อ่านละคร ฟ้าจรดทราย ตอนที่ 10 วันที่ 1 ก.ย. 56

อ่านละคร ฟ้าจรดทราย ตอนที่ 10 วันที่ 1 ก.ย. 56

เมื่อการิมประคองชารีฟมาถึงหน้าตึกรับรอง กองทหารของนายพลมุสกัตมาล้อมวังหลวงไว้หมดแล้ว จังหวะนั้น มีรถจี๊ปคันหนึ่งแล่นมาจอดตรงหน้า การิมดีใจที่เห็นนายพลมุสกัต ร้องบอกให้ช่วยพาชารีฟไปส่งโรงพยาบาลด้วย ท่านนายพลรีบลงจากรถมาช่วยประคองปีกอีกข้าง ชารีฟจับมือเขาไว้ มองหน้าเป็นเชิงถามว่าเหตุการณ์เป็นอย่างไรบ้าง

“เรายึดได้หมดทุกจุดแล้ว กำลังออกแถลงการณ์”


ราชองครักษ์หนุ่มยิ้มพอใจให้กับชัยชนะ ก่อนจะหมดสติไป...

ในเวลาต่อมา นายพลมุสกัตและการิมพาชารีฟมาส่งโรงพยาบาล หมอสั่งให้เจ้าหน้าที่นำตัวเข้าห้องผ่าตัดโดยด่วน ท่านนายพลกำชับหมอเจ้าของไข้ว่าท่านราชองครักษ์จะต้องรอด เพราะถ้าเขาตาย ฮิลฟาราต้องวุ่นวายแน่ หมอไม่รับปาก แต่จะทำให้ดีที่สุด...

ทันทีที่ทราบข่าวองค์โอมานสิ้นพระชนม์ด้วยฝีมือชารีฟ แต่ตัวเขาเองก็บาดเจ็บสาหัสอาการเป็นตายเท่ากัน เจ้าหญิงสุไบดาถึงกับเป็นลมล้มพับไปตรงนั้น...

ในเวลาเดียวกันที่โอเอซิสใกล้เมืองอานาอิชา ข่าวการยึดอำนาจคืนได้สำเร็จรู้ถึงหูพระชายาในองค์อาหเม็ด แม้จะพอใจกับข่าวน่ายินดีนี้แต่ไม่วายกังวลใจเพราะทราบมาว่าท่านราชองครักษ์บาดเจ็บสาหัสยังอยู่ในห้องผ่าตัด พระองค์ไม่ยอมบอกเรื่องอาการบาดเจ็บของชารีฟให้มิเชลล์รู้เนื่องจากไม่อยากทำให้เสียขวัญ ได้แต่บอกเพียงว่ากองทัพฝ่ายเราได้รับชัยชนะ ให้เธอ เตรียมตัวเป็นเจ้าสาวอย่างเป็นทางการได้แล้ว มิเชลล์ดีใจสุดๆ แต่พอเห็นแววตามีพิรุธของพระชายา อดถามไม่ได้

“พระชายาเพคะ มีอะไรที่ทรงเป็นกังวลหรือเปล่าเพคะ หม่อมฉันเห็นพระพักตร์...”

“งั้นหรือ หน้าตาเราเป็นกังวลหรือ คงใช่ เราคงจะกังวลว่าเมื่อไหร่จะได้กลับฮิลฟาราเสียที” พระชายาตรัสจบ หันหลังจากไปทันที มิเชลล์มั่นใจว่าต้องมีเรื่องไม่ชอบมาพากลแน่ๆ แอบสะกดรอยตาม เห็นพระองค์กระซิบกระซาบบางอย่างกับนางกำนัลคนสนิทด้วยสีหน้าเคร่งเครียด มีเสียงเรียกชื่อชารีฟแว่วมาเข้าหู หญิงสาวใจคอไม่ดี เกรงจะมีเรื่องร้ายแรงเกิดขึ้นกับเขา...

ความรักและความคิดถึงมีพลังมากมายนัก แม้ยามที่ชารีฟหมดสติด้วยฤทธิ์ยาสลบอยู่ในห้องผ่าตัด จิตใต้สำนึกของเขาเห็นแต่ภาพของมิเชลล์ตลอดเวลา ทำให้มีกำลังใจจะมีชีวิตต่อไปเพื่อให้ได้พบเธออีกครั้ง

ooooooo

เจ้าหญิงสุไบดาไม่เป็นอันกินอันนอนเนื่องจากห่วงลูกชาย ไม่รู้จะเป็นตายร้ายดีอย่างไร เพราะยังไม่มีใครมาแจ้งความคืบหน้าให้ทราบ นิชานางสนองพระโอษฐ์เตือนให้กินอะไรบ้างเดี๋ยวจะไม่สบายไปอีกคน

“ไม่สบายรึ...ดีสิ เรายินดีเจ็บแทนลูก นิชารู้ไหมว่าอาการชารีฟหนักมากนะ ต้องเรียกว่าปางตายทีเดียวกำลังอยู่ในห้องผ่าตัด โอ...พระเจ้าคุ้มครองเขาด้วย เขาเสียสละเพื่อประเทศมากแล้วอย่ามากไปกว่านี้เลย”

จังหวะนั้น นางกำนัลอีกคนหนึ่งนำทหารซึ่งมาจากโรงพยาบาลมาเข้าพบ เจ้าหญิงสุไบดาภาวนาขอให้เป็นข่าวดี เพราะคงทนไม่ได้ที่จะได้ยินเรื่องร้ายๆ ของลูกชาย

“ทูลเจ้าหญิงพระมารดาพระเจ้าข้า ท่านราชองครักษ์อาการปลอดภัยแล้วพระเจ้าข้า”

เจ้าหญิงสุไบดาถึงกับถอนใจโล่งอก ครู่ต่อมาพระองค์ มาถึงโรงพยาบาล พบการิมและทหารชั้นผู้ใหญ่หลายนายกำลังเซ็นสมุดเยี่ยมอยู่หน้าห้องพักฟื้นของชารีฟ ทุกคนยืนตรงทำความเคารพเมื่อเห็นพระองค์ การิมปราดเข้ามารายงานว่าท่านราชองครักษ์ยังไม่ฟื้น เพิ่งออกจาก ห้องผ่าตัดเมื่อตอนบ่าย

“บ่าย!...นี่จะห้าโมงเย็นอยู่แล้วนะ ยังไม่ฟื้นอีก มีอะไรผิดปกติหรือเปล่า”

“ไม่มีอะไรผิดปกติพระเจ้าข้า”

“ไม่จริง ต้องมีอะไรไม่ปกติแน่ ผ่าตัดก็ใช้เวลานานเกินไปแล้ว ควรฟื้นได้แล้ว” เจ้าหญิงสุไบดาร้อนใจมากรีบเข้าไปหาลูกชายที่ยังนอนนิ่งไม่ไหวติงอยู่บนเตียงผู้ป่วย เอามือเขามากุมไว้ด้วยสีหน้าเป็นกังวล นิชาปลอบให้ใจเย็นๆ คณะแพทย์ดูแลท่านราชองครักษ์เต็มที่แล้ว

“ทำไม่ยังไม่ฟื้น นานเกินไปแล้ว อย่างน้อยก็น่าจะบอกเราว่าทำไมถึงยังไม่ฟื้น ชารีฟ...ลืมตาหน่อยสิลูกแม่อยู่นี่นะลูก” เจ้าหญิงสุไบดาลูบมือลูกชายน้ำตาคลอเบ้า ด้านชารีฟฝันถึงมิเชลล์ตอนที่ขาดน้ำและอาหารกำลังจะตายอยู่กลางทะเลทราย พยายามเรียกเธอให้ได้สติ

“มิเชลล์...มิ...เชลล์”

เจ้าหญิงสุไบดาได้ยินเสียงลูกชายละเมอไม่ถนัด เรียกนิชามาช่วยฟังด้วย ชารีฟละเมอเรียกมิเชลล์อีกครั้ง คราวนี้ชัดเต็มสองหู พระองค์ถึงกับบ่นพึมพำไม่ค่อยชอบใจนัก

“นึกแล้ว...อาถรรพณ์ทะเลทรายหรือนี่ แค่เดินไปด้วยกันไม่กี่วัน จะรักกันแค่ไหนเชียว”

ooooooo

ขณะที่ชารีฟยังนอนสลบไสลไม่ได้สติ พระชายาในองค์อาหเม็ดซึ่งยังคงอยู่ที่โอเอซิสใกล้เมืองอานาอิชาสังหรณ์ใจว่ามิเชลล์อาจจะรู้แล้วว่าชารีฟบาดเจ็บสาหัสเพราะเห็นหน้าตาท่าทางเศร้าสร้อยผิดปกติ ทั้งๆ ที่ควรดีใจที่จะได้กลับฮิลฟารา ถามฟาราห์นางกำนัล ใกล้ชิดว่าไปบอกเรื่องชารีฟให้มิเชลล์รู้หรือเปล่า

“โธ่...พระชายาเพคะ หม่อมฉันทราบเมื่อครู่นี้เอง ยังไม่ได้ออกไปนอกกระโจมด้วยซ้ำ”

พระชายาแปลกใจ ถ้าฟาราห์ไม่ได้บอกแล้วทำไมมิเชลล์ถึงทำท่าทางเหมือนรู้เรื่องนี้ ตัดสินใจถามเธอว่าเป็นอะไรไป ท่าทางไม่สบายใจ อีกไม่กี่วันก็จะได้เจอสามีแล้ว ควรจะยิ้มแย้มมีความสุข มิเชลล์มองอย่างรู้ทัน

“เขาเจ็บมากใช่ไหมเพคะ หม่อมฉันสังหรณ์ใจเพคะ ในใจนี่มันว่างเปล่าชอบกล”

“ไม่ตายหรอก เรารับรอง ชารีฟปลอดภัยแล้วแน่นอน”

มิเชลล์สีหน้าผ่อนคลาย ถามว่าที่ฮิลฟาราเป็นอย่างไรบ้าง พระชายาทราบมาว่าเหตุการณ์สงบเรียบร้อยดี องค์อาหเม็ดกำลังรอคอยที่จะพบกับประชาชนของพระองค์ แต่ท่านไม่แน่ใจว่าจะพบด้วยวิธีใด...

องค์อาหเม็ดใช้ทีวีเป็นสื่อในการพบปะกับประชาชน ออกอากาศรายการสดให้ชาวเมืองฮิลฟารารู้ว่าพระองค์ยังไม่สิ้นพระชนม์อย่างที่ฝ่ายกบฏป่าวประกาศ ชาวเมืองที่เห็นรายการทีวีต่างโห่ร้องด้วยความปีติ

“ข้าถูกชะตากรรมส่งให้จากบ้านจากพวกเจ้าไปเร่ร่อนอยู่กลางทะเลทราย ข้าได้พบสิ่งที่ข้าไม่เคยพบได้เห็นในบางสิ่งที่ไม่เคยเห็น นั่นคือ ความทุกข์ยากลำบากของประชาชนของข้า บัดนี้ ชะตากรรมของข้าสิ้นสุดลง ด้วยชีวิตของคนทรยศ ข้ากลับมาแล้วพร้อมกับการเปลี่ยนแปลงอย่างยิ่งใหญ่ในใจของข้า ต่อไปนี้อีก 5 ปี ฮิลฟาราของเราจะไม่มีคนโง่ จะไม่มีคนเจ็บ จะไม่มีคนไร้ที่อยู่ จะไม่มีคนอดอยาก”

ประชาชนที่อยู่หน้าจอทีวีต่างชอบใจปรบมือส่งเสียงโห่ร้องกึกก้อง องค์อาหเม็ดยังประกาศอีกว่าจะใช้มาตรการทางภาษีจัดการกับคนร่ำรวยเพื่อจะได้กระจายความสุขสบายไปถึงคนยากคนจน

“ข้าไม่กลัวคนรวยต่อต้าน ไม่กลัวเดินขบวน ไม่กลัวคนรวยไม่ร่วมมือ เพราะข้ามีคนจนมากกว่าครึ่งเป็นพวกของข้า ข้อต่อไปที่ข้าให้สัญญา ฮิลฟาราจะไม่มีคอร์รัปชัน ข้าจะไม่ยอมให้คนเห็นแก่ตัวใช้อำนาจเบียดบังเงินทองเข้ากระเป๋าตัวเองจนร่ำรวยล้นฟ้ามากกว่าคนอื่นอีกเป็นอันขาด”

อ่านละคร ฟ้าจรดทราย ตอนที่ 10 วันที่ 1 ก.ย. 56

ละครฟ้าจรดทราย ประพันธ์โดย โสภาค สุวรรณ
ละครฟ้าจรดทราย บทโทรทัศน์โดย ศัลยา สุขะนิวัตต์
ละครฟ้าจรดทราย กำกับการแสดงโดย สยาม สังวริบุตร
ละครฟ้าจรดทราย ผลิตโดย ค่าย ดาราวิดีโอ
ละครฟ้าจรดทราย ออกอากาศทุกวันจันทร์ และวันอังคาร เวลา 20.30 น. ทางช่อง 7 สี
ละครฟ้าจรดทราย เริ่มตอนแรกวันจันทร์ที่ 12 สิงหาคม 2556
ที่มา ไทยรัฐ