อ่านละคร ฟ้าจรดทราย ตอนที่ 1 วันที่ 6 ส.ค. 56
มิเชลล์ต้องเจอเรื่องหนักใจอีกครั้งเมื่อเดินหลงเข้าไปในปีกที่เป็นที่อยู่ของพวกผู้ชาย ซึ่งต่างตกใจเมื่อเห็นผู้หญิงสวมชุดผ้าคลุมมิดชิดแบบอาหรับ เข้ามาเดินในปีกด้านนี้ เธอพยายามจะถามหาแคชฟียา แต่ไม่มีใครยอมตอบคำถามต่างยืนนิ่ง เธอชักรำคาญผ้าที่ปิดหน้าปิดตาจึงปลดออกเพื่อให้พูดได้ถนัด ยิ่งทำให้พวกผู้ชายตกใจคนรับใช้ชายออกมาไล่อย่างเสียมารยาท “ออกไป ผู้หญิงเข้ามาในนี้ไม่ได้”
คนรับใช้ร่างยักษ์โผล่มาจากไหนไม่รู้ ไล่ตะเพิดมิเชลล์ พร้อมกับตรงเข้ามาหาอย่างเอาเรื่อง เธอกลัวมากรีบวิ่งหนี อารามรีบร้อนจึงชนเข้ากับแคชฟียาและฮานาสาวใช้ซึ่งกำลังออกตามหาเธออยู่พอดี...
เมื่อแม่ของแคชฟียารู้เรื่องที่มิเชลล์หลงเข้าไปในเขตของผู้ชาย โดยไม่มีผ้าคลุมหน้าถึงกับเข่าอ่อน
แคชฟียาต้องเข้าไปประคองไว้ ปลอบว่าคงไม่เป็นอะไรเพราะมิเชลล์เป็นชาวต่างชาติ ไม่รู้ประเพณีของที่นี่ พ่อของแคชฟียาไม่ถือโทษโกรธเคือง แต่ขออย่าให้มีคราวหน้าอีกก็แล้วกัน แคชฟียาหัวเราะชอบใจที่เพื่อนเงอะงะ
“ไม่ใช่เรื่องตลกนะลูก...มิเชลล์จ๊ะ ประเพณีเราไม่อนุญาตให้ผู้หญิงเข้าไปในเขตของผู้ชาย ผู้หญิงอยู่ส่วนของผู้หญิง ผู้ชายอยู่ส่วนของผู้ชายไม่ปะปนกัน ผู้หญิงชาวอาหรับจะพูดกับผู้ชายแปลกหน้าจะต้องปิดผ้าคลุมหน้า เวลาออกไปนอกบ้านก็จะต้องปิดผ้าคลุมหน้า หนูแต่งตัวแบบเราแล้วเปิดผ้าคลุมหน้าพูดกับผู้ชาย ถือว่าเสื่อมเสียเกียรติ คนเขาจะดูถูกเหยียดหยาม สังคมก็รังเกียจ ถือว่าผิดกฎศาสนาอย่างแรงด้วย” แม่อธิบาย
มิเชลล์มองหน้าพ่อของแคชฟียา ก่อนจะรีบเอาผ้าคลุมหน้ามาปิด แคชฟียาหัวเราะขบขัน บอกว่าไม่ต้องปิดหน้าต่อหน้าพ่อของตน เพราะถือว่าเป็นคนกันเอง มิเชลล์เป็นเหมือนลูกสาวคนหนึ่งของท่าน และเตือนว่าถ้าเธออยากจะอยู่แบบพวกเรานุ่มห่มแบบเดียวกันจะต้องอดทน
“ฉันยินดี เพราะฉันอยากอยู่กับเธอแบบพี่น้องไม่อยากเป็นแขกแปลกหน้า” มิเชลล์สีหน้ามุ่งมั่น...
ดึกแล้ว แต่มิเชลล์กับแคชฟียายังนอนไม่หลับ
มิเชลล์หยิบพิณขึ้นมาบรรเลงเพลงอย่างสนุกสนาน โดยมีแคชฟียากระโดดโลดเต้นไปตามเสียงดนตรี หลังจากจบเพลง มิเชลล์วางพิณแล้วจับมือแคชฟียาไว้
“แคชฟี่ ฉันตามเธอมาเพราะอยากทำให้ความฝันของเธอเป็นจริง ในขณะเดียวกัน ความฝันของฉันก็จะเป็นจริงด้วย ฉัน...คนที่ไม่มีใครต้องการนี่แหละ จะทำทุกอย่างให้คนเห็นว่าคนไร้ญาติขาดมิตร ไม่จำเป็นต้องขาดใจไปกับความรู้สึกสิ้นหวัง ฉันจะให้ใครๆ รู้ว่า ฉันเกิดมาตัวคนเดียวอย่างนี้แหละ จะทำประโยชน์ให้กับเพื่อนร่วมโลกได้อีกมากมาย”
แคชฟียาพร้อมจะสู้ไปกับเพื่อนรักเพื่อคนของตัวเอง มิเชลล์ขอโทษที่เข้าใจผิด คิดว่าเธอเปลี่ยนไปตั้งแต่กลับถึงบ้าน ความจริงแล้วแคชฟียายังเป็นคนดีอย่างที่เคยเป็นมาตลอด มิเชลล์ตัดสินใจไม่ผิดที่มากับเธอ
ooooooo
ในที่สุดแคชฟียากับมิเชลล์ก็ได้เปิดโรงเรียนสอนภาษาฝรั่งเศสเล็กๆขึ้น ต่างมีห้องเรียนในความดูแลกันคนละห้อง การสอนของสองสาวต่างกันลิบลับ แคชฟียาสอนแบบเข้มงวด ส่วนห้องเรียนของมิเชลล์เต็มไปด้วยความสนุกสนาน ทำให้เด็กๆมีความสุข การเรียนพลอยลื่นไหลไปด้วย...
ขณะที่นักเรียนของมิเชลล์ก้าวหน้าไปกับการเรียน นักเรียนของแคชฟียากลับไม่ได้อะไรมากนัก เพราะมัวแต่กลัวครูจนไม่เป็นอันทำอะไร แคชฟียาหงุดหงิดมากที่นักเรียนไม่ได้ดังใจ หาทางระบายด้วยการชวนมิเชลล์ไปช็อปปิ้ง กว้านซื้อของแทบจะหมดทุกร้าน แต่ก็ไม่ได้ช่วยให้อารมณ์ดีขึ้น มิเชลล์รู้นิสัยเพื่อนรักดีว่าต้องมีอะไรมากกว่าเรื่องนักเรียน จึงถามตรงๆว่าอารมณ์บูดเรื่องอะไรกันแน่
“ฉันยอมรับว่าอารมณ์ไม่ดี หงุดหงิดไม่สบายใจเพราะโรแบร์ยังไม่ติดต่อมา ฉันไม่รู้เขาอยู่ที่ไหน”
ooooooo
ในที่สุดโรแบร์เดินทางมาถึงเมืองเกซาห์ แคช-ฟียาดีใจเนื้อเต้นที่จะได้เจอชายคนรัก เนื่องจากประเพณี เคร่งครัด ทำให้ต้องหนีบมิเชลล์ไปด้วยเพราะเธอเป็นต่างชาติคุยกับผู้ชายในที่สาธารณะได้ แคชฟียาใช้เพื่อนเป็นฉากบังหน้า โดยให้เธอทำท่าชี้ชวนโรแบร์ชม ตลาด แต่ความจริงแล้วเขากำลังพูดคุยอยู่กับแคชฟียา
“ผมได้งานที่บริษัทบ่อน้ำมันในเมืองนี้ ผมทำตามสัญญาแล้วนะแคชฟี่”
“โรแบร์ คุณช่างดีเหลือเกิน...ฉันอยากกอดคุณ อยากจูบคุณสักร้อยหน ฉันอยากให้ตัวคุณแนบสนิทกับตัวฉัน ให้คุณกอดฉัน รักฉันโอ...โรแบร์ ฉันปรารถนาในตัวคุณเหลือเกิน”
โรแบร์ต้องเตือนหญิงคนรัก จะพูดอะไรให้เกรงใจมิเชลล์บ้าง เธอกลับไม่สนใจ เขาต้องรีบตัดบทจะขอไปพบพ่อกับแม่ของแคชฟียาเพื่อคุยเรื่องของเรา เธอร้องห้ามเสียงหลง ขืนทำอย่างนั้นจะเป็นอันตรายต่อเราทั้งคู่
“แล้วเราต้องลักลอบเจอกันอยู่อย่างนี้ตลอดไปหรือ”
“ไม่หรอกโรแบร์ ฉันต้องหาทางออกให้ได้ ฉันมีเงินในธนาคารสวิสมากมาย เราจะไปไหนก็ได้ทุกแห่งในโลกนี้” คำพูดของแคชฟียาทำให้มิเชลล์ใจหาย นึกถึงโรงเรียนสอนภาษาขึ้นมาทันที...
เมื่อกลับถึงคฤหาสน์ มิเชลล์ไม่รอช้าถามแคชฟียา ว่า จะย้ายไปอยู่สวิสเซอร์แลนด์จริงหรือ แล้วโรงเรียนสอนภาษาจะทำอย่างไร จะทิ้งไปง่ายๆแบบนี้หรือ แคชฟียาไม่อยากคิดเรื่องอื่นให้รกสมอง ขอแค่ให้ได้เจอหน้าโรแบร์ทุกวันเท่านั้นเป็นพอ แล้วขยับจะไป มิเชลล์เรียกไว้
“แคชฟี่ เธอจ้างฉันมาเป็นครูโดยฉันรับเงินโดยตรงจากคุณพ่อเธอ ฉันไม่สบายใจเลยที่ต้องมารู้เห็นเป็นใจกับเรื่องไม่สมควรแบบนี้”
“ไม่สมควรยังไง นี่ถ้าเป็นปารีสนะ ฉันจะไปค้างกับเขาก็ได้” แคชฟียาเสียงเขียว มิเชลล์ติงว่า ที่นี่ไม่ใช่ปารีส จะทำอะไรต้องคิดให้ดีก่อน จะเอาเกียรติของพ่อแม่ไปแลกกับความรัก แคชฟียาไม่พอใจที่เธอบังอาจมาสั่งสอน ถ้าตนคิดจะไปกับโรแบร์จริงๆ ก็ไม่มีใครห้ามได้ และถ้าได้แต่งงงานกัน เราสองคนจะไปอยู่ปารีส แล้วทำท่าจะกลับห้อง มิเชลล์ขวางไว้ ขอร้องอย่าเพิ่งล้มเลิกความฝันที่จะสอนภาษาให้เด็กๆ
“เอ๊ะประหลาดจริง ฉันไม่อยู่แล้วไม่ได้ยินหรือ ฉันจะไม่อยู่แล้ว” แคชฟียาเน้นทีละคำอย่างมีอารมณ์ มิเชลล์ดึงแขนไว้ไม่ให้ไป เธอผลักเต็มแรงจนหงายหลังก้นกระแทกพื้น แล้วจากไปอย่างไม่ไยดี
ooooooo
มิเชลล์ยังคงสอนหนังสือตามปกติ แต่ต้องคอยมองไปหน้าห้องเรียนตลอด กลัวแคชฟียาจะเข้ามาอาละวาด ขณะกำลังหัดเขียนภาษาฝรั่งเศส นักเรียนห้องแคชฟียามาแอบมองที่ประตูห้อง มิเชลล์สงสาร พยักหน้า เป็นเชิงอนุญาตให้เข้ามาเรียนหนังสือด้วยกัน เด็กต่างส่งเสียงเฮลั่นด้วยความดีใจ...
แม้จะมีเรื่องถกเถียงกัน แต่มิเชลล์ยังคงยอมให้แคชฟียาใช้เป็นเครื่องมือบังหน้าเพื่อออกไปพบโรแบร์เป็นประจำ คืนนี้ก็เช่นกัน มิเชลล์อยู่ตรงกลางโดยมีแคชฟียาซึ่งอยู่ในชุดเสื้อคลุมผ้าโปร่งสีดำปิดทั้งตัวและโรแบร์ขนาบข้าง พอเห็นมีคนมอง แคชฟีย่าสั่งให้โรแบร์จับมือมิเชลล์ไว้ ทำเหมือนเป็นคู่รักกัน
จังหวะนั้นมีเสียงร้องเรียกแคชฟียาดังขึ้นจากด้านหลัง เธอหันมองตามเสียง เห็นน้าสาวโบกมือให้ รีบเดินไปหาเพื่อไม่ให้มีพิรุธ โรแบร์ยังคงจับมือมิเชลล์ไว้ไม่ยอมปล่อย แถมส่งสายตาหวานซึ้งมาให้ เธอต้องขอร้อง เขาถึงยอมปล่อยมือ โรแบร์สบช่องสารภาพให้เธอรู้ว่าแอบมีใจให้ มิเชลล์ไม่สบายใจมาก ห้ามเขาพูดแบบนี้อีก...
การออกไปพบโรแบร์ทุกคืนทำให้พ่อของแคชฟียาสงสัย เริ่มซักโน่นถามนี่ แคชฟียากลับโยนบาปมาให้เพื่อน อ้างว่าเธอเป็นฝ่ายอยากออกไปเที่ยว ตนก็เลยต้องไปเป็นเพื่อน พ่อของแคชฟียาถามมิเชลล์ว่ามีคู่รักหรือถึงได้ออกไปข้างนอกบ่อยๆ เธอจำต้องโกหกว่าใช่
“เราไม่ชอบหรอกนะ แต่เผอิญเธอไม่ใช่คนในปกครองของฉัน ไม่เป็นไร แต่อย่าชักชวนให้แคชฟียาทำอย่างเธอเป็นอันขาด เราพอจะเข้าใจธรรมเนียมของผู้หญิงตะวันตกอยู่หรอก พวกเธอเรียกอิสระ พวกเราเรียกสำส่อน”
มิเชลล์แทบจะกลั้นใจตายด้วยความอับอายให้รู้แล้วรู้รอดไป
ooooooo
ทั้งที่พยายามระวังตัวแจไม่ให้ใกล้ชิดโรแบร์เกินไป แต่ก็เกิดเรื่องขึ้นจนได้ คืนหนึ่งขณะที่มิเชลล์และแคชฟียามาหาโรแบร์เหมือนเช่นเคย เจอหญิงชาวบ้านคนหนึ่งถูกมัดติดกับเสาประจานไว้ตรงลานหน้าตลาดฐานมีชู้ ผู้คนที่ผ่านไปมาพากันเอาก้อนอิฐปาใส่ หินก้อนหนึ่งถูกหัวเธอแตกเลือดไหลอาบ
มิเชลล์ทนดูไม่ได้จะเข้าไปช่วย โรแบร์คว้าตัวไว้ แต่เธอดิ้นรนไม่ยอมให้จับ เขาจึงต้องกอดเอาไว้ แคชฟียาหึงหวงกระชากเพื่อนออกจากคนรัก แล้วผลักสุดแรงจนหงายหลัง มิเชลล์ตัดพ้อทำไมต้องทำรุนแรงขนาดนี้ เธอไม่ตอบ เดินหน้าหงิกออกมา จนกระทั่งถึงร้านขายของ เห็นมือข้างหนึ่งถูกแขวนเลือดกรังไว้ที่เสาหน้าร้าน
“มือไอ้หัวขโมย มันขโมยของในร้านแน่ๆ เลยถูกตัดมือประจาน” แคชฟียาชี้ให้ดูประกอบคำพูด มิเชลล์กลัวไม่กล้ามอง แคชฟียาจับหน้าเธอบังคับให้หันมาดูพลางหัวเราะลั่น “มองสิ...มอง ใครที่เป็นหัวขโมย ไม่ว่าจะขโมยอะไร ต้องเป็นอย่างนี้ทุกคนจำไว้”
มิเชลล์สวนทันที พูดแบบนี้หมายความว่าอย่างไร ความหึงหวงทำให้แคชฟียาพูดจาไม่ดีกับเพื่อนรักจนโรแบร์ ต้องปราม เธอกลับหาว่าเขาออกรับแทนมิเชลล์ เขาต้อง
กล่อมอยู่พักใหญ่กว่าแคชฟียาจะเย็นลง...
เหตุการณ์ที่เกิดขึ้นตอนหัวค่ำทำให้มิเชลล์ไม่สบายใจมาก จนเก็บเอาไปฝันว่าเดินหลงทางอยู่กลางทะเลทราย พลันมีมือมากมายโผล่ขึ้นมาจากพื้นฉุดขาไว้ เธอก้มมอง เห็นซากกระดูกมนุษย์ขาวโพลนไปทั่ว ถึงกับกรีดร้องด้วยความตกใจ แคชฟียาเดินเข้ามาหา แทนที่จะช่วยเหลือกลับผลักมิเชลล์ล้มลงไปหามือเหล่านั้น
“แคชฟี่ ทำไม...ทำกับฉันอย่างนี้ ช่วยด้วยๆๆ”
ชายลึกลับในผ้าคลุมสีดำลอยเข้ามาช่วยดึงมือมิเชลล์ไว้ โรแบร์มาจากไหนไม่รู้ กระชากเธอไปจากอ้อมกอดเขา ทั้งคู่ยื้อแย่งหญิงสาวไปมา สุดท้ายเธอหล่นโครมลงไปบนกองกระดูก มิเชลล์กรีดร้องสุดเสียง สะดุ้งตื่นหอบเหนื่อยเหงื่อท่วมตัว อดแปลกใจไม่ได้ทำไมชายลึกลับคนนั้นถึงมาเฉพาะในความฝัน
ooooooo
เช้าวันรุ่งขึ้น องค์อาหเม็ดเจ้าผู้ครองนครฮิลฟารากลับจากตรวจราชการเข้ามาในท้องพระโรง เหล่าทหารน้อยใหญ่ต่างทำความเคารพอย่างพร้อมเพรียงกัน แต่ไม่เห็นเจ้าชายโอมานพระอนุชาต่างพระมารดาอยู่ด้วย จึงหันไปสบตากับพันเอกนายแพทย์ชารีฟอัลฟารัซ หัวหน้าราชองครักษ์อย่างรู้กัน ก่อนจะทำท่าร่าเริง
“ตามมาชารีฟ เราอยากรู้เรื่องนางคนสวยที่เกซาห์”
ชารีฟคำนับ แล้วเดินตามองค์อาหเม็ดไปยังห้องทรงงาน...
หลังจากได้ฟังประวัติคร่าวๆ ของแคชฟียาว่าทั้งสวย การศึกษาดีเรียนจบจากปารีส ฐานะทางบ้านมั่งคั่งตั้งใจจะมาเปิดโรงเรียนสอนภาษาฝรั่งเศสในบ้าน องค์อาหเม็ดสนใจในตัวเธอมาก สั่งให้ชารีฟไปจัดการทาบทามเธอให้มาเป็นนางสนม เขาไม่รอช้าจัดเจ้าหน้าที่ชั้นผู้ใหญ่ไปเจรจากับพ่อแม่ของแคชฟียาทันที...
ฝ่ายแคชฟียารู้เรื่องการทาบทามถึงกับโวยวายใส่พ่อกับแม่ลั่น แม่ของเธอกลัวฤทธิ์เดชลูกสาว ถอยห่างออกมา แล้วโยนให้พ่อทำหน้าที่กล่อมลูกแทน เขากลับลุกหนีอ้างว่าเรื่องออกเรือนเป็นหน้าที่ของแม่ซึ่งจำต้องข่มความกลัว เกลี้ยกล่อมให้แคชฟียาตกลงใจไปเป็นสนมขององค์อาหเม็ด
หญิงสาวยืนกรานจะไม่มีวันยอมเป็นนกในกรงทองเด็ดขาด แล้วพกอารมณ์บูดไปลงกับมิเชลล์และเด็กนักเรียน สั่งให้เลิกชั้นเรียน ทั้งๆที่ยังไม่หมดเวลา เด็กๆกลัวลนลานวิ่งกรูออกจากห้องแทบไม่ทัน มิเชลล์ยังไม่ทันจะอ้าปากทักท้วง แคชฟี่ชิงพูดขึ้นเสียก่อน
“มิเชลล์ไปเตรียมตัว ฉันต้องไปพบโรแบร์ให้ได้”...
ครู่ต่อมา แคชฟียาและมิเชลล์มาถึงหน้าร้านขายของ เห็นโรแบร์กำลังบ่ายหน้ามาทางพวกตน ขณะสองสาวกำลังจะเดินไปหาเขา ญาติของแคชฟียาร้องเรียกเสียก่อน แคชฟียาจำต้องปล่อยให้มิเชลล์ไปหาโรแบร์เพียงลำพัง เขาไม่ปล่อยโอกาสให้หลุดลอย สารภาพความในใจที่มีต่อมิเชลล์อีกครั้งหนึ่ง อ้างว่าเพิ่งรู้ตัวว่าหลงรักเธอหมดหัวใจ ชื่นชมในความคิดและความมุ่งมั่นของเธอ
“แล้วแคชฟี่ล่ะ คุณจะเอาแคชฟี่ไปไว้ที่ไหน คุณจะบอกเธอยังไง” มิเชลล์เตือนสติ
“คุณก็รู้ว่าผมกับแคชฟี่เข้ากันไม่ได้ เมื่อแคชฟี่อยู่ปารีส เธอน่ารัก แต่อยู่ที่นี่เธอเจ้าอารมณ์ ชอบใช้อำนาจผมต้องการภรรยาที่มีความคิดว่าสามีภรรยาต้องเท่ากัน”
มิเชลล์เห็นใจโรแบร์ เพราะรู้แก่ใจดีว่าเพื่อนรักเปลี่ยนไปจริงๆ ชายหนุ่มแตะมือเธอเบาๆมองด้วยสายตาลึกซึ้งจนเธอเผลอตัวปล่อยให้เขาแตะมือค้างไว้โดยไม่ล่วงรู้ว่าแคชฟียาแอบมองจากมุมมืดอย่างแค้นใจ...
แคชฟียาเก็บความแค้นที่แน่นอกมาระบายที่บ้าน กวาดเครื่องแก้วเจียระไนของเก่าแก่ประเมินค่าไม่ได้ตกแตกกระจาย ติเยาะหญิงรับใช้เข้ามาเห็นพอดี ตกใจร้องว้ายเบาๆ แล้วรีบเอามือปิดปาก แคชฟียาหันขวับมาถามว่ามีอะไร ติเยาะแจ้งว่านายท่านให้มาตามไปพบ แคชฟียาขอบใจเธอ แล้วเดินยิ้มแย้มออกไปเหมือนไม่มีอะไรเกิดขึ้น ติเยาะถอนใจเฮือก โล่งใจที่ไม่โดนเล่นงาน
ooooooo
ตั้งแต่โรแบร์ได้คุยเปิดอกกับมิเชลล์คราวนั้น ก็ไม่ได้เจอหน้าเธออีกเลย ไปยืนรอที่เก่าเวลาเดิมอยู่หลายวันก็ไม่เห็นแต่เงาของมิเชลล์หรือแคชฟียา เขาทนไม่ไหวตัดสินใจเขียนจดหมายฝากให้อาหมัดเด็กชายตัวน้อยลูกของติเยาะเอาจดหมายไปให้มิเชลล์ แต่ถูกแคชฟียาจับได้เสียก่อน
อาหมัดไม่ยอมให้จดหมาย จึงถูกแคชฟียาตบตีจนเลือดกำเดาไหลแล้วแย่งมันไปอ่าน ก่อนจะขยำทิ้งด้วยความแค้น อาหมัดเก็บจดหมายยับยู่ยี่ไปส่งให้มิเชลล์ซึ่งพยายามซักถามว่าไปโดนใครทำร้ายมา เด็กน้อยยัดจดหมายใส่มือเธอแล้วจ้ำพรวดๆจากไปไม่ยอมบอกอะไร มิเชลล์เปิดจดหมายออกอ่าน
“ผมคอยคุณอยู่ มิเชลล์ มีเรื่องสำคัญมาก ถ้าคุณไม่ออกมาพบ ผมจะบุกถึงในบ้านแคชฟี่...โรแบร์”
มิเชลล์พับจดหมายเก็บ แล้วรีบแต่งตัวออกไปทันที ไม่ทันสังเกตเห็นแคชฟียามองลงมาจากระเบียงบ้าน
“มันร่วมมือกันทรยศฉัน มันสองคนลืมแล้วว่าโจรขโมยของในร้านยังถูกตัดมือประจาน มิเชลล์แกขโมยหัวใจของฉันทั้งดวง ต้องแลกด้วยอะไร” แคชฟียาเข่นเขี้ยวอย่างเคียดแค้น...
ขณะติเยาะกำลังทายาและซักถามลูกชายว่าไปเล่นซุกซนอะไรมาถึงได้มีสภาพแบบนี้ แคชฟียาเดินเข้ามาหา อาหมัดรีบไปแอบหลังแม่ กลัวตัวสั่น เจ้านายสาวสั่งห้ามเด็กน้อยปากสว่าง ไม่เช่นนั้นจะโดนทำโทษหนักกว่านี้อีก ติเยาะตัดพ้อทำไมต้องทำร้ายกันถึงขนาดนี้ แคชฟียาสั่งให้เธอดูในกระเป๋ากางเกงอาหมัด ติเยาะหยิบเงินในกระเป๋าลูกชายออกมาดูด้วยสีหน้าหม่นหมอง
“ความเจ็บปวดของลูกฉันไม่ขายเป็นเงินนะคะ คุณซื้อไม่ได้หรอก” ติเยาะยื่นเงินให้ แคชฟียาฉวยเงินคืนแล้วด่าว่าเธอต่างๆนานา ก่อนจะเดินกระแทกเท้าออกไป ติเยาะกอดลูกร้องไห้โฮ...
ทางด้านมิเชลล์ไปพบโรแบร์ที่ห้องอาหารในโรงแรมตามนัด เธอไม่รอช้าพูดเข้าประเด็นว่าคิดกับเขาแค่เพื่อนคนหนึ่งเท่านั้น โรแบร์จับมือเธอมากุมไว้ พยายามหว่านล้อมให้เธอตระหนักว่าเราสองคนเหมือนกันแค่ไหน ถ้าอยู่ด้วยกันจะต้องมีความสุข มิเชลล์ยืนยันคำเดิม และจะไม่ขอพบเขาอีก แล้วบีบมือตอบปลอบใจ
จังหวะนั้น ชารีฟเดินนำคณะทหารเข้ามาในร้าน พลางสอดส่ายสายตาหาคนที่นัดแนะไว้ ก่อนจะชะงักเมื่อเห็นมิเชลล์กับโรแบร์นั่งจับมือกัน หญิงสาวเงยหน้าขึ้นมองเขาพอดี สายตาคู่นั้นของชารีฟทำให้เธอเกือบลืมหายใจ เขาคือชายลึกลับในฝันคนนั้น มิเชลล์ลุกพรวด ต่างฝ่ายต่างมองกันอยู่อึดใจ ก่อนชารีฟจะเดินเลยเข้าไปนั่งโต๊ะด้านในสุดของร้าน หญิงสาวตั้งสติได้ ทรุดตัวลงนั่งอย่างเดิม ใจสั่นมือสั่นไปหมด
“ใครคะโรแบร์ ผู้ชายคนนั้น”
“ราชองครักษ์ขององค์อาหเม็ด เป็นที่ไว้ใจของพระองค์ที่สุด ชื่อพันเอกนายแพทย์ ชารีฟ มีอะไรหรือ”
“เปล่า ไม่มีอะไร ฉันอยากกลับ ป่านนี้แคชฟี่อาจถามถึงฉันอยู่ก็ได้” มิเชลล์เห็นชารีฟยังคงจ้องมองมา
โรแบร์มองเธอด้วยสายตาปวดร้าว “ผมจะไม่ลืมว่าครั้งหนึ่งในชีวิต ได้พบผู้หญิงที่งามทั้งกายทั้งใจ ผมขอให้คุณพบกับคนที่รักคุณอย่างแท้จริง คนที่ทำให้คุณรักเขา คนที่จะคุ้มครองให้คุณมีความสุขตลอดไป ผมจะไม่ลืมคุณเลย มิเชลล์” คำพูดของโรแบร์ทำให้มิเชลล์อ่อนไหว แตะมือเขาที่วางบนโต๊ะอีกครั้งเพื่อปลอบใจ
เป็นจังหวะเดียวกับชารีฟเดินนำคณะทหารออกมาพอดี เขาชะงักอีกครั้งที่ยังเห็นทั้งคู่ยังจับมือกัน มิเชลล์เงยหน้าขึ้นมาเจอสายตาคมดุจเหยี่ยวของชารีฟรู้สึกหวั่นไหวอย่างบอกไม่ถูก รีบชักมือกลับ ขณะที่ชารีฟเดินผ่านโต๊ะของโรแบร์ ผ้าคลุมสีดำของเขาละมือมิเชลล์ที่จับอยู่ตรงพนักเก้าอี้ เธอถึงกับตัวแข็งทื่อ
ooooooo
อ่านละคร ฟ้าจรดทราย ตอนที่ 1 วันที่ 6 ส.ค. 56
ละครฟ้าจรดทราย ประพันธ์โดย โสภาค สุวรรณละครฟ้าจรดทราย บทโทรทัศน์โดย ศัลยา สุขะนิวัตต์
ละครฟ้าจรดทราย กำกับการแสดงโดย สยาม สังวริบุตร
ละครฟ้าจรดทราย ผลิตโดย ค่าย ดาราวิดีโอ
ละครฟ้าจรดทราย ออกอากาศทุกวันจันทร์ และวันอังคาร เวลา 20.30 น. ทางช่อง 7 สี
ละครฟ้าจรดทราย เริ่มตอนแรกวันจันทร์ที่ 12 สิงหาคม 2556
ที่มา ไทยรัฐ