อ่านละคร วันนี้ที่รอคอย ตอนที่ 20 วันที่ 10 ส.ค. 56
พอทั้งสามหันจะออกจากห้องบรรพบุรุษ ก็เห็นจ้าวซันยืนมองอยู่ท่าทางเหมือนยืนนานแล้วด้วย จ้าวซันยกมือลูบหัวผิงอัน เอ่ยอย่างชื่นชม เอ็นดูว่าเป็นผู้ใหญ่ขึ้นเยอะ ต่อไปคงลูบหัวแบบนี้ไม่ได้แล้ว“ได้สิคะ...ยังไงหนูก็ยังเป็นซายหมุย น้องสาวคนเล็กของพี่อยู่ดีนั่นแหละ” ผิงอันมองจ้าวซันอ้อน ๆ ตามเคย
ooooooo
บราลีที่พักฟื้นอยู่ วันนี้ก็ลุกนั่งบนเตียง ถามหมอว่า ตนไม่เป็นอะไรมากแล้วลุกไปเดินเล่นทำอะไรๆ ได้ตามปกติแล้วใช่ไหม หมออนุญาตให้เดินเล่นได้แต่ไม่ใช่ที่นี่ ชี้แจงกับเธอว่า
“คุณบราลี ร่างกายคุณอ่อนแอมากนะครับ และจากผลเลือดบอกว่าคุณมีอาการโลหิตจาง ขาดสารอาหาร ขาดการพักผ่อน” เป็นจังหวะที่จ้าวซันเปิดประตูเข้ามาพอดี หมอทัก “มาพอดี..ผมก็เลยอยากให้คุณและก็คุณ พากันไปเที่ยวตากอากาศ ไปพักผ่อนที่ไหนก็ได้สักห้าหกวัน หยุดการทำงานหรือคิดเรื่องบริษัท เรื่องปัญหาของครอบครัว แค่กิน นอน เดินเล่น ช็อปปิ้ง เที่ยวสนุกสนานร่างกายและจิตใจจะได้พักผ่อน จะได้กลับมาแข็งแรงพร้อมเผชิญเรื่องราวต่างๆอีกครั้ง...เข้าใจนะ”
จ้าวซันมองหน้าบราลีแล้วพยักหน้า หมอกำชับว่า
“หวังว่าจะทำตามที่หมอสั่ง ไม่ใช่แค่พยักหน้ากันเฉยๆ หมอกลับก่อนล่ะคุณชาย มิสภีมะมนตรี”
ส่งหมอแล้ว จ้าวซันเอามือแตะหน้าผากบราลี เธอบอกว่าไม่ได้เป็นไข้สักหน่อย แล้วกุมมือจ้าวซัน ขอโทษอย่างรู้สึกผิดที่ตนบ้าบิ่นจนเกือบทำให้เขาได้รับอันตราย เพราะตอนนั้นคิดแต่ว่าจะไม่ยอมให้พวกนั้นหนีรอดไปได้ ยอมรับว่า
“น้องไม่มีเวลาไตร่ตรองจริงๆ ถ้าเขาทำสำเร็จเจ้าพี่ก็ต้องเจอปัญหาใหญ่แน่ๆ”
จ้าวซันมองหน้าเธอเต็มตาถามว่า “น้องไม่คิดถึงตัวเองคิดถึงแต่พี่อย่างนั้นสิ...งั้นต่อไปถ้ามีอะไรอีก เรามาสัญญากันนะว่า ทั้งพี่และทั้งน้อง จะไม่ทำอะไรตาม อำเภอใจ ต้องปรึกษากันก่อน” เมื่อบราลีรับคำ เขาเอ่ยอย่างห่วงใยว่า “รู้จักรักตัวเองบ้าง รู้จักกลัวและก็ระวังตัวด้วย อย่าประมาท เพราะว่าคนที่รักเขาเป็นห่วงเข้าใจไหม นี่แน่ะ ขอทำโทษสักทีเถอะ” พูดแล้วเอามือขยี้หัวเธออย่างเอ็นดู
ฝ่ายผู้กองเหลียง อเล็กซ์ หมวดจางและจ่าหมงยังคุยกันถึงเรื่องนี้ ผู้กองเหลียงพูดอย่างเบาใจว่า เกาเฟยกับพันหงปิงตายไปแล้ว จ่าหมงก็คาดว่าเหม่ยอิงคงหนีออกนอกประเทศไปแล้ว แต่อเล็กซ์ติงและเตือนสติว่า แน่ใจหรือ มีใครพบศพพันหงปิงบ้าง ย้ำว่าตราบใดที่ยังไม่มีหลักฐานแน่ชัดเรื่องก็ยังไม่จบ
ooooooo
จ้าวไทไทนั่งรถเข็นกลับมาถึงบ้านสี่ฤดูท่ามกลางความยินดีของทุกคน แต่จ้าวไทไทเองกลับเครียด มาถึงก็บอกจ้าวซันที่เข็นรถให้ว่า
“อากง ฉัน แล้วก็..” จ้าวไทไทชี้ไปที่อาม่า “แก...แล้ว ก็นายของแก...เตรียมตัวกันไว้ให้ดีนะ” แล้วมองไปทาง บราลี จ้าวซันจึงเข็นรถไปทางเธอ จ้าวไทไทจับมือบราลีไปแนบแก้ม ปล่อยมือเธอแล้วเอ่ย “ฉันมีเวลาเหลืออีกไม่มาก...วันนี้อยากนอนแล้ว”
จ้าวซันเข็นจ้าวไทไทที่นั่งนัยน์ตาเหม่อลอยไป ทุกคนเป็นกังวลกับคำพูดของจ้าวไทไท แต่จ้าวซันมองพวกเขา บอกด้วยสายตาทำนองว่าไม่มีอะไรหรอก ไม่ต้องห่วง
ทุกคนเพิ่งนึกได้ว่าไม่มีใครเห็นแม่สี่เลย จึงช่วยกันออกตามหา พอดีเสียงออดประตูใหญ่ดังขึ้น
เมื่ออาหลี่กับผิงอันวิ่งไปดู เห็นชายแปลกหน้าพาแม่สี่ในสภาพเหม่อลอยมาส่งบอกว่าเห็นเดินเหม่ออยู่ข้างถนนคนเดียว แล้วจู่ๆ ก็จะข้ามถนนตนกลัวว่ารถจะชน จำได้ว่าอยู่บ้านนี้จึงพามาส่ง
แม่สี่นัยน์ตาเหม่อลอย จำใครไม่ได้ พูดเพ้อเจ้อไม่ปะติดปะต่อ ผิงอันตกใจ เศร้าใจมาก เสนอให้แม่พักข้างล่างก่อน แม่สี่รู้เรื่องขึ้นมาทันทีบอกว่าจะขึ้นห้อง ไล่ทุกคนอย่ามาเกาะแกะตน แต่พอผิงอันถามว่าจำตนได้ไหม แม่สี่ก็พูดไม่รู้เรื่องขึ้นมาอีก ซ้ำยังเขกหัวผิงอันอย่างแรงจนเธอร้องเจ็บ
เมื่อผิงอันกับอาม่าพาแม่สี่ขึ้นไปที่ห้องนอนแล้ว แม่สี่สั่งอาม่าหน้าขึงขัง
“นี่อาม่า...พายัยผิงอันลงไปเลยนะ จะพากันไปทำครัวที่ไหนก็ไป อย่ามายุ่งกับฉัน ตอนนี้ฉันอยากอยู่คนเดียว”
ทันทีที่อาม่าพาผิงอันออกไป แม่สี่ก็พุ่งไปปิดประตูห้องล็อกทันที!
ที่แท้แม่สี่ทำอุบายแอบพาเหม่ยอิงเข้ามาอยู่ในห้อง เมื่อผิงอันยกอาหารมาให้ก็แค่ตักโน่นนิดนี่หน่อยแล้วไล่ผิงอันออกไป จากนั้นเอาอาหารเหล่านั้นให้เหม่ยอิงกิน แม้เหม่ยอิงจะทำท่ารังเกียจว่าเป็นอาหารเหลือแต่เธอก็กินอย่างหิวโหย บอกแม่สี่ว่าอร่อยมาก...แม่สี่สงสารสะเทือนใจจนกลั้นน้ำตาไม่อยู่
ooooooo
เมื่อหมอแนะนำและกำชับเรื่องการไปพักผ่อน จ้าวซันกับบราลีจึงวางแผนหาสถานที่เที่ยวกัน ทั้งสองเลือกเกาะที่มีภูเขาให้ปีนด้วย จ้าวซันวางแผนเที่ยวเสร็จจะเลยไปงานแต่งงานของศิขรนโรดมที่คีรีรัฐเลย บราลี เห็นด้วย
ขณะบราลีจัดกระเป๋าเดินทางนั้น อาหลี่ประคองอากงเข้ามา อากงขอโทษจ้าวซันที่ช่วยงานเขาได้ไม่เท่าไหร่เลย ทั้งสองทำท่าจะคุยกันยาว บราลีบอกว่าอย่าเพิ่งพูดอะไรกันตอนนี้เลย อากงคงอยากพักผ่อนแล้ว แต่พออาหลี่จะพาไป อากงหันบอกจ้าวซันด้วยสีหน้ากังวลว่า
“ตราบใดที่ยังหาตัวคุณเหม่ยอิงไม่พบ ผมว่าเราก็ยังไม่ควรประมาทนะครับ”
ระหว่างที่บราลีกับจ้าวซันเตรียมเดินทางไปพักผ่อนตามคำแนะนำของหมอนั้น เหม่ยอิงแฝงตัวในเงามืดจับตาดูอย่างริษยา เคียดแค้น เห็นกระเป๋าเดินทางที่วางเตรียมไว้ เธอพึมพำเหี้ยมก่อนเร้นกายไปในความมืดว่า...
“เที่ยวให้สนุกนะคะ...หวังว่า...”
ก่อนไปพักผ่อน จ้าวซันขับรถพลางคุยกับฉินเจียง ผิงอัน และเทเรซ่าที่นั่งรถมาด้วย
เขาบอกฉินเจียงว่าเวลานี้ยังทำอะไรออกนอกหน้ามากนักไม่ได้ ต้องช่วยอยู่เบื้องหลังให้ทำงานบางอย่างแทนตน ย้ำว่า “น้องต้องฟังคนอื่นแล้วก็ต้องอยู่ในกรอบต้องมีระเบียบวินัยสัญญาได้ไหม” ฉินเจียงให้สัญญา
กับผิงอัน จ้าวซันขอให้เธออยู่ข้างตัวเทเรซ่าศึกษาและช่วยงาน เทเรซ่าเสนอให้มาเป็นเลขาตนชั่วคราว ส่วนการเรียนเมืองนอกก็ให้เรียนแบบทางไกลโดยให้เทเรซ่าดูแลเรื่องนี้ให้เรียบร้อยด้วย ฝากงานทุกคนแล้วจ้าวซันฝากความหวังว่า
“พี่ไม่อยู่...ก็ฝากทุกคนทำหน้าที่ของตัวเองให้ดีที่สุด เพื่อประโยชน์ของพวกเราเองทั้งนั้น ไม่มีอะไรเพื่อตัวพี่เลย เข้าใจนะ”
ทุกคนรับคำ ทำให้จ้าวซันเบาใจ
ooooooo
ใกล้วันเดินทาง จ้าวซันซื้อเสื้อผ้ากระเป๋ารองเท้าให้บราลีมากมาย ให้อาหลี่ขนของกลับบ้านแล้วเขาไปดูงานและสั่งการที่สื้อฉวน อาหลี่บอกบราลีที่มาดูของว่า วันนี้จ้าวซันคงกลับดึก
เหม่ยอิงแอบดูแอบฟังอย่างปวดร้าวที่จ้าวซันดูแล บราลีถึงขนาดนี้ เธอกลับไปห้องที่ซ่อนตัว เอาเครื่องเพชรของจ้าวไทไทมาใส่ มองตัวเองในกระจกพูดอย่างผยองสุดๆ ว่า
“เพชรของจ้าวไทไท ใครว่ามันเป็นของต้องห้าม ห้ามแตะต้องงั้นเหรอ ขอโทษทีนะ มันเหมาะสมกับฉันอย่างที่สุด น้ำหน้าอย่างเธอ จ้างก็ไม่มีวันจะได้ครอบครอง”
เหม่ยอิงวางแผนร้ายกาจล้ำลึก มีแม่สี่ร่วมมือประสานงานอย่างแนบเนียน วันนี้แม่สี่เอายามาให้บราลีอ้างว่าอากงไม่สบายอาม่าก็ต้องดูแลแม่ใหญ่ตนจึงต้องมาดูแลเธอแทน อ้างว่านี่เป็นยาบำรุงกินแล้วจะสดชื่นแข็งแรง บราลีดมๆ บอกว่าอันนี้ไม่มีกลิ่นโสม แม่สี่อ้างว่าอันนี้เป็นสูตรผสมถั่งเช่า รบเร้าให้ดื่มจนบราลีดื่มหมดถ้วย
เพียงอึดใจเดียวบราลีก็ตาฟางมือไขว่คว้าไปข้างหน้า แล้วฟุบลงไปกับพื้น รู้สึกตัวอีกทีพบตัวเองมาอยู่ที่บ้านพักชายทะเลอยู่ในชุดราตรีสีขาวที่จ้าวซันซื้อให้ ทั้งเสื้อผ้าแม้กระทั่งรองเท้า ถูกมัดมือแน่นหนา และมีเหม่ยอิงถือปืน จ่ออยู่ตรงหน้า บราลีถามว่าเธอจะเอาอย่างไรบอกตรงๆ เลยดีกว่าหรือจะฆ่าก็ฆ่าเลย เธอมีเป้าหมายอะไรกันแน่
“ฉันจะเดินทางไกล... มีแต่เธอเท่านั้นที่จะทำให้ฉันไปถึงจุดหมาย”
เหม่ยอิงในชุดดำถือปืนจ่อบราลีในชุดราตรีขาว ต่างจ้องกันแบบไม่มีใครยอมใคร
ส่วนที่บ้านสี่ฤดู เมื่อรู้ว่าบราลีหายไป ต่างตกใจไม่มีใครรู้ว่าหายไปไหน แม่สี่เองก็อ้างว่าตนไม่ค่อยสบายนอนหลับไม่รู้เรื่อง หมวดจางฟันธงว่า “ท่าไม่ดีแล้วครับ.. ลักษณะนี้ ผมว่าเจ้าเก่ามาเองแน่นอน”
จ้าวซันถึงกับซีดเชื่อว่าเหม่ยอิงไม่ปล่อยบราลีไว้แน่
หลังจากพาบราลีมาขังไว้ที่บ้านบนโขดหินริมทะเลแล้ว เธอโทร.ไปหาจ้าวซันคร่ำครวญว่าตนถูกบราลีทำร้ายขอให้รีบมาช่วย มีข้อแม้ว่าเขาต้องมาคนเดียว เพราะถ้าเขาพาคนอื่นมาด้วยบราลีจะฆ่าตนทันที คร่ำครวญแล้วตัดสายเลย
แต่จ้าวซันดูเบอร์ที่โทร.เข้ามาจำได้ว่าเป็นเบอร์ของบ้านพักริมทะเลที่พวกตนไม่ได้ไปมา 5 ปีแล้วนับแต่เต้จากไป
เมื่อแน่ใจเช่นนี้แล้ว จ้าวซันให้อาหลี่ขับรถไปทันที ผู้กองเหลียงขับตามไป จ้าวซันบอกผู้กองว่าถ้าไปถึงก่อนห้ามตำรวจเข้าไปในบริเวณบ้านเด็ดขาด จะแอบที่ไหนก็ได้ ตนจะเข้าไปคนเดียวเพราะเหม่ยอิงเห็นคนอื่นเธออาจจะทำอะไรบราลีก็ได้ ย้ำแกมขอร้องว่า “ผมเป็นห่วงบราลี..และหวังว่าคุณจะให้ความร่วมมือ”
พอฉินเจียงรู้ว่าจ้าวซันกำลังไปที่บ้านพักชายทะเล เขาบอกทุกคนว่าจะไปจัดการกับเหม่ยอิงเองอ้างว่าจ้าวซันใจอ่อนเชื่อคนง่ายไม่มีทางรู้ทันเหม่ยอิง เขาโทร.ไปหาจ้าวซันแต่ไม่รับสายจึงโทร.ไปหาผู้กองเหลียงคาดคั้นถามว่าอยู่ที่ไหน จ้าวซันไปที่นั่นด้วยใช่ไหม ผู้กองบอกว่าใช่ แต่ตอนนี้ตนหลงทางอยู่ ฉินเจียงตอบโอเค แล้วกดตัดสายเลย ผู้กองบ่นงงๆ
“อะไรของเขาวะ”
ooooooo
ระหว่างรอจ้าวซันมานั้น บราลีพยายามหว่านล้อม เหม่ยอิง แต่เหม่ยอิงเหมือนคนเสียสติแล้ว เธอเอาแชมเปญของเต้ที่แช่ไว้มาดื่ม และเข้าไปทำร้ายบราลีอย่างโหดร้าย เท่านั้นไม่พอลากเข้าไปในห้องน้ำเปิดฝักบัวรดจนบราลีเปียกม่อลอกม่อแลกหัวเราะเยาะว่าเหมือนลูกหมาตกน้ำเลย จากนั้นลากบราลีไปนั่ง หน้ากระจก ดูว่าใครสวยกว่ากันเยาะเย้ยว่า
“สารรูปดูไม่ได้ น่าสมเพชจริงๆ เธอนี่มันไม่คู่ควรที่จะมาเป็นคู่แข่งของฉันสักนิด! เยินๆ แบบนี้ เดี๋ยวพี่ชายใหญ่มาเห็นผิดหวังแย่ ลองพยายามทำหน้าให้เข้ากับชุดหน่อยสิ บราลี เราต้องประชันความงามกันให้พี่ชายใหญ่เลือก!”
ผู้กองเหลียงมาถึงจอดซุ่มห่างประมาณสองร้อยเมตรก่อนถึงทางเข้าที่พัก จ้าวซันมาถึงก็กระโดดลงจากรถสั่งอาหลี่ไม่ต้องตามตนจะเข้าไปคนเดียว แต่พอถูกผู้กองเหลียงและเต๋อเป่าท้วงติงว่าเหม่ยอิงไม่ธรรมดา จ้าวซันจึงให้อาหลี่ตามไป แต่ห้ามทำอะไรโดยพลการและห้ามทำร้ายเหม่ยอิงโดยเด็ดขาดไม่ว่าจะเกิดอะไรขึ้น
“แล้วประเทศนี้มันจะมีตำรวจไว้ทำไมวะ!” ผู้กองเหลียงบ่นลอย ๆ อย่างหงุดหงิด
แต่พอเข้าใกล้ที่พัก จ้าวซันหันสั่งอาหลี่ “แกรออยู่ตรงนี้แหละ ฉันสัญญาไว้แล้วว่าจะเข้าไปคนเดียว”
“เดี๋ยวก่อน..” เสียงฉินเจียงดังขึ้น พอจ้าวซันหยุดเขาเดินเข้าหาถาม “นี่พี่คิดจะทำอะไร พี่คิดจะเข้าไปในนั้นคนเดียวอย่างนั้นหรือ คิดได้ไง! ผมไปด้วย” จ้าวซันไม่ยอม ฉินเจียงก็ไม่ยอม ถามว่า “พี่ไปไว้ใจคนแบบนี้ได้ยังไง ถ้าพี่เชื่อว่าพี่คนเดียวเอายัยเหม่ยอิงอยู่ ผมก็ขอบอกว่า พี่มองโลกสวยเกินไปแล้ว”
“เหม่ยอิงเป็นน้องฉัน และเขารักฉัน ครั้งที่แล้วที่ฉันรอด ก็เพราะเขาทิ้งให้ฉันตายในนั้นไม่ลง แล้วกลับมาช่วยฉัน”
“ความรักของคนแบบนั้น ถ้ามันไม่สมหวังมันจะเปลี่ยนเป็นความแค้นแบบที่พี่คาดเดาไม่ได้เลยนะ”
จ้าวซันอึ้ง ทั้งสองมองหน้ากันนิ่ง..นาน จ้าวซันจึงเอ่ย “ก็จริง...แต่...”
“ไม่ต้องมีแต่แล้ว...พี่ประมาทเกินไป...ไป เราสองคนเข้าไปหาเหม่ยอิงกัน” ฉินเจียงเดินเข้าไปตบบ่า และโอบพาจ้าวซันไป จ้าวซันหันสบตาเต๋อเป่ากับอาหลี่ทำนองว่า...ไม่ต้องห่วง...
เหม่ยอิงยังข่มขู่คุกคามกระทั่งทำร้ายบราลีขณะรอจ้าวซันมา บราลีถามว่าเธอไม่รู้ใช่ไหมว่าจ้าวซันเป็นใคร?
“ทำไมฉันจะไม่รู้ว่าเขาเป็นใคร มาจากไหน ฉันยังจำวันแรกที่เราพบกันได้เลย...” เหม่ยอิงตอบอย่างมั่นใจ และเล่าถึงเวลานั้นที่ได้พบเจอและรู้จักจ้าวซันในแง่มุมของตัวเอง...
เวลานั้น...ทั้งเธอและฉินเจียงต่างยังเด็กอยู่ เธอถูกฉินเจียงข่มเหงรังแกเป็นประจำ วันนั้น เต้กับไทไทพาตนกับฉินเจียงไปที่โรงเรียนสอนเด็กกำพร้าของพ่อโจเซฟ แต่เพราะเธอกับฉินเจียงเล่นและระหองระแหงกันมาตลอดทาง เมื่อมีคนมาบอกเต้กับไทไทว่าหลวงพ่อให้มาตามไปข้างใน เต้กับไทไทจึงให้ทั้งสองรออยู่ข้างนอกดีกว่า
ระหว่างที่รอเต้กับไทไท เหม่ยอิงเดินกินขนมมาไม่ดูทาง เดินเตะกองขยะที่จ้าวซันกวาดกองๆ ไว้ พอเขาบอกให้เดินดีๆ เธอกับฉินเจียงกลับช่วยกันแกล้งเตะกองขยะกระจัดกระจาย ถึงกระนั้นจ้าวซันก็ยังอดทนอดกลั้นไม่ว่าอะไรก้มหน้าก้มตาตามกวาดไปกองตามเดิม
ฉินเจียงแกล้งแค่นั้นไม่สะใจ แย่งถุงขนมจากเหม่ยอิงเทหว่านให้กวาดอีก เหม่ยอิงร้องไห้เข้าไปแย่งขนมคืน ก็ถูกฉินเจียงผลักล้ม จ้าวซันทนไม่ได้เข้าไปผลักฉินเจียง พูดดีๆ ว่า “อย่ารังแกผู้หญิงสิ” ถูกฉินเจียงผลักถามว่าอยากมีเรื่องหรือ
จ้าวซันซัดหมัดใส่ เลยต่อยกันนัวเนีย พอดีเต้กับไทไทออกมา เต้กระชากจ้าวซันและฉินเจียงแยกจากกัน ฉินเจียงฟ้องว่าจ้าวซันรังแกตน แต่จ้าวซันกลับค้อมหัวเอ่ยขอโทษ เต้พูดอย่างเมตตาว่า “รู้จักกันแล้วสินะ”
นี่คือเหตุการณ์ที่ทำให้เหม่ยอิงประทับใจจ้าวซันแต่นั้นมา...
ooooooo
เต้กับไทไทจูงจ้าวซันเข้าไปที่บ้านสี่ฤดู บอกกับทุกคนที่มารอรับว่า
“บ้านสี่ฤดูต้อนรับลูกชายคนโตฉันหน่อย ต่อไปเราก็เป็นตระกูลจ้าวเหมือนกันแล้ว” เห็นทุกคนแปลกใจโดยเฉพาะฉินเจียงทำหน้าตกใจ เต้บอกว่า “ใช่..ต่อไปนี้เด็กคนนี้คือ “จ้าวซัน” ถ้าดูตามอายุแล้ว แกก็ต้องเรียกเขาว่าพี่”
“ไม่มีทาง..จะให้ผมเรียกเด็กกำพร้ากวาดขยะว่าพี่เนี่ยนะ” ฉินเจียงสวนไปอย่างไม่พอใจแล้วเดินผละไป ถูกไทไทตามไปตบปากเบา ๆ บอกว่า
“จ้าวซันเป็นลูกบุญธรรมของฉัน ฉันจะถือว่าจ้าวซันเป็นลูกชายคนโตของตระกูลจ้าว ให้ทุกคนเข้าใจตามนี้ด้วย”ฉินเจียงกับแม่สี่ไม่พอใจมาก อากงกับอาม่ามองจ้าวซันยิ้มให้อย่างอบอุ่นยินดี จ้าวซันยิ้มให้เหม่ยอิง เธอยิ้มตอบแต่พริบตาเดียวก็สะบัดหน้าเชิดใส่แต่แอบหันมองอีกที เห็นไทไทและเต้ลูบหลังลูบหัวจ้าวซันอย่างเอ็นดู
นั่นคือเหตุการณ์ในอดีตที่ประทับใจเหม่ยอิงจนกลายเป็นความรักที่มีต่อจ้าวซันผู้ปกป้องเธอนับแต่แรกเจอ...
ooooooo
เล่าถึงอดีตในวัยเยาว์ที่รู้จักและประทับใจในตัวจ้าวซันแล้ว เหม่ยอิงสรุปในตอนท้ายว่า
“เขาคือเด็กกำพร้า ผลจากสงครามในประเทศเล็กๆ ประเทศนั้นไง คีรีรัฐอะไรนั่นแหละ เหมือนเธอด้วยใช่ไหมหรือเธอมันเป็นคนไทยกันแน่ล่ะ ช่างเถอะ...ฉันไม่สนใจเธอหรอก เพราะเขาเป็นเด็กจากประเทศนั้น เขาถึงกระตือรือร้น อยากรับใช้เจ้าชายรัชทายาท และเขาถึงโกรธที่ฉินเจียงไป ขายอาวุธให้ประเทศนั้น เพราะมันคือมาตุภูมิของเขานี่ไง มีอะไรที่ฉันไม่รู้” เหม่ยอิงเชิดหน้าอย่างภูมิใจในสิ่งที่ตนรู้
เวลาเดียวกัน ที่นอกบ้านพักตากอากาศ จ้าวซันจับไหล่ฉินเจียงที่วิ่งนำไป ขอร้องให้เขารออยู่ตรงนี้ ฉินเจียงจำต้องยอม แต่มีข้อแม้ว่าจะเข้าไปทันทีถ้ารู้สึกว่ามีอะไรเกิดขึ้น ปัดมือจ้าวซันที่บีบไหล่ออกพูดประชด
“อยากเป็นพระเอกคนเดียวก็ตามใจ”
จ้าวซันพยักหน้าขอบคุณที่เขายอม แล้วหันเดินเข้าไปช้าๆ...
เป็นเวลาที่บราลี กำลังเล่าถึงตัวตนที่แท้จริงของจ้าวซันให้เหม่ยอิงฟัง...
“จ้าวซัน...ที่จริง ชื่อ องค์ชายน่านปิงนรเทพ เจ้าพ่อของเขาเป็นอดีตเจ้าหลวงที่โดนเจ้าพ่อขององค์ชายศิขรนโรดม ที่เป็นพี่ชายแท้ปล้นราชบัลลังก์ไป เขาคือ องค์ชายรัชทายาทตัวจริงของราชบัลลังก์คีรีรัฐ”
“อะไรนะ...” เหม่ยอิงอึ้งเชื่อครึ่งไม่เชื่อครึ่ง
“เจ้าพ่อของเขาดื่มยาพิษฆ่าตัวตาย พ่อแม่ของฉันเป็นข้าหลวงรับใช้เจ้าพ่อ–เจ้าแม่ของเขา ท่านทั้งสองยอมสละชีวิต เพื่อให้เจ้าแม่ของจ้าวซันพาเขาหนีออกมาตอนที่เกิดเหตุชิงบัลลังก์เมื่อ 20 ปีก่อน เจ้าแม่ของจ้าวซันพาฉัน...ที่ยังเป็นทารกหนีออกมาด้วยกัน”
“ไม่จริง” เหม่ยอิงเริ่มระแวง
“จริงสิ...ก่อนท่านจะพลีชีพ ท่านได้ฝากฝังให้ฉันเป็นข้ารองบาทองค์ชาย...หมายความว่า ให้เป็นผู้หญิงของพระองค์ตั้งแต่ยังแบเบาะ หลังจากนั้น บาทหลวงโจเซฟเป็นคนพาจ้าวซันมาฝากให้จ้าวฉินเย่ว์กับจ้าวไทไทเลี้ยง ส่วนฉัน บาทหลวงโจเซฟ ก็พาไปฝากให้พลตรีสุริยะ ภีมะมนตรีเลี้ยงเหมือนกัน”
“โกหก” เหม่ยอิงไม่เชื่อ
ที่ด้านนอก จ้าวซันมาถึงพบว่าประตูบ้านพักถูกปิดล็อก เขาเอาตัวแนบผนังไต่ไปรอบๆ พยายามหาทางเข้าไป จนเจอหน้าต่างบานหนึ่งเปิดแง้มอยู่ ได้ยินเสียงบราลีจากข้างใน...
“ที่ฉันเติบโตมา และเรียนที่อเมริกาจนจบมา จ้าวซันนี่เองที่เป็นผู้อุปถัมภ์มาตลอด”
“ม่านฟ้า...น้องปลอดภัย” จ้าวซันพึมพำดีใจสุดๆ เงี่ยหูฟังใจจดจ่อ
“กิจการโรงงานผ้าไหมของพ่อฉันที่เมืองไทยที่แท้ก็เขาที่ช่วยโอบอุ้ม ในช่วงหลังๆ มานี่ฉันเองก็เพิ่งมารู้ความจริง เมื่อมาฮ่องกงที่ทำให้ฉันได้พบกับพวกคุณนั่นแหละ... งานเลี้ยงองค์ชายคีรีรัฐ เป็นงานที่จ้าวซันจัดขึ้น เพื่อให้เขากับองค์ศิขรนโรดมได้พบกัน เรื่องบังเอิญเรื่องเดียวที่เกิดขึ้นก็คือ เรื่องที่จ้าวฉินเจียงดันไปขายอาวุธสงครามให้นายทหารคีรีรัฐ ซึ่งมีเป้าหมายต้องการจะยึดอำนาจจากเจ้าหลวง พ่อของศิขรนโรดมที่เป็นลุงของจ้าวซัน”
บราลีเล่าความจริงที่ทหารคีรีรัฐพวกนั้นไล่ล่าจะฆ่าจ้าวซันกับแม่แล้ว ย้ำกับเธอว่า
“นี่แหละที่คุณต้องรู้ ก็คือที่จ้าวซันหายไปต่างประเทศเป็นเวลานาน และฉันตามเสด็จไปด้วย เราไม่ได้ไปฮันนีมูน จ้าวซันไปช่วงองค์ชายศิขรปราบพวกกบฏ เราเกือบตายกันหลายหน แต่สุดท้ายก็ทำสำเร็จ และเวลานี้ องค์ชายศิขรได้ขึ้นครองราชย์เป็นเจ้าหลวงองค์ใหม่เรียบร้อยแล้ว จ้าวซันถึงเดินทางกลับมา”
“พระเจ้าช่วย...โอ...นี่มัน...มันเป็นเรื่องที่...ที่...” เหม่ยอิงอุทาน สับสน บราลีบอกว่าเป็นเรื่องที่เธอไม่มีทางคิดได้เลย
อ่านละคร วันนี้ที่รอคอย ตอนที่ 20 วันที่ 10 ส.ค. 56
โดย บทประพันธ์โดย วราภา จากบทละครโทรทัศน์ทางช่อง 7 โดย ปราณศักดิ์สวัสดิ์กำกับการแสดงโดย : สยาม น่วมเศรษฐี
ควบคุมการผลิตโดย : บริษัท พอดีคำ จำกัด
โดยผู้จัด : ธงชัย ประสงค์สันติ/มณีรัตน์ ประสงค์สันติ
ออกอากาศเริ่มตอนแรก วันพฤหัสบดีที่ 13 มิ.ย. 2556
ที่มา ไทยรัฐ