อ่านละคร วันนี้ที่รอคอย ตอนที่ 19 วันที่ 4 ส.ค. 56
เหม่ยอิงยังเล่นละครบนเวทีได้อย่างแนบเนียน เธอบรรยายคุณงามความดีของตัวเองที่บ่มสอนผิงอันเรื่องการใช้ชีวิต เรื่องธุรกิจและกำลังจะส่งไปเรียนต่างประเทศเพราะน้องเพิ่งเรียนจบแค่ระดับไฮสกูลเท่านั้นเองระหว่างนั้น พวกตำรวจนอกเครื่องแบบค่อยทยอยกันมายืนหน้าเวที ส่วนจ้าวซันลัดเลาะมาทางประตูข้าง เจอช่างภาพคนหนึ่งใส่หมวกปีกกำลังถ่ายภาพอยู่ เขาเข้าไปสะกิดแขน ช่างภาพคนนั้นหันมา อึดใจเดียวจ้าวซันก็กลายเป็นช่างภาพคนนั้นแทน ใส่หมวกปีกถ่ายภาพบนเวทีเอาจริงเอาจังและขยับใกล้เข้าไปทุกที
“ไม่ต้องตบ! ตบทำไม ใครเชิญแกมา ที่นี่ไม่มีท่ีให้แกยืนอีกต่อไปแล้ว” เหม่ยอิงขู่ว่าเขากำลังจะทำให้งานล่ม“ล่มก็ไม่เป็นไร ฉันจะทำ และผู้หญิงคนนี้ครับ จ้าวเหม่ยอิง น้องสาวคนละแม่กับผม เป็นคนจิตวิปริต จ้องจะฮุบสมบัติทั้งหมดของตระกูลจ้าวเป็นของตัวเอง แต่พอพลาดก็เลยวางแผนจะทำลายทุกอย่าง ข่าวลือทั้งหมดที่พวกคุณได้ยินเป็นเรื่องจริงครับ”
การเผชิญหน้ากันอย่างตึงเครียดของเหม่ยอิงกับฉินเจียง ทำให้ผิงอันตกใจมองหาคนช่วย บราลีส่งสัญญาณให้เธอพยายามถอยห่างจากเหม่ยอิง แต่เหม่ยอิงเห็นพอดีเลยคว้ามือผิงอันดึงไว้ข้างตัว ฉินเจียงเข้ายื้อ เลยดึงกันคนละแขนจนผิงอันร้อง บราลีทนไม่ได้จะขึ้นไปช่วยผิงอัน แต่เทเรซ่ากับซ่างกวานซิงห้ามไว้
ฉินเจียงสาวไส้เหม่ยอิงอย่างเผ็ดร้อน แต่ทำได้ไม่นานเขาก็รู้สึกเวียนหัวจนยืนแทบไม่ติด เกาเฟยเห็นอาการก็ยิ้มสะใจว่ายาในน้ำดื่มที่เขาใส่ไว้เริ่มได้ผลแล้ว เหม่ยอิงใส่ไคล้ทันทีว่าฉินเจียงดื่มมากไปหน่อยอย่าได้ถือสาเลย
ฉินเจียงรู้ตัวว่าถูกวางยา เขาเป็นห่วงซูหลิงมาก แต่ถูกเกาเฟยเข้ามาล็อกตัวออกไป ทำให้เหม่ยอิงยึดครองเวทีได้อีกครั้ง เธอเล่นละครอย่างแนบเนียนต่อไป
บราลีฉุกคิดได้ถามหาช่อดอกไม้ที่จะให้ผิงอันแล้วรีบขึ้นไปทำทีเอาดอกไม้ไปมอบให้เหม่ยอิง จ้าวซันในคราบตากล้องก็ทำทีเข้าไปถ่ายรูปอย่างใกล้ชิด เมื่อบราลีเดินไปมอบดอกไม้ให้เหม่ยอิง จ้าวซันก็แทรกเข้าไปถ่ายรูปเอาหลังเบียดผิงอันหลบไป แล้วหันมาถ่ายเหม่ยอิงที่กำลังรับช่อดอกไม้ ใช้หลังดันบราลีออกไปอีกคน
เหม่ยอิงเริ่มสงสัยพฤติกรรมของช่างภาพ หันมองเห็นผิงอันหายไปแล้วและบราลีก็กำลังจะลงจากเวที เธอจะตามถูกจ้าวซันถือกล้องมาขวาง
“เอ๊ะ...ไอ้ตากล้องนี่ ถ่ายอะไรนักหนา” เธอเอาช่อดอกไม้ฟาด จ้าวซันพลางล้วงปืนที่ขาอ่อนออกมา
เทเรซ่ารีบขึ้นเวทีแก้ไขสถานการณ์ ประกาศให้แขกดูข้อมูลเรื่องผลประกอบการประจำไตรมาสที่สองของปีนี้ โดยจ้าวผิงอันจะเป็นผู้บรรยายด้วยตัวเอง
ผิงอันขึ้นประกาศอย่างมั่นใจ แขกที่มาร่วมงานฟังอย่างสนใจ บรรยากาศในห้องจัดงานกลับคืนสู่ความสงบอีกครั้ง
ooooooo
แต่นอกห้องจัดงาน...เกาเฟยลากฉินเจียงไปโยนไว้ในห้องเก็บของ และเหม่ยอิงที่ถูกจ้าวซันพาขึ้นไปบนดาดฟ้าที่ผู้กองเหลียง หมวดจางและอเล็กซ์ขึ้นมารออยู่ก่อนแล้ว เหม่ยอิงน้ำตารื้นพูดกับจ้าวซันที่กอดตนไว้แน่นว่า
“น้องจำไม่ได้แล้วว่าพี่เคยโอบกอดน้องหรือสัมผัสตัวน้องครั้งสุดท้ายเมื่อไหร่ น่าขำนะคะที่น้องเคยทำทุกอย่างเพื่อให้เราได้ใกล้ชิดกัน แต่มันไม่ใช่แบบนี้ น้องจะจำใส่หัวไว้ว่า นี่คงเป็นครั้งสุดท้ายที่พี่จะกอดน้อง”
ไม่จริง...พี่กอดน้องได้เสมอ” จ้าวซันคลายมือออกเริ่มใจอ่อนกับเธอ
สมุนคนหนึ่งของพันหงปิงหลบไปโทรศัพท์รายงานว่า
“ลูกพี่ครับ...คุณหนูเหม่ยอิงแย่แล้วนะครับ”
พันหงปิงไปห้องเก็บของที่เกาเฟยกับฉินเจียงกำลังต่อสู้กันเอาเป็นเอาตาย คว้าไม้ถูพื้นฟาดหัวฉินเจียงสลบเลือดอาบแล้วตวาดเกาเฟย
“มัวทำบ้าอะไรอยู่วะ คุณหนูของแกโดนตำรวจสอยไปแล้วนะเว้ย” เกาเฟยตกใจบอกให้รีบไปช่วย
“ไม่...เสียเวลา รีบไปทำตามแผนของเราได้แล้ว” พันหงปิงไม่สนใจนำสมุนออกไป เกาเฟยรีบตามก้าวข้ามร่างฉินเจียงที่นอนสลบเลือดนองไปราวกับข้ามเศษขยะ
ooooooo
เหม่ยอิงผละจากจ้าวซัน มองและพูดอย่างเจ็บปวด ร้าวใจแสนสาหัส...
“ขอบคุณนะคะสำหรับอ้อมกอดที่แสนอบอุ่น ขอบคุณสำหรับความรัก ความปรารถนาดี ขอบคุณการฆ่าที่อ่อนโยนและนุ่มนวลที่สุด ตลอดเวลาที่เรารู้จักกันมา และได้มาเป็นพี่น้องกัน ฉันมีความสุขมาก... แต่วันนี้...ฉันเสียใจมากที่สุดที่พี่มาหลอกฉัน”
“เหม่ยอิง เธอฟังพี่บ้าง...พี่หลอกอะไร?”
เหม่ยอิงหาว่า ทั้งหมดนั้นเป็นกับดักของเขา ล่อให้ตนเข้ามาและให้คนของเขามาลากตนเข้าคุก จ้าวซันเตือนสติว่าเธอสร้างกับดักขึ้นมาเองต่างหาก เหม่ยอิงไม่อาจฟังอะไรได้อีกแล้ว เธอทั้งตัดพ้อต่อว่า น้ำตาไหลพรากเมื่อพูดถึงอดีต...
“ฉันมันโง่เอง...โง่ตั้งแต่วันแรกที่เจอพี่ เจ็บใจตัวเองจริงๆ คิดว่าเป็นคนฉลาดไปทุกเรื่อง แต่ทำไมเรื่องนี้ถึงได้โง่นักก็ไม่รู้ โง่ที่ไปรักคนอย่างพี่...อีโง่เอ๊ยยยย...” ด่าตัวเองแล้วเอาปืนออกมาเล็งจ้าวซัน ตำรวจที่อยู่ตรงนั้นควักปืนเล็งใส่เธอทันทีเช่นกัน เหม่ยอิงคร่ำครวญน้ำตาอาบหน้า “น้องแพ้แล้ว...น้องฉลาดสู้พี่ชายใหญ่ไม่ได้จริงๆ ลาก่อน...”
พูดแล้วหันปืนจ่อที่หัวตัวเอง ทุกคนช็อก จ้าวซันร้องห้าม เมื่อเหม่ยอิงยังไม่ลดปืนลง จ้าวซันหันไปอีกทางตะโกนสุดเสียง “อย่า...ผิงอัน!!” เหม่ยอิงหลงกลหันมอง ทำให้จ้าวซันได้โอกาสกระโดดเข้าชาร์จ ล้มปล้ำแย่งปืนกันไปมา ทันใดไฟในห้องดับพรึ่บ เสียงปืนกัมปนาทขึ้นนัดหนึ่ง!
ooooooo
ที่ห้องจัดงาน พอไฟดับ เสียงปืนดังขึ้น และเทเรซ่าก็แผดเสียงกรี๊ดไม่หยุด ผู้คนในห้องอลหม่านไปหมด
บราลีรีบดึงผิงอันไป จ่าหมงพาทั้งสองหลบไปในที่ปลอดภัยตามที่จ้าวซันสั่งไว้
พริบตานั้น ไฟสำรองสว่างขึ้น พันหงปิงในชุดเชฟ เกาเฟยและทีมในชุดบ๋อย กรูกันออกมาพร้อมอาวุธสงคราม ทุกคนใส่หน้ากากหมด พันหงปิงยิงปืนขึ้นฟ้าขู่ก่อนแล้วคว้าไมค์ไปประกาศให้แขกที่มาในงานถอดเครื่องประดับของตัวเองใส่ถาดที่สมุนของตนจะเดินไปรับ
พวกแขกพากันช็อก บางคนอิดออดเสียดายของ เมื่อสามีมาปกป้องเลยถูกสมุนพันหงปิงเอาปืนตบจนเลือดกบปาก แขกทุกคนรักตัวกลัวตายจึงพากันถอดเครื่องประดับใส่ถาดที่สมุนพันหงปิงเดินไปบังคับเอา
ที่ห้องคอนโทรล เมืองเทพ อากงและคนอื่นๆ เห็นเหตุการณ์ทั้งหมด อากงถามเมืองเทพว่าจะเอาอย่างไรดี พันหงปิงอับจนถึงขนาดต้องใช้ไม้นี้แล้วหรือ
“ไม่ใช่อย่างนั้นครับอากง นี่มันแค่มุกของมัน ที่จะยั่วยุให้จ้าวซันปรากฏตัวมาเล่นกับมันต่างหาก” เมืองเทพคาดเดา อากงร้อนใจถามว่าแล้วจะเอายังไงดี เมืองเทพยืนยันคำสั่งของจ้าวซันว่า “คุณชายให้เรารอคำสั่งจากท่านคนเดียว”
ooooooo
จ้าวซันประคองเหม่ยอิงขึ้นมา เธอหัวเราะอย่างเสียสติถามว่าฉินเย่ว์กรุ๊ปตกต่ำขนาดปล่อยให้โจรกระจอกมาปล้นแขกในงานเลยหรือ
“ไม่ใช่หรอกเหม่ยอิง งานนี้พี่ไม่ได้จัดขึ้นเพื่อกอบกู้หน้าตาอะไรของบริษัทสักนิด พี่จัดเพื่อให้ได้ตัวน้องกลับมาไงล่ะ แล้วสำหรับไอ้คนเลวพวกนั้น พี่ก็มีของเตรียมไว้สมนาคุณพวกมันเหมือนกัน”
ขณะนั้นเอง มีเสียงพูด ว.จากจ่าหมงมาหาผู้กองเหลียง ฟังแล้วผู้กองบอกจ้าวซันว่าตอนนี้บราลีกับผิงอันอยู่ในที่ปลอดภัยเรียบร้อยแล้ว
“โอเค...ปิดประตูตีแมว!! จ้าวซันหยิบมือถือมากดส่งสัญญาณเปิดสนามรบทันที เหม่ยอิงงงๆ ว่าเกิดอะไรขึ้น?
ขณะที่สมุนของพันหงปิงกำลังปลดของมีค่าจากแขกในงานนั้น เทเรซ่าได้รับสัญญาณไลน์ว่าบราลีกับผิงอันออกไปได้อย่างปลอดภัยแล้ว
อ่านละคร วันนี้ที่รอคอย ตอนที่ 19 วันที่ 4 ส.ค. 56
โดย บทประพันธ์โดย วราภา จากบทละครโทรทัศน์ทางช่อง 7 โดย ปราณศักดิ์สวัสดิ์กำกับการแสดงโดย : สยาม น่วมเศรษฐี
ควบคุมการผลิตโดย : บริษัท พอดีคำ จำกัด
โดยผู้จัด : ธงชัย ประสงค์สันติ/มณีรัตน์ ประสงค์สันติ
ออกอากาศเริ่มตอนแรก วันพฤหัสบดีที่ 13 มิ.ย. 2556
ที่มา ไทยรัฐ