อ่านละคร บ่วงนฤมิต ตอนที่ 7 วันที่ 9 ม.ค.62

อ่านละคร บ่วงนฤมิต ตอนที่ 7 วันที่ 9 ม.ค.62

ศักดินัยเป็นประธานในพิธี มองนวลอนงค์ที่เดินตามปฐมาเข้ามาคลับคล้ายคลับคลาว่าเป็นคนที่เจอกันเมื่อวาน วรดาเชิญนวลอนงค์ไปนั่งและแนะนำแก่ศักดินัยว่าเป็นคุณแม่ของครูฉัตร และแนะนำนวลอนงค์ว่า

“คุณน้าคะ ท่านชายศักดินัยเป็นเพื่อนคุณพ่อ ท่านชายเคยดูแลพี่ใหญ่ตอนไปถึงอังกฤษใหม่ๆค่ะ

ท่านมาเป็นประธานงานวันนี้”



“ขอบพระทัยเพคะ” นวลอนงค์นอบน้อม แต่ลึกๆ ตื้นตันใจจนน้ำตาแทบไหลแต่ไม่อาจแสดงออกได้

ฐิติพาจำนวลอนงค์ได้ บอกท่านชายว่าเป็นคนที่ขี่รถตกถนนที่เราเจอวันก่อน ทำเสียงสูงอุทาน

“ต๊าย...แม่เจ้าสาว”

เลยถูกศักดินัยทำเสียงปรามในคอแล้วมองไปข้างหน้าอย่างครุ่นคิด

เมื่อถึงเวลารดน้ำ ปฐมาไม่ได้ให้พรหรืออบรมสั่งสอนอะไรเลย แต่นวลอนงค์อวยพรและอบรมว่า

“ฉัตร...นับแต่วันนี้ต่อไป คุณใหญ่คือทุกสิ่งทุกอย่างของฉัตร ความจงรักภักดี ความจริงใจ ความเอาใจใส่จะทำให้ความรักของฉัตรยั่งยืน...”

ooooooo

ธีรัชอ่านบันทึกแล้วคุยกับขวัญอุมาว่า ตอนงานแต่งงาน ธนาหรือธนกฤตไม่ได้ไปงาน แต่กนกแขหรือพิมพ์แขไปเป็นเพื่อนเจ้าสาว ขวัญอุมาเอาสมุดบันทึกมาจด ธีรัชถามว่าจดอะไร เธอบอกว่าประเด็นเรื่องชีวิตของฉัตรชนก

ธีรัชกับขวัญอุมามีความเห็นต่างกันจนโต้แย้งกันรุนแรงเพราะธีรัชเชื่อว่าธนาคือรักจริงของฉัตรชนก แต่ขวัญอุมาแย้งว่าไม่ใช่เพราะเรื่องนี้ถูกบันทึกไว้โดยผู้ชาย เขาเข้าข้างผู้ชายตลอด เพราะถ้าปภาคินเชื่อว่าฉัตรชนกยังรักครูธนาอยู่แล้วแต่งงานกับเธอทำไม

ขวัญอุมายืนยันว่าฉัตรชนกรักเดียวใจเดียว แต่ธีรัชว่าเธอร้ายลึกแย่งผู้ชายเพื่อนแล้วยังคงใช้ให้ชู้ปล้นบ้านสามีตัวเอง ขวัญอุมารับไม่ได้ ตวาดธีรัชให้หยุดปากพล่อยและร้องไห้อย่างอัดอั้น ธีรัชถามว่าร้องทำไมเธอคือขวัญอุมาไม่ใช่โฉมเฉลา ขวัญอุมาบอกว่าตน

ไม่สนใจว่าใครจะคิดยังไง อยากฟังจากปากเขาว่าคิดยังไง

ธีรัชบอกว่ารอยอดีตมีมนต์ขลังแม้แต่ครั้งแรกที่อ่านก็อดคิดไม่ได้ว่าตนคือปราน ขวัญอุมาถามว่าเขาคิดอย่างนั้นเหมือนกันใช่ไหม ขวัญอุมายังยืนยันว่า

ฉัตรชนกรักปภาคินจริง เป็นรักเดียวใจเดียว

แต่ธีรัชยืนยันว่าเรื่องฉัตรชนกหลายใจมีหลักฐานในบันทึกนี้ ถามว่าแล้วเธอมีหลักฐานอะไรว่าฉัตรชนกรักปภาคินคนเดียวจริง ขวัญอุมามองธีรัชนิ่งอย่างน้อยใจราวกับตัวเองคือฉัตรชนกที่ถูกเข้าใจผิด บอกว่า

“เป็นหน้าที่ของเราที่จะต้องหามันให้พบ...”

ooooooo

เสร็จจากพิธีรดน้ำแล้ว ปพนกับปฐมาเชิญท่านชายเสด็จที่ห้องเสวย ท่านชายถามว่าพ่อเจ้าสาวไม่มาด้วยหรือ ปฐมาบอกว่าพ่อเจ้าสาวเสียไปตั้งแต่ก่อนที่เขาจะย้ายมาอยู่ที่นี่แล้ว

นวลอนงค์ยืนคอยฉัตรชนกอยู่บริเวณนั้นได้ยินถึงกับเหงื่อตก ระแวงกลัวไปสารพัด เมื่อปภาคินพาฉัตรชนกออกมาก็พยายามถ่วงเวลาจะพาไปดูความเรียบร้อยของหน้าตาและผมหน่อย ฉัตรชนกให้ปภาคินเดินไปห้องอาหารก่อน ปภาคินบอกว่าต่อแต่นี้ไป เราไปไหนก็ต้องไปด้วยกัน

นวลอนงค์จึงเดินไปที่สวนแอบซับน้ำตาไม่ให้ใครเห็น ความหลังในอดีตกลับมาหลอกหลอนอีกครั้ง ทั้งดีใจและอัดอั้นจนทำอะไรไม่ถูก

“สบายใจได้แล้วสิ ได้ดองกับตระกูลรมย์ฤดี” เสียงศักดินัยที่คุ้นหูประชดขึ้น

“เพคะ ดีใจมาก” นวลอนงค์ตั้งสติอย่างพร้อมจะตอบโต้

“แกนี่มันมักใหญ่ใฝ่สูงไม่เคยเปลี่ยนเลยนะนังนวล”

“เพคะ หม่อมฉันเป็นบ่าว ยังได้ผู้ชายสูงศักดิ์อย่างท่านชายมาเป็นผัว พอมีลูก มันก็ได้อย่างใจจับคนรวยๆได้ แหม...มันเลือดไพร่...มันก็คงจะเหมือนพ่อมัน”

ศักดินัยถามว่า เด็กนั่นลูกใคร นวลอนงค์แกล้งถามว่าเด็กคนไหน

“ฉัตรชนก ยี่สิบสองปีเต็มทีเดียวที่ฉันไม่ได้พบกับแก จู่ๆก็ได้พบวันนี้ ลูกของแกอายุ 21 กำลังแต่งงานบอกมาตรงๆ ฉัตรชนกเป็นลูกใคร” นวลอนงค์นิ่ง ศักดินัยจับแขนเขย่า “ตอบมาสิ ฉัตรชนกเป็นลูกใคร”

เป็นเวลาที่ฐิติพากับกนกแขไปเดินเล่นบริเวณนั้น ได้ยินเสียงเหมือนทะเลาะกันจึงหยุดแอบดูแอบฟัง

“ฉัตรชนกเป็นลูกฉันใช่ไหม แกบอกความจริงมาเดี๋ยวนี้”

“ไม่ใช่เพคะ ลูกผัวใหม่ของหม่อมฉัน” ศักดินัยเย้ยว่าที่แท้ก็ลูกชู้ “ลูกชู้เหมือนกับคุณฐิติพายังไงล่ะ ตอนที่หม่อมยุพาท้อง ท่านชายยังเป็นผัวหม่อมฉันอยู่เลย”

“นังนวล!”

นวลอนงค์ยืนคอแข็งถามว่าหม่อมฉันพูดผิด

ตรงไหน ถูกเย้ยว่าอย่าเอาตัวเองไปเทียบกับแม่ยุพา เขาเป็นใครแกเป็นใครสำนึกบ้าง นวลอนงค์สวนทันควันว่า

“ดีหรือเลว มันอยู่ที่การกระทำของคน ไม่ได้ขึ้นกับชาติกำเนิด ถ้าไม่มีอะไรแล้ว หม่อมฉันทูลลา”

นวลอนงค์หมุนตัวไป ถูกศักดินัยรั้งไว้ จ้องหน้าถาม

“ฉัตรชนก หน้าตาท่าทางอย่างนั้น...ฉันยังได้ยินกับหู มีคนทักว่าเหมือนฐิติพา แกแน่ใจจริงๆนะว่าเขา...”

“ฉัตรชนกไม่ใช่ลูกของท่าน พอพระทัยรึยังเพคะ ฉัตรชนกไม่ใช่ลูกของท่าน แกเป็นลูกชู้!”

นวลอนงค์สะบัดมือออก เดินคอแข็งไป ศักดินัยมองตามอย่างไม่เชื่อ ส่วนฐิติพากับกนกแขรีบถอยไป

ooooooo

ออกมาคุยกันอีกมุมหนึ่งของสวน กนกแขถามว่าคุณหญิงได้ยินแล้วใช่ไหม ฐิติพาบอกว่าได้ยินแล้ว

แต่ไม่อยากเชื่อ กนกแขทำกระซิบกระซาบว่าคุณหญิงอย่าพูดไป สิ่งที่เราได้ยินอาจเป็นจริงหรือไม่จริงก็ได้แต่ขอภาวนาให้ไม่จริง

ฐิติพาบอกว่าตนก็ไม่เชื่อว่ามันจะเป็นจริง กนกแข

ย้ำว่าถ้าอย่างนั้น เราต้องช่วยกันไม่ให้เรื่องนี้แพร่งพรายออกไป

“สัญญานะ ว่าเรื่องนี้มันจะต้องเงียบหายตายไปพร้อมกับเรา” ฐิติพามองหน้ากนกแขคาดคั้น สองสาวพยักหน้ายิ้มให้กันเป็นสัญญา

เวลาเดียวกันนั้น ศักดินัย ปฐมา ปพน และนวลอนงค์กำลังส่งตัวเจ้าบ่าวเจ้าสาวเข้าหอ

“ความรักที่ผูกพันเราไว้ด้วยกัน จะไม่มีวันจางไป ไม่ว่าจะเกิดอะไรขึ้น ขอให้คิดถึงความรักและหนักแน่นในความรักของเรานะ พ่อใหญ่ ฉัตร” ศักดินัยเอ่ย

“กราบขอบพระทัยฝ่าบาทที่กรุณาหม่อมฉันเสมอ” ปภาคินก้มกราบแทบเท้า

“เห็นพ่อใหญ่มาแต่เล็กแต่น้อยก็ต้องดูแลให้ถึงที่สุด เจ้าสาวสวยคู่ควรมาก มีอะไรให้ฉันช่วยได้ก็บอกนะฉัตร”

ฉัตรชนกน้ำตารื้นตื้นตันใจประทับใจ เหมือนมีบางอย่างสื่อสารมาถึงกัน ฉัตรชนกยกมือไหว้อีกครั้ง ศักดินัยลูบผมอย่างเมตตาแล้วลุกขึ้น ปพนจึงผายมือให้นวลอนงค์เข้าไปนั่ง

“คุณปภาคินคะอิฉันขอฝากฉัตร ลูกสาวของฉันเป็นดวงใจของแม่ เป็นสมบัติที่มีค่าที่สุด ขอฝากคุณไว้ ฉันเลี้ยงเขามาอย่างทะนุถนอมมากที่สุด ขอให้คุณปภาคินทะนุถนอมฉัตร เหมือนที่ฉันได้ทะนุถนอมมาตลอด”

“ขอรับ”

“ลูกต้องรัก เคารพคุณใหญ่มากๆ ฉัตร คุณใหญ่เธอเป็นเหมือนพี่ เหมือนพ่อของลูก นับแต่นี้ต่อไป ลูกต้องฝากชีวิตไว้กับเขาทั้งชีวิต”

“จ้ะแม่”

เมื่อผู้ใหญ่พากันออกจากห้องหอและปิดประตูให้แล้ว ปภาคินจูบฉัตรชนกเอ่ยด้วยความรัก

“ในที่สุดความรักของเราก็ชนะทุกสิ่ง”

ทั้งสองกอดกันด้วยความรัก

เมื่อศักดินัยเดินมาถึงหน้าห้องพัก เจอฐิติพาถามว่าทำไมหญิงยังไม่เข้านอน ฐิติพาไม่ตอบแต่ย้อนถามว่า “ทำไมท่านพ่อต้องส่งตัวบ่าวสาวด้วยเพคะ”

“พ่อมาเป็นประธานงานนี้ ก็ต้องทำให้ครบสิ

ตาใหญ่นั่นพ่อก็เคยดูแลเขามาระยะหนึ่งตอนไปอังกฤษใหม่ๆ” ฐิติพาบอกว่าตนห่วงท่านพ่อ “ห่วงอะไรกัน บ้านของนายทหารใหญ่ไม่มีอะไรหรอก หญิงอย่าทำให้พ่อต้องห่วงเพราะออกมาเดินอยู่คนเดียวค่ำๆมืดๆเลย นอนเสียเถิดลูก”

ฐิติพาบ่นเสียดายที่วันนี้ตนไม่ได้เป็นเจ้าสาว ศักดินัยขยี้หัวลูกสาวหัวเราะ

“ลูกของพ่อคงจะมีเนื้อคู่ที่งามสง่าไม่แพ้ปภาคินแน่นอน ได้รักคนที่รักเรา มันเป็นความรู้สึกดีงามมากนะหญิง นอนเถอะลูก”

ศักดินัยโอบพาฐิติพาไปที่ประตูห้อง จูบผม ส่งเข้าห้องนอน แล้วเดินกลับมาที่ห้องตัวเอง สีหน้าเหมือนครุ่นคิดอะไรอยู่ตลอดเวลา

ooooooo

ปภาคินกับฉัตรชนก ต่างถอดมาลัยที่คล้องคอออกเอาไปวางไว้ที่พานหน้าห้องแต่งตัว

ฉัตรชนกบอกว่ามาลัยคู่นี้ตนจะเก็บไว้ให้ลูกหลานเราดู ปภาคินติงว่ามาลัยจะอยู่ได้สักกี่ปี ดอกไม้เดี๋ยวก็โรยรา

“มาลัยโรยรา แต่ความรักของเราจะงอกงามสดชื่นขึ้นในทุกวันที่ผ่านไปใช่ไหมคะคุณใหญ่”

ปภาคินบอกว่าความรักของตนที่มีต่อเธอมีแต่จะเพิ่มทุกวันทุกคืน กอดฉัตรไว้แนบอกด้วยความรัก

พาเดินมาที่โต๊ะเขียนหนังสือ

“ตั้งแต่ที่เห็นฉัตรวันแรก พี่เขียนบันทึกนี้ไว้ มันเป็นเรื่องราวชีวิตของเราที่พี่ตั้งใจจะเก็บไว้ให้ลูกหลานอ่าน” ฉัตรชนกชมว่าสมุดสวยจัง “พี่ซื้อมาจากอังกฤษ ในนี้มีแต่เรื่องของฉัตร เพราะทุกลมหายใจของพี่มีแต่ฉัตรชนกเพียงคนเดียว”

“โลกของฉัตรมีแต่ความรักคุณใหญ่...ความรักคุณใหญ่อยู่ในทุกๆที่ไม่ว่าจะเป็นอาหารการกิน น้ำที่ดื่ม แม้กระทั่งอากาศที่หายใจ คุณใหญ่คือชีวิตของฉัตร หากฉัตรต้องจากคุณใหญ่ไป ฉัตรคงจะตายไปเสียก่อน”

“ไม่เอา ฉัตรอย่าพูดเรื่องไม่ดีอย่างนั้น วันนี้

พี่คงยังไม่ต้องบันทึกอะไร เก็บความทรงจำดีๆไว้เขียนวันหลังดีกว่า”

ปภาคินจูบฉัตรชนกอีกครั้งอย่างแสนรัก

ooooooo

วันนี้กนกแขรื้อหีบไม้เก่าๆที่เป็นฝีมือของ

ธนาทำให้ ในนั้นมีจดหมายหลายสิบฉบับที่จ่าหน้าซองชื่อกนกแข และมีรูปของธนาใบเล็กๆอยู่ด้วย

ขณะรื้อหีบอยู่หน้าเตียง บ่าวมาเคาะประตูบอกว่าคุณหญิงให้มาตามบอกว่ามีเพื่อนมาหา กนกแขรีบเก็บหีบ ไปส่องกระจกดูหน้าตาตัวเองและซับน้ำตาตบแป้งปกปิด บอกบ่าวว่าเดี๋ยวจะตามไป

เพื่อนที่ว่าคือฐิติพานั่นเอง กนกแขอุทานตื่นเต้นว่าวันนี้คุณหญิงมาถึงที่นี่ ท่านชายเด็จมาด้วยไหม

“วันนี้คุณพ่อไปเยี่ยมเยียนพวกที่ห้างค่ะ หญิงเลยขอมาหาแขที่นี่ อยากรู้จักกันไว้ให้มากๆ”

กนกแขถามว่าคุณหญิงจะกลับพระนครเมื่อไหร่ ฐิติพาบอกว่าพรุ่งนี้ กนกแขบ่นเสียดายไม่ได้พาคุณหญิงไปเที่ยวทะเล

ฐิติพาทำเป็นมาเพื่อขอที่อยู่ของกนกแข แต่ที่แท้ต้องการมาคุยเรื่องฉัตรชนก ทำเป็นให้กนกแขพาไป

ชมสวน แล้วเล่าให้ฟังอย่างวิตกว่า

“ตั้งแต่เช้าวันนั้น ท่านพ่อซักประวัติแม่คนนั้นเป็นการใหญ่ ถามย้ำเรื่องพ่อของมัน...ท่านพ่อคงหวั่นไหวเพราะในงานคืนนั้น ทั้งไทยทั้งฝรั่งทักว่าฉันหน้าเหมือนมัน อุปาทานไปกันเยอะ เพราะเห็นท่านพ่อไปเป็นประธานในงานก็นึกว่าจะต้องเกี่ยวข้องกัน ทั้งที่ไม่ได้เกี่ยวข้องอะไรกันสักนิด”

ฐิติพายอมรับว่าตนกลัวจะมีอะไรเกี่ยวข้องกันเพราะท่านพ่อเป็นคนที่อยากรู้อะไรท่านจะไม่ยอมปล่อย บอกกนกแขว่า แขน่าจะเข้าใจว่าตนเป็นลูกคนเดียวของท่านพ่อมา 20 ปีแล้ว ที่วังโสภณไม่มีทายาทอื่นนอกจากตน แขน่าจะเข้าใจเพราะก็เป็นลูกคนเดียวเหมือนกัน

“แขเข้าใจค่ะ เข้าใจดี และที่สำคัญถ้าไอ้คนที่ชอบเข้ามายื้อแย่ง สอดแทรกไปในทุกเรื่องของเราคือนังฉัตร...แขไม่ยอมค่ะ แขยอมไม่ได้”

“เราคงจะต้องร่วมมือกัน” ฐิติพามองหน้ากนกแข

อย่างขอคำมั่น

“ค่ะ...เราจะร่วมมือกัน”

ooooooo

ปภาคินพาฉัตรชนกเดินชมสวนที่บ้าน บอกว่าถ้าฉัตรชอบต้นไม้ก็ช่วยจัดสวนให้ด้วยเพราะตนทำงาน ไม่มีเวลาสั่งเขาจัด เวลาที่เหนื่อยก็อยากมาเดินเล่นกับคนที่ตนรัก

ฉัตรชนกยินดีที่จะทำให้แม้จะมีสวนราตรีอยู่แล้ว ปภาคินบอกว่าบ้านเราเป็นบ้านแห่งความรักที่ลูกหลานของเราจะเติบโตงดงาม พรรณนาว่า

“พี่มองเห็นรมย์ฤดีตัวเล็กๆสี่ห้าคนวิ่งเล่นอยู่บนสนามนี้ ฉัตรคงต้องเหนื่อยหน่อยตามดูแลลูกเอง”

“ฉัตรจะรักลูกของเราให้เหมือนที่แม่รักฉัตร

ฉัตรจะดูแลพวกเขาไม่ให้ห่างสายตา พี่ใหญ่คะ พวกเขากำเนิดด้วยความรักของเรา จะเติบโตอย่างงดงามทั้งกายและใจ”

รุ่งขึ้นศักดินัยกับฐิติพาจะเดินทางกลับแล้ว ทุกคน ในรมย์ฤดีมาส่งที่หน้าบ้าน ศักดินัยบอกว่าแล้วจะมาเยี่ยมอีก ปภาคินยินดีต้อนรับหากเสด็จมาศรีราชา เชิญประทับที่นี่ได้ทุกเวลา

“ดีใจมาก ปภาคินที่เจ้าสาวของเธอชื่อฉัตรชนก ฉันยินดีเป็นที่สุด” ฉัตรชนกพนมมือไหว้ ศักดินัยจับมือที่พนมไว้ เอ่ย “ขอให้เธอโชคดี”

ฐิติพามองอย่างไม่พอใจ เร่งให้รีบไปเพราะยังต้องเดินทางอีกไกล พอศักดินัยขึ้นรถ ฐิติพาก็ขับพรวดออกไปทันที

พอมาถึงบริเวณที่เฉี่ยวจักรยานของนวลอนงค์ล้ม ศักดินัยก็ชะเง้อเหมือนจะมองหานวลอนงค์จนฐิติพาถามว่าท่านพ่อทอดเนตรอะไรหรือ

“เอ้อ...ไม่มีอะไรหรอก แค่อยากรู้ว่าบ้านของฉัตรชนกเขาอยู่แถวไหน น่าจะอยู่แถวนี้ เพราะวันนั้นเราก็พบแม่ของเขาที่นี่” ฐิติพาเหน็บหวานๆว่า เลยไม่ได้แวะเยี่ยมก่อนเรากลับ “ช่างมัน คงได้กลับมาอีก”

ฐิติพาฟังแล้วสังหรณ์ใจอะไรบางอย่าง

เมื่อกลับถึงวังโสภณ ยุพากระวีกระวาดให้คนรับใช้ ไปยกกระเป๋าและสั่งตั้งโต๊ะเย็น พอเจอฐิติพาก็ถามว่าไปศรีราชาเป็นอย่างไรบ้าง

“มีแต่ป่ากับทะเลค่ะแม่ น่าเบื่อ”

ยุพาถามว่ากินอะไรมาหรือยังแม่ให้ตั้งสำรับไว้แล้วจะลงไปห้องอาหารเลยไหม ฐิติพาบอกว่าเดี๋ยว ถามว่า “แม่คะ นังนวลอนงค์นี่เป็นใครคะ”

“หา! หญิง...หญิงไปเอาชื่ออุบาทว์นี้มาจากไหน” ฐิติพาบอกว่า “เป็นชื่อแม่เจ้าสาวนังฉัตรชนก หญิงได้ยินท่านพ่อรับสั่งกับมัน”

“อะไรนะ! ว่ายังไงนะ หญิงเล่าให้แม่ฟังให้หมดซิลูก” ยุพาตาโพลง แทบเต้น

ooooooo

กลับถึงวังโสภณ ท่านชายศักดินัยเรียกอิ่มอดีตต้นห้องของนวลไปซักถามที่ห้องนั่งเล่นถึงวันที่นวลอนงค์ หนีไปและนายบุญก็หายไปด้วยว่าทั้งสองมีอะไรกันไหม คาดคั้นว่า “นังนวลหนีไปกับไอ้บุญใช่ไหม”

อิ่มบอกว่าตนไม่เคยเห็นสองคนมีอะไรผิดปกติ วันที่หม่อมนวลหายไปตนให้นายบุญมาช่วยตามหาก็หายไปอีกคน ท่านชายถามจี้ว่า

“20 ปีมาแล้วนะอิ่ม แกบอกฉันมาตามตรง ก่อนไปจากที่นี่ นังนวลมันท้องหรือเปล่า”

อิ่มฟังแล้วถึงกับเข่าอ่อนไปทันที

ฝ่ายยุพาบอกฐิติพาว่า 20 ปีมาแล้วไม่เคยคิดว่ามันจะหวนกลับมากวนใจเราอีก ฐิติพาถามว่าถ้าวันหนึ่งเรื่องเป็นอย่างที่ท่านพ่อสงสัยเราจะทำยังไงดี ยุพาแข็งกร้าวว่าแม่จะไม่มีวันยอมแพ้มัน ลูกเองก็จะแพ้มันไม่ได้ เราเป็นใคร มันเป็นใคร ฐิติพาถามอย่างกังวลว่ามันเป็นไปได้อย่างที่ท่านพ่อสงสัยใช่ไหม

“ไม่...เราจะยอมให้เป็นอย่างนั้นไม่ได้...แม่ไม่ยอม ให้มันเป็นไปได้ หญิง...เราต้องช่วยกันนะ วังโสภณและที่ดินมรดกของท่านพ่อจะต้องเป็นของหญิงคนเดียว แบ่งให้ใครไม่ได้”

“ค่ะ หญิงไม่ยอม หญิงจะไม่แบ่งให้ใคร...ต้องข้ามศพกัน!” ฐิติพาจิกตาสู้ตาย

เช้านี้ท่านชายแต่งตัวอย่างจะออกไปทำงาน ยุพาเลียบเคียงถามว่างานแต่งของลูกชายเพื่อนเก่าเป็นอย่างไรบ้าง ท่านชายชมว่าหมอปภาคินงดงามกว่าพ่อเยอะ บ้านช่องก็อยู่สบาย เหมาะเป็นที่ตากอากาศอย่างดีทีเดียว ยุพาได้ทีถามว่าตนจะมีโอกาสได้ไปเที่ยวด้วยไหม

“ได้ไปสิ หญิงเล็กคงจะพาไปได้ ฉันจะจดหมายไปบอกท่านนายพลไว้ก่อน”

ยุพาสมใจ สบตากับฐิติพาที่เพิ่งลงมาอย่างรู้กัน

เมื่อขึ้นไปคุยกันที่ห้องนั่งเล่นชั้นบนโดยมีช่วงคนสนิทของยุพาอยู่ด้วย ยุพาได้ฟังเรื่องท่านชายเรียกอิ่มไปซักถามเป็นนานสองนานไม่รู้จะซักถามอะไรบ้าง ช่วงบอกว่าไม่คิดเลยว่าอิ่มจะอยู่เป็นหอกข้างแคร่มาถึงวันนี้ ถามว่าจะให้ตนกำจัดมันเลยดีไหม

“อย่าเพิ่ง ยังไม่รู้เลยว่าอะไรเป็นอะไร แกคอยสืบคอยถามก็แล้วกัน...” ช่วงยุว่านังนี่มันปากแข็ง

ไม่อย่างนั้นก็คงแพร่งพรายเรื่องนังนวลไปบ้างแล้ว “มันปากแข็งเองไม่ได้หรอก แต่มันกลัวเรา เราต่างหากที่ปิดปากมันไว้ได้สนิท จับตามันไว้ให้ดี อย่าให้คลาดสายตานะช่วง”

“เจ้าค่ะ หม่อมเจ้าคะ จะให้อิฉันไปตามพ่อหมอได้รึยังเจ้าคะ”

ฐิติพาถามว่าหมออะไร ยุพาไม่ตอบแต่สั่งช่วงให้ลองไปดู เอาของกินของใช้ไปให้สักหน่อย ไม่ได้บำรุงกันมานานแล้ว เผื่อจะต้องใช้งานกันอีก ฐิติพาอยากรู้ถามว่า “ใครหรือคะแม่” ยุพาไม่ตอบแต่ย้ำกับฐิติพาว่า

 “หญิงจ๊ะ เราต้องชนะ! ไม่ได้ด้วยเล่ห์ก็ต้องด้วยกล ถึงเวลาที่หญิงจะรู้ได้แม่จะบอกลูกเอง” แล้วสั่งช่วง “อย่าลืมจับตานังอิ่มไว้ จะซื้อใครในบ้านนี้อีกแกบอกฉัน”

ooooooo

อ่านละคร บ่วงนฤมิต ตอนที่ 7 วันที่ 9 ม.ค.62

ละครเรื่อง บ่วงนฤมิต บทประพันธ์โดย ลินิน
ละครเรื่อง บ่วงนฤมิต บทโทรทัศน์โดย นลินี สีตะสุวรรณ
ละครเรื่อง บ่วงนฤมิต กำกับการแสดงโดย สำรวย รักชาติ
ละครเรื่อง บ่วงนฤมิต ผลิตโดย บริษัท ฮูแอนด์ฮู จำกัด
ละครเรื่อง บ่วงนฤมิต ควบคุมการผลิตโดย วรายุฑ มิลินทจินดา
ละครเรื่อง บ่วงนฤมิต ออกอากาศทุกวันพุธ-พฤหัสบดี เวลา 20.15 น
ละครเรื่อง บ่วงนฤมิต ออกอากาศทางไทยทีวีสีช่อง 3
ที่มา ไทยรัฐ