อ่านละคร ฟ้าจรดทราย ตอนที่ 7 วันที่ 26 ส.ค. 56

อ่านละคร ฟ้าจรดทราย ตอนที่ 7 วันที่ 26 ส.ค. 56

เป็นอย่างที่นายพลมุสกัตเตือนไม่มีผิดเพี้ยน องค์อาหเม็ดไม่รับคำปฏิเสธของชารีฟ ยืนยันให้เขาทำตามแผนการที่วางไว้ ไม่มีใครสามารถทำภารกิจนี้แทนเขาได้ ชารีฟจะไม่ยอมปลอมตัวเป็นศาสตราจารย์โมฮัมหมัดไปฆ่าองค์โอมาน พระองค์จะลงโทษทัณฑ์อย่างไรเขายอมรับทุกอย่าง องค์อาหเม็ดโกรธเกรี้ยวตบโต๊ะเปรี้ยง

“บอกเหตุผลมา บอกเหตุผลของเจ้าที่จะไม่ยอมทำในสิ่งที่ไม่มีใครทำได้...บอกมา”


“อย่างที่ทูล ฆ่าคนในสนามรบข้าพระองค์ฆ่าได้เพราะเป็นเหตุจำเป็น แต่ฆ่าคนบนเตียงผ่าตัดในฐานะแพทย์ ข้าพระองค์ทำไม่ได้ ข้าพระองค์ไม่สามารถใช้วิชาชีพปลิดชีวิตคนไข้ขณะที่เขานอนรอคอย ข้าพระองค์เป็นหมอ คนไข้เห็นหมอย่อมต้องการหายไม่ใช่ต้องการตาย ข้าพระองค์เป็นแพทย์จริงๆ ไม่ใช่แพทย์ปลอม เหตุใดพระองค์จึงไม่ให้แพทย์ปลอมๆไปปฏิบัติงานใต้ดินลับสุดยอดครั้งนี้”

“พอแล้วชารีฟ ข้าไม่ฟังเจ้าอีกแล้ว แต่ถ้าเจ้าไม่ทำงานใหญ่ครั้งนี้ ก็อย่ามาให้ข้าเห็นหน้าอีก ทิ้งข้าไว้กลางทะเลทรายผืนนี้แล้วเจ้าจะไปไหนก็ไป” องค์อาหเม็ดตรัสจบ เดินออกไปทันที ชารีฟถลาไปนั่งคุกเข่าดักหน้าพระองค์ไม่สนใจเดินเลี่ยงไปทางอื่น เจอนายพลมุสกัตกำลังอ้อนวอนพระผู้เป็นเจ้าพอดี

“นายพลมุสกัต เจ้าก็สมควรตามชารีฟไป ข้าอยู่ได้กลางทะเลทรายนี้คนเดียว” องค์อาหเม็ดประชดประชันจบ เดินฉับๆหายไป ท่านนายพลได้แต่ยืนตะลึง อึดใจชารีฟซึ่งตัดสินใจได้แล้วตามเข้ามา

“ข้าพเจ้าจะวางหัวใจของแพทย์ไว้ที่นี่และใช้หัวใจทหารให้เต็มตัวในการทำงานครั้งนี้”

นายพลมุสกัตถึงกับถอนใจโล่งใจ ตบไหล่เขาเบาๆ “ดีมากท่านชารีฟ ขอให้คิดเสมอว่าเราทุกคนเสี่ยงชีวิตครั้งนี้เพื่ออะไร ไม่ใช่เพื่อองค์อาหเม็ดแต่เพื่อชาติของเรา เพื่อชาวบ้านตาดำๆที่เราเคยพบ คนพวกนั้นลำบากเหลือเกินภายใต้อุ้งมือขององค์โอมาน สายของเราบอกว่าองค์โอมานขูดรีดภาษีเพิ่มขึ้นเพื่อเอาเงินไปซื้ออาวุธ”

“จะมีอาวุธไปทำไมในเมื่อราษฎรยังหิวโหย ท่านนายพลมุสกัตท่านรู้หรือไม่ว่าใครจะไปกับข้า...”

จากนั้นไม่นาน ชารีฟทั้งตื่นเต้นและดีใจมากเมื่อรู้ว่าคนที่จะไปปฏิบัติภารกิจครั้งนี้ด้วยคือการิม นายทหารคนสนิทของตนเอง เพราะไม่คาดคิดมาก่อนว่าเขาจะรอดเงื้อมือพวกกบฏมาได้ กามริมเล่าให้ฟังว่าได้ฆ่าทหารกบฏนายหนึ่งแล้วแต่งตัวด้วยเสื้อผ้าของมัน ก่อนจะหนีไปร่วมขบวนคาราวานที่เดินทางไปยังโฮไดดะ

“ผมมาที่นี่ได้ก็เพราะผมพบสายของนายพลมุสกัตที่โฮไดดะ เราเคยรู้จักกัน”

“โอ...เป็นโชคอย่างยิ่ง แล้วเจ้าไปไหนมา เรามาถึงหลายวันแล้ว”

การิมออกลาดตระเวนเพิ่งกลับมาถึงเมื่อเช้านี้ จึงได้ทราบเรื่องของชารีฟจากนายพลมุสกัต ราชองครักษ์หนุ่มเตือนเขาว่างานนี้เสี่ยงอันตรายมากเป็นตายเท่ากัน

“งานของท่านเสี่ยงกว่าผมหลายเท่าท่านยังยอม ผมเป็นใครล่ะถึงจะยอมไม่ได้”

ooooooo

ก่อนจะไปปฏิบัติภารกิจสำคัญ ชารีฟสรุป แผนการให้องค์อาหเม็ดและเหล่านายทหารชั้นผู้ใหญ่ฟังว่า เขากับการิมจะเดินทางด้วยรถไฟจนถึงเมือง ชายแดนเล็กๆเพื่อพบคนของเราซึ่งจะพาเขาไปสมัคร งานเป็นคนรับใช้บ้านศาสตราจารย์โมฮัมหมัด ที่นั่นชารีฟจะคอยสังเกตกิริยาท่าทางและทำตัวให้เหมือน ศาสตราจารย์มากที่สุด

“ต่อจากนั้น ข้าพระองค์จะออกเดินทางไปกับการิมยังจุดที่ศาสตราจารย์โมฮัมหมัดจะเปลี่ยนจากเครื่องบินโดยสาร เป็นเครื่องบินส่วนพระองค์เพื่อบินไปเข้าห้องผ่าตัดที่ฮิลฟารา ข้าพระองค์กับการิมจะรอเปลี่ยนตัวที่นั่น ศาสตราจารย์จะถูกลักพาตัวไป ข้าพระองค์และการิมในฐานะหมอผู้ช่วยจะเดินทางเข้าฮิลฟาราแทน”

“เริ่มงานผ่าตัดและฆ่ามัน...ฮ่าๆๆๆ เอาล่ะ ทีนี้แผนการของข้าสำหรับสนับสนุนการทำงานของเจ้า”

นายพลมุสกัตรับหน้าที่เป็นผู้อธิบายแผนการขั้นต่อไปให้ฟังว่าขณะที่ชารีฟกับการิมเข้าไปวังหลวงและส่งสัญญาณพลุสีแดงให้รู้ว่าฆ่าองค์โอมานได้แล้ว กองทัพฝ่ายเราจะเข้ายึดฮิลฟารา

“ตลอดเวลาที่เจ้าอยู่ในวังกับโอมาน เจ้าต้องช่วยตัวเองชารีฟ ถ้าเกิดอะไรขึ้นอย่างเช่นเจ้ายังไม่ทันฆ่าโอมานเกิดสงสัยขึ้นมา หรือไอ้ทหารของมันคนใดคนหนึ่งเกิดสงสัย เจ้ากับการิมรู้แล้วว่าควรทำอย่างไร”

“ข้าพระองค์เป็นหมอ รู้วิธีที่จะทำให้ตัวเองตายหลายวิธีพระเจ้าข้า”

ทุกคนพากันเงียบกริบ มีเพียงเสียงอาหเม็ดที่กำชับให้ชารีฟฆ่าองค์โอมานบนเตียงผ่าตัดดังก้องไปทั้งกระโจม ชารีฟก้มดูมือตัวเองราวกับไม่เคยเห็นมาก่อน พึมพำอยู่ในใจว่า

“องค์อัลเลาะห์ผู้ยิ่งใหญ่ มือสองข้างนี้เคยปฏิญาณว่าจะช่วยมนุษย์ที่เจ็บป่วยทั้งปวง ข้าพระองค์ปวดร้าวใจเหลือเกินที่จะต้องใช้มือทั้งสองข้างนี้ปลิดชีวิตคนในขณะที่เขากำลังอยู่ภายใต้ความช่วยเหลือของข้าพระองค์ ถึงองค์โอมานสมควรตาย ข้าพระองค์ก็ไม่ควรฆ่าเขาบนเตียงคนไข้ ไม่มีงานครั้งใดที่ทรมานใจข้าพระองค์เท่าครั้งนี้อีกแล้ว องค์อัลเลาะห์ โปรดฟังคำวิงวอนจากข้าพระองค์ด้วย โปรดประทานหนทางที่งดงามกว่านี้เถิด อย่าให้ข้าพระองค์ต้องทำในสิ่งที่ฝืนความรู้สึกเลย”

เสียงเรียกขององค์อาหเม็ดปลุกชารีฟให้ตื่นจากภวังค์ “ชารีฟ...ข้ารู้ใจเจ้า แต่เจ้าไม่มีทางเลือกแล้ว มีแต่ข้า...อาหเม็ดที่สามแห่งฮิลฟาราเท่านั้นที่เป็นผู้เลือกเจ้า”

ooooooo

ระหว่างนั่งรถไฟไปเมืองชายแดนตามแผนการที่วางไว้ ชารีฟค่อยๆถอดแหวนเปียรุสของมิเชลล์ออก ใช้ชายเสื้อตัวในผูกแหวนเป็นเงื่อนตายติดตัวเสื้อไว้แล้วฉุกคิดถึงคำพูดของเจ้าของแหวนเมื่อครั้งเจอกันล่าสุด

ถ้าตอนนั้นไม่ได้เธอพูดเตือนสติว่าอย่าใช้แต่หัวใจของแพทย์คิดอย่างเดียว ต้องใช้หัวใจของทหารและใช้หัวใจของข้ารับใช้เบื้องพระบาทองค์อาหเม็ดคิดด้วย ป่านนี้เขาคงยืนกรานไม่ยอมทำภารกิจนี้ ชารีฟยังจดจำได้ว่าพรมจูบไปทั่วใบหน้าหญิงคนรักเป็นการขอบคุณ

“ฉันจะขาดเธอได้อย่างไร จะจากเธอไปได้อย่างไร แค่คิดว่าอาจจะตายจากเธอ...”

มิเชลล์จูบปากชารีฟไม่ให้พูดอะไรอีก แล้วโอบกอดพลางกระซิบข้างหู “หยุดคิดนะคะ ไม่ต้องคิดเลยท่านจะไม่ตาย ท่านไม่มีวันตายเพราะถ้าท่านตาย ฉันจะ... ตายตามท่าน ขอให้ท่านจดจำไว้ให้ดี”

เสียงของมิเชลล์ยังดังก้องอยู่ในหูชารีฟ แต่แล้วเสียงการิมที่ร้องเรียกเบาๆว่า “ท่านราชองครักษ์” ปลุกเขาให้ตื่นจากภวังค์ เขาหันขวับมองไปรอบๆอย่างระแวดระวัง เตือนไม่ให้เรียกแบบนี้อีก การิมรับคำแล้วแกล้งคุยเสียงดังถึงเมียอุปโลกน์ของตัวเองที่ใกล้คลอดเพื่อกลบเกลื่อน...

ในเวลาต่อมา รถไฟมาจอดที่สถานีแห่งหนึ่งเพื่อรอให้อีกขบวนไปก่อน ชารีฟและการิมลงจากรถไฟไปหาซื้อของกินโดยทำตัวกลมกลืนไปกับพวกชาวบ้านเพราะอาจมีตำรวจหรือทหารฝ่ายกบฏสังเกตการณ์อยู่แถวนั้น

ชารีฟสั่งให้การิมไปซื้อแตงโม ส่วนตนเองจะไปซื้อขนมปังไส้เนื้อย่างด้านโน้น แล้วเดินปะปนไปในหมู่ชาวบ้านยากจน เขารู้สึกมีใครบางคนมาเบียด หันไปดูเห็นเด็กหนุ่มเบดูอินในชุดมอซอ เทินตะกร้าเก่าๆใส่ขนมปัง ไว้บนหัว เข้ามากระแซะพลางขอร้องให้เขาช่วยซื้อขนมปังสักก้อนหนึ่ง ชารีฟเดินหนี เด็กหนุ่มตามตื๊อไม่เลิก แถมเอาขนมปังยัดใส่มือ สบตาเขม็ง เขาตัดรำคาญรับขนมปังไว้แล้วยื่นเงินให้

เด็กหนุ่มคำนับ ก่อนจะวิ่งไปแอบตรงมุมตึกคอยโผล่หน้ามามอง ทำปากขมุบขมิบเป็นทำนองให้ชารีฟบิขนมปังออกดู เขาไม่สนใจ เดินไปซื้อขนมปังไส้เนื้อสองก้อนแล้วกลับไปหาการิมที่สถานีรถไฟ เสียงหวูดเตือนให้ผู้โดยสารขึ้นรถดังขึ้น ขณะที่ชารีฟจะก้าวขึ้นรถไฟ เด็กหนุ่มคนเดิมวิ่งมาชนเต็มแรง แล้วยื้อยุดฉุดกระชากไม่ให้ขึ้นถามว่ากินขนมปังขึ้นราหรือยัง การิมไม่พอใจด่าลั่น แต่เขาไม่สนใจยังคงยื้อชารีฟไว้

“ขนมปังขึ้นรา เขียวเป็นจ้ำๆ ข้างในก็ปิ้งไม่สุกท่านรู้หรือเปล่าว่าพี่สาวของข้าเป็นคนทำ นางโง่แล้วก็เซ่อขนมปังขึ้นรา เขียวเป็นจ้ำๆ เปิดข้างในดูสิ แป้งก็ไม่สุก กลืนไม่ลง ไม่ขายให้หมดนางก็จะตบเอา”

คำพูดแปลกๆ ของเด็กหนุ่มทำให้ชารีฟตัดสินใจไม่ไปกับรถไฟขบวนนี้ การิมพยายามทักท้วงว่าเราต้องลงสถานีหน้า เดี๋ยวจะไปไม่ทันตามกำหนด ชารีฟไม่สนใจเดิน ไปตามถนนที่บัดนี้เงียบเชียบ ค่อยๆบิขนมปังขึ้นราก้อนนั้นดู เห็นกระดาษแผ่นเล็กๆซ่อนอยู่ข้างในรีบเปิดออกอ่าน

“สายของนายพลมุสกัตแจ้งด่วนมาว่า สถานีเล็กที่กำหนดให้ลงมีตำรวจและทหารคึกคัก คำสั่งเปลี่ยนให้เราออกจากเมืองนี้ด้วยรถบรรทุกแตงโมซึ่งจะเดินทางไปยังเมืองที่กำหนด”

“ถ้าอย่างนั้นเขาจะให้เราขึ้นรถบรรทุกคันไหน รถที่จะออกจากเมืองนี้ไปยังเมืองที่กำหนดมีเป็นขบวนยาวจะตาย แถมตำรวจทะเลทรายก็ตรวจตราเข้มงวดขนาดนั้น”
ชารีฟขอร้องการิมอย่าเพิ่งตีโพยตีพาย อีกไม่นานต้องมีข่าวส่งมาอีก...

อ่านละคร ฟ้าจรดทราย ตอนที่ 7 วันที่ 26 ส.ค. 56

ละครฟ้าจรดทราย ประพันธ์โดย โสภาค สุวรรณ
ละครฟ้าจรดทราย บทโทรทัศน์โดย ศัลยา สุขะนิวัตต์
ละครฟ้าจรดทราย กำกับการแสดงโดย สยาม สังวริบุตร
ละครฟ้าจรดทราย ผลิตโดย ค่าย ดาราวิดีโอ
ละครฟ้าจรดทราย ออกอากาศทุกวันจันทร์ และวันอังคาร เวลา 20.30 น. ทางช่อง 7 สี
ละครฟ้าจรดทราย เริ่มตอนแรกวันจันทร์ที่ 12 สิงหาคม 2556
ที่มา ไทยรัฐ