อ่านละคร วันนี้ที่รอคอย ตอนอวสาน วันที่ 11 ส.ค. 56

อ่านละคร วันนี้ที่รอคอย ตอนอวสาน วันที่ 11 ส.ค. 56

“พระเจ้าช่วย...โอ...นี่มัน...มันเป็นเรื่องที่...ที่...” เหม่ยอิงอุทาน สับสน บราลีบอกว่าเป็นเรื่องที่เธอไม่มีทางคิดได้เลย
เหม่ยอิงร้องไห้พร่ำถาม “ฉันจะไปรู้ได้ยังไง...ฉันจะไปรู้ได้ยังไง...นี่มันมากเกินไปแล้วจริงๆ” เธอค่อยๆลดปืนที่จ่อบราลีลง ทรุดนั่งอย่างสับสน บราลีเองก็ร้องไห้ออกมาอย่างสะเทือนใจเมื่อเล่าต่อ...

“มันมากเกินไปจริงๆคุณเหม่ยอิง ชีวิตของจ้าวซัน ต้องเผชิญกับเรื่องเลวร้ายมามากแล้ว ชีวิตของฉันก็เหมือนกันเราถูกปล้นชีวิตวัยเด็กที่ดีงามไป ให้กลายเป็นเด็กกำพร้า ต้องพลัดบ้านพลัดเมืองไปคนละทิศละทาง สุดท้าย...เราได้มาพบกัน แต่แล้วเราต้องมาเจอเรื่องที่คุณกำลังทำอยู่นี่...คุณยังจะฆ่าฉัน...แล้วจะทำร้ายจ้าวซันอีกเหรอ...คุณทำได้เหรอคะ...”


“นี่...นี่ฉัน...ฉันทำอะไรลงไป ฉันพลาดไปแล้วงั้นเหรอ...” เหม่ยอิงสบตาบราลีน้ำตายังเปียกแก้ม...

จ้าวซันแอบฟังจนบราลีเล่าจบ ได้ยินเหม่ยอิงพูดเช่นนั้นเขามีความหวังว่าเธออาจจะคิดได้...

เพื่อหาทางออกให้เหม่ยอิง บราลีบอกเธอว่าตนจะบอกทุกคนเองว่าเรามาด้วยกันเพื่อปรับความเข้าใจกัน ระหว่างเราสองคนไม่มีปัญหาอะไรกัน

เหม่ยอิงฟังอย่างสงบ ทันใดนั้นเองจ้าวซันปรากฏตัวขึ้น เหม่ยอิงคว้าปืนขึ้นมาทันที จ้าวซันแสดงความรักความเป็นห่วงบราลีจนเธอทนไม่ได้ จ้องปืนไปที่จ้าวซันถามว่ารักกันมากห่วงกันมากใช่ไหม ตัดพ้อว่าจ้าวซันที่ปกปิดความจริงทำให้ตนทำเรื่องร้ายแรงขึ้นมากมาย ตนทำทุกอย่างไปเพราะไม่รู้ ถามว่า

“เวลานี้ พี่ชายใหญ่คงจะเกลียดน้องมากใช่ไหมคะ” จ้าวซันบอกว่าตนไม่เคยเกลียดเธอเลย เหม่ยอิงก็ยังคร่ำครวญอย่างเสียใจว่า ตนทำเรื่องเลวร้ายมามาก ทำไปเพราะไม่รู้ โทษว่าเพราะจ้าวซันไม่ไว้ใจตนเลยนั่นเอง

ooooooo

จ้าวซันหายเงียบไปนาน บรรดาที่คอยฟังข่าวอยู่ข้างนอกต่างเป็นห่วงฉินเจียง อาหลี่และตำรวจ จึงวางแผนบุกเข้าไป

ในบ้านพัก...เมื่อจ้าวซันปรากฏตัวและถูกเหม่ยอิงตัดพ้อต่อว่าอย่างน้อยใจมากมาย เขาขอโทษที่ไม่บอกความจริงแก่เธอแต่แรกเพราะชีวิตของตนต้องเป็นความลับจริงๆเหม่ยอิงถามอย่างสับสน สงสัยว่า

“พี่เป็นเจ้าชาย...ถ้าอยากจะขึ้นเป็นเจ้าหลวงก็เป็นได้ แต่ที่กลับมารับใช้บ้านเรา ให้พวกเราโขกสับทุกอย่าง เพื่ออะไรคะ”

“ทุกอย่างมันคือมายาทั้งนั้นแหละเหม่ยอิง แม้แต่การเป็นจ้าวซันมันก็เป็นมายา น้องอย่าไปยึดติดอะไรเลย สิ่งเหล่านี้ไม่ใช่ความสุขหรอก ทุกที่ ทุกคน เอาแต่โลภ เอาแต่อยากยิ่งใหญ่ แล้วก็ฆ่ากัน เพื่ออะไรก็ไม่รู้ ปล่อยบราลีเขาไปเถอะ เรามาเจรจากัน พี่จะช่วยเหม่ยอิง จะเอาอะไรก็ว่ามา พี่ยอมให้ทุกอย่าง จะไปต่างประเทศใช่ไหม จะหนีคดีไปอยู่ในที่ที่ไม่มีใครตามได้ ไปมีชีวิตใหม่ใช่ไหม”

เหม่ยอิงยิ่งไม่พอใจเชื่อว่าจ้าวซันทำทุกอย่างเพื่อบราลีเพียงคนเดียว และถ้าตนปล่อยบราลีไป ตนก็จะไม่มีวันได้พบเขาอีก

“อย่างที่พี่บอกไงเหม่ยอิง...ลาภ ยศ สรรเสริญ อะไรทั้งหมด มันเป็นมายาทั้งนั้น ไม่มีอะไรที่เป็นของพี่จริงๆ เลย ทุกอย่างเป็นของคนอื่น พี่ก็แค่ต้องทำหน้าที่ของพี่เพื่อส่วนรวม...แต่มีบราลีคนนี้เท่านั้นที่เป็นของพี่และพี่

ก็เป็นของเขาจริงๆแค่คนเดียวในโลก”

“พี่เป็นของเขา...เขาเป็นของพี่ งั้นเหรอคะ...ฮ่ะๆๆๆ” เหม่ยอิงคลั่งขึ้นมา หันปืนไปทางบราลีทันที ระบายความอัดอั้นคับแค้นใจว่า ในที่สุดตนก็กลายเป็นคนโง่ คนเลว เหลือตัวคนเดียว สูญเสียทุกอย่าง แล้วพวกเธอคือจ้าวซันกับบราลีก็จะจากไปมีความสุขกันสองคน ทิ้งให้ตนติดคุกแบบหน้าโง่ๆตามลำพังอย่างนั้นหรือ!

บราลีขัดขึ้นมา ตนจะขอเป็นคนพาเธอหนีเอง จ้าวซันเองก็ทำเป็นขัดขวางไม่ได้ ปล่อยให้ตนพาเธอไปเพราะกลัวตนเป็นอันตรายดีไหม เหม่ยอิงลดปืนลงถามว่าเธอพูดจริงหรือ?

ขณะที่เรื่องคล้ายจะคลี่คลายนั่นเอง ฉินเจียงก็บุกเข้ามา ทำให้เหม่ยอิงยิงไปทางฉินเจียงทันที เธอโกรธแค้นจ้าวซันหาว่าไม่ทำตามที่รับปากกับตนว่าจะมาคนเดียว กลายเป็นการปะทะกันด้วยอาวุธระหว่างเหม่ยอิงกับฉินเจียง มีบรรดาตำรวจกรูกันเข้ามา จ้าวซันตะโกน

“ถอยออกไปให้หมด นี่เป็นคำสั่ง ออกไปให้หมดเดี๋ยวนี้!!”

ทุกคนถอยออกไป ฉินเจียงถอยไปอย่างฉุนเฉียว จ้าวซันจึงหว่านล้อมเหม่ยอิง แต่เธอคลุ้มคลั่งแล้ว เธอประกาศว่าไม่มีใครช่วยตนได้ ถึงออกไปจากที่นี่ได้ไม่โดนเก็บก็ต้องโดนจับ จ้าวซันยืนยันสัญญาว่าจะไม่มีใครทำแบบนั้นกับเธอ แต่เหม่ยอิงไม่เชื่ออีกแล้ว เธอยกปืนจ่อหัวตัวเองจะฆ่าตัวตายให้จ้าวซันดู

บราลีพุ่งเข้าไปปัดปืน กระสุนจึงเบนไปถูกกำแพงแทน

“ทำแบบนี้ทำไม เลิกสนใจได้แล้วว่าคนอื่นจะมองคุณยังไง มานี่ ลุกขึ้น ฉันจะพาเธอหนีไปเอง ไปด้วยกัน ข้างนอกมีเรือจอดอยู่เธอเห็นใช่ไหม เราสองคนจะวิ่งไปให้ถึงเรือนั่นแล้วหนีไปด้วยกัน”

จ้าวซันตกใจกับการตัดสินใจของบราลี ส่วนเหม่ยอิงมองหน้าบราลีลังเล

“ฉันจะหาทางให้คนของคุณชายจ้าวซันพาคุณหนีไปที่คีรีรัฐ ไปอยู่ที่นั่น” ถามจ้าวซันว่า ได้ใช่ไหม จ้าวซันไม่ทันตอบเธอก็พูดกับเหม่ยอิงต่อ “คุณจะไปมีชีวิตใหม่ที่นั่น ไปทำอะไรก็ได้ ไปเปิดร้านขายเสื้อผ้า ไปเป็นครูสอนภาษาอังกฤษหรืออะไรก็ได้ จ้าวซันเขาใหญ่มากที่นั่น เขาจะช่วยให้คุณหลบไปอยู่เงียบๆ ได้โดยไม่มีใครรบกวนคุณอีก”

เหม่ยอิงท่าทีอ่อนลง เมื่อบราลียื่นมือไป เธอจึงยื่นมือมาจับพยักหน้า บราลีจูงมือเธอวิ่งออกไปทันที

ระหว่างวิ่งไปนั่นเอง เหม่ยอิงถูกยิงที่ท้องทรุดลง จ้าวซันวิ่งตามมาทัน เขาช้อนร่างเธอไว้พร่ำบอกว่าน้องต้องไม่เป็นอะไร เหม่ยอิงอยู่ในอ้อมกอดของจ้าวซัน เธอยิ้มทั้งที่เลือดอาบร่าง พูดอย่างมีความสุข

“ไม่เป็นไรเลยค่ะ ตอนนี้น้องมีความสุขมาก ไม่รู้สึกเจ็บเลยแม้แต่นิดเดียว...พี่รักน้องไหมคะ...”

“รักสิ...รักๆๆๆ” จ้าวซันพร่ำบอก กอดเหม่ยอิง เกลี่ยผมที่ลงมาปิดหน้า เหม่ยอิงพูดทั้งที่ยังหลับตาว่า...

“น้องก็รักพี่...รักพี่มากกว่าชีวิตของน้องเสียอีก...พี่รู้ใช่ไหม”

“พี่รู้ อย่าเพิ่งพูดอะไรตอนนี้” จ้าวซันหันไปตะโกน “ใครก็ได้ รีบไปตามหมอมาทีเร็ว!”

ที่ท่าเรือนี่เอง เหม่ยอิงนอนอยู่บนตักจ้าวซัน บรรดาผู้เกี่ยวข้อง ทั้งฉินเจียง อาหลี่ และผู้กองเหลียงกับตำรวจ พากันมายืนห้อมล้อมด้วยใบหน้าเศร้าหมอง ทุกคนเสียใจเจ็บปวดกับภาพเหม่ยอิงบาดเจ็บเลือดท่วมร่างและกำลังจะจากไป...

ทุกคนรอเรือที่จะไปส่งเหม่ยอิงที่อ่อนล้าลงทุกที ต่างสารภาพ ตำหนิตัวเองที่ทำผิดพลาดกับเหม่ยอิง...

ผู้กองเหลียงพูดกับบราลีด้วยความเสียใจสุดซึ้งว่า ตนคิดว่าเหม่ยอิงจะลักพาตัวเธอไปอีก ก็เลย...

“จริง ๆ ฉันไม่น่าบอกให้คุณเหม่ยอิงวิ่งออกไปเลย ต้นเหตุทั้งหมดอาจจะเป็นฉันเอง...” บราลีเอ่ย

“ผมควรจะเสียใจมากกว่า...ที่ผ่านมา ผมทำเลวกับเหม่ยอิงมากกว่าคุณหลายเท่านัก” ฉินเจียงตำหนิตัวเอง

ระหว่างนั้น จ้าวซันพูดให้กำลังใจเหม่ยอิงตลอดเวลา เธอขอเวลาอยู่กับจ้าวซันตามลำพัง เมื่อทุกคนถอยออกไปแล้ว เธอรำพันความรักที่มีต่อจ้าวซัน จนในที่สุดพูดอย่างอ่อนเพลียมากว่า

“น้อง...รอ...ไม่ไหวแล้ว...พี่ชายใหญ่...น้อง... อยาก...หลับแล้ว...พี่อนุญาตให้น้องนอนเสียที...นะคะ...จูบลาน้องด้วย...”

“กุดไนท์จ้ะ” จ้าวซันพูดเบาๆ “สวีทดรีมนะบาย... น้องรักของพี่”

“กุดไนท์ ไอเลิฟยู ไอ...เลิฟ...ยู ทิลไอดาย...น้องรักพี่...จนวันตาย...จริงๆ นะคะ” เหม่ยอิงคอพับในอ้อมอกของจ้าวซัน

แม่สี่ร้องไห้โฮเมื่อได้ข่าวเหม่ยอิง โทษตัวเองว่าเอายานอนหลับให้บราลีกินจนเกิดเรื่องบานปลายเช่นนี้ โทษว่า

“เพราะแม่เอง...ทำให้เหม่ยอิงโดนตำรวจยิงตาย...แม่ทำลายลูกตัวเอง แม่ผิดเอง ผิงอันแม่จะไม่มีวันให้อภัยตัวเองเลย”

แม่สี่ร้องไห้จนเป็นลมไป ผิงอันกอดแม่ร้องไห้อย่างหนัก

ooooooo

วันต่อมา ผิงอันนำเครื่องเพชรของจ้าวไทไทครบชุดไปวางบนโต๊ะตรงหน้าจ้าวไทไท ขอโทษแทนเหม่ยอิง บอกว่า เวลานี้เธอก็ได้รับผลกรรมไปแล้วอาจเพราะคำสาปของเครื่องเพชรนี้จริงๆก็ได้

จ้าวไทไทจึงเผยความลับทั้งหมดว่า “คำสาปเครื่องเพชรจ้าวไทไท มันไม่มีจริงหรอกผิงอัน...”

แล้วจ้าวไทไทก็เล่าถึงบรรดาเมียน้อยของเต้ที่พากันแก่งแย่งที่จะครอบครองเครื่องเพชรชุดนี้ จนกระทั่งเต้ตาย ตนก็ยังอยู่เฝ้าเครื่องเพชรชุดนี้ แต่เพราะไม่มีงานอะไรให้ใส่ไปอีก จึงเอาไว้ใส่เล่นนั่งๆนอนๆอยู่ในห้องนี้ จ้าวไทไทพูดถึงการตายของเหม่ยอิงว่า

“เหม่ยอิงมันตาย เพราะมันทำตัวของมันเองต่างหาก เครื่องเพชรมันก็อยู่เฉยๆของมัน คนเราจะได้รับผลยังไงก็ขึ้นอยู่กับการกระทำของตัวเองทั้งนั้นแหละ ทำดีได้ดี ชั่วได้ชั่ว ในที่สุดแล้วเมื่อถึงวันที่เหมาะสมเธอโตพอเมื่อไหร่ เครื่องเพชรชุดนี้มันก็คงจะต้องตกเป็นของเรานั่นแหละซายหมุย”

ผิงอันไม่ขอรับเพราะตนไม่ดีพอบอกแม่ใหญ่ว่าให้บราลีไปดีกว่า จ้าวไทไทชี้แจงว่า บราลีและจ้าวซันไม่ใช่ คนตระกูลจ้าว แต่ผิงอันใช่ ย้ำว่า “ยังมีอะไรอีกหลายอย่างนักที่เธอจะต้องรับเอาไว้ ทั้งๆที่เธอไม่เคยคาดฝันเลยล่ะ”

ผิงอันหน้าตาตื่นอย่างตั้งตัวไม่ทันกับความจริงที่จ้าวไทไทบอกเล่าและวางตัวเธอไว้เป็นผู้สืบทอดของตระกูลจ้าว...

ส่วนจ้าวซันกับบราลี นั่งเรือไปโรยกุหลาบลงทะเล... ในยามนี้ แม้ใจจะยังเศร้า แต่ต่างก็ให้กำลังใจกันและกันที่จะก้าวต่อไปตามวิถีทางของตนด้วยความรัก

ooooooo

ที่คีรีรัฐ...เมื่อจ้าวซันไม่อาจตอบได้แน่นอนว่าจะมางานแต่งงานของศิขรนโรดมกับมิถิลาได้หรือไม่ งานแต่งงานจึงจัดขึ้นอย่างยิ่งใหญ่

ทั้งในวังและชาวคีรีรัฐต่างตื่นเต้นยินดีกับข่าวมงคลนี้

ณ ลานพิธี...ประชาชนมากมาย ถือธง ถือดอกไม้นั่งกันเป็นแถว เป็นระเบียบ

เมื่อเริ่มพิธี อสุนีเดินนำศิขรนโรดมในชุดอภิเษกออกมา

ที่ลานอีกตำหนักหนึ่ง แม่นมพามิถิลาในชุดเจ้าสาวแสนสวย ออกมาหลบอยู่หลังประตูรอเวลา

ในหมู่นักท่องเที่ยวที่มาร่วมชื่นชมในพิธีนี้ มีจ้าวซัน บราลี เมืองเทพ และลูกน้องคอยรักษาความปลอดภัยให้ทุกคนใส่แว่นดำแต่งตัวกลมกลืนแทรกอยู่ด้วย

บราลีและจ้าวซันต่างปลื้มปีติกับงานนี้ เฝ้ารอนาทีที่จะได้เห็นศิขรนโรดมและมิถิลาออกมา พลันทั้งสองก็ตื่นเต้นเมื่อแม่นมพามิถิลาออกมา ท่ามกลางเสียงโห่ร้องโบกธงด้วยความปลื้มปีติของประชาชน

“เห็นไหม มาแอบแบบนี้สนุกดีนะ ได้เห็นว่า ประชาชนรักเจ้าหลวงมากแค่ไหน แล้วเขาก็จะได้ไม่ต้องลำบากวุ่นวายมาจัดที่ทางให้เรา” จ้าวซันเอ่ย บราลีเห็นด้วย

ทันใดนั้น! ศิขรนโรดมจับมือมิถิลา พาเดินมาท่ามกลางประชาชนสองข้างทางที่เปล่งเสียงกึกก้อง

“เจ้าหลวงทรงเจริญยั่งยืน”

จ้าวซันกับบราลีร้องประสานเป็นเสียงเดียวกับประชาชน “เจ้าหลวงทรงเจริญยั่งยืน” และโบกธงกันสุดแขน

เมื่อศิขรนโรดมและมิถิลาเดินมาถึง ศิขรนโรดม ตะลึงพรึงเพริดเมื่อเห็นจ้าวซันดีใจจนหยุดชะงัก จ้าวซันรีบส่งสัญญาณให้เดินต่อทำพิธีก่อน แต่ศิขรนโรดมก็อดใจไม่ได้ที่จะกระซิบบอกมิถิลาว่า

“ในที่สุด เจ้าพี่ก็มา มิถิลาดูสิ...ในที่สุดเจ้าพี่ก็มา...”

เมื่อขบวนพระราชพิธีเข้าไปในท้องพระโรงแล้ว ประชาชนพากันหันมองจ้าวซันกับบราลีที่ถูกคนถ่ายวีดิโอหันมาถ่ายทั้งสอง ภาพจ้าวซันถูกตัดขึ้นจอใหญ่ พลันเสียงประชาชนก็เซ็งแซ่ขึ้น “น่านปิงนรเทพนี่นา”... “องค์น่านปิงเสด็จมา” แล้วเสียงสดุดีก็กึกก้องขึ้น “องค์ชายน่านปิง ทรงเจริญยั่งยืนพะย่ะค่ะ”

ooooooo

แม่นมเป็นคนมาพาจ้าวซันและบราลีเข้าไปในวัง หลังจากพระราชพิธีเสร็จสิ้นแล้ว ทุกคนต่างหวังว่าน่านปิงนรเทพจะอยู่ที่คีรีรัฐ แต่ไม่เป็นไปตามปรารถนา เพราะจ้าวซันและบราลีขอไปท่องเที่ยวอย่างไร้ภาระหนักใดๆ

ศิขรนโรดมปรารภกับจ้าวซันอย่างหนักใจว่า “น้องกลัวการมีอำนาจเหลือเกิน น้องเคยเห็นมาแล้วว่า อำนาจมันเหมือนอาวุธ มันหันมาทำลายตัวคนถืออาวุธเสียเองก็บ่อย”

“แต่ใครๆก็อยากได้ครอบครองอาวุธนั้นกันจริงๆ อยากจนสามารถทำอะไรที่น่ากลัวที่สุดก็ได้ อยากจนฆ่าพี่น้องหรือคนที่ตัวเองรัก”

“มีหลักการอะไรไหมเจ้าพี่ ที่จะทำให้น้องเป็นเจ้าหลวงที่ดีได้”

“การเป็นเจ้าหลวงที่ดี ก็คือ การทำเพื่อประชาชนมากกว่าตัวเอง การใช้อำนาจก็เหมือนกัน จงใช้อำนาจเพื่อประโยชน์ส่วนรวมไม่ใช่เพื่อประโยชน์ส่วนตัว แค่นี้เองศิขร...ผู้ยิ่งใหญ่ต้องไม่เอาเปรียบ ต้องเป็นผู้ให้ ไม่ใช่เป็นผู้กอบโกยเอามาเป็นของตน จงให้ไปแล้วเราจะได้มาเอง ความดีของการเป็นผู้ให้ จะคุ้มครองเรา”

ศิขรนโรดมฟังอย่างปีติปลาบปลื้ม มีกำลังใจ...

ooooooo

พันหงปิงยังไม่ตายแต่พิการ เขาขายอาวุธและ ฝึกสอนการใช้ให้กลุ่มโจรหมายตั้งตัวเป็นใหญ่ในคีรีรัฐ ขณะฝึกอาวุธกันที่หน้าผาใกล้แม่น้ำ เห็นจ้าวซันกับบราลีไปท่องเที่ยว จึงสั่งโจรให้กำจัดจ้าวซันเสียเพราะเป็นคนทำให้ตนพิการ

เมื่อถึงวันที่จ้าวซันกับบราลีจะเดินทางจากคีรีรัฐ ศิขรนโรดมจัดเรือไว้ให้ แต่ถูกอสุนีเอาระเบิดแสวงเครื่องไปวางที่ท้องเรือ ดีที่เมืองเทพเห็นเสียก่อนและจับตัวอสุนีได้ เขาสารภาพว่าที่มุ่งฆ่าจ้าวซันก็เพราะต้องการให้ศิขรนโรดมเป็นเจ้าหลวงที่แท้จริงเพียงองค์เดียวของคีรีรัฐ

แต่จ้าวซันไม่ติดใจกลับแสดงความยินดีที่ ศิขรนโรดมจะได้มีองครักษ์ที่ซื่อสัตย์จงรักภักดีอย่างอสุนี แต่ระหว่างนั้นเอง พันหงปิงก็นำกองโจรมาโจมตี ถูกทหารคีรีรัฐสังหารตายหมด พันหงปิงที่ซุ่มอยู่ยกปืนเล็งใส่จ้าวซัน อสุนีเห็นเขาพุ่งเข้าเอาตัวบังจ้าวซันไว้จนตัวเองได้รับบาดเจ็บและเสียชีวิต ได้รับการยกย่องเยี่ยงวีรบุรุษของคีรีรัฐ ส่วนพันหงปิงก็ถูกยิงตาย

จ้าวซันกับบราลีเดินทางกลับไปฮ่องกง ปลูกบ้านพักริมทะเลอยู่กันแบบสามัญชนอย่างมีความสุข สมปรารถนา ดังที่จ้าวซันเคยพูดกับเหม่ยอิงว่า

“ลาภ ยศ สรรเสริญ มันเป็นมายาทั้งนั้น ไม่มี อะไรที่เป็นของพี่จริงๆเลย”

สุดท้ายของทุกชีวิตคือ คืนสู่สามัญ...นี่คือสัจธรรม...

ooooooo

*******อวสาน*******

อ่านละคร วันนี้ที่รอคอย ตอนอวสาน วันที่ 11 ส.ค. 56

โดย บทประพันธ์โดย วราภา จากบทละครโทรทัศน์ทางช่อง 7 โดย ปราณศักดิ์สวัสดิ์
กำกับการแสดงโดย : สยาม น่วมเศรษฐี
ควบคุมการผลิตโดย : บริษัท พอดีคำ จำกัด
โดยผู้จัด : ธงชัย ประสงค์สันติ/มณีรัตน์ ประสงค์สันติ
ออกอากาศเริ่มตอนแรก วันพฤหัสบดีที่ 13 มิ.ย. 2556
ที่มา ไทยรัฐ