อ่านละคร ฟ้าจรดทราย ตอนที่ 6 วันที่ 23 ส.ค. 56
ชารีฟเห็นองค์อาหเม็ด อ้าปากจะพูดบางอย่างแต่พระองค์ขยิบตาห้ามไว้ แล้วสั่งให้ทหารพาติเยาะกับอาลีออกไปจากกระโจม ทันทีที่สองพี่น้องเบดูอินพ้นสายตา ชารีฟถลาเข้าไปทรุดลงแทบเท้าองค์อาหเม็ด เจ้าชายอับดุลลาทำสัญญาณให้เหล่าทหารรักษาการณ์ที่ขยับจะเข้ามาปกป้อง พระองค์ถอยออกไป“องค์อาหเม็ด โอ...ข้าพระองค์ไม่เชื่อสายตาตัวเองว่าที่ประทับอยู่นี่คือพระองค์... พระองค์ยังทรงพระชนม์ชีพอยู่” ชารีฟน้ำตาคลอ องค์อาหเม็ดวางมือบนไหล่ราชองครักษ์คนสนิท
“ข้าพระองค์หนีเอาตัวรอด โทษครั้งนี้ใหญ่หลวงนัก อย่าอภัยเลยนะพระเจ้าข้า”
“หยุดพูดได้แล้วชารีฟ เราเข้าใจทุกอย่าง เจ้าคงสงสัยใช่ไหมว่าทำไมเราถึงไม่ตาย ถามนายพลมุสกัตสิ”
นาย พลมุสกัตเล่าให้ชารีฟฟังว่าตนหลบเข้าทางลัดถึงห้องบรรทมขององค์อาหเม็ด แล้วพาพระองค์ออกมาจากวังหลวงโดยทางลัดนั้นเช่นกัน องค์อาหเม็ดนึกถึงมิเชลล์ขึ้นมาได้ ถามว่ามากับชารีฟหรือเปล่า ราชองครักษ์หนุ่มถึงกับสะดุ้ง ตอบไม่เต็มปากเต็มคำว่ามาด้วย
“ดีมากที่เจ้าคุ้มครองนางที่กำลังจะเป็นสนมของเราให้รอดปลอดภัยมาจนถึงมือเรา...นายพลมุสกัต
พา พันเอกชารีฟราชองครักษ์ของเราไปแต่งกายให้เหมาะสม แต่อย่าโกนหนวดเคราทิ้งให้เก็บไว้ อย่าลืมเสียล่ะ...อ้อ ชารีฟ เราจะให้เจ้าหน้าที่ฝ่ายในรับตัวมาดมัวแซลล์ เดอลาโรนีส์ มารักษาให้หายวันหายคืน เราจะคอยดูสิว่านางยังคงจะสวยงามเหมือนที่เราพบนางที่ฮิลฟาราหรือเปล่า”
ชา รีฟได้แต่ก้มหน้ารับคำเบาๆ องค์อาหเม็ดประกาศให้ทราบทั่วกันว่าชารีฟเป็นญาติของพระองค์ มีกำเนิดมาจากเชื้อพระวงศ์แห่งฮิลฟารา การแต่งงานของเขากับมิเชลล์ต้องทำให้สมเกียรติ พิธีจะจัดขึ้นที่ฮิลฟารา ในนามของพระองค์ ชารีฟยิ้มออก คำนับองค์อาหเม็ดด้วยความซาบซึ้งใจ พระองค์ตบไหล่เขาเบาๆ พลางกระซิบ
“เรายินดีด้วย แม้จะอดอิจฉาไม่ได้ว่าเจ้าได้เมียสวยหยาดฟ้ามาดินเช่นนั้น” แล้วประกาศเสียงดังฟังชัดว่า “พิธีแต่งงานอย่างยิ่งใหญ่ที่สุดจะจัดขึ้นที่ฮิลฟาราเมื่อถึงเวลานั้น เราคิดว่าเจ้าชายโอมานผู้ทรยศต่อราชวงศ์จะไม่มีชีวิตอยู่แล้ว” สิ้นเสียงประกาศ ทุกคนที่อยู่ในกระโจมต่างส่งเสียงโห่ร้องอย่างกึกก้อง...
ในขณะที่ชารีฟได้พบกับองค์อาหเม็ดอย่าง
ไม่ คาดคิดมาก่อน ที่ท้องพระโรงภายในวังหลวงแห่งเมืองฮิลฟารา เหล่านายทหารชั้นผู้ใหญ่เสนอให้องค์โอมานพักงานชั่วคราวเพื่อเข้ารับการ ผ่าตัดโรคเฮอเนียหรือโรคไส้เลื่อนให้หายก่อน แล้วจึงกลับมาทำงานใหม่ แต่พระองค์ไม่ยอม
“เรายังไม่เป็นอะไร ยังไม่ผ่าตัด ไม่ต้องมองหน้ากัน...เรายังไม่ผ่าตัดจำไว้” องค์โอมานตะคอก ก่อนจะเดินอย่างไม่สบอารมณ์กลับห้องสำราญ ซาอิ๊บเป็นห่วง
ตามมา ขอร้องให้ทบทวนอีกครั้งหนึ่ง พระองค์อ้างว่ายังไม่พร้อมจะเข้าผ่าตัด นายทหารคนสนิทกลับบอกว่าตัวเองพร้อมแล้ว องค์โอมานหันขวับจะเอาเรื่อง
“เจ้าหมายความว่าอย่างไร”
“ข้า พระองค์กับเพื่อนนายทหารที่เป็นข้าทูลละอองบาทพร้อมใจกันถวายคำสัตย์ว่าจะ จงรักภักดีไปจนกว่าชีวิตจะหาไม่ ถ้า...พระองค์ยอมผ่าตัด บัลลังก์ของพระองค์ยังไม่แข็งแรง พระองค์ต้องยอมรับนะพระเจ้าข้าว่า องค์อาหเม็ดหายไป นายพลมุสกัตยังคอยจ้อง ไอ้ชารีฟ
ก็ไม่รู้ว่าหนีไปไหน ในเมื่อราชบัลลังก์ยังไม่แข็งแรงก็ควรจะทำพระวรกายของพระองค์ให้แข็งแรงไว้พระเจ้าข้า”
ooooooo
นาย พลมุสกัตทักท้วงเมื่อทราบว่าองค์อาหเม็ดจะนำตัวมิเชลล์มาไว้ในฮาเร็มของ พระองค์ เพราะรู้ดีว่าชารีฟคงไม่ยอม เนื่องจากทั้งคู่เป็นสามีภรรยากันแล้ว
“หญิง และชายจะได้ชื่อว่าเป็นสามีภรรยากันนั้นต้องผ่านพิธีการทางศาสนาและการ รับรองจากอิหม่ามชารีฟเป็นญาติของเรา มีกำเนิดมาจากเชื้อพระวงศ์แห่งฮิลฟารา การแต่งงานต้องทำให้สมเกียรติ จัดขึ้นที่ฮิลฟาราในนามของอาหเม็ดที่สาม”
“จะบอกพันเอกชารีฟอย่างไร ถ้าเขาถามถึงภรรยา...เอ้อ...ถามถึงนาง”
“บอก ว่านางจะอยู่ในฮาเร็มจนกว่าเราจะได้อำนาจมาอยู่ในมือ แล้วเราจะจัดพิธีแต่งงานให้” องค์อาหเม็ดเห็นนายพลมุสกัตนิ่วหน้าด้วยความสงสัย จึงอธิบายว่า “ผู้หญิงคนนี้ คนที่เดินทางจากเกซาห์มาถึงฮิลฟาราในฤกษ์ดีที่ตามคำทำนายจะมีลูกชาย 6 คน ใช่หรือไม่ ถึงแม้ว่าพ่อของเด็กชาย 6 คนนั้นจะไม่ใช่เรา แต่เป็นญาติสนิทของเรา เรายินดีกับเขาอย่างจริงใจ”
“ข้าพระองค์ขอไป บอกเรื่องนี้ให้พันเอกชารีฟทราบก่อนพระเจ้าข้า” นายพลมุสกัตทำความเคารพแล้วรีบสาวเท้าออกไป ครู่ต่อมาก็มาถึงกระโจมที่พักแห่งใหม่ของชารีฟ แจ้งให้เขาทราบว่าองค์อาหเม็ดสั่งให้นำ
มิเชลล์ไปรักษาตัวที่กระโจม ของพระชายาไม่ต้องอยู่ที่กระโจมของพวกเบดูอินอีกต่อไป ชารีฟไม่เข้าใจทำไมเธอถึงมารักษาตัวที่กระโจมของตนไม่ได้ นายพลมุสกัตอ้างว่าพระชายารับสั่งว่าที่กระโจมฝ่ายในมีทั้งยาและนางกำนัลคอย ดูแล ชายหนุ่มจะขอดูแลมิเชลล์เอง ให้ทางนั้นส่งยามาให้ก็แล้วกัน นายพลมุสกัตยืนกรานว่ามีคำสั่งมาแล้ว
“ล้มเลิกได้ ท่านทูลพระชายาแล้วกัน”
“โธ่เอ๊ย ท่านราชองครักษ์” นายพลมุสกัตถอนใจหนักใจ
ชารีฟขอร้องไม่ให้เรียกอย่างนี้อีก ตนไม่ได้เป็นและไม่ปรารถนาจะเป็นราชองครักษ์อีกต่อไป นายพล
มุ สกัตตำหนิว่าทำแบบนี้ไม่มีเหตุผล ชารีฟย้อนถามถ้าเป็นเขาบ้างจะรู้สึกอย่างไร เมียเจ็บป่วยทั้งทีแทนที่จะให้ผัวได้อยู่ดูแลใกล้ชิด กลับถูกพรากไปที่อื่น นายพล
มุสกัตขี้เกียจเถียงด้วย ตอนนี้ชารีฟคงทำอะไรไม่ได้แล้ว พวกนางกำนัลคงพามิเชลล์ไปยังกระโจมฝ่ายในแล้ว ชายหนุ่มวิ่งหน้าตั้งไปที่กระโจมพวกเบดูอิน แต่สายเกินไป...
ในเวลา ต่อมา มิเชลล์ซึ่งนอนหมดเรี่ยวแรงอยู่ในเปล มาถึงกระโจมที่พักของพระชายาในองค์อาหเม็ดพระชายาอดชมไม่ได้ว่าเธอยังคง งดงามแม้ในยามป่วยหนัก องค์อาหเม็ดคงจะเสียดายเธอมาก นางกำนัลมองพระชายาอย่างเห็นใจ
“อย่ามองเราอย่างนั้น เราไม่คิดเสียใจอะไรอีกแล้ว ที่องค์อาหเม็ดจะมีสนมอีกสักกี่คน เรานิ่งแล้วเหตุการณ์ที่ทำให้เราต้องเร่ร่อนหนีตายมาอยู่ตรงนี้ ทำให้เรารู้ได้ว่า อะไรจะเกิดก็ต้องเกิด อย่าได้คิดห้ามใครให้หยุดทำอะไร...ห้ามไม่ได้” พระชายาพูดอย่างคนปลงตก จังหวะนั้นนางกำนัลอีกคนหนึ่งนำยาสมุนไพรมาถวาย
“น้ำยาแผนโบราณใช่ไหม นี่ล่ะจะทำให้นางแข็งแรงขึ้นจนพวกเจ้าแทบไม่เชื่อสายตาทีเดียว”...
ยิ่ง ได้เห็นมิเชลล์เช็ดเนื้อเช็ดตัวอยู่ในอาภรณ์ที่สะอาดสะอ้านยิ่งขับความงดงาม ให้ประจักษ์แก่สายตาพระชายาถึงกับหันไปชมกับนางกำนัลที่คอยดูแลมิเชลล์ว่า เธอสวยสมบูรณ์แบบจริงๆ
“นางเป็นภรรยาของชารีฟหรือ”
“เพคะ ลือกันว่าไม่ได้แต่งงาน แต่เป็นสามีภรรยากันตั้งแต่อยู่ทะเลทราย”
มิ เชลล์ค่อยๆลืมตาขึ้น พระชายาถามว่าเป็นอย่างไรบ้างสบายดีขึ้นหรือยัง เธอยังเห็นทุกอย่างหมุนได้อยู่ แล้วมองด้วยสายตาเป็นเชิงถามว่าท่านเป็นใคร
“เรา...พระ ชายาแห่งองค์อาหเม็ดที่สาม ขอต้อนรับเธอ ถึงแม้เราจะไม่รู้จักว่าเธอเป็นใคร พ่อแม่เป็นใคร แต่เธอมาอยู่ที่นี่โดยคำบัญชาขององค์อาหเม็ด จงอยู่ที่นี่ให้สบาย” พระชายาว่าแล้วหันไปหยิบของ
ฟาราห์นางกำนัล ถามท่านว่าเราจะอยู่ที่โอเอซิสแห่งนี้ไปตลอดชีวิตหรือ พระชายาเอ็ดว่าอย่าปากเสีย พูดแบบนี้เท่ากับดูหมิ่นองค์อาหเม็ดอย่างไม่น่าให้อภัย ฟาราห์รีบหมอบลงกับพื้นอย่างสำนึกผิด
“องค์อาหเม็ดไม่มีวันให้โอมานรังแกประชาชนของพระองค์ พระองค์ทรงทำอะไรหลายอย่างที่จะเอาฮิลฟาราคืนมา แล้วยิ่งตอนนี้ชารีฟอยู่กับเรา เขาคือความหวังสำคัญ เรารู้ว่าเขาต้องเอาฮิลฟารากลับมา แม้ว่าเขาต้องตาย”
มิเชลล์ได้ยินทุกคำพูด ค่อยๆยันตัวเดินเซไปหาพระชายา เอื้อมมือจะถึงตัวอยู่แล้ว แต่หมดแรงทรุดลงไปกับพื้นเสียก่อน ท่านหันมาเห็นก็ตกใจ มิเชลล์ปล่อยโฮกลัวชารีฟจะตายเหมือนที่พระชายาพูดเมื่อครู่
“เจ้ากลัวก็ถูก ชารีฟก้าวขาข้างหนึ่งเข้าไปในเขตของความตายแล้ว และเจ้าควรจะรู้และควรจะยอมรับตั้งแต่วันที่เจ้ายอมเป็นภรรยาของเขา ภรรยาของทหาร”
“เพคะ พระชายา หม่อมฉันควรยอมรับเพคะ”
พระชายามองปราดเดียวก็ทราบว่ามิเชลล์ยังทำใจยอมรับไม่ได้ ปลอบว่ามนุษย์ทุกคนเกิดมาต่างมีหน้าที่ต่างกันไป บางคนเป็นแม่ บ้างก็เป็นพ่อ แต่ชารีฟมีหน้าที่ยิ่งใหญ่กว่านั้นมากนัก เขามีหน้าที่ต่อแผ่นดิน
“เจ้าเป็นเมียเขาเท่ากับเจ้ามีหน้าที่ต่อแผ่นดินด้วย วันหนึ่งเมื่อเจ้าตระหนักความจริงข้อนี้ถึงมาบอกเรา ไม่ต้องรีบ ใช้เวลาตรึกตรองนานๆ” พระชายาว่าพลางลูบหัวมิเชลล์ด้วยความสงสาร...
มิเชลล์ใช้เวลาไม่นานนักก็ตระหนักถึงคำพูดของพระชายาได้ รีบเข้าไปทูลว่าพร้อมแล้ว
“เราขออวยพร เจ้าคือผู้หญิงที่จะมีลูกชายหกคนให้ชารีฟ”
มิเชลล์ยิ้มแย้มแจ่มใสตาเป็นประกายด้วยความสุข
ooooooo
เจ้าชายอับดุลลาอดสงสัยไม่ได้ว่าผู้หญิงต่างชาติที่ชื่อมิเชลล์เป็นใครกันแน่ องค์อาหเม็ดเล่าให้ฟังตั้งแต่วันแรกที่เธอมาเข้าเฝ้าจนกระทั่งตอนเกิดกบฏ เจ้าชายอับดุลลายังคาใจ ในเมื่อชารีฟรู้อยู่แล้วว่าพระองค์รับมิเชลล์เป็นพระสนม ทำไมฮุบไว้เสียเอง แม้จะมีข่าวว่าสิ้นพระชนม์ แต่เธอก็เท่ากับเป็นหม้ายตามประเพณี
“หญิงสาวกับชายหนุ่มเหมือนไฟกับน้ำมันใกล้กันมีแต่จะกระพือโหมกำลังให้ร้อนยิ่งขึ้น ต้องชมชารีฟว่าเก่งมากที่จับผู้หญิงคนนี้ได้”
“พระองค์รับสั่งคล้ายกับว่านางผู้นั้นถือตัวนัก”
“ก็เป็นเช่นนั้น โตกับศาสนาและแม่ชี เราได้นางเพราะบังคับแต่ชารีฟจะได้นางเพราะอะไร เราไม่รู้ แต่ก็ไม่อยากรู้นักหรอก” จังหวะนั้นชารีฟมาเข้าเฝ้าพอดี องค์อาหเม็ดบอกแผนการที่เตรียมไว้ให้ฟังเป็นข้อๆว่า ข้อที่หนึ่ง อย่าเอาหนวดเคราออกเด็ดขาด ข้อที่สอง ต้องหัดใช้มีดวงเดือนให้เก่งเทียบเท่ากับองค์โอมาน ซึ่งเก่งที่สุดในฮิลฟาราและสั่งห้ามถามเหตุผลใดๆทั้งสิ้น แค่ทำตามแผนการที่พระองค์วางไว้ก็พอ...
ชารีฟไม่รอช้าลงมือฝึกซ้อมการใช้มีดวงเดือนอย่างตั้งอกตั้งใจ เจ้าชายอับดุลลายังคาใจไม่หาย หันไปถามนายพลมุสกัตว่าเหตุใดองค์อาหเม็ดจำเพาะเจาะจงให้ชารีฟฝึกอาวุธชนิดนี้ ท่านนายพลอธิบายว่าพระองค์อยากให้ชารีฟมีฝีมือทัดเทียมกับองค์โอมาน ซึ่งเป็นมือหนึ่งของอาวุธชนิดนี้ และการนำราชบัลลังก์คืนมา เขาอาจจะต้องเผชิญหน้ากับองค์โอมานไม่วันใดก็วันหนึ่ง...
ขณะที่ชารีฟกำลังขะมักเขม้นอยู่กับการฝึกอาวุธ พระชายาเห็นผมของมิเชลล์สั้นๆยาวๆลักษณะคล้ายถูกหนูแทะจากฝีมือการตัดผมของชารีฟ จึงสั่งให้นางกำนัลไปหากรรไกรมาให้จะลองตัดผมมิเชลล์ดูทั้งๆที่ไม่เคยตัดให้ใครมาก่อน มิเชลล์เชิญพระองค์ตัดตามสบาย หากไม่สวยรอให้ยาวแล้วค่อยตัดใหม่อีกก็ย่อมได้ พระชายาหัวเราะชอบใจ แล้วนึกขึ้นได้รีบปิดปากตัวเอง
“ลืมไปว่าหัวเราะเสียงดังไม่ได้...เอ้า...ตัดล่ะนะ” พระชายาขยับกรรไกรอย่างคล่องแคล่ว ไม่นานก็สำเร็จมิเชลล์ดูจะพอใจผมทรงใหม่ที่พระองค์ตัดให้ ชมไม่หยุดปาก
“ขอบใจ เออ...เราว่าจะถามเจ้าหลายวันแล้วว่าเจ้าคิดจะเรียนภาษาอารบิกบ้างไหมเราจะสอนให้ จะสอนให้ทั้งอ่านและเขียน อยากเขียนอะไรจะได้เขียนไว้อวดน้องชายของเราในวันแต่งงาน ชารีฟจะได้ภูมิใจว่าเจ้าพร้อมที่จะเป็นคนของประเทศนี้ทั้งกายและใจ”
ooooooo
ด้วยความตั้งใจของทั้งครูผู้สอนและนักเรียนทำให้ภาษาอารบิกของมิเชลล์รุดหน้าไปมาก ไม่กี่ชั่วโมงก็สามารถเขียนเป็นประโยคยาวๆได้ มิเชลล์มองฝีมือตัวเองอย่างภูมิใจเช่นเดียวกับพระชายา
“ต่อไปเมื่อชารีฟต้องรับหน้าที่สำคัญที่สุดในรัฐบาลขององค์อาหเม็ด เจ้าจะมีส่วนอย่างมากในการทำงานเคียงคู่น้องชายของเรา”
“หม่อมฉันรอคอยวันนั้นเพคะ”
“เจ้ารู้ไหมมิเชลล์ เมื่อตอนที่เขาลอบเข้าไปบอกในฮาเร็มว่าองค์อาหเม็ดทรงพระกรุณาให้มารับตัวนั้น เราแทบจะเป็นลมเพราะความตื่นเต้นดีใจ คว้าอะไรไม่ถูกเพราะตอนนั้นสิ้นหวัง นึกว่าตายแล้ว เราออกมาโดยทางใต้ดินนะ รอนแรมมาในทะเลทรายจนถึงอานาอิชามันก็ไม่ไกล แต่กลัวพวกโจร น่าขำนะเวลาตกยากนี่น่ะรถยังไม่ได้นั่งเลย เราต้องนั่งอูฐโยกเยกแทบแย่ สนมอื่นๆขององค์อาหเม็ดร้องไห้รำพันจะตามมาด้วย ต้องปลอบกันแทบแย่ว่าไปลำบาก ให้รักษาตัวให้ดี ไม่ช้าหรอกก็จะเสด็จกลับ มันก็เป็นเมียท่านคงรู้สึกเหมือนๆกัน แต่ยามยากคนเป็นเมียหลวงนั่นแหละที่ต้องลำบากตรากตรำอยู่ในกระโจมกลางทะเลทรายอย่างนี้”
“เจ้าหญิงเสด็จพระองค์เดียวแล้วสนมอื่นๆไม่โปรดให้ตามเสด็จหรือเพคะ”
พระชายาคิดว่าพวกนั้นคงไม่กล้าร้องตาม เพราะกลัวเป็นแผนลวงของพวกกบฏ โชคดีที่องค์อาหเม็ดเป็นคนมีเหตุผลไม่เช่นนั้นคงโกรธพวกนั้นน่าดู พระองค์กับชารีฟเหมือนกันตรงที่เป็นคนมีเหตุผลที่สุด...
อีกมุมหนึ่งไม่ห่างจากกระโจมของฝ่ายใน เจ้าชายอับดุลลารายงานข่าวล่าสุดของกษัตริย์โอมานว่ากำลังติดต่อกับประเทศมหาอำนาจประเทศหนึ่งให้ช่วยเหลือด้านอาวุธ องค์อาหเม็ดไม่พอใจเอ็ดตะโรลั่น
“ไม่รู้เลยหรือว่ามีประเทศมหาอำนาจประเทศไหนที่จะช่วยเหลือประเทศเล็กๆ อย่างเรา...ด้านอาวุธเสียด้วย โดยไม่หวังประโยชน์อะไรตอบแทน ไม่รู้เลยหรือว่ามีกี่ประเทศในโลกนี้ที่รับความช่วยเหลือจากประเทศมหาอำนาจแล้วต้องสูญเสียอะไรบ้าง ที่สำคัญที่สุดเกียรติภูมิของประเทศก็แทบจะไม่เหลือ”
“ข้ารู้ดีว่าท่านอาจจะไม่มีวันปล่อยให้ฮิลฟาราต้องตกอยู่ในสภาพอย่างนั้น นํ้ามันที่อัลเลาะห์ประทานมาให้เรา อย่าหวังว่าใครจะขุดไปง่ายๆ”
“ฮิลฟาราต้องยืนบนขาตัวเอง ข้าขอฝากความหวังไว้กับเจ้าและชารีฟ” องค์อาหเม็ดสีหน้าจริงจัง...
ตั้งแต่ถูกพาตัวมาอยู่ฝ่ายใน มิเชลล์ไม่ได้พบหน้าค่าตาชารีฟอีกเลย ยิ่งมองจันทร์เดือนเสี้ยวยิ่งหม่นหมอง นึกถึงความหลังเมื่อครั้งรอนแรมกลางทะเลทรายด้วยกัน ถึงกับนํ้าตาซึม เห็นนางกำนัลสองคนเดินตรงเข้ามา รีบซับนํ้าตาไม่อยากให้ใครเห็น ได้ยินนางทั้งสองคุยกันเรื่องไปดูท่านราชองครักษ์ฝึกวิชา มิเชลล์หูผึ่ง
“ก็ตอนเราคุมพวกทาสไปตักนํ้าก็เห็นเต็มตา เขาซ้อมมีดกัน มีดนั่นนะใช้ยากจะตาย อยู่ชายนํ้านั่นแหละ”
“โอ...ท่านราชองครักษ์ช่างงามอะไรเช่นนี้ จริงไหม ท่าทางองอาจจับมีดวงเดือน ฟันฉับๆ” สองนางกำนัลเดินผ่านหน้ามิเชลล์หายเข้าไปในกระโจมของฝ่ายใน หญิงสาวมองตาม สีหน้ามีความหวัง
ooooooo
สายวันรุ่งขึ้นมิเชลล์รีบไปเข้าเฝ้าพระชายาเพื่อขออนุญาตไปเดินเล่นแถวลำธาร พระองค์ทักท้วงว่าบริเวณนั้นไม่เหมาะจะไปเดินเล่น พวกทาสมักจะไปตักนํ้าใช้
“หม่อมฉันอยากไปดูการประลองฝีมือด้วยมีดวงเดือนเพคะ เผอิญได้ยินเขาพูดกันว่ามีการประลองกัน”
พระชายามองอย่างรู้ทัน ถามว่าเป็นห่วงชารีฟหรือ มิเชลล์รับคำด้วยสายตาที่บอกความนัยทุกอย่าง พระองค์เข้าใจและเห็นใจในความรักที่ต้องพลัดพรากของเธอ อนุญาตตามที่ร้องขอ หันไปสั่งนางกำนัลคนสนิทว่าพวกนางทาสที่จะออกไปตักนํ้าใกล้กับสนามประลองมีดเริ่มทำงานกันหรือยัง ได้ความว่าเกือบได้เวลาแล้ว
“ดีแล้ว หาชุดดำให้มิเชลล์สักชุดสิ พาออกไปกับเจ้าด้วย ปะปนในกลุ่มนางทาสขนนํ้า อย่าให้ใครจับได้ว่าเป็นฝ่ายในลักลอบออกมาเป็นอันขาด...มิเชลล์ไปดูให้พอใจแล้วรีบกลับมา อย่ามัวไถลไปที่อื่น”
มิเชลล์รับคำ แล้วตามนางกำนัลออกไป ครู่ต่อมา แผนการเดินปะปนไปกับนางทาสสำเร็จด้วยดี มิเชลล์ในคราบนางทาสเดินมาถึงลำธาร เสียงมีดปะทะกันดังขึ้น เหล่านางทาสพากันหยุดกึก นางกำนัลลอบพามิเชลล์มาซุ่มดูการประลองอยู่หลังกอหญ้าโดยไม่มีใครทันสังเกตเห็น กำชับว่าอย่าเดินเลยเข้าไปเด็ดขาด
อ่านละคร ฟ้าจรดทราย ตอนที่ 6 วันที่ 23 ส.ค. 56
ละครฟ้าจรดทราย ประพันธ์โดย โสภาค สุวรรณละครฟ้าจรดทราย บทโทรทัศน์โดย ศัลยา สุขะนิวัตต์
ละครฟ้าจรดทราย กำกับการแสดงโดย สยาม สังวริบุตร
ละครฟ้าจรดทราย ผลิตโดย ค่าย ดาราวิดีโอ
ละครฟ้าจรดทราย ออกอากาศทุกวันจันทร์ และวันอังคาร เวลา 20.30 น. ทางช่อง 7 สี
ละครฟ้าจรดทราย เริ่มตอนแรกวันจันทร์ที่ 12 สิงหาคม 2556
ที่มา ไทยรัฐ