 56

อ่านละคร ฟ้าจรดทราย ตอนที่ 5 วันที่ 19 ส.ค. 56

ในที่สุดชีคอัสมันก็เอ่ยปากบอกชารีฟว่าจะยกลูกสาวสองคนให้แล้วจะแถมตำแหน่งผู้นำเผ่าให้อีกด้วยเขาปฏิเสธโดยไม่ต้องคิดว่ายังไม่พร้อม มีงานต้องทำอีกมาก เกรงจะดูแลลูกสาวของชีคอัสมันได้ไม่เต็มที่ ชายผู้สูงวัยกว่าสีหน้าผิดหวัง ก่อนจะรีบปรับสีหน้าเป็นปกติ หันไปบอกมิเชลล์ว่าจะยกลูกสาวคนสุดท้องให้

“ไม่เอา...ลูกพี่ข้าไม่รับ ข้าก็ไม่รับ” มิเชลล์ปฏิเสธเสียงแข็ง ชารีฟนึกสนุกขึ้นมา แกล้งอนุญาตให้เธอแต่งงานได้ มิเชลล์ยังไม่อยากแต่งงานอยากอยู่กับเจ้านายอย่างนี้ไปก่อน ชารีฟยุแหย่ไม่เลิกไม่แล้วจนเธอเหลืออด แกล้งประชดประชันกลับบ้าง


“คิดดูอีกทีก็ดีเหมือนกัน ข้าแต่งงานอยู่รับใช้ท่านชีคไม่ต้องออกไปไหนให้เหนื่อยยาก ทะเลทรายร้อนระอุไปหมด ข้าชักจะเข็ดแล้ว” มิเชลล์พูดจบหันไปยิ้มยั่วชารีฟซึ่งตีหน้ายักไหล่อย่างไม่ยี่หระ เธอชักจะใจไม่ดีชีคอัสมันยิ้มพอใจ หันไปสั่งการให้ยูซุฟตรวจทุกอย่างให้พร้อมสำหรับการเดินทางของชารีฟในวันพรุ่งนี้

“ยูซุฟ ข้าจะไปตรวจพ่อของเจ้าอีกครั้ง ก่อนจากไป”

ยูซุฟฉีกยิ้มดีใจ รีบเดินนำชารีฟออกไปทันทีโดยมีมิเชลล์ตามไปติดๆ พอเห็นยูซุฟไม่ได้สนใจมอง เธอต่อว่าชารีฟเป็นการใหญ่ที่ยุยงส่งเสริมให้เธอรับลูกสาวของชีคอัสมันเป็นเมีย ทั้งๆที่รู้อยู่แล้วว่าเป็นไปไม่ได้

“อ้อ เพิ่งรู้ว่าเป็นไปไม่ได้นะเนี่ย เจ้าไม่บอกข้าก็ไม่รู้หรอก คิดว่าเป็นไปได้เสียอีก เห็นเจ้าเออออกับท่านชีคเสียดิบดี” ชารีฟพูดจบหัวเราะชอบใจ มิเชลล์หมั่นไส้ทุบเขาเต็มแรงไปหนึ่งที...

ทางฝ่ายพ่อของยูซุฟถือเป็นบุญคุณอย่างเหลือล้นที่ชารีฟมีแก่ใจมาดูอาการป่วยให้อีกครั้ง นึกเสียดายที่เขาต้องจากที่นี่ไป แล้วสั่งสอนลูกชายว่าบุญคุณของชารีฟครั้งนี้นอกจากจะต้องจดจำไปชั่วชีวิตแล้ว หากเมื่อใดที่มีโอกาส เขาต้องทดแทนบุญคุณด้วย...

มิเชลล์หมดแรงทรุดตัวลงนั่งทันทีที่เข้ามาในกระโจมที่พัก ล้ามาตั้งแต่เมื่อคืนที่ต้องช่วยกันรักษาคนเจ็บบอกให้ชารีฟไปนอน เขาเหน็ดเหนื่อยกว่าเธอมากนัก ชายหนุ่มไม่พูดพล่ามอุ้มเธอตัวปลิวไปวางบนที่นอน ดึงผ้ามาห่มให้ บอกให้นอนได้แล้ว มิเชลล์หลับตาลงอย่างว่าง่าย ครู่เดียวก็หลับสนิทไปด้วยความอ่อนเพลีย ชารีฟนั่งมองเธอด้วยสายตาเปี่ยมด้วยความรัก เสยผมที่ปกหน้าผากก่อนจะก้มลงจูบ แล้วไล่มาจูบที่เปลือกตาทั้งสองข้างและที่ปลายจมูก จนกระทั่งจะถึงริมฝีปาก แต่กลับชะงัก ตัดสินใจล้มตัวลงนอนข้างๆ

“หลับให้สบายนะ พรุ่งนี้เช้ามืดเราจะเดินทางแล้ว เดินทางไกลนะคราวนี้” ชารีฟพึมพำเบาๆ...

ในเวลาไล่เลี่ยกัน ชีคอัสมันยังไม่ละความพยายาม จะเอาชารีฟมาเป็นลูกเขยให้ได้ จ้างวานยูซุฟให้พาตัวเขากลับมาที่จาอุฟหลังจากขายอูฐและม้าเสร็จแล้ว จะใช้เล่ห์กลหลอกล่ออย่างไรก็ได้ แต่ต้องเอาตัวชารีฟกลับมาให้ได้ ยูซุฟไม่เข้าใจทำไมถึงต้องทำขนาดนี้ ชีคอัสมันยกลูกสาวให้แต่ชารีฟไม่รับ

“อ้าว แล้วท่านจะให้เขากลับมา เขาจะรับลูกสาวท่านเป็นเมียหรือ”

ชีคอัสมันจะใช้วิธีบังคับ มอมยา จู่โจม จัดการรวบรัดให้ชารีฟเป็นผัวลูกสาวของเขาให้ได้ เขาจะยกลูกสาวให้ชารีฟสองคนและให้ไอ้หนุ่มน้อยนั่นหนึ่งคน ยูซุฟงงไม่หาย เหตุใดชารีฟถึงปฏิเสธข้อเสนอดีๆแบบนี้

ooooooo

เช้ามืดวันรุ่งขึ้น กองคาราวานพร้อมด้วยอูฐ ม้าและแกะ เตรียมจะออกเดินทาง ชีคอัสมันตามมาส่งชารีฟและแจ้งว่ายูซุฟจะคอยดูแลเขาจนถึงเมืองซากากาอย่างปลอดภัย ชารีฟขอบคุณหัวหน้าเผ่าสำหรับทุกอย่างแล้วโดดขึ้นหลังม้า มิเชลล์แอบขึ้นม้าอีกตัวหนึ่งไม่ให้ชีคอัสมันเห็น แต่เขาหันมาพอดีตะโกนลั่น

“ตาฟาจะไปไหน...กลับมา ไหนบอกข้าจะไม่ไปไงล่ะ ลูกสาวข้ารออยู่”

มิเชลล์หน้าเหลอมองชารีฟเป็นทำนองขอความช่วยเหลือ เขาแก้ตัวกับชีคอัสมันว่าเป็นเพราะเขาเองขอร้องให้เด็กหนุ่มไปด้วยกันก่อนเนื่องจากไม่มีใครคอยรับใช้ ชีคอัสมันจำต้องปล่อยว่าที่ลูกเขยคนเล็กไป แต่เตือนว่าต้องกลับมาหาลูกสาวของตนตามสัญญา มิเชลล์รับคำ รีบควบม้าออกไปทันทีเกรงเขาจะเปลี่ยนใจ...

ระหว่างทางไปเมืองซากากา ยูซุฟเล่าให้ชารีฟฟังว่า ที่เมืองนั้นออกจะวุ่นวายอยู่สักหน่อย เนื่องจากจะมีพ่อค้ามาประมูลสัตว์หลายราย บางครั้งถึงกับแย่งกัน ต้องมีตำรวจมาคอยคุมความเรียบร้อย ยูซุฟเห็นสีหน้าตื่นๆของชารีฟ รีบบอกว่าไม่ต้องกลัว ทางสายสืบของเขารายงานว่า ตลอดอาทิตย์นี้จะไม่มีตำรวจมาตรวจรับรองปลอดภัยแน่นอน ไม่ต้องกังวลใจ ชารีฟรู้ทันทีว่าชีคอัสมันคงบอกเรื่องของตนให้ยูซุฟฟังหมดแล้ว

“มันจำเป็น เพราะข้าได้รับคำสั่งให้เป็นผู้พิทักษ์ท่าน” ยูซุฟสีหน้าครุ่นคิดถึงแผนการที่ชีคอัสมันสั่งให้ทำ ตัดสินใจหว่านล้อมให้ชารีฟกลับจาอุฟ แต่ไร้ผล...

แม้แสงแดดจะแผดเผาแต่กลับมีลมหนาวพัดกระโชกตลอดเวลา มิเชลล์หนาวสะท้านถึงกับต้องห่อไหล่ ชารีฟรีบชักม้ามาเทียบกระซิบว่าหนาวมากไหม เธอยืดตัวตรงทำท่าเข้มแข็ง เป็นทำนองยังไหวไม่ต้องเป็นห่วง

“ความจริงท่านน่าจะแต่งงานกับลูกสาวชีคอัสมันแล้วหยุดเร่ร่อนไปอย่างเสี่ยงๆแบบนี้”

“แล้วเธอล่ะ”

มิเชลล์ตั้งใจว่า ถ้าชารีฟได้เป็นเขยของชีคอัสมัน จะขอให้เขาหาทางส่งเธอไปยังสถานฑูตฝรั่งเศสที่เกชาห์เพื่อจะได้เดินทางต่อไปยังปารีส ชารีฟถามด้วยความน้อยใจว่าเธอไม่อาลัยอาวรณ์ที่นี่บ้างเลยหรือ

“ถ้าดิฉันรอดตายไปจากที่นี่ ดิฉันคงจะรำลึกอยู่เสมอว่าครั้งหนึ่งเคยได้มาผจญภัยอย่างเฉียดฉิวกับความตายที่สุด แล้วก็คงรำลึกถึงท่านพันเอกชารีฟผู้ กล้าหาญมีน้ำใจมีเมตตากรุณาต่อดิฉัน...ดิฉันจะไม่มีวันลืมมิตรภาพระหว่างเรา” มิเชลล์พยายามเว้นระยะห่างของความสัมพันธ์ไว้ทั้งๆที่ตัวเองก็มีใจให้เขาเช่นกัน

ชารีฟทั้งน้อยใจทั้งโกรธที่ความรู้สึกระหว่างเราสองคนเป็นแค่มิตรภาพที่ดีต่อกันเท่านั้น...

ขณะที่มิเชลล์พยายามปฏิเสธหัวใจตัวเอง โจรสองพี่น้องนะหมัดและกาเซ็ม สะกดรอยตามกองคาราวานของยูซุฟไม่ให้คลาดสายตา หวังจะล้างแค้นชารีฟให้สาแก่ใจที่บังอาจมายึดเหล้าของพวกตน...

ตกเย็นกองคาราวานของยูซุฟมาถึงหน้าผาเหนือเมืองซากากา มิเชลล์ลงจากหลังม้ายืนชมวิวของตัวเมืองยามพลบค่ำ ชารีฟเข้ามายืนข้างๆ อธิบายให้ฟังว่าที่นี่เป็นเพียงเมืองทางผ่านจึงไม่มีตึกรามใหญ่โตหรือถนนคอนกรีตให้เห็น ยูซุฟตามมาสมทบ ตบหลังตบไหล่มิเชลล์ด้วยความเอ็นดูเพราะคิดว่าเป็นเด็กหนุ่ม

“พรุ่งนี้เช้าลงไปในเมือง เจ้าจะได้กินขนมอร่อยๆ ขอเงินเจ้านายของเจ้าสิ แล้วออกเที่ยวให้สนุก”

มิเชลล์ยืนตัวแข็งทื่อไม่กล้าขยับ ยูซุฟกระเซ้าว่ากลัวอะไรหนักหนา โตเป็นหนุ่มแล้วไม่ใช่เด็กๆจะคอยเกาะติดชารีฟแบบนี้ได้อย่างไร ชารีฟดึงมิเชลล์ออกจากยูซุฟแบบเนียนๆ แก้ตัวแทนว่าเจ้าหนุ่มคนนี้ขี้ขลาดมาตั้งแต่เด็กแล้ว แถมยังขี้อ้อน ขี้น้อยใจสารพัด ยูซุฟหัวเราะชอบใจกระเซ้าว่าเป็นกะเทยหรือเปล่า

“อย่าบอกใครนะ ข้าว่ามันน่ะใช่เลย” ชารีฟว่าแล้วหัวเราะไปกับยูซุฟ ขณะที่มิเชลล์แอบค้อน...

กว่ากองคาราวานจะตั้งกระโจมเสร็จ พระอาทิตย์ลับขอบฟ้าไปนานแล้ว ที่มุมปลอดคนท้ายกองคาราวานกาเซ็มและนะหมัดอาศัยความมืดค่อยๆคลานอย่างระมัดระวังเข้าไปใกล้จุดที่ชารีฟกับพวกกำลังกินอาหารกันอยู่ แต่โชคไม่เข้าข้างคนชั่ว ยามเฝ้าระวังมาเห็นเสียก่อน จับตัวสองพี่น้องไปส่งให้ยูซุฟสอบสวน

พวกนั้นปั้นเรื่องว่าเพิ่งเสร็จจากเอาของไปขายในเมือง เลยจะมาขอติดกองคาราวานกลับจาอุฟด้วยเพราะเส้นทางขากลับอันตราย

“เราไม่กลับทางเก่า ถ้าจะกลับกับเราก็ไปรอที่ปากทางออกจากเมืองซากากา” ยูซุฟพูดจบ สั่งยามเฝ้าระวังให้พาตัวทั้งคู่ไปไว้ท้ายขบวนคาราวาน สั่งห้ามมายุ่มย่ามหน้าขบวนเด็ดขาด นะหมัดมองชารีฟไม่วางตา จนคนถูกมองอดสงสัยไม่ได้ ยูซุฟชี้แจงว่าความจริงไม่อยากให้สองพี่น้องนั่นกลับด้วย แต่เห็นว่าเป็นคนอยู่เมืองเดียวกัน ถ้าผลักไสไม่ให้ไปด้วยก็จะดูใจจืดใจดำเกินไป แล้วเชิญชารีฟไปพักผ่อน

“ตาฟา เจ้าไปนอนในกระโจมกับลูกน้องข้าทางโน้น...เชิญท่านชารีฟนอนในกระโจมเดียวกับข้าทางนี้” ยูซุฟเดินนำชารีฟออกไป มิเชลล์หน้าเสีย หันรีหันขวางไม่รู้จะทำอย่างไรดี ทรุดตัวลงนั่งกอดเข่าน้ำตาคลอ สักพัก ชารีฟเข้ามาแตะไหล่ มิเชลล์เงยหน้ามอง ก่อนจะฉีกยิ้มทั้งน้ำตา

“คิดได้ยังไงว่าฉันจะทิ้งเธอให้ไปนอนรวมกลุ่มในกระโจมกับคนงานผู้ชายนั่น”

ooooooo

หมอผีเฒ่าขี่ม้ารอนแรมในทะเลทรายจะไปตามตำรวจมาจับตัวชารีฟกลับพบแต่พวกเบดูอินเร่ร่อน จึงขอให้พวกนั้นช่วยพาไปที่ไหนก็ได้ที่มีกองตำรวจทะเลทราย พวกนั้นอยากรู้ว่าเขาจะไปพบตำรวจทำไม

อ่านละคร ฟ้าจรดทราย ตอนที่ 5 วันที่ 19 ส.ค. 56

ละครฟ้าจรดทราย ประพันธ์โดย โสภาค สุวรรณ
ละครฟ้าจรดทราย บทโทรทัศน์โดย ศัลยา สุขะนิวัตต์
ละครฟ้าจรดทราย กำกับการแสดงโดย สยาม สังวริบุตร
ละครฟ้าจรดทราย ผลิตโดย ค่าย ดาราวิดีโอ
ละครฟ้าจรดทราย ออกอากาศทุกวันจันทร์ และวันอังคาร เวลา 20.30 น. ทางช่อง 7 สี
ละครฟ้าจรดทราย เริ่มตอนแรกวันจันทร์ที่ 12 สิงหาคม 2556
ที่มา ไทยรัฐ