อ่านละคร วันนี้ที่รอคอย ตอนที่ 19 วันที่ 6 ส.ค. 56

อ่านละคร วันนี้ที่รอคอย ตอนที่ 19 วันที่ 6 ส.ค. 56

ขณะนั้นเอง มีเสียงพูด ว.จากจ่าหมงมาหาผู้กองเหลียง ฟังแล้วผู้กองบอกจ้าวซันว่าตอนนี้บราลีกับผิงอันอยู่ในที่ปลอดภัยเรียบร้อยแล้ว

“โอเค...ปิดประตูตีแมว!! จ้าวซันหยิบมือถือมากดส่งสัญญาณเปิดสนามรบทันที เหม่ยอิงงงๆ ว่าเกิดอะไรขึ้น?

ขณะที่สมุนของพันหงปิงกำลังปลดของมีค่าจากแขกในงานนั้น เทเรซ่าได้รับสัญญาณไลน์ว่าบราลีกับผิงอันออกไปได้อย่างปลอดภัยแล้ว


เธอบอกข่าวดีนี้แก่ซ่างกวานซิงที่หมอบอยู่ใกล้ๆ แล้วพากันค่อยๆคลานมุดไปใต้เวที โดยเธอคว้าไมค์ลอยอันหนึ่งติดมือไปด้วย

ฝ่ายอากงกับก๊วนเพื่อนเก่าที่มารวมตัวกัน ก็ลอบจัดการกับสมุนพันหงปิงแบบ “เก็บเงียบ” โดยใช้มีดโกนปาดคอบ้าง ใช้มีดแทงสีข้างแบบเสียบทีเดียวร่วงบ้าง และเข้าไปรัดคอบ้าง เมืองเทพเองก็คลานลอดไปโผล่หลังเวทีเช่นกัน

พันหงปิงกำลังผยองสุดขีดร้องท้าจ้าวซันให้ออกมา ส่วนเกาเฟยก็ร้องหาแต่เหม่ยอิง ประกาศว่าใครเอาตัวคุณหนูของตนไปก็ให้มาคอยรับศพพวกแขกไฮโซในงานนี้ด้วยก็แล้วกัน ร้องท้าและยิงปืนขู่อย่างผยอง

เทเรซ่ามุดไปโผล่ที่หลังเวที เห็นเมืองเทพตามมา ก็เอาไมค์ลอยมากดเปิด ประกาศเหมือนบัญชาการรบ

“สวัสดีค่ะ ท่านผู้มีเกียรติคะ ทุกคน...หมอบเดี๋ยวนี้ค่ะ”

สิ้นเสียงประกาศ เมืองเทพและพวกก็โผล่มาระดมยิงพันหงปิงและเกาเฟย พวกตำรวจนอกเครื่องแบบก็ยิงสมุนพันหงปิงที่ถืออาวุธสงคราม พันหงปิงและเกาเฟยต่างโดนยิงล้มลง เมืองเทพจะเข้าไปซ้ำแต่ทั้งสองกลิ้งหนีพลางยิงต่อสู้

ในยามเป็นยามตายเช่นนี้ ทั้งพันหงปิงและเกาเฟยต่างเผยสันดานเอาตัวรอด ไม่มีใครช่วยใคร แต่เพราะเกาเฟยรู้ทางหนีทีไล่ในบริษัทดีจึงคลานหนีไปเจอประตูออกสู่บันไดหนีไฟ ทิ้งกองเลือด ชุดเชฟและหน้ากากสองชุดไว้ให้ดูต่างหน้า

“คนร้ายหนีไปทางบันไดหนีไฟ จัดการสกัดด่วน” ตำรวจนอกเครื่องแบบนายหนึ่งตะโกนบอกเมืองเทพที่วิ่งตามมา

เมืองเทพคาดว่าน่าจะเป็นพันหงปิงกับเกาเฟยที่ถูกยิงบาดเจ็บสาหัสทั้งคู่ ตำรวจนอกเครื่องแบบบอกว่า ให้คนสกัดไว้แล้ว ไม่น่าจะรอด จ้าวซันฟังแล้วทำหน้าเซ็งเพราะรู้พิษสงของทั้งสองคนดี

ooooooo

ที่คีรีรัฐ เจ้าศิขรนโรดมรู้ข่าวที่เกิดกับฉินเย่ว์กรุ๊ป ก็ร้อนใจเป็นห่วงจ้าวซัน กระทั่งสงสัยว่าครอบครัวจ้าวหวังดีกับเจ้าพี่ของตนจริงหรือเปล่า

มิถิลาทำใจไม่ได้ที่ศิขรนโรดมไม่สนใจเรื่องการแต่งงาน หากแต่มุ่งจะไปฮ่องกงหาเจ้าพี่ ไปช่วยเจ้าพี่ บ่นกับอสุนีว่า

“เจ้าหลวงทรงติดเจ้าพี่ของพระองค์เกินไป ตั้งแต่เล็กจนโต ทรงคิดแต่ว่าชีวิตของพระองค์ขึ้นอยู่กับเจ้าพี่น่านปิง”

“หน้าที่ของเจ้าคือกล่อมให้เจ้าหลวงทรงปล่อยวาง และเข้าพิธีอภิเษกเพื่อส่วนรวมไม่ใช่ส่วนตัว ประเทศชาติจะได้เดินไปข้างหน้าอย่างปกติสุขเสียที” อสุนีหว่านล้อม มิถิลาได้แต่อึ้ง
จากการที่ต้องฟันฝ่าเหตุร้ายเอาชีวิตเข้าเสี่ยงเพื่อแก้ปัญหาและดูแลกัน ทำให้ทั้งจ้าวซันและบราลียิ่งรักและห่วงใยกันมากขึ้น จ้าวซันสัญญากับเธอว่าจะพยายามทำทุกอย่างให้ดีที่สุดและพาเธอออกไปจากเรื่องยุ่งยากให้เร็วที่สุด

“พี่ต้องสัญญา...ว่าพี่จะปลอดภัย” บราลีเอ่ย

“น้องก็เหมือนกัน ต้องสัญญาว่าจะระวังตัวตลอดเวลา”

ส่วนกับเหม่ยอิงนั้น จ้าวซันพูดกับผู้กองเหลียงจริงจังว่า “ผมจะรับผิดชอบเรื่องเหม่ยอิงให้ดีที่สุด”

“ผมเชื่อว่าคุณชายตั้งใจอย่างนั้น แต่เอาเข้าจริง คุณชายต้องระวังตัวไว้ให้มาก น้องสาวของคุณชาย คุณชายย่อมทราบดีอยู่แล้ว ว่าเขาเป็นยังไง” ผู้กองเตือน

“คุณเป็นคนจับเขาเอง แล้วก็เป็นคนประกันเขาเอง ถ้าเขาหนีหรือทำอะไรร้ายแรงอีก คุณก็คงต้องรับผิดชอบเองเต็มๆล่ะ” หมวดจางเสริม

“ผมหวังว่าองค์ชายจะมีความสามารถสั่งสอนให้คุณเหม่ยอิงกลับเนื้อกลับตัวได้ ส่วนพวกผม ถ้าล่าไอ้พัน–หงปิงกับไอ้เกาเฟยไม่ได้ คราวนี้โดนเด้งยกทีมแน่” ผู้กองย้ำ ทั้งจ้าวซันและผู้กองต่างมองหน้าอย่างเข้าใจกัน

เมื่อไปเยี่ยมพวกอากง รู้ว่าก๊วนของอากงไม่มีใครเป็นอะไรมากแค่ฟกช้ำดำเขียว จ้าวซันก็เบาใจ

“มองในแง่ดี เหตุการณ์เมื่อคืน พวกผู้ร้ายฮ่องกงโดนเก็บไปหลายตัวในงานเดียว ทรัพย์สินของแขกในงานก็เก็บมาได้ครบ” อาหลี่พูดอารมณ์ดี

“นั่นมันแค่ผลพลอยได้ แต่คนที่ฉันลงทุนทำทุกอย่าง และเอาทุกคนมาเสี่ยงเพื่อช่วยเขานี่สิ เขาจะคิดได้ไหม”

จ้าวซันพูดขรึม ทุกคนฟังแล้วพลอยหนักใจไปด้วย

ooooooo

เหม่ยอิงถูกนำตัวมากักไว้ที่ห้องนอน มีตำรวจเฝ้าอยู่หน้าห้องและมีอากงเป็นคนดูแล แม่สี่จะเอาอาหารไปให้เหม่ยอิง อากงขอเอาเข้าไปเอง เลยถูกแม่สี่ตัดพ้อต่อว่าอย่างรุนแรง จนจ้าวซันต้องมาชี้แจงว่า

“แม่สี่ครับ ผมพยายามทำทุกอย่างให้เหม่ยอิงกลับมานะครับ แม่สี่ต้องช่วยผมนะครับถ้าแม่สี่รักเหม่ยอิงจริง”

แม่สี่ย้อนถามอย่างไม่พอใจว่าตนเป็นแม่ทำไมจะไม่รักลูก จ้าวซันเองต่างหากที่ไม่เคยรักเหม่ยอิงเลย จ้าวซันได้แต่ฟังอย่างเพลียใจ

เมื่อจ้าวซันเข้าไปหาเหม่ยอิงในห้อง เพื่อหว่านล้อมให้เธอร่วมมือ เธอจะได้กลับมาเป็นจ้าวเหม่ยอิง เป็นคนดีในสังคมตามเดิม ก็ถูกเหม่ยอิงปฏิเสธที่จะทำอย่างที่จ้าวซันแนะนำให้ทำตามที่ทนายบอก จ้าวซันโมโหเสียงแข็งใส่ว่า

“น้องต้องทำ!! น้องคือผู้ต้องหาหลายคดี และพี่ก็ประกันน้องออกมาเพื่อสู้คดี น้องเป็นผู้หญิง พี่ไม่ต้องการให้น้องไปอยู่ในกรงขังปะปนกับพวกอาชญากร”

“โดยเอาน้องมาขังไว้เสียเอง ไม่ให้มีโทรศัพท์ ที่จะติดต่อกับใครเลย”

“น้องต้องไม่ติดต่อ ไม่ร่วมมือกับคนพวกนั้นอีก พี่มีหน้าที่ควบคุมน้อง ถ้าพี่ควบคุมไม่ได้พี่ก็จะผิดต่อเต้ เป็นลูกอกตัญญู เต้อุตส่าห์ไว้ใจให้พี่ดูแลน้องๆ แต่พี่กลับทำพลาด ทำให้ทุกคนเดินไปในทางชั่ว พี่ยอมให้ตัวเองเป็นคนล้มเหลวแบบนั้นไม่ได้!” จ้าวซันจริงจังดุดันเสียจนเหม่ยอิงน้ำตาคลอ แต่ก็ยังเชิดอย่างอวดดี

ส่วนฉินเจียงกับซูหลิงนั่งพักกันอยู่ที่ห้องนั่งเล่นบ้านสี่ฤดู ฉินเจียงบอกซูหลิงว่าตนจะเป็นคนฆ่าเกาเฟยด้วยมือตัวเอง ซูหลิงพยายามเตือนให้เขายั้งคิดว่าตัวเองเป็นพ่อคนแล้ว ปล่อยให้เป็นหน้าที่ของตำรวจดีกว่า ฉินเจียงก็ยังดื้อรั้น

ผิงอันเอายาบำรุงมาให้ซูหลิงบอกว่าแม่ใหญ่ให้เอามาและให้ดื่มเดี๋ยวนี้เลย ฉินเจียงได้ยินก็อดเหน็บไม่ได้ว่าอยู่บ้านนี้ก็ต้องทำแบบนี้แหละ แม่ใหญ่ให้ทำอะไรก็ต้องทำ บอกให้ทำเดี๋ยวนี้ก็ต้องเดี๋ยวนี้ แขวะซูหลิงนิดๆ ว่าเป็นคนว่าง่าย คงอยู่รวมกับกงสีไปแบบนี้ได้โดยไม่อึดอัดใจจนเกินไปหรอก

“อึดอัดยังไงก็ต้องทนค่ะ ศัตรูของเรายังลอยนวลอยู่ แล้วมันก็อาจจะทำร้ายพวกเราคนใดคนนึงได้ทุกเมื่อ เราเจอเรื่องเลวร้ายกันมาพอแล้ว เราแตกแยกกันไม่ได้อีกแล้ว เราต้องรวมกันไว้ให้ดีก่อนที่ครอบครัวของเราจะไม่เหลืออะไรอีก”

คำพูดที่มีเหตุผลลุ่มลึกของผิงอัน ทำเอาฉินเจียงมองทึ่ง

ฝ่ายจ้าวซันเห็นพี่น้องในตระกูลจ้าวได้กลับมาอยู่กันพร้อมหน้ากันในบ้านสี่ฤดูเป็นครั้งแรกในรอบ 20 ปีก็ดีใจ บอกบราลีว่า “ถ้าพี่ทำให้น้องๆ ที่นี่รักกัน ช่วยเหลือกัน ดูแลกันเองได้พี่ ก็จะหมดหน้าที่จากตระกูลจ้าว... รอพี่อีกนิดนะม่านฟ้าอีกนิดเดียวเท่านั้น ตอนนี้ทุกอย่างก็น่าจะเป็นไปได้ด้วยดี อีกไม่นานเมื่อพี่ทำหน้าที่ที่ได้สัญญาไว้กับเต้เสร็จสิ้นลง เราก็จะได้มีชีวิตของเราเสียที”

“ค่ะ...รอค่ะ” บราลีตอบหนักแน่น ทั้งสองต่างยิ้มให้กันด้วยความเข้าใจ

ooooooo

แต่เหตุการณ์ไม่ได้เป็นไปตามเจตนารมณ์ของใคร เพราะจู่ๆ จ้าวไทไทก็อาละวาดกราดเกรี้ยวใส่ทั้งอาม่าและอากง ด่าทอขว้างปาข้าวของใส่จนอากงต้องหลบออกไปจากห้อง
จ้าวไทไทไม่ยอมให้เหม่ยอิงมาอยู่ที่บ้านสี่ฤดู ไม่ยอมแม้แต่จะให้มาสูดอากาศหายใจในบ้านนี้!

อากงรีบไปบอกจ้าวซัน เขามาขอร้องจ้าวไทไทไม่ให้ทุบตีอาม่าหาว่าอาม่าเป็นนกสองหัว พอเห็นจ้าวซันเข้ามา จ้าวไทไทก็หันมาตบหน้าเขาฉาดใหญ่จนจ้าวซันผงะ บราลีเข้ามาขอร้องก็ถูกไล่ไม่ให้มาขวาง ประกาศจะตีจ้าวซันให้ตาย ฐานทำอะไรตามอำเภอใจเกินไปไม่ปรึกษากันก่อน

“เรื่องอะไรครับ”

“แกทำทุกอย่างพลาดหมด นังจ้าวเหม่ยอิง ตามชะตากรรมของมัน มันต้องตายในคุก เวลานี้มันต้องอยู่ที่นั่น แต่แก...แกไปเอามันมาเข้าบ้าน แกทำให้ทุกอย่างผิดแผนของฟ้าดิน!!”

“ผมทำเพื่อเต้”

“ทำเพื่อเต้เหรอ เต้ตายไปแล้ว นอนอยู่ในหลุม คนที่ต้องเผชิญกับปัญหาคือ คนเป็นไม่ใช่คนที่ตายแล้ว คือฉัน คือพวกแก ไม่ใช่เต้ของแก!!”

“แม่ใหญ่ครับ ให้โอกาสเหม่ยอิงบ้าง ผมจำได้ว่าเต้รักเหม่ยอิงมาก เหม่ยอิงก็เก่งสมใจเต้ทุกอย่าง แต่พอดีเขาเป็นผู้หญิง ทำให้เขาต้องเสียโอกาสไป”
“หยุดพูด...เต้ของแกนั่นแหละที่เป็นคนแรกที่ไปให้ท้ายมัน มันเลยกลายเป็นคนแบบนี้ คนอย่างเหม่ยอิง มันไม่มีวาสนาหรอก เพราะมันเป็นคนเลว มันจะนำมรณะมาให้ทุกคน มันไปถึงไหนก็นำความพินาศไปถึงนั่น แกต้องเอามันไปทิ้ง ทิ้งไว้บนถนน ทิ้งทะเลอะไรก็ได้”

“ผมทำอย่างนั้นไม่ได้หรอกครับ”

“แกกล้าขัดคำสั่งฉันเหรอ!!!”

“แม่ใหญ่ ผมขอร้องล่ะ ผมจะพยายามทำให้ดีที่สุด บ้านของเรามันควรจะอบอุ่น อยู่แล้วมีความสุข ทุกคน

รักกัน ดูแลกันสิครับ...เราอย่าใจร้ายกับใครเลยนะครับ ผมขอนะครับ ผมกราบล่ะ” จ้าวซันนั่งลงกราบที่ตักแม่ใหญ่

“แกคิดผิดแล้ว...จ้าวซัน...แกคิดผิดแล้ว...”

จ้าวไทไทพึมพำ

ooooooo

พันหงปิงกับเกาเฟยที่ต่างก็บาดเจ็บสาหัส พากันไปหลบซ่อนที่บ้านเช่าเล็กๆ รักษาตัวเองตามมีตามเกิด

เกาเฟยใช้มีดกรีดแงะกระสุนที่ฝังน่องออก กัดฟันทนความเจ็บจนเหงื่อกาฬแตก พันหงปิงที่นอนซมอยู่ส่งเสียงแผ่วอย่างหมดแรงร้องขอให้เกาเฟยช่วยตนด้วย ให้ช่วยผ่ากระสุนออกอย่างที่เกาเฟยทำกับตัวเอง

“บอกตรงๆนะพันหงปิง คงไม่มีใครช่วยแก

ได้หรอก ในตัวแกมีกระสุนพรุนไปหมดแบบนี้ ขืนผ่าแกก็ต้องตายเร็วขึ้น เพราะมันคงจะเข้าจุดสำคัญแก

ทั้งนั้น แกนอนตายไปเงียบๆอย่างสงบจะดีกว่า หลับตาซะพันหงปิง สวดมนต์ให้พระเจ้ามารับวิญญาณเสียดีกว่า แต่แกคงลงนรกมากกว่าขึ้นสวรรค์นะ เพราะแกค้าอาวุธให้คนเขาเอาไปฆ่ากันมามาก ผลกรรมเลยให้แกต้องมาตาย เพราะลูกปืนเต็มตัวแบบนี้” เกาเฟยหัวเราะเลือดเย็น

ระหว่างนั้น เกาเฟยค้นเจอระเบิดเป็นกล่องๆของพันหงปิง เขาเอาออกมาเรียงดูอย่างสะใจ พันหงปิงโวยวายไม่ให้ยุ่งกับของของตน แต่อึดใจเดียวก็หมดสติไป

เกาเฟยจัดระเบิดไปก็ดูทีวีไป แต่ไม่ได้เปิดเสียง เห็นผู้ประกาศข่าวกำลังอ่านข่าวจึงหารีโมทกดเสียงแต่หาไม่เจอเลยลุกไปเปิดเสียง เป็นช่วงสุดท้ายของข่าวพอดี...

“หากคุณจ้าวเหม่ยอิงพักรักษาตัวอยู่ที่บ้านจนหายดีแล้ว ทางบ้านสี่ฤดูจะจัดให้มีการแถลงข่าวขึ้นอีกครั้ง ซึ่งทางสถานีจะรีบนำเสนอข่าวนี้ทันที”

“คุณหนูอยู่บ้านสี่ฤดูเหรอ...ไม่ได้อยู่คุก...รอเกาเฟยก่อนเถอะ” แล้วทำท่าเล็งปืนใส่จอโทรทัศน์ที่มีรูปจ้าวซันคำราม “เปรี้ยง...ตาย!!”

ooooooo

วันนี้แม่สี่ไปเยี่ยมเหม่ยอิงอีก จ่าหมงตามเข้าไปด้วยบอกว่าต้องทำตามคำสั่งจ้าวซัน แม่สี่จะคุยอะไรก็คุยตามสบาย

แม่สี่ร้องไห้เป็นวรรคเป็นเวรรำพึงรำพันว่าถูกบีบคั้นใจร้ายกับตนเหลือเกิน ตนแค่อยากจะคุยความในใจกับลูกก็ไม่ได้ แม่สี่ร้องไห้จนจ่าหมงใจอ่อน ยอมออกไปปล่อยให้แม่สี่ได้อยู่กับเหม่ยอิงตามลำพัง

พอจ่าหมงออกไปเท่านั้น แม่สี่ก็หยุดร้องไห้ได้เป็นปลิดทิ้ง เหม่ยอิงพูดอย่างสะใจว่า

“นี่สินะ...ที่เรียกว่าใช้น้ำตาเป็นอาวุธ ได้ผลจริงๆด้วย”

แม่สี่ร้องไห้ออกมาอีก ขอร้องเหม่ยอิงให้ยอมแพ้เสียเถิด อย่าดิ้นรนอีกเลย ทำตามที่จ้าวซันบอก ไม่ต้องวางแผนอะไรทั้งนั้น

“ทำตามที่จ้าวซันบอก ต่อให้ทำดียังไง หนูก็ต้องติดคุกอยู่ดี...ไม่! หนูจะไม่ยอมติดคุกเด็ดขาด ให้หนูตายเสียดีกว่า” แม่สี่ตกใจอ้อนวอนลูกอย่าคิดสั้น “แม่...หนูไม่โง่ขนาดนั้นหรอกนะ หนูจะให้พี่ชายใหญ่ช่วยให้หนูหนีไปจากฮ่องกง พี่ชายใหญ่จัดการได้อยู่แล้ว”

“ถ้าหนูหนีไป เขาก็จะตกที่นั่งลำบากนะลูก”

“ปัญหาทุกอย่างแก้ไขได้ เขาพูดเอง แล้วหนูก็จะบอกว่า ปัญหาทุกอย่างแก้ไขได้ด้วยเงินไงล่ะแม่ เขาให้หนูไปไหนก็ได้ ประเทศไหนก็ได้ ที่มีเยอะแยะไปที่หนูจะอยู่ได้อย่างดี อย่างสบายด้วย ขอให้มีเงินเท่านั้น แม่ไปบอกเขาเลยว่า ถ้าพี่ใหญ่รักเต้จริง รักหนูจริง เขาต้องช่วยหนูได้อยู่แล้วล่ะ”

แทนที่แม่สี่จะหว่านล้อมให้เหม่ยอิง กลับถูกเหม่ย– อิงกล่อมจนต้องทำตามความคิดของเธอ ไปขอร้องจ้าวซันให้ช่วยพาเหม่ยอิงหนีไปต่างประเทศที่ไหนก็ได้ไม่ว่าไทยหรือคีรีรัฐ

จ้าวซันยืนหยัดหลักการ บอกว่าตนทำอย่างที่แม่สี่ขอร้องไม่ได้ แต่ตนจะพยายามเต็มที่ จะทำให้คดีผ่อน หนักเป็นเบา เมื่ออ้อนวอนขอร้องกระทั่งจะคุกเข่าก็ไม่สำเร็จ แม่สี่เปลี่ยนเป็นตัดพ้อต่อว่าลำเลิกสิ่งที่ตนเคยช่วยเหลือดูแลจ้าวซันมาตั้งแต่เด็ก ตัดพ้อว่า “ไม่นึก

เลยว่าแม่ขอร้องให้ช่วยน้องแค่นี้ก็ไม่ได้”

“ผมทำอย่างเต็มที่ที่สุดแล้วครับ” จ้าวซันตอบอย่างลำบากใจมาก

“คุณชายเป็นคนอกตัญญูกว่าที่แม่คิดไว้ซะอีก เต้คงเสียใจที่เลี้ยงลูกมาแล้วกลายเป็นคนที่ไม่รู้จักสำนึกบุญคุณคนแบบนี้” แม่สี่น้ำตานองหน้าลุกเดินออกจากห้องไป จ้าวซันนั่งเครียดกับปัญหาที่กดดันอย่างหนัก

เพราะคิดมาก คืนนี้จ้าวซันฝันถึงเต้ ฝันว่าเต้มาตำหนิที่เขาทำกับน้องแบบนี้ ทำไมน้องๆถึงไม่มีใครได้ดีสักคน บริษัทก็จะล้มละลาย ทำให้ตนนอนตายตาไม่หลับจนต้องตื่นขึ้นมา ถ้าน้องๆทุกคนยังไม่มีความสุข จ้าวซันเองก็อย่าหวังเลยว่าจะมีความสุข เต้พุ่งเข้ากระหน่ำตีจะเอาจ้าวซันไปอยู่ด้วย จ้าวซันคว้ามีดปอกผลไม้ใกล้มือจ้วงแทงเต้ทะลุกลางท้องเลือดไหลทะลัก เขายืนตะลึงทำอะไรไม่ถูก

จ้าวซันตกใจกับฝันร้ายแผดเสียงร้องลั่น จนบราลีลุกมาดู เขากอดเธอไว้ ขอร้องอย่าทิ้งตนไป บราลีปลอบว่าไม่มีอะไรเจ้าพี่แค่ฝันร้ายเท่านั้น เอามือลูบหลังเบาๆ “น้องอยู่ตรงนี้แล้วค่ะ ไม่เป็นไรนะคะ...”

ooooooo

ที่บ้านเช่าเก่าๆ เกาเฟยเดินลับๆล่อๆ มาที่หน้าบ้าน เหลียวซ้ายแลขวาอย่างระแวดระวังเห็นปลอดคนแล้วจึงแอบเข้าไปในบ้าน ตรงไปที่ลังลูกระเบิดที่เอาผ้าใบคลุมซ่อนไว้ หยิบลูกระเบิดใส่เป้ด้วยความระมัดระวัง

“เฮ้ยๆ ไอ้พันหงปิง...ตายหรือยังวะ” เกาเฟยถามเบาๆ แล้วสะดุ้งโหยงชักปืนออกมาทันทีเมื่อมีเสียงตอบมาว่า

“ตายแล้ว ตายเมื่อเช้า ข้าเอาไปฝังแล้วล่ะ” เป็นเสียงหญิงแก่คนหนึ่ง

“แกเป็นใคร” เกาเฟยถามหญิงแก่เจ้าของเสียง หญิงแก่ไม่ตอบแต่กลับขอเงินค่าทำศพ “เงินอะไร...ไม่มี... แล้วนี่ยายเข้ามาได้ยังไง”

หญิงแก่ชูพวงกุญแจให้ดู เกาเฟยยิ่งสงสัยถามอย่างระแวงว่า

“เข้ามาแล้วเห็นอะไรมั่ง มีใครรู้เรื่องนี้รึเปล่า”

“เงินค่าทำศพล่ะ” หญิงแก่เดินเข้าหาแบมือขอเงิน บอกเกาเฟยว่า “แกน่าจะเอาของพวกนี้ไปขายได้หลายตังค์อยู่ แบ่งมาให้ใช้บ้างสิ”

เกาเฟยถอยออกมา จ้องมองหญิงแก่อย่างระแวงมากขึ้นทุกที...

ooooooo

เช้าวันรุ่งขึ้น จ้าวซันเข้าไปหาเหม่ยอิง เธอแต่งตัวไม่รัดกุมเขาจึงออกไป ให้เธอแต่งตัวเรียบร้อยแล้วจึงเข้าไปใหม่

เหม่ยอิงตอบตกลงทำตามคำขอของจ้าวซันทันที จ้าวซันโล่งใจบอกว่า “งั้นก็ดีแล้ว”

“น้องสัญญาว่าจะเชื่อฟังทุกอย่าง พี่จะให้น้องพูดตามทนายว่ายังไง แล้วคดีที่พี่เองเป็นเจ้าทุกข์พี่จะให้น้องสารภาพหรืออะไรน้องจะยอมหมด โอเคไหมคะ”

เธอพูดประชดประชันว่าจะหาปลอกคอหรือฝังไมโครชิปให้รู้แล้วรู้รอดไปเลยแล้วจูงตนออกไปเดินสูดอากาศข้างนอกบ้าง จากนั้นก็คร่ำครวญว่าแค่จะออกไปสูดอากาศบริสุทธิ์ข้างนอกก็ไม่ได้ ตนเป็นแค่ผู้หญิงตัวเล็กๆ คนเดียวจะไปทำอะไรใครได้

จ้าวซันใจอ่อน พาเหม่ยอิงลงไปเดินเล่น เธอพร่ำรำพันถึงอดีตที่เคยเล่นกันตรงโน้นตรงนี้ เคยนั่งโล้ชิงช้าด้วยกันตรงนั้น แล้วร้องไห้โฮ เสียดายเวลาที่ผ่านไปตนน่าจะทำตัวดีกว่านี้หน่อย จ้าวซันตกใจถามว่า “เหม่ยอิง... เป็นอะไรไป”

“น้องกลัวค่ะ กลัวมากๆ น้องไม่อยากติดคุก เห็นสภาพในคุกแล้ว...” เธอทำท่าสยองจนพูดไม่ออก

กลั้นน้ำตาไม่อยู่ สะอื้นฮักๆ อ้อนวอนอย่างน่าเวทนา...

“พี่ชายใหญ่ต้องช่วยนะคะ น้องสัญญา น้องจะไม่ทำอีกแล้ว ไม่เอาแล้ว น้องจะไม่ไปคบพวกคนเลวอีก...พี่ชายใหญ่พาน้องไปอยู่ที่อื่นได้ไหม อยู่ที่นี่น้องก็มองหน้าใครไม่ติด นะคะ...พาน้องออกไปจากฮ่องกงที...นะคะ... นะคะ...”

เหม่ยอิงลงไปคุกเข่าร้องไห้กับพื้น...

“พี่ไม่ต้องกลัวนะว่าน้องจะไปคบกะไอ้สองคนนั้นอีก แค่น้องไปอยู่กะพวกมันมาไม่กี่วัน น้องก็ขยะแขยงจะตายอยู่แล้ว พี่จะให้น้องไปอยู่ประเทศไกลๆ บนเกาะหรือในป่าในเขาอะไรก็ได้ น้องยังทำประโยชน์อะไรให้ใครๆได้อีกตั้งเยอะ อย่าให้น้องติดคุกเลยนะคะ”

จ้าวซันยืนอึ้ง หนักใจกว่าครั้งใดๆที่ผ่านมา...

ooooooo

อ่านละคร วันนี้ที่รอคอย ตอนที่ 19 วันที่ 6 ส.ค. 56

โดย บทประพันธ์โดย วราภา จากบทละครโทรทัศน์ทางช่อง 7 โดย ปราณศักดิ์สวัสดิ์
กำกับการแสดงโดย : สยาม น่วมเศรษฐี
ควบคุมการผลิตโดย : บริษัท พอดีคำ จำกัด
โดยผู้จัด : ธงชัย ประสงค์สันติ/มณีรัตน์ ประสงค์สันติ
ออกอากาศเริ่มตอนแรก วันพฤหัสบดีที่ 13 มิ.ย. 2556
ที่มา ไทยรัฐ