อ่านละคร ภูผา ตอนที่ 5 วันที่ 31 ม.ค.62

อ่านละคร ภูผา ตอนที่ 5 วันที่ 31 ม.ค.62

ภูผากับทอรุ้งที่เข้าใจกันแล้ว วันนี้ภูผาซื้ออาหารมากินกันที่ห้องเช่า แต่พอเข้าไปก็เจออาหารร้อนๆตั้งที่โต๊ะแล้ว ทอรุ้งถามว่าเขาอยู่คนเดียวจริงหรือ แล้วใครมาทำอาหารนี้ให้?

ขณะภูผายังงงๆ ต้อยติ่งก็แจ๋เข้ามาโดดกอดคอ มองทอรุ้งถามว่า “พี่ภูผาพาใครมา”

ภูผาพยายามแกะต้อยติ่งออกแนะนำแก่ทอรุ้งว่านี่ต้อยติ่ง ต้อยติ่งจึงจำได้ว่าเคยเจอทอรุ้งเมื่อ 5 ปีก่อน ทอรุ้งเห็นต้อยติ่งแสดงความเป็นเจ้าของภูผาจึงขอตัวกลับ



ที่แท้ทอรุ้งแกล้งงอนวัดใจภูผา เมื่อเขาตามไปถามว่าจะกลับจริงๆหรือ ทอรุ้งจึงกลับเข้าไปนั่งกินข้าว ด้วยกัน ต้อยติ่งเอาใจภูผาตักกับข้าวให้ ทอรุ้งแกล้งตักให้บ้าง ภูผากินที่ทอรุ้งตักให้จนต้อยติ่งทนไม่ไหวลุกขึ้นกระทืบเท้าเร่าๆโวยวาย จนทั้งสองต้องเอามืออุดหู

ooooooo

ถึงวันเกิดเวหา เส็งกับเดือนแต่งตัวมอซอขลุกอยู่ในห้องครัวทำอาหาร เส็งหุงข้าว เดือนทอดกุนเชียงและผัดกะหล่ำ เวหาในชุดนอนเดินงัวเงียมาถามว่าเสร็จหรือยัง เพื่อนใกล้มาแล้ว

เส็งบอกว่าเกือบเสร็จแล้วเหลือผัดกะหล่ำอีกอย่างเดียว เวหาทำหน้าไม่พอใจถามว่างานนี้วันเกิดใครเขาผัดกะหล่ำเลี้ยงกัน ยิ่งเมื่อเห็นกุนเชียงทอดก็บอกว่าเพื่อนตนไม่กินหรอก บอกแม่ให้ไปซื้อไส้กรอกมาทอด มองสำรวจถามว่านี่น้ำอะไร เดือนบอกว่าน้ำกระเจี๊ยบ

ก็ถามว่าน้ำอัดลมไม่มีหรือ? น้ำกระเจี๊ยบไม่อร่อยใครจะไปกิน เส็งรีบบอกว่าเดี๋ยวป๊าไปซื้อให้เอง บอกเวหาให้รีบไปอาบน้ำแต่งตัวเสีย

“เร็วๆนะ อ้อ...แล้วเอารถขนของป๊าไปจอดไกลๆด้วย เดี๋ยวเพื่อนอั๊วมาไม่มีที่จอด”

เวหาออกไปแล้ว เดือนถามเส็งว่าอาหารที่เราทำทำไมเด็กๆกินไม่ได้ เส็งบอกว่าพวกนี้มันชาวบ้านกินกัน ตนลืมบอกไปว่าเพื่อนเวหามีแต่คนรวยๆกินกันไม่ได้หรอก สั่งเดือนให้เอาพวกนี้ไปเก็บเดี๋ยวตนจะออกไปซื้อมาใหม่ แล้วรีบออกไปเลย เดือนรู้สึกไม่ค่อยพอใจ

ทอรุ้งถามทอรักว่าวันนี้พี่รักไปแล้ว รุ้งไม่ต้องไปได้ไหม ทอรักบอกไม่ได้เพราะตนกับเวหาห่างกันไปนานจู่ๆโผล่ไปคนเดียวน่าเกลียด พูดพลางส่องกระจกตลอดเวลาบอกว่า “จำไว้นะยัยรุ้ง อยากให้ชายประทับใจเราต้องคงความสวยไว้ให้ได้ตลอด”

“รุ้งไม่คิดเหมือนพี่รักหรอกค่ะ” ทอรุ้งตอบขำๆ ทอรักถามว่าผมตนเป็นไงบ้าง ทอรุ้งตอบให้ถูกใจว่า “สวยแล้วค่ะ”

ooooooo

เมื่อสมคิดเลือกที่จะเดินทางสายโจรแล้ว ก็ฝึกการงัดแงะสะเดาะกุญแจประตูรถ ฝึกเพียงครั้งเดียวก็มั่นใจ ขอออกงาน เชิดบอกคืนนี้ให้ลงสนามจริงเลย

ภูผาเดินเข้ามาบอกให้สมคิดเลิกเสียก่อนที่จะถลำลึกไปกว่านี้ สันต์สอดขึ้นทันทีว่าตัวเองต่ำพอกันยังมีหน้ามาปากดีอีก ภูผาหันบอกเชิดว่า

“พี่เชิด ผมตกลงจะสู้กับพี่”

“มึงคิดดีแล้วเหรอไอ้ภูผา...มึงก็รู้ว่ากูยั้งมือไม่เป็น” ภูผายืนยันว่าตนคิดดีแล้ว “ได้...ถ้ามึงอยากจะออกนัก งั้นสองทุ่มคืนนี้มึงมาเจอกับกู”

สมคิดอ้าปากค้างเป็นห่วงเพื่อน แต่สันต์หัวเราะร่าสะใจ

ที่บ้านหลังใหม่ของเส็ง...เพื่อนๆเวหามากันแล้วกำลังนั่งเฮฮากัน เวหาหน้ายิ้มร่าบอกเพื่อนๆว่าเดี๋ยวอาหารจะทยอยออกมา ถามว่าใครจะดื่มอะไร

เพื่อนบอกว่าวันนี้วันเกิดนายเดี๋ยวเราบริการเอง ส่วนเพื่อนที่คอยจับผิดเปรยเย้ยๆว่าบ้านนายเล็กจริงๆว่ะเวหา พอดีเสียงกริ่งหน้าบ้านดังขึ้น เพื่อนอีกคนตื่นเต้นบอกว่าสงสัยทอรุ้งจะมาแล้ว เวหาจึงออกไปดู

ทอรุ้งมาจริงๆแต่ไม่ได้มาคนเดียว พ่วงทอรักมาด้วย เวหาเห็นทอรักถึงกับตะลึงในความสวย ทอรักกับเวหาทักกันเขินๆ แล้วพาเข้าบ้านบอกว่าเดี๋ยวจะแนะนำให้รู้จักเพื่อนๆ

พอเวหาพาสองสาวสวยเข้าไป เพื่อนๆต่างตื่นเต้นอุทานว่าเวหาไม่เคยบอกเลยว่ามีเพื่อนสวยอย่างนี้ เวหาบอกว่าพอจบมัธยมรักเขาไปเรียนต่ออเมริกาเลย ตนก็ไม่ได้เจอ แล้วจะให้แนะนำตอนไหน

เพื่อนๆเวหาต่างพยายามเรียกความสนใจจากสองสาว เพื่อนคนหนึ่งปากเปราะถามเวหาว่าตกลงเขาชอบใคร ทอรักหรือทอรุ้ง วันก่อนเห็นนายเขียน...

“เงียบไปเลย พูดอะไรให้เกียรติผู้หญิงเขาบ้าง” เวหารีบขัดกลัวเพื่อนจะเอ่ยชื่อทอรุ้งออกมา

เส็งกับเดือนแอบฟังอยู่ เส็งปลื้ม บอกเดือนว่าเพื่อนลูกเรามีแต่พวกผู้ดีจริงๆ สง่าราศีก็พลอยจับเวหาไปด้วย โชคดีที่เวหามันคบเพื่อนดีๆแบบนี้ แต่เดือนเริ่มไม่มั่นใจแล้ว

ทอรักถามเวหาว่าพ่อแม่เขาไปไหน ยังไม่เคยเจอเลย เวหาบอกว่าพ่อแม่ตนไปธุระต่างประเทศ ทอรักถามว่าทำอะไรหรือ

“ไปเรื่องธุรกิจน่ะ พวกท่านเดินทางบ่อยไม่ค่อยอยู่บ้านหรอก” คุยแล้วชำเลืองเพื่อนที่เปรยว่าบ้านเวหา

เล็กจริงๆ คุยให้ได้ยินว่า “บ้านหลังนี้ท่านก็ซื้อทิ้งไว้ให้เราอยู่คนเดียว เพราะว่าอยู่ใกล้มหาวิทยาลัย” แล้วหยิบขนมกินเปลี่ยนเรื่อง “รัก...รุ้ง ลองกินนี่สิ เราเพิ่งไปซื้อมาเมื่อเช้า”

เส็งกับเดือนได้ยินทั้งหมด หันมองหน้ากันอึ้ง เดือนถามว่าทำไมเวหาบอกว่าเราไปทำธุรกิจอยู่ต่างประเทศ ทั้งที่เราทำกับข้าวหน้ามันอยู่ในครัว เส็งแก้ต่างให้ว่าคงพูดเล่นกับเพื่อน อย่าคิดมากเลย พอเดือนจะพูดต่อก็ปรามว่าอย่าซี้ซั้วน่า แล้วชวนกินข้าว ไปหยิบผัดกะหล่ำจากในตู้มากินกัน

พอดีเพื่อนบอกเวหาว่าน้ำหมดแล้วจะเดินไปเอาเอง เวหากำลังคุยกับทอรักนึกได้รีบลุกไปเอาให้ เดินเข้าครัวไปบอก “ป๊า ขอน้ำอัดลมหน่อย”

เส็งหยิบน้ำอัดลมให้ พอหันไปเจอเพื่อนเดินตามมาถามว่านั่นใคร ไหนว่าอยู่คนเดียวไง ลุงกับป้านี่เป็นใคร เวหาอึกอัก โกหกต่อหน้าเส็งกับเดือนว่า

“เอ่อ...คนที่พ่อแม่เราให้คอยช่วยดูแลเราน่ะ ออกไปก่อนเถอะ”

“อ้อ...คนใช้ ก็แค่เนี้ย งั้นยกน้ำแข็งออกไปเสิร์ฟหน่อยนะ” สั่งเส็งกับเดือนแล้วบ่นเวหา “มีคนใช้ทำไมไม่ใช้วะ เดินไปเดินมาอยู่คนเดียวทำไม”

เวหากับเพื่อนออกไปแล้ว เดือนยืนอึ้ง เส็งซึมไปถนัด ทั้งสองไม่กล้ามองหน้ากันเลย...

ooooooo

เมื่อเพื่อนเข้าไปเห็นเส็งกับเดือนที่ภูผาบอกว่าเป็นคนที่แม่ให้มาดูแลตนก็สั่งให้เอาน้ำแข็งไปให้เวหาไม่กล้าขัด พอเดือนถือน้ำแข็งเข้ามาให้ ทอรุ้งเห็นก็ตกใจอุทาน “คุณป้า”

เวหาตกใจกลัวความแตกทำเสียงดุเดือนว่ารีบวางแล้วเข้าไปสิ ยืนถืออยู่ได้ เดือนกระแทกเหยือกน้ำแข็งลงอย่างเจ็บใจจนน้ำกระฉอก ถูกเพื่อนเวหาดุว่าวางให้ดีๆ หน่อย อีกคนสั่งให้เอาผ้ามาเช็ดด้วย คนที่ชอบจับผิดเวหาตำหนิว่า “คนใช้บ้านนายนี่มารยาทไม่ไหวเลยนะ”

เดือนยืนหายใจหอบแรงอย่างเจ็บปวดที่เวหาไม่ปกป้องตน หุนหันเดินเข้าครัวทันที ทอรุ้งเห็นดังนั้นลุกขึ้นขอไปเข้าห้องน้ำ แต่ที่แท้ออกไปหาเดือน

เดือนเข้าไปร้องไห้ในครัวอย่างเจ็บปวดบอกเส็งว่าลูกมันทำเกินไปแล้ว เส็งก็ยังแก้ต่างให้ว่าลูกมันพูดเล่นกับเพื่อน แต่เดือนรับไม่ได้ที่เอาพ่อแม่มาพูดเล่นกันแบบนี้

พอดีทอรุ้งเข้ามาถามเส็งว่าจำตนได้ไหม ตนเป็นเพื่อนภูผา เคยไปที่ร้านโชคดีบ่อยๆ เดือนบอกว่าจำได้

“หนูรู้จักกับพี่เวหาด้วย แต่ทำไมเขาต้องปิดทุกคนว่าคุณลุงคุณป้าไม่ใช่พ่อแม่เขาล่ะคะ”

เส็งตกใจบอกว่าหนูรู้ว่าเราเป็นพ่อแม่ก็อย่าพูดไปนะ เวหาเขามีเหตุผลของเขา ทอรุ้งถามว่าเหตุผลอะไร เดือนโพล่งไปว่า “เขาอายเพื่อนที่มีพ่อแม่เป็นคนจน”

“ทำไมพี่เวหาเป็นคนแบบนี้นะ”

“ออกไปเถอะ ในนี้มันคับแคบ...แล้วอั๊วขอร้องนะ อย่าพูดเรื่องที่หนูรู้ให้ใครฟังล่ะ”

เส็งถือผ้าจะไปเช็ดน้ำข้างนอก ทอรุ้งบอกว่าตนไปเช็ดให้เอง เส็งขอบใจและส่งผ้าให้ ทอรุ้งรับผ้ายิ้มเศร้าๆ ออกไป

ooooooo

เมื่อถึงเวลานัดกับเชิด ภูผาเดินเข้าไปในตรอกที่นัดกันไว้ ไปยืนต่อหน้าเชิดถามว่าพวกพี่จะเอายังไง

ดำขีดวงกลมล้อมทั้งสองคนไว้กลางลาน สันต์ตั้งนาฬิกาวางลงพื้น เชิดถือเชือกมาเส้นหนึ่งพันปลายข้างหนึ่งกับมือซ้ายตัวเองแล้วเหวี่ยงปลายอีกข้างไปให้ภูผา บอกว่า

“ถ้ามึงเอาชีวิตรอดไปได้ มึงจะไปไหนก็ไป”

ภูผานึกถึงวันที่ไปหาหมอนุสราและหมอขอให้เรียกตนว่าป้า ภูผาบอกว่าตนอยากเลิกเป็นนักเลง แต่ถ้าจะออกตนต้องสู้กับเชิดซึ่งตนอาจจะต้องตาย กระนั้นวันนี้ภูผาก็ยังเด็ดเดี่ยว รับปลายเชือกอีกข้างจากเชิดพันมือซ้ายตัวเอง ยังคิดถึงวันที่ไปลาหมอนุสรา เขาฝากหมอว่า...

“คุณหมอ ถ้าผมเป็นอะไรไป ฝากคุณหมอแจ้งข่าวอาม่าและฝากเงินนี้ไปให้อาม่าด้วย ฝากบอกอาม่าว่าอย่าเสียใจที่ผมเลือกจะเป็นคนดี เลือกที่จะเดินออกจากเส้นทางโจรตามคำสอนของอาม่า”

ภูผาพันเชือกเสร็จ คะเนว่าเชือกยาวห่างกับเชิดประมาณ 1 เมตร ภูผาม้วนเชือกกระชับต่างรอจังหวะที่จะพุ่งเข้าใส่กัน ในการต่อสู้มีการตวัดเชือกรัดคอ กระชากเข้าหาเพื่อกระแทกหมัดใส่ เมื่อล้มก็ปล้ำกันที่พื้น ต่างสะบักสะบอม แต่จังหวะหนึ่งเชิดต่อยเปรี้ยงเดียวภูผาก็หมดแรงกระเด็น เชือกหลุดมือลุกไม่ไหว

“หยุด!!” เสียงหมอนุสราที่พุ่งรถเข้ามาร้องห้ามเชิดที่กำลังจะซ้ำภูผาที่หมดแรงอยู่กับพื้น “พอได้แล้ว ก็เห็นอยู่ว่าเขาสู้ไม่ไหวแล้ว”

สันต์ปรามว่าหมออย่ายุ่งเรื่องของพวกเราดีกว่า หมอนุสราประณามว่าป่าเถื่อน บ้านเมืองมีกฎหมาย จะมาใช้วิธีเถื่อนๆอย่างนี้ได้ยังไง เชิดบอกว่านี่มันวิถีของนักเลง ใครไม่เกี่ยวก็ถอยไป

“งั้นฉันก็ขอเป็นพยานในการต่อสู้ และถ้าใครบาดเจ็บฉันจะได้ช่วยเหลือทัน แล้วนายเชิด ฉันคิดว่านายคงเป็นนักเลงพอ ถ้าภูผาชนะสิ่งที่นายพูดไว้ นายจะต้องไม่คืนคำ”

สันต์หัวเราะเยาะว่าฝันไปรึเปล่า หมอนุสราถามว่ากฎครั้งนี้ของพวกเธอมีว่ายังไง

“ถ้ามันยืนไหวได้เกินครึ่งชั่วโมง มันก็ออกจากวงการเราได้ แต่ถ้ามันสลบไปซะก่อนมันก็ต้องเป็นลูกน้องพี่เชิดไปอีก 5 ปี และตอนนี้ก็ผ่านไปห้านาทีแล้ว”

หมอนุสมองหน้าภูผาให้กำลังใจ ถามว่าเหลืออีก 25 นาทีที่ภูผาต้องยืนให้อยู่ใช่ไหม

“ผมยังไม่แพ้...เข้ามา” ภูผาพยักหน้าให้เชิด เชิดจ้องเขม็ง

ทั้งสองต่อสู้กันอย่างสูสี แล้วต่างก็ปล่อยหมัดใส่หน้ากันจังๆ ภูผาไถลลงนอนแผ่กับพื้นเลือดโกรก หมอนุสราตกใจ สันต์หัวเราะเยาะจะเข้าไปดู เชิดร้องห้าม พอภูผาเริ่มขยับตัว หมอบอกภูผาว่าเหลืออีกแค่ห้านาทีเธอต้องยืนขึ้นมาให้ได้นะ ภูผาพยายามลุกขึ้นจนสำเร็จ

“ภูผา มึงไปได้” เชิดสั่งอย่างทึ่งในความอึด อดทนของภูผา แต่ปรามว่า “แล้วอย่ามาให้กูเห็นหน้าอีก ถ้ากูเจอมึงที่ไหน กูซัดมึงตรงนั้น”

นุสราดีใจรีบเข้าประคองภูผาบอกว่าไปที่คลินิก ป้าจะทำแผลให้ ภูผาบอกว่าตนมีที่จะต้องไป...

ooooooo

ส่วนที่บ้านใหม่ของเส็ง เวหาตามเข้าไปขอโทษแม่ในครัว อ้างว่าตนไม่รู้จะบอกเพื่อนว่ายังไงเลยต้องบอกไปอย่างนั้น เดือนถามอย่างเจ็บปวดว่ามีแม่อย่างฉันมันน่าอายนักหรือ

“แม่...ดูสารรูปป๊ากับแม่ตอนนี้ซิ พ่อแม่ของเพื่อนอั๊วเป็นด็อกเตอร์ เป็นเจ้าของธุรกิจ พ่อของรักก็เป็นเจ้าของโรงพยาบาล แล้วจะให้อั๊วบอกเพื่อนไปว่าป๊ากับแม่อั๊วเป็นคนขายของในตลาดนัดได้ยังไง ไม่กลัวอั๊วจะอายเพื่อนเหรอ...ถ้าป๊ากับแม่ไม่เกิดมาจน อั๊วก็ไม่ต้องทำอย่างนี้หรอก”

เสียงกริ่งหน้าบ้านดังขึ้น ทุกคนมองหน้ากันแล้วมองไปที่รั้วหน้าบ้าน

“ภูผา!”

ทอรุ้งอุทาน ตกใจสุดขีดเมื่อเห็นภูผาหน้าตาฟกช้ำและเนื้อตัวโชกเลือดยืนเกาะรั้วหน้าบ้าน หันตะโกนเรียกเส็งกับเดือนออกมาช่วยกันหน่อย เวหา เส็งกับเดือนรีบเดินออกมา เพื่อนๆเวหากับทอรักยืนดูอยู่ห่างๆ

เดือนตกใจถามภูผาว่าไปโดนอะไรมา บอกให้รีบพาเข้าบ้านก่อน แต่เส็งแทรกตัวออกมาขวางไม่ให้เข้าบ้าน ไม่อยากเห็นเลือดเปื้อนบ้าน เดี๋ยวจะเอาเสนียดมาติดบ้าน ถ้ามันจะตายก็ให้ไปตายที่อื่น ที่นี่ไม่รับคนเลวๆอย่างนี้

เดือนบอกเส็งว่านี่ลูกนะ เพื่อนของเวหาถามว่าตกลงบ้านนี้เป็นของใคร ทำไมคนใช้บอกว่าเป็นเจ้าของบ้าน ทอรุ้งต่อว่าบรรดานักเรียนแพทย์อย่างผิดหวังที่ไร้จรรยาบรรณแพทย์ เฉยเมยกับคนบาดเจ็บหนัก บอกภูผาว่า

“รุ้งจะพาภูผาไปทำแผลนะ”

“ป๊า แม่ อั๊วแค่จะกลับมาบอกว่าอั๊วเลิกเป็นนักเลงแล้ว อั๊วจะเป็นคนดี เป็นคนดีให้ป๊าเห็น”

“หน้าอย่างมึงน่ะเหรอจะเป็นคนดี” เส็งตะคอกใส่หน้า

ทอรุ้งบอกภูผาไปกันเถอะ ทอรักโพล่งว่าไปไหนไม่ได้นะยัยรุ้ง ทอรุ้งแค่หันมองแล้วพาภูผาออกไปเลยเดือนจะตาม เส็งปรามว่า “ถ้าเอ็งจะตามมันไป เอ็งก็ไม่ต้องกลับมานะ”

ทอรักกับเพื่อนเวหาถามกันว่าตกลงบ้านนี้เป็นของใคร บ้านเวหาหรือคนใช้ เดือนตะโกนอย่างสุดทนว่า

“ฉันไม่ใช่คนใช้ของใคร”

เวหาตกใจรีบบอกเพื่อนๆให้กลับไปกันก่อนมีอะไรค่อยคุยกันวันหลัง วันนี้ไม่สะดวกแล้ว เพื่อนๆจึงพากันกลับเซ็งๆ

เวหากับเส็งเข้าไปในห้องนั่งเล่น เส็งด่าภูผาว่าไอ้ตัวซวย มันกลับมาปุ๊บก็มีเรื่องทันที เวหาสบถว่าหายหัวไปนานนึกว่าตายไปแล้วเสียอีก ไม่รู้จะกลับมาทำไม

เดือนเดินเข้ามาหยุดมองพ่อลูก ประกาศอย่างสุดทนเป็นไงเป็นกันว่า ถึงคราวที่ตนขอพูดบ้าง เพราะตนเงียบมาตลอดถึงเกิดเรื่องแบบนี้ พูดอย่างเจ็บปวดว่า

“ที่ภูผาหายไปตั้ง 5 ปี ทำให้ฉันรู้ว่าฉันคิดถึงมันมากแค่ไหน ต่อไปนี้ฉันจะไม่ยอมอีกแล้ว ภูผามันก็ลูกฉันเหมือนกัน ฉันมีสิทธิ์จะปกป้องมัน” เวหายื่นคำขาดว่าถ้ามันกลับมาตนก็จะไม่อยู่ที่นี่และจะไม่กลับมาให้เห็นหน้าอีกเลย “ดี! ฉันจะได้ไม่ต้องเป็นขี้ข้าใคร”

เวหาไม่พอใจตัดพ้อว่าแม่เลือกลูกอย่างไอ้ภูผาแทนที่จะเลือกตน เดือนบอกว่าตนไม่มีสิทธิ์เลือกว่าจะให้ใครเป็นลูกหรือไม่เป็นลูก เพราะ “ฉันรักลูกทุกคน หมามันยังรักลูกของตัวเอง นับประสาอะไรกับคนอย่างฉัน”

เส็งกินปูนร้อนท้องถามว่าด่าตนหรือ เดือนบอกว่าคิดเอาเองแล้วกัน แล้วเดินออกไปเลย

“เอ็งจะไปไหน อีเดือน...เดือน”

เส็งตะโกนตามหลัง แต่เวหามองตามแม่ไปอย่างเจ็บใจ

ooooooo

ทอรุ้งพาภูผาไปนั่งที่ลานสนามเด็กเล่นบอกว่าจะพาไปทำแผลที่คลินิกป้านุส ภูผาบอกว่าเดี๋ยวตนกลับไปพักที่บ้านก็พอแล้ว ทอรุ้งจึงเอาผ้าเช็ดหน้าเช็ดเลือดที่หางคิ้วกับที่ปากให้

เดือนเดินตามหาภูผาจนเจอแล้วเข้าไปขอโทษลูก ภูผาก็ขอโทษแม่ที่ทำให้แม่ผิดหวัง เดือนบอกให้เลิกโทษตัวเองได้แล้ว ที่เป็นแบบนี้เพราะแม่กับป๊าผิดเอง ใครจะว่าอะไรก็ช่างอย่าไปฟัง ให้ฟังแม่คนเดียว ถามว่าแล้วตอนนี้อยู่ที่ไหน

“อั๊วอยู่บ้านเก่าของเรา แม่ไม่ต้องห่วงนะ แล้วอั๊วจะมาช่วยป๊ากับแม่ขายของ ช่วยจนกว่าป๊าจะใจอ่อน”

เดือนบอกให้รักษาตัวให้ดีก่อนค่อยกลับมาช่วย แม่จะรอ แล้วจะพาไปส่งบ้าน ทั้งภูผาและทอรุ้งบอกไม่ต้องห่วง ทอรุ้งรับปากจะดูแลภูผาให้

“ขอบใจมากนะหนู...ภูผา แม่ดีใจนะที่ลูกกลับมา”

“อั๊วก็ดีใจที่แม่ยังรักอั๊ว”

ภูผากับทอรุ้งกลับไปยังร้านโชคดี ทอรุ้งดูแลภูผาอย่างดีและเป็นกำลังใจให้ นอกจากทำแผลให้แล้วยังทำข้าวต้มให้กินทั้งที่ไม่เคยทำ แม้ข้าวต้มจะรสจืดชืดแต่ก็หอมหวานด้วยน้ำใจ

คืนนี้ทอรักกลับบ้านคนเดียว ดารกาถามว่าแล้วทอรุ้งล่ะ ทอรักบอกว่าออกไปส่งเพื่อน ตนนึกว่ากลับมาแล้ว ดารกาคาดคั้นว่าทอรุ้งไปกับใคร จนทอรักต้องบอกว่าไปกับไอ้นักเลงที่ชื่อภูผา ที่ยัยรุ้งเคยคบเมื่อตอนเด็กๆ ดารกาจิกตาว่าไอ้เด็กคนนั้นหรือ ถามว่าบ้านมันอยู่ไหนบอกแม่มาเดี๋ยวนี้

 ดารกาไปที่บ้านเส็ง พอเข้าบ้านก็สั่งนายใจคนขับรถค้นให้ทั่ว เดือนถามว่าพวกคุณเป็นใคร ส่วนทอรักย้ำว่าบอกแล้วว่ายัยรุ้งไม่ได้อยู่ที่นี่ ดารกาตะคอกถามเดือนว่าภูผาเป็นลูกใช่ไหม มันเอาลูกสาวตนไปซ่อนที่ไหน

 เดือนบอกว่าภูผาเป็นลูกตนและเดี๋ยวนี้เขาไม่ได้เป็นนักเลงแล้ว แต่เส็งสวนทันควันว่าไม่ใช่ มันไม่ใช่ลูกอั๊ว และอั๊วก็ไม่รับผิดชอบสิ่งที่มันทำ เมื่อดารกาคาดคั้นถามว่าทอรุ้งอยู่ไหน ทั้งสองตอบพร้อมกันว่าไม่รู้ ดารกาบอกว่าตนจะไปแจ้งความ เดือนตกใจบอกว่า “รู้ก็ได้”

 ดารกาพาตำรวจไปจับภูผา ทอรุ้งยืนยันว่าภูผาไม่ได้ทำอะไรผิดและตนก็อายุเกิน 18 แล้วด้วย ดารกาสั่งให้ทอรุ้งไปนั่งในรถ ทอรุ้งไม่ยอมไปถ้าแม่ไม่จบ ดารกาจึงสั่งนายใจให้เอาทอรุ้งกับทอรักไปส่งที่บ้านก่อนทางนี้ตนจะจัดการเอง

อ่านละคร ซีรีส์ลูกผู้ชาย เรื่อง ภูผา ตอนที่ 5 วันที่ 31 ม.ค.62

บทประพันธ์โดย สลิลา
บทโทรทัศน์โดย สลาลิ
กำกับการแสดงโดย ณัฏฐ์กรณ์ สุทธาวาส
ผลิตโดย บริษัท โซนิกซ์ บูม 2013 จำกัด
ช่องออกอากาศ สถานีวิทยุโทรทัศน์ไทยทีวีสีช่อง 3
ที่มา ไทยรัฐ