อ่านละคร บ่วงนฤมิต ตอนที่ 9 วันที่ 15 ม.ค.62

อ่านละคร บ่วงนฤมิต ตอนที่ 9 วันที่ 15 ม.ค.62

เมื่อจัดการโอนทรัพย์สมบัติทุกอย่างเป็นของตนและกำจัดเสี้ยนหนามแล้ว ฐิติพาคิดถึงกนกแขเพราะลงทุนเรื่องปภาคินไปมากแล้วแต่เงียบหายไป จึงไปหากนกแขที่บ้านบอกว่า

เรื่องทางโน้นไม่ต้องกังวลอะไรตนให้ทนายจัดการเรื่องมรดกเรียบร้อยแล้ว แต่ทางนี้สิ ถามกนกแขว่า

“เธอเห็นใบหย่าของมันกับคุณใหญ่หรือยัง” กนก-แขอ้ำอึ้ง “เสียแรงลงทุน...เธอนี่มันไม่ได้เรื่อง ไม่รู้รึไงพลาดจากทางโน้นมันก็จะเกาะทางนี้ มันจะลอยนวลไม่ตายเสียที”



กนกแขยุว่าอยากให้มันตายก็ฆ่าเสียสิ ฐิติพา

ด่าว่าอย่าพูดสิ้นคิดแบบนั้น คนอย่างฉัตรชนกต้องตายทั้งเป็นจึงจะสาสม ย้ำว่า

“มันเป็นหน้าที่ของเธอที่จะต้องเอาใบหย่ามาให้ได้ ให้มันไม่มีอะไรเหลือเลยสักอย่าง เข้าใจไหมแข” กนกแขอ้ำอึ้งอีก ฐิติพารู้ว่ายังไม่ได้หย่า ย้ำว่า “งานของเธอไงแข เธอทำสำเร็จหรือยัง”

กนกแขบอกว่าแผนเอาตุ๊กตาวางไว้ใต้หมอน

คุณลุงคุณป้ามาเห็นจึงพาคุณใหญ่ไปวัดว่าจะให้บวช มนตร์ ทางเราก็เลยเสื่อม ฐิติพาบอกให้ทำใหม่ หยุดทำไม ขู่ว่า

“ถ้าเธอทำไม่สำเร็จเธอเองก็ต้องตาย เข้าใจไหม”

กนกแขถามว่าเธอจะไปทำพิธีกับตนไหม งานนี้เป็นงานร่วมกันไม่ใช่หรือ หากชนะเราก็จะชนะด้วยกันแต่ถ้าแพ้เราก็แพ้ด้วยกัน แต่แล้วกนกแขก็เครียดเมื่อ

ฐิติพาบอกว่า

“ตกลง ฉันจะไปกับเธอ ฉันจะไปรอดูชัยชนะของฉันกับเธอ กนกแข คืนนี้เธอต้องชนะ”

กนกแขไปที่ทางสามแพร่งทำพิธีอีกครั้ง เกิด

เงาดำพุ่งออกไปในทิศทางวัดที่ปภาคินท่องธรรมะอยู่ เสียงกรีดร้องโหยหวนระงมไปทั่ว กลุ่มเงาดำม้วนเป็นเกลียวเข้าแผ่คลุมกุฏิ หลวงพ่อพนมมือสวดมนต์แล้วเป่าออกไปเกิดเสียงกรีดร้องไกลๆอย่างเจ็บปวด

ปภาคินลุกขึ้นดู หลวงพ่อบอกให้ตั้งสมาธิท่องบทสวดมนต์ต่อไปไม่ต้องสนใจสิ่งรบกวนใดๆทั้งสิ้น

จิตเจ้าจงมุ่งมั่นแต่ธรรมะของพระพุทธองค์

หลวงพ่อกับปภาคินสวดมนต์ประสานกัน หลวงพ่อหยิบถุงข้าวสารเสกซัดออกไปทางหน้าต่างเสียงกรีดร้องโหยหวนลากยาวออกไป ปรากฏแสงสว่างเรืองภายในกุฏิแล้วแผ่คลุมไปทั้งกุฏิ

กนกแขเหมือนหมดแรงในการท่องมนตร์ หายใจหอบแรงเหมือนคนจะจมน้ำ เงาดำร่วงลงบนพื้นรอบกุฏิกนกแขรู้สึกแสบร้อนจนทนไม่ได้ ลุกขึ้นเอามือกุมหัวกรีดร้อง ย่ำอุปกรณ์เครื่องเซ่นวิ่งออกไปสุดชีวิต

ช่วงเห็นกนกแขวิ่งเตลิดมาก็รู้ว่าถูกมนตร์ดำย้อนเข้าตัว บอกบ่าวที่มาด้วยให้พาตัวไปทิ้งไว้หน้าบ้านแล้วเรียกใครให้ไปเก็บของที่ทางสามแพร่ง

ฐิติพาที่เห็นดังนั้นจึงวางแผนอาสาจะเอาตัว

กนกแขไปที่บ้าน บ่าวอีกสองคนจึงประคองกนกแขกลับไป กานติมาเห็นสภาพลูกตกใจถามว่ายัยแขเป็นอะไร ฐิติพาบอกว่าคงเหนื่อยร้องไห้เป็นเพื่อนฉัตรจนเป็นลม กานติมา จึงให้บ่าวพากนกแขขึ้นข้างบนตัวเองอยู่คุยกับฐิติพา

ฐิติพาปั้นน้ำเป็นตัวว่าฉัตรชนกเสียใจมากกับข่าวท่านพ่อร้องไห้น้ำตาเป็นเผาเต่า กนกแขที่เป็น

เพื่อนรักกันตั้งแต่วัยเรียนเลยพลอยร้องไห้ไปอีกคน

เล่าเป็นตุเป็นตะจนกานติมาเชื่อแล้วจึงลากลับ

กนกแขมีสภาพเหมือนคนเสียสติ กานติมาบอกพระยาสารประดิษฐ์ว่าลูกว่างเกินไปถ้าไม่หาอะไรทำ

ก็ควรแต่งงานเสีย พระยาสารประดิษฐ์เห็นด้วย แต่ผู้ชายในศรีราชานี้ไม่มีใครเหมาะสม เราจะพาเข้ากรุงเทพฯก็ได้ กานติมาเสนอว่าเที่ยวไหนคุณพี่เข้าไปติดต่อราชการเราก็ไปด้วย พาลูกเข้าสังคมให้เนื้อหอมไปทั้งกรุงเลย

ฐิติพากลับถึงวังโสณบอกยุพาว่าท่านนายพลกับคุณนายส่งปภาคินไปอยู่วัดคาดว่าจะให้บวช พระรูปนั้นคงมีวิชาดี มนตร์ดำทำอะไรไม่ได้จึงย้อนเข้าตัวคนทำ บอกว่าพ่อแม่ปภาคินเป็นคนทำให้แผนของเราเสียหมด

เล่าว่าฉัตรชนกไปทำสวนผักกับแม่ พ่อแม่ปภาคินเชื่อว่าฉัตรเป็นคนทำเสน่ห์เอาตุ๊กตาไปซ่อนไว้ใต้หมอน และกนกแขก็พลาดอย่างไม่น่าให้อภัยเพราะปภาคิน

ยังไม่ได้หย่ากับฉัตร สงสัยว่าแค่ทำเสน่ห์ยังไม่พอ ยุพา

บอกว่าอย่างนั้นก็ต้องเอาให้แรงสุดๆไปเลย สั่งช่วงให้กลับไปใหม่ อย่าให้ใครจำได้ อย่าให้เรื่องมาถึงตนกับลูก จัดการทุกอย่างให้เรียบร้อยให้จงได้

“เจ้าค่ะ สั่งมาทุกอย่าง ช่วงจะทำถวายหัวเหมือนเคย”

ooooooo

ปภาคินไม่ทันได้บวช คืนหนึ่งนายสุขก็กระหืด- กระหอบมาบอกว่าโจรปล้นบ้าน ตนได้ยินเสียงปืน จึงลอบวิ่งออกมาบอก โจรมากันเป็นสิบบุกเข้าตึกใหญ่

ปภาคินจึงขอหลวงพ่อกลับไปดูบ้านก่อน หลวงพ่อพยักหน้าบอกว่าแล้วกลับมาส่งข่าวด้วยว่าเป็นอย่างไร หลวงพ่อมองปภาคินที่วิ่งตามนายสุขออกไป รู้สึกได้ว่าปภาคินคงไปไม่ถึงผ้าเหลืองเสียแล้ว

ปภาคินไปถึงบ้านพบว่าพ่อนอนบาดเจ็บอยู่ กำลังจะวิ่งไปดูพ่อก็เห็นแม่นอนแน่นิ่งอยู่ เข้าไปดูจึงรู้ว่าแม่เสียชีวิตแล้วแต่มือยังกำสร้อยที่แย่งจากโจรแน่น ปภาคิน

บอกนายสุขให้ไปเอากระเป๋าหมอในห้องตนมา พอนายสุขเอากระเป๋ายามา ปภาคินก็รีบห้ามเลือดให้พ่อพลางสั่ง

“นายสุข ไปเรียกใครมาดูแลแม่หน่อย เอาร่าง ไปวางไว้บนตั่งหาผ้าคลุมไว้ก่อน เอารถออกมาเดี๋ยว

จะพาคุณพ่อไปโรงพยาบาล แล้วแกเลยไปวัดไปบอกหลวงพ่อ เรื่องคุณแม่”

ปพนได้ยินถามเสียงแผ่วว่าแม่เป็นยังไงทำไมไม่พาแม่ไปโรงพยาบาล พอปภาคินบอกว่าคุณแม่สิ้นแล้ว ปพนก็น้ำตาไหล ปภาคินน้ำตาซึมแต่ก็ยังคงทำแผล

ให้พ่อต่อไป

ooooooo

ที่โรงแรมปากน้ำโพ...ขวัญอุมากับธีรัชคุยกันที่สวนของโรงแรม ธีรัชเอ่ยเศร้าว่า

“ผมว่าชีวิตของพวกเขามันเศร้าเกินกว่าที่จะมาเขียนเป็นนิยายให้คนอ่านเล่นนะ” ขวัญอุมามองขวับถามว่าหมายความยังไง “ผมอยากจะรู้ว่าคุณรู้สึกยังไงกับโศกนาฏกรรมชีวิตของพวกเขา”

“ชีวิตของปภาคินใช่ไหม” ธีรัชพยักหน้า ขวัญอุมามองหน้าอย่างสำรวจถาม “ฉันรู้ บางทีเราเห็นเรื่อง

น่าสะเทือนใจมาปรากฏต่อหน้าอีกครั้ง มันก็เหมือนเอามีดกรีดลงบนบาดแผลรอยเดิม แต่คุณจะเดือดร้อนไปทำไม มันไม่ใช่ชีวิตของคุณ มันเป็นชีวิตของปภาคิน”

ธีรัชถามว่ารู้ว่าเห็นแล้วมันเจ็บทำไมถึงอยาก

นำกลับมาทั้งๆที่เจ็บล่ะ ขวัญอุมาโต้ว่า

“ฉัตรชนกไม่เคยทำอะไรผิด ไม่เคยคิดไม่ดี แต่หนังสือเล่มนั้น...รอยอดีต แต่งเรื่องให้เธอเป็นตัวโกง เป็นคนเลว ฉันไม่ชอบความอยุติธรรม มันเป็นหน้าที่ของฉันที่จะต้องแก้ความเข้าใจผิดอย่างนี้”

ธีรัชถอนใจแล้วเดินหนี ขวัญอุมาตามไปดึงตัวไว้ทวงถามว่าเขาสัญญาแล้วใช่ไหมว่าจะช่วยกันค้นหา

ความจริง ทั้งคุณวรา พี่คเชนทร์และคุณนลิน คอยเรื่องราวทั้งหมดจากเราอยู่ ธีรัชโต้ว่ามันก็แค่นิยายเธอจะไปเอาจริงเอาจังอะไรมากมาย เราไม่ได้กำลังเขียนหนังสือประวัติศาสตร์

“เพราะความจริงคือความสมบูรณ์ของเรื่องราว มันเป็นเหตุเป็นผลของตัวละคร มันทำให้เรื่องนี้มันสมจริงไงล่ะ มันทำให้ละครเรื่องนี้มันมีชีวิต ไม่ฝืน ไม่เฟก...”

ธีรัชมองหน้าขวัญอย่างรู้สึกทำใจลำบาก พอดีฉายฉานเดินเข้ามาทักอย่างอารมณ์ดี ธีรัชบอกว่าไม่คิดว่า เขาจะตามมาจริงๆ ขวัญอุมาก็ทักอย่างดีใจ

“ผมก็สนใจเรื่องจริงเหมือนคุณเหมือนกัน ขวัญ คุณเก่งจริงๆนะ ตามหาจนพบต้นตอ”

“ก็ต้นตอทั้งหมดแหละฉาน บันทึกของคุณปภาคินก็เป็นเรื่องของเขา ความเห็นของเขา คุณโกศลเจ้าของร้านหลานคุณยายสมเจ้าของที่เช่าของฉัตรชนก ก็ให้ข้อมูลชีวิตของครูฉัตรและครูธนา และเราก็ได้รู้เรื่องของฉัตรชนกกับชีวิตบั้นปลายของเธอ จากคุณยายป่านลูกสาวคนเดียวของฉัตรชนกกับปภาคิน”

ฉายฉานถามว่าฉัตรชนกมีลูกด้วยหรือ ขวัญชนกบอกว่าเขาจากกันโดยไม่ได้ร่ำลา จากกันด้วยความเข้าใจผิด จากกันมาท่ามกลางการใส่ร้ายป้ายสี ฉายฉานขอให้ขวัญอุมาอัพเดตเรื่องทั้งหมดให้ทีและถ้าเป็นไปได้ตนก็อยากไปพบลูกของครูฉัตรเหมือนกัน

ขวัญอุมายิ้มดีใจที่ได้คนร่วมอุดมการณ์กับตน

ooooooo

ที่บ้านปภาคินกำลังตึงเครียด ปภาคินให้

นายสุขพาพ่อไปที่รถก่อน บอกบ่าวหญิงให้หาชุดมาเปลี่ยนให้คุณแม่ ผ้าปูที่นอนกับผ้าคลุม บ่าว

มองอย่างไม่รู้จะเอาจากที่ไหน ปภาคินจึงบอกให้

ตามตนมา

ปภาคินเดินขึ้นไปชั้นสองก็ได้ยินเสียงวรดาครางฮือๆอย่างคนเสียสติ มองหาจึงเห็นวรดาคุดคู้

ตัวสั่นร้องไห้อยู่ข้างเตียง ปภาคินถลาเขาไปคว้าตัวขึ้นมากอดปลอบขวัญ

“ดา...ดาน้องพี่ ไม่เป็นไรแล้วนะ พี่มาแล้ว ใครทำอะไรดาหรือเปล่า”

ปภาคินบอกวรดาว่าคุณพ่อบาดเจ็บเครื่องมือบ้านเรามีไม่พอ ตนต้องพาคุณพ่อไปโรงพยาบาล ถามว่าดาไปกับพี่ไหวไหม วรดายังตัวสั่นในสภาพช็อก ปภาคินตัดสินใจอุ้มน้องลงไป

คืนเดียวกันที่บ้านสวนของนวลอนงค์ก็ถูกโจรบุกเข้าไปจับตัวนวลอนงค์ที่กำลังจะออกมาตักน้ำ อิ่มได้ยินเสียงเอะอะออกมาสู้กับโจร ฉัตรชนกวิ่งออกมา โจรยกดาบไปทางฉัตรชนกอิ่มพุ่งเข้าคว้าคอด้านหลังมัน โจรเอี้ยวมองอิ่มทำให้ผ้าที่ผูกติดหน้ามันหลุด มันคือคนที่พากนกแขกับช่วงไปทางสามแพร่งนั่นเอง!

อิ่มตกใจเพราะคุ้นหน้า ฉัตรชนกนั่งกับพื้นด้วยความกลัว ธนาร้องถามฉัตรว่าเป็นอะไรหรือเปล่า ชาวบ้านที่ได้ยินเสียงพากันถืออาวุธเข้ามาช่วย โจรที่ผ้าคลุมหน้าหลุดผลักอิ่มไปทรุดกับพื้นตะโกน “ถอย...”

ธนาวิ่งไปประคองนวลอนงค์ สมเข้าประคองฉัตรชนกขึ้นมาถามว่าเป็นอะไรหรือเปล่า แล้วช่วยกัน ประคองนวลอนงค์ อิ่ม และฉัตรชนกขึ้นบ้าน เมื่อ

ชาวบ้านกลับไปแล้ว ธนาถามว่าโจรได้อะไรไปหรือเปล่า ฉัตรส่ายหน้า อิ่มบอกว่ามันต้องการทำร้ายเรามากกว่าที่จะเอาสมบัติ ฉัตรชนกกับสมถามว่าทำไมล่ะ อิ่ม

บอกว่า...

“ฉันคุ้นหน้ามันค่ะ ไอ้คนนั้นเหมือนญาติห่างๆของนังช่วง คนของหม่อมยุพา...ถ้ามันเป็นโจรมันก็ต้องหวังทรัพย์ถูกไหมคะ ไม่มานั่งทุบตีเรา

อยู่อย่างนี้” ฉัตรถามว่าทำไมญาติของช่วงถึงอยากทำร้ายเรา “ก็เรื่องที่ท่านชายสิ้นชีพิตักษัยนั่นแหละค่ะ หม่อมยุพากับคุณหญิงกลัวว่าคุณฉัตรจะไปขอแบ่งสมบัติเธอ”

ธนาบอกว่าถ้าเป็นจริงอย่างน้าอิ่มว่าตนเกรงว่าพวกฉัตรจะไม่ปลอดภัย อิ่มจึงขอให้นวลอนงค์กับฉัตรชนกไปกับตน ไปจากที่นี่สักพักให้พวกมันหา

ไม่เจอ ธนาบอกว่าฉัตรไปไหนตนจะตามไปส่ง

ฉัตรชนกเห็นด้วยที่จะไปตายเอาดาบหน้า ธนา เสนอให้เอาของฝากน้าสมไว้ก่อน สะดวกเมื่อไหร่ค่อยกลับมาเอา ฟ้าสางเมื่อไหร่เราก็ไปกันเลย

ooooooo

ฝ่ายพวกขวัญอุมานั่งกันอยู่ที่ห้องน้ำชาโรงแรม ขวัญอุมาอธิบายบางอย่างให้ฉายฉานฟัง ในขณะที่ธีรัชทำหน้าไม่ปลื้มนักเพราะรู้สึกว่า

การค้นเรื่องต่างๆ อาจไม่เป็นประโยชน์อะไรกับใครเลย ที่สำคัญอาจชี้ไปที่ปภาคินว่าเป็นคนผิด

“หน้าที่ของเราก็คือปะติดปะต่อเรื่องราวระหว่างบันทึกของปภาคิน เรื่องเล่าจากคุณโกศล และเรื่องเล่าจากคุณยายป่าน  ฉันว่าเรื่องของฉันจะสมบูรณ์กว่าที่คุณภิรมย์ทำตอนที่เขาเขียนนิยาย” ขวัญอุมายืนยัน

“ขวัญมาถึงนี่เพื่อหาชีวิตของโฉมเฉลาหลังจากหนีตามชู้ไปน่ะหรือ” ฉายฉานถาม ขวัญอุมาโพล่งว่า

“ไม่ใช่อย่างนั้นนะคะ เรื่องจริงเป็นคนละเรื่องเลย เรื่องในนิยายที่เอามาเขียนบทมันกล่าวหาตัวละครโฉมเฉลามากเกินไป ไม่มีใครเลวได้ถึงเพียงนั้นหรอกค่ะ คนที่เฉลยเรื่องทั้งหมดคือคุณยายป่านลูกสาวของฉัตรชนกกับคุณปภาคินเจ้าของเรื่อง ซึ่งตามหนังสือก็คือโฉมเฉลากับปรานยังไงล่ะคะ”

ฉายฉานถามว่าตนจะมีโอกาสได้พบคุณยายป่านไหม ขวัญอุมาบอกว่าได้ พวกเรานัดพบกันตอนบ่ายๆหลายวันแล้ววันนี้ก็จะไปพบอีก

พอดีลูกปลาเข้ามาพร้อมกระเช้าสุขภาพ

มาให้คุณยายเพราะวันนี้จะส่งท้ายกับคุณยายแล้ว

ธีรัชนั่งหน้าตึงเมื่อรู้สึกว่าความจริงใกล้เข้ามาทุกทีแล้วถูกขวัญอุมาดักคอว่าอย่ามาถอยเอาวินาทีสุดท้ายก็แล้วกัน ธีรัชจึงเดินรั้งท้ายตามทุกคนไปอย่างไม่เต็มใจนัก

ooooooo

อ่านละคร บ่วงนฤมิต ตอนที่ 9 วันที่ 15 ม.ค.62

ละครเรื่อง บ่วงนฤมิต บทประพันธ์โดย ลินิน
ละครเรื่อง บ่วงนฤมิต บทโทรทัศน์โดย นลินี สีตะสุวรรณ
ละครเรื่อง บ่วงนฤมิต กำกับการแสดงโดย สำรวย รักชาติ
ละครเรื่อง บ่วงนฤมิต ผลิตโดย บริษัท ฮูแอนด์ฮู จำกัด
ละครเรื่อง บ่วงนฤมิต ควบคุมการผลิตโดย วรายุฑ มิลินทจินดา
ละครเรื่อง บ่วงนฤมิต ออกอากาศทุกวันพุธ-พฤหัสบดี เวลา 20.15 น
ละครเรื่อง บ่วงนฤมิต ออกอากาศทางไทยทีวีสีช่อง 3
ที่มา ไทยรัฐ