อ่านละคร ฟ้าจรดทราย ตอนที่ 3 วันที่ 11 ส.ค. 56

อ่านละคร ฟ้าจรดทราย ตอนที่ 3 วันที่ 11 ส.ค. 56

ในเวลาไล่เลี่ยกันทหารฝ่ายเจ้าชายโอมานสองนายซึ่งถูกสั่งให้เฝ้าพระศพอยู่หน้าห้องถึงกับตาเหลือก เมื่อเข้าไปตรวจดูข้างในห้องพบว่าพระศพหายไป ต่างมองหน้ากันเหมือนรู้ในชะตากรรมของตัวเอง
“ถ้าพระอนุชาทราบ...ตายเหมือนกัน”

ทั้งคู่หยิบมีดสั้นขึ้นมาเชือดคอตัวเองตาย เป็นจังหวะเดียวกับทหารอีกนายหนึ่งเปิดประตูเข้ามาพอดี...


ทางฝ่ายเจ้าชายโอมานรำคาญมเหสีเอกที่เอาแต่คร่ำครวญไม่เลิกไม่แล้ว เดินหนีออกจากห้องบรรทมกำชับนางกำนัลให้เฝ้าเจ้าหญิงไว้อย่าให้หนีไปไหนเด็ดขาด ไม่เช่นนั้นจะคอขาดเหมือนอะมีนา จังหวะนั้นมุสตาฟาลากทหารนายนั้นที่เข้าไปในห้ององค์อาหเม็ดเป็นคนสุดท้ายมาด้วย พร้อมกับรายงานว่า พระศพองค์ อาหเม็ดหายไป แล้วเหวี่ยงทหารนายนั้นไปกองแทบเท้าเจ้าชายโอมาน สั่งให้เล่าเรื่องราวที่เกิดขึ้น

“ข้าพระเจ้าเห็นกับตา พระศพหายไป” สิ้นเสียง ทหาร เจ้าชายโอมานชักดาบตวัดคอวูบเดียวคนพูดล้มตึงจมกองเลือดแล้วสั่งให้มุสตาฟาจัดการกุดหัวทหารเฝ้าพระศพและให้ออกตามหาพระศพให้พบ

“พวกนั้นชิงฆ่าตัวตายแล้ว มันกลัวความผิด”

ooooooo

เจ้าหญิงสุไบดาไม่แปลกใจนักเมื่อนายทหารชั้นผู้ใหญ่ซึ่งเป็นฝ่ายเดียวกับองค์อาหเม็ดเข้ามาแจ้งว่าเจ้าชายโอมานก่อการกบฏยึดอำนาจทั้งหมดไว้แล้ว และพวกตนได้รับคำสั่งให้มาคอยอารักขาเจ้าหญิง

“ขอบใจ ฉันไม่ไปไหนหรอกจะอยู่ที่นี่ โอมานจะส่งทหารมาทำอะไร ท่านก็ดูแลให้ด้วยแล้วกัน”

ไบคานขอแค่อยากให้ต้องเลือดตกมากนัก ถ้าสู้ไม่ไหวก็ให้ยอมแพ้อย่าเสี่ยงชีวิต เหล่านายทหารรับคำแล้วกลับออกไป ไบคานอดเป็นห่วงลูกชายไม่ได้ ไม่รู้ว่าป่านนี้จะเป็นอย่างไรบ้าง

“ไม่ต้องห่วงชารีฟ น้องเชื่อว่าชารีฟเตรียมการป้องกันไว้แล้ว” เจ้าหญิงสุไบดาเหมือนจะพูดปลอบใจตัวเองมากกว่าจะปลอบใจสามี...

เหตุการณ์วุ่นวายในวังหลวงยังไม่สงบ ทหารทั้งสองฝ่ายยังคงปะทะกันประปราย เจ้าชายโอมานสั่งการให้พลวิทยุประกาศจับชารีฟมารับโทษให้ได้ เพราะคิดว่าเขาเป็นตัวการขโมยพระศพไป จังหวะนั้น มีวิทยุแจ้งเข้ามาว่า มีเครื่องบินไม่ปรากฏสัญชาติบินขึ้นทางทิศตะวันตกของสนามบิน ทหารที่คุ้มกันสนามบินถูกฆ่าตาย และมีคนเห็นนายพลมุสกัตเป็นผู้นำการโจมตี สงสัยว่าจะเป็นการโยกย้ายพระศพองค์อาหเม็ด

“ไอ้มุสกัต มันมาจากชายแดนได้ทันเวลาหรือนี่ ต้องเป็นไอ้ชารีฟที่ร่วมมือกัน...จับมันให้ได้” เจ้าชายโอมานเข่นเขี้ยวด้วยความแค้น...

ทางด้านมิเชลล์ซึ่งอยู่ในชุดสวยอาศัยความมืดวิ่งลัดเลาะไปตามต้นไม้อย่างระแวดระวัง แต่รองเท้าที่สวมเป็นรองเท้ามีส้นทำให้สะดุดโน่นสะดุดนี่ล้มลุกคลุกคลานตลอดทาง เธอจำต้องโยนรองเท้าทิ้งแล้ววิ่งเท้าเปล่าตรงไปยังตึกเหลืองซึ่งตั้งอยู่ริมหน้าผา โดยไม่ล่วงรู้ว่าหะยีกำลังตามมาและเจอรองเท้าที่เธอถอดทิ้งไว้

หญิงสาวหยุดพักเหนื่อย มองไปเบื้องหน้าเห็นตึกเป้าหมายอยู่ไม่ห่างนัก สูดลมหายใจเรียกกำลังแล้วขยับจะวิ่งต่อ แต่ต้องรีบหลบหลังพุ่มไม้เมื่อเห็นทหารยืนยามฝ่ายตรงข้าม 2 นาย เดินสูบบุหรี่มาตามทาง ทั้งคู่มัวแต่คุยกันเกือบชนหะยีที่วิ่งสวนมา เขาถามอะไรบางอย่าง ทหารสองนายนั่นส่ายหน้าเป็นทำนองไม่รู้ไม่เห็น หะยีไม่พอใจมากชักดาบฟันทั้งคู่ล้มคว่ำจมกองเลือด มิเชลล์กลัวมาก ตัดสินใจวิ่งหลบๆไปอีกทางหนึ่ง...

ข่าวการสิ้นพระชนม์ขององค์อาหเม็ดทำให้สุไบดาวิตกกังวลในความปลอดภัยของลูกชาย ขอร้องให้ไบคานส่งวิทยุไปถึงพ่อค้าอูฐลูกน้องเก่าของเขา

“โอ...จริงสิ เขาจะออกเดินทางคืนนี้”

“ถ้าชารีฟจำเป็นต้องหนี พ่อค้าอูฐลูกน้องท่านพี่นี้แหละ จะช่วยได้ เร็วท่านพี่”

ooooooo

ในเวลาเดียวกัน ภายในตึกเหลือง เสียงประกาศทางวิทยุว่าองค์อาหเม็ดสิ้นพระชนม์แล้ว ทำให้ชารีฟเป็นเดือดเป็นแค้นจะออกไปจัดการเจ้าชายโอมานให้สิ้นซาก การิมกับเหล่าทหารคนสนิทต้องช่วยกันจับไว้จนเขาสงบและมีสติ พวกนั้นจึงปล่อยมือ ชารีฟโกรธจัดทุบโต๊ะเปรี้ยง โวยลั่น

“ไหนฝ่ายข่าวบอกว่าโอมานจะลงมือหลังจากองค์อาหเม็ดกลับจากอิชฟาอัคได้ 3 วันไง”

การิมเองก็ไม่เข้าใจเหมือนกันทำไมเจ้าชายโอมานถึงเปลี่ยนแผนการกะทันหัน หรือว่าได้ข้อมูลอะไรมา ชารีฟมั่นใจว่าต้องเป็นเพราะองค์อาหเม็ดแต่งตั้งเจ้าชายอับดุลลาเป็นผู้สำเร็จราชการแทนเจ้าชายโอมานแน่นอน แสดงว่าข้าราชการชั้นผู้ใหญ่ของเจ้าชายอับดุลลาต้องเป็นไส้ศึก รีบสั่งการให้ทหารส่งข่าวไปแจ้งทางอิชฟาอัคให้ระวังตัว พลันมีเสียงประกาศทางวิทยุดังขึ้นอีกครั้งหนึ่ง

“ประกาศด่วน ผู้ก่อการกบฏและปลงพระชนม์องค์อาหเม็ดคือ ราชองครักษ์ชารีฟ คาดว่าจะหลบหนีออกนอกประเทศ ผู้ใดพบขอให้แจ้งทางการ จะมีรางวัลอย่างงาม”

ชารีฟขบกรามแน่นสีหน้าเจ็บช้ำ ระหว่างนั้น

มีวิทยุคลื่นสั้นจากพ่อของชารีฟว่า จะส่งข่าวเส้นทางหลบหนีมาให้ในอีก 10 นาที ท่านราชองครักษ์หนุ่มไตร่ตรองดูแล้วตัดสินใจสั่งให้การิมกับพวกทหารแยกย้ายกันหนี การิมจะขอไปกับเจ้านาย แต่เขาไม่อนุญาต ขืนอยู่ด้วยจะยิ่งอันตราย เจ้าชายโอมานต้องการแค่เขาคนเดียวเท่านั้น การิมรับคำแล้วออกไปอย่างรวดเร็ว เป็นจังหวะเดียวกับคนของไบคานวิทยุเข้ามาพอดี

“อูฐที่สั่งซื้อจะมาถึงเมืองโฮไดดะ ให้ไปรับได้ที่พ่อค้าขี่ม้าขาวตัวแรก”

พลวิทยุกรอกเสียงถามว่า จะมาถึงเวลาอะไร มีเสียงตอบแทบจะไม่ได้ยินว่า ตีสี่แล้ววิทยุก็ขาดการติดต่อ พลวิทยุโวยวายว่า ยังไม่ทันจะรู้เรื่องสัญญาณขาดไปเสียแล้ว ชารีฟวางมือบนบ่าของเขา

“ทำไมจะไม่รู้เรื่อง เราจะต้องไปเมืองโฮไดดะกับพ่อค้าอูฐ ออกเดินทางตีสี่...เจ้าสองคนหาทางกลับไปบ้านบิดาเรา เรียนท่านว่าเราจะไปตามเส้นทางที่ท่านจัดให้และวันหนึ่งจะกลับมาหาท่าน”

พลวิทยุทั้งสองนายรีบออกไปทันที ชารีฟหยิบสร้อยห้อยเหรียญตราประจำราชวงศ์สวมคอไว้ หยิบมีดโค้งคล้ายเสี้ยวพระจันทร์ขึ้นมาเหน็บเอว แล้วรีบออกจากตึก เหลือบมองไปยังตำหนักของเจ้าหญิงฟารีดาแล้ว อดเป็นห่วงมิเชลล์ไม่ได้ แต่ไม่รู้จะช่วยเหลืออย่างไร ได้แต่อวยพรให้เธอโชคดี

ooooooo

ขณะที่มิเชลล์วิ่งลัดเลาะมาด้านหลังตึกเหลือง มีร่างของใครคนหนึ่งโผล่พรวดมาปิดปาก พร้อมกับรวบตัวไปหลังพุ่มไม้หนา เธอดิ้นรนสุดฤทธิ์ทั้งเตะทั้งถีบ ชารีฟกดหน้าเธอแนบพื้นพลางกระซิบเสียงดุ

“หยุดดิ้น...เดี๋ยวก็ได้ตายกันทั้งคู่หรอก มีคนมาโน่นเห็นไหม”

ทั้งชารีฟและมิเชลล์รอจนพวกทหารฝ่ายกบฏผ่านไปแล้ว จึงค่อยๆคืบคลานออกจากตรงนั้น เธอแจ้งว่า กำลังจะไปหาเขาอยู่พอดี อะมีนาบอกว่าเจ้าชายโอมานก่อการกบฏ

“องค์อาหเม็ดสิ้นพระชนม์แล้ว พวกกบฏกำลังตามล่าฉัน วิทยุประกาศทุกสถานี เราต้องรีบหนีไปจากที่นี่”

“หนี...หนีไปไหน เราจะไปไหนคะ” มิเชลล์เสียงสั่น ชารีฟจะพาหนีไปในทะเลทราย ไปตายเอาดาบหน้า ยังดีกว่าถูกพวกนรกนั่นจับไปทรมาน แล้วถามเธอว่าจะไปเสี่ยงกับเขาหรือจะอยู่เผชิญหน้ากับเจ้าชายโอมาน มิเชลล์นิ่งคิดอยู่อึดใจ ก่อนจะตัดสินใจไปด้วย

“ทะเลทรายที่เราจะไปเขาเรียกว่า แดนมรณะเป็นจุดที่ร้อนจัดที่สุดและมีเบดูอินท่องที่ยวไปทั่ว ชนเผ่านี้ดุร้ายกับคนที่เขาคิดว่าเป็นศัตรู เราอาจจะไม่รอดชีวิตกลับมา”

มิเชลล์ยังคงยืนยันคำเดิม ชารีฟสั่งให้เธอถอดเครื่องประดับออกให้หมด รวมทั้งที่ติดอยู่บนผมด้วย เธอทำตามสั่ง แล้วปลดที่ติดผมออกเป็นอย่างสุดท้าย ผมยาวสลวยชวนมองทำให้ชายหนุ่มตะลึงในความงาม เอื้อมมือมาแตะผมสวยอย่างลืมตัว พอรู้สึกตัวเขาทำเป็นจัดผมให้เธอแก้เก้อ ก่อนจะเสหยิบเครื่องประดับทั้งหมดยัดใส่ถุงผ้าที่สะพายติดตัวมา จากนั้นชารีฟหลบออกไปเอาเสื้อของทหารที่นอนตายอยู่แถวนั้นมาให้เธอเปลี่ยน

กลิ่นคาวเลือดผสมกลิ่นเหม็นสาบของเสื้อ ทำให้หญิงสาวจะอาเจียนเสียให้ได้ แต่สุดท้ายก็จำต้องใส่

ชารีฟหายไปจากพุ่มไม้อีกครั้ง สักพักก็กลับมาพร้อมกับผ้าอีกสองผืน และเชือกฝ้ายสีดำถักเป็นเกลียวสำหรับคาดหัว โดยที่มิเชลล์ไม่ทันได้ตั้งตัว เขาคว้าผมสลวยของเธอมากำไว้ ใช้มีดสั้นตวัดไปมาสองสามครั้ง ผมยาวเหลือสั้นแค่คอ แถมยังแหว่งอีกต่างหาก หญิงสาวถึงกับน้ำตาคลอ ต่อว่าเสียงดังว่า ทำไมต้องตัดผมเธอด้วย

อ่านละคร ฟ้าจรดทราย ตอนที่ 3 วันที่ 11 ส.ค. 56

ละครฟ้าจรดทราย ประพันธ์โดย โสภาค สุวรรณ
ละครฟ้าจรดทราย บทโทรทัศน์โดย ศัลยา สุขะนิวัตต์
ละครฟ้าจรดทราย กำกับการแสดงโดย สยาม สังวริบุตร
ละครฟ้าจรดทราย ผลิตโดย ค่าย ดาราวิดีโอ
ละครฟ้าจรดทราย ออกอากาศทุกวันจันทร์ และวันอังคาร เวลา 20.30 น. ทางช่อง 7 สี
ละครฟ้าจรดทราย เริ่มตอนแรกวันจันทร์ที่ 12 สิงหาคม 2556
ที่มา ไทยรัฐ