อ่านละคร บ่วงนฤมิต ตอนที่ 5 วันที่ 4 ม.ค.62

อ่านละคร บ่วงนฤมิต ตอนที่ 5 วันที่ 4 ม.ค.62

ธีรัชฟังสองสาวพูดแล้วบอกว่าดูยากจัง ตนไม่แน่ใจว่าจะทำได้อย่างที่ทุกคนต้องการไหม

“ทั้งเอ้ทั้งขวัญฝีมือการแสดงเยี่ยมยอดมากทั้งคู่ แสดงร่วมกับเราก็เป็นเกียรติแล้ว ยิ่งมาช่วยกันสนับสนุนเรา ผมว่าคุณรัชไม่ต้องกังวลอะไรอีกแล้ว” ฉายฉานอวยสองสาวที่ชิงกันในทีและให้กำลังใจธีรัช

เมื่อขวัญอุมาเริ่มซ้อม ธีรัชถามว่าตนต้องพูดเหมือนในบททุกอย่างหรือ ขวัญอุมาบอกว่าคนเขียนเรียบเรียงเรื่องราวไว้แล้วการเติมหรือตกหล่นจะทำให้การสื่อความเรื่องราวไม่เป็นไปตามที่ต้องการ ธีรัชบ่นว่า



ยากที่ต้องจำคำพูดของคนอื่น ขวัญอุมาบอกว่า “ถ้าคุณคิดเหมือนปรานได้มันก็จะไม่ยาก”

ธีรัชอ่านบทที่เขียนว่า “เขาเชยคางโฉมเฉลา จ้องลึกเข้าไปในดวงตา...ผมรักคุณ...” ขวัญอุมามองอย่างประเมินการแสดง ถามว่า

“คุณเคยมีความรักไหมล่ะคะ ความรักอย่างแท้จริง ที่ทำให้คุณอยากค้นหาเข้าไปในหัวใจของใครคนนั้นว่าเขาจะรักคุณตอบไหม เขาจะรักคุณได้เท่าที่คุณรักเขาไหม เขาจะอยู่เคียงข้างคุณตลอดไปหรือเปล่า”

ธีรัชหลบตาขวัญอุมารู้สึกหวั่นไหวเหมือนมีอะไรแว่บๆอย่างที่ขวัญอุมาพูดเหมือนกัน แต่ไม่รู้ว่ามันอยู่ที่ไหนเมื่อไหร่ เพราะนานมากแล้ว ขวัญอุมามองเหมือนรู้ทันบอกว่า

“ถ้าไม่ใช่ชาตินี้ ในชาติภพที่เคยผ่านมา คุณน่าจะได้รักใครสักคน จริงไหมคะ”

ธีรัชมองขวัญอุมาเต็มตา เธอสบตาอย่างท้าทายบอกว่า

“ผู้หญิงคนนั้นยืนอยู่ตรงนี้ เธอมีความรักให้คุณเหมือนกัน เพียงยังไม่แน่ใจว่าความรักที่คุณมีให้จะเพียงพอที่จะพาเธอข้ามผ่านอุปสรรคทั้งหลายไปได้ตลอดรอดฝั่งไหม”

ขวัญอุมาดึงแขนธีรัชเข้ามา ต่างมองกันเต็มตา แต่แววตาธีรัชเต็มไปด้วยคำถาม ส่วนขวัญอุมามองอย่างท้าทายแล้วหลบตา ธีรัชเหมือนต้องมนต์ เชยคางขวัญอุมามองแววตาอ่อนหวานนั้น

หนึ่งช่วงเวลาแห่งความรักในอดีตหวนกลับมาโอบทั้งสองไว้ในความรัก...

ขวัญอุมาหลุดจากบท จับมือธีรัชพูดอย่างยินดีว่า “คุณทำได้ ฉันรู้ว่าคุณทำได้” แต่ถูกธีรัชดักคอว่าคุณคงไม่เอาละครมาเป็นกับดักของชีวิตจริง อย่างที่เขาว่า “เสน่ห์นางละครใช่ไหม” แล้วเดินออกไปเลย ขวัญอุมารู้สึกเหมือนถูกดูหมิ่นอาชีพการแสดง เดินตามไปอย่างไม่พอใจมาก

แต่พอมาเจอธีรัชอยู่กับวิยาดาที่ระเบียงวาดรูป วิยาดาถามว่าซ้อมละครเสร็จแล้วหรือ ว่าจะเอาผลไม้ไปให้อยู่พอดี ขวัญอุมาก็หยอกแกมหยิกธีรัชว่าสงสัยว่าคุณธีรัชคงจะหิวมังคะเดินหนีมาบทยังไม่ได้เก็บเลย เขาถือนะ บทละครต้องเก็บรักษาไว้ด้วยความเคารพ

ธีรัชบอกว่าเดี๋ยวให้แป้นไปเก็บ วิยาดาถามว่าซ้อมวันแรกเป็นยังไงบ้าง ขวัญอุมาบอกว่าเยี่ยมมาก คุณรัชคงพร้อมแสดงได้ใน 7 วัน ลูกปลาอุทานว่าเหมือนฟ้าส่งมาเลย เร่งให้รีบกินแล้วไปซ้อมต่อตนจะส่งข่าวพี่คเชนทร์เองว่าคุณธีรัชพร้อมแสดงใน 7 วัน

ธีรัชเครียดรู้สึกถูกกดดัน แต่ขวัญอุมายิ้มอย่างผู้ชนะ เมื่อกลับมาซ้อมกันอีกครั้งเขาบอกว่าพวกดารานี่มีวิธีการที่จะให้คนทำอะไรให้ตามต้องการอย่างนี้เองหรือ

“ฉันไม่ทราบสิคะ...รู้แต่ว่าคนเราน่าจะเอาชนะตัวเองให้ได้ก่อนเอาชนะคนอื่น อย่าลืมสิว่าคุณรับปากกับคุณจี๊ดกับคุณคเชนทร์ไว้แล้ว ฉันเป็นเพียงผู้ช่วยคุณเท่านั้น”

ธีรัชดักคอว่าคุณก็คงมีบุญคุณท่วมหัวตนสิ

ขวัญอุมาตอบจริงจังว่า

“เรื่องนั้นไม่ได้อยู่ในสมองฉัน แต่ความจริง ชีวิตจริงของรอยอดีต คือสิ่งที่ฉันกำลังตามหา” ธีรัชถามว่าเธอจะแก้นิยายหรือ “ละครสามารถทำเรื่องที่ถูกต้องกว่าได้ มันเป็นโอกาสของฉันที่จะแสดงให้คนเห็นความจริงไม่เข้าใจผิด ปลดตราบาปออกจากโฉมเฉลา”

ธีรัชติงว่าอย่าเอาตนเข้าไปเกี่ยวข้องด้วย ขวัญอุมาย้ำว่าเขาต้องซ้อมจนเข้าใจทุกขั้นตอนของความคิด ธีรัชถามว่าไหนเธอบอกว่าตนเป็นปรานได้แล้วไง

“คุณเป็นได้ แต่คุณยังไม่ได้เป็น คุณต้องอ่านบททั้งหมดนี่แล้วลองคิดตามทุกบท ทุกตอน ต้องเข้าใจว่า

เกิดอะไรขึ้นกับคุณแล้วคุณคิดอย่างไรกับสิ่งเหล่านี้...

7 วัน คุณมีเวลาเท่านั้น คุณต้องทำงานหนัก เข้าใจบ้างไหมการแสดงไม่ใช่เรื่องง่ายๆคุณเข้าใจไหม...ช่วยฟัง

ช่วยเข้าใจหน่อยได้ไหม ฉันขอแค่ความร่วมมือเท่านั้น”

ขวัญอุมากับธีรัชไปอ่านบทกันที่สนามหลังบ้านวิยาดา แต่ธีรัชยังไม่ตั้งใจอ่านบทนัก ยังอ่านไปตามตัวหนังสือ ทั้งที่ในบทเป็นการตอบโต้อย่างเจ็บปวดระหว่างโฉมเฉลากับสามีที่นอกใจ

แต่ธีรัชเหมือนไม่เข้าใจบท จนขวัญอุมาถามว่านี่คนหรือหุ่นยนต์ แล้วให้ซ้อมใหม่ ชี้ที่ตัวเองถาม

“นี่ใครคะ”

“ใคร อะไร ไม่รู้หรือว่าตัวเองเป็นใคร คุณเป็นนางเอกละครยอดนิยม ขวัญอุมา จันทรารักษ์ ไง”

“โอ้ย...” ขวัญอุมาร้องเหมือนอยากตาย “นี่เราซ้อมละครกันอยู่ไม่ใช่หรือ ตอนนี้ฉันเล่นเป็นโฉมเฉลา ฉันเป็นเมียคุณนะคะ แต่งงานกับคุณแล้วแต่พอฉันไปอยู่กับแม่แค่สองอาทิตย์ คุณก็พาผู้หญิงอื่นเข้ามาในบ้าน พอฉันกลับมาเห็นว่าเพื่อนฉันเป็นเมียคุณอีกคน คุณจะตอบว่ายังไงคะ”

“ก็ใครทิ้งไปก่อนล่ะ คุณทิ้งผมไปก่อนไง ทำไมเราจะต้องคอยซื่อสัตย์กับคนที่ทิ้งเราไปก่อนด้วยล่ะ”

“คุณเองก็เชื่ออย่างนั้นหรือ” ขวัญอุมาจิกตาแค้น ธีรัชพยักหน้า ขวัญอุมาทรุดลงร้องไห้อย่างเจ็บใจ

“ขวัญ...เป็นอะไร ตั้งใจมากไปหน่อยหรือเปล่า โธ่คุณ...ไม่ต้องจริงจังขนาดนี้ก็ได้...” ขวัญอุมาร้องไห้ไม่หยุด ธีรัชพยายามปลอบ “ไม่เอาน่า...อย่าร้องไห้ เป็นอะไร เกิดอะไรขึ้น”

“ฉันสงสารโฉมเฉลาจริงๆ คนรอบข้างเป็นคนทรยศทั้งหมดเลย” ขวัญอุมาร้องไห้อย่างเจ็บใจที่ความจริง

ในอดีตถูกบิดเบือน แต่ธีรัชที่อ่านตามบทอย่างไม่เข้าใจอะไรเลย อยากปลอบขวัญอุมาแต่ก็ไม่รู้จะปลอบอย่างไร

ooooooo

เพราะสืบจนทราบว่าภารดีเป็นหลานสาวของผู้เขียนบันทึกที่คุณพ่อเธอเอามาแต่งนิยายรอยอดีต ขวัญอุมากับลูกปลาจึงให้ธีรัชขับรถไปหาภารดีที่บ้าน

ภารดีเอาบันทึกที่อุตส่าห์ไปค้นจนเจอมาให้ ภารดีวางบันทึกลงบนโต๊ะ

“นี่ค่ะ บันทึกของคุณลุง ที่คุณพ่อใช้เขียน

นิยายเรื่องนี้”

“ลุงของคุณพ่อก็เป็นรุ่นปู่ของคุณภารดีน่ะสิ หือ... ของเก่าจริง” ลูกปลาทึ่ง

ทันทีที่ภารดีวางหนังสือบนโต๊ะ ธีรัชที่นั่งดูอยู่ด้วยก็รู้สึกเหมือนมีพลังลึกลับดึงดูดเข้าไปสู่เรื่องราวที่บันทึกนั้น เขาคล้ายกับถูกบีบอัดจนร่างโงนเงนแทบจะฟุบลง ข้างนอกก็เกิดลมพัดกรูเกรียวประตูหน้าต่างกระแทกปึงปัง

ขวัญอุมาเห็นอาการผิดปกติของธีรัชหันมา

จับตัวเขาไว้ถามว่าเป็นอะไรหรือเปล่า ภารดีถามว่าขับรถมาไกลเหนื่อยเกินไปหรือเปล่า ขวัญอุมาหยิบผ้าเช็ดหน้าจากกระเป๋ารินน้ำจากแก้วที่มีน้ำแข็งเช็ดหน้าให้ถามว่าเป็นยังไงบ้าง ธีรัชบอกว่าตนไม่เป็นไร พยายามพยุงตัว มองสมุดบันทึกตรงหน้าเอื้อมมือมาสัมผัส พึมพำ

“บันทึกของปราน...”

“ปรานเป็นชื่อที่คุณพ่อตั้งเพื่อใช้ในนิยายค่ะ ชื่อจริงของคุณปู่คือ ปภาคิน”

“ปภาคิน...” ธีรัชทวนชื่อแล้วหยิบหนังสือขึ้นดู เอ่ยขอบันทึกนี่ได้ไหม ขวัญอุมาบอกว่าตนขอคุณภารดีไว้แล้ว พลางเอื้อมมาดึงบันทึกจากมือธีรัช แต่เขาจับไว้แน่น “โอเค เพื่อไม่ให้บันทึกนี้เสียหาย ผมจะขอเอาไปถ่ายสำเนาได้ไหมครับ แล้วต้นฉบับจะเอามาคืนคุณภารดี”

“ได้ค่ะ” ภารดีบอกขณะเดินมาส่งทั้งสามที่รถว่า “มีข้อมูลอื่นๆคืบหน้าจะบอกไปนะคะ...” เมื่อขวัญอุมาขอบคุณ ภารดีบอกว่า “ฉันอยากให้ละครเรื่องนี้ออกอากาศเร็วๆจัง”

เมื่อมาขึ้นรถ ขวัญอุมาถามธีรัชว่าขับรถไหวไหม ธีรัชยืนยันว่าตนไม่ได้เป็นอะไรและขอบันทึกจากขวัญอุมา เธอบอกว่าขออ่านก่อน ธีรัชไม่ให้อ่านเพราะอ่านในรถเดี๋ยวตาลาย พลางเปิดเก๊ะหน้ารถจะเอาหนังสือเก็บ

“เฮ้ย...นี่นิยายรอยอดีตนี่” ลูกปลาร้องขึ้นเมื่อเห็นหนังสือรอยอดีตในเก๊ะ

“นายมีหนังสืออยู่ตลอดหรือ” ขวัญอุมามองธีรัชขวับถามอย่างเอาเรื่อง ธีรัชทำเฉไฉรีบออกรถไปเลย

ooooooo

อรนภาขับรถกลับถึงบ้านก็ตกใจและแปลกใจเมื่อเห็นแต้วแร้วเอนหลังอยู่ที่โซฟา แม่บ้านบอกว่าคุณแต้วแร้วมารอคุณเอ้ตั้งแต่เมื่อวานเย็นแล้ว

แต้วแร้วชี้แจงว่าตนไม่รู้ว่าเมื่อวานมีถ่าย โทร.หาก็ไม่รับสายตั้งแต่เช้านึกเป็นห่วง แต่พอตอนบ่ายเห็นข่าวปกป้องมีอุบัติเหตุเลยรีบมา ถามว่า “คุณเอ้เป็นยังไงบ้าง แล้วนี่ไปไหนมา”

“ไปศรีราชา...ศรีราชาคือโลเกชันใหม่ของ

รอยอดีตไง” บ่นแต้วแร้วว่าดูคิวนักแสดงยังไงกันถึงไม่รู้ว่าเขาเปลี่ยนสถานที่ไปแล้ว แต้วแร้วแก้ตัวไปตามประสา แม้อรนภาจะบ่นแต่ก็รู้สึกว่า ในเมื่อมีแต้วแร้วแล้ว ก็ควรจะมาเป็นเพื่อนตายของตน ปรามว่า “แล้วคราวหน้าอย่าพลาดนะ แล้วไปกองน่ะ ต้องสำนึกเสมอว่า

มาดูแลฉัน อะไรที่ไม่ถูกต้อง ต้องจัดการให้ด้วย”

“ค่า...มีรบกับใครเป็นพิเศษหรือคะ” อรนภาบอกว่าก็พวกอยากเป็นนางเอกแข่งกับตนไง แต้วแร้วหัวเราะร่า “โอเคค่ะ เรื่องไม่ให้ใครดีกว่าเรานี่ แต้วแร้วถนัด”

ooooooo

เมื่อธีรัชถ่ายสำเนาทั้งนิยายและบันทึกมาให้ขวัญอุมาปรากฏว่าหน้าแรกของบันทึกหายไป ขวัญอุมาหงุดหงิดถามว่าทำไมไม่เช็กก่อนออกจากบ้านคุณภารดีที่ลพบุรี

ธีรัชบอกว่าตนไม่แน่ใจว่าเขาจะรู้หรือไม่ เขาอาจ

จะไม่รู้ ไม่ทันได้สังเกตก็ได้ เลยถูกเสียงเข้มใส่ว่าอย่าเดา เดี๋ยวโทร.ถามว่าเขารู้ไหมว่ามันหายไปไหน

“ผมว่าแผ่นแรกนี่คงมีเรื่องสำคัญอยู่แน่นอน แต่ผมว่าตอนนี้เรามีกันคนละฉบับแล้วต่างคนต่างอ่าน”

ลูกปลาถามว่าแล้วเขาจะพร้อมสำหรับการปิดกล้องในอีกสองวันนี้ไหม ธีรัชบอกว่าต้องถามคุณครู แล้วบุ้ยใบ้ไปทางขวัญอุมา เธอค้อนหมั่นไส้ปรามว่า

“ต้องกลับไปซ้อมให้หนักมากๆ สำหรับคุณ

ยังอีกไกล ฉันบอกตามตรง”

ธีรัชฮึดถือดีขึ้นมา ขวัญอุมามองและยิ้มอย่างท้าทาย

ขวัญอุมาอ่านสำเนาบันทึกอย่างตั้งใจแต่ดูเหมือนไม่สบอารมณ์นัก บอกลูกปลาที่เข้ามาว่าวันนี้จะทำการบ้านทั้งวันเลยหรือ

“กำลังแกะลายมือคุณปภาคินอยู่น่ะสิ ใช่แล้ว ผู้หญิงคนนั้นในชีวิตจริงชื่อฉัตรชนก ส่วนโฉมเฉลาเป็นชื่อในนิยาย” ลูกปลาถามว่าแล้วพิมพ์แขล่ะ ขวัญอุมาบอกว่าคือ “กนกแข”

ลูกปลาถามว่าแล้วอ่านนิยายหรือยัง ขวัญอุมาบอกว่าไม่ต้องอ่านแล้ว มันเหมือนบท อย่างที่เขาพูดกัน

“แต่เจ็บใจที่ตารัชอ่านนิยายหมดแล้ว แล้วมาโกหกว่าไม่ได้อ่าน” ลูกปลาผสมโรงว่าผู้ชายก็อย่างนี้แหละโกหกเป็นไฟ “พูดไม่จริงแล้วยังตีความทุกอย่างเข้าข้างตัวเอง ในบันทึกนี่เห็นชัดเลยนิยายนี่ก็เหมือนกัน ตีความเข้าข้างผู้ชาย ไม่ยุติธรรม”

ลูกปลาถามว่าอ่านจบแล้วหรือ ขวัญอุมาบอกว่ายัง แต่เท่าที่อ่านมาก็เป็นแบบนี้แหละ สรุปว่า “ผู้ชาย...เข้าข้างตัวเองวันยังค่ำ” ลูกปลาถอนใจทำปากมุบมิบว่า ดีใจจัง

ที่ไม่ได้เป็นผู้ชาย

ฝ่ายธีรัชนั่งอ่านบันทึกอยู่เหมือนกัน เขาอ่านออกเสียงเบาๆ...

“ทุกวันจะร้อนใจจนอยู่บ้านไม่ได้ ต้องออกไปรับฉัตรที่โรงเรียนและพาไปส่งบ้าน อานุภาพของความรัก ที่ต้องพบหน้าเธอให้ได้ทุกวัน...”

และความจริงเวลานั้นคือ...ปภาคินเริ่มรักกับ

ฉัตรชนกใหม่ๆ เขาขับรถไปรับฉัตรชนกจากโรงเรียนมาส่งบ้านทุกวัน แต่วันนี้พอเขาจอดรถแล้วลงมาประคองฉัตรชนกพาเข้าบ้าน รถของกนกแขก็ปราดเข้ามาจอด กนกแขลงจากรถพุ่งเข้าไปแทรกกลางระหว่างปภาคินกับฉัตรชนกทันที ฉอเลาะว่า

“แขไม่รู้ว่าพี่ใหญ่จะพาฉัตรมาบ้าน ไม่อย่างนั้นจะขอติดรถมาด้วย”

ปภาคินบอกว่าไม่รู้ว่าแขมีธุระอะไรกับครูฉัตรด้วย

“แขมักจะมาหาครูฉัตรเรื่องเรียนน่ะค่ะ จบแล้วแขอยากเรียนมหาวิทยาลัย”

“เก่งอย่างแข ขยันอย่างนี้ ต้องเรียนได้แน่ๆ”

ฉัตรชนกได้แต่มองอย่างอึดอัดกับท่าทีที่ไม่ปกติของกนกแข

ooooooo

เมื่อเข้าไปในบ้าน นวลอนงค์จัดอาหารอยู่บนโต๊ะทักว่ามากันตั้งหลายคน ฉัตรชนกบอกว่าคุณใหญ่ขอมาส่ง ตนเลยชวนคุณใหญ่กับแขกินข้าวเย็นด้วยกันได้ไหม

“ได้จ้ะ วันนี้ทำสเต๊กไว้ แต่นายห้างได้รับเชิญไปบ้านท่านเจ้าคุณ นายเลยให้แบ่งกลับมาส่วนหนึ่ง แม่เห็นว่าวันนี้ฉัตรอยู่ก็เลยรับมา”

“แขไม่รับนะคะ ไม่ชอบอาหารเหลือ”

นวลอนงค์อึ้ง รู้ว่านิสัยกนกแขเป็นอย่างนี้จึงไม่รู้สึกอะไร แต่ปภาคินบอกว่าตนต้องขอชิม อยากกินข้าวกับฉัตรและคุณน้า นวลอนงค์บอกว่าที่รับมาไม่ใช่อาหารเหลือแต่แบ่งมาส่วนที่ทำเผื่อไว้ไม่ได้เอามาตั้งโต๊ะ

นวลอนงค์เชิญทุกคนเข้านั่ง แม้กนกแขจะ

ไม่กินแต่ก็เชิญเข้ามานั่งด้วยกัน

จู่ๆธนาก็ขี่จักรยานเข้ามา นวลอนงค์ชวนมากินสเต๊กด้วยกัน ธนาบอกว่าตนมาหาฉัตร มีแขกหลายคนตนคงไม่กวน

ฉัตรชนกบอกว่าไม่กวนเลยพอดีวันนี้มีอาหารมากชวนมากินด้วยกันไม่อย่างนั้นตนก็คงต้องเอาไปให้เขาที่บ้าน นวลอนงค์หยิบจานของกนกแขไปให้ธนา ธนาถามว่าแล้วแขล่ะ กนกแขบอกว่าของตนเป็นผลไม้

“อ้าว...แล้วไม่กินสเต๊กหรือครับ”

“ไม่ค่ะแขไม่กินของเหลือ เชิญครูธนาตามสบาย” แล้วมองหน้าปภาคินอ้อนกันท่าธนา “กินเสร็จแล้ว พี่ใหญ่ไปส่งแขเลยนะคะ” ปภาคินถามว่าแขไม่อยู่ถามครู

เรื่องเรียนหรือ “มากันหลายคนแขกลับดีกว่าค่ะ ค่ำมืดมากพ่อกับแม่จะรอ”

ธนาน้อยใจ รู้สึกว่ากนกแขกำลังตีตัวออกห่างตน ส่วนกนกแขทำเป็นนั่งแทะผลไม้เล่นฆ่าเวลา

ooooooo

ฉัตรชนกเก็บจานชามไปล้าง กนกแขถือจานผลไม้ไปยืนใกล้ๆแล้วสาดผลไม้ไปข้างหน้าฉัตรชนก ฉัตรชนกรู้สึกว่ากนกแขสาดผลไม้รดหัว แต่ยังถามเสียงปกติว่า อิ่มแล้วหรือ

กนกแขคุยว่าตนไม่ต้องกินอิ่มหรอก เดี๋ยวกลับไปบ้านพ่อแม่คงคอยกินข้าวอยู่ แม่รู้ใจว่าตนชอบอะไรก็จะให้ทำเอาใจทุกมื้อเยาะว่า “ไม่ใช่กินไปตามที่เหลือจากที่ไหน” เห็นฉัตรชนกสะอึกก็พูดต่อว่า

“แม่บ่นอยู่เรื่อยว่าป้าปฐมา คุณแม่ของพี่ใหญ่ชอบมาเร่งเร้าแม่จะให้หมั้นหมายกันไว้ก่อน ดูคุณป้าปฐมาอยากจะได้แขไปเป็นลูกสะใภ้เหลือเกิน แขเองก็อึดอัดใจ” ฉัตรชนกถามว่าแล้วธนาล่ะ “เหมือนผู้ใหญ่จะเห็นความเหมาะสมสำคัญกว่าความรัก ถ้าความรักของเรามันสวนทางกับความเหมาะสมตามที่ผู้ใหญ่มองไว้ ก็คงจะต้องเตรียมตัวน้ำตาเช็ดหัวเข่าไว้ได้เลย”

กนกแขคุยอวดเชิงปราม พอเห็นฉัตรชนกอึ้ง ก็ทำเป็นพูดว่า

“นี่ถ้าฉัตรไม่ใช่เพื่อนรักของเรา เราไม่พูดนะ เราไม่อยากให้ฉัตรเสียใจไปมากกว่านี้” เห็นฉัตรชนกพูดเหมือนไม่สะเทือนเตรียมรับทุกอย่างที่จะเกิดขึ้น ก็ตอกย้ำว่า “ผู้ชายที่รวย รูปหล่อแสนดีอย่างพี่ใหญ่ใครได้ไปครองแค่ข้ามคืนก็คุ้มค่าแล้ว ถ้าได้ความรักจากเขา อย่างเธอจะให้ทุ่มเทเท่าไรจะแลกกับอะไร ก็ต้องได้ทุกอย่างนะฉัตร ฉันเอาใจช่วยเธอ เพียงแต่อยากจะเตือนไว้เผื่อใจไว้เจ็บบ้าง เพราะเห็นแล้วว่ารักของเธอมีขวากหนามเต็มไปหมด”

“ขอบใจจ้ะแข...” ฉัตรชนกเสียงเริ่มปร่า พอกนกแขเดินกลับไป ก็มองตามน้ำตาคลอ...

ฝ่ายปภาคินคุยกับนวลอนงค์และธนาอยู่ในบ้าน พอรู้ว่านวลอนงค์ยังถีบจักรยานไปทำงานทุกวันก็ชมว่าดี ออกกำลังกายจะได้แข็งแรง ถามธนาว่านอกจากงานสอนแล้วยังทำอะไรอีกบ้าง

ธนาบอกว่าทำทุกอย่าง ปภาคินชมว่าตนนับถือคนที่เป็นครูทุกคน เพราะเราจะพัฒนาเหมือนชาติอื่นเมืองอื่นได้ก็เพราะการศึกษา ศรีราชาโชคดีที่มีโรงเรียน

พอดีกนกแขเข้ามาบอกปภาคินว่า ฉัตรชนกต้องล้างจานอยู่อีกสักพัก และให้ตนมาเรียนพี่ใหญ่ว่าเรากลับกันไปก่อนก็ได้ ปภาคินถามว่าแขไม่ถามเรื่องการเรียนกับครูฉัตรหรือ

“ฉัตรเขากลัวจะมืดน่ะค่ะ แล้วแขก็ไม่ได้ขอแม่ไว้ก่อน กลัวแม่จะเป็นห่วง ป่านนี้ซักตาชัยแย่แล้ว”

ธนาดูและฟังกนกแขเงียบๆ กนกแขรู้สึกตัวเลยหันไปไหว้ธนา บอกว่าครูฉัตรให้ครูธนารอก่อน ตนขอลากลับ ไหว้ลานวลอนงค์แล้วหันไปชวนปภาคิน

กลับเลย บอกปภาคินว่าฉัตรไม่ชอบให้ใครมายุ่งกับเขาเวลาทำงานว่าเหมือนมาคอยเร่งเขา ปภาคินจึงไหว้ลานวลอนงค์และจับมือลาธนา

กนกแขคว้ากระเป๋าเดินไปกับปภาคินไม่แม้แต่จะมองธนา ธนาได้แต่มองตามกนกแขไปอย่างน้อยใจ

พอขึ้นรถ กนกแขก็เป่าหูปภาคินว่าไม่อยากให้อยู่นานเพราะเหมือนว่าเรากำลังขัดคอเขาอยู่ เห็นปภาคินเงียบก็เป่าหูว่า

“ครูธนาเขารักกันกับครูฉัตรค่ะ ตามกันมาจากกรุงเทพฯ นี่เขาคงอยากจะคุยกัน”

“เรื่องนั้นไม่น่าจะเป็นเรื่องของเราจ้ะแขเรายังเด็กนั่นเขาเป็นครูแล้ว เป็นอันว่าพี่ไปส่งแขที่บ้านก่อนนะ”

“หือ แขกับฉัตรอายุเท่ากันค่ะ อ่อนเดือนกว่าเขาเท่านั้นเอง พี่ใหญ่ไปส่งแขเถอะค่ะ แขขอบพระคุณ

พี่ใหญ่มากๆ” กนกแขไหว้อย่างน่ารัก ทั้งที่ใจขุ่นมัวที่ถูกหาว่าเป็นเด็ก

อ่านละคร บ่วงนฤมิต ตอนที่ 5 วันที่ 4 ม.ค.62

ละครเรื่อง บ่วงนฤมิต บทประพันธ์โดย ลินิน
ละครเรื่อง บ่วงนฤมิต บทโทรทัศน์โดย นลินี สีตะสุวรรณ
ละครเรื่อง บ่วงนฤมิต กำกับการแสดงโดย สำรวย รักชาติ
ละครเรื่อง บ่วงนฤมิต ผลิตโดย บริษัท ฮูแอนด์ฮู จำกัด
ละครเรื่อง บ่วงนฤมิต ควบคุมการผลิตโดย วรายุฑ มิลินทจินดา
ละครเรื่อง บ่วงนฤมิต ออกอากาศทุกวันพุธ-พฤหัสบดี เวลา 20.15 น
ละครเรื่อง บ่วงนฤมิต ออกอากาศทางไทยทีวีสีช่อง 3
ที่มา ไทยรัฐ