อ่านละคร บ่วงนฤมิต ตอนที่ 9 วันที่ 18 ม.ค.62
“ต้องพูดว่าพี่ได้ดรีมทีมมาร่วมงานจริงๆ ปลื้มค่ะ ปลื้ม”คเชนทร์ถามว่าถ้าเอ้สนใจเรื่องนี้ทำไมไม่ตามเขาไป อรนภาอ้างว่าไกลและกลัวว่าไปฟื้นความจำคนวัย 80 กว่าเกิดเป็นลมขึ้นมาจะลำบาก ย้อนถามว่าแล้วคเชนทร์กับวราจะรู้ได้ยังไงว่าเรื่องที่ขวัญมาเสนอเป็นเรื่องจริงและจะไปขุดคุ้ยกันให้ได้อะไรขึ้นมา
คเชนทร์บอกว่าทำให้เรามีโอกาสทำให้เรื่องมันสมจริงมากขึ้นไม่เป็นละครจนเกินไป อรนภาขัดใจบ่นว่าเห็นดีเห็นงามตามกันไปหมด คเชนทร์ถามว่าแล้วเอ้ไม่เห็นด้วยหรือ
“พอดีมนตร์ดำมันเป่าไม่ถึงเอ้ไงคะ”
“อ๊ะ พูดอย่างนี้เอ้ก็อินกับละครด้วยแล้วน่ะสิ แน่ะ... พี่ว่านะ จริงๆแล้วบอกไม่ได้นะว่าใครอินกับรอยอดีตมากกว่ากันระหว่างขวัญกับเอ้ ยุคนั้นคนยังมีความเชื่อเรื่องมนตร์ดำนะ แต่เดรัจฉานวิชาพวกนี้ก็คงทำลายมากกว่าสร้างสรรค์มันก็เลยหมดไปเอง”
“นั่นน่ะสิ...ยุคนั้นคนเชื่อเรื่องมนตร์ดำจริงๆ” อรนภาพูดราวกับว่าตัวเองเคยเจออะไรแบบนั้นมาในอดีต
คืนนี้เอง ฐิติพา ช่วงกับคนของช่วงสองคนก็กึ่งลากกึ่งจูงกนกแขที่เลื่อนลอยไปที่ใกล้ทางสามแพร่ง เมื่อช่วงกับฐิติพาพูดถึงทางสามแพร่ง กนกแขจึงค่อยๆจำทางสามแพร่งได้
ฐิติพาฟื้นความจำเรื่องปภาคินกับฉัตรชนก ย้ำยุว่าต้องทำให้สองคนนี้เลิกกันและทำให้ปภาคินกลับมาเป็นของเธอให้ได้ พอกนกแขเริ่มจำได้ก็ถามว่า
“มนตร์ที่แรงที่สุดเท่าที่หมอเคยทำให้มาจำไม่ได้เหรอ เรา ฉันกับช่วงจะคอยช่วยเธอ ให้เธอประสบความสำเร็จนะ”
ช่วงกับลูกน้องสองคนก็ช่วยกันจัดแต่งที่เหมือนกนกแขทำพิธีครั้งก่อน แล้วพากนกแขไปนั่งเสื่อที่ปูไว้
“ได้เวลาแล้ว ท่องมนตร์สิ จำได้ดีไม่ใช่เหรอ”
ช่วงพนมมือเป่ามนตร์ไปที่กนกแข ทันใดนั้นเหมือนมนตร์ร้ายในตัวกนกแขถูกปลุกขึ้น เธอจำและประกอบพิธีได้อย่างชำนาญ พริบตาเดียวหมอกสีดำก็คลุมทั่วบริเวณพิธี ลมพัดกรูเกรียวเศษไม้ใบหญ้าปลิวว่อน ต้นไม้โอนเอนน่ากลัว
ขณะนั้นเองธนาขี่จักรยานผ่านมาถูกลมพัดจนต้านไม่ไหวต้องหมอบกับพื้นพยายามเพ่งมองไปข้างหน้า จึงเห็นกนกแขกำลังทำพิธี ลมพัดกรูเกรียวพุ่งไปยังทิศทางที่ไปวัด
ที่วัดหลวงพ่ออยู่ที่กุฏิกำลังใช้ผ้าขาวห่ออังคารของปฐมาเพื่อให้ปภาคินไปลอยที่ทะเลพรุ่งนี้และมอบตะกรุดปลุกเสกไว้ให้เขาป้องกันตัว จะเดินทางไกลก็ให้หมั่นภาวนา หมั่นสวดมนต์ทำจิตให้มั่นไม่ว่อกแว่ก
หลวงพ่อยังทำพิธีช่วยปัดเป่าสิ่งชั่วร้าย ปะทะกับพิธีของกนกแขที่ทางสามแพร่งทำให้พิธีของกนกแขไม่สำเร็จและมนตร์ดำย้อนเข้าตัว
ธนาเห็นกนกแขทำพิธีอยู่ถูกสายฟ้าวาบเข้าที่ตัว กนกแขตกใจลุกวิ่งหนีถูกสายฟ้าฟาดจนล้มลงกลางกองพิธี เสียงหวีดร้องโหยหวนระงมไปทั่ว ธนาวิ่งออกมาเจอลูกน้องสองคนของช่วงถือดาบไล่ฟันแต่ถูกประกายไฟในพิธีกระเด็นเข้าใส่ดาบจนทั้งสองต้องทิ้งดาบและธนาก็กลิ้งตกไปในหลุมหมดสติไป
ooooooo
รุ่งขึ้นชาวบ้านที่พบร่างกนกแขที่บริเวณทางสามแพร่งจึงไปบอกกานติมากับพระยาสารประดิษฐ์ ทั้งสองตกใจแทบสิ้นสติ รีบไปที่ทางสามแพร่ง
กานติมาร้องไห้แทบสิ้นสติเมื่อเห็นศพกนกแข ส่วนพระยาสารประดิษฐ์ก็พยายามคิดหาสาเหตุว่าเกิดอะไรขึ้น กนกแขมาถึงที่นี่ได้ยังไง มองไปรอบๆจึงรู้ว่าทางสามแพร่งนี้เป็นทางแยกไปบ้านปภาคิน จึงสงสัยว่า ปภาคินจะเกี่ยวข้องกับเรื่องนี้ด้วย
เวลาเดียวกันปภาคินทำพิธีให้แม่เสร็จก็เตรียมย้ายถิ่นฐานเพื่อพาพ่อไปจากที่ที่สร้างบาดแผลในชีวิตอย่างสาหัส แต่ขณะกำลังขนของกันนั้นเอง พระยาสารประดิษฐ์ก็อุ้มร่างแข็งทื่อของกนกแขเข้ามาตะคอก
“จะหนีไปไหนกัน!”
ปภาคินถามว่าเกิดอะไรขึ้น พระยาสารประดิษฐ์หาว่าปภาคินรู้เห็นการตายของกนกแข และเรียกร้องให้เขารับผิดชอบเพราะกนกแขก็เป็นเมียของเขาคนหนึ่ง ปภาคินไม่อยากให้พ่อต้องมาวุ่นวายกับเรื่องนี้จึงให้วรดาพาพ่อล่วงหน้าไปก่อนตนจะตามไปให้เร็วที่สุด
พวกขวัญอุมายังศึกษาปะติดปะต่อเรื่องราวกันอย่างจริงจัง ธีรัชบอกว่า
“ตามบันทึกของปภาคินไม่ได้บอกสาเหตุการตายของกนกแขไว้ชัดเจน ใช้คำว่าอาจจะโดนฟ้าผ่า แต่ที่น่าแปลกที่เวลานั้นไม่มีฝนฟ้าคะนองและไม่มีใครเห็นฟ้าผ่าในวันนั้น”
“แปลกจริง ผมรู้สึกคล้ายกับเคยเห็นอะไรบางอย่างที่เป็นแบบนี้ แต่จำไม่ได้แล้วว่าเป็นที่ไหน”
ฉายฉานแทรกขึ้นเมื่อคล้ายกับมีอะไรบางอย่างเตือนความทรงจำขึ้นมา
ooooooo
ธนาที่สลบอยู่ในหลุมรู้สึกตัวพยายามขึ้นจากหลุมเห็นสภาพยับเยินในบริเวณทำพิธีก็มองตามพื้นดินจนเห็นรอยที่กนกแขเคยฝังตุ๊กตาทำเสน่ห์คราวก่อน ลองขุดจึงพบเศษตุ๊กตาที่มีชื่อปภาคินกับฉัตรชนกซึ่งแตกหักและเปรอะเปื้อนเพราะถูกฝังมานาน
ธนาจึงเอาเศษตุ๊กตาไปให้ป้าสมดูบอกว่าตนเคยเห็นกนกแขที่ทางสามแพร่งนี่ครั้งหนึ่ง เมื่อคืนนี้ก็เห็นอีกเหมือนเขาทำพิธีอะไรอยู่ ป้าสมตกใจถามว่าของสกปรกแบบนี้ครูธนาเอามาทำไม ธนาบอกว่าตนจะเอามาถามแขว่าสิ่งที่ตนเห็นเมื่อคืนนี้จริงหรือเปล่า จึงรู้ว่ากนกแขถูกฟ้าผ่าตายไปแล้ว
ป้าสมบอกว่าของนี้ไม่ดี อย่าเอาเข้าบ้าน ให้ครูเอาไปทิ้งเสียก่อนที่จะมีใครมาเห็น
ครูธนาจึงไปที่ตลาดหลังโรงเรียนที่ตัวเองสอนอยู่ ขณะไปซื้อตั๋วเรือเห็นฐิติพากับช่วงปลอมตัวซื้อตั๋วเรือเหมือนกันจึงตามไป เห็นทั้งสองไปหาหมอเสน่ห์ที่บ้าน ธนาจึงแอบฟังที่ใต้ถุนเรือน
ช่วงบอกหมอเสน่ห์ว่ากนกแขตายไปขณะทำพิธี ตนอยากรู้ว่ามันเกี่ยวกับเวทมนตร์ที่พ่อหมอทำไปให้หรือเปล่าและมันจะเกี่ยวกับพวกตนไหม หมอเสน่ห์ถามว่าแล้วของที่ให้ไปอยู่ที่ไหน ฐิติพาสบตากับช่วงเพิ่งนึกได้ว่าไม่ได้คิดถึงเรื่องนี้เลย หมอเสน่ห์ถามว่าไปพลาดท่าไหน
เมื่อฐิติพากับช่วงเล่าให้ฟัง หมอเสน่ห์บอกว่าทางมันต้องมีคนดีแก้อาคมตนได้ดีกว่าเหนือกว่า มนตร์จึงกลับมาเข้าตัว บอกว่า
“พวกแกต้องกลับไปเอาของที่ลงอาคมไว้กลับมาให้ข้าถอนอาคมก่อนหาไม่แล้วจะเดือดร้อนกันหมด เพราะอาคมของข้ามันกล้าแข็งนักไม่มีใครสามารถทำลายล้างได้ ผู้มีคุณบริสุทธิ์สะอาดอาจปกป้องตนจากความขลังและฤทธานุภาพของอาคมข้า แต่หากเกิดเหตุเช่นนั้นขึ้น อาคมจะย้อนกลับมาทำลายผู้ประกอบและเกี่ยวข้องกับการปรับปรุงอาคมทุกคนไม่มีเว้น”
ฐิติพาถามว่าแล้วทำยังไงเราจึงจะป้องกันได้ หมอเสน่ห์บอกว่าต้องเก็บของขลังทุกอย่างที่เกี่ยวข้องกับการลงอาคมกลับมาให้ตนถอนอาคมเสียก่อน ทุกอย่างที่มันจะสืบสาวมาถึงเราได้ต้องเก็บมาให้ครบ
ธนาแอบฟังแล้วคิดได้ว่าตนพอจะมีวิธีทำลายคนชั่วพวกนี้ได้ เขารีบออกจากใต้ถุนเรือนหมอเสน่ห์หลบออกมาทางปากซอย
ooooooo
อรนภากับแต้วแร้วเดินทางไปนครสวรค์ พอเจอฉายฉานก็ถามว่าคนที่รู้ประวัติดีอยู่ที่ไหนตนอยากเจอ ฉายฉานบอกว่าเราถามกันเสร็จตั้งแต่เมื่อวาน วันนี้เราจะกลับกันแล้ว
อรนภาไม่ยอมกลับลากฉายฉานให้พาไปหาแม่ชีป่าน ใครไม่ไปก็ช่างแต่อย่ากีดกันตน ขวัญอุมาบอกลูกปลาให้ปล่อยเขาไปแล้วเราค่อยตามไปทีหลังไปดูว่าพวกนั้นจะทำอะไรคุณยายป่าน ธีรัชเพิ่งลงมาถามว่าพวกคุณไม่กินข้าวกันเหรอ ฉายฉานยังไม่ลงมาหรือ ลูกปลาบอกว่าลงมาแล้วและถูกยัยเอ้ฉกไปแล้ว
ขวัญอุมาบอกไม่ต้องกินข้าวแล้วไปหายายป่านกัน ธีรัชถามว่าไปทำไม ขวัญอุมาบอกว่าไม่ต้องถาม แล้วดึงแขนธีรัชตามอรนภาไป
ไปถึงวัดปากน้ำโพ ฉายฉายแนะนำว่าอรนภาที่ตนพามานี้แสดงละครเรื่องรอยอดีตเหมือนกัน แม่ชีป่าน ถามว่าขวัญอุมาไม่ได้มาด้วยหรือ ก็พอดีขวัญอุมามาถึงแม่ชีทักว่านึกว่ากลับกรุงเทพฯแล้วเสียอีก ขวัญบอกว่าตั้งใจจะกลับกรุงเทพฯแต่บังเอิญมีอุปสรรค
อรนภาถามแม่ชีป่านราวกับทนายซักจำเลยว่ามีข้อพิสูจน์อะไรที่บ่งบอกว่าเกี่ยวข้องกับเรื่องในหนังสือ แม่ชีพูดอย่างสงบเยือกเย็นว่าถ้าคุณคนนี้ร่วมแสดงในละครเรื่องรอยอดีตเหมือนกันก็คงต้องบอกว่ายินดีที่ได้รู้จัก อรนภาถามเสียงกระด้างว่า
“แล้วคุณยายจะตอบคำถามฉันได้หรือยังคะ”
“กรรมที่ทำในอดีตชาติเรียกว่ากรรมเก่า ส่วนกรรมที่ทำในปัจจุบันชาติเรียกว่ากรรมใหม่ ความมีชีวิตดีหรือชั่วขึ้นอยู่กับกรรมที่ทำแล้วแต่บุคคลด้วย” อรนภาดักคอว่าต้องทำบุญสักเท่าไหร่ “คนเราสร้างบุญให้ตัวเองได้ค่ะ ทำความดีละเว้นความชั่ว ทำจิตใจให้บริสุทธิ์เท่านี้ก็ได้บุญแล้ว”
แต้วแร้วขัดคอว่าเรามาถามเรื่องความจริงไม่ได้มาขอฟังเทศน์
“ที่เรียกว่าสัจธรรมเพราะธรรมะเป็นจริงนะคะ เรื่องราวทั้งหมดที่คุณมาถามฉันก็เกี่ยวพันแต่เรื่องกรรมทั้งนั้น กรรมที่สร้างไว้ต่อกันมันผูกพันเราไว้ด้วยกัน”
อรนภาตัดบทว่าตนอยากรู้ว่ามีหลักฐานเรื่องจริงอะไรที่เกี่ยวกับความจริงของนิยายรอยอดีต
แม่ชีจึงเล่าถึงความเกี่ยวพันและลำดับญาติให้ฟังโดยขวัญอุมาที่ศึกษาค้นคว้าและความรู้สึกจากจิตใต้สำนึกของตนและลูกปลาคอยเสริมในบางตอน แม่ชีเอาอัลบั้มเก่ามาเปิดให้ดูรูป เล่าว่า คุณฉัตรชนกคือแม่ของตน ฉัตรชนกคือหม่อม ราชวงศ์ฉัตรชนก โสภณ ทายาทวังโสภณ คือที่นิยายรอยอดีตตั้งชื่อว่าโฉมเฉลา แล้วป้ายความผิดทั้งหมดใส่เธอ
อรนภาด่าว่าบ้า ตนเจอคนลวงโลกเข้าแล้ว ชี้หน้าขวัญอุมากับลูกปลาที่ช่วยเสริมให้แม่ชีป่านว่าสมคบกับยายนี่ด้วยใช่ไหม แล้วชี้ที่รูปว่านี่ยัยขวัญชัดๆ เย้ยว่าแต่งรูปกันเสียจนน่าหัวเราะจริงๆ แม้ธีรัชกับฉายฉานจะช่วยกันชี้แจงก็เยาะเย้ยว่าตนกำลังดูรายการลวงโลก
แม่ชีป่านย้ำว่าครูฉัตรเป็นแม่ของตน แม่ตายไปแล้วกว่าสี่สิบปี ฉายฉานเสริมว่าถ้าให้ตนสรุป ขวัญอุมาในชาตินี้คือฉัตรชนกในครั้งโน้น อรนภาด่าว่าบ้ากันไปหมดแล้ว แต่ฉายฉานยังใจเย็นเล่าความรู้สึกของตนว่า
“มันน่าทึ่งมากรู้ไหมเอ้ ตลอดเวลาที่เปิดกล้องแล้วถ่ายทำกันมา บางฉากบางตอนเรารู้สึกว่ามันไม่ใช่อย่างนั้น เรื่องราวมันไม่ได้เป็นอย่างนั้น ไม่ใช่แต่ขวัญคนเดียวที่รู้สึก ผมก็รู้สึก ผมถึงได้ช่วยขวัญสืบเรื่องนี้จนได้พบคุณยายป่าน”
“แล้ว?” อรนภาถามอย่างท้าทาย ธีรัชพูดต่ออย่างมั่นใจว่า
“ฉัตรชนกหรือในเรื่องรอยอดีตคือโฉมเฉลาถูกคุกคามและหนีออกมาจากบ้านที่ศรีราชา โดยที่ยังไม่รู้ว่าตัวเองมีคุณป่านอยู่ในท้อง เธอไม่เคยรู้เรื่องโจรปล้นบ้านสามีเลย”
“อ้อ...มาฟอกกันถึงตรงนี้เอง เรื่องในนิยายยังเอาเป็นเอาตายกันขนาดนี้ กลัวไม่ได้เป็นนางเอก”
“กลัวไม่ได้เป็นนางเอกเหรอ น่าเสียดายบทบาทของกนกแขตัวจริงของพิมพ์แขในรอยอดีตเนี่ย เรายังไม่รู้ว่าจบยังไง คงจะต้องไปถามคุณโกศลที่ศรีราชาอีก” ขวัญอุมาเสริม
ฉายฉานชวนเอ้ไปด้วยกันไหม อรนภาถามว่าใครคือโกศลที่ศรีราชา ฉายฉานบอกว่าก็ร้านอาหารที่เราไปกินกันวันเก็บของไง แต้วแร้วกระซิบถามอรนภาว่าเอายังไง อรนภาไม่ตอบแต่สีหน้าคิดหนัก
ooooooo
เมื่อไปที่ร้านคุณโกศล ขวัญอุมาพูดออกตัวอย่างเกรงใจว่า
“ต้องรบกวนอีกครั้งนะคะคุณโกศล ตามที่มีข่าวลือว่าครูธนาพาฉัตรชนกหนีไปด้วยกันหลังจากบ้านของปภาคินถูกปล้นแล้วเกิดอะไรขึ้นกับกนกแขหรือคะ”
คุณโกศลอึ้งไปทันที ธีรัชถามว่าคุณโกศลบอกว่าเรื่องของครูธนาพาฉัตรชนกหนีไปด้วยกันไม่ใช่เรื่องจริง แต่เราได้พบลูกสาวของครูฉัตรชนก เธอบอกว่าตอนที่ครูฉัตรเดินทางออกไปจากศรีราชาครูธนาเป็นคนพาไป
คุณโกศลตกใจถามว่าครูฉัตรมีลูกกับครูธนาหรือ ฉายฉานบอกว่าไม่ใช่ ลูกครูฉัตรเป็นลูกของคุณปภาคินติดท้องไปโดยที่ไม่มีใครรู้ แต่ครูธนาพาฉัตรชนกไปปากน้ำโพจริงๆ คงจะไปเป็นเพื่อน อรนภายืนยันว่าอย่างนี้เรื่องก็จบด้วยความรักที่ลงตัวของพระเอกกับนางเอกนิยายของปรานก็ถูกต้องแล้ว
“นิยายเขาว่ายังไงหรือคะ” คุณโกศลถาม
แต้วแร้วสาระแนแทรกว่าก็ปรานได้มาแต่งงานกับเนื้อคู่ที่แท้จริงคือพิมพ์แขน่ะสิ
“ปรานคือปภาคิน และพิมพ์แขคือกนกแข” ธีรัชเชื่อมโยง
ลูกปลาถามว่าคุณทวดสมบอกอะไรไว้บ้างหรือเปล่าเรื่องปภาคินกับกนกแข
“เมื่อช่วงสงครามโลกหมอปภาคินยังได้กลับมาอยู่ที่นี่และได้รักษาพ่อของฉัน ยาอะไรก็ขาดแคลนไปหมด พ่อเล่าให้ฟัง แต่หมอปภาคินก็ได้มาดูแลจนหาย” อรนภาถามว่าแล้วพิมพ์แขล่ะ ขวัญอุมาบอกว่าหมายถึงกนกแข คุณโกศลมองทุกคนบอกว่า “กนกแขเสียชีวิตหลังจากฉัตรชนกหนีไปไม่นานไงคะ”
ooooooo
อรนภากรีดร้องจนคุณโกศลตกใจว่า ไม่จริง! นางเอกตายไม่ได้ ตนเป็นนางเอกจะตายได้ยังไง ตะคอกถามว่า “ทำละครนางเอกตาย แล้วใครจะดู”
ฉายฉานถามว่าพิมพ์แขถูกฟ้าผ่าตายหรือ คุณโกศลบอกว่าเรื่องนี้ไม่ค่อยมีใครกล้าพูดกัน มันเป็นเรื่องไม่ดี แต่คุณย่าพูดให้ฟัง คงอยากให้ความจริงยังคงอยู่กระมัง ขวัญอุมาถามว่า “ความจริงอะไรคะ”
“ครูธนาพบหลักฐานบางอย่างที่เกี่ยวกับมนตร์ดำ และกนกแขก็ตายที่ทางสามแพร่ง”
พอฟังคุณโกศล อรนภาก็สวนทันทีว่าไม่จริง โกหก!
ธีรัชไม่สนใจถามคุณโกศลว่าทำไมกนกแขจะต้องไปที่ทางสามแพร่ง คุณโกศลบอกว่าไม่รู้ ที่ตรงนั้นเป็นที่แรง ตอนหลังตัดถนนกันมากมายทางสามแพร่งเลยหายไป ธีรัชถามว่า “ครูธนาพบอะไรครับ”
ครูธนาไปหาปภาคินที่บ้าน พบแต่นายสุขที่เฝ้าบ้าน บอกว่าท่านไม่อยู่พาคุณพ่อไปพักผ่อน จะกลับเมื่อไรตนก็ไม่ทราบ ครูธนาบอกว่าตนอยากพบคุณปภาคิน นายสุขบอกว่าตนไม่สามารถบอกได้ว่าเขาจะได้พบท่านเมื่อไหร่
“แม้ว่าจะเป็นเรื่องของฉัตรชนกอย่างนั้นหรือ”
“ผมว่าตอนนี้คุณปภาคินคงจะยังไม่อยากรับทราบเรื่องอะไรทั้งนั้นครับ คุณพ่อท่านป่วย ท่านต้องดูแล”
ธนาถามว่าแล้วกนกแขล่ะ นายสุขบอกว่าตนไม่รู้เรื่องของท่านหรอก ธนาถามอีกว่าคืนนั้นคุณปภาคินทำอะไรอยู่ นายสุขรู้ใช่ไหมว่ากนกแขตายไปแล้ว นายสุขบอกว่าท่านไปรับกระดูกและอังคารของคุณหญิงจากหลวงพ่อที่วัดเพื่อนำไปลอยน้ำ
พอธนารู้ว่าปภาคินไปหาหลวงพ่อที่วัดเขาจึงไปวัดคืนนั้นเลย ไปถึงเห็นหลวงพ่อนั่งสวดมนต์อยู่ที่หน้าที่บูชาบนกุฏิ ธนาจึงนั่งลงกราบหลวงพ่อที่บันไดและนั่งคอย
ระหว่างที่หลวงพ่อสวดมนต์นั้น เสียงหวีดกรีดร้องดังมาจากที่ไกลๆอย่างเจ็บปวดรุนแรงธนาตกใจหันหาต้นเสียงแต่ไม่พบ
เป็นเวลาที่หมอผีกำลังทำพิธีอยู่ เกิดมีลมพัดฮือเข้ามาจนล้มเหมือนถูกอะไรกระแทกเข้ากลางหลัง หมอผีสะดุ้งเฮือกคล้ายกับหมดอากาศหายใจ พยายามลุกขึ้นแต่ล้มคว่ำลงไปท่ามกลางเสียงร้องตกใจของคนที่มาทำพิธี หมอผีลุกขึ้น ตาแข็งเหมือนผีเข้า หน้าเปลี่ยนไปเหมือนไม่ใช่ตัวเอง กล่าวอาฆาต
“มันจะทำร้ายข้า ทำทีกูเผลอมึงอยากจะลองดีกับกูเหรอ...ข้าจะลองสู้กับมันสักตั้ง แล้วดูสิว่าใครจะแน่ กว่ากัน กล้าดีนะมึง”
หลวงพ่อรู้ถึงความผิดปกติบางอย่าง หยุดสวดมนต์ ลืมตาขึ้นหันมองธนาที่นั่งอยู่บันไดกุฏิถามว่าใคร พอธนาบอกชื่อตัวเอง ท่านก็ถามมาทำไม
“กระผมมีของสิ่งหนึ่งที่จะมากราบเรียนถามหลวงพ่อครับ”
หลวงพ่อเดินออกมา ธนาจึงเอาห่อตุ๊กตาเสน่ห์คลี่ให้ดู ตุ๊กตาเสน่ห์มีควันพุ่งออกมาอย่างน่ากลัวเกิดการต่อสู้กันขึ้นระหว่างหมอผีกับหลวงพ่อ หมอผีบริกรรมคาถาหยิบผงขี้เถ้าซัดออกไปด้านนอกกลายเป็นแมลงยนต์กลุ่มใหญ่บินไปทางกุฏิของหลวงพ่อ
ฝ่ายหลวงพ่อก็ใช้กำหญ้าคาจุ่มน้ำมนต์ซัดออกไปถูกแมลงยนต์ตกตายหลายตัวนอกนั้นบินหนีไป
ฐิติพาที่นั่งพับผ้าเช็ดหน้าเพื่อใส่ขวดโหลอบร่ำอยู่ จู่ๆก็เหมือนถูกไฟช็อตโงนเงน ยุพาตกใจถามว่าเป็นอะไร ร้องบอกช่วงให้ไปตามหมอ ช่วงดูอาการแล้วบอกว่าอาคมย้อน เราช้าไปแล้ว
ทันใดนั้นฐิติพาล้มคว่ำเหมือนตุ๊กตาล้มทั้งยืน ยุพากับช่วงเข้าประคองฐิติพาอย่างหวาดหวั่นกับอานุภาพเหนือธรรมชาติ
หลวงพ่อสู้กับมนตร์ดำของหมอเสน่ห์โดยมีธนา เทิด และสัปเหร่อช่วย พอแมลงยนต์ของหมอเสน่ห์บินกลับไปก็ร่วงกราวตายเกลื่อน หมอจึงปล่อยลูกกรอกออกไปสู้ สั่งเหี้ยม
อ่านละคร บ่วงนฤมิต ตอนที่ 9 วันที่ 18 ม.ค.62
ละครเรื่อง บ่วงนฤมิต บทประพันธ์โดย ลินินละครเรื่อง บ่วงนฤมิต บทโทรทัศน์โดย นลินี สีตะสุวรรณ
ละครเรื่อง บ่วงนฤมิต กำกับการแสดงโดย สำรวย รักชาติ
ละครเรื่อง บ่วงนฤมิต ผลิตโดย บริษัท ฮูแอนด์ฮู จำกัด
ละครเรื่อง บ่วงนฤมิต ควบคุมการผลิตโดย วรายุฑ มิลินทจินดา
ละครเรื่อง บ่วงนฤมิต ออกอากาศทุกวันพุธ-พฤหัสบดี เวลา 20.15 น
ละครเรื่อง บ่วงนฤมิต ออกอากาศทางไทยทีวีสีช่อง 3
ที่มา ไทยรัฐ