อ่านละคร ซินเดอเรลล่ารองเท้าแตะ ตอนที่ 6 วันที่ 29 ส.ค. 56

อ่านละคร ซินเดอเรลล่ารองเท้าแตะ ตอนที่ 6 วันที่ 29 ส.ค. 56

แล้วทั้งสองก็ไปสมทบกับห่านและบื้อชวนกลับกัน น้องนุชเสนอว่าก่อนกลับมาถ่ายรูปหมู่เป็นที่ระลึกกันก่อน ว่าแล้วน้องนุชก็เอามือถือไปให้ฝรั่งแถวนั้นช่วยถ่ายให้ ฝรั่งคนนั้นบอกให้ยืนชิดๆกันหน่อย บื้อจึงขยับเข้าชิดห่าน ห่านถูกดันไปติดคุณชาย คุณชายกับห่านยิ้มให้กันแล้วหันมองกล้องเขินๆ เป็นจังหวะที่ฝรั่งคนนั้นกดชัตเตอร์พอดี

ถ่ายรูปเสร็จ ห่าน คุณชายและน้องนุชเดินไปด้วยกัน บื้อมองห่านกับคุณชายที่เดินคู่กันไปแล้วเป่าลมพรวดออกมา เอามือจับที่หัวใจตัวเองบ่นเบาๆ “เป็นอะไรไปวะไอ้บื้อ...”


ระหว่างเข้าไปนั่งทานพิซซ่าในร้านนั่นเอง คุณชายกับน้องนุชสบตาอย่างรู้กันที่จะเริ่มตามแผน คุณชายเอ่ยขึ้นก่อนว่าน้องนุชเคยเล่าว่าคุณพ่อเธอขอคุณแม่แต่งงานที่นี่หรือ พอน้องนุชบอกว่าใช่ ห่านทำท่าตื่นเต้นมากบอกว่าฟังแล้วโรแมนติกจังเลย น้องนุชถามว่าจะไปดูสถานที่ที่พ่อขอแม่แต่งงานไหม ห่านรีบตอบทันทีว่า อยากดู

น้องนุชจึงพาไปที่โบสถ์เซ้นต์วินเซ้นต์เล่าว่า ถ้าใครได้แต่งงานกันที่โบสถ์นี้จะทำให้ครองรักกันไปจนกว่าชีวิตจะหาไม่ คุณชายพูดขึ้นตามคิวว่า “เอาไว้วันนั้นจะพาคนรักของฉันมาแต่งงานที่นี่” น้องนุชทำหน้าอำๆถามว่ามีแล้วหรือ คุณชายมองหน้าน้องนุชอย่างตื่นเต้นบอกว่ามีแล้ว ทำให้ห่านเข้าใจว่าคุณชายหมายถึงน้องนุช หน้าเจื่อนไปทันที

จู่ๆน้องนุชก็บอกว่าตนเพิ่งนึกได้ว่ามีธุระคงต้องขอตัวแต่ไม่ไปคนเดียวชวนบื้อไปเป็นเพื่อนด้วย บื้อรับคำงงๆ

พอทั้งสองออกไป คุณชายก็ได้รับโทรศัพท์จากคนส่งดอกไม้จึงออกจากโบสถ์ไปรับดอกไม้แล้วรีบเดินกลับเข้ามา ปรากฏว่าห่านหายไปแล้ว เขารีบโทร. บอกน้องนุช พอบื้อรู้ก็วิ่งกลับไปทันที

“ยัยบ้าเอ๊ย...ไปไหนของเธอเนี่ย??” บื้อเดินบ่น

ห่านเดินหน้าบอกบุญไม่รับไปตามถนน สมองไม่รับรู้ว่าสองเท้าจะพาไปไหน เพราะใจมัวหงุดหงิดงุ่นง่าน เดินบ่น...

“อยากสวีทกับคุณนุชก็มากันแค่สองคนสิ จะพาเรามาด้วยทำไม ไม่เห็นอยากจะฟังไอ้เรื่องราวโรแมนติกบ้าๆบอๆนั่นเลย แล้วดูสิ ไม่เห็นออกมาตามเราซักนิด...” บ่นงอนๆแล้วเดินเชิดต่อไปทั้งที่ใจแป้ว

บื้อเดินหาจนเห็นห่านเดินอยู่ไกลๆรีบวิ่งตามไป ห่านได้ยินเสียงข้างหลังมีคนเดินตามก็นึกดีใจว่าคุณชายมาตามบอกตัวเองว่าต้องไว้ตัว ทำเป็นไม่แยแส พอเสียงฝีเท้าหยุด ห่านหยุดถามอย่างถือดีว่า

“คุณชายจะตามฮันนี่มาทำไมคะ ฮันนี่ยังไม่อยากคุยกับคุณชายตอนนี้ คุณชายกลับไปเถอะค่ะ” พูดแล้วเงียบฟังเห็นไม่มีเสียงตอบเลยสำทับ “ทำไมยังไม่กลับไปอีกคะ ฮันนี่บอกให้กลับไปไงคะ”

พลันก็มีมือมาสะกิดที่ไหล่ ห่านหันไป ฝันสลายทันทีเมื่อกลายเป็นบื้อ! ห่านสะบัดหน้า เชิดใส่ทันที บื้อถามว่าจะไปไหนก็แหวใส่ว่าไม่ต้องมายุ่ง บื้อบอกว่า ตนก็ไม่ได้อยากยุ่ง แต่ถ้าเธอหายไป ทั้งคุณชายและน้องนุชก็ต้องออกตามหาเดือดร้อนกันไหมล่ะ!

ห่านยิ่งอวดดีบอกว่าตนไม่หลง แล้วเดินหนีไป บื้อยังไม่วายตามไปห่างๆอย่างเป็นห่วง

บนถนนเปลี่ยว...มีห่านเดินอยู่คนเดียว พอรู้ตัว ห่านก็เริ่มกลัว มองไปรอบตัวก็ไม่รู้จะไปทางไหนดี แต่พอก้าวเดินต่อก็สะดุดล้ม คราวนี้ยิ่งใจเสีย ทั้งเจ็บทั้งกลัวจนจะร้องไห้...ตัดสินใจร้องขอความช่วยเหลือ

ห่านหลุดสายตาบื้อไปเพราะมีนักท่องเที่ยวกลุ่มใหญ่ตัดหน้า พอมองไปไม่เห็นห่านบื้อก็วิ่งหาอย่างว้าวุ่นใจ พอเห็นห่านนั่งกุมเท้าอยู่ริมฟุตปาทก็รีบวิ่งไปหา ห่านเห็นบื้อก็ดีใจจนแทบจะร้องไห้ เมื่อบื้อมาช่วยนวดเท้าและสวมรองเท้าให้เพื่อพากลับโรงแรม ปรากฏว่าห่านยังเดินไม่ถนัด บื้อจึงให้ขี่หลังไป

แบกห่านมาจนใกล้ถนนใหญ่ บื้อบอกให้นั่งรอตรงนี้ตนจะไปโบกรถ เห็นห่านหนาวก็ถอดเสื้อของตัวเองคลุมให้แล้วรีบเดินออกไป แต่พอบื้อคล้อยหลังคุณชายก็โผล่มาพอดี ห่านเห็นคุณชายก็นึกขึ้นได้ว่าตัวเองคลุมเสื้อของบื้ออยู่ เธอรีบถอดเสื้อบื้อออกหลุดลงไปกองที่พื้น

คุณชายโผเข้ากอดห่านด้วยความดีใจ “ผมเป็นห่วงคุณแทบแย่ คุณมาทำอะไรตรงนี้ครับ”

“ห่านออกมาเดินเล่นน่ะค่ะ แต่ว่าดันหลงทาง”

“ผมขอโทษนะครับที่ทิ้งคุณไว้คนเดียว” พลางคุณชายถอดเสื้อกันหนาวของตัวเองคลุมให้ห่าน เธอกระชับเสื้อแนบตัวรู้สึกอุ่นไปถึงหัวใจ เมื่อคุณชายชวนกลับจึงรู้ว่าเท้าเธอเจ็บ คุณชายประคองเธอไปอย่างแนบชิด

บื้อวิ่งกลับมาเห็นหลังคุณชายประคองห่านไปเห็นเสื้อตัวเองกองอยู่ที่พื้น จึงไปหยิบขึ้นมาสะบัดฝุ่นแล้วใส่ ถอนใจกับความจริง...ความแตกต่างระหว่างตนกับคุณชาย...

ห่านกลับถึงห้องพักแล้วถอดเสื้อกันหนาวของคุณชายเอามากอดแทน พลันก็นึกได้ว่าบื้อไปเรียกรถยังไม่กลับ

“แย่แล้ว...อีตาบื้อ!!” ห่านหน้าเสียสุดๆ

จนดึก เมื่อบื้อกลับมาเห็นห่านนั่งสัปหงกพิงประตูห้องตนก็ตกใจ เข้าไปเรียกอย่างไรห่านก็ไม่ตื่น เห็นคีย์การ์ดของห่านตกอยู่ข้างตัว บื้อจึงอุ้มห่านพากลับห้อง วางร่างเธอบนเตียง ถอดแว่นออกวางไว้ที่โต๊ะข้างเตียง เกลี่ยผมที่ปรกหน้า ห่มผ้าให้อย่างเบามือ

บื้อมองห่านอีกครั้ง เขาเริ่มรู้ตัวแล้วว่า คิดอย่างไรกับห่าน...มองห่านด้วยแววตาอ่อนโยนอีกครั้งก่อนออกจากห้องไป ห่านยังนอนหลับสนิทไม่รับรู้อะไรเลย เพราะเหนื่อยจากการท่องเที่ยวมาทั้งวัน...

ooooooo

เพียงเช้าวันรุ่งขึ้น แอปเปิ้ลกับปีโป้ก็ไปฟ้องพรเพ็ญ ว่าห่านเป็นเด็กกำพร้า ฉะนั้นที่ห่านอ้างว่า ลาไปช่วยเกี่ยวข้าวที่บ้านนั้น เป็นเรื่องโกหกทั้งเพ เพื่อให้น่าเชื่อถือยังยุให้พรเพ็ญโทร.ไปถามครูสมพรดู

แหม่มมาทำงานสาย เลยได้ยินแอปเปิ้ลกับปีโป้เดินคุยกันขณะออกจากห้องทำงานของพรเพ็ญว่า

“ถ้าคุณผู้จัดการรู้ว่าจริงๆแล้วนังห่านไม่ได้ไปช่วยที่บ้านเกี่ยวข้าวละก้อ...นังห่านโดนไล่ออกแน่” แอปเปิ้ลสะใจ

“และเธอก็จะหมดเสี้ยนหนาม” ปีโป้พูดเอาใจ

แหม่มตกใจรีบไปเล่าให้เจ๊มะพร้าวฟัง ถามอย่างกังวลว่า หรือสองคนนั้นจะรู้ว่าห่านไปสวิต ถ้างั้นก็ต้องรู้ว่าห่านปลอมตัวเป็นฮันนี่ด้วย พูดแล้วหน้าซีดกลัวเราสองคนจะถูกไล่ออกด้วยฐานสมรู้ร่วมคิดช่วยกันโกหกคุณชาย

“ใจเย็นนังแหม่ม แกจะแหกปากให้คนทั้งห้างฯได้ยินรึไง...ขอเจ๊ใช้หมองหน่อย” เจ๊นิ่วหน้าคิดเครียด

จีจี้เห็นทั้งสองเครียดก็คาดว่าต้องมีเรื่องอะไรแน่ๆ ค่อยๆย่องไปแอบฟังหลังเคาน์เตอร์

“ทำไมคิดนานจัง” แหม่มร้อนใจ เจ๊บอกว่า เรื่องนี้ต้องใช้สมองมากกว่าปกติหน่อย แหม่มปรารภว่า “ฉันหายใจไม่ทั่วท้องเลย กลัวความลับแตก!!

จีจี้ตาลุก กระดืบเข้าใกล้มากขึ้นเพื่อฟังให้ถนัด มัวแต่เงี่ยหูฟัง เลยไม่รู้ว่า เจ๊กับแหม่มเห็นบั้นท้ายเบ้อเริ่มที่โผล่ออกมา เลยย่องไปยันเสียหน้าคะมำ

พอจีจี้ออกไป แหม่มถามเจ๊อย่างกังวลว่า “นังจี้มันจะได้ยินอะไรไหมเจ๊?” เจ๊ไม่ตอบ มองหน้ากันกังวลสุดๆ

จีจี้ไปเล่าให้แอปเปิ้ลกับปีโป้ฟังว่าได้ยินทั้งสองพูดกันว่า “กลัวความลับแตก” ปีโป้ฟันธงว่าทั้งสามคนต้องทำอะไรกันอยู่แน่ๆ

“ความจริงฉันไม่ใช่คนขี้เม้าท์และชอบสาระแนเรื่องชาวบ้านหรอกนะ แต่ฉันเคืองที่โดนนังเจ๊มันถีบ เพราะฉะนั้นต่อไปนี้ ถ้าเธอสองคนต้องการแนวร่วม ขอให้บอก ฉันจะช่วยเต็มที่”

“คราวนี้ล่ะนังห่าน! ฉันจะเชือดแล้วก็สับๆๆๆ แกให้เละเป็นห่านบะช่อเลย” แอปเปิ้ลจิกตาอย่างสะใจ

หนูจ๋ารักษาตัวที่โรงพยาบาล น้อยมาป้อนข้าวต้มให้ คุณหนูจ๋าบอกว่าอยากดื่มน้ำผลไม้ น้อยจึงออกไปซื้อให้

ระหว่างนั้นโจ๊กมาเยี่ยมคุณหนูจ๋า ถามว่า “หายดีแล้วหรือครับ”

“ดีขึ้นแล้ว แต่หมออยากให้อยู่โรงพยาบาลคืนนี้อีกคืนเพื่อรอดูอาการ ขอบใจโจ๊กมากนะที่ช่วยฉัน”

“เล็กน้อยมากครับ” โจ๊กวางมาดสุภาพบุรุษ คุณหนูจ๋าเห็นโจ๊กเอาอูคูเลเล่มา ถามว่าเอามาทำไม “ผมกลัวคุณหนูจ๋าจะเซ็ง เพราะไม่มีอะไรทำ เลยเอามาให้น่ะครับ”

หนูจ๋าเลยขอให้โจ๊กเล่นให้ฟัง โจ๊กยิ้มเต็มหน้า หัวใจพองโต รีบเอาอูคูเลเล่ออกจากกระเป๋ามาเล่นให้ฟัง

บังเอิญน้อยลืมเอากระเป๋าสตางค์ไปเลยย้อนกลับมาเอา เห็นคุณหนูจ๋าสนิทสนมกับโจ๊กมากก็ไม่สบายใจ เลยแกล้งชวนโจ๊กไปซื้อน้ำผลไม้ด้วยกัน แต่พอลงไปแล้วก็ให้โจ๊กกลับไปเสีย ตนซื้อเองได้ โจ๊กเลยหน้าจ๋อยกลับไป

ooooooo

เมื่อครบกำหนดกลับไทย ทั้งคุณชายและห่านต่างเสียดายวันเวลาแห่งความสุขที่ผ่านไปรวดเร็วเหลือเกิน ห่านบอกว่า ตนอยากจดจำทุกอย่างเอาไว้ในความทรงจำว่าครั้งหนึ่งเคยมาที่นี่กับคุณชาย ซึ่งอาจจะเป็นครั้งสุดท้าย
คุณชายพูดอย่างมีความหมายว่าเราต้องได้มาเที่ยวด้วยกันอีก ห่านทำหน้าเศร้าบอกว่าคุณหญิงแม่คงไม่ให้มาอีก เพราะท่านไม่ชอบให้ตนไปไหนมาไหน

“ถ้าอย่างนั้น ผมจะไปขออนุญาตท่านด้วยตัวเอง” ห่านตกใจมากรีบห้าม คุณชายตัดสินใจบอกว่า “กลับกรุง– เทพฯคราวนี้ ผมตั้งใจเอาไว้แล้วว่า ผมจะไปกราบคุณแม่ของคุณฮันนี่ ผมอยากให้ท่านเห็นความจริงใจของผมที่มีต่อลูกสาวท่าน”

พูดแล้วเห็นห่านอึ้ง คุณชายจับมือทั้งสองข้างของห่านขึ้นมา มองลึกเข้าไปในดวงตา บอกเธอว่า

“เมื่อวานนี้ สิ่งที่ผมพูดกับน้องนุชในโบสถ์ ผมหมายถึงคุณฮันนี่ ผู้หญิงที่ผมอยากแต่งงานและอยากใช้ชีวิตด้วยคือคุณ” เห็นห่านตะลึง คุณชายพูดต่ออย่างตื่นเต้น “ผมรักคุณครับคุณฮันนี่...รักตั้งแต่วันแรกที่เจอกัน ผมรู้ทันทีว่าคุณคืออีกครึ่งชีวิตของผมที่หายไป”

ทั้งสองมองกันด้วยสายตาที่เผยความในใจ ต่างตกอยู่ในภวังค์ คุณชายเคลื่อนหน้าเข้าไปจะจุมพิต ห่านปล่อยทุกอย่างให้เป็นไปตามใจปรารถนา บื้อมาเห็นใจเต้นไม่เป็นส่ำหน้าร้อนผ่าวๆตัดสินใจเรียก

“คุณชายครับ...รถที่มารับไปสนามบินมาแล้วครับ”

“ไปกันเถอะครับ” คุณชายบอกห่านอย่างอ่อนโยนแล้วเดินเคียงคู่กันไป ทิ้งบื้อให้ยืนเศร้าอยู่ข้างหลัง

ooooooo

สมเอารถไปรับที่สนามบิน พาห่านกับบื้อไปที่คอนโดฯของสุรเดช คุณชายจะขึ้นไปส่ง ห่านผงะรีบบอก

“ไม่เป็นไรค่ะ คุณชายรีบกลับบ้านไปพักเถอะค่ะ เดินทางมาเหนื่อยๆ ฮันนี่ขึ้นไปเองได้ ฮันนี่ไปก่อนนะคะ”

“ผมขอลงตรงนี้เลยนะครับคุณชาย ขอบคุณมากนะครับสำหรับทุกอย่าง” บื้อขอลงเช่นกัน

คุณชายกับห่านยังอาลัยอาวรณ์กัน จนบื้อทน ไม่ไหวเอ่ยลาคุณชายอีกครั้ง ห่านจึงแยกไปแต่ยังหันบอกคุณชายว่า

“ถ้าคุณชายถึงบ้านแล้ว โทร.บอกฮันนี่ด้วยนะคะ”

คุณชายจับมือห่านขึ้นหอม บื้อใจแป้ว ส่วนสมตาโตถามบื้อว่า สองคนนี้เป็นแฟนกันแล้วใช่ไหม

“ผมไม่รู้ ผมไปก่อนนะครับ” บื้อตอบเสียงปร่าแล้วรีบลากกระเป๋าไปอย่างทนดูภาพบาดตานั้นไม่ได้

ห่านดีใจสุดๆมีความสุขจนล้นปร่ี แต่พอแยกจากคุณชายก็ฉุกคิดถึงบื้อ สงสัยว่าหายไปไหน จึงโทร.ตาม ปรากฏว่าบื้ออยู่ที่ป้ายรถเมล์แล้ว

“รอตรงนั้น ฉันไปด้วย” ห่านรีบลากกระเป๋าไปที่ป้ายรถเมล์ พอรถมาก็พากันยกกระเป๋าขึ้นรถไปนั่งท้ายรถ ครู่เดียวห่านก็หลับหัวพิงไหล่บื้อ ทีแรกบื้อค่อยๆ ยกหัวห่านออกไป แต่แล้วก็เปลี่ยนใจปล่อยให้ห่านพิงไหล่หลับต่อ แอบมีความสุขเล็กๆแม้แต่เพียงห่านหลับพิงไหล่อย่างไม่ตั้งใจ

ooooooo

พอคุณชายกลับถึงบ้าน ก็ต้องเผชิญกับรื่นฤดีที่หน้าบอกบุญไม่รับ เมื่อได้เวลาอาหาร คุณชายเดินไปที่โต๊ะ รื่นฤดีก็พูดขึ้นลอยๆเชิดๆทันที

“เดี๋ยวนี้ปีกกล้าขาแข็ง นึกอยากจะไปจะมาเมื่อไหร่กับใครเขาก็ไป โดยไม่เห็นหัวหงอกหัวดำแถวนี้” พูดแล้ววางช้อนส้อมเสียงดัง เช็ดปากแล้วลุกไป

“อิ่มแล้วเหรอคุณ” ชนะศึกถามเกรงๆ

“ค่ะ...ทานไม่ลงแล้ว ฉันขอตัว”

คุณชายลุกตามไปไหว้ขอโทษ ยอมรับผิดที่ไม่บอกเรื่องตนพาฮันนี่ไปด้วย ยืนยันว่าตนไปทำงานจริงๆ รื่นฤดีเมินหน้าไปทางอื่น คุณชายถามอ้อนว่าจะให้ทำอย่างไรคุณแม่ถึงจะหายโกรธ

“สิ่งเดียวที่จะทำให้แม่หายโกรธก็คือ ลูกต้องหมั้นกับหนูดาหลา” รื่นฤดีหันมายื่นคำขาด ทำเอาคุณชายชะงักกึกพยายามชี้แจงว่า

“แต่ผมไม่ได้รักคุณดาหลา ผมรักคุณฮันนี่ ผมจะแต่งงานกับคนที่ผมรักเท่านั้น”

“แต่แม่ไม่ชอบผู้หญิงคนนั้น!”

“ทำไมคุณแม่ถึงไม่ชอบเขาล่ะครับ คุณแม่ยังไม่เคยทำความรู้จักกับเขาสักนิด ผมขอโอกาสให้กับคุณฮันนี่สักครั้งจะได้ไหมครับ” คุณชายมองหน้าแม่อย่างวิงวอน รื่นฤดีนิ่งไปนิดหนึ่งจึงตัดสินใจ

“ก็ได้...แม่จะให้โอกาสผู้หญิงคนนั้น”

คุณชายดีใจมาก หารู้ไม่ว่ารื่นฤดีมีแผนบางอย่าง ในใจ!

ooooooo

คืนนี้แหม่มเลิกงานกลับถึงบ้านเจอห่านกลับมาก่อนแล้ว แหม่มทำหน้าอำๆ ถามห่านว่าเป็นอย่างไรบ้าง พอห่านเล่าว่าคุณชายบอกรักตน แหม่มตาโตเท่าไข่ห่านอุทาน

“คุณคุณชายบอกรักแก!! โรแมนติกที่สุด อย่างกับเรื่องซินเดอเรลล่าที่หญิงสาวชาวบ้านได้พบรักกับเจ้าชายผู้สูงศักดิ์ แกเป็นผู้หญิงที่โคตรโชคดีเลยว่ะ”

“ไม่รู้ว่าโชคดีเกินไปรึเปล่า”

แหม่มถามห่านว่าจะแต่งงานเมื่อไหร่ ห่านทำหน้าเขิน บอกว่า เพิ่งจะรู้จักกันเอง ยังต้องศึกษากันอีกนาน

“เพิ่งรู้จักสิดี จะได้ไม่ต้องรู้ตื้นลึกหนาบางอะไรมาก แกขอเขาแต่งงานไปเลย”

ห่านยิ่งเขินบอกว่าตนเป็นผู้หญิงจะทำอย่างนั้นได้ยังไง แหม่มไม่ถือเพราะสมัยนี้ผู้หญิงกับผู้ชายเท่าเทียมกันแล้ว ขืนช้าเดี๋ยวชวดฉลูขานเถอะไม่รู้ด้วย

“เลิกพูดเรื่องฉันได้แล้ว เออ...จริงสิ ตอนที่ฉันไม่อยู่มีอะไรเกิดขึ้นบ้าง เล่าซิ” แหม่มหน้าเจื่อนไปทันที ห่านถามว่าเป็นอะไร แหม่มฝืนยิ้มบอกว่า ไม่มีอะไร แต่นั่นทำให้ห่านยิ่งสงสัยมาก

รุ่งขึ้น ห่านเอาของฝากมาให้เจ๊มะพร้าว เป็นมาส-คาร่ายี่ห้อดัง เจ๊ขอบใจบอกว่าดีใจมากที่เห็นห่านสบายใจ แสดงว่าไม่คิดมาก ห่านถามว่าเรื่องอะไรหรือ

“นี่แกยังไม่ได้บอกนังห่านมันเหรอ” เจ๊หันไปถามแหม่ม ห่านเลยคาดคั้นแหม่ม แหม่มกลืนน้ำลายเอื๊อกหันมองเจ๊อย่างลำบากใจ ทำให้ห่านยิ่งสงสัย

เมื่อมาทำงานที่แผนกรองเท้าสตรี ห่านถูกแอปเปิ้ลกับปีโป้กระแนะกระแหน่ว่าไปทำนาไม่เห็นตัวดำ ห่านบอกว่าคนใส่เสื้อแขนยาวนุ่งกางเกงขายาวและใส่หมวกมันเลยไม่ดำ

“เหรออออ...” ทั้งสองลากเสียงยาวประชด

พอดีพรเพ็ญเข้ามาเรียกห่านไปพบที่ห้อง ห่านหน้าเสีย แอปเปิ้ลยิ้มกริ่มพูดลอยๆว่า

“คนเราทำอะไรเอาไว้ก็จะได้อย่างนั้น อย่างเช่น ทำดีได้ดี ทำชั่วได้ชั่ว”

“แล้วถ้าคนขี้โกหกล่ะ จะได้อะไร” ปีโป้ลอยหน้าถาม

“อันนี้คงต้องถามห่านแล้วล่ะ เพราะห่านน่าจะรู้ดีที่สุด”

ห่านฟังทั้งสองพูดเหน็บไปเหน็บมาแล้วไม่สบายใจ ถามเจ๊ว่าหรือสองคนนั้นจะรู้ว่าตนไปทำอะไรมา เจ๊เชื่อว่าผู้จัดการเรียกไปคุยเรื่องอื่นมากกว่า เร่งให้รีบไปเสียเดี๋ยวผู้จัดการจะสงสัยเอา ให้กำลังใจห่าน “ทำใจดีสู้เสือไว้แก”

พอห่านเข้าไปพบ ปรากฏว่าพรเพ็ญให้ห่านเซ็นชื่อเพราะกลับมาทำงานช้าไปหนึ่งวัน ห่านโล่งใจ แต่พอออกมาก็ถูกแอปเปิ้ลเยาะเย้ยว่าถ้าจะให้ตนสองคนช่วยหางานใหม่ให้ก็บอกนะ แล้วก็ต้องหน้าเสีย เมื่อพรเพ็ญเดินตามมาบอกห่านว่า

“หฤทัย...ถ้ามีอะไรให้ฉันช่วยก็บอกมา ไม่ต้องเกรงใจ”

แอปเปิ้ลแปลกใจถามพรเพ็ญว่า ไม่ได้ไล่ห่านออกหรือ เพราะห่านโกหก ห่านไม่ได้กลับไปช่วยที่บ้านทำนา

“ไม่จำเป็น เพราะหฤทัยสารภาพกับฉันแล้วว่าเขาโกหก แต่ที่ต้องโกหกเพราะเขาอาย หฤทัยไปเซ็นค้ำ ประกันให้เพื่อน แต่เพื่อนไม่มีปัญญาใช้หนี้ หฤทัยก็เลยต้องไปเป็นเด็กนั่งดริงก์ หฤทัยกลัวทำให้ห้างฯเราเสียชื่อ ก็เลยขอลางานเท่ากับจำนวนวันที่ต้องไปทำงานใช้หนี้แทนเพื่อน เข้าใจหรือยัง”

แอปเปิ้ลบอกว่าไม่จริง บอกให้พรเพ็ญโทร.ไป เช็ก เลยถูกพรเพ็ญตำหนิว่าหัดมีน้ำใจกับเพื่อนบ้าง แม้หฤทัยจะโกหกก็เป็นโกหกสีขาว...“คนเราน่ะ ยามเพื่อนกำลังลำบาก เราต้องให้กำลังใจ ไม่ใช่ไปซ้ำเติมหรือหา เรื่องคอยจับผิด”

ทั้งสองยังจะโต้แย้ง พรเพ็ญถามว่าทั้งสองคนทิ้งงานมาแบบนี้แล้วใครจะขายของ ทั้งสองเลยรีบกลับไป ห่านจึงขอตัวไปทำงานด้วย พรเพ็ญมองตามห่านพึมพำ...

“โถ...น่าเวทนาจริงๆ แม่คุณ”

ooooooo

พอไปกินอาหารเที่ยงด้วยกัน เจ๊มะพร้าวชมห่านว่าฝีมือการแสดงสุดยอดจริงๆ แหม่มก็ขอคารวะดราม่าตัวแม่ ทวงว่าเย็นนี้ไปกินหมูกระทะกันไหม ฉลองที่ห่านเอาตัวรอดได้อย่างไร้ที่ติ

“สต๊อป!! อย่าเพิ่งเริงร่าเกินเหตุ วันนี้รอดใช่ว่าวันหน้าจะโชคดีเหมือนวันนี้ อย่าลืมว่ามีคนจ้องจับผิดแกอยู่ ทั้งนังแอ๊บแบ๊ว นังปลากะโห้ นังช้างน้ำจีจี้ แก ยังต้องระวังตัวห้ามทำอะไรให้พวกมันจับได้อีกเด็ดขาด” เจ๊เตือนสติ

อ่านละคร ซินเดอเรลล่ารองเท้าแตะ ตอนที่ 6 วันที่ 29 ส.ค. 56

ละครซินเดอเรลล่ารองเท้าแตะ บทประพันธ์โดย ภาคินัย บทโทรทัศน์โดย ปณธี
ละครซินเดอเรลล่ารองเท้าแตะ กำกับการแสดงโดย พีรพล เธียรเจริญ
ละครซินเดอเรลล่ารองเท้าแตะ สร้างสรรค์โดย อรพรรณ วัชรพล
ละครซินเดอเรลล่ารองเท้าแตะ ผลิตโดย บริษัท โพลีพลัส เอ็นเตอร์เทนเม้นท์ จำกัด
ละครซินเดอเรลล่ารองเท้าแตะ เป็นละครโทรทัศน์แนว คอมเมดี้
ละครซินเดอเรลล่ารองเท้าแตะ ออกอากาศทาง สถานีโทรทัศน์สีกองทัพบกช่อง 7
ที่มา ไทยรัฐ