อ่านละคร ภูผา ตอนที่ 3 วันที่ 27 ม.ค.62
ไปถึงบ่อน “ผู้กอง” กำลังโวยวายว่าเจ้ามือกินอยู่ฝ่ายเดียวเล่นอย่างนี้ตายเลย ต่อไปใครจะเล่นด้วยเจ๊จูเข้าไปขอโทษผู้กอง จัดการเปลี่ยนเจ้ามือคนใหม่และเชิญผู้กองเล่นใหม่
หวาน หญิงสาวที่มากับผู้กองเห็นภูผาหล่อกำยำก็ปิ๊ง บอกผู้กองว่าตนขอไปสูดอากาศข้างนอกหน่อย ผู้กองบอกว่าอย่าไปนาน หวานอ้อนให้เด็กเจ๊พาตนไปเดินเล่นหน่อย เจ๊จึงให้ภูผาพาไป
ภูผาเดินอ้าวนำไปจนหวานถามว่าจะไปตามควายที่ไหน ถามว่าเพิ่งมาหรือไม่เคยเห็นหน้า แล้วให้พาไปเดินเล่นทางโน้นหน่อย ภูผาพาไปปรากฏว่าเป็นที่เปลี่ยว หวานคล้องแขนภูผาทันที ภูผาบอกให้ปล่อย หวานไม่ปล่อยภูผาจึงแกะมือหวานออก แทนที่หวานจะหยุดกลับเอาตัวสียั่วซ้ำบอกให้จูบตนด้วย
ภูผาบ่ายเบี่ยงตำหนิว่าเป็นผู้หญิงทำไมทำตัวหน้าไม่อาย หวานถามว่าจูบไม่เป็นหรือ ให้ลองจูบสิแล้วตนจะปล่อย
“ผมอยากจูบกับคนที่น่าจูบ ไม่ใช่คนที่ชอบเสนอ”
หวานโกรธจ้องหน้าภูผาในระยะใกล้ ภูผาจ้องตอบไม่หลบตา พอดีผู้กองตามมาเจอ หวานมารยาทันทีให้ผู้กองช่วยด้วยตนถูกเด็กมันลวนลาม ผู้กองรู้ทันตบหน้าหวาน ฉาดใหญ่ถามว่าเมื่อไหร่จะหายแรดเสียที ภูผาเห็นผู้กองมาแล้วจึงจะไป ถูกผู้กองชักปืนส่องตวาด
“มึงยังไปไม่ได้”
ผู้กองจับคอเสื้อภูผาลากไปที่ห้องเจ๊จู เจ๊ถามว่าอะไรกันผู้กอง ผู้กองตบภูผาด้วยด้ามปืนแต่ภูผาปัดออก ผู้กองจึงเปลี่ยนเป็นส่องปืนใส่ เจ๊บอกผู้กองให้ใจเย็นๆ เก็บปืนก่อน
ผู้กองถามว่าเจ๊จะอธิบายยังไง เด็กเจ๊มันลวนลามเด็กตน เจ๊ขอให้เด็กมันอธิบายก่อน ผู้กองตัดบทว่าไม่มีอะไรต้องฟัง ตนเห็นกับตามาแล้ว เจ๊จึงบอกให้ภูผาขอโทษผู้กองเสีย ภูผาบอกว่าตนไม่ได้ทำอะไร
ทั้งผู้กองและสันต์ทำท่าจะขย้ำภูผา เจ๊สั่งเสียงเข้มให้ภูผาขอโทษผู้กองเดี๋ยวนี้! เดี๋ยวนี้! ภูผาจึงจำต้องไหว้ขอโทษ เจ๊บอกผู้กองว่าเด็กมันขอโทษแล้วเลิกแล้วต่อกันนะ
ผู้กองไม่ยอมจะให้ภูผากราบตีน แม้จะอึ้งแต่เจ๊ก็พยักหน้าให้ภูผาทำ ภูผาส่ายหน้า ผู้กองบอกว่างั้นก็เลือกเอาระหว่างกราบตีนกับด้ามปืน เจ๊มองให้เชิดช่วย เชิดสะอึกออกมาต่อยภูผาแล้วเตะซ้ำตะคอกถาม
“เดี๋ยวนี้มึงกล้าดื้อเหรอ ไอ้ภูผา!”
ooooooo
เชิดต่อยภูผาล้มแล้วเตะซ้ำๆ ผู้กองยิ้มพอใจ สันต์ก็สะใจ เจ๊จูมองผู้กองหน้านิ่ง
เมื่อพาภูผาไปที่ห้องพักในบ่อน เจ๊ทายาที่โหนกแก้มให้ภูผา ภูผาเอายาจากเจ๊บอกว่าตนทาเองได้
เจ๊มองเชิดที่ยืนกอดอกดูอยู่ถามว่าเตะแรงไปไหม เชิดหัวเราะบอกว่าให้มันฝึกทนๆเอาไว้เจ๊
เจ๊เตือนภูผาว่าวันหลังอย่าไปมีเรื่องกับผู้กองอีก ยอมได้ก็ยอม ยอมไม่ได้ก็ต้องยอม อยู่บ้านนี้เมืองนี้มันต้องรู้จักอยู่ให้เป็น ถ้าเกิดมันไม่พอใจสั่งปิดบ่อนขึ้นมา จะซวยกันหมด
“ครับเจ๊” ภูผารับปากแต่สีหน้าไม่ยอม พอออกจากห้องเจ๊ สมคิดถามภูผาว่ารู้ไหมว่าผู้กองรู้ได้ไง เล่าว่า ตนเห็นสันต์กระซิบอะไรกับผู้กองก่อนผู้กองจะโกรธมากแล้วลุกพรวดออกไป สมคิดว่าไอ้สันต์นี่แหละตัวดี
พอเข้าโรงอาหาร ภูผากินข้าวแล้วชะงักเพราะเจ็บปาก สันต์เยาะเย้ยว่า “แดกไม่ลงเลยเหรอวะ สมน้ำหน้า” สมคิดฉุนขาดถามว่ามึงสมน้ำหน้าใคร สันต์ตวาดว่า “ไอ้คิด มึงกล้าขึ้นมึงกับกูเหรอ”
“ทำไม กูไม่กลัวมึงหรอกเว้ย”
สิ้นเสียง สมคิดก็ถูกสันต์ถีบกระเด็น ภูผาพุ่งเข้าถีบสันต์จนเซไปกระแทกเชิดพอดี เชิดกระชากคอเสื้อสันต์ตะคอก
“มึงอยากออกแรง งั้นไปซ้อมมวยกับกูไอ้สันต์” สันต์งงที่ถูกลูกพี่ท้าชก ซ้ำร้องถาม “ใครอยากไปเชียร์กูบ้าง” ลูกน้องเฮกันลั่น สันต์หน้าเสียมองเลิ่กลั่ก ภูผากับสมคิดก็มองหน้ากันงงๆ
สันต์ใจคอไม่ดีบอกว่าตนไม่อยากต่อยกับพี่ ขอต่อย กับไอ้ภูผาหรือไอ้สมคิดได้ไหม เชิดถามว่าต่อยกับพวกมันจะไปสนุกอะไร ยืนยัน “ต่อยกับกูนี่แหละ กูไม่มีคู่ซ้อมมานานแล้ว” ดำอาสาเป็นคู่ซ้อมให้ก็ไม่เอาบอกว่าวันนี้อยากซ้อมกับไอ้สันต์ ตั้งการ์ดร้องท้า
“เข้ามา!” สันต์ไม่เข้า เชิดโมโหเลยพุ่งเข้าใส่ ต่อยและหลบกันว่องไว แต่สันต์เสียท่าถูกตัดขาล้มลง สันต์ดึงเชิดล้มไปด้วย สองคนนอนปล้ำกัน สันต์ถูกเชิด รัวหมัดใส่ก็ร้อง...ผมยอมแพ้แล้วพี่ แต่พอเชิดลุกขึ้น
สันต์ก็ถีบทั้งที่นอนอยู่แล้วลุกขึ้น โดนเชิดจระเข้ฟาดหางใส่ล้มไม่เป็นท่า ซ้ำโดนด่า
“สันดานไม่เปลี่ยนเลยนะมึง” แล้วกระชากคอเสื้อจะอัดซ้ำ ดำขอร้องพอแล้วเดี๋ยวมันตาย สันต์ถามว่าพี่ทำผมทำไม “มึงอยากรู้เหรอ มึงอย่านึกว่ากูไม่รู้ว่ามึงทำอะไรไว้ มึงพาผู้กองออกไปตามอีหวานจนมีเรื่องกลับมาที่บ่อน ไอ้ภูผามันไปทำอะไรมึง กินข้าวหม้อเดียวกันแทนที่จะรักกัน ริจะเป็นนักเลงอย่าลอบกัดใครข้างหลัง กูสอนมึงมากี่ครั้งแล้ว คราวนี้มึงจะจำได้ไหม... พวกมึงก็จำไว้ด้วย...รวมทั้งมึงสองคนด้วย”
เชิดปรามลูกน้องและมองภูผากับสมคิด ภูผาหน้านิ่งแต่สมคิดกลัวมาก สันต์จ้องหน้าทั้งสองสุดแค้น
ooooooo
ทอรุ้งไปด้อมๆมองๆที่ร้านโชคดีจะมาถามว่าเจอภูผาหรือยัง เส็งบอกว่าไอ้ภูผาไม่อยู่แล้ว จะไปสนใจ เด็กเลวแบบนั้น ทำไม กลับไปเสีย แล้วเดินเข้าบ้านไปเลย
พอทอรุ้งจะเดินไปเดือนก็ออกมาเรียกไว้บอกเบาๆว่าภูผายังไม่กลับ อาม่าก็ห่วงภูผาจนเหมือนคนป่วย ทอรุ้งถามว่าแล้วภูผาอยู่ที่ไหน
“ภูผาไปอยู่ที่บ่อน...ถ้าหนูบังเอิญเจอบอกด้วยนะว่าเตี่ยรู้แล้วและโกรธมาก และถ้าไม่อยากให้อาม่ารู้และเสียใจก็ให้ออกมาเสีย”
เดือนหันมองในร้านกลัวเส็งเห็นแล้วเอาขนมสองถุงใส่มือให้ ขอบใจและให้รีบกลับไปเสีย
ทอรุ้งโมโหมากเมื่อรู้ว่าภูผาไปอยู่ที่บ่อน เย็นนี้พอภูผากับสมคิดกลับถึงบ้าน ต้อยติ่งเห็นหน้าภูผาก็ถามว่าไปมีเรื่องมาใช่ไหม ให้รีบหลบขึ้นข้างบนเผื่อมันตามมาเล่นงานอีก ศรีได้ยินปรามสมคิดว่าอย่าเอาเรื่องเดือดร้อนมาถึงบ้าน ไปมีเรื่องก็ต้องมีศัตรู พี่น้องจะเดือดร้อนไปด้วยเมื่อไหร่ก็ไม่รู้
ภูผาไม่อยากให้ที่บ้านสมคิดมีปัญหากัน คืนนี้จึงออกไปเช่าห้องแถวเก่าๆอยู่ สมคิดตามไปอยู่เป็นเพื่อน ต้อยติ่งแอบตามไปด้วยบอกว่าแค่อยากรู้ว่าพี่ภูผาย้ายไปอยู่ไหน ภูผาบอกว่าทีหลังอย่าตามมามันไม่ปลอดภัย ต้อยติ่งหัวเราะลอยหน้าพูดอย่างอวดดีว่ากลัวที่ไหน ขนาดพี่สองคนยังไม่รู้เลยว่าตนตามมา
รุ่งขึ้นทอรุ้งแต่งตัวให้กลมกลืนกับชาวบ้านไปเดินหาบ่อนที่ภูผาอยู่ เจอสมคิดไล่กระทืบชายคนหนึ่งออกมาพอดี ภูผาตามมาห้ามบอกชายคนนั้นให้รีบหนีไปเสีย พอภูผาหันกลับก็อึ้งเมื่อเห็นทอรุ้งยืนมองหน้าตึงอยู่ สมคิดจึงปลีกตัวไปอย่างรู้หน้าที่
ภูผาถามทอรุ้งว่ามาทำไม แถวนี้นักเลงอันธพาลทั้งนั้น อันตรายให้รีบกลับไปเสีย ทอรุ้งบอกว่ามาตามเขา ถามว่าเมื่อรู้ว่าอันตรายแล้วเขาเข้าไปอยู่บ่อนทำไม ภูผาตกใจที่ทอรุ้งรู้ รีบบอกว่าเดี๋ยวจะไปส่งแล้วจูงมือออกไปเลย
พอเข้าไปพักที่ศาลา ภูผาถามว่าเธอโกรธตนหรือ
“ควรจะโกรธไหมล่ะ มีอะไรจะแก้ตัวไหม ที่เที่ยวเป็นนักเลงบ่อนแล้วไปทำร้ายคนอื่น”
ภูผานิ่งอย่างไม่รู้จะแก้ตัวอย่างไร ทอรุ้งหว่านล้อมว่าเขาไม่ใช่คนเลวแต่ทำไมถึงเลือกใช้ชีวิตแบบนั้น พ่อกับแม่เขารู้หมดแล้ว พ่อโกรธมากด้วย ภูผาถามว่าแล้วอาม่าล่ะ ทอรุ้งบอกว่าอาม่ายังไม่รู้
ภูผาขอบใจที่ทอรุ้งมาบอกแต่ต่อไปอย่ามาหาตนอีก ขออย่าเข้าใจผิดที่ตนต้องพูดต้องทำอย่างนี้ก็เพราะเป็นห่วงเธอ ทอรุ้งย้ำว่าเขารู้ใช่ไหมว่าถ้าอาม่ารู้จะต้องเสียใจมาก ภูผาพยักหน้า ทอรุ้งบอกให้รีบออกเสีย รบเร้าให้รับปาก
“รุ้ง เราไม่ใช่คนดี รุ้งอย่าพยายามเลย...คุณหนูอย่างเธอไม่ควรจะลดตัวมาคบหากับคนอย่างเรา เลิกยุ่งกับเราเถอะ เราส่งแค่นี้นะ”
พอภูผาเดินไป ทอรุ้งร้องบอกว่า “แม่เธอเป็นห่วงมาก” ภูผาชะงัก ทอรุ้งบอกอีกว่า “อาม่าเธอก็ห่วงมาก” คราวนี้ภูผาหยุดแต่ไม่หันกลับ อึดใจเดียวก็เดินต่อไป ทอรุ้งเสียใจมากที่ภูผากลายเป็นคนแบบนี้
ภูผาเองก็เสียใจมาก กลับถึงห้องเช่าสมคิดถามว่ารู้จักกับยัยคุณหนูนั่นได้ยังไง ภูผาตัดบทว่าช่างมันเถอะ เพราะตอนนี้ไม่รู้จักแล้ว คิดถึงที่ทอรุ้งบอกว่า แม่กับอาม่าเป็นห่วงมากที่เขามาอยู่ที่บ่อนจนนอนไม่หลับต้องออกมานั่งข้างนอก
อาม่าเป็นห่วงภูผาไม่กินไม่นอนจนเช้านี้เป็นลมล้มหมดสติกับพื้น เส็งกับเดือนรีบพาไปส่งคลินิก
นุสราภูผากับสมคิดมาที่ร้านโชคดีแต่เช้าเห็นประตูปิดใส่กุญแจ สงสัยว่าไปไหนกันหมด พอดีเจอแช่ม แช่มบอกว่าเมื่อเช้าอาม่าล้มเส็งกับเดือนจึงพาไปที่คลินิก ภูผากับสมคิดวิ่งไปที่คลินิกทันที
หมอนุสราตรวจแล้วบอกว่าอาม่าเป็นลมเพราะพักผ่อนน้อย อาม่าระบายความอัดอั้นเรื่องภูผาถูกเส็งไล่ออกจากบ้าน ป่านนี้ยังไม่รู้ไปอยู่ที่ไหน เส็งมาพอดีถามว่าฟ้องอะไรหมอ ไม่อายรึ
หมอนุสราบอกว่าอาม่ามีไข้นิดหน่อยและมีอาการปวดท้อง ตำแหน่งที่ปวดน่าจะเป็นไส้ติ่ง บอกให้รีบพา ไปโรงพยาบาลเพราะถ้าปล่อยจนแตกมันเป็นอันตราย เส็งหน้าเจื่อนถามว่าต้องไปโรงพยาบาลเลยหรือ อาม่าบอกทันทีว่า “อั๊วไม่ไปโรงพยาบาลนะ...ให้ตายอั๊วก็ไม่ไป”
ooooooo
ภูผากับสมคิดไปถึงคลินิกนุสราเห็นป๊ากับแม่อยู่เลยไม่กล้าเข้าไป พอดีทอรุ้งขี่จักรยานมาจอด ภูผาเข้าไปบอกว่าอาม่าไม่สบายอยู่ข้างใน แต่ป๊ากับแม่อยู่ตนไม่กล้าเข้าไป ทอรุ้งบอกให้รอตรงนี้ ตนจะไปดูให้
พอดีเดือนเห็นภูผาจึงเดินออกมาบอกให้รีบไปเสียป๊าเห็นใครมายืนอยู่หน้าร้านสงสัยว่าทำไมไม่เข้าไป
ภูผาจึงบอกทอรุ้งว่าตนจะไปรอที่เดิม พอทอรุ้งไปบอกว่าอาม่าปลอดภัยดีแต่หมอบอกว่าอาม่าไส้ติ่งอักเสบควรไปโรงพยาบาลผ่าตัดแต่อาม่าไม่ยอมไป ตอนนี้พ่อกับแม่เขาพาอาม่ากลับบ้านไปแล้ว ทอรุ้งบอกว่าไม่ต้องห่วงพรุ่งนี้จะไปเยี่ยมให้
ภูผาขอบใจถามว่าวันนี้ทำไมไม่ไปเรียน ทอรุ้งย้อนว่าทีเธอยังไม่ไปเลย
“มันเหมือนกันที่ไหน นี่เธอเกเรไม่ไปเรียนเหรอ...” ทอรุ้งไม่ตอบแต่ทำหน้ารั้น ภูผาเลยดุ “ยัยเด็กเกเร” ทอรุ้งมองขวับไม่พอใจที่ถูกดุ ภูผาเห็นทอรุ้งหน้าแดงๆ เอามือจับหน้าผากบอกว่าตัวร้อน ถามว่าไม่สบายหรือ
ทอรุ้งเอามือภูผาออกบอกว่ากินยาแล้วเดี๋ยวก็หาย ภูผาถามว่าเธอปั่นจักรยานมาหาหมอเอง แม่เธอไปไหน ทอรุ้งบอกว่าแม่ไม่อยู่ไม่ต้องห่วง ภูผาจึงจะปั่นจักรยานพาไปส่งที่บ้าน พอทอรุ้งขึ้นซ้อนภูผาก็จับมือเธอมากอดเอวตนไว้จนตัวทอรุ้งแนบกับแผ่นหลังตัวเอง กำชับ...
“หลบข้างหลังเรา อย่าให้โดนลมนะ”
เป็นคำพูดธรรมดาๆที่ไม่ได้อ่อนหวานอะไรเลย แต่ทอรุ้งรู้สึกอบอุ่นจนน้ำตาคลอ...
กลับถึงห้องเช่า ภูผาหยิบเงินทั้งหมดออกมาบอกสมคิดว่าจะเอาเงินไปช่วยค่ารักษาอาม่า สมคิดบอกว่าตนจะเอาไปให้เอง ภูผาฉุกคิดว่าถ้าสมคิดเอาไปป๊าก็ต้องรู้ว่าเงินมาจากตน ป๊าไม่เอาแน่ ภูผาจึงไปหาเวหา ที่โรงเรียน ฝากเงินไปเป็นค่ารักษาอาม่า
เวหาไม่พอใจที่ภูผามาหาที่โรงเรียนคิดว่ามาหาทอรุ้ง ปรามว่าบอกแล้วไงว่าอย่ามายุ่งกับรุ้งอีก หาว่าภูผาตีสนิทกับทอรุ้งเพื่อหวังเกาะคนรวย ภูผาย้อนว่าให้ถามตัวเองดูเถอะว่าใครคิดแบบนี้กันแน่
ขณะยืนโต้เถียงกันนั้น ทอรักมาเจอ ถามเวหาว่าคุยกับใครหรือ เวหารีบเก็บเงินบอกว่าไม่ได้คุย ทอรักจำภูผาได้ถามว่าไอ้เด็กคนนั้นมาทำอะไรแถวนี้
เวหาตัดบทว่าอย่าไปสนใจมันเลย ถามว่ารถมาแล้วหรือ ทอรักถามว่าจะกลับพร้อมกันไหม เวหาจึงเดินตามทอรักไป แต่ทอรักยังอดหันมองภูผาไม่ได้ เธอเดินไปกับเวหาอย่างเย็นชาผิดกับที่แล้วมา
เวหาเอาเงินไปให้เส็ง เส็งชมว่าเป็นเด็กดีจริงๆ นอกจากเรียนแล้วยังเจียดเวลาไปทำงานอีก บอกเดือนให้พาแม่ไปหาหมอ พอเดือนเดินมาอาม่าคว้าไม้เรียวขู่
“อย่าเข้ามานะอาเดือน อั๊วตีจริงๆด้วย อั๊วไม่ได้เป็นอะไรแล้ว” แล้วเดินหนีเข้าห้องไปเลย
ooooooo
วันนี้ครูอนงค์พาประเสริฐนักเรียนใหม่เข้ามาในชั้นที่ทอรักเรียนอยู่ บอกให้ประเสริฐแนะนำตัวเองกับเพื่อนๆ ประเสริฐแนะนำตัวเองว่าชื่อประเสริฐ เพิ่งย้ายมาใหม่ ครูอนงค์แนะนำต่อให้ว่า
“ตอนอยู่โรงเรียนเก่า ประเสริฐสอบได้ที่ 1 ทุกเทอมเลยนะ ถ้ามีเวลาก็ช่วยติวให้เพื่อนๆด้วยนะประเสริฐจะได้สนิทกันเร็วๆ ดีไหมจ๊ะนักเรียน”
“ดีค่ะ...ดีค่ะ” เสียงใสๆตอบกันเซ็งแซ่
ประเสริฐเห็นที่นั่งข้างทอรักว่างจึงเดินไปนั่ง ถูกเวหากันท่าว่านั่นที่นั่งตน ประเสริฐลุกยืนรู้ว่านั่งผิดที่ยิ้มให้ทอรัก ทอรักยิ้มตอบ สาวๆเรียกประเสริฐให้ไปนั่งข้างตน ทอรักมองตาม เวหาจับตาดูอยู่อย่างไม่พอใจบอกทอรักว่า “เกรงใจเรามั่งนะรัก ไปสนใจมันทำไม”
“เธอนั่นแหละ ช่วยมีมารยาทด้วย มีสิทธิ์อะไรมาพูดกับเราแบบนี้” ทอรักเสียงดังอย่างไม่พอใจ
ครูอนงค์บอกให้เงียบ สั่งให้หยิบหนังสือเรียนขึ้นมา แต่ทอรักยังจ้องเวหาอย่างไม่พอใจ เวหาได้แต่ก้มหน้าอายเพื่อน
ตกเย็นเวหาเดินไปกับเพื่อนอย่างกระวนกระวายใจ เพื่อนถามว่ามีเรื่องกับทอรักเหรอเห็นไม่พูดกันทั้งวัน เวหาเสียงขุ่นว่าไม่มี แต่พอเห็นทอรักยืนอยู่ก็รีบเดินไปหา เพื่อนพูดกันขำๆว่า “ท่าทางมันจะหึงว่ะ”
พอทอรักเห็นเวหาเดินมาก็หันเดินหนี เวหาตามไปอ้อนว่าเราไม่ได้ตั้งใจอย่าโกรธเรานะ ทอรักหยุดถามว่าพูดจบหรือยัง เวหาถามว่าวันนี้คุณแม่มารับหรือว่าไปรอที่บ้านป้าหมอ ทอรักบอกว่ารอบ้านป้าหมอ เวหาจึงจะเดินไปส่ง พอดีประเสริฐขี่เวสป้ามาจอดเทียบ ทอรักขึ้นซ้อนท้ายทันที
“ฝากเดินไปส่งยัยรุ้งแล้วกัน” ทอรักตัดบทแล้วโบกมือบ๊ายบาย ทำเอาเวหายืนอึ้งกับที่ไปเลย
คืนนี้ขณะทอรักเอาเสื้อผ้ามาทาบเลือกที่เข้าชุดกัน ทอรุ้งมาเคาะประตู ทอรักตกใจนึกว่าแม่ ทอรุ้งบอกว่าแม่เข้านอนแล้วพรุ่งนี้ต้องไปวางเสาเข็มศาลาการเปรียญที่ต่างจังหวัดแต่เช้า
ทอรุ้งถามทอรักว่าผู้ชายที่มาส่งที่บ้านป้าหมอเมื่อเย็นเป็นใครหรือ ตนไม่เคยเห็นหน้า แล้วดูเหมือนพี่เวหาก็ไม่ค่อยพอใจถึงได้รีบกลับ
“ใครจะสน...ผู้ชายคนนั้นชื่อประเสริฐ เพิ่งมาใหม่ หน้าตาหล่อดีเนอะว่าไหม” ทอรุ้งถามว่าพี่ไม่ได้ชอบเขาใช่ไหม ทอรักไม่ตอบแต่บอกว่า “พรุ่งนี้เขาชวนพี่ไปดูหนังแล้วล่ะ...ใส่ชุดนี้ดีไหม”
ทอรุ้งถามว่าแล้วพี่เวหาล่ะเอาไปไว้ที่ไหน ทอรักตอบอย่างไม่แยแสว่าก็อยู่ที่เดิมของเขาไปสิ
“พูดงี้แปลว่าพี่ไม่ได้ชอบพี่เวหาเหรอ”
“โอ้ย...ผู้ชายเฉิ่มแบบนั้นใครจะไปชอบลง ถ้าเราอยากชอบก็ชอบเลยนะพี่ไม่ห้าม อย่างน้อยก็ดีกว่าไอ้เด็กจิ๊กโก๋เกเรอะไรนั่น” พูดแล้วหันไปลองชุดต่อ ทอรุ้ง มองพี่สาวเซ็งๆ
ooooooo
เช้าวันนี้ทอรุ้งไปยืนแถวหน้าบ่อน คิดถึงที่ได้คุยกับอาม่าวันก่อนที่อาม่ายืนยันว่าจะไม่ไปหาหมอ ขณะคิดเพลินอยู่นั้น เชิดเห็นทอรุ้งที่ใส่แว่นกำลังเดินไปที่บ่อน ถามดำว่า
“เด็กสาวที่ไหนเข้ามาวะไอ้ดำ อายุเท่านี้ริอ่านเข้าบ่อน”
ดำแถเข้าไปถามทอรุ้งว่ามาทำอะไรครับน้อง
ทอรุ้งตกใจแต่ทำใจเย็นบอกว่ามาแถวนี้ก็ต้องเข้าบ่อนสิ ดำเชิญเข้าไป ทอรุ้งทำใจกล้าเดินเข้าไปแล้วถอดแว่นมองหาภูผา เชิดมองตามอย่างพอใจในความน่ารักของทอรุ้งแต่เธอเดินหายไปในหมู่คนแล้ว
ทอรุ้งเดินเข้าไป สันต์มองอย่างสังเกตถามว่ามาหาคนหรือจะมาเล่นอะไร ทอรุ้งอึกอักตอบไม่ถูก
บอกว่าเล่นไอ้อย่างนั้นแหละ สันต์พาไปถามว่าเพิ่งหัดเล่น ใช่ไหม ทำใจให้สบาย ตนจะเป็นพี่เลี้ยงให้เอง
“เอ่อ...คนชื่อภูผาอยู่ไหม ให้เขามาเป็นพี่เลี้ยงฉันนะ” สันต์บอกว่าภูผาไม่อยู่ออกไปข้างนอกกับเจ๊ “งั้นไม่เป็นไร รอเขากลับมาเมื่อไหร่แล้วฉันค่อยเล่น”
ทอรุ้งหันจะกลับ ถูกสันต์คว้ามืออย่างแรงจนเซ ทันใดนั้นอีกมือหนึ่งก็ดึงทอรุ้งเซกลับไป
ภูผานั่นเอง!
ภูผาสั่งสันต์ให้ปล่อย สันต์ไม่ปล่อยมองอย่างท้าทายว่าตนรู้จุดอ่อนของภูผาแล้ว พอภูผาสั่งให้ปล่อยอีกครั้ง มันหัวเราะแล้วปล่อยทอรุ้งไป
ภูผาพาทอรุ้งไปแอบที่มุมหนึ่งถามว่ามาที่นี่ทำไม ทอรุ้งบอกว่ามาส่งข่าวว่าอาม่ายังไม่ยอมไปหาหมอ
ภูผาโมโหถามว่าทำไมต้องมาที่นี่ไม่ไปเจอที่เดิม ทอรุ้งบอกว่าก็ไม่ได้นัดกันไว้ ถามว่าทำไมต้องโมโหด้วย ภูผาถามว่าเห็นไหมว่าเกือบจะมีเรื่องแล้วสันต์ก็เห็นหน้าเธอแล้วด้วย ทอรุ้งถามว่าเขาเป็นใคร
“มันเป็นศัตรูของเรา” ทอรุ้งบอกว่าตนไม่กลัว “เธอยังไม่รู้จักชีวิตดีอย่าพูดอะไรดีกว่า”
ขณะนั้นเองสันต์เดินโผล่มาเห็นไกลๆพร้อมเพื่อนอีกสองคน มันสะกิดให้เพื่อนสองคนดูทอรุ้งแล้วยิ้มกวนๆดาหน้ากันเข้ามา ภูผาถอดเสื้อตัวเองคลุมหัวทอรุ้งแล้วดึงเข้าไปกอด ทอรุ้งตกใจถามว่าทำอะไร ตนมองไม่เห็น ภูผาสั่งให้เงียบ!
สันต์เดินมากับเพื่อน เพื่อนถามว่าเด็กไอ้ภูผาหรือ อีกคนถามว่าสวยไหม สันต์บอกว่าสวยถูกใจมาก
ภูผาคลุมหัวทอรุ้งพาเดินออกไปชนกับเชิดอย่างจัง แล้วพยายามจะเลี่ยงไป
“ภูผาจะไปไหน” เชิดเรียกไว้ ภูผาบอกว่าจะพาเพื่อนไปส่ง เชิดสั่งให้เปิดหน้าเพื่อนออกมาทักทายกันหน่อย ภูผานิ่ง เชิดหัวเราะบอกว่า “ไม่เป็นไร เอาไว้ รู้จักกันวันหลังก็ได้ รีบไปรีบกลับล่ะ”
สันต์เข้ามาบอกว่าเด็กไอ้ภูผาแน่ๆเลย สวยด้วยพี่ เชิดบอกว่ากูเห็นแล้ว...สวย แต่มันบอกว่าเป็นเพื่อนกัน แล้วไล่สันต์กับพวกให้ไปทำงานต่อ
พอเชิดเดินออกไป สันต์ก็กระซิบเพื่อนมันว่า
“มึงไปตามดูมันหน่อย” แล้วตัวเองก็เดินกลับเข้าข้างใน
ooooooo
ภูผาพาทอรุ้งเดินมาหยุดที่มุมหนึ่งแล้วเอาเสื้อที่คลุมหัวออก เธอจ้องหน้าเขาถามว่าชีวิตนักเลงเป็นอย่างนี้หรือ ถ้าอันตรายนักก็ออกมาเถอะจะเป็นอยู่ทำไม ภูผาหยอกว่าพอเปิดมาก็พูดมากเลยนะ
ทอรุ้งบ่นว่าก็มันอึดอัด ภูผาจะพาไปส่งถามว่าเอาจักรยานมาหรือเปล่า พอรู้ว่าไม่ได้เอามาก็ชวนเดินกลับกัน แต่พอเดินไปครู่เดียวก็เห็นพวกนักเลงเดินตัดซอยไป ภูผาชะงักดึงทอรุ้งปลิวติดมือออกไป บอกว่าเรากลับตอนนี้ไม่ได้แล้ว ไอ้สันต์คงให้ลูกน้องตามมาดู
ทอรุ้งถามว่าทำไมไม่เดินออกไปเผชิญหน้าบอกมันเลยว่าทำแบบนี้มันเสียมารยาทมาก เที่ยวตามดูคนอื่น ภูผาหัวเราะขำมากๆ งึมงำ...“เด็กน้อยเอ๊ย เธอนี่มันคุณหนูจริงๆ”
ทอรุ้งว่าตนไม่ใช่คุณหนูและไม่เคยทำตัวเป็นคุณหนูด้วย ภูผาถามว่าเคยกลัวอะไรบ้างหรือเปล่า ชีวิตมีเรื่องเศร้ากับเขาบ้างไหม ทอรุ้งบอกว่ามี เยอะด้วย ภูผาถามว่าเรื่องอะไร พ่อแม่ขัดใจหรือ
“...พ่อแม่เลิกกัน แม่ก็เอาแต่ทำงานไม่มีเวลาให้ พ่อมีเมียน้อย แต่ไม่รู้สึกว่าขาดหรือมีปัญหา ก็ไม่เห็นต้องเก็บมาเป็นอารมณ์...และก็ไม่ได้อยากให้ใครมาสงสาร”
ภูผารู้สึกตัวตัดบทว่า “รู้แล้ว...รู้แล้ว แล้วก็เลิก พูดมากได้แล้ว” พูดแล้วจูงมือทอรุ้งเดินต่อ
ภูผาพาทอรุ้งไปที่ห้องเช่า บอกว่าหลบอยู่ที่นี่ก่อน อีกชั่วโมงรอพวกมันไปแล้วค่อยออกไป เดี๋ยวจะพาไปส่งบ้าน ทอรุ้งพยักหน้าแล้วถอดรองเท้าเปิดประตูออกเอารองเท้าไปวางข้างนอก ภูผาบอกว่าไม่ต้องถอดก็ได้ ทอรุ้งบอกว่าอยู่ในบ้านก็ต้องถอดสิ ภูผาเลยต้องถอดแล้วเอารองเท้าไปวางใกล้ๆกับของทอรุ้ง ถามว่าพอใจหรือยัง ทอรุ้งบอกว่า “พอใจมาก”
เมื่อกลับมานั่งที่พื้น ภูผามานั่งใกล้ๆถามว่าหายป่วยแล้วหรือ ทอรุ้งบอกว่าหายแล้ว ภูผาลุกไปเอาน้ำมาให้ ทอรุ้งยังติดใจถามว่า
“คนพวกนั้นน่ากลัวนักเหรอ”
ภูผาบอกว่าน่ากลัว ทอรุ้งถามว่าตนไม่ได้มีเรื่องกับเขา เขาจะมายุ่งกับตนทำไม ภูผาถอนใจบอกว่าอย่าไปหาตนที่นั่นอีก ทอรุ้งมองขวับถามว่า “แล้วเราต้องเลิกคบกันหรือเปล่า”
ภูผาถามว่าไม่กลัวหรือที่มาคบกับนักเลงอย่างตน ทอรุ้งถามว่ากลัวทำไม ตนรู้ว่าเขาไม่เหมือนพวกนั้น
“รุ้งชอบเราจริงๆเหรอ”
“ห๊า!!” ทอรุ้งร้อง ไปไม่เป็นเลย ภูผาถามซ้ำอีก ทำเอาทอรุ้งอึกอักตอบเลี่ยงๆว่า “ก็...ก็ไม่ได้เกลียด”
“ไม่ได้เกลียดก็แปลว่าชอบ”
“ขี้ตู่” ทอรุ้งเสียงประหม่า เขิน ภูผาใจพองเต้นแรงจนเอามือแตะที่หน้าอกตัวเองบอกทอรุ้งให้ลองแตะดู เลยโดนด่าแก้เขิน
“รู้ไหมว่านอกจากอาม่าของเราแล้ว รุ้งเป็นอีกคนที่ทำให้เรามีกำลังใจ ทำให้เราอยากเป็นคนดี” ทอรุ้งดีใจถามว่าจริงเหรอ งั้นเขาก็จะเลิกเป็นนักเลงใช่ไหม ภูผายิ้ม พยักหน้า “เราเองก็ไม่ได้อยากเป็นนักเลง เราจะหาทางออกมา ไม่ต้องห่วงนะ รอเราหน่อย รอได้ไหม”
“ได้สิ แล้วก็กลับไปเรียนด้วยนะ”
ภูผาพยักหน้า ทอรุ้งดีใจยื่นนิ้วก้อยให้ ภูผายื่นนิ้วก้อยมาเกี่ยว
“สัญญากับเราแล้วนะ”
“สัญญาว่าเป็นแฟนกันเหรอ”
ทอรุ้งเขินทุบอั้ก ภูผากลับยิ้มให้ ทอรุ้งตัดบทชวนกลับกันเถอะป่านนี้พวกนั้นคงกลับไปแล้ว
บรรยากาศกำลังดี๊ดี...พลันก็มีเสียงเคาะประตู ภูผาเอาตัวบังทอรุ้งไว้ก่อนเปิดประตู พบต้อยติ่งพรวดเข้ามา พลันก็ชะงักมองทอรุ้งถามว่านั่นใคร ถามว่าพี่ภูผาพาใครมา แฟนใช่ไหม ภูผาบอกว่าเพื่อนไม่ใช่แฟน
ทอรุ้งฟังแล้วแอบน้อยใจ ฝ่ายต้อยติ่งพุ่งไปกอดแขนภูผามองหน้าทอรุ้งบอกว่าพี่ภูผาต้องเป็นของต้อยติ่ง ต้อยติ่งจองพี่ภูผาไว้แล้ว ทอรุ้งไปใส่รองเท้าออกไปทันที ภูผาพยายามแกะมือต้อยติ่งตามทอรุ้งไป ต้อยติ่งตามไปอีกคน
บรรยากาศเปลี่ยนไปทันที ทอรุ้งตะบึงตะบอนออกไป ตวาดภูผาว่าตามมาทำไม กลับไปอยู่กับแฟนตัวเองสิ ภูผาบอกว่าต้อยติ่งไม่ใช่แฟน ทอรุ้งสวนว่าตนก็ไม่ใช่ ไล่ให้กลับไปเสีย เมื่อภูผาตามไปอีกก็พูดใส่หน้า
“ต่อไปนี้รุ้งจะไม่สนใจ ไม่มาหา เพิ่งรู้ว่าพวกนักเลงพูดอะไรเชื่อไม่ได้ โกหกเก่ง” ภูผาถามว่าโกหกเรื่องอะไร ทอรุ้งไม่ตอบ ภูผาคาดเดา “เรื่องที่บอกว่ารุ้งไม่ใช่แฟนน่ะเหรอ...ก็รุ้งยังไม่ได้ตอบรับเรา เราจะไปขี้ตู่ได้ยังไงล่ะ แล้วถ้าเราพูดออกไปรุ้งก็จะเป็นฝ่ายเสียหายนะ”
ทอรุ้งเงียบ ภูผาเร่งเร้าให้ตอบมาก่อนสิว่าเราเป็นแฟนกัน ทอรุ้งมองนิ่ง ตอบว่าตนไม่อยากเป็นแฟนกับเขา ตนไม่อยากมีแฟนเป็นนักเลง ภูผาถามว่า
“รุ้งพูดจริงเหรอ”
“จริง แล้วรุ้งก็จะไม่มาตามหาอีก”
“รุ้งจะเอาแบบนั้นใช่ไหม” ทอรุ้งเงียบ ภูผาตัดใจ “ก็ดี เราจะได้ไม่ต้องคอยเป็นห่วงใคร ไปเราจะไปส่งให้ถึงบ้าน” ทอรุ้งสะบัดเสียงงอนๆว่าส่งแค่นี้พอแล้ว “เราต้องส่งให้ถึงบ้าน แล้วก็จะได้ไม่ต้องเจอกันอีกไง”
ทอรุ้งเดินนำไปอย่างเจ็บปวด ภูผาถอนใจเจ็บปวดไม่น้อยกว่ากัน เดินตามไปส่งจนถึงหน้าบ้านแล้วหันหลังกลับทันที ทอรุ้งมองเศร้าที่ภูผาไม่ได้ง้อตนเลย
ooooooo
คืนนี้ภูผาปีนขึ้นไปนั่งเงียบๆบนหลังคาห้องเช่า สมคิดตามขึ้นไปถามว่าผู้หญิงที่มาหาวันนี้เป็นใคร
“ยัยคุณหนูที่แกเจอนั่นแหละ...เขาคงไม่มาแล้วล่ะ” สมคิดดักคอว่าแสดงว่ามีปัญหากันถึงซึมแบบนี้ “เป็นแบบนี้ก็คงดีที่สุดแล้ว...ช่างเถอะคิดเรื่องอื่นดีกว่า วันสองวันนี้ถ้ามีเวลาฉันจะหาทางไปเยี่ยมอาม่าหน่อย”
“ได้...เอาสิ ฉันไปล่อหลอกป๊าแกไว้”
เช้าวันรุ่งขึ้นเวหาจะไปเรียนกำลังขอเงินป๊าไปซื้อหนังสือ เดือนได้ยินตกใจถามว่าหนังสืออะไรตั้ง 50 บาท เวหาบอกว่าหนังสือเตรียมสอบหมอราคานี้ไม่แพงหรอก
เส็งบอกเดือนไม่ต้องคิดมาก ถ้าเวหาจบหมอมามันจะหาเงินได้เยอะกว่านี้ไม่รู้กี่เท่า เงินแค่นี้ถือว่าลงทุน ถามเดือนว่ามีอีก 10 บาทไหม เดือนว่ามีแค่ 5 บาท ต้องไปหยิบที่เก๊ะข้างใน เวหาบอกว่าไม่เป็นไรมีแค่ไหนก็เอาแค่นั้น รับเงินจากเส็งแล้วออกไปเลย ลืมหนังสือเรียนจนเส็งต้องเอาวิ่งตามไปให้
ที่แท้เวหาจะไปดูหนังกับทอรัก คราวที่แล้วเสียหน้าเพราะไปเจอเพื่อนทอรักสองคนที่หน้าโรงหนัง แล้วทอรักให้เวหาซื้อตั๋วเผื่อเพื่อนแต่เวหามีเงินไม่พอ คราวนี้เวหาจึงเตรียมเงินไปแก้หน้า
พอไปถึงโรงหนังก็ซื้อตั๋วสองใบ พบทอรักก็ยื่นให้ใบหนึ่ง ปรากฏว่าเธอไปกับประเสริฐ ประเสริฐซื้อตั๋วให้ทอรักแล้ว เวหายังซื้อป๊อปคอร์นถุงใหญ่ให้ทอรัก ประเสริฐบอกว่าตนซื้อแล้วพลางยื่นให้ทอรัก แล้วทั้งสองก็ควงกันเดินเข้าโรงหนัง ทิ้งเวหาให้ยืนเหวออยู่ตรงนั้น
เมื่อเวหาไปแล้ว เส็งปรารภกับเดือนว่าลูกเราใกล้สอบแล้วต้องรีบหาเงินเพราะเรียนหมอค่าใช้จ่ายสูง เดือนจึงจะทำขนมหาบไปขาย เพราะขายที่ร้านอย่างเดียวคงไม่พอ เส็งมองหาอาม่าถามว่าหายไปไหน
“ก็เอาขนมไปนั่งขายที่ตลาดน่ะสิ ห้ามก็ไม่ฟัง”
“เฮ้ย...คุ้มไหมนั่น ขายกำไรวันละบาทสองบาท เมื่อไหร่จะหยุดซะที” เส็งบ่นเซ็งๆ
ooooooo
วันนี้เชิดพาพวกไปเก็บดอกกับพวกแม่ค้าในตลาด พาภูผากับสมคิดไปฝึกงานด้วย พอพวกแม่ค้าเห็นพวกเชิดมาก็พากันหลบ บ้างมุดเข้าใต้แผงบ้างวิ่งหนี
เชิดหาแม่ค้าไม่เจอเก็บดอกไม่ได้ก็สั่งลูกน้องให้ยึดของแทน สั่งเอาให้หมดแผงเลย พ่อค้าแม่ค้าจึงค่อยๆ โผล่จากใต้แผง แช่มเห็นสมคิดมาเก็บเงินและภูผาตามมาจดบัญชี ถามภูผาว่า เดี๋ยวนี้เอาดีด้านนี้แล้วหรือ อาม่ารู้เรื่องหรือเปล่า
อาม่าถือกระจาดขนมไปหลบดูอยู่ไกลๆ พอเห็นภูผาอยู่ในกลุ่มนักเลงเสียใจมาก อุทาน “ภูผา...ลื้อไปเป็นนักเลง” ทันใดนั้นอาม่าปวดท้องรุนแรงแต่ก็ยังฝืนทนเดินไป ครู่เดียวอาม่าก็ล้มลง พวกแม่ค้าพ่อค้ารีบช่วยกันพาไปคลินิกนุสราที่ใกล้ที่สุด
โชคไม่ดีที่หมอนุสราไม่อยู่ แต่ก็โชคดีที่ทอรุ้งมาหาป้าพอดีป้าไม่อยู่จึงนั่งรอ ระหว่างนั้นพ่อค้าแม่ค้าพาอาม่ามาพอดี ทอรุ้งรีบพาส่งโรงพยาบาล แต่พอถึงโรงพยาบาลหมอบอกว่าต้องผ่าตัดและต้องให้ญาติมาเซ็นรับรอง เวลากระชั้นมากอีกทั้งอาจมีปัญหาตามมาอีก ทอรุ้งตัดสินใจไปหาพ่อที่เป็น ผอ.ที่นั่น ขอให้พ่อช่วย
พ่อที่รักลูกแต่งานยุ่งจนไม่มีเวลาพบกัน พอทอรุ้งมาขอความช่วยเหลือจึงช่วยผ่าตัดจนอาม่าปลอดภัย ทอรุ้งขอบคุณพ่อแล้วขอตัวไปส่งข่าวเพื่อนว่ายายเขาเข้าโรงพยาบาล
เส็งกับเดือนได้ข่าวอาม่าจากพ่อค้าแม่ค้าในตลาดจึงรีบไปที่โรงพยาบาล พยาบาลบอกให้นั่งรอที่หน้าห้องผ่าตัด ทั้งสองนั่งรอ เส็งบ่นเป็นห่วงแม่ เดือนบอกว่าคงไม่เป็นอะไรหรอก ปกติแกก็แข็งแรงดี
เวหากลับบ้านเห็นร้านปิดใส่กุญแจจึงนั่งรอ พอเส็งกับเดือนกลับมาจึงรู้ว่าอาม่าเข้าโรงพยาบาลแต่ไม่ต้องห่วง อาม่าปลอดภัยแล้ว อาม่าอยู่ห้องรวมไม่สะดวกเฝ้าจึงกลับมาก่อนพรุ่งนี้ค่อยไปเยี่ยมใหม่ชวนเวหาไปด้วย
“ได้ครับป๊า เอ่อ...อาป๊าวันนี้อั๊วตกรถเมล์ด้วยแหละ” เวหาตีหน้าเศร้า เส็งตกใจถามว่าเป็นอะไรหรือเปล่า “ไม่เป็นไร อั๊วกระโดดลงมายืนได้ทัน”
เส็งเป็นห่วงมากบอกว่าวันหลังต้องระวัง คันไหนเต็มก็อย่าขึ้น รอคันอื่น เวหาไม่ได้สนใจฟังเสนอว่า
“แต่ถ้าอั๊วมีมอเตอร์ไซค์ก็คงจะดี ไม่ต้องรอ ปลอดภัยกว่าถึงเร็วกว่าด้วย ป๊าซื้อมอเตอร์ไซค์ให้อั๊วนะ”
เดือนแย้งว่าขึ้นรถเมล์แค่สามสลึง จะเอาเงินที่ไหนมาซื้อมอเตอร์ไซค์ มาเติมน้ำมัน อาม่าก็ป่วยอยู่โรงพยาบาลไม่รู้ค่าหมอค่าผ่าตัดจะเท่าไหร่ เวหาพูดทันทีว่าถ้าเป็นอย่างนี้ต่อไปตนคงตกรถเมล์ตายแน่ แล้วเดินเข้าบ้านไปเลย
เส็งท่าทางจะใจอ่อน เดือนเตือนว่ายังไม่ต้องไปฟังเวหา คิดกันดีกว่าว่าจะเอาเงินที่ไหนมารักษาแม่ แล้วต่อไปเวหาเรียนหมอต้องใช้เงินเท่าไหร่ เส็งกลับบอกว่าถ้าเวหาเข้าหมอได้ก็ได้ทุนเรียนจะไปห่วงอะไร
ooooooo
ทอรุ้งไปหาภูผาที่ห้องเช่า เห็นประตูใส่กุญแจจึงปั่นจักรยานไปที่บ่อน เจอสันต์ที่หน้าบ่อนมันเข้ามาทักว่ามาหาภูผาหรือ ทอรุ้งท่าทางกลัวๆมันถามว่ากลัวอะไร ตนยังไม่ได้ทำอะไรเลยแล้วหันสั่งลูกน้อง
“ไปตามภูผามาที” แล้วสั่งอีกคน “เดี๋ยวเอ็งพาไปหาภูผาเลยดีกว่าเพราะถ้าข้าพาไปน้องเขาคงไม่ไว้ใจ”
พอสันต์เดินไป ทอรุ้งถามว่าคนนั้นเขามีเรื่องกับภูผาไม่ใช่หรือ ลูกน้องบอกว่าเคลียร์กันแล้ว ทอรุ้งจึงยอมเข้าไป พอถึงห้องพักผ่อนของนักเลง ทอรุ้งไม่เห็นภูผาบอกให้ไปเรียกให้หน่อย มันบอกเข้าไปเถอะไม่มีอะไรหรอก แต่พอเข้าไปมันบอกว่าตามหาภูผาไม่เจอ พอทอรุ้งจะกลับสันต์ก็เข้ามาบอกว่า
“รอมันก่อนสิ พี่จะคุยเป็นเพื่อน” พลางเดินเข้าหา
“เล่นพอรึยังไอ้สันต์” เสียงเชิดถามปรามๆ สันต์ตกใจหยุดกึก “ไปแกล้งให้เขาตกใจทำไม ออกไปเลยไป” ไล่สันต์ออกไปแล้วเชิดยิ้มทักทอรุ้ง “สาวน้อย เราได้เจอกันแล้วนะ”
ทอรุ้งถอยห่างถามว่านายเป็นใคร เชิดบอกว่าเป็นลูกพี่ภูผา ถามว่ามาหาภูผาใช่ไหม เป็นอะไรกับภูผา เป็นเพื่อนหรือว่าเป็นแฟน ทอรุ้งยิ่งระวังตัวถอยห่างออกไปอีก
สันต์หัวเสียออกมา ลูกน้องถามว่าออกมาทำไม มันบอกว่าพี่เชิดมาขัดจังหวะ พอเห็นภูผากับสมคิด มันสั่งลูกน้องให้ตามมา สันต์เดินไปหาภูผาบอกว่า
“เมื่อกี้เด็กมึงมา” เห็นภูผาไม่เชื่อ “อ้าว...นี่มึงไม่เชื่อกูเหรอ กูเตือนมึงดีๆแล้วนะ ตอนนี้เด็กมึงอยู่กับพี่เชิดในห้องพักที่ด้านหลังบ่อน ป่านนี้คงเสร็จพี่เชิดแล้วมั้ง”
สมคิดบอกว่าไม่เชื่อ สันต์จึงบอกให้ไปดูจักรยานของทอรุ้งที่จอดอยู่ด้านหลัง ภูผากับสมคิดวิ่งออกไปดู เห็นจักรยานของทอรุ้งจริงๆ ภูผานึกเห็นภาพเชิดกำลังปล้ำทอรุ้งอยู่ วิ่งตะบึงชนคนที่ยืนเกะกะอยู่ทะลุไปห้องพักหลังบ่อน พอไปถึงประตูปิดล็อกอยู่ ภูผาถอยกระโดดถีบเต็มแรง พอประตูเปิดก็พุ่งเข้าไป ทอรุ้งเห็นภูผาก็ลุกเดินมาหา
“ไม่เป็นอะไรใช่ไหม” ภูผามองสำรวจ พอทอรุ้งส่ายหน้าภูผาก็โผกอดไว้แน่น เชิดมองแล้วยิ้ม สมคิดที่วิ่งตามมา พอเห็นภูผากอดทอรุ้งก็อุทาน อุ๊ย...เชิดเห็นภูผากอดทอรุ้งอยู่นานก็พูดขัดขึ้นว่า “ทำอะไรเกรงใจกูมั่ง”
ภูผาหันมองแล้วเดินเข้าหาเชิด ถูกสมคิดดันอกไว้ เชิดถามภูผาว่ามึงเป็นอะไรของมึง ภูผายังจ้องหน้าเชิดนิ่ง สมคิดเลยถามเชิดเบาๆว่าพี่ปล้ำเด็กไอ้ภูผารึเปล่า เชิดฉุน สบถแล้วถามภูผาว่ามึงคิดอย่างนี้กับกูหรือ ภูผามองทอรุ้งเชิงถาม พอทอรุ้งส่ายหน้า ภูผาจึงขอโทษเชิด เชิดมองปรามๆแล้วเดินออกไป
“มาทำไม มาที่นี่ทำไม” ภูผาถามทอรุ้งฉุนๆ
“รุ้งจะมาบอกว่าอาม่าภูผาไม่สบายอยู่โรงพยาบาล แต่ไม่ต้องตกใจอาม่าปลอดภัยแล้ว”
ภูผามองทอรุ้งอย่างสับสนยังไม่แน่ใจ
ooooooo
ภูผากับทอรุ้งรีบไปที่โรงพยาบาล นางพยาบาลแจ้งว่า ผอ.สั่งย้ายคนไข้มาห้องพิเศษแล้วอยู่ห้อง 308
ภูผากับทอรุ้งแทบจะวิ่งไปที่ห้อง 308 ผลักประตูตรงไปที่เตียงร้องบอกอย่างตื่นเต้น
“อาม่าอั๊วมาแล้วนะ อั๊วมาแล้ว”
ทินราชพ่อของทอรุ้งเดินออกจากห้องหนึ่งเอากระเป๋าให้เลขาบอกว่าฝากไว้ก่อนตนจะไปเยี่ยมคนไข้หน่อย
ทินราชเดินเข้าไปในห้องอาม่าบอกภูผาที่ยืนอยู่ข้างเตียงว่า “ฉันมาดูคนไข้หน่อย”
ภูผาถามว่าเป็นหมอหรือ เห็นเขามองทอรุ้งที่นอนหลับอยู่ที่โซฟา ภูผาบอกว่า “เพื่อนผมเองครับ” แล้วถามว่าอาม่าตนอาการหนักมากไหม ผอ.บอกว่าไม่หนักหรอกไม่ต้องเป็นห่วง ภูผาไหว้ขอบคุณ
“ไม่เป็นไร ไว้ขอบคุณคนที่นอนหลับอยู่ตรงนั้นเถอะ...ชื่ออะไรล่ะเรา”
“ชื่อภูผาครับ”
“ภูผา” ผอ.พยักหน้าแล้วเดินออกไป แล้วยืนนิ่งที่หน้าประตูลังเลว่าจะต้องเป็นห่วงลูกสาวหรือเปล่า
พอไปถึงห้องทำงานก็โทร.ถามนุสราพี่สาวที่รู้เรื่องทอรุ้งพายายไปโรงพยาบาลแล้วว่า เด็กผู้ชายที่อยู่ด้วยเป็นใคร เห็นพี่สาวงงๆจึงบอกว่า เขาเป็นหลานชายยายชื่อภูผา ถามว่า “พี่รู้ไหมเด็กสองคนนั่นเป็นอะไรกัน”
พอนุสราบอกว่าเป็นเพื่อนกัน ก็ตำหนิว่าแม่เขาปล่อยลูกเกินไปแล้ว นุสราบอกว่าดารกาไม่ได้ปล่อยและทอรุ้งก็ไม่ใช่เด็กเกเร เมื่อน้องชายไม่เชื่อนุสราย้ำว่า
“เด็กคนนี้แหละที่เป็นคนช่วยยัยรุ้งตอนจมน้ำเกือบตาย”
“ยัยรุ้งจมน้ำ ไม่เห็นมีใครบอกผมเลย...” นุสราบอกว่าตอนนี้ทอรุ้งดีแล้วเลยไม่ได้บอก “พี่นุสช่วยมารับยัยรุ้งกลับไปหน่อยได้ไหม ผมไม่อยากไปแสดงตัวอะไรมาก”
“ได้ เดี๋ยวพี่ไปเอง”
เช้าวันนี้เส็งกับเดือนมาเยี่ยมแม่ที่ห้องคนไข้รวม ปรากฏว่าแม่หายไปแล้ว เดือนถามคนไข้เตียงข้างๆ เขาบอกไม่อยู่แล้ว พยาบาลมาเข็นออกไปแล้ว
เส็งตกใจตีโพยตีพายนึกว่าแม่ตายแล้ว เดือนปลอบให้ทำใจดีๆ พอดีเวหาเข้ามาถามว่า “อาม่าเสียแล้วเหรอครับ” พอดีพยาบาลเข้ามาบอกว่าคุณยายย้ายไปอยู่ห้อง 308 แล้ว ทุกคนจึงโล่งใจ
พอเส็ง เดือนกับเวหาไปที่ห้อง 308 เห็นภูผากำลังปลอบใจอาม่าที่เสียใจว่าภูผาไปเป็นนักเลงอยู่ เส็งตวาดทันที
“ไอ้ภูผามึงมาทำไม มึงออกไปเลยนะ ไสหัวมึงออกไป!”
“ลื้อไปทำงานบ่อนจริงหรืออาภูผา” อาม่ามองภูผารอคำตอบ แต่ภูผานิ่ง...
ooooooo
อ่านละคร ซีรีส์ลูกผู้ชาย เรื่อง ภูผา ตอนที่ 3 วันที่ 27 ม.ค.62
บทประพันธ์โดย สลิลาบทโทรทัศน์โดย สลาลิ
กำกับการแสดงโดย ณัฏฐ์กรณ์ สุทธาวาส
ผลิตโดย บริษัท โซนิกซ์ บูม 2013 จำกัด
ช่องออกอากาศ สถานีวิทยุโทรทัศน์ไทยทีวีสีช่อง 3
ที่มา ไทยรัฐ