อ่านละคร ซินเดอเรลล่ารองเท้าแตะ ตอนที่ 3 วันที่ 19 ส.ค. 56

อ่านละคร ซินเดอเรลล่ารองเท้าแตะ ตอนที่ 3 วันที่ 19 ส.ค. 56

ดาหลากลับมาโวยวายกับดารัณว่ารู้แล้วว่าผู้หญิงหลังขาวๆคนนั้นเป็นใคร พูดอย่างเจ็บใจว่า ดูๆคุณชายจะชอบมากด้วย ดารัณทั้งเสี้ยมและสอนอย่างเจ้าเล่ห์ว่า

“ลูกต้องรู้ให้ได้นะคะว่ามันเป็นใคร จะสู้กับนังนั่นเราต้องรู้จุดอ่อนของมัน ไม่งั้นเราก็จะสู้มันไม่ได้” เมื่อดาหลาบอกว่าดูๆมันล่อกแล่กมีพิรุธเหมือนมีอะไรปิดบังซ่อนเร้นเอาไว้ “ถ้าอย่างนั้นเราต้องล้วงแคะแกะง้างหามันให้เจอ...ลูกต้องทำตัวเป็นสาวน้อยผู้แสนดี แล้วก็หาจังหวะเหมาะๆ ใส่ไฟยัยนั่นให้มันเป็นตัวร้าย เท่านี้ลูกก็จะได้พระเอกอย่างคุณชายมาครอบครอง”


ดาหลาถูกแม่เสี้ยมจนเห็นดีด้วยตามเคย

ooooooo

พอสิ้นเดือน พวกอยู่ในละแวกบ้านเช่าต่างตึงเครียดต้องคอยหลบหน้าป้าน้อย คนเก่าแก่ของเจ้าของบ้านเช่าที่เป็นคนมาเก็บค่าเช่าทุกเดือน

ป้าน้อยดูแลคุณหนูจ๋าลูกสาวเจ้าของบ้านมาแต่อ้อนแต่ออกจึงทั้งรักทั้งหวง วันนี้คุณหนูจ๋าเอารถออกหลอกว่าจะไปซื้อของหน้าปากซอย ขับผ่านละแวกบ้านเช่า เกือบชนโจ๊กที่วิ่งมาเก็บเสื้อที่ถูกลมพัดปลิวมา

กลางถนน ลุงจ๊อดรีบออกมาจัดการเรียกค่าทำขวัญ คุณหนูจ๋าจึงให้ไปห้าพัน พอกลับเข้าบ้าน โจ๊กติงลุงว่าไม่น่าไปหลอกเอาเงินเขาเพราะตนก็ไม่ได้เจ็บอะไร

“ข้าไม่ได้หลอกนะเว้ย นี่เป็นค่าทำขวัญที่เอ็งสมควรจะได้” พูดแล้วมองเงินในมือพึมพำ “รอดไปอีกเดือนแล้วกู”

รุ่งขึ้นคุณหนูจ๋าจะเอาผลไม้ไปให้อีก ป้าน้อยจึงตามไปด้วย พอเจอลุงจ๊อดก็กระโจนเข้าเล่นงานหาว่าหลอกคุณหนูจ๋าของตน คุณหนูจ๋าพยายามชี้แจงว่าเขาไม่ได้เรียก ตนให้เขาเอง ป้าน้อยไม่ยอมสั่งลุงจ๊อดให้เอาเงินมาคืน

“ไม่คืน!” ลุงจ๊อดทำเสียงแข็ง น้อยโมโหพุ่งเข้าจะล้วงกระเป๋ากางเกงลุงจ๊อด คุณหนูจ๋าเข้าไปห้าม น้อยสะบัดทำให้คุณหนูจ๋าเซจะล้ม บื้อมาเจอพอดีคว้าตัวเธอไว้ ถามคุณหนูจ๋าว่าเป็นยังไงบ้าง คุณหนูจ๋าเห็นหน้าหล่อเซอร์ของบื้อก็ถึงกับอึ้งตอบติดอ่าง “เออ... มะ...ไม่เป็นไรค่ะ”

น้อยล้วงกระเป๋ากางเกงเอาเงินจากลุงจ๊อดจนได้ นับได้ครบก็ชวนคุณหนูจ๋ากลับ คุณหนูจ๋าหันมองบื้อนิดหนึ่งก่อนไป โจ๊กมองตามคุณหนูจ๋าไปตาละห้อย...
ลุงจ๊อดหน้าเศร้าบ่นเสียดายเงิน ถามว่าแล้วทีนี้จะเอาอะไรกินกัน บื้อเลยคว้ากระเป๋าสตางค์ออกมาหยิบเงินให้ ทั้งลุงจ๊อดและโจ๊กต่างซาบซึ้งน้ำใจจากคนจนด้วยกัน

ooooooo

ระหว่างพักไปกินกลางวันที่ห้องอาหารพนักงาน เจ๊มะพร้าวถามห่านว่า ตกลงเลยไม่ได้บอกความจริงกับคุณชายใช่ไหม ห่านส่ายหน้าเซ็งๆ บอกว่าเพราะยัยแอ๊บแบ๊วโผล่เข้ามาเสียก่อน

เจ๊ชมว่ายังดีที่ห่านได้บื้อช่วยไว้ ห่านพูดเสียงข้าวเต็มปากว่า

“เขาไม่ได้เต็มใจช่วยห่านหรอกเจ๊” พูดแล้วของขึ้น กินไปด่าบื้อไปโดยไม่รู้ว่าบื้อมายืนฟังอยู่ข้างหลัง เจ๊กับแหม่มพยายามส่งสัญญาณ แต่ห่านด่าติดลมไม่สนใจ ด่าจนเจ๊บอกให้พอเถอะ ห่านก็ยังไม่พอด่าจนเห็นเจ๊กับแหม่มเงียบ ถามว่า “เป็นอะไรกัน ข้าวติดคอรึไง” เจ๊กับแหม่มเลยบุ้ยใบ้ไปข้างหลัง พอห่านหันเห็นบื้อก็ถึงกับสำลักข้าว ต่อว่าเจ๊กับแหม่มว่า ทำไมไม่บอก

“บอกแล้วแต่แกไม่ฟัง” เจ๊บอก ห่านทำหน้าไม่ถูก แต่ระดับห่านมีหรือจะยอมเสียหน้า ตะแบงไปจนได้ว่า

“ฉันพูดความจริงไม่ได้นินทาใคร ไปทำงานดีกว่า ไม่อยากเสียเวลากับคนแถวนี้” ว่าแล้วเชิดผ่านบื้อไป

“แสบจริงๆ ยัยคอห่าน!!” บื้อส่ายหน้าอย่าง เอื้อมระอา

ooooooo

วันนี้ดาหลามีเรื่องกับแม่บ้าน เพราะแม่บ้านเข็นรถทำความสะอาดมาชนเธอ ทำให้กาแฟหกรดเสื้อราคาแพง เธอโมโหขู่จะฟ้องคุณชายให้ไล่ออก

“แค่ทำกาแฟหกใส่คุณถึงกับต้องไล่ออกเลยเหรอคะ มันไม่เกินไปหน่อยเหรอ” ห่านทนไม่ได้เข้าไปแทรก พอดาหลาเห็นห่านก็พึมพำว่าทำไมหน้าคุ้นๆ ห่านเสียวสันหลังวาบหน้าถอดสี ดาหลาจ้องตาโตร้องลั่น

“ที่แท้ก็แกนี่เอง!!”

แอปเปิ้ลกับปีโป้สะใจที่ห่านมีเรื่อง เดินอ้าวไปทันที เจอคุณชายกำลังเดินคุยมากับพรเพ็ญก็แจ้นเข้าไปฟ้อง

“เกิดเรื่องใหญ่แล้วค่ะคุณผู้จัดการ!!”

ฝ่ายดาหลาเลิกเอาเรื่องกับแม่บ้านหันมาเล่นงานห่านแทน ห่านเหงื่อแตกพลั่ก แต่พอดาหลาชี้หน้าด่าว่า

“เธอ...เพื่อนยัยปากปลาร้าแผนกเครื่องสำอางที่ด่าฉัน”

ห่านโล่งอกที่ดาหลาจำได้แค่นั้น เลยฮึดขึ้นมาด่าเนียนๆว่า ป้าเขาก็ขอโทษไปแล้ว อย่าใจแคบเลย ตอนเธอออกทีวีก็ดูเป็นคนดี แต่ทำไมตัวจริงถึงได้แตกต่างกันอย่างฟ้ากับเหว ดาหลาโกรธจนตัวสั่น ถามว่ามีสิทธิ์อะไรมาว่าตน แล้วด่าห่านว่าจนกระจอกอย่างนี้อย่ามาตีตัวเสมอตน เลยถูกห่านด่าใส่หน้าว่า

“จะคนรวยหรือคนจนมันก็คนเหมือนกัน พวกที่ดูถูกเหยียดหยามคนอื่นต่างหากที่ไม่ใช่คน!! ยัยกระจอกยิ่งกว่า!!”

บื้อกับโย่งมาเจอ บื้อบอกโย่งให้เข้าไปจัดการ โย่งแหวกคนเข้าไปเป่านกหวีดแต่ก็หยุดทั้งสองไม่ได้ บื้อเลยเข้าไปช่วย ขณะกำลังอีนุงตุงนังกันนั่นเอง คุณชายกับพรเพ็ญก็มาถึง พรเพ็ญพูดใส่โทรโข่งดังลั่น

“แยกย้ายกันไปทำงานได้แล้ว...เลิกชุมนุม!! สลายตัว!! ทุกคนกลับไปทำงานเดี๋ยวนี้!!!”

พอดาหลาเห็นคุณชายก็โผเข้าอ้อน “คุณชายช่วยดาหลาด้วยค่ะ”

“เข้าไปคุยกับผมในห้อง” คุณชายเฉียบขาด แต่พอฟังทั้งสองฝ่ายแล้ว คุณชายตัดสินว่า “เรื่องนี้ไม่มีใครผิด สิ่งที่เกิดขึ้นเป็นอุบัติเหตุ แล้วอีกอย่างป้าเขาก็ขอโทษคุณแล้ว”

คุณชายบอกแม่บ้านกับห่านให้กลับไปทำงานได้แล้ว ตัวคุณชายเองก็ขอตัวไปทำงาน พรเพ็ญแอบถามว่าทำไมคุณชายถึงไม่เอาเรื่องพนักงานสองคนนั้น

“ก็เพราะผมควรจะทำในสิ่งที่ถูกต้อง...ไม่ใช่เหรอครับ”

“ใช่ค่ะ...ถูกต้องที่สุดค่ะ” พรเพ็ญรีบตอบยิ้มปลื้มเต็มหน้า

ooooooo
แอปเปิ้ลกับปีโป้เจ็บใจที่ทำอะไรห่านไม่ได้ ดาหลาจึงกล่อมทั้งสองว่าเราควรจะร่วมมือกันกำจัดห่านออกไปจากที่นี่ให้ได้ ทั้งสองดี๊ด๊าเพราะจ้องเล่นงานห่านอยู่แล้ว

สุรเดชยังปิ๊งบื้อหนุ่มเซอร์ฝังใจ วันนี้ถึงกับเอาคีย์การ์ดคอนโดฯที่ซื้อใหม่มาให้ บอกบื้อว่าเผื่อวันไหนจะไปนอนพักหรือว่ายน้ำก็ได้ บื้อไม่รับคีย์การ์ดก็ถูกยัดเยียดให้ เลยต้องเอาใส่กระเป๋ากางเกง จึงรู้ว่าลืมเอาโทรศัพท์มา โทร.บอกให้โจ๊กเอากุญแจสำรองที่ซ่อนไว้ไขเข้าไปดู พอเจอโทรศัพท์โจ๊กบอกว่าเดี๋ยวเอาไปให้

พอโจ๊กออกมาก็เจอคุณหนูจ๋าเข้าพอดี พอคุณหนูจ๋ารู้ว่าโจ๊กจะเอากุญแจไปให้คนหัวฟูๆ ที่เธอเพิ่งรู้ว่าชื่อบื้อ เธอถามว่าเอาไปให้ที่ไหน โจ๊กบอกว่า “ห้างสยามมอลล์ครับ” คุณหนูจ๋าบอกว่าตนกำลังจะไปที่นั่นพอดี ชวนโจ๊กไปด้วยกันเลย

โจ๊กดีใจจนเนื้อเต้นรีบจัดแจงตัวเองให้ดูดี ขึ้นรถทันที

เอาโทรศัพท์ให้บื้อแล้ว โจ๊กแนะนำให้ทั้งสองรู้จักกันอย่างเป็นทางการ บื้อชวนโจ๊กไปลองกีตาร์กัน คุณหนูจ๋าขอตามไปดูไปฟังด้วย

ทั้งสองไปลองกีตาร์ราคาแพงดวลกันอย่างเมามันจนมีคนมายืนชมมากมาย แต่ที่สำคัญคือคุณหนูจ๋าชื่นชอบมากเอ่ยปากขอให้บื้อสอนตนบ้าง บื้อยินดี หนูจ๋าจึงขอโทรศัพท์ของบื้อมากดเบอร์ของตนให้ โจ๊กอยากได้บ้าง บื้อเล่นแง่ว่าอยากได้ก็ต้องได้จากเจ้าตัวเขาเองไม่ใช่มาขอคนอื่นแบบนี้

หลังจากที่แอปเปิ้ลกับปีโป้รวมหัวกันรับใช้ดาหลาเล่นงานห่านแล้ว ดาหลาเข้าไปที่แผนกขายรองเท้า สั่งห่านให้เอารองเท้ามาลองจนเกือบหมดชั้น วางเรียงเต็มไปหมด เสร็จแล้วบอกว่าไม่ถูกใจไม่ซื้อเลยสักคู่ เท่านั้นไม่พอ ยังชวนแอปเปิ้ลกับปีโป้ไปกินข้าวกลางวันกันเย้ยห่านอีกด้วย

ห่านทั้งหิวทั้งเหนื่อยเจ็บใจที่ถูกแกล้ง บื้ออีกตามเคยที่มาช่วยเก็บรองเท้าให้ แหม่มเห็นดาหลามาแกล้งห่านแจ้นไปบอกเจ๊ เจ๊วางแผนให้เอาคืน เล่นแผนการเอาคืน โดยให้ห่านแปลงร่างอีกครั้ง ห่านไม่กล้ากลัวถูกจับได้

“ขนาดยัยนางงามยังจำแกไม่ได้ ก็แสดงว่ามันต้องไม่มีใครจำแกได้จริงๆ เชื่อเจ๊สิ ยัยแว่นขายรองเท้ากับสาวไฮโซฮันนี่ต่างกันราวฟ้ากับเหว ไม่มีใครเชื่อว่าเป็นคนเดียวกันอย่างเด็ดขาด!!” เจ๊ลุ้นเต็มที่ จนห่านพยักหน้าแม้จะลังเล

ooooooo

ห่านใส่รองเท้าสีทองคู่เดิม เดินกรีดกรายเข้ามาในห้างฯ เธอสวยจนโย่งที่ทำหน้าที่อยู่มองเหลียวหลัง ทำเอาห่านเสียววูบ นึกว่าโย่งจำได้

ครู่หนึ่ง ห่านโทร.ถึงคุณชายทักทายเสียงอ่อนหวาน ออดอ้อน...

“สวัสดีค่ะคุณชาย ทายสิคะว่าตอนนี้ฮันนี่อยู่ที่ไหน...”

คุณชายมาพบทันที บอกว่าดีใจมากที่เธอมาเยือนห้างฯ ถามว่าต้องการชมสินค้าอะไรเป็นพิเศษบ้างหรือเปล่า ห่านทำตามแผนการทันที คุณชายพาไปที่แผนกรองเท้า บอกแอปเปิ้ลกับปีโป้ว่าเพื่อนอยากซื้อรองเท้าให้ช่วยแนะนำด้วย

ระหว่างที่ทั้งสองเอารองเท้ามาให้ห่านเลือก ห่านแกล้งทำเป็นหิวน้ำ คุณชายจึงออกไปซื้อน้ำ ห่านได้ทีแกล้งเปิ้ลกับปีโป้แบบเดียวกับที่ดาหลาแกล้งตน เสร็จแล้วบอกว่าไม่ถูกใจเลยสักคู่ แล้วจับแขนคุณชายที่กลับมาพอดีออกไป

“ท่าทางเชิดหยิ่งที่สุด แหวะ...นังฮันนี่!!” แอปเปิ้ลเบ้ปากใส่

“ใช่ แถมยังลองรองเท้าตั้งเยอะ แล้วก็ไม่เอา... อุบาทว์!!” ปีโป้ลอยหน้าด่าอย่างหงุดหงิด

คุณชายขอโทษห่านที่มาแล้วไม่มีสินค้าถูกใจ ถามว่าอยากได้อะไรบอกตนมาเลย ห่านทำเป็นเกรงใจ มองไป เห็นแผนกขายเสื้อผ้าเด็ก ฉุกคิดอะไรได้บอกว่ารู้แล้วว่าอยากได้อะไร

ห่านเดินสวนนักบื้อ บื้อมองอย่างทึ้งว่ากล้าถึงขนาดนี้เลยหรือ คุณชายแนะนำให้ทั้งสองรู้จักกัน บื้อแกล้งพูดให้ห่านตกใจว่า รู้สึกหน้าคุ้นๆ ห่านยิ้มหวานจีบปากจีบคอพูดว่า

“คงเป็นไปไม่ได้หรอกค่ะ เพราะฉันเพิ่งกลับมาจากเมืองนอก” แล้วรีบตัดบทบอกคุณชายว่ามืดแล้วตนคงต้องกลับเสียที คุณชายจึงเดินไปส่ง

เป็นเรื่องอีกจนได้ เมื่อเธอบอกว่าวันนี้มาแท็กซี่ คุณชายจึงจะไปส่งที่บ้านดีกว่า ห่านถึงกับกลืนน้ำลายฝืดคอ แต่ยังไงก็ต้องแก้ปัญหาให้ได้ ออกอุบายขอตัวไปเข้าห้องน้ำ โทร.หาบื้อเจ้าเก่า พอบื้อฟังห่านจบก็โวย

“นี่เธอจะบ้าเหรอ พอเลยพอ คราวที่แล้วเอารถ คราวนี้เอาบ้าน เห็นฉันเป็นอะไร”

แต่พอห่านอ้อนขอให้ช่วยอีกสักครั้ง บื้อก็บ่น “ถามจริงเหอะ การที่ต้องโกหกคนอื่นว่าเราไม่ใช่ตัวเรา มันมีความสุขตรงไหน ถ้าเราอยากให้ใครสักคนรักเรา เราก็ต้องเป็นตัวของเราเอง แล้วถ้าวันหนึ่งคุณชายรู้ว่าเธอไม่ใช่เจ้าหญิงเหมือนที่สร้างภาพไว้ เขาจะรับได้รึเปล่า” บื้ออบรมยาวเหยียด ห่านอึ้งไปครู่ใหญ่ จึงชี้แจงตามความคิดของตัวเอง

“แต่ในชีวิตลูกผู้หญิง การได้รักใครสักคนมันก็เหมือนการลงวิ่งแข่ง ในเมื่อคู่แข่งมีรองเท้าผ้าใบคู่ละหลาย หมื่น ในขณะที่ฉันไม่มีรองเท้าจะใส่ แต่เมื่อเห็นรองเท้าผ้าใบของใครก็ไม่รู้วางไว้ ฉันก็ต้องหยิบรองเท้าคู่นั้นมาใส่เพื่อให้สมนํ้าสมเนื้อกับคู่แข่ง ถ้าฉันชนะผลตอบแทนที่ได้คือช่วงเวลาดีๆช่วงหนึ่งในชีวิต แม้สุดท้ายจะถูกจับได้ว่าแอบขโมยรองเท้าคนอื่นมาใส่ฉันก็ยอม”

บื้อฟังแล้วถอนใจยาว ก่อนหยิบคีย์การ์ดห้องคอนโดฯที่สุรเดชยัดเยียดให้ออกมาดูอย่างชั่งใจ

ooooooo

ห่านต้องแก้ปัญหามากมายขณะคุณชายขับรถไปส่งที่คอนโดฯ นับแต่ไม่รู้ว่าคอนโดฯอยู่ที่ไหนใช้คีย์การ์ดไม่เป็น ตกใจเมื่อเปิดห้องเข้าไปแล้วไฟติดอัตโนมัติ
คุณชายแปลกใจที่เธออยู่คอนโดฯ ห่านปดว่ากว่าจะขอคุณพ่อคุณแม่ออกมาอยู่เองได้ก็แทบแย่ ซํ้าพอเข้าห้องยังมีรูปวาดเกย์กอดกันติดที่ผนัง เธอต้องปดต่อว่า

“รูปนี้เพื่อนคุณแม่ให้มาน่ะค่ะ เขาเป็นศิลปินต่างประเทศ คุณชายเข้าใจใช่ไหมคะว่าพวกศิลปินมักจะมีอารมณ์แปลกๆ”

คุณชายพยักหน้างงๆ ห่านแอบด่าบื้อในใจว่าเอา ห้องใครมาให้ก็ไม่รู้!

บื้อติดตามสถานการณ์อย่างใกล้ชิด พอเห็นห่านกับคุณชายเดินเข้าคอนโดฯก็ออกจากที่ซ่อน พลันก็แทบช็อกเมื่อเจอสุรเดชกำลังเดินมาพอดี บื้อรีบโทร.บอกห่าน พอห่านเห็นเป็นเบอร์บื้อก็กดทิ้งบอกคุณชายว่า สงสัยโทร.ผิด

“ยัยบ้าเอ๊ย...ตัดสายทิ้งทำไมเนี่ย! จะตายอยู่แล้วยังไม่รู้ตัวอีก” บื้อร้อนรนไม่รู้จะทำอย่างไร สุดท้ายตัดสินใจ เดินเข้าไปทักสุรเดช ฝ่ายนั้นดีใจจนเนื้อแทบเต้นที่บื้อมาหาถึงคอนโดฯ แต่บื้อกลับบ่นหิวชวนไปหาอะไรกินกันก่อนดีกว่า

“หืมมม...มาถึงนี่แล้วจะออกไปกินข้างนอกทำไม พี่มีของกินเยอะเลยบนห้อง” แม้บื้อจะอ้างว่าไม่อยากให้เขาเหนื่อยแต่สุรเดชเต็มใจเหนื่อย จนหมดมุกที่จะเล่นเลยจำต้องตามสุรเดชขึ้นห้องไป

ในห้อง คุณชายขอถ่ายรูปคู่กับห่าน ให้ห่านขยับเข้ามาใกล้มองหน้ากันเคลิ้ม จนห่านเขินพอถ่ายเสร็จก็ผละออกทันที

บื้อกับสุรเดชเดินมาถึงหน้าห้องพอดี บื้อใช้ไม้สุดท้ายทำเป็นปวดท้องกะทันหัน นึกว่าสุรเดชจะพาไปโรงพยาบาลที่ไหนได้ เขากลับบอกว่าไม่เป็นไรในห้องมียา บื้อหมดมุกจำต้องตามเข้าไปในห้องนึกสยองในใจว่าซวยแน่

แต่พอเข้าห้องบื้ออึ้งที่ไม่เห็นห่านกับคุณชาย เพราะ ทั้งสองออกไปที่ระเบียงระลึกถึงความหลังที่เคยเต้นรำกัน และคุณชายขอเต้นรำกับเธออีกครั้ง

ทั้งบื้อทั้งห่านต่างเครียดหนัก คิดหาทางที่จะสับหลีกสุรเดชกับคุณชายจนหัวแทบแตก แล้วสุดท้ายก็หลุดจากภาวะวิกฤติได้ เมื่อบื้อหลอกให้สุรเดชพาเข้าห้องนอน และห่านก็ทำทีว่าคุณหญิงแม่โทร.ตามตัว ชวนคุณชายรีบกลับ หลบออกจากห้องไปได้อย่างใจหายใจควํ่า

พอรู้ว่าห่านกับคุณชายออกจากห้องไปแล้ว บื้อก็หายปวดท้องเป็นปลิดทิ้ง เพราะขืนเล่นละครต่อไปมีหวังเสร็จสุรเดชแน่ สุรเดชงงมากที่บื้อป่วยเร็วหายไวอย่างน่าอัศจรรย์

ฝ่ายคุณชายตามห่านลงมาเพื่อจะไปส่ง ห่านเดินอ้าวๆ เจอแท็กซี่มาส่งผู้โดยสารพอดีเธอรีบเอ่ยลาคุณชายแล้วโดดขึ้นรถไปเลย คุณชายมองตามร้องเรียกอย่างเป็นห่วง...

“คุณฮันนี่...เดี๋ยวครับ...เดี๋ยว...”

ooooooo

พอกลับถึงบ้าน คุณชายส่งรูปที่ถ่ายคู่กับห่านให้น้องนุชดู น้องนุชชมว่าตาถึง สวยดีถามว่าฮันนี่รับรักเขาแล้วหรือ

“ยัง...ฉันยังไม่กล้าสารภาพกับเขาเลย” น้องนุชเตือนว่าอย่ามัวแต่แอ๊บเดี๋ยวจะโดนใครคาบไป “แล้วฉันจะทำยังไงดี?” คุณชายถามอย่างกังวล

น้องนุชบอกว่า งานนี้เขาต้องช่วยตัวเองแล้วส่วนที่เหลือเป็นเรื่องของโชคชะตา พูดแล้วตัดสายเลย คุณชายหน้าเง้า ถอนใจเฮือกอย่างกลัดกลุ้ม

ฝ่ายห่าน พอกลับถึงบ้านเช่าก็นึกเป็นห่วงบื้อที่ยังไม่กลับ แต่ครู่เดียวบื้อก็กลับมาบอกห่านที่มองอย่างสำรวจว่า ตนยังไม่มีอะไรเสียหาย ห่านปากหวานชมว่าเขาเป็นคนมีนํ้าใจช่วยเหลือคนอื่นใช้ได้เลยล่ะ เลยถูกบื้อชี้หน้าปรามว่า

“ฉันจะช่วยเธอครั้งนี้เป็นครั้งสุดท้าย ฉันไม่อยากกลายเป็นผู้สมรู้ร่วมคิดกับเธอ”

ห่านยืนยันว่าตนไม่ได้หลอก บื้อถามว่าที่หลอกให้คุณชายซื้อของให้ตั้งมากมายนั่นไม่ได้หลอกหรือ พูดใส่หน้าว่า ผู้ร้ายที่ไหนจะยอมรับว่าตัวเองเป็นผู้ร้าย

“ฉันไม่ได้เป็นผู้ร้าย แล้วของพวกนี้ฉันก็ไม่ได้ซื้อให้ตัวเอง ถ้านายไม่เชื่อ พรุ่งนี้ไปกับฉัน”

รุ่งขึ้น ห่านพาบื้อไปที่ “บ้านเด็กกำพร้าทอตะวัน”

ที่นั่นห่านได้เจอกับครูสมพรที่เลี้ยงดูห่านมาตั้งแต่เด็ก แล้วมอบเสื้อผ้าเด็กที่ซื้อจากห้างฯเมื่อวานให้เด็กๆ ครูสมพรเห็นเสื้อผ้าดีๆก็ติงว่า ห่านไม่น่าต้องเสียเงินเสียทองซื้อเลย

“ห่านไม่ได้ซื้อเองค่ะ มีคนใจบุญซื้อให้”

“ถ้าอย่างนั้น ฝากไปขอบคุณเขาด้วยนะ”

บื้อมองห่านอย่างรู้สึกผิดที่เข้าใจห่านผิดไป แล้วบื้อก็ได้ฟังเรื่องราวในชีวิตของห่านนับแต่จำความได้ว่า...

“แม่ครูสมพร เป็นคนเลี้ยงฉันมาตั้งแต่เกิด เป็นเหมือนแม่แท้ๆ ฉันไม่รู้ว่าพ่อแม่ตัวเองเป็นใคร ไม่รู้ว่าเกิดที่ไหน รู้แต่ว่าฉันโตที่นี่...ชีวิตฉันไม่ได้โรยด้วยกลีบกุหลาบ ต้องดิ้นรนเอาชีวิตให้รอดไปวันๆ ฉันไม่เคยมีเสื้อผ้าใหม่ใส่ ต้องรอให้คนมาบริจาค เล็กบ้าง ใหญ่บ้าง ก็ทนๆกันไป ของเล่นเก่าๆที่คนอื่นโยนทิ้งกลายเป็นของเล่นมีค่ามากที่สุดสำหรับเด็กที่นี่”

ห่านเล่าชีวิตในวัยเยาว์ในสถานเลี้ยงเด็กกำพร้าเศร้าๆ บื้อมองเธออย่างเห็นใจ

“ใครไม่เจอเรื่องราวแบบนี้ ไม่มีทางเข้าใจ นายอาจจะมองว่าสิ่งที่ฉันทำอยู่มันผิด แต่สำหรับฉัน การที่ได้เป็นอย่างที่ฝัน...เป็นซินเดอเรลล่าที่ได้ใส่รองเท้าแก้วแค่ช่วงสั้น ก็ทำให้ฉันรู้สึกมีความหวังที่จะมีชีวิตอยู่ต่อไป”

บื้อฟังห่านเล่าด้วยความรู้สึกที่เห็นใจสงสารห่านมากขึ้นทุกที พลันทั้งคู่ก็ชะงักกับเสียงทะเลาะกันของเด็กๆ เดินไปดู เด็กคนหนึ่งฟ้องว่า “พวกนี้มาแย่งของเล่นเรา”

“บ้านนี้ไม่มีคำว่าของเล่นของใคร ของเล่นเป็นของทุกคน ฟังพี่ให้ดีนะ ถึงแม้เราจะเป็นเด็กกำพร้า เราก็ต้องทำตัวให้มีคุณค่า อย่าให้ใครเขาตราหน้าเราได้ว่าเป็นเพราะเราไม่มีพ่อแม่ เราถึงเป็นได้แค่นี้ เข้าใจที่พี่พูดรึเปล่า” ห่านถาม

พวกเด็กทั้งหญิงชายตอบพร้อมกันว่า เข้าใจครับ... เข้าใจค่ะ บื้อเลยร้องชวนอย่างร่าเริงว่า

“พี่ว่าเราอย่าเล่นของเล่นกันเลย ไปหาอะไรที่หนุกๆ ทำกันดีกว่า” แล้วนำพวกเด็กๆร้องเล่นเต้นกันอย่างสนุกสนาน เด็กๆเล่นด้วยกันอย่างร่าเริง กลมเกลียวกัน

ooooooo

อ่านละคร ซินเดอเรลล่ารองเท้าแตะ ตอนที่ 3 วันที่ 19 ส.ค. 56

ละครซินเดอเรลล่ารองเท้าแตะ บทประพันธ์โดย ภาคินัย บทโทรทัศน์โดย ปณธี
ละครซินเดอเรลล่ารองเท้าแตะ กำกับการแสดงโดย พีรพล เธียรเจริญ
ละครซินเดอเรลล่ารองเท้าแตะ สร้างสรรค์โดย อรพรรณ วัชรพล
ละครซินเดอเรลล่ารองเท้าแตะ ผลิตโดย บริษัท โพลีพลัส เอ็นเตอร์เทนเม้นท์ จำกัด
ละครซินเดอเรลล่ารองเท้าแตะ เป็นละครโทรทัศน์แนว คอมเมดี้
ละครซินเดอเรลล่ารองเท้าแตะ ออกอากาศทาง สถานีโทรทัศน์สีกองทัพบกช่อง 7
ที่มา ไทยรัฐ